หมดแล้ว ((พระเครื่องทั่วไทย ลป.ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยอง มงคลดีๆที่ส่งผ่านมาถึงลูกหลานทั่วไทย ))

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย namayti, 19 เมษายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ปิด H16) พระขุนแผนพรายกุมาร ปี 15 ลป.ทิม อิสริโก วัดระหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เนื้อขาวพุทธคุณ ตะกรุดสาริกาคู่ เนื้อจัดจ้าน ส่องมันส์ สภาพสวยคม เศรษฐกิจแบบนี้ จัดไปครับมิตรภาพดีๆส่งท้ายปี เปิดแบ่งปันหนมๆ 1,500.-.ให้ไว้ครับ...ช้าอดแน่นอน
    image.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2018
  2. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    [​IMG]
    ++อากาศเย็นๆ...ฝนก็ตก...ระวังดูแลสุขภาพกันด้วยนะคร้าบบบบ++
     
  3. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,970
    ค่าพลัง:
    +5,383
    ได้โอนเงิน๒๒๕๐๐บาทเมื่อ ๒๗ธค.เวลา๑๑.๒๘น.เป็นค่าบูชาพระ ๘.รายการ ที่อยู่ดูในกล่องข้อความครับ
     
  4. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,979
    ค่าพลัง:
    +6,578
    แจ้งโอนในpm แล้วครับ
     
  5. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    จัดส่งแล้วครับ
    ท่าน นฐมน
    EU111697109TH (ท่าม่วง)
    ขอบพระคุณมากครับ

    showimage_back.gif
     
  6. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,979
    ค่าพลัง:
    +6,578
    ได้รับพระและใบเซอร์ฯแล้วครับ ขอบคุณครับครู
     
  7. Purisa

    Purisa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +114
    จองค่ะ
     
  8. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    รับทราบการจอง...ขอบพระคุณมาก..ขอให้รวยๆๆๆ
     
  9. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ถือเป็นอัศจรรย์ของวงการพระเครื่อง .. พระเครื่องที่สมเด็จพระสังฆราชประทานให้เปล่า กลับมีราคาเช่าหาแพงขึ้น หายาก มีของปลอมออกระบาด ทั้งที่มีจำนวนการจัดสร้างถึง 84000 องค์ และมีราคาสูงกว่าพระเครื่องที่เปิดให้เช่าบูชาในวาระเดียวกัน
    มีแบ่งให้บ้างขอรับราคาเป็นธรรม....
    อ่านดูความมหัศจรรย์ที่พระเครื่ององค์หนึ่ง สามารถบันทึกเรื่องราวดุจคัมภีร์โบราณได้มากมายเพียงนี้

    พระเดชพระคุณเจ้า
    "สมเด็จพระญาณสังวร" ไม่ได้ละสังขารไปทางไหนเลย ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังอยู่กับ "ผู้ประพฤติธรรม" ชนิด เหนือกาล-เหนือเวลา อมตกาล ด้วยอมตธรรม!
    เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ สมเด็จพระญาณสังวรทรงเจริญพระชันษา ๑๐๐ ปี ท่านไปที่วัดบวรนิเวศวิหารกันหรือเปล่า?
    มีหนังสือพระนิพนธ์ "ความสุขหาได้ไม่ยาก" "พระโอวาทธรรมบรรยาย" และ "พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไร?" เป็นทานธรรมจากพระองค์

    ถือว่า "วาระสุดท้าย" ค่อยๆ อ่าน อ่านแล้วโยนิโสมนสิการ สู่การปฏิบัติในการดำรงวิถีชีวิตตน นั่นคือการเคารพบูชาองค์สมเด็จพระสังฆราชที่ถูกต้องที่สุด และเกิดประโยชน์สูงสุดกับตนเอง
    ตอนมีพระชนม์ชีพ สมเด็จพระสังฆราชทรงสร้างรูปเคารพสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามากมาย หลายรุ่น หลายแบบ ซึ่งเราเรียกกันว่า "พระเครื่อง" ล่าสุดและถือว่า "รุ่นสุดท้าย" ที่พระองค์ประทานแก่ประชาชน คือ "สมเด็จพระบรมพุทโธโพธิสัตว์" รุ่นเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฉลองพระชนมายุ ๑๐๐ พรรษา เมื่อ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖
    นี่คือคำตอบด้วยนัยแห่งปริศนาธรรมในข้อที่เราทั้งหลายอยากรู้-อยากทราบกันว่า สมเด็จพระญาณสังวร สังฆบิดรแห่งสงฆ์ไทย ทรงบรรลุอยู่ในชั้นภูมิธรรมใดแล้ว ซึ่งประเด็นนี้ ผู้มีภูมิธรรมด้วยกันเท่านั้นจะตอบได้

    ส่วนเราผู้ยังเวียนว่ายอยู่ในอบายภูมิ อย่าพึงบังอาจไปชี้ ไปวิเคราะห์ ด้านภูมิธรรมแห่งพระอริยเจ้า ดั่งคนตาบอดชี้ทิศดวงตะวัน นั่นนอกจากเขลาน่าสมเพชแล้ว ยังเป็นการหาบาปใส่ตัวโดยใช่เหตุ ทางวัดแจก ๘๔,๐๐๐ องค์ เท่ากับ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ได้มาบูชากันแล้วกระมัง หยิบออกมาพินิจซิครับ ท่านจะทึ่งกับพระเครื่ององค์แรก-องค์เดียวในโลกที่ "พิมพ์พระ" บอกรายละเอียดเป็นปริศนาธรรมลึกซึ้ง ทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง พูดถึงความสวยงาม งามด้วยศิลป์ ซึ้งด้วยปริศนา น่าค้นหาว่า เพราะเหตุใด พระ "สมเด็จพระบรมพุทโธโพธิสัตว์" จึงสร้างเป็นรูป................................................
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปล่งฉัพพรรณรังสีประทับนั่งซ้อนลงไปในองค์ "หลวงปู่ทวด"?
    บนสุดมีคำว่า "สมเด็จองค์ปฐมพระพุทธเจ้า"
    ขวามือมีคำว่า "ไม่ดูดรั้ง ไม่ผลักต้าน"
    ซ้ายมือมีคำว่า "นิพพานเป็นสุขยิ่ง"
    ซอกข้อพระกรขวา "รวย" ซ้าย "สุข
    ใต้รูปหลวงปู่ทวด "เอวัง โหตุ"
    ส่วนด้านหลัง "พระรัตนตรัย ๓ กาล"
    นะโม พุทธายะ
    พระปัจเจกพุทธเจ้า
    ตรงกลาง-ตราสัญลักษณ์พระสังฆราช ซ้าย-ขวามีธรรมจักร
    พระโพธิสัตว์
    พระอริยสงฆ์
    สมเด็จพระสังฆราช
    อริยสัจ ๔ ให้ถึงพร้อม
    ด้วยความไม่ประมาทเถิด
    วัดบวรนิเวศวิหาร
    ด้านข้างขวามือ "เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
    ด้านข้างซ้ายมือ "รู้แจ้ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"

    ...เป็นพระเครื่องสี่เหลี่ยมพื้นที่ไม่กี่ตาราง ซม. แต่บันทึกอักษรธรรมครอบคลุม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ท่านพินิจดูด้วยปัญญาแล้วจะเข้าใจแจ่มแจ้งว่า ทั้งหลวงปู่ทวดและทั้งสมเด็จพระญาณสังวร....บรรลุธรรมอยู่ในชั้นใด เพราะระบุไว้เสร็จสรรพ!

    images?q=tbn:ANd9GcRgNHiPn0dUSYAWn_OyQqBCV3uluzC3lXhJ0Ct4bY6neFVqBZUoPw.jpg
    images?q=tbn:ANd9GcQkxvQ-OPpQLli4_gIzAgZmAjJLRHh2MqgN2n40EwcBluvApINa.jpg
    องค์ประกอบด้านหลัง

    -พระรัตน์ตรัย 3 ประการ
    -นะโมพุทธายะ

    -พระปัจเจกพระพุทธเจุ้า
    -พระยอดธงมหาพิชัยสงครามทั้ง 2
    -ราสัญลักษณ์รูปวงกลมของฐานที่ 7 และเหยิน หยาง
    -เหยิน หยาง
    -พระโพธิสัตว์
    -พระอริยะสงฆ์
    -ตรา ญญส.
    -สมเด็จพระสังฆราช
    -อริยะสัจ 4 ให้ถึงพร้อมด้วยวามไม่ประมาทเถิด
    -เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    -รู้แจ้ง อนิจจัุง ทุกขังอนัตตา
    -วัดบวรนิเวศวิหาร
    -บุญบารมีประเทศไทยเจริญธรรม
    -ตราสัญลักษณ์ธรรมจักร

    "สมเด็จองค์ปฐม"
    buddha01.jpg buddha02.jpg
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

    ภาพถ่าย : ปาฏิหาริย์สมเด็จองค์ปฐม ที่ถ้ำวังทอง จ.พัทลุง

    “สมเด็จองค์ปฐม”
    หมายถึง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม สิกขีที่ ๑ สมเด็จองค์ปฐม ท่านเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก ทรงพระนามว่า สมเด็จพระพุทธสิกขี เนื่องจากพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้วมากมายนับได้แสนองค์ ฉะนั้น พระนามของแต่ละพระองค์อาจซ้ำกัน โดยเฉพาะพระนาม สมเด็จพระพุทธสิกขี มีด้วยกัน ๕ พระองค์ จึงได้ขานพระนามของสมเด็จองค์ปฐมว่า พระพุทธสิกขีที่ ๑ จึงนับได้ว่าพระพุทธองค์ ทรงเป็นสมเด็จองค์ปฐมบรมครูอย่างแท้จริง

    สมัยที่พระพุทธองค์ ได้ทรงอุบัติในโลกมนุษย์ ซึ่งขณะนั้นคนมีอายุขัยประมาณ ๘ หมื่นปี พระพุทธองค์ทรงผนวชออกมหาภิเนษกรมณ์ เมื่อพระชนมายุได้ ๔ หมื่นปี หลังจากผนวชได้ ๒ หมื่นปี จึงทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรกของโลก พระพุทธองค์ทรงโปรดเวไนยสัตว์ ประมาณ ๒ หมื่นปี จึงได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธองค์ทรงใช้เวลาอันยาวนานถึง ๔๐ อสงไขยกัปเศษ ในการบำเพ็ญพระบารมี เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณด้วยพระองค์เอง ทรงใช้เวลาอันยาวนาน ในการบำเพ็ญพระบารมี เนื่องจากพระพุทธองค์ เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก จึงไม่มีแบบอย่าง ที่จะให้พระพุทธองค์ได้ศึกษาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อบรรลุพระโพธิญาณ ระยะเวลาที่บำเพ็ญพระบารมีจึงใช้ถึง ๔๐ อสงไขยกัปเศษ

    จากหนังสือมรดกของพ่อ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี (พระนิพพาน ไมาใช่ภาษาพูด ไม่ใช่ภาษาเขียน แต่เป็นภาษาปฏิบัติ)


    “สมเด็จองค์ปฐม” จึงหมายถึง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ ๑ ของโลก องค์แรกสุดของโลก ถ้าลองสมมติว่า มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มาตรัสรู้ในโลกนี้ เป็นจำนวนเท่ากับ ๑๐๐,๐๐๐ พระองค์แล้ว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม ย่อมเป็นองค์ที่ ๑ หรือเป็นองค์แรกสุด หรือเป็นองค์ปฐมแรกสุด ของทั้งจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ พระองค์ พระราชพรหมยาน หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร (ฤาษีลิงดำ) อดีตเจ้าอาวาส วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เป็นผู้นำมาเผยแผ่ให้ได้รู้จักกันในวงกว้างขวาง และยังได้กล่าวถึงพระนามของสมเด็จองค์ปฐม ของโลกมนุษย์ คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม สิกขีที่ ๑

    สมมติว่า ถ้าหากในทุกๆ มหาอนันตจักรวาลสากลพิภพ ยังมีพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น หรือมีพระรัตนตรัย และเหล่าพุทธบริษัท ๔ เกิดขึ้นเป็นจริงแล้วไซร้ คำว่า สมเด็จองค์ปฐม ก็ย่อมยังหมายถึง สมเด็จองค์ปฐมทุกๆ พระองค์ แห่งทุกๆ มหาอนันตจักรวาลสากลพิภพ แต่ถ้าหากไม่มีอยู่จริง ก็หมายถึงแต่สมเด็จองค์ปฐม แห่งโลกมนุษย์นี้เท่านั้น แต่มีคัมภีร์บางเล่มในพุทธศาสนามหายาน ได้กล่าวถึง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่อยู่ไกลออกไปจากโลกมนุษย์ เป็นโลกธาตุที่มีชื่ออยู่หลายชื่อ

    รูป “ธงมหาพิชัยสงคราม” บางส่วน ในวงกลมที่มีรูปภาพพระพุทธเจ้า ประทับนั่งอยู่บนแท่นบัลลังก์ ทั้ง ๒ ข้าง
    หมายถึง รูปภาพสัญลักษณ์เหล่านี้ ได้ตัดตอนเอาเฉพาะบางส่วนมาจาก รูปภาพธงมหาพิชัยสงคราม ซึ่งได้มีความเชื่อกันว่า เป็นธงสำหรับนำทัพออกรบเพื่อกู้ชาติ ของพระนเรศวรมหาราช และของพระเจ้าตากสินมหาราช ในการทำศึกสงคราม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ แก่ทหารในกองทัพ จนสามารถกอบกู้ชาติได้สำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว
    รูป “พระพุทธเจ้าทรงประทับนั่งบนแท่นบัลลังก์ อยู่ในซุ้มเรือนแก้ว รูปใบเสมา”
    หมายถึง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ตัวแทน แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์
    “ประภามณฑล พระฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการ”
    หมายถึง รัศมีรอบศีรษะ หรือ กายของผู้ศักดิ์สิทธิ์ รัศมี ๖ ประการ ซึ่งเปล่งออกจากพระวรกายของพระพุทธเจ้า คือ

    ๑.นีลเขียวเหมือนดอกอัญชัญ
    ๒.ปีตเหลืองเหมือนหรดาลทอง
    ๓.โลหิตแดงเหมือนแผ่นเงิน
    ๔.โอทาตขาวเหมือนแผ่นเงิน
    ๕.มัญเชฐสีหงสบาท เหมือนดอกเซ่ง หรือ หง่อนไก่
    ๖.ประภัสสรเลื่อมพราย เหมือนแก้วผลึก

    “ฉัตร ๙ ชั้น ตั้งอยู่บนหางพญานาค ๒ ตน ทั้ง ๒ ข้าง”
    หมายถึง ร่มที่ซ้อนกันเป็นลำดับชั้น ตั้งแต่ ๓ - ๕ – ๗ - ๙ ชั้น เป็นเครื่องบูชาที่เป็นเกียรติยศอันสูงสุด ทั้งทางโลกและทางธรรม ที่มีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์
    รูป “หลวงปู่ทวด นั่งอยู่บนอาสนะบนแท่น ในซุ้มเรือนแก้วรูปใบเสมา”
    หมายถึง เป็นสัญลักษณ์แห่งตัวแทนของพระสงฆ์ทั้งหมด ท่านเป็นพระสงฆ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มาจากแดนใต้ เมืองพัทลุง ท่านเป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดพะโคะ มีบางท่านเชื่อกันว่า หลวงปู่ทวดเป็นพระโพธิสัตว์ที่กำลังสร้างบารมีให้เต็ม และจะได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรย ซึ่งเป็นองค์ต่อไปในอนาคต นับต่อจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคดม องค์ปัจจุบัน
    “พญานาค ทั้ง ๒ ตน อยู่ฝั่งละด้าน”
    หมายถึง เพื่อเป็นตัวแทนแห่งเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหมด ที่มีความเคารพ เลื่อมใส ศรัทธา ได้อุทิศตนมารับใช้ มาประพฤติ ปฏิบัติธรรม ในพระพุทธศาสนา หมายถึง ความเป็นของคู่ แห่งพญานาคเพศผู้ และพญานาคเพศเมีย เพศตรงกันข้าม เพื่อการสืบเผ่าพันธุ์ เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ ให้ได้คงอยู่และได้พัฒนาให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป
    ชื่อ “พระพุทธโคดม”
    หมายถึง เป็นชื่อพระนามขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน แห่งภัทรกัปปัจจุบันนี้ ยังมีพระนามเฉพาะอีก คือ โคตรมะสักกะ (ศากยะ), สักยมุนี (ศากยมุนี), สักยสีห (ศากยสิงห์), สิทธัตถะ, สุทโธทนิ อาทิจจพันธุ์

    พระองค์เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า โคดม (โคตมพุทธ) เจริญในศากยสกุล พระนครอันเป็นถิ่นกำเนิด ชื่อ กบิลพัสดุ์ พระบิดา คือ พระเจ้าสุทโธทนะ พระมารดามีพระนามว่า มายาเทวี ทรงครองฆราวาสอยู่ ๒๗ ปี มีปราสาท ๓ หลัง ชื่อ สุจันทะ โกกนุท และโกญจะ มเหสีพระนามว่า ยโสธรา โอรสพระนามว่า ราหุล ทรงทอดพระเนตรเห็นนิมิต ๔ ประการแล้ว เสด็จออกผนวชด้วยม้ากัณฑกะเป็นราชยาน มีนายฉันนะ เป็นสารถี บำเพ็ญทุกรกิริยาอยู่ ๖ ปี ประกาศธรรมจักรที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี แก่ปัญจวัคคีย์ พระอัครสาวกทั้งสอง คือ พระอุปติสสะ (พระสารีบุตร) และพระโกลิตะ (พระมหาโมคคัลลานะ) พุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่า พระอานนท์ พระอัครสาวิกาทั้งสอง คือ พระภิกษุณีเขมา และ พระภิกษุณีอุบลวรรณา อัครอุปัฏฐากอุบาสก คือ จิตตคฤหบดี และ หัตถกะอาฬวกะ อัครอุปัฏฐากยิกาอุบาสิกา คือ นันทมารดา (หมายถึง เวฬุกัณฏกีนันทมารดา) และ อุตตรา (หมายถึง ขุชชุตตรา) ตรัสรู้พระสัมโพธิญาณที่ควงไม้อัสสัตถพฤกษ์ (คือ ไม้อัสสัตถะ เป็นต้นโพธิ์) มีสาวกสันนิบาต (การประชุมพระสาวก) ครั้งใหญ่ ครั้งเดียว ภิกษุผู้เข้าร่วมประชุม ๑,๒๕๐ รูป ล้วนเป็นพระอรหันต์ และเป็นเอหิภิกขุ ทรงดำรงชนม์อยู่ภายในอายุขัย ๘๐ ปี ได้ช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้อย่างมากมาย ทั้งตั้งคบเพลิงธรรม ไว้ปลุกคนภายหลัง ให้เกิดมีปัญญาได้บรรลุธรรม ได้ตรัสรู้ต่อไป
    ชื่อ “หลวงปู่ทวด”
    หมายถึง เป็นชื่อของพระสงฆ์รูปหนึ่ง ชื่อจริงในสมัยเด็ก คือ ปู ฉายาทางพระคือ ราโม ธมฺมิโก คนทั่วไปเรียกว่า สามีราม เป็นพระในช่วงกลางสมัยอยุธยา อยู่แดนใต้ เมืองพัทลุง เป็นเจ้าอาวาสวัดพะโคะ ปัจจุบัน ถิ่นที่กำเนิดของท่านและวัดพะโคะ อยู่ในจังหวัดสงขลา ส่วนอีกวัด คือ วัดช้างให้ เป็นที่เก็บอัฐิของท่าน และมีพระอาจารย์ทิม และเหล่าสหธรรมิก ได้ร่วมกันสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดเนื้อว่านเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗ จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก รวมถึงรุ่นต่อๆ มา
    “เอวังโหตุ”
    หมายถึง เป็นการกล่าวยืนยัน ตามความปรารถนาของผู้ขอ ที่ได้กระทำการสร้างบุญบารมีไว้ดีแล้ว ถูกต้องดีแล้ว อย่างบริสุทธิ์ ชอบธรรม จงพลันสำเร็จเป็นจริง ตามเหตุและผล เป็นปัจจัยยืนยัน แห่งการกระทำนั้นๆ ที่ได้ทำกรรมเอาไว้สำเร็จแล้วด้วยดี ย่อมได้รับประโยชน์ และความสุข ซึ่งเป็นผลลัพธ์ ย่อมตรงตามเหตุอย่างเที่ยงตรง แห่งการกระทำกรรมนั้นๆ อย่างแน่นอน เอวังโหตุ จะเป็นคำกล่าวเมื่อมีการกระทำกรรมที่ดี เป็นบุญกุศล
    “รุ่น ๑” อยู่ในรูปใบโพธิ์
    หมายถึง เป็นพระเครื่อง รุ่นที่ ๑ จะทำอะไรก็ตาม ที่สำคัญต้องเริ่มต้นให้ถูกต้อง ให้บริสุทธิ์ ให้ดี ให้เที่ยงตรง ให้มั่นคง การวางรากฐานเป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องคิดให้ถูกให้ดี ต้องพูดให้ถูกให้ดี ต้องทำให้ถูกให้ดี ถ้า ๑ ผิด ๒ ก็ย่อมผิด ๓ ก็ผิดตามกันมา
    “ใบโพธิ์”
    หมายถึง ใบโพธิ์นี้มาจากต้นโพธิ์ จึงสมมติเปรีียบเสมือนเป็นใบโพธิ์ที่มาจากต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคดม ได้ประทับ ณ ภายใต้ร่มเงาในคราวตรัสรู้
    ได้แก่ พันธุ์ไม้อัสสัตถะ (ต้นโพ) ต้นที่อยู่ ณ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลคยา ส่วนหน่อของต้นโพธิ์ตรัสรู้ต้นเดิมที่คยา ได้ปลูกเป็นต้นแรกในสมัยพุทธกาล (ปลูกจากเมล็ด) ที่ประตูวัดพระเชตวัน โดยพระอานนท์ เป็นผู้ดำเนินการตามความปรารถนาของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และเรียกชื่อว่า อานันทโพธิ ต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้ เกิดขึ้นเป็นของคู่บุญบารมีโดยเฉพาะ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคดม
    “พ.ศ. ๒๕๕๕” อยู่ในรูปใบโพธิ์
    หมายถึง พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปี พ.ศ. ที่เริ่มออกแบบ อยู่ในรูปใบโพธิ์ หมายถึง พระพุทธศาสนาจะไปสิ้นสุด เมื่อหลังจาก พ.ศ. ๕๐๐๐ ปี ไปแล้ว ตามที่พระอานนท์เถระ พุทธอุปัฏฐาก ได้กราบทูลขอต่อพระพุทธศาสนา จากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคดม และพระพุทธองค์ก็ทรงพระอนุญาตแล้ว
    “รวย – สุข”
    หมายถึง รวยด้วยและมีความสุขด้วย เมื่อมีสติปัญญา มีความรอบรู้ มีความสามารถ และยังได้ประพฤติปฏิบัติ ทั้งทางโลกและทางธรรม ได้อย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำร้ายใคร ไม่เห็นแก่ตัว หาทรัพย์สมบัติมาได้โดยชอบธรรม ยิ่งหาได้มากเท่าไร ก็ยิ่งบริจาคช่วยเหลือ โดยไม่หวังผลตอบแทน แก่สาธารณะมากขึ้นเท่านั้น ส่วนตัวเองและครอบครัว ใช้จ่ายทรัพย์แบบพอเพียง เมื่อรู้จักพอ ก็เป็นคนรวย และเมื่อประพฤติปฏิบัติธรรม พร้อมกับการดำรงชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ ก็ย่อมมีความสุข
    “นิพพานเป็นสุขยิ่ง”
    หมายถึง เป็นคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นิพพาน หมายถึง เย็น การสิ้นกิเลส หลุดจากกิเลส การดับกิเลส และกองทุกข์ เป็นโลกุตตรธรรม และเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา เย็นลงแห่งไฟกิเลส ไฟกิเลส คือ ราคะ โทสะ โมหะ จนเย็นสนิท ภาวะที่จิตนั้นไม่ถูกทำให้เร่าร้อน เจ็บปวดอีกต่อไป ไม่ทุกข์ ดับทุกข์สนิท หยุดความอยาก หยุดการกระทำตามความอยาก หยุดเสวยผลของการกระทำตามความอยาก
    “ไม่ดูดรั้ง ไม่ผลักต้าน”
    หมายถึง เป็นคำสอนของท่านผู้รู้ เป็นธรรมชาติแห่งใจที่เป็นกลาง ที่สมดุล เป็นสภาวะธรรมชาติที่สมบูรณ์ บริบูรณ์ ครบถ้วนถูกต้องดีแล้ว เท่ากับ จิตหนึ่ง บันทึกชึนเชา ของครูบาฮวงโป (ตวนชิ) แห่งนิกายเซ็น และหลวงปู่ดุลย์ และท่านเป่ยลุ่ย

    จิตหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น และไม่อาจจะถูกทำลายได้เลย มันไม่ใช่เป็นของมีสีเขียว หรือสีเหลือง และไม่มีทั้งรูป ไม่มีทั้งการปรากฏ มันไม่ถูกนับรวมอยู่ในบรรดาสิ่ง ทั้งที่มีการตั้งอยู่ และไม่มีการตั้งอยู่ มันไม่อาจจะถูกลงความเห็นว่า เป็นของใหม่ หรือของเก่า มันไม่ใช่ของยาว ของสั้น ของใหญ่ ของเล็ก ทั้งนี้ เพราะมันอยู่เหนือขอบเขต เหนือการวัด เหนือการตั้งชื่อ เหนือการทิ้งร่องรอยไว้ และเหนือการเปรียบเทีียบทั้งหมดทั้งสิ้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2017
  10. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    H17) พระสมเด็จ ญญส.(“สมเด็จพระสัมมาสัมพุทโธพุทธโคดม”)"บุญบารมีประเทศไทยเจริญธรรม"-รุ่น ๑ สละชีพเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มวลสารจำนวนมากกว่า 10,000 รายการ จำนวนหลายแสนชนิด จากผู้ศรัทธาในพระรัตนตรัย หายากยิ่งในปัจจบัน แบ่งปันองค์ละหนมๆ 500.-.(รายการนี้ทุกบาททุกสตางค์...รวมสร้างกุฏิสงฆ์-บูรณะวิหารวัดหลวงตาอภิชาติบุตร/ลป.สุมา สจฺจวโร)ผมมีให้ร่วมบุญจำนวน 30 องค์รับ...ส่งให้ฟรีถึงบ้านครับ...((ร่วมบุญ 2,000 รับไป 5 องค์ครับ))
    image.jpg
    มีรายละเอียดการสร้างมอบให้ด้วยครับ
    image.jpg
    สุดยอดมวลสาร...สุดยอดเกจิพระอาจารย์ปลุก
    image.jpg
    โดยเฉพาะ พระอาจารย์อินทร์ถวาย ท่านไม่ให้สร้างวัตถุมงคลของท่านโดยเด็ดขาด จึงนับเป็นโอกาสดีที่จะมีมงคลที่ท่านปลุกเสก เอาไว้บูชาครับ
    image.jpg

    ปลุกเสก-เมตตาอธิษฐานจิตโดย
    images?q=tbn:ANd9GcS9KcBhd5ND8UUcrUnF4PVs-AlDmb10d8x_1IWWhOCAW7uOv8UZsA.jpg B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%991.jpg

    1.พระอาจารย์เยื้อน ชนฺตพโล วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ.สุรินทร์ ศิษย์หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม,ลต.มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
    _resize_629.jpg
    2.พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตฺสสโก วัดป่านาคำน้อย จ.อุดรธานี ศิษย์หลวงปู่คำ คัมภีรญาโณ,ลป.หล้า เขมปัตโต,ลป.จาม มหาปฺญโญ,ลป.แหวน สุจิณโณ,ลป.เต็ม ขันติโก วัดป่าโคกสาคร อ.น้ำโสม จ.อุดรฯ และล.มหาบัว ญาณสัมปันโนวัดป่าบ้านตาด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2017
  11. wutchara0342

    wutchara0342 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2017
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +196
    ขอจอง 1 องค์ครับ
     
  12. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    สาธุ...ขออนุโมทนาบุญทั้งปวงครับ...
     
  13. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ++บันทึกประวัติศาสตร์มวลสารมากที่สุดในโลกครับ++
    image.jpg image.jpg image.jpg image.jpg
    มีรายละเอียดให้ด้วยครับผม
     
  14. Purisa

    Purisa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +114
    จอง1องค์ค่ะ
     
  15. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ปิด H18) พระหลวงพ่อพระใส ปี 05 หน้านาง-สมาธิ หลังปิดเกศา-จีวร หลวงปู่ชม โอภาโส ศิษย์ ลป.พิบูลย์ (วัดบ้านแดง) จ.อุดรธานี ปลอดภัยทั่วไทยรับเลี่ยมพร้อมใช้ สภาพสวยหายากครับ แบ่งปันองค์ละหนมๆ 3,000.-
    image.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2018
  16. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ปิด H19) เหรียญ"รุ่นแรก"หลวงปู่สุภาพ ธมฺมปัญโญ วัดทุ่งสว่าง จ.สกลนคร ศิษย์กรรมฐาน ในพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สภาพสวยหายากครับ แบ่งปันองค์ละหนมๆ ราคาหลักพันไม่เอา ขอหนมๆที่ 500.-
    image.jpg
    ประวัติท่าน(คลิก)

    1636-7341.jpg 1635-8704.jpg

    สุดยอดพระสายกรรมฐานศิษย์พระอาจารย์มั่น ท่านเป็นพระอาจารย์ผู้สอนกรรมฐานให้กับหลวงปู่เนย หลวงปู่ผ่าน เป็นพระสงฆ์ที่เก็บตัวเงียบ ออกเหรียญเพียงรุ่นเดียว โดยท่านเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด เหรียญรุ่นนี้หายากน่าเก็บ เพราะตอนนี้ลูกศิษย์ลูกหาท่านหลายรูปกำลังเป็นเดอะสตาร์ของวงการครับ

    หลวงปู่สุภาพ ธมฺมปัญโญ ผู้มุ่งมั่นในธรรม

    หลวงปู่สุภาพ ธัมมปัญโญ ผู้มุ่งมั่นในธรรม
    เดือน ก.พ. 2534 ภาพถ่ายในงานถวายเพลิงศพ หลวงปู่สุภาพ ธัมมปัญโญ วัดทุ่งสว่าง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ทำให้นามของท่านดังก้องไปทั่วภาคอีสาน
    ภาพใบนั้นถูกถ่ายโดยชาวแคนาดาชื่อ เคริก โคปแปลน ที่ถ่ายภาพเปลวไฟกำลังลุกไหม้ระหว่างการถวายเพลิงศพ แต่เมื่อล้างภาพออกมาแล้ว กลับปรากฏเป็นภาพหลวงปู่นั่งอยู่กลางกองเพลิง
    หลวงปู่สุภาพเป็นศิษย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และเป็นหนึ่งในยอดคนเร้นกายด้วยอุปนิสัยที่ชอบเก็บตัวเงียบ พูดน้อย สันโดษ และปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งยศศักดิ์ต่างๆ จึงที่มิค่อยมีประวัติบันทึกเอาไว้มากนัก
    เมื่อมีผู้ถามเรื่องนี้กับท่านจึงได้รับคำตอบว่า “หลวงปู่ชอบสงบ ไม่ประสงค์อื่น เสียเวลามามากแล้ว เวลานี้อายุก็มาก จะมัวรีรออย่างอื่นไม่ได้หรอก”


    หลวงปู่สุภาพมีนามเดิมว่า สุภาพ จรรยา เกิดเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2465 ที่บ้านโคกคอน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวชาวนา ชีวิตวัยเยาว์ของ ด.ช.สุภาพ ต้องช่วยครอบครัวทำนาหาเลี้ยงชีพมาตั้งแต่เล็ก ด้วยนิสัยที่ชอบเรื่องบุญเรื่องกุศลจึงได้ขอบิดามารดาบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุครบ 17 ปี โดยได้เข้า|บรรพชาที่วัดธาตุมีชัย ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร อันเป็นวัดประจำหมู่บ้าน
    บรรพชาแล้วสามเณรสุภาพ ก็ได้มีโอกาสศึกษาเท่าที่ครูบาอาจารย์จะเมตตาให้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการหาเรียนหาอ่านเองเสียมากกว่า เนื่องจากไม่มีครูบาอาจารย์มาอบรมใกล้ชิด ผู้ที่บวชในยุคนั้นเมื่อบวชเข้ามาแล้วก็มักจะอยู่เฉยๆ ไม่มีโอกาสศึกษาการประพฤติ ปฏิบัติอันเนื่องมาจากไม่มีผู้สอน
    บวชอยู่ได้ 2 ปีจึงสึกออกมาช่วยครอบครัวทำมาหาเลี้ยงชีพต่อด้วยรู้สึกสงสารที่บิดามารดาต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงน้องร่วมสายเลือดอีกหลายชีวิต แต่ใจก็ยังคงคิดถึงการบวชเป็นพระอยู่เสมอ และคิดไว้ว่าหากทำงานหาเงินให้ครอบครัวพอหมุนเวียนได้เมื่อไหร่ก็จะไปบวชเป็นพระอีกครั้ง
    หลังก้มหน้าทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวอยู่หลายปีจนบิดามารดาและน้องๆ ไม่ได้รับความลำบากอีกแล้ว หลวงปู่สุภาพจึงสละทางโลกหันหน้าเข้าสู่ทางธรรม โดยอุปสมบทเป็นพระภิกษุในฝ่ายมหานิกาย ที่วัดธาตุมีชัย ซึ่งเป็นวัดเดียวกับที่ท่านเคยบวชเณรนั่นเอง
    ครั้นบวชแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ศึกษาการปฏิบัติภาวนาเสียที ท่านจึงเริ่มมองหาครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่อที่จะไปขอโอกาสอยู่ฝึกปฏิบัติด้วย
    5 ปีต่อมา หลวงปู่สุภาพจึงญัตติใหม่ในฝ่ายธรรมยุตเมื่อปี 2491 ที่วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อ.บ้านดง จ.อุดรธานี ญัตติเรียบร้อยแล้วท่านก็มาจำพรรษาที่วัดทุ่งสว่าง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร จากนั้นจึงมุ่งไปพบหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ หนึ่งในศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ที่บ้านดงเย็น จ.อุดรธานี เพื่อที่จะกราบขอโอกาสในการอยู่ฝึกปฏิบัติภาวนาด้วย
    เมื่อพบกัน หลวงปู่พรหม ก็ถามขึ้นก่อนว่า “เอาจริงหรือ” หลวงปู่สุภาพจึงตอบไปว่า “กระผมตั้งใจจะมาขอรับการปฏิบัติจากท่าน ขอเมตตาสั่งสอนผู้น้อยด้วยเถิดครับ”
    ได้ฟังคำยืนยันดังนั้น หลวงปู่พรหมจึงเมตตาให้อุบายธรรมในการปฏิบัติ ท่านว่า “ทำภาวนานั้น พุทโธ เรื่อยๆ ไป ทำความเพียรมากๆ ทำติดต่อกันไป หนึ่งปีไม่ได้อะไร ก็สองปีสามปี ต้องดีสักวันหนึ่ง”
    สิ่งอื่นไม่ต้องระวังจนเกินไปจงทำภาวนาพุทโธอย่างเดียว สิ่งที่ไม่รู้ ก็จะรู้ สิ่งที่ไม่เข้าใจก็จะเข้าใจ สิ่งที่ไม่เคยเห็น ก็จะเห็น ไม่ต้องถามใคร มันรู้มันก็จะหายสงสัยเอง ขอให้ใจสงบอย่างเดียวเท่านั้น มันจะไม่มีคำถาม นอกจากคำตอบอย่างเดียว
    ล่วงเข้าพรรษาที่ 2 หลวงปู่สุภาพจึงมีโอกาสไปกราบถวายตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น
    หลวงปู่สุภาพเมตตาเล่าเรื่องราวในช่วงนี้เอาไว้ว่า “เราคิดว่ายังอ่อนแออยู่ ไม่อยากให้ครูบาอาจารย์ท่านต้องพะวงกับเรา เวลานั้นกิตติศัพท์ของท่านหอมฟุ้งไปหมด จิตใจฝักใฝ่อยากไปพบ อยากไปกราบท่าน แต่ยังไม่ตัดสินใจจะเข้าไปบ้านหนองผือ เพราะคิดว่ายังภาวนาไม่เป็นก็ไม่อยากเป็นภาระกับครูบาอาจารย์ จนก่อนเข้าพรรษาจึงตัดสินใจไปกราบท่าน
    แรกๆ คิดว่าเข้าพบท่านพระอาจารย์มั่นยากและท่านคงดุ แต่เมื่อพบจริงๆ หลวงปู่เสียดายเวลากับลังเลใจมากนานแสนนาน เพราะคิดว่าเรายังไม่พร้อม เวลานั้นท่านชรามาก อาการอาพาธของท่านมีบ้างแล้ว แต่จิตใจของท่านกล้าหาญไม่เคยเสียทีแก่กิเลส ไม่วุ่นวายเหมือนคนแก่ใจฝ่อทั้งหลาย
    ท่านพระอาจารย์มั่นเมตตาแนะนำธรรมะทำให้เกิดกำลังใจมาก ได้พบหมู่คณะพระป่าด้วยกันอย่างเต็มที่ ได้กราบครูบาอาจารย์จำนวนมากที่มาชุมนุมกัน”
    หลวงปู่สุภาพอยู่กับพระอาจารย์มั่นจนกระทั่งออกพรรษา ท่านก็ละสังขารไป หลวงปู่สุภาพจึงกลับมาจำพรรษาที่วัดทุ่งสว่าง กระทั่งพรรษาที่ 3 จึงตัดสินใจออกเดินธุดงค์เข้าป่าเพื่อฝึกปฏิบัติภาวนา โดยเดินธุดงค์ไปในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน ภาคเหนือ รวมทั้งเคยไปจำพรรษาที่เขาพระวิหารประเทศกัมพูชา
    ระหว่างการเดินธุดงค์นั้นท่านร่วมปฏิบัติกับพ่อแม่ครูอาจารย์สายพระอาจารย์มั่นหลายองค์ อาทิ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ท่านพ่อลี ธัมมธโร พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และพระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย
    2558157-3f6a4.jpg

    ภาพถ่ายขณะถวายเพลิงศพ หลวงปู่สุภาพ ซึ่งปรากฎเป็นภาพหลวงปู่นั่งอยู่กลางกองเพลิง
    ระหว่างเส้นทางธุดงค์นั้นหลายครั้งหลายคราที่สังขารถูกรุมเร้าด้วยเวทนาอย่างหนักจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่หลวงปู่สุภาพก็ยึดเอาธรรมเป็นที่ตั้งจนผ่านมาได้ทุกครั้ง
    ท่านเมตตาเล่าความตอนนี้เอาไว้ว่า เมื่อคราวที่ธุดงค์ไปจำพรรษาที่เขาพระวิหารนั้น ได้อาพาธเป็นโรคมาลาเรียอย่างหนัก ท่านว่าความเจ็บป่วยด้วยโรคมาลาเรียครั้งนั้นบั่นทอนจิตใจตลอดถึงการภาวนามาก พอเป็นไข้ก็ลุกไม่ไหว เดินไม่ไหว
    “เวลาเจ็บปวดเหมือนใครเอาเชือกมารัดศีรษะ แล้วขมวดเกลียวเข้ามาๆ ปวดเหลือทน เลยขออธิษฐานจิตว่า แม้จะตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บก็ไม่ว่าละ ที่อาตมาสละบ้านเรือนมาอยู่ป่าดงพงไพรไกลญาติพี่น้อง ก็เพื่อธรรมะของพระพุทธเจ้า แม้ไม่พบธรรมะตายเสียก่อน ขอให้เป็นไปชาติหน้ากลับมาทำความเพียรต่อไปอีก”
    เมื่อยาที่จะรักษาก็ไม่มี หลวงปู่สุภาพจึงใช้ธรรมโอสถ เอาชนะโรคภัยที่รุมเร้า “เราฝึกฝนเอาความดี เอาธรรมเข้าสู่จิตใจมากๆ ที่สุด แล้วตั้งจิตให้มั่นคงต่อคุณความดีนั้น
    ส่วนความเจ็บป่วย ปวดรวดร้าวแค่ไหนก็ตาม อย่าให้มันไหลเข้าสู่จิตใจ ปิดจิตใจเสีย อย่าเปิดรับความเจ็บปวด ถ้าระงับได้ ธรรมโอสถก็สามารถรักษาโรคร้ายได้”
    “จิตใจมันไม่เคยทุกข์เลยนะ จิตมันสบาย อาการเจ็บไข้ได้ป่วยมันไหลเข้าสู่จิตใจไม่ได้ มันก็ดีแต่อยู่ภายนอก จิตใจมันสบายดีทุกอย่างไม่คลอนแคลน เวลานั้นมันเฉยๆ สบายแม้ตายเมื่อไรก็ไม่เป็นห่วง จิตใจมันมีที่พึ่งแล้ว มันก็สบาย
    “ส่วนโรคภายนอกก็พิจารณาธรรมะ เอาเวทนาตั้งไว้ แล้วเพ่งมองอยู่ด้วยจิตใจมั่นคง ในที่สุดธรรมโอสถก็สามารถระงับดับโรคร้ายนี้ได้จริงๆ”
    แม้ในช่วงหนึ่งอาการป่วยจะรุนแรงจนสังขารแทบจะทนไม่ไหว ท่านก็พยายามรวบรวมสติกำหนดรู้อยู่ตลอด หลวงปู่สุภาพเล่าช่วงเวลานั้นเอาไว้ว่า “เวลานั้นลมหายใจของเราค่อยๆ มันจะดับ กำลังวังชาหมดนะทำอะไรไม่ได้เลยเวลานั้น มันนอนอยู่เฉยๆ ลมหายใจเข้าไม่ถึงปอดนะ พอหายใจเข้ามันเหมือนกับมีอะไรมาดันลมเอาไว้ ก็กำหนดรู้ โอ...นี่เราใกล้จะตายแล้วนะ
    “ลมเฮือกที่ 2 หายใจเข้าสิ่งภายในไม่ยอมรับ มันดันลมมาถึงลิ้นปี่ ลมหายใจที่ 3 หายใจเข้าไปถึงกลางอกก็หยุดอีก เพราะมันเหมือนมีอะไรดันอุดตันไว้ ลมหายใจที่ 4 หายใจเข้าไปถึงแค่กระเดือก ก็หยุดแค่นั้น ดันลมไว้ไม่ให้เข้า เกือบจะหมดลมแล้วนะ ลมหายใจที่ 5 หายใจเข้าอีก คราวนี้ลมวิ่งไปได้นิดเดียวแล้วหยุด
    “ลมหายใจสุดท้าย หายใจเข้า มีลมนิด พอสัมผัสปลายจมูกก็เงียบไป ไม่ทราบว่าลมอะไรจึงว่างอย่างนี้ คิดนะ พอมันมีช่องว่าง ลมข้างนอกก็ดันเข้ามาทางจมูก นี่เป็นความรู้สึกในขณะนั้นนะ ลมหายใจก็ค่อยๆ ลึกลงๆ ลึกเข้าปอด จากนั้นก็หายใจเข้า-ออกสบายขึ้นเรื่อยๆ จนที่สุดก็เป็นปกติ”
    หลวงปู่จึงพูดกับหมู่คณะว่า “โอ...นี่เราตายไปแล้วนี่นะ กำหนดรู้ทุกขณะจิต เรารู้แล้วว่าคนตายมันเป็นอย่างนี้นี่เอง” หลังจากวันนั้นอาการก็ค่อยๆ ทุเลาและหายในที่สุด
    ด้วยอุปนิสัยพูดน้อยและเก็บตัว จึงทำให้ไม่มีเทศธรรมของหลวงปู่สุภาพ ถูกบันทึกไว้มากนัก แต่เทศนาธรรมสั้นๆ บางตอนที่มีผู้บันทึกไว้ ก็กินความในทางธรรมอย่างลึกซึ้ง
    “คนเราเกิดมาเหมือนคนตาบอด เพราะมีอวิชชาติดตามปกปิดตาเราเรื่อยมา มันไม่อยากจะเปิดตาให้เราเห็นความดีหรอก ก็เหมือนละครในจอกระจก มันเล่น มันร้อง มันตลก มันหัวร่ออยู่ในนั้น มันหลอกลวงตาเราตลอดเวลา เราก็ไม่ยอมละวางเที่ยวเพ่งมองมายาของมันนั้น
    “ต่อเมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านได้มาฉีกตาให้ดู ชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นธรรมะแท้ๆ ของพระพุทธเจ้า นี่เป็นของดีมีประโยชน์ ดังนั้นพวกเราจึงประพฤติปฏิบัติตาม การศึกษาธรรมวินัยให้ถือเป็นสิ่งสำคัญ ให้มีการฝึกฝนขยันหมั่นเพียร การทำความพากเพียรมากๆ นั้น จะเกิดอิสระทางจิตใจมาก ขออย่าได้เกียจคร้านเลย
    “ธรรมะมิใช่มายา มิใช่ของเล่น ใครก็ตามเมื่อรู้ธรรมะ ก็จงรีบเร่งปฏิบัติได้แล้ว”
    ท่านดำรงขันธ์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ศิษยานุศิษย์มาจนกระทั่งช่วงปี 2533 ท่านก็มีดำริให้ลูกศิษย์สร้างเหรียญบูชาขึ้นมา 1 รุ่น ในคืนที่ทำพิธีปลุกเสก ท่านก็เรียกช่างที่ดำเนินการทำเหรียญมาเพื่อชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดพร้อมกับมอบหมายงานต่างๆ ให้รองเจ้าอาวาสเป็นที่เรียบร้อย แล้วท่านก็เข้ากุฏิจำวัดในท่านั่ง รุ่งเช้าศิษย์ที่คอยอุปัฏฐากจึงพบว่าท่านละสังขารไปในท่านั่งในคืนที่ผ่านมานั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2018
  17. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    H20) เหรียญ"รุ่นแรก"เจ้าปู่ศรีสุทโธ นาคราช วังคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พิธีเสาร์ 5 บนเกาะคำชะโนด เกิดปาฏิหาริย์พระอาทิตย์ทรงกลดนานเป็นชั่วโมง ปลุกเสก..โดยหลวงปู่สม กวิสฺสโร วัดป่าพิศาลสุทธาวาส อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี, ลป.แก้ว สุจิณโณ วัดถ้ำเจ้าผู้ข้า จ.สกลนคร,ลพ.บัวทอง วัดอรัญวิเวก อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ร่วมพระภิกษุสงฆ์อีกกว่า 30 รูป ซึ่งมี พล.ต.ต.บุญลือ กอยางยาง รอง ผบก.ตร.ภูธร ภาค 4 เป็นประธาน และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มากมายหลายท่านเข้าร่วมในพิธีด้วย ขอหนมๆที่ 1,300.-
    image.jpg
    เหรียญดีพิธีใหญ่แห่งปี พิธีพุทธา-เทวาภิเษก ฤกษ์เสาร์ 5 เมื่อวันเสาร์ เดือน 5 แรม 5 ค่ำ วันที่ 1 เมษายน 2560 ปรากฏการณ์"พระอาทิตย์ทรงกลด" และก้อนเมฆบนท้องฟ้า เป็นรูปพญานาค ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของผู้คนร่วมพิธีเรือนหมื่น ตามความเชื่อของคนโบราณรุ่นเก่ามาจนถึงยุคปัจจุบัน เชื่อว่า..หากผู้ใดได้กราบไหว้สักการะบูชาพญานาคศรีสุทโธ ปู่พญานาคก็จะดลบันดาลให้เกิดโชคลาภ ความมั่งคั่ง ความมั่งมี ความผาสุข แก่ผู้เชื่อแลศรัทธา...ปลุกเสก..โดยหลวงปู่สม กวิสฺสโร วัดป่าพิศาลสุทธาวาส อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี, ลป.แก้ว สุจิณโณ วัดถ้ำเจ้าผู้ข้า จ.สกลนคร,ลพ.บัวทอง วัดอรัญวิเวก อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ร่วมพระภิกษุสงฆ์อีกกว่า 30 รูป ซึ่งมี พล.ต.ต.บุญลือ กอยางยาง รอง ผบก.ตร.ภูธร ภาค 4 เป็นประธาน และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มากมายหลายท่านเข้าร่วมในพิธีด้วย
    image.jpg

    โค๊ต"รวย"นิยม รันหมายเลขสวยโ ค ต ร ๆๆ No.45454
    image.jpg
    เลี่ยมพร้อมใช้...ใครไม่ค่อยมีโชค...หรือยังไม่มีบูชาเรียนเชิญครับ
     
  18. zero7

    zero7 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +306
    พระสวยๆ ดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2017
  19. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ยินดีด้วยครับ...รับทราบบุญนี้...ขอบพระคุณมากครับ
     
  20. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    main@2x.png
    ..ขอบพระคุณมิตรภาพจากเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่านทุกคน...

    ถือโอกาส...สวัสดีปีใหม่ 2561
    ....ขอให้ทุกท่าน จงหมดทุกข์หมดโศก ปลอดโรคปลอดภัย สิ่งชั่วร้าย อันตรายใดๆ ให้พินาศหายไป...ขอให้มีแต่สิ่งดีๆอันเป็นมงคลทั้งปวงเข้ามาเพิ่มเสริมเติมให้ชีวิตท่านและครอบครัว จงมั่งคั่งร่ำรวย เจริญๆด้วยจตุรพิธพรชัย 4 ประการ ประกอบด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ในปีใหม่ 2561 และทุกๆปีตลอดไป จงทุกประการ เทอญ
    นับถือยิ่ง

    ครูป้อม
    (namayti)
    T-9v9A9eSpcn8thhB4cBNATBHqEAf5-3OKaVCl7wUofg5yMHlzT8kFpAIQ7i0f2VAdxd=w300.png
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...