วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    ขออนุโมทนาด้วยจ้ะ สู้ๆนะน้องชัช(||)
     
  2. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    อนุโมทนากับน้องชัชด้วยครับ ยอดเยี่ยมครับ (ไม่ใช่อยากให้ฟูนะครับ เพียงชมด้วยใจครับ)
     
  3. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    คุณkumpeangคะ..ตามที่ขอมานะคะ
    ท่านอื่นๆจะใ้ช้รูปนี้เพื่อฝึกก็ตามสบายนะคะ
    ขอให้เจริญในธรรมค่ะ

    [​IMG]
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ก็ขอโมทนาบุญของน้องชัชด้วย ในธรรมทานที่ได้แบ่งปันจิตใจที่ดีงามสู่ดวงจิตดวงอื่นๆครับ

    ถ้ากลัว"ฟู" รู้ตัวว่าจะ"ฟู" นี่ไม่น่าห่วงครับ

    ที่น่าห่วงคือ ไม่รู้ตัวว่า"ฟู" มากกว่า

    ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือ เราต้องตั้งกำลังใจสำคัญก็คือ

    "การให้ธรรมทานโดยมุ่งประสงค์ที่ผลปรากฏ ความก้าวหน้าแก่ดวงจิตของผู้ที่เราตั้งใจถ่ายทอด ให้เขาเจริญในธรรมเป็นสำคัญ"
     
  5. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    เยี่ยมมากเลยน้อง อ่านแล้วดีใจด้วยเลย อนุโมทนาด้วย สาธุ ;)
     
  6. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    โมทนาด้วยครับ
    คาดว่าตัวฟู คงเป็นเรื่องของปิติ
    ขอเสริมข้อมูลว่า ปิติก็ยังตกอยู่ในไตรลักษณ์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    เหมือนคุณคณานันท์ว่าไว้ ถ้ารู้ทันก็ไม่ต้องไปห่วงเพิ่มจากรู้
    ไหนๆเมื่อมันมาแล้วก็ใช้มันสร้างธรรมกับเราซะ ให้ดูไปตรงๆ .... สอนวันแรกฟูแบบนี้ สอนอาทิตย์หน้าฟูน้อยลง สวนวันที่ครูหรือคนไม่สนใจฟังไม่มันแฟ๊บๆไม่ฟู ถ้ารู้ทันไม่ต้องกลัว แต่ถ้ารู้ไม่ทันสิ่งที่จะเกิดคือมันพาเที่ยว ในเวลาที่เราอยากให้ฟูเหมือนเดิมในวันที่ไม่ฟูเท่าเดิม มันจะดิ้นรนคาดหวังโหยหาความฟูเหมือนเดิม (เหมือนเดิมนี่เป็นตัวหลอกพาไปเที่ยว เพราะสัจจธรรมย่อมไม่มีอะไรเหมือนเดิมตลอดได้ ผิดหลักอนิจจัง) ดูมันบ่อยๆเห็นมันไม่เที่ยงมีความไม่แน่นอนบ่อยๆ ให้มันสอนเราตามจริง ธรรมก็เกิดเอง

    ปล. ถ้าคำว่าฟูไม่ใช่คำว่าปิติก็ขออภัยไว้ด้วย ที่ให้ข้อมูลไม่ตรงเจตนา
     
  7. mooing2546

    mooing2546 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +571
    ขออนุโมทนาบุญกับน้องชัชด้วยนะคะถือเป็นการเผยแพร่ธรรมะในระดับหนึ่งเยี่ยมมากค่ะ
     
  8. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    วันนี้ วันศุกร์ครับ
    ก็ได้โอกาสสอนสมาธิต่อให้กับกลุ่มเดิม เพื่อนของผม4คน อาจารย์2ท่าน
    -หัวข้อที่ตั้งใจจะสอนก็คืออรูป มโน และอารมณ์พระนิพพานครับ
    -ก็คือจะให้จับภาพพระพุทธรูปให้เป็นแก้วใสก่อน
    -จากนั้นก็ขอให้พระองค์เมตตาสงเคราะห์ให้สามารถฝึกได้
    -เสร็จแล้วก็ให้จินตนาการว่าทุกอย่างหายไป เหลือแต่ความว่างเปล่าสีขาว
    -จากนั้นให้คิดว่าทุกๆอย่างไม่เที่ยงปรวนแปร แล้วจินตนาการว่าทุกๆอย่างค่อยๆแตกสลายไปเป็นผุยผง เหลือแต่ความว่างสีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    -เสร็จแล้วให้คิดว่ารูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอารมณ์เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์
    ขอให้รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอารมณ์หายไป เหลือแต่ความว่างสีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    -ขั้นตอนสุดท้าย ให้คิดว่าความทรงจำทั้งมวลทั้งหมดนั้น ทำให้เกิดความทุหข์ ขอให้ความทรงจำทั้งมวลทั้งหมดจงหายไป ทุกๆอย่างก็หายไป เหลือแต่ความว่างสีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    แล้วก็อธิษฐานกำกับขอให้สามารถทำได้ทุกๆสถานที่ ทุกๆเวลา ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    -มาถึงขึ้นตอนนี้เพื่อนของผม4คนตกภวังไปแล้ว2คน
    คนนึงพอฝึกเสร็จบอกว่า ครึ่งหลับครึ่งตื่นฟังอะไรไม่รู้เรื่อง
    อีกคนน้ำลายหกพอถึงขั้นนี้
    -ก็เลยให้ทุกๆคนจับภาพพระอีกครั้ง คนที่ยังมีสติอยู่ก็จับได้ บางคนเคลิ้มไปแล้วผมก็ปล่อยไป
    -เสร็จแล้วก็ขอให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสงเคราะห์ ขอขึ้นไปยังวิมานของตัวเองที่บนพระนิพพานได้ด้วยเทอญ
    -มาถึงตอนนี้เพื่อนของผม2คน
    คนแรกบอกว่าหลับไปช่วงนี้แล้วตื่นอีกทีก็สอนจะจบแล้ว
    อีกคนบอกว่ามีพลังมาดึงเขา3ครั้งแล้วก็เคลิ้มไป
    -อาจารย์ท่านนึงมีคนโทรเข้ามือถือจึง ฝึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่วันนี้
    อาจารย์อีกท่าน ตอบได้ชัดเจน ฉับไว
    -ผมบอกว่าให้จับความรุ้สึกแรกแล้วตอบทันทีห้ามคิด
    1+1 เท่ากับอะไร 2!ทุกคนตอบได้
    3+3 เท่ากับอะไร 6! ทุกคนตอบได้
    เอ้าถึงพระนิพพานหรือยัง อันนี้บ้างก็ถึงบ้างก็ไม่ถึง
    คนไม่ถึงก็เคลิ้มตัดเข้าภวังค์เรียบร้อย เลยไม่อยากไปรบกวน
    -อาจารย์ท่านนึง รับโทรศัพท์ตลอด จึงไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
    ส่วนอาจารย์อีกท่านนึง ตอบฉะฉานตลอด
    วิมานสว่างไหม เนื้ออะไร ทรงยังไง
    ก็ถามตอบไปเรื่อยๆ
    -คราวนี้ก็ให้อัญเชิญคนที่รู้จักแล้วอยู่บนพระนิพพานให้มา ทั้งบิดามารดา ญาติ เพื่อนสนิท ครูบาอาจารย์ มีกายทิพย์แล้วเป็นสัมมาทิฏฐิทั้งหมด
    -แล้วก็ให้อธิษฐานปักจิต ขอสัมผัสอารมณ์พระนิพพาน และขอให้เข้าถึงพระนิพพานได้ทุกๆสถานที่ทุกๆเวลา ตราบเข้าถึงซึ่งพระนิพพานอย่างแท้จริง
    -ให้อธิษฐานถอนมิจฉาทิฏฐิทั้งหมด ให้อธิษฐานรวมบุญบารมี
    -เสร็จแล้วก็ให้ดูที่โลกนี้ว่ามีคนที่เห็นแก่ตัวทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน เทียบกับคนที่มีเมตตาทำเพื่อส่วนรวมว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงไรในจำนวน
    -แล้วก็ให้ดูว่าคนที่ทำตัวไม่ดีเมื่อตายแล้วจะไปที่ไหน
    หลังจากนั้นก็ให้แผ่เมตตาจากอารมร์พระนิพพาน
    แล้วอธิษฐานว่าขอให้สามารถทำได้ทุกๆสถานที่ ทุกๆเวลา ทุกๆอิริยาบท ตราบเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    -เป็นอันจบการฝึก ให้หายใจข้าลึกๆ ออกช้าๆสามครั้ง
    -คนที่ได้ประโยชน์เต็มที่คืออาจารย์ผู้หญิง เพราะว่าตามได้หมด เผอิญว่าอาจารย์เคยฝึกสมาะมาก่อน แถมลูกสาวก็ฝึกมโนเหมือนกันเลยทำได้ไม่ยาก
    -เพื่อนของผมคนแรก ตกภวังค์ตอนช่วงขึ้นพระนิพพาน คนที่สองขึ้นไปถึงวิมานก็ตกภวังค์ คนที่สามกับสี่ตอนขึ้นอรูป
    -อาจารย์อีกท่านฝึกไม่ค่อยดีเหร่เพราะโดนรบกวนตลอด
    -เหตุผลที่ผมจะสอนมโน กับอารมณ์พระนิพพาน เพราะว่าจะได้สามารถทราบว่ากำลังของแต่ละคนสุดที่ไหน และจะได้ช่วยล้างมิจฉาทิฏฐิ ล้างวิบาก ล้างอะไรต่อมิอะไร
    -จริงๆรายละเอียดมีมากกว่านี้แต่ว่าไม่ค่อยเด่นนักจึงไม่ได้เขียนเอาไว้
    -เดี้ยวอาทิตย์หน้าผมก็จะซ้ำย้ำตรงจุดนี้อีกที "อารมณ์พระนิพพาน" เพราะว่าสำคัญที่สุด
    -พอสอนเสร็จผมก็มาไล่เช็คดุว่าผมสอนมีปัญหาตรงไหนบ้าง
    ก็ได้รู้ว่าผมขอให้บารมีพระคุ้มครองกับสงเคราะห์คนอื่น
    แต่ว่าลืมขอยืมบารมีจากพระมาใช้แทนกำลังตัวเอง พอสอนก็เลยไปเสียท่าตอนท้ายๆ เพราะว่ากำลังหมดแบบว่าพูดแล้วเสียงไม่ออก ผมก็จะได้จำเอาไว้เป็นบทเรียน

    ก็ขอให้ทุกๆคนช่วยกันโมทนากับความก้าวหน้าของทุกๆคนด้วยครับ
    -อยากจะขอฝากเอาไว้ครับ มีผู้คนอีกมากที่ปราถนาในความดี ปราถนาในอารมณ์พระนิพพาน ปราถนาในเมตตาอัปปนาณฌาณ
    แต่ว่ามีวิบากหรืออุปสรรคที่ขัดขวางทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้
    -ดังนั้นหากเรามีความโชคดีสามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์แห่งสัมมาทิฏฐิได้เช่นนี้
    ขอให้พวกเราอย่าได้ประมาท เร่งทรง เร่งรักษา และเร่งฝึกฝนเพื่อให้สามารถเข้าถึงอารมณ์แห่งการปฏิบัติที่ยิ่งละเอียดขึ้นไปได้เรื่อยๆ
    ***ยังมีอีกหลายคนนักที่อยากทำแต่ทำไม่ได้ เมื่อเราสามารถทำได้ ไม่ควรหรือ ที่จะเร่งความเพียรของเราให้ยิ่งๆขึ้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2008
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    โมทนากับการสอนธรรมะของชัชด้วยจ้ะ...

    อย่าลืมให้เพื่อนๆ และคุณครูพิจารณาวิปัสสนาญาณ...ตัดขันธ์ 5 สักกายทิฐิ พิจารณาความตายบ้างนะจ้ะ... จิตของแต่ละคนจะได้แจ่มใสขึ้น สว่างขึ้นจ้ะ...
     
  10. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    ขอขอบพระคุณครับ

    ขอบุญรักษา โมทนาสาธุ .....
     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระสุปฏิปันโนซึ่งได้ทรงอภิญญาท่านหนึ่ง ท่านได้เทศน์ให้ฟังโดยมีใจความสำคัญว่า

    "สายสายกลางนั้นเป็นเช่นใด ผู้ปฏิบัติธรรมนั้นย่อมไม่อาจพบทางสายกลางหรือมัชชิมาปฏิปทา ได้เลย หากไม่ได้"สัมมาทิษฐิ"เสียก่อน"
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    นอกจากนี้หลายๆท่านผู้ร่วมปฏิบัติธรรมก็ได้ค้นพบ ว่า

    "เราสามารถอยู่กับความทุกข์(กาย) ความยากลำบาก ได้โดยไม่ทุกข์(ใจ) ประหนึ่งหยดน้ำที่ไม่อาจซึมผ่านใบบัวได้ฉันนั้น"

    อยู่กับทุกข์ได้โดยไม่ทุกข์ เพราะจิตทรงอารมณ์ใจที่สะอาดบริสุทธิ์เอาไว้เป้นปกติเป้นประการที่หนึ่ง

    จิตรู้เท่าทันในอารมณ์ใจก็ดี เหตุแห่งทุกข์ก็ดีเป็นประการที่สอง

    จิตปล่อยวาง ละจากความยึดถือในอารมณ์ใจที่ปรุงแต่งจนก่อให้เกิดทุกข์เป็นประการที่สาม
     
  13. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขออนุญาตคุณพุทธันดรนำรูปนี้มาใช้เป็นรูปภาพประจำตัวนะคะ...

    กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  14. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ยินดีอย่างมากค่ะ อนุโมทนากับความเพียร
    และบารมีของคุณchdhornทุกประการค่ะ สาธุ
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    โมทนาด้วยครับ เป็นการให้พุทธานุสติกรรมฐาน ควบอารมณ์พระนิพพาน แก่ท่านผู้ได้เห็นภาพประจำตัวเวลาอ่านกระทู้ครับ

    ทำให้ผู้อื่นง่ายในการปฏิบัติ

    และตนเองย่อมทรงภาพพระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมปางนิพพานได้อย่างไม่คลาดจากใจเป็นปกติ
     
  16. yurijung

    yurijung สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +1
    ถามเฉยๆๆนะคะ เพราะสงสัย ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่นะคะ เป็นไปได้มั้ยว่า ผู้ที่มองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า จะไปเห็นภาพในหนังที่กำลังฉายในจอ เพราะในหนังฮอลลิวูดสมัยนี้ก็ทำเหมือนมาก ทำให้เห็นแล้วเข้าใจผิดได้รึป่าวคะ
     
  17. yurijung

    yurijung สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +1
    และถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้จริงๆๆๆ เราก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะค่ะ คนในครอบครัวและเพื่อนร่วมโลกตายกันไปหมดแล้ว เราก็คงจะขอตายไปกับเค้าดีกว่ามั้งคะ เราก็เข้ามาอ่านในเว็บบ่อยๆๆนะคะ แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับข้อความที่พิมไว้เท่าไหร่ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด จริงมั้ยคะ ถึงยังไงมนุษก็ไม่มีชีวิตเป็นอมตะอยู่แล้ว
     
  18. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ถามเฉยๆๆนะคะ เพราะสงสัย ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่นะคะ เป็นไปได้มั้ยว่า ผู้ที่มองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า จะไปเห็นภาพในหนังที่กำลังฉายในจอ เพราะในหนังฮอลลิวูดสมัยนี้ก็ทำเหมือนมาก ทำให้เห็นแล้วเข้าใจผิดได้รึป่าวคะ

    ส่วนใหญ่พระปฏิบัติท่านอยู่ในป่า..บนเขา ไม่ได้เข้าโรงหนังค่ะ
    ถ้าคุณปฏิบัติแล้วจะเริ่มทราบอะไรได้บ้างด้วยตัวเอง แม้เพียงเล็กน้อยก็จะสิ้นสงสัยว่า เรายังรู้ได้แค่นี้ คนที่ปฏิบัตินานกว่าคงจะรู้ได้อย่างไม่สิ้นสุด

    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    เกิดขึ้นทุกวัน ทุกนาที
    ถ้าภัยทางโลกเกิดขึ้น.. เราตายไป...คติ็ก็เป็นเหมือนเก่า
    คำถามคือ คุณรู้หรือยังว่าตายแล้วคุณจะไปภพภูมิไหน มั่นใจไหมคะว่ามีสุคติเป็นที่ไป
    ขณะนี้ได้ทำอะไรที่ทำให้มั่นใจว่าจะไปอย่งสุคติแล้วหรือยัง
    เราอาจตายก่อนภัยธรรมชาติมาถึงก็ได้นะคะ
     
  19. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    กราบขอบพระคุณค่ะพี่
     
  20. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณohayoคะ...

    ไหนๆ ก็ตามอ่านกระทู้อยู่แล้ว... ถึงจะไม่ตื่นเต้นกับภัยพิบัติก็ตาม... ไม่คิดอยากจะลองเริ่มฝึกปฏิบัติธรรม ฝึกจิต ให้ทราบผลของการปฏิบัติด้วยตนเองบ้างหรือคะ...

    อย่าเพียงแค่อ่านๆๆๆๆๆๆ แล้วผ่านเลยไปเลยค่ะ... ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้สามารถรู้ สามารถเห็นได้อย่างที่คนอื่นๆ เขาทำได้... ดีไหมคะ...

    เพราะถ้าคุณถามคนที่เคยไปเห็น ไปเยี่ยมชมมหานครใต้สมุทรที่ต่างประเทศมา (ซึ่งมีอยู่จริง) แล้วเขาเล่าความเป็นอยู่ของคนในเมืองนั้นให้คุณฟัง... แต่คุณก็ยังสงสัย ถามไปว่า เอ๊! พี่ไปเห็นภาพจากโรงหนังมาหรือเปล่าคะ...
    ต่อให้เขาอธิบายให้คุณฟัง หรือนำภาพถ่ายจากสถานที่จริงนั้นมาให้คุณดู... ความคลางแคลงสงสัยก็ยังคงไม่หมดไปจากใจคุณได้หรอกค่ะ... เอ! เขาไปถ่ายรูปมาจากโรงถ่ายหรือเปล่านะ ฯลฯ...

    ทางที่ดีที่สุด... คุณเริ่มออกเดินทางเพื่อไปดูมหานครแห่งนั้นให้เห็นกับตาตัวเองจะดีกว่าไหมคะ...

    การปฏิบัติธรรมก็เช่นกันค่ะ... แต่สิ่งที่ดีกว่า คือ ในทางธรรม คุณไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ต้องซื้อเสื้อ ผ้าสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับสถานที่ สถานการณ์ใหม่ๆ ให้ยุ่งยาก วุ่นวายใจ...

    สิ่งที่คุณต้องทำ ก็เพียงแค่... ขอเวลาให้กับดวงจิตของคุณเองได้พักผ่อนสักครั้งละ 5 นาทีบ้าง 10 นาทีบ้าง วันละหลายๆ ครั้ง... แล้วก็นำความรู้ ที่ได้จากการตามอ่านในกระทู้นี้ (ซึ่งคุณก็ทำอยู่แล้ว) หรือของครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ ที่เป็นสัมมาทิฐิ... มาปฏิบัติตาม...

    ลองทำดูดีไหมคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...