เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

เนื่องจากกระทู้ เตรียมตัวให้พร้อมมันกำลังมา ได้ถูกปิดไปค่ะ ตนเองได้มาเปิดดูเป็นเหตุให้มีการโต้ตอบกันไม่ได้ และ อยู่ดีๆ ก็มีการขึ้นป๊อบอัพหน้าจอขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ว่า"เขียนโพสต์และตั้งกระทู้ใหม่" จึงตัดสินใจตั้งกระทู้มาสำหรับสิ่งที่ยังค้างคาใจสำหรับกระทู้เดิมที่ยังไม่ได้ตอบคำถามค่ะ

อากาศของโลกในวันนี้ ถ้าใครออกมาสัมผัสจะรู้ถึงความร้อนที่ผิดปกติและแสบผิวมากค่ะ บนชั้นบรรยากาศโลก เต็มไปด้วยพอลลูชั่น ขยะมลพิษอากาศ และเต็มไปด้วยขยะพลังงาน หากโลกต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ตลอดไป โลกเราจะมีสภาพเป็นเช่นไร?

เป็นภาคต่อจากเตรียมตัวให้พร้อม....มันกำลังมา!

แจ้งข่าวสารวันชำระโลกก่อนวันสิ้นยุค



สาส์นศักดิ์สิทธิ์จากองค์จิตจักรวาล
ถึงนักสู้เพื่อการรู้แจ้งและผู้ปณิธานนิพพานทุกคน

ทุกคำถามที่ค้างคาใจ ว่าเป็นลัทธิหรือไม่? เรามาร่วมกันพิสูจน์ค่ะ

 

กระทู้ที่เเล้วผมอ่านทุกวันนะ เเต่หลังๆลิเกเกิน อย่างกับมีญานเท่าพระศรีมาเกิดเลยมั้ง

คนเเรกมา เพ้อเกิน
อีกคนมา. ลิเกเกิน
อีกคนมาไปกันใหญ่ อย่างไม่ไปรับยาตามหมอนัดเลย
อีกคน. เเม่งเพี้ยนไปใหญ่ละ สติไปหมดละ

เวปนี้เอาวิทยาศาสตร์ สภาพเเวดล้อมมาคุยกันดีกว่า

 

ปีนี้ยอมเลยร้อนเกิน

 

จะพิสูจน์อะไรท่านจิตยิ้ม ลัทธิอะเป็นยุแล้ว แล้วถ้าบอกว่าภัยเกิดก็ปกติ ทั้งพุทธ และคริสต์ก็มีการทำนายไว้อยู่แล้ว นี่มาทีหลังไงครับพอแล้วละครับถ้ายังไม่เข้าใจอีกน้ะผมไม่ว่าเลยเรื่องภัยพิบัตินะแต่เรื่อง จจว นะพอเถอะครับ

 

โลกยังไม่ถึงกาลแตกดับ

เหตุการณ์ใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า มันอาจเปลี่ยนแปลงจากหนักเป็นเบาได้เสมอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกระทำทางจิตสำนึกของตัวมนุษย์ทุกคนนั่นเอง

โอกาสที่โลกจะแตกดับจริง ๆ มีเพียงช่องทางเดียว คือ ดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะนี้เกิดการเย็นตัวลง เพราะสิ้นพลังอำนาจในตนเองเท่านั้น

จงอย่าเชื่อคำพยากรณ์ใด ๆ ในเรื่องโลกแตกกันอีกเลย เพราะหากโลกแตกดับเข้าจริง ๆ มันจะก่อให้เกิดการเสียสมดุลของระบบสุริยะนี้ ซึ่งจะมีผลต่อระบบในจักรวาลอื่น ๆ ด้วย สำหรับมนุษย์โลกแล้วดาวเคราะห์โลกยังมีความเหมาะสมได้อีกยาวนานเกินกว่าจะไปกล่าวถึงกันในขณะนี้ ซึ่งการดำเนินการเทคนิคอยู่ในขณะนี้ มันจะเป็นแค่เพียงก่อให้เกิดสภาวะวิกฤติทางธรรมชาติที่รุนแรงบนพื้นที่ ๆ ได้ถูกกำหนดเป้าหมายเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเท่านั้น เมื่อการกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นลง ทุกสรรพสิ่งในระบบโลกที่เหลืออยู่จะได้รับโอกาสให้เคลื่อนไหลได้ต่อไป มันเป็นเพียงเปลี่ยนแปลงดาวเคราะห์โลกกับมวลมนุษย์ จากยุคพลังงานเก่า ไปสู่ยุคพลังงานใหม่เท่านั้นเอง

จงระวังสติแตก

แม้โลกจะสร้างความสมดุลใหม่ด้วยกระบวนการทางเทคนิคที่รุนแรงและเข้มข้นจากพลังงานของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ อันจะทำให้กายภาพของโลกเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงที่สุดยิ่งกว่าครั้งใดในอดีต แต่มันก็กระทำด้วยความรัก ข่าวทุกชิ้นที่ถ่ายทอดมายังโลกมนุษย์จากนอกระบบเอกภพ ผ่านเข้ามาในระบบเอกภพผ่านจิตจักรวาลจำนวนมากมาย จนมาถึงมนุษย์ที่กำลังอ่านข่าวสารอยู่นี้ จึงเป็นตัวแทนของความรัก จากจักรวาลโดยแท้จริง

การกระทำความดีงาม ด้วยกระบวนการทางจิตสำนึกของมนุษย์แต่ละคน ที่กระทำต่อกันและดาวเคราะห์โลกบนพิกัดถิ่นอาศัยดำรงอยู่ ในเส้นทางของนักรบแสงสว่างได้อย่างถ่องแท้และถูกต้อง ด้วยการปลดปล่อยพลังงานความรักด้านบวก สู่สนามพลังงานจักรวาลโลกออกมามากได้เท่าใด การกระทำทางเทคนิคในครั้งนี้ในรูปภัยพิบัติที่ลดความรุนแรงได้ตามสัดส่วนพลังงานด้านบวกที่สร้างขึ้นนั้นเสมอ

การสื่อข่าวสารเป็นความรู้ใหม่มาให้มนุษย์โลกนี้ เพื่อช่วยให้มนุษย์เกิดสติทางวิญญาณมากขึ้น ด้วยหันมากระทำความดีงามต่อกัน รู้จักรักกันและช่วยเหลือกันมากขึ้น จะได้ช่วยเหลือตนเอง และเพื่อนมนุษย์ของตนให้หลุดพ้นไปจากเคราะห์ภัยรุนแรง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นตามที่จักรวาลกำหนดเป้าหมายนั้นไว้ให้จงได้นั่นเอง

 

เนื่องจากการชำระโลกครั้งสำคัญนี้ จักรวาลเป็นผู้ลงมือกระทำโดยมิได้วางแผนการล่วงหน้าใด ๆ ผู้รู้ต่าง ๆ บนโลกที่ยังเป็นมนุษย์ และนักพยากรณ์ตาทิพย์ในอดีตผู้อ่านโลกได้จึงไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนแน่นอน นอกจากผู้เข้าถึงพลังอำนาจการหยั่งรู้ จนสร้างความสัมพันธ์กับจิตจักรวาลรูปธรรมใดรูปธรรมหนึ่งได้เท่านั้น จึงจะยืนยันความจริงที่เป็นความรู้ใหม่ดังกล่าวนี้ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะเกิดขึ้นบนโลกในช่วง 3 ปีที่เหลืออยู่นี้ที่จักรวาลไม่รู้ เพราะผู้รู้ย่อมเป็นผู้ปฏิบัติเสมอ จงอย่ามัวคิดสงสัยอยู่เลย แต่เหตุที่ไม่ระบุเจาะจงมาให้รู้อย่างชัดเจนถึงวันเวลาสถานที่ที่มันจะเกิดให้รู้ล่วงหน้าก่อนก็เพราะว่า

มันคือความเหมาะสมสำหรับมนุษย์ทุกคนต่างหาก

เพราะมันคือบทเรียนสำคัญสำหรับมนุษย์ทุกคน มันคือบทเรียนแห่งความกลัวตายนั่นเอง

การกลัวตายของมนุษย์ ไม่ว่ากลัวตัวเองต้องตาย พ่อแม่บุตรหลายจนแม้ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนร่วมโลกต้องตาย อารมณ์รู้สึกชนิดนี้มันจะช่วยให้มนุษย์ มอบความรักให้แก่ผู้อื่น ผ่านความเมตตา เวทนา สงสาร และการกลัวตายที่ต่างจะมอบให้แก่กันและกัน โดยมีภัยร้ายแรงบนโลกนี้เป็นเงื่อนไข จะต้องรู้จักรักคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องของตนดุจสายเลือดเดียวกัน แทนการกดขี่เหยียบย่ำกระทำไม่ถูกต้องต่อกัน เอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนกัน ฆ่าฟันทำศึกสงครามกัน มีความเห็นแก่ตัวสุด ๆ อย่างที่ผ่านมาจนมนุษย์โลกไม่อาจสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันได้เลย

 

จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าจริงดั่งที่กล่าวมา

สิ่งที่จะสามารถพิสูจน์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของแนวแกนแม่เหล็กโลกที่มันจะเบี่ยงเบนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 3 องศาได้เป็นอย่างดี มีดังนี้

๑.ให้ทำเครื่องหมายตามแนวทิศเนือใต้ของเข็มทิศไว้บนลานดินหรือลานหิน โดยเลือกบริเวณที่ห่างจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมได้ให้ไกล ๆ คอยตรวจวัดองศาของทิศเหนือแล้วบันทึกการเปลี่ยนแปลงไว้บนลานดินหรือลานหินไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยเดือนละครั้ง

มนุษย์จะสังเกตุพบความจริงของข่าวสารความรู้ใหม่นี้ได้ด้วยตนเองว่า ยิ่งนานวันทิศเหนือมันได้เบี่ยงเบนไปจากแนวเดิมไปทางขวามือตนเองทีละน้อย

๒.ตรวจสอบข่าวทางโลกที่ผ่านมาก็ได้ว่า แนวทิศเหนือของเข็มทิศแม่เหล็ก ซึ่งพาดผ่านประเทศแคนาดานั้น มันได้เกิดเบี่ยงเบนไปหรือไม่ หรือ

ย้ายไปไกลถึง 14 กิโลเมตร จากพิกัดตำแหน่งเดิม ขณะนี้อาจมากกว่านั้นแล้ว

๓.ให้ติดตามข่าวสารทั่วโลก ข่าวสารแปลก ๆ ที่มนุษย์ไม่ค่อยได้ใส่ใจกันดังนี้ ปลาวาฬเกยตื้นตายคราวละจำนวนมาก ๆ ผิดปกติ ฝูงปลาหมึกยักษ์แมงกระพุนยักษ์จากทะเลลึกปรากฏตัวในมหาสมุทรและทะะล บริเวณที่เป็นแหล่งสมบูรณ์แต่เดิมฝูงปลาหายไปหมด การอพยพย้ายถิ่นของปลาและฝูงนกเร็วกว่ารอบปีที่ผ่านมา และกองทัพกาดำ (อีกา) พากันอพยพเข้าสู่เมืองใหญ่เหมือนผู้คาบข่าวสารแจ้งให้รู้ตามสัญชาตญาณของนก ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนี้ เพราะสัตว์จำพวกนี้ภายในสมองของมันล้วนมีกลไกลชนิดหนึ่งติดตั้งอยู่ สิ่งนั้นคือ เส้นใยเกลียวแม่เหล็ก "ดิจิตัสลิส" คือกลไกชิ้นนี้ทำให้สัตว์เหล่านั้นสามารถกำหนดรับรู้และสัมผัสทิศทางที่ถูกต้องด้วยการมีปฏิกริยาสัมพันธ์กับแนวแกนแม่เหล็กเหนือใต้นั่นเอง

ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นเป็นจริงตามที่กล่าวมาแล้ว เป็นข้อมูลแนวทางสำหรับผู้ที่ยังลังเลสงสัยและยังไม่เชื่อนะค่ะ

 

มหันตภัยธรรมชาติจากการสั่นสะเทือนโลกในการยกระดับคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกนั้น

๑.คลื่นอากาศร้อน คลื่นอากาศเย็น คลื่นยักษ์จากทะเล แลพายุรุนแรง เป็นมหันตภัยเบื้องต้น ที่มนุษย์บางทวีปจะต้องเผชิญ

๒.โรคระบาด โรคร้ายชนิดใหม่ และแผ่นดินไหวเป็นมหันตภัยระยะที่สองของมนุษย์ที่ต้องเผชิญระหว่างการเปลี่ยนแปลงนี้

๓.จิตสำนึกอันต่ำทรามของชนชั้นผู้นำ และประชาชนผู้ไกลศาสนาในสังคมต่าง ๆ จะแผ่พลังงานด้านลบด้วยการกระทำที่เลวทรามต่ำช้า ไร้ยางอายบนผืนแผ่นดินนั้น จนเกิดความไม่สงบสุขของสังคม และเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตของคนดีโดยทั่วไป

๔.มหันตภัยทั้งสามประการดังกล่าวข้างต้นจะก่อตัวพร้อมกันรุนแรงยิ่งในความคิดของมนุษย์ พร้อมทั้งการระเบิดของภูเขาไฟใหม่และเก่า

๕.มนุษย์จะเผชิญหน้ากับการรุกรานของรูปธรรมมนุษย์ดาวอื่น ๆ จนหวาดผวาแม้ว่ามนุษย์ดาวอื่น ๆ ที่มีพลังงานด้านลบจะทำอะไรมนุษย์โลกไม่ได้ก็ตาม

๖.เศรษฐกิจโลกทั้งหมดจะพังทะลายลง เพราะจิตสำนึกที่ผิดพลาดของชนชั้นผู้นำกระทำขึ้น

๗.โลกต้องเขียนแผนที่ใหม่ เพราะผืนแผ่นดินลดลง โลกจะมีท้องฟ้าใหม่ เพราะทิศเหนือจะเบี่ยงเบนไปจากเดิมไม่เกิน 3 องศา เกาะบางเกาะจะจมหายไปในทะเล ขณะที่บางเกาะจะโผล่ขึ้นมาแทน และทวีปที่รุ่งเรืองด้วยเทคโนโลยีจะถูกแบ่งเป็นสองซีก

ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นตามจริงแล้วค่ะ คงเหลือไว้แต่ข้อสุดท้ายแค่นั้นเอง และประเด็นที่สำคัญเกือบทุกเหตุการณ์สอดคล้องกับพุทธทำนายเลยค่ะ

 

อันนี้อัพเดทมาไหม่หรอครับแม่ชีจิตยิ้มขอบคุณที่มาลงไห้อ่านครับ

 

ไม่คิดหนีไปจากโลก

มนุษย์แต่ละคนมีหน้าที่ต้องคอยกำจัดผลกรรมใด ๆ ย่อมไม่มีวันหนีการเผชิญผลกรรมของตนไปได้ฉันใด โอกาสที่จะหลีกหนีภัยร้ายแรงจากธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น ก็ไม่มีทางหนีพ้นได้เช่นเดียวกัน

การคิดหนีไปอยู่ที่อื่นในจักรวาล เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากไม่ว่าจะเกิดจากเทคโนโลยีของตนเองที่มีหรืออาศัยความช่วยเหลือจากรูปธรรมที่มาจากเพื่อนบ้านก็ตาม เป็นได้เพียงแค่ความฝันเท่านั้น เพราะพวกเขารู้ดีว่ามันเป็นความเหมาะสมของมนุษย์โลกที่จะเกิดเหตุการณ์ใด ๆ เหล่านั้น ซึ่งพวกเขาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวโดยตรงไม่ได้ นอกจากมอบพลังงานความรักให้แก่มนุษย์เท่านั้น

รูปธรรมต่างดาวมีหลายจำพวก ซึ่งมีพลังงานจากจิตสำนึกที่แตกต่างกัน ดังเช่นความหลากหลายของมนุษย์บนโลก มนุษย์พึงระวังการยอมรับการช่วยเหลือ ของพวกเขาบางกลุ่มบางพวกที่แฝงไว้ด้วยพลังงานด้านลบ โดยมุ่งหวังข้อแลกเปลี่ยนบางประการที่ไม่เป็นผลดีต่อตัวมนุษย์เองไว้ด้วย เพราะรูปธรรมบางพวก เริ่มสำเหนียกรู้แล้วว่ามนุษย์โลกยุคพลังงานใหม่ จักรวาลกำลังเปิดมิติระหว่างกาแล๊กซี่และดวงดาวให้มนุษย์มีพลังอำนาจมากขึ้น ซึ่งเป็นพลังอำนาจสูงสุดเหนือรูปธรรมใดในจักรวาล พวกเขาหวาดหวั่น พวกเขายอมรับไม่ได้ที่จะเห็นเผ่าพันธ์มนุษย์โลกครองความยิ่งใหญ่ในอณาจักรของจักรวาล ตราบใดที่มนุษย์โลกยังขาดความรู้แจ้ง

มนุษย์โลกยังไม่ล่วงรู้ความจริงของตนเองบางประการ มนุษย์ผู้ก้าวร้าวและมีอคติทางวิญญาณต่อเพื่อนร่วมโลกจากอดีตชาติอย่างรุนแรง ปัจจุบันพวกเขายังร่วมขบวนการแสดงพลังอำนาจทางปัญญาของแต่ละคนในบทบาทผู้นำทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และพ่อพระในสังคม โดยมีพลังอำนาจด้านลบซ่อนเร้นอยู่ภายในเพื่อหวังต่อการเป็นเจ้าโลก ยึดทุกสิ่งเอาไว้ในกำมือของพวกตนให้ได้ ไม่ละเว้นแม้ชีวิตและจิตวิญญาณของเพื่อนมนุษย์คนอื่น คิดสร้างอำนาจด้วยเทคโนโลยีอันสูงส่ง บทบาทนักบุญใจบาปที่คนทั้งโลกรู้จักดี แม้ไม่ใช่ระดับผู้นำประเทศมหาอำนาจอย่างเป็นทางการแม้แต่คนเดียว บุคคลเหล่านี้สร้างความสัมพันธ์ โดยเอาเทคโนโลยีอันสูงส่งจากต่างพิภพเข้ามาแลกกับข้อมูลจำเพาะของมนุษย์โลกบางอย่างกลับไป ความจริงเหล่านี้ถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิดจนมนุษย์ส่วนใหญ่เชื่อว่ารูปธรรมมนุษย์หรือคล้ายมนุษย์ในต่างพิภพ เป็นแค่นิยายวิทยาศาสตร์ หรือในจินตนาการเท่านั้น

เป็นการสื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงค่ะ และก็มีทั้งพลังงานบวกและลบ หรือ หรือมีทั้งขาวและดำ

 

ยังมีบุคคลที่หลากหลายยังไม่เชื่ออยู่ก็มีค่ะ จะหาข้อมูลมาให้พิจารณาที่คิดว่าจะเป็นไปได้ค่ะ เพราะตนเองมีความเชื่อเรื่องพุทธทำนายอยู่ ประกอบกับสถานการณ์โลกและสภาพภูมิอากาศที่ดูจะย่ำแย่เอามาก ๆ เลยค่ะ

 

พุทธทำนายอันไหน คุณจิตยิ้มยกมาให้ดูหน่อยครับ

 

ถึงรอดได้. อนาคตสังขารก็ดับสลาย
มนุษย์ถ้ามองไม่เห็นธรรม ไม่รู้ ไม่ปฏิบัติเพื่อละ

ภัยพิบัติเกิดแล้ว ไม่รอด ก็รอ ไปเกิด
ภัยพิบัติเกิดแล้ว รอด ก็รอ ไปเกิด

การเตือนเพื่อให้ รอดพ้น สำคัญ หรือหลุดพ้น สำคัญกว่า

นิพพานัง ปรมัง สุขัง

 

พยายามเข้าถึงพรหมวิหารข้อที่3จะดีมากครับส่วนมากผมเห็นแต่พากันตรงข้ามข้อนี้

 

https://palungjit.org/threads/ยักษ์...คกึ่งพุทธกาล-ตั้งแต่ปี-๒๕๖๐-เป็นต้นไป.643413/

ตามกระทู้ข้างบนเลยค่ะ

ยักษ์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันกัน!! เปิด "พุทธทำนาย" ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ สมณะ ชี พราหมณ์ ล้มตาย ตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ เป็นต้นไป!



จากศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมหาเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย โดยคณะฑูตไทยที่ไปอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๕ อรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและใน อนาคต ทรงมีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้นเมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า


อานันทะ ดูก่อนอานนท์ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ก่อน พ.ศ. ๒๕๖๐) จะเกิดการณ์ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลงมาจากอากาศ จะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นอันมาก ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาของของตถาคต ล่วงเลยไปก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ก่อน พ.ศ. ๒๕๖๐) สัตว์โลกทั้งหลาย ที่เกิดในยุคนั้น จะพบแต่ความลำบาก ทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้ รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทุกทิศ






คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันเอง ถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ ผู้ขวนขวายในกุศลตามวจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงใน พระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจะเบาบาง แต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะถือว่าเป็นการณ์ร้ายแรงหาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้วนั้น


อานันทะ ดูก่อนอานนท์ หลังกึ่งพุทธกาล (ช่วงหลัง พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป) จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมากๆ สมณะ ซี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรากัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย ๒,๕๐๐ ปี เป็นต้นไป (ช่วงหลัง พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป) ไฟจะรุกรามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมชีพรามณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทธจะชอกซ้ำ สงครามจากทั่วทิศศึกจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลนทั่วแคล้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมือง ทรงเมือง จะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ


ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ต้องอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบ สอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้ที่มีศีลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใครเคารพยำเกรง พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อ มีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อยมาก



คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์ ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศิล ๕ ประการ เจริญเมตตาภาวนา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษรู้จักพอ ไม่โป้ปดคตโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจปฏิบัติตน ตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในกึ่งพุทธกาล


ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ พลังจิต Palungjit.org พุทธศาสนาและธรรมะ

-------------------------------------

ถ้าถอดใจความทีละข้อความ ทีละบรรทัดคงปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่า ทุกอย่างเป็นจริงและได้เกิดขึ้นแล้วทุกประการ

๑."ไฟจะลามมาจากทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม นักบวช และพระจะอดอยากยากเข็ญ"

ไฟในที่นี้คือ "ภัย" จากการคลั่งวัตถุนิยม ลุ่มหลงมัวเมาเกินไปจนกลายเป็นทาสวัตถุนิยม ถูกผู้สร้างชักจูงจิตวิญญาณไปในทางตกต่ำ เพราะลัทธิวัตถุนิยมและทุนนิยม ทำให้ศีลธรรมเสื่อมทรามและเกิดความเสื่อมโทรมในจิตใจของผู้คนที่แสดงพฤติกรรมโหดร้าย นักบวชหรือพระมีโอกาสเยียวยาจิตใจผู้คนน้อยลง ความอดอยากยากเข็ญของพระ หมายถึง การที่พระไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่เผยแพร่ธรรมะนั่นเอง เพราะความมัวเมาในวัตถุปิดบังสติปัญญามนุษย์แทบหมดสิ้น

๒."ลูกไฟจะตกจากฟากฟ้าเป็นเพลิงเผาผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ"

หมายถีง การทำศึกสงครามระหว่างเผ่าพันธ์มนุษย์ด้วยกันเอง ยกเอาศาสนาให้เป็นลัทธิ ผู้ไม่นับถือศาสนาตนถือว่านอกรีต เกิดการรบราฆ่าฟันกันทั้งในประเทศของตน จนไปถึงระหว่างประเทศ ผู้บ้าคลั่งทางปัญญา กำลังคิดการร้ายด้วยการคิดค้นและพัฒนาเชื้อโรคชนิดใหม่ที่สร้างความเลวร้ายไม่แพ้ปรมาณู และ อาวุธอนุภาคเส้นแสงที่ร้ายแรงที่สุดในระดับจักรวาลเลยทีเดียว ศาสตราวุธทันสมัยที่แต่ละรายสั่งสมกันไว้นั้น หากกดปุ่มพร้อมกัน สามารถทำลายโลกนี้ได้เพียวนาทีเดียว มนุษย์ทราบหรือไม่ว่าอาวุธเชื้อโรคร้ายที่เพาะมันขึ้นมาหวังทำลายชีวิตคนอื่นที่เป็นศรัตรูของตนนั้น หากทำสำเร็จเมื่อใด ลำพังสติปัญญาของตนจะไม่มีวันควบคุมการเติบโตแพร่ขยายของพวกมันได้เลย ถึงวันนั้นจะกระจายไปทั้วโลกและไกลออกไป สร้างพิษรุนแรงแม้แต่ตัวต้นคิด ก็ยากที่จะเอาตัวรอดไปจากเชื้อโรคร้ายชนิดนี้ได้ จักรวาลจะปิดมิติอันเลวร้ายนี้ ด้วยความรักแท้จริงต่อมวลมนุษยชาติ ภายในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ก่อนวันสิ้นยุคพลังงานเก่าแน่นอน หากไม่รีบเปลี่ยนจิตสำนึกใหม่ให้ถูกต้องทันทีที่อ่านข้อความนี้ ส่วนสงครามโลกครั้งที่สาม จงรับรู้ไว้ด้วยว่าโลกใบนี้มิได้โดดเดี่ยว รูปธรรมชั้นสูงในมิติคู่ขนานจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้จิตวิญญาณอธรรมกระทำการได้เช่นนั้นอีกต่อไป พวกเขากำลังจะเป็นส่วนหนึ่งในจำนวน 1% ของคนทั้งโลกที่จะถูกชำระอีกไม่นาน ด้วยมหันตภัยธรรมชาติที่พวกเขาคาดไม่ถึง ซึ่งอำนาจที่เขามีอยู่จะไม่มีวันเอาชนะพลังอำนาจแห่งธรรมะที่เป็นพลังงานบวกได้เลย

๓."มหาสมุทรจะชอกช้ำ"

เน้นถึงความเน่าเสียของน้ำจากปฏิกูลเคมีสงเคราะห์ น้ำทะเลเป็นพิษ น้ำเน่าเสีย สัตว์ทะเลต้องจบชีวิตลงเพราะสารพิษและขาดออกซิเจน เนื่องจากการปฏิกูลต่าง ๆ จะมีมากเกินกว่ากายภาพของแผ่นดินจะซึมซับโอบอุ้มเอาไว่ได้ มันค่อย ๆ เคลื่อนไหลลงสู่ท้องทะเล เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดจะหยุดสังเคราะห์มัน ปัจจุบันเป็นปัญหาระบบนิเวศน์เสียสมดุล มลพิษกากสารเคมีนานาชนิดและกากปรมาณูหรือนิวเคลียร์ดั่งที่รู้กันอยู่ มนุษย์เชื่อหรือไม่ว่า สถานการณ์โลกในขณะนี้ปัญหามลภาวะมันหนักหนาจนกว่าเยียวยาได้ มหันตภัยกำลังคลืบคลานสู่มวลมนุษยชาติแล้ว จงเตรียมตัวกันไว้ให้ดี

๔."ศึกจะติดเมือง"

หมายถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศทั่วโลก สงครามบนโลกจะไม่มีวันสงบทั่วแผ่นดินได้ หากยังมีการคิดค้นการผลิตเพื่อขายกันอยู่ เหยื่อแห่งศึกสงครามแม้จะไม่ใช่สงครามโลก จะไม่มีวันหมดไป ก็ยังคงมีบนแผ่นดินโลกตลอดไป

๕."ข้าวจะขาดแคลน"

มนุษย์พากันหลงไหลเทคโนโลยี บ้าคลั่งวัตถุ ทำลายระบบนิเวศน์อย่างไม่บันยะบันยัง เพื่อดูดซับพลังงานและเก็บเกี่ยวทรัพยากรธรรมชาติบนแผ่นดินจะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ที่เหมาะสมกับการเพราะปลูกธัญญาหารเสื่อมสลายเสียสมดุลไป ผลผลิตไม่เพียงพอ ในที่สุดขาดแคลนอาหารบริโภคเป็นปัญหาที่มนุษย์โลกที่ทุกคนต้องเผชิญ แม้ในยามที่ยังไม่มีศึกสงครามก็ทำให้เกิดข้าวยากหมากแพง

๖."ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง"

ทำให้เกิดเชื้อโรคร้ายชนิดใหม่ ๆ เชื้อโรคร้ายเหล่านี้จะทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่มีร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากสภาวะโลกที่มีดินฟ้าอากาศแปรปรวน ภูมิอากาศโลกแปรเปลี่ยนไป จะก่อให้เกิดเชื้อโรคร้ายชนิดใหม่ ๆ ที่ไม่อาจเยียวยาได้

๗."พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร"

ความสับสนเสียสมดุลในจิตใจของผู้คนในสังคมถึงจุดที่ยากจะเยียวยาแก้ไข ทำให้ผู้มีความสมดุลทางจิตวิญญาณต่าง ๆ เกิดความท้อแท้ในเจตนรมย์ของตนให้ลุล่วงได้อีกต่อไป เพราะไม่มีผู้ฝักใฝ่ในศาสนา พวกเขาจะพากันละจากสังคมเมือง แสวงหาความวิเวกและความสุขสงบกันเพียงแต่ลำพัง

๘."ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกผีเสื้อเหล็กนับแสนตัวมาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ"

มนุษย์ส่วนใหญ่จะมีจิตสำนึกที่สั่นสะเทือนต่อกันทางด้านลบ เกิดพลังงานกรรมในมิติคู่ขนานอย่างมากมาย และทำให้ระบบโลกเสียสมดุลทางพลังงานที่จำเป็นมากไป ด้วยบัญชาของจิตจักรวาลดวงใหญ่ และจิตจักรวาลที่เปี่ยมล้นด้วยพลังงานความรักที่มีต่อมวลมนุษย์ จึงงได้ร่วมมือกันส่งคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กความถี่สูงจากใจกลางดวงอาทิตย์ และฐานปฏิบัติการหลายแห่ง เพือ

- ยกระดับความสมดุลทางพลังงานของโลกให้สูงขึ้นสู่สมการ 3 มิติที่ระดับ 666
- เคลื่อนย้ายแนวแกนเหนือใต้แม่เหล็กโลกเข้าสู่ระบบใหม่
- เพิ่มพลังอำนาจแม่เหล็กโลกเพื่อแก้ไขรหัสเส้นใยเกลียวแม่เหล็กในเซลล์ของมนุษย์

๙."ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับไหลมาเป็นนานจะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก"

หมายถึง คือ แผ่นดิน ปรากฎการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงนี้ จะเกิดจากใจกลางโลกซึ่งเป็นแท่งโลกหะร้อนระดับ 4,000 องศาเซลเซียสซึ่งเคยแน่นิ่งอยู่ จะถูกทำให้เคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิมเพื่อการปรับเปลี่ยนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกสู่ระบบใหม่ เกิดการขับเคลื่อนอันมหาศาล มันเป็นการดับอหังการ์ของมนุษย์ผู้มีจิตวิญญาไม่บริสุทธิ์ ที่ฝ่าฝืนกฎทางกายภาพของจักรวาล คิดสร้างลัทธิซาตานขึ้นในระบบโลก ชักจูงจิตวิญญาณมนุษยชาติไปในเส้นทางที่ผิดพลาดโดยแท้ และเป็นการหยุดยั้งการทำลายโลกใบนี้ของพวกเขา

๑๐."ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน"

ปรากฎการณ์นี้มนุษย์สามารถสำเหนียกรู้ได้โดยไม่ต้องตีความ หลังการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคพลังงานใหม่ เมื่อแผ่นดินและจิตวิญญาณของมนุษย์ถูกชำระให้บริสุทธิ์แล้ว ฤดูกาลต่าง ๆ บนโลกจะเปลี่ยนไป แผนที่โลกต้องได้รับการแก้ไขหลายส่วน

๑๑. "ตลิ่งจะพัง"

จากการสั่นสะเทือนที่รุนแรงของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มันจะเกิดขึ้นต่อเนื่องนานนับชั่วโมง

๑๒. "แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ

ประเทศที่คลั่งวัตถุนิยม คลั่งไคล้เทคโนโลยี ประเทศที่มีผู้นำจิตสำนึกบกพร่อง บ้าอำนาจและกระทำการก้าวร้าวต่อจิตวิญญาณผู้คนที่บริสุทธิ์ให้ต้องจบชีวิตลงเพราะศึกสงคราม นั่นคือดินแดนหายนะ

๑๓. "นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ"

มนุษย์ยุคปัจจุบันนั้นสังคมเต็มไปด้วยการอยู่ร่วมกันด้วยผลประโยชน์มากกว่าความรักที่มีต่อสังคมเดียวกัน ต่างต้องคอยระแวงกันตลอดเวลาด้วยการมองหาว่า ใครชั่วน้อยกว่ากัน แทนที่จะมองความดีงามของกันและกัน คลั่งอำนาจ ลาภยศ สินทรัพย์และวัตถุนิยมมากยิ่งกว่าแสวงหาความดีงาม กิเลสตัณหา อบายมุข สารพิษยาเสพติดหาได้กลาดเกลื่อน มนุษย์ที่สมดุลและคนดี ๆ ไม่ได้รับการยอมรับในสังคม แม้แต่นักบวชยังทุศีลหนักขึ้นทุกวัน

ทุกข้อคงไม่มีใครปฏิเสธได้เลยค่ะ เหตุผลเพราะเหตุใดจึงต้องมีการชำระโลก ก็ด้วยประการดังที่กล่าวนั้น และเป็นไปตามพุทธทำนายเกือบทุกประการค่ะ นี้เป็นรหัสลับจากพุทธทำนายที่สื่อองค์จิตจักรวาลตรงกับพระพุทธเจ้าเลยค่ะ

 

แน่ใจหรือครับว่ามีจริง ศิลาจารึกที่วิหารเจตมหาเชตวัน เห็นมีForward mailมาเป็นสิบปีแล้ว

มีทูตไป แล้วก็ไปเจอศิลาจารึกเป็นภาษาน่าจะเก่าแก่ ทูตที่ไป บังเอิญแปลได้อีก

 

มาดูกันค่ะ!!! บางทีอากาศที่ร้อนมาก ๆ อยู่นี้อาจทำให้รู้สึกหนาวกันขึ้นมาบ้างก็ได้

จากกระทู้นี้ค่ะ ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาเกี่ยวกับกึ่งพุทธกาลว่า เหตุใด! จึงเป็นปี พ.ศ.2560 ตามที่พระพุทธองค์ทำนายไว้ ไม่ใช่ปี พ.ศ. 2500 อย่างที่เราคนไทยเข้าใจกัน

https://palungjit.org/threads/พุทธท...ัติและสงครามใหญ่-ปีพ-ศ-2560-เป็นต้นไป.569027/

ปี พ.ศ. 2560 คือ กึ่งพุทธกาล ครบ 2,500 ปี หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน
การใช้ พ.ศ. ของประเทศไทยคลาดเคลื่อน

1). The Cambridge and Oxford histories of Indiaยอมรับว่า พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน 483 ปีก่อน คริสตศักราช

ปีนี้ 2017 + 483 = ปี 2500
พระพุทธเจ้าได้ปรินิพพานไปแล้ว 2,500 ปี

พ.ศ. ของไทย ปัจจุบัน คือ พ.ศ. 2560 เท่ากับว่า พ.ศ.ไทยเรา เร็วไปกว่า 60 ปี

The Cambridge and Oxford histories of India accept 483 B.C as the date of Buddha’s nirvana.
He was 80 years old when he died, so this puts his birth year at 563 BCE


2). ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร
บอกว่า การเรียก พ.ศ.ผิดนี้ เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ตามชินกาลมาลีปกรณ์ ระบุว่า พระเจ้าอโศกเสวยราชย์ ระหว่าง พ.ศ.214-255
ที่ทราบว่าผิดความจริง ก็เพราะพระองค์ส่งสมณทูตไปตามเมืองต่างๆ (กระทั่งสุวรรณภูมิ) เมืองเหล่านี้มีศักราชจดไว้แน่นอน เทียบศักราชดูแล้ว พบว่า นับ พ.ศ.มากเกินไป 1 รอบ คือ 60 ปี
อ้างอิง


3). ถ้า พ.ศ. ของไทยคลาดเคลื่อนตามเหตุผลข้างต้น
ปี พ.ศ. 2560 เท่ากับ 2,500 ปี
ดังนั้นปี พ.ศ. 2560 ครบ 2,500 ปี ที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน เป็นยุคกึ่งพุทธกาลของ 5,000 ปี

ข้อความนี้ : ดูก่อนอานนท์ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะถือว่าเป็นการณ์ร้ายแรงหาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้วนั้น...

เราเคยคิดกันว่ากึ่งพุทธกาลคือ ปี พ.ศ.2500 ตามพ.ศ.ของประเทศไทยก็เลยคาดการณ์กันไปว่า 15 ปี ก่อนปี 2500 ย้อนหลังไปคือปี พ.ศ. 2485 ช่วงนั้นเป็นช่วงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถ้าเราพิจารณากันจริง ๆ แล้ว ถึงแม้ว่าระยะเวลาจะใกล้เคียงก็จริง เพราะช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นก็จริง แต่มีระยะเวลาเพียงแค่ พ.ศ. 2482 ถึง 2488 เท่านั้น สงครามก็สิ้นสุดเพราะเหตุที่อเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูที่ญี่ปุ่น ระยะเวลาจริง ๆ ประมาณ 6 ปี เท่านั้นก็จบลง แต่ถ้าจะมองระยะเวลาที่เกิดก็ไม่ใช่ 15 ปีตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้แน่ค่ะ เพราะเริ่มจริง ๆ ระยะเวลาก็ไม่ใช่ 15 ปีตามที่กล่าวไว้แล้วค่ะ

แต่มาลองดูข้อมูลกันนี้ซิค่ะ บางทีเราอาจจะหนาวใจกันบ้างว่าพุทธทำนายเป็นจริงหรือไม่!

กึ่งพุทธกาลจริง ๆ ตามที่ทรงตรัสไว้คือ ปี พ.ศ. 2560 ซึ่งตรงกับ ค.ศ. 2017 ค่ะ ตรงนี้กากบาทสีแดงไว้เลย

ทรงตรัสไว้ว่า....คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันเอง ถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ดูก่อนอานนท์ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะถือว่าเป็นการณ์ร้ายแรงหาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้วนั้น...

หากพิจารณาคำความหมายที่ทรงตรัสไว้ ก็แสดงว่า...ระยะเวลาก่อน 15 ปี ก่อน พ.ศ. 2560 หรือ ค.ศ. 2017 ก็แสดงว่าตลอดระยะเวลา 15 ปีก่อนนั้นต้องเกิดการฆ่ากันนองเลือดกันมาตลอด เพราะที่ว่าก่อน 15 ปี จะถือว่าเหตุการณ์ร้ายแรงก็หาไม่ ทั้งนี้เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาล (ปี พ.ศ. 2560 หรือ ค.ศ. 2017) ที่ทรงตรัสไว้ว่า.....ทั้งนี้หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมากๆ สมณะ ซี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรากัน

จากข้อความนี้ก็คงหมายถึง การรบราฆ่าฟันมีมาต่อเนื่องอย่างยาวนาน คือก่อน 15 ปี และยาวนานต่อเนื่องไปอีกก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะว่าหลังจากกึงพุทธกาลนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าอีก

และอะไรคือ สัญญาณที่บ่งบอกถึงเหตุการณ์นั้น!!!

http://www.drprapat.com/ตะวันออกกลางในยุคหลังส/

จาก Link ดังกล่าว ตะวันออกกลางในยุคหลังสงครามอิรัก ที่อเมริกาบุกเข้าไปจนยืดเยื้อมาถึงทุกวันนี้ ตรงกับ พ.ศ. 2545 หรือ ค.ศ. 2003 หรือ ถ้านับจาก ปี พ.ศ. 2560 หรือ ค.ศ. 2017

ก็จะมีระยะเวลา 15 ปี เป๊ะ ตามคำพุทธทำนายเลยค่ะ

ถ้าอย่างนี้ไม่รู้ว่าจะร้อนหรือหนาวกันดี ความจริงข้อนี้น่าจะพิสูจน์ได้ว่าพุทธทำนายนั้น...เป็นความจริงแน่เลยใช่ไหมค่ะ ระยะเวลาที่ตรัสไว้ก็ตรงพอดีเลยค่ะ

 

มันไม่ได้เกี่ยวกับ พ.ศ.อะไรเลย
มันเกี่ยวกับศิลาจารึก มันจะมีจริงหรือ กล่าวตู่พระพุทธเจ้านี่บาปนะครับ

ผมนี่ตามหาศิลาจารึกนี่มานานมากเลย ไปสถานที่จริงที่อินเดียก็ไปมาแล้ว ไปถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีใครรู้ ไปถามพระในวัดไทยในนั้น ท่านก็บอกว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ถ้ามีศิลาจารึกจริง คนไปกันล้นหลามแล้ว

ผมสืบค้นจนกระทั่งลูกหลานหัวหน้าทูตที่บอกว่าไปเมื่อปี 2485 ก็ไม่เห็นว่าเค้าจะรู้เรื่องอะไร เอาจริงๆที่เอามาลงและเป็นforword mailต่อๆกันมา น้อยคนนักที่จะรู้ว่าทูตที่ไปนั้นเป็นคณะของใครและอัญเชิญอะไรกลับมาบ้าง

อย่างที่บอก กล่าวตู่พระพุทธเจ้า บาปมาก

 

ความจริงเรื่องศิลาจารึกพุทธทำนายนี่กล่าวตู่พระพุทธเจ้า กลัวมันไม่น่าเชื่อถือก็เลยอ้างพระพุทธเจ้า

ถ้ายังสงสัยจะโทรไปวัดไทยเชตวันมหาวิหารก็ได้ เบอร์ 09621626090 หรือจะไปถามในFacebookก็ได้
https://www.facebook.com/watthai939/?fref=ts

หรือใครไปอินเดีย ตามรอยพระพุทธเจ้า แล้วไปที่ jetavana vihara ถ้าพอจะพูดภาษาอังกฤษได้ก็ลองถามดูว่ามีมั้ย Stone inscription เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า จะรู้ว่ามันไม่มีจริง

ถ้ามันมีจริง เมื่อปี2012 อินเดียไม่ปล่อยไว้หรอก เอามาเป็นจุดขาย ประกาศไปทั่วโลกแล้ว

 

นั่นนะซิค่ะ เมื่อท่านกล่าวไว้อย่างนี้เป็นเรื่องที่น่าพิจารณามากเลยค่ะ แต่...จากข้อมูลที่ตนเองไปค้นมาก็น่าสนใจเช่นกันนะค่ะ คำที่จะนำมากล่าวบางส่วนคือ

โปรดสังเกตุว่า พุทธทำนายนี้จะตรงกับคำทำนายของสมเด็จพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี คือ
- ร.๙ ถิ่นกาขาว (กาดำเปรียบเสมือนความทุกข์) สีขาวคือ ความบริสุทธิ์ บางคนตีความหมายถึงชาวยุโรป คนผิวขาวจะเข้ามาเต็มบ้านเต็มเมือง (เกิดขึ้นแล้ว)

- ร.๑๐ ศิวิไลย์ ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางศิวิไลย์ของโลก (กำลังเป็นไป และมีบางสิ่งต้องรอพิสูจน์)

ในพระไตรปิฎก "พระศรีอาริย์" ที่พระพุทธเจ้าเองตรัสไว้ว่า จะปราฎในกึ่งพุทธกาล เพื่อจรรโลงพระศาสนาให้ถึงห้าพันปี (มีนัยยะสองค่ะ คือยุคธรรมโลกุตระเปิด และพระโพธิสัตว์ลงมาบำเพ็ญบารมี)

และได้เขียนกล่าวอีกว่า คำทำนายถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ตามตำรากล่าวถึงความสามารถของพระศรีอาริย์ และที่สำคัญ สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าเป็นจริง เช่น มนุษย์ต่างดาวได้ปรากฎให้วิทยาศาสตร์โลกยอมรับความจริงกันแล้ว

หรือ...ท้าวสักกะเทวราช ที่พระพุทธเจ้าตรัสยืนยันว่ามีจริง และ เกี่ยวกับปริศนานกยาง และภัยพิบัติทั่วสารทิศตามคำทำนายได้เกิดขึ้นจริงมาโดยตลอด นี้แสดงให้เห็นว่าภัยพิบัติไม่ได้เกิดขึ้นเองตามภัยธรรมชาติ แต่เป็นการล้างโลกเพื่อขจัดอธรรมออกจากโลก

ตำนานพระศรีอาริย์ **น่าสนใจมากค่ะ**

ไมว่าจะเป็นเรื่องวิบากกรรมที่มีต่อกัน เป็นบุพรกรรมที่พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 และองค์ที่ 5 ต้องมาช่วยสืบศาสนาของพระพุทธเจ้าโคดม และเรื่องอธิษฐานดอกบัว กับ เรื่องนกยางสีขาวบินมาจับหัวลิง ที่แม่น้ำสายหนึ่ง ในแคว้นสุวรรณภูมิ ที่ไหลผ่านภูเขาตักคีรีนะค่ะ

เอามาเฉพาะประเด็นที่เห็นว่าน่าสนใจ ใครสนใจลองเข้าไปอ่านดูค่ะ