พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กระทู้สร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะรับมอบพระธาตุโมคคัลลานะ และพระกรุลำพูนอายุ๕๐๐-๗๐๐ ปี ที่คุณ:::เพชร:::<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1036171", true); </SCRIPT> ตั้งขึ้นเพื่องานบุญดังกล่าวนั้น คุณ:::เพชร:::<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1036171", true); </SCRIPT> ได้ตั้งไว้อยู่สองกระทู้คือ

    1.<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">palungjit.org > พุทธศาสนา</TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] พระเครื่อง - วัตถุมงคล </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะรับมอบพระธาตุโมคคัลลานะ และพระกรุลำพูนอายุ๕๐๐-๗๐๐ ปี
    http://palungjit.org/showthread.php?t=118352

    2.
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">palungjit.org > พลังจิต > ศูนย์ ประชาสัมพันธ์</TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] พระพุทธรูป - วัด โบสถ์ วิหาร - สิ่งก่อสร้าง </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะรับมอบพระธาตุโมคคัลลานะ และพระกรุลำพูนอายุ๕๐๐-๗๐๐ ปี
    http://palungjit.org/showthread.php?t=118381

    โมทนาทุกบุญกับทุกๆท่านครับ
    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมต้องขอโทษทุกๆท่านด้วยนะครับ
    เนื่องจากผู้ที่จะมาเฉลยยุ่งทั้งวันเลย ก็เลยไม่มีเวลาจะนำมาลง ท่านที่จะมาเฉลยว่าคืออะไร ลงแล้วอย่าลืมบอกกันด้วยนะครับ

    โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
    โมทนาสาธุครับ
     
  4. /_สายฟ้า_/

    /_สายฟ้า_/ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +999
    เรียนคุณสิทธิพงศ์

    ผมมีความเห็นว่าถ้ากระทู้มีความขัดแย้ง หากจะโดนลบก็ไม่ใช่ความผิดของเวปมาสเตอร์ เพราะเวปมาสเตอร์มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลเวปไซต์และดูแลความสงบเรียบร้อยภายใน

    คุณลองคิดดูให้ดีๆว่าบุคคลที่อยู่ในเวปวัดถ้ำเมืองนะไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งกันมาก่อน พอคุณมีปัญหาแค่นี้กลับทำเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอ้างครูบาอาจารย์และกล่าวหาให้เวปมาสเตอร์เสียหาย ควรพิจารณาตัวเองได้แล้วนะครับว่าคนตั้งหลายพันคนทำไมถึงไม่มีปัญหา แต่คุณทำไมเป็นเพียงแค่หนึ่งเดียว

    ไม่ต้องพูดกันถึงธรรมะหรอกครับ แค่น้ำใจความเป็นลูกผู้ชายคุณก็ไม่มีแล้ว แล้วผมอยากถามคุณนะครับ ว่าเวปมาสเตอร์ไปปรามาสครูอาจารย์ตรงไหนครับ ช่วยยกข้อความมาให้ชัดๆหน่อย คุณอย่าอ้างเอาความชอบธรรมเข้าตัว

    ผมมีเรื่องที่จะบอกคุณก็เพียงเท่านี้ ผมยอมรับว่าผมมีความสัมพันธ์อันดีต่อเวปมาสเตอร์ แต่อยากให้คุณสิทธิพงศ์และผู้อ่านทุกท่านได้พิจารณาว่าการกระทำของเวปมาสเตอร์ผู้ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเวปนั้นกระทำถูกต้องหรือไม่

    ถ้าไม่ลบกระทู้ทิ้ง คุณจะให้เวปมาสเตอร์ทำเช่นไร จะปล่อยให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างนั้นหรือ? แล้วคำพูดไหนของเวปมาสเตอร์ที่บอกว่าปรามาสครูอาจารย์ของคุณ? พูดกันให้เคลียร์ๆหน่อยครับ

    ป.ล.ผมไม่ได้มีเจตนาจะมาหาเรื่อง แค่อยากจะคุยกันแบบเปิดอก เอาให้เคลียร์ๆให้กระจ่าง อย่าทำตัวเหมือนไม่ใช่ลูกผู้ชาย พองอนนิดงอนหน่อยก็ออกมาว่าคนอื่นเค้า โถ....
     
  5. offerrer

    offerrer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +196
    "เราหยุดแล้ว ใยท่านจึงยังไม่หยุด"

    ขอสักนิดนะครับ อ่านมาหลายวันเลยคิดว่ามาทำสิ่งที่ดี บำรุงพระพุทธศาสนาต่อกันดีกว่านะ ทำบุญกันดีกว่าครับ รวมถึงการให้อภัยกันและกันด้วยครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีอยู่ 3 ข้อ ที่จะให้ไปคิด คิดให้ดีๆ คิดให้ลึกๆ ถ้าไม่เข้าใจให้ไปถามผู้ที่รู้จริงๆ ขอย้ำว่า ต้องเป็นผู้ที่รู้จริงๆเท่านั้น

    1.ให้ไปศึกษาเรื่อง กาลามสูตร ,กฎแห่งกรรม และ เหตุ-ผล
    2.นำเรื่องตามข้อ 1 ไปเป็นวิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้น หากยังไม่เข้าใจให้ไปถามผู้ที่รู้จริงๆ
    3.ถ้ายังไม่เข้าใจอีก ให้กลับไปดูข้อ 1 และข้อ 2


    เรื่องต่างๆต้องไปพิสูจน์เอง ว่าจริงหรือไม่ตามที่ผมได้เคยพูดไปแล้ว ที่สำคัญ ผมขอไม่รู้จักคุณครับ

    หมายเหตุ ท่านผู้อ่าน ย่อมมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปคุยกันในวงสนทนาก็ดี ,การมาแสดงความคิดเห็นบนบอร์ดต่างๆก็ดี หรือเป็นการคิดในใจ ให้ระวังเรื่องของกุศลกรรมบท 10 ให้ดีนะครับ และท่านผู้อ่าน ย่อมมีสิทธิในการเลือกทางเดินเป็นของตนเอง
    และ
    ในทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง และทุกๆเรื่อง ต้องยึดคำตรัสที่ "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม" พระองค์ท่านตรัสไว้ก็คือ "พระธรรม" เป็นต้นแบบฉบับครับ

    โมทนาสาธุครับ
    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตามหาคุณธรรม [​IMG]
    เรียนคุณสิทธิพงศ์

    ผมมีความเห็นว่าถ้ากระทู้มีความขัดแย้ง หากจะโดนลบก็ไม่ใช่ความผิดของเวปมาสเตอร์ เพราะเวปมาสเตอร์มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลเวปไซต์และดูแลความสงบเรียบร้อยภายใน

    คุณลองคิดดูให้ดีๆว่าบุคคลที่อยู่ในเวปวัดถ้ำเมืองนะไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งกันมาก่อน พอคุณมีปัญหาแค่นี้กลับทำเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอ้างครูบาอาจารย์และกล่าวหาให้เวปมาสเตอร์เสียหาย ควรพิจารณาตัวเองได้แล้วนะครับว่าคนตั้งหลายพันคนทำไมถึงไม่มีปัญหา แต่คุณทำไมเป็นเพียงแค่หนึ่งเดียว

    ไม่ต้องพูดกันถึงธรรมะหรอกครับ แค่น้ำใจความเป็นลูกผู้ชายคุณก็ไม่มีแล้ว แล้วผมอยากถามคุณนะครับ ว่าเวปมาสเตอร์ไปปรามาสครูอาจารย์ตรงไหนครับ ช่วยยกข้อความมาให้ชัดๆหน่อย คุณอย่าอ้างเอาความชอบธรรมเข้าตัว

    ผมมีเรื่องที่จะบอกคุณก็เพียงเท่านี้ ผมยอมรับว่าผมมีความสัมพันธ์อันดีต่อเวปมาสเตอร์ แต่อยากให้คุณสิทธิพงศ์และผู้อ่านทุกท่านได้พิจารณาว่าการกระทำของเวปมาสเตอร์ผู้ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเวปนั้นกระทำถูกต้องหรือไม่

    ถ้าไม่ลบกระทู้ทิ้ง คุณจะให้เวปมาสเตอร์ทำเช่นไร จะปล่อยให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างนั้นหรือ? แล้วคำพูดไหนของเวปมาสเตอร์ที่บอกว่าปรามาสครูอาจารย์ของคุณ? พูดกันให้เคลียร์ๆหน่อยครับ

    ป.ล.ผมไม่ได้มีเจตนาจะมาหาเรื่อง แค่อยากจะคุยกันแบบเปิดอก เอาให้เคลียร์ๆให้กระจ่าง อย่าทำตัวเหมือนไม่ใช่ลูกผู้ชาย พองอนนิดงอนหน่อยก็ออกมาว่าคนอื่นเค้า โถ....
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    น้องเองครับ

    พี่จะบอกว่า ในทุกๆสังคมย่อมมีความขัดแย้งกันเสมอ และเว็บบอร์ดเป็นสาธารณะ เป็นสิทธิที่ผู้ที่เป็นสมาชิกมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้ แต่การแสดงความคิดเห็นของแต่ละคน ก็จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงภูมิปัญญา ,วุฒิภาวะ ,การศึกษาและการอบรม และที่สำคัญเป็นสิ่งที่ผู้ที่แสดงความคิดเห็นเลือกหนทางเดินของตนเอง ต้องให้พิสูจน์เอง เมื่อถึงเวลาก็จะทราบด้วยตัวของตัวเอง

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เห็นต่างใช่ว่าจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ การยอมรับในความต่าง ต่างหากคือหัวใจของสันติภาพที่แท้จริง...
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตามหาคุณธรรม [​IMG]
    เรียนคุณสิทธิพงศ์

    ผมมีความเห็นว่าถ้ากระทู้มีความขัดแย้ง หากจะโดนลบก็ไม่ใช่ความผิดของเวปมาสเตอร์ เพราะเวปมาสเตอร์มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลเวปไซต์และดูแลความสงบเรียบร้อยภายใน

    คุณลองคิดดูให้ดีๆว่าบุคคลที่อยู่ในเวปวัดถ้ำเมืองนะไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งกันมาก่อน พอคุณมีปัญหาแค่นี้กลับทำเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอ้างครูบาอาจารย์และกล่าวหาให้เวปมาสเตอร์เสียหาย ควรพิจารณาตัวเองได้แล้วนะครับว่าคนตั้งหลายพันคนทำไมถึงไม่มีปัญหา แต่คุณทำไมเป็นเพียงแค่หนึ่งเดียว

    ไม่ต้องพูดกันถึงธรรมะหรอกครับ แค่น้ำใจความเป็นลูกผู้ชายคุณก็ไม่มีแล้ว แล้วผมอยากถามคุณนะครับ ว่าเวปมาสเตอร์ไปปรามาสครูอาจารย์ตรงไหนครับ ช่วยยกข้อความมาให้ชัดๆหน่อย คุณอย่าอ้างเอาความชอบธรรมเข้าตัว

    ผมมีเรื่องที่จะบอกคุณก็เพียงเท่านี้ ผมยอมรับว่าผมมีความสัมพันธ์อันดีต่อเวปมาสเตอร์ แต่อยากให้คุณสิทธิพงศ์และผู้อ่านทุกท่านได้พิจารณาว่าการกระทำของเวปมาสเตอร์ผู้ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเวปนั้นกระทำถูกต้องหรือไม่

    ถ้าไม่ลบกระทู้ทิ้ง คุณจะให้เวปมาสเตอร์ทำเช่นไร จะปล่อยให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างนั้นหรือ? แล้วคำพูดไหนของเวปมาสเตอร์ที่บอกว่าปรามาสครูอาจารย์ของคุณ? พูดกันให้เคลียร์ๆหน่อยครับ

    ป.ล.ผมไม่ได้มีเจตนาจะมาหาเรื่อง แค่อยากจะคุยกันแบบเปิดอก เอาให้เคลียร์ๆให้กระจ่าง อย่าทำตัวเหมือนไม่ใช่ลูกผู้ชาย พองอนนิดงอนหน่อยก็ออกมาว่าคนอื่นเค้า โถ....
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พี่จะบอกเหมือนคำตอบที่พี่ตอบน้องเอนะครับ
    "ต้องให้พิสูจน์ด้วยตัวของตัวเอง"

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เกือบลืม อย่าบอกว่าพี่นี่โหดร้ายนะครับ พี่ไม่ได้ทำอะไร ทุกๆคนย่อมมีสิทธิในการเลือกทางเดินของตนเอง ไม่มีใครสามารถไปกำหนดทางเดินของคนอื่นได้

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียนท่านผู้อ่าน

    ผมไม่รู้ว่าจะเป็นการแนะนำท่านผู้อ่านซึ่งผมไม่ทราบว่า แต่ละท่านเป็นอย่างไร เกรงว่า จะเข้ากับสุภาษิตไทยว่า "สอนหนังสือพระสังฆราช" หรือเปล่า

    แต่ด้วยความห่วงใยจากใจผมก็คือ การอ่านแล้วนำไปวิเคราะห์นั้น อย่าอ่านแล้วคิดไปเอง ต้องดูจากคำที่โพส ซึ่งถ้าอ่านไม่ดีแล้วจะคิดในลักษณะบิดเบือนประเด็น ต้องระวังครับ

    มาบอกอีกสักเรื่องซึ่งเป็นเรื่องสุดท้ายของความในใจ ในกระทู้ "ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร" ผมมีเจตนาในการเผยแพร่"พระไตรปิฎก" เนื่องจากว่าคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร(ในความคิดเห็นของผม คณะหลวงปู่ได้มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ) ซึ่งผมจะทยอยลงบนบอร์ดวัดถ้ำเมืองนะ ผมมาบอกเพียงเท่านี้ครับ และผมเองได้ไปพูดคุยกับเพื่อนๆในเรื่องนี้แล้วเช่นกัน

    โชคดีครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนงานบุญ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ
    ผมขอนำรูปพระพิมพ์ที่ผมจะนำมามอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญทุกท่านทราบก่อน ส่วนเรื่องของจำนวนเงินที่จะร่วมทำบุญและจำนวนพระพิมพ์ วันพรุ่งนี้ผมจะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้ง

    ชุดพิเศษ 2

    1.ครั้งแรกในเดือน มกราคม 2550
    ผมนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก การอาราธนาพระบารมี พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า
    ซึ่งผมเรียกพระพิมพ์ที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้ว่า พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2


    2.ครั้งที่สองในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
    ผมนำพระพิมพ์เข้าพิธีพุทธาภิเษก การอาราธนาพระบารมี พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์
    ซึ่งผมเรียกพระพิมพ์ที่นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งที่สองว่า พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2


    [​IMG]
    พระปิดตาวังหน้า(หลังแบบ)

    [​IMG]
    พระสมเด็จวังหน้า

    [​IMG]
    พระสมเด็จวังหน้า

    [​IMG]
    พระสมเด็จหลังเบี้ย

    [​IMG]
    พระสมเด็จไกเซอร์

    [​IMG]
    พระเก๋งจีนไตรโลกอุดร(เนื้อกรมท่า)

    [​IMG]
    พระเก๋งจีนไตรโลกอุดร(เนื้อปัญจสิริ)

    [​IMG]
    พระสมเด็จ(เนื้อปัญจสิริ)

    [​IMG]
    พระปิดตาวังหน้า(สองหน้า)

    [​IMG]
    พระปิดตาสี่กร (เนื้อปัญจสิริและเนื้อกรมท่า)

    [​IMG]
    พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (รักแดงหรือชาด)




    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ในสัปดาห์หน้า ผมจะมาแจ้งให้ทราบเรื่องของจำนวนพระพิมพ์และจำนวนเงินที่จะร่วมทำบุญ
    แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจอีกทั้งน้ำมันและทองมีราคาแพง ผมจึงจะให้ทำบุญที่น้อยกว่าเดิม เพื่อที่จะได้ร่วมกันทำบุญไปได้นานๆครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1032703#post1032703


    <TABLE class=tborder id=post1032703 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">12-03-2008, 10:56 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>NoOTa<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1032703", true); </SCRIPT>
    Super Moderator (หนูตา)
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 10:58 PM
    วันที่สมัคร: Jun 2005
    สถานที่: บนโลก..
    ข้อความ: 16,206 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 26,553 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 47,837 ครั้ง ใน 9,495 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 6537 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1032703 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ราคาน้ำมันในตลาดโลกทำสถิติเกือบถึง 110 ดอลลาร์
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (12 มี.ค.) ว่า

    ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงทำสถิติใหม่ทะยานขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดขึ้นไปเกือบ 110 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลแล้ว ท่ามกลางความกังวลที่มีต่อปริมาณน้ำมันในตลาด และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่นักค้าน้ำมัน กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะแกว่งตัวในระดับนี้ต่อไป เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเก็งกำไรของนักลงทุนทั้งหลาย


    มีรายงานว่า ราคาน้ำมันที่ตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนเมษายน ปรับเพิ่ม 85 เซนต์ ปิดที่ 108.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังทำสถิติสูงสุดในการซื้อขายระหว่างวันที่ 109.72 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลอนดอน สัญญาส่งมอบเดือนเมษายนขยับขึ้น 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 105.25 ดอลลาร์ หลังทำสถิติทะยานไปที่ 105.82 ดอลลาร์


    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ราคาน้ำมันอาจปรับตัวลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อยู่ในช่วงชะลอตัว แต่นักวิเคราะห์บางคน เชื่อว่า ความต้องการด้านพลังงานของจีนและอินเดียจะดูดซับปริมาณน้ำมันแทนถ้าความต้องการ



    _____
    ที่มา:ไทยรัฐ
    http://www.thairath.co.th/online.php...&content=82134
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    *************************************************************

    ให้ระวังเรื่องของเศรษฐกิจในครอบครัวด้วยนะครับ
    สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลย
    จะบอกอีกเรื่องก็คือ สภาพบัญชีกระแสรายวันโดยมวลรวมไม่ค่อยดีนัก ,บริษัทต่างๆ ปิดกิจการไปค่อนข้างเยอะครับ

    ขอตัวไปทำงานก่อนครับ
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2008
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เสริมนิดครับหุ้นก็กำลังจะลงอีกมากครับ โปรดระมัดระวังครับ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อวานนี้ ผมได้แจ้งหลวงพ่อแผน ที่สนส.บ่อเงินบ่อทอง สำหรับพระพิมพ์ที่ อ.จเร แห่งบ้านดวงธรรม ได้มอบพระพิมพ์ที่หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโนเมตตาอธิษฐานจิต จำนวน 800 องค์ อีกทั้งผมจะหาพระพิมพ์ประมาณ 100 องค์ร่วมถวายด้วย ว่าผมจะถวายพระพิมพ์ทั้งหมดเพื่อไว้ให้หลวงพ่อแผนท่านแจกผู้ที่ไปทำบุญที่ สนส.บ่อเงินบ่อทอง

    ขอโมทนาบุญกับ อ.จเรด้วยครับ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อานิสงค์ ของการสร้างบุญบารมี
    ( ทาน, ศีล, ภาวนา )
    โดย สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    http://www.kanlayanatam.com/sara/sara68.htm

    อานิสงค์ ของการสร้างบุญบารมี ( ทาน, ศีล, ภาวนา )
    โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ​

    ทาน

    การทำทาน ได้แก่การสละทรัพย์สิ่งของสมบัติของตนที่มีอยู่ให้แก่ผู้อื่น โดยมุ่งหวังจะจุนเจือให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และความสุขด้วยความเมตตาจิตของตน ทานที่ได้ทำไปนั้น จะทำให้ผู้ทำทานได้บุญมากหรือน้อยเพียงใด ย่อมสุดแล้วแต่องค์ประกอบ ๓ ประการ ถ้าประกอบถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบทั้ง ๓ ประการต่อไปนี้แล้ว ทานนั้นย่อมมีผลมาก ได้บุญบารมีมาก กล่าวคือ

    องค์ประกอบข้อที่ ๑ . " วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์ "
    วัตถุทานที่ให้ ได้แก่สิ่งของทรัพย์สมบัติที่ตนได้สละให้เป็นทานนั้นเอง จะต้องเป็นของที่บริสุทธิ์ ที่จะเป็นของบริสุทธิ์ได้จะต้องเป็นสิ่งของที่ตนเองได้แสวงหา ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ในการประกอบอาชีพ ไม่ใช่ของที่ได้มาเพราะการเบียดเบียนผู้อื่น เช่น ได้มาโดยยักยอก ทุจริต ลักทรัพย์ ฉ้อโกง ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ฯลฯ

    ตัวอย่าง ๑ ได้มาโดยการเบียดเบียนชีวิตและเลือดเนื้อสัตว์ เช่นฆ่าสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้นว่า ปลา โค กระบือ สุกร โดยประสงค์จะเอาเลือดเนื้อของเขามาทำอาหารถวายพระเพื่อเอาบุญ ย่อมเป็นการสร้างบาปเอามาทำบุญ วัตถุทาน คือเนื้อสัตว์นั้นเป็นของที่ไม่บริสุทธิ์ แม้ทำบุญให้ทานไป ก็ย่อมได้บุญน้อย จนเกือบไม่ได้อะไรเลย ทั้งอาจจะได้บาปเสียอีก หากว่าทำทานด้วยจิตที่เศร้าหมอง แต่การที่จะได้เนื้อสัตว์มาโดยการซื้อหามาจากผู้อื่นที่ฆ่าสัตว์นั้น โดยที่ตนมิได้มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจในการฆ่าสัตว์นั้นก็ดี เนื้อสัตว์นั้นตายเองก็ดี เนื้อสัตว์นั้นย่อมเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์ เมื่อนำมาทำทานย่อมได้บุญมากหากถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบข้ออื่น ๆ ด้วย

    ตัวอย่าง ๒ ลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ รวมตลอดถึงการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง อันเป็นการได้ทรัพย์มาในลักษณะที่ไม่ชอบธรรม หรือโดยเจ้าของเดิมไม่เต็มใจให้ทรัพย์นั้น ย่อมเป็นของที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นของร้อน แม้จะผลิดอกออกผลมาเพิ่มเติม ดอกผลนั้นก็ย่อมเป็นของไม่บริสุทธิ์ ด้วยนำเอาไปกินไปใช้ย่อมเกิดโทษ เรียกว่า " บริโภคโดยความเป็นหนี้ " แม้จะนำเอาไปทำบุญ ให้ทาน สร้างโบสถ์วิหารก็ตาม ก็ไม่ทำให้ได้บุญแต่อย่างไร สมัยหนึ่งในรัชการที่ ๕ มีหัวหน้าสำนักนางโลมชื่อ " ยายแฟง " ได้เรียกเก็บเงินจากหญิงโสเภณีในสำนักของตนจากอัตราที่ได้มาครั้งหนึ่ง ๒๕ สตางค์ แกจะชักเอาไว้ ๕ สตางค์ สะสมเอาไว้เช่นนี้จนได้ประมาณ ๒ , ๐๐๐ บาท แล้วจึงจัดสร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งด้วยเงินนั้นทั้งหมด เมื่อสร้างเสร็จแล้วแกก็ปลื้มปีติ นำไปนมัสการถามหลวงพ่อโตวัดระฆังว่าการที่แกสร้างวัดทั้งวัดด้วยเงินของแกทั้งหมดจะได้บุญบารมีอย่างไร หลวงพ่อโตตอบว่า ได้แค่ ๑ สลึง แกก็เสียใจ เหตุที่ได้บุญน้อยก็เพราะทรัพย์อันเป็นวัตถุทานที่ตนนำมาสร้างวัดอันเป็นวิหารทานนั้น เป็นของที่แสวงหาได้มาโดยไม่บริสุทธิ์ เพราะว่าเบียดเบียนมาจากเจ้าของที่ไม่เต็มใจจะให้ ฉะนั้น บรรดาพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายที่ซื้อของถูก ๆ แต่มาขายแพงจนเกินส่วนนั้น ย่อมเป็นสิ่งของที่ไม่บริสุทธิ์โดยนัยเดียวกัน

    วัตถุทานที่บริสุทธิ์เพราะการแสวงหาได้มาโดยชอบธรรมดังกล่าว ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นของดีหรือเลว ไม่จำกัดว่าเป็นของมากหรือน้อย น้อยค่าหรือมีค่ามาก จะเป็นของดี เลว ประณีต มากหรือน้อยไม่สำคัญ ความสำคัญขึ้นอยู่กับเจตนาในการให้ทานนั้น ตามกำลังทรัพย์และกำลังศรัทธาที่ตนมีอยู่


    องค์ประกอบข้อที่ ๒ . " เจตนาในการสร้างทานต้องบริสุทธิ์ "
    การให้ทานนั้น โดยจุดมุ่งหมายที่แท้จริงก็เพื่อเป็นการขจัดความโลภ ความตระหนี่เหนียวแน่นความหวงแหนหลงใหลในทรัพย์สมบัติของตน อันเป็นกิเลสหยาบ คือ " โลภกิเลส " และเพื่อเป็นการสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขด้วย เมตตาธรรมของตน อันเป็นบันไดก้าวแรกในการเจริญเมตตา พรหมวิหารธรรมในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น ถ้าได้ให้ทานด้วยเจตนาดังกล่าวแล้ว เรียกว่าเจตนาในการทำทานบริสุทธิ์ แต่เจตนาที่ว่าบริสุทธิ์นั้น

    ถ้าจะบริสุทธิ์จริงจะต้องสมบูรณ์พร้อมกัน ๓ ระยะ คือ

    ( ๑ ) ระยะก่อนที่จะให้ทาน ก่อนที่จะทานก็จะมีจิตที่โสมนัสร่าเริงเบิกบานยินดีที่จะให้ทาน เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขเพราะทรัพย์สิ่งของของตน

    ( ๒ ) ระยะที่กำลังลงมือให้ทาน ระยะที่กำลังมือให้ทานอยู่นั้นเอง ก็ทำด้วยจิตใจโสมนัสร่าเริงยินดีและเบิกบานในทานที่ตนกำลังให้ผู้อื่น

    ( ๓ ) ระยะหลังจากที่ได้ให้ทานไปแล้ว ครั้นเมื่อได้ให้ทานไปแล้วเสร็จ หลังจากนั้นก็ดี นานมาก็ดี เมื่อหวนคิดถึงทานที่ตนได้กระทำไปแล้วครั้งใด ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริงเบิกบาน ยินดีในทานนั้น ๆ
    เจตนาบริสุทธิ์ในการทำทานนั้น อยู่ที่จิตใจโสมนัสร่าเริงเบิกบานยินดีในทานที่ทำนั้นเป็นสำคัญ และเนื่องจากเมตตาจิต ที่มุ่งสงเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นความทุกข์ และให้ได้รับความสุขเพราะทานของตน นับว่าเป็นเจตนาบริสุทธิ์ในเบื้องต้น แต่เจตนาที่บริสุทธิ์เพราะเหตุดังกล่าวมาแล้วนี้ จะทำให้ยิ่ง ๆ บริสุทธิ์มากขึ้นไปอีก หากผู้ใดให้ทานนั้นได้ทำทานด้วยการวิปัสสนาปัญญา กล่าวคือ ไม่ใช่ทำทานอย่างเดียว แต่ทำทานพร้อมกับมีวิปัสสนาปัญญา โดยใคร่ครวญถึงวัตถุทานที่ให้ทานนั้นว่า อันบรรดาทรัพย์สิ่งของทั้งที่ชาวโลกนิยมยกย่องหวงแหนเป็นสมบัติกันด้วยความโลภนั้น แท้ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงวัตถุธาตุประจำโลก เป็นสมบัติกลาง ไม่ใช่ของผู้ใดโดยเฉพาะ เป็นของที่มีมาตั้งแต่ก่อนเราเกิดขึ้นมา และไม่ว่าเราจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม วัตถุธาตุดังกล่าวก็มีอยู่เช่นนั้น และได้ผ่านการเป็นเจ้าของมาแล้วหลายชั่วคน ซึ่งท่านตั้งแต่ก่อนนั้น ได้ล้มหายตายจากไปแล้วทั้งสิ้น ไม่สามารถนำวัตถุธาตุดังกล่าวนี้ติดตัวไปได้เลยจนในที่สุดก็ได้ตกทอดมาถึงเรา ให้เราได้กินได้ใช้ไดยึดถือเพียงชั่วคราว แล้วก็ตกทอดสืบเนื่องไปเป็นของคนอื่น ๆ ต่อ ๆ ไปเช่นนี้ แม้เราเองก็ไม่สามารถจะนำวัตถุธาตุดังกล่าวนี้ติดตัวไปได้เลย จึงนับว่าเป็นสมบัติผลัดกันชมเท่านั้น ไม่จากไปในวันนี้ก็ต้องจากไปในวันหน้า อย่างน้อยเราก็ต้องจากต้องทิ้งเมื่อเราได้ตายลงนับว่าเป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงแท้แน่นอน จึงไม่อาจจะยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเราได้ถาวรได้ตลอดไป แม้ตัววัตถุธาตุดังกล่าวนี้เอง เมื่อมีเกิดขึ้นเป็นตัวตนแล้ว ก็ต้องอยูในสภาพนั้นให้ตลอดไปไม่ได้ จะต้องเก่าแก่ ผุพัง บุบสลายไป ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนแต่อย่างไร แม้แต่เนื้อตัวร่างกายของเราเองก็มีสภาพเช่นเดียวกับวัตถุธาตุเหล่านั้น ซึ่งไม่อาจจะตั้งมั่นให้ยั่งยืนอยู่ได้ เมื่อมีเกิดขึ้นแล้วก็จะต้องเจริญวัยเป็นหนุ่มสาวแล้วก็แก่เฒ่าและตายไปในที่สุด เราจะต้องพลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก ที่หวงแหน คือทรัพย์สมบัติทั้งปวง

    เมื่อเจตนาในการให้ทานบริสุทธิ์ผุดผ่องดีพร้อมทั้งสามระยะดังกล่าวมาแล้ว ทั้งยังประกอบไปด้วยวิปัสสนาปัญญาดังกล่าวมาแล้วด้วย เจตนานั้นย่อมบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ทานที่ได้ทำไปนั้นย่อมมีผลมาก ได้บุญมากหากวัตถุทานที่ได้ทำเป็นของบริสุทธิ์ตามองค์ประกอบข้อ ๑ ด้วย ก็ย่อมทำให้ได้บุญมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก วัตถุทานจะมากหรือน้อย เป็นของเลวหรือประณีตไม่สำคัญ เมื่อเราได้ให้ทานไปตามกำลังทรัพย์ที่เรามีอยู่ย่อมใช้ได้ แต่ก็ยังมีข้ออันควรระวังอยู่ก็คือ " การทำทานนั้นอย่าได้เบียดเบียนตนเอง " เช่นมีน้อย แต่ฝืนทำให้มาก ๆ จนเกินกำลังของตนที่จะให้ได้ เมื่อได้ทำไปแล้วตนเองและสามี ภริยา รวมทั้งบุตรต้องลำบาก ขาดแคลน เพราะว่าไม่มีจะกินจะใช้ เช่นนี้ย่อมทำให้จิตเศร้าหมอง เจตนานั้นย่อมไม่บริสุทธิ์ ทานที่ได้ทำไปแล้วนั้น แม้วัตถุทานจะมากหรือทำมาก ก็ย่อมได้บุญน้อย



    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อานิสงค์ ของการสร้างบุญบารมี
    ( ทาน, ศีล, ภาวนา )
    โดย สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    http://www.kanlayanatam.com/sara/sara68.htm

    ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างที่ทำทานด้วยเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ คือ

    ตัวอย่าง ๑ ทำทานเพราะอยากได้ ทำเอาหน้า ทำอวดผู้อื่น
    เช่น สร้างโรงเรียน โรงพยาบาลใส่ชื่อของตน ไปยืนถ่ายภาพลงโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อให้ได้รับความนิยมยกย่องนับถือ โดยที่แท้จริงแล้วตนมิได้มีเจตนาที่จะมุ่งสงเคราะห์ผู้ใด เรียกว่า " ทำทานด้วยความโลภ " ไม่ทำเพื่อขจัดความโลภ ทำทานด้วยความอยากได้ คืออยากได้หน้า ๆได้เกียรติ ได้สรรเสริญ ได้ความนิยมนับถือ

    ตัวอย่าง ๒ ทำทานด้วยความฝืนใจ ทำเพราะเสียไม่ได้ ทำด้วยความเสียหาย เช่นทีพวกพ้องมาเรี่ยไร ตนเองไม่มีศรัทธาที่จะทำ หรือมีศรัทธาอยู่บ้างแต่มีทรัพย์น้อย เมื่อมีพวกมาเรี่ยไรบอกบุญ ต้องจำใจทำทานไปเพราะความเกรงใจพวกพ้อง หรือเกรงว่าจะเสียหน้า ตนจึงได้สละทรัพย์ทำทานไปด้วยความจำใจ ย่อมเป็นการทำทานด้วยความตระหนี่หวงแหน ทำทานด้วยความเสียดาย ไม่ใช่ทำทานด้วยจิตเมตตาที่มุ่งจะสงเคราะห์ผู้อื่น ซึ่งยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดาย ให้ไปแล้วก็เป็นทุกข์ใจ บางครั้งก็นึกโกรธผู้ที่มาบอกบุญ เช่นนี้จิตย่อมเศร้าหมอง ได้บุญน้อย หากเสียดายมาก ๆ จนเกิดโทสะจริตกล้าแล้ว นอกจากจะไม่ได้บุญแล้ว ที่จะได้ก็คือบาป

    ตัวอย่าง ๓ ทำทานด้วยความโลภ คือทำทานเพราะว่าอยากได้นั่น อยากได้นี่ อยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่ อันเป็นการทำทานเพราะว่าหวังสิ่งตอบแทน ไม่ใช่ทำทานเพราะมุ่งหมายที่จะขจัดความโลภ ความตระหนี่หวงแหนในทรัพย์ของตน เช่น ทำทานแล้วตั้งจิตอธิษฐานขอพรให้ชาติหน้าได้เป็นเทวดา นางฟ้า ขอให้รูปสวย ขอให้ทำมาค้าขึ้น ขอให้รำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี ทำทาน ๑๐๐ บาท แต่ขอให้ร่ำรวยนับล้าน ขอให้ถูกสลากกินแบ่งกินรวบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสมบัติสวรรค์ หากชาติก่อนไม่เคยได้ทำบุญใส่บาตรฝากสวรรค์เอาไว้ อยู่ๆก็มาขอเบิกในชาตินี้ จะมีที่ไหนให้เบิก การทำทานด้วยความโลภเช่นนี้ย่อมไม่ได้บุญอะไรเลย สิ่งที่จะได้พอกพูนเพิ่มให้มากและหนาขึ้นก็คือ " ความโลภ "

    ผลหรืออานิสงส์ของการทำทานที่ครบองค์ประกอบ ๓ ประการนั้น ย่อมมีผลให้ได้ซึ่งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติเอง แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งเจตนาเอาไว้ล่วงหน้าก็ตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นผลที่สืบเนื่องมาจากเหตุ เมื่อทำเหตุครบถ้วนย่อมมีผลเกิดขึ้นตามมาเอง เช่นเดียวกับปลูกต้นมะม่วง เมื่อรดน้ำพรวนดินและใส่ปุ๋ยไปตามธรรมดาเรื่อยไป แม้จะไม่อยากให้เจริญเติบโตและออกดอกออกผล ในที่สุดต้นไม้ก็จะต้องเจริญเติบโตและผลิตดอกออกผลตามมา สำหรับผลของทานนั้น หากน้อยหรือมีกำลังไม่มากนัก ย่อมน้อมนำให้เกิดในมนุษย์ชาติ หากมีกำลังแรงมากก็อาจจะน้อมนำให้ได้บังเกิดในเทวโลก ๖ ชั้น เมื่อได้เสวยสมบัติในเทวโลกจนสิ้นบุญแล้ว ด้วยเศษของบุญที่ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง ประกอบกับไม่มีอกุศลกรรมอื่นแทรกให้ผลก็อาจจะน้อมนำให้มาบังเกิดในมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง และเมื่อได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็ย่อมทำให้ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่ง สมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์ หรือไม่ก็เป็นผู้ที่มีลาภผลมาก ทำมาหากินขึ้นและร่ำรวยในภายหลัง ทรัพย์สมบัติไม่วิบัติหายนะไปเพราะวินาศภัย โจรภัย อัคคีภัย วาตภัย ฯลฯ

    แต่จะมั่งคั่งร่ำรวยในวัยใดก็ย่อมแล้วแต่ผลทานแต่ชาติก่อน ๆ จะส่งผล คือ

    ๑ . ร่ำรวยตั้งแต่วัยต้น เพราะผลของทานที่ได้ตั้งเจตนาไว้บริสุทธิ์ดีตั้งแต่ก่อนจะทำทาน คือก่อนที่จะลงมือทำทานก็มีจิตเมตตาโสมนัสร่าเริง เบิกบานยินดีในทานที่ตนจะได้ทำเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น แล้วก็ได้ลงมือทำทานไปตามเจตนานั้น เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ย่อมโชคดี โดยเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย ชีวิตในวัยต้นอุดมสมบูรณ์พูนสุขไปด้วยทรัพย์ ไม่ยากจนแร้นแค้น ไม่ต้องขวนขวายหาเลี้ยงตนเองมาก แต่ถ้าเจตนานั้นไม่งามบริสุทธิ์พร้อมกันทั้ง ๓ ระยะแล้ว ผลทานนั้นก็ย่อมส่งผลให้ไม่สม่ำเสมอกัน คือแม้ว่าจะร่ำรวยตั้งแต่วัยต้นโดยเกิดมาบนกองเงินกองทองก็ตาม หากในขณะที่กำลังลงมือทำทานเกิดจิตเศร้าหมองเพราะหวนคิดเสียดายหรือหวงแหนทรัพย์ที่จะให้ทานขึ้นมา หรือเกิดหมดศรัทธาขึ้นมาเฉยๆแต่ก็ยังฝืนใจทำทานไปเพราะเสียไม่ได้หรือเพราะตามพวกพ้องไปอย่างเสียไม่ได้ เช่นนี้ผลทานย่อมหมดกำลังให้ผลระยะที่ ๒ ซึ่งตรงกับวัยกลางคน ซึ่งจะมีผลทำให้ทรัพย์สมบัติหายนะไปด้วยประการต่างๆแม้จะได้รับมรดกมาก็ไม่อาจจะรักษาไว้ได้ หากเจตนาในการทำทานนั้นเศร้าหมองในระยะที่ ๓ คือทำทานไปแล้วหวนคิดขึ้นมาทำให้เสียดายทรัพย์ ความหายนะก็มีผลต่อเนื่องมาจนบั้นปลายชีวิตด้วย คือทรัพย์สินคงวิบัติเสียหายต่อเนื่องจากวัยกลางคนตลอดไปจนถึงตลอดอายุขัยชีวิตจริงของผู้ที่เกิดบนกองเงินกองทองก็มีให้เห็น เป็นตัวอย่างที่เมื่อได้รับทรัพย์มรดกแล้วก็วิบัติเสียหายไป หรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในวัยต้นแต่ก็ต้องล้มละลายในวัยกลางคน และบั้นปลายชีวิต แต่ถ้าได้ตั้งเจตนาในการทำทานไว้บริสุทธิ์ครบถ้วนพร้อม ๓ ระยะแล้ว ผลทานนั้นย่อมส่งผลสม่ำเสมอ คือร่ำรวยตั้งแต่เกิด วัยกลางคนและจนปัจฉิมวัย

    ๒ . ร่ำรวยในวัยกลางคนการที่ร่ำรวยในวัยกลางคนนั้น สืบเนื่องมาจากผลของทานที่ได้ทำเพราะเจตนางามบริสุทธิ์ในระยะที่ ๒ กล่าวคือไม่งามบริสุทธิ์ในระยะแรก เพราะก่อนที่จะลงมือทำทานก็มิได้มีจิตศรัทธามาก่อน ไม่คิดจะทำทานมาก่อนแต่ก็ได้ตัดสินใจทำทานไปเพราะเหตุบางอย่าง เช่นทำตามพวกพ้องอย่าเสียไม่ได้ แต่เมื่อได้ลงมือทำทานอยู่ก็เกิดโสมนัสรื่นเริงยินดีในทานที่กำลังกระทำอยู่นั้น ด้วยผลทานชนิดนี้ย่อมทำให้มาบังเกิดในตระกูลที่ยากจนคับแค้น ต้องต่อสู้สร้างตนเองมาในวัยต้น ครั้นเมื่อถึงวัยกลางคน กิจการหรือธุรกิจที่ทำก็ประสบความสำเร็จรุ่งเรื่อง และหากเจตนาในการทำทานได้งามบริสุทธิ์ในระยะที่ ๓ ด้วย กิจการหรือธุรกิจนั้นย่อมส่งผลรุ่งเรื่องตลอดไปจนถึงบั้นปลายชีวิต หากเจตนาในการทำทานไม่บริสุทธิ์ในระยะที่ ๓ แม้ธุรกิจหรือกิจการงานจะประสบความสำเร็จรุ่งเรืองในวัยกลางคน แต่ก็ล้มเหลวหายนะในบั้นปลาย ทั้งนี้เพราะผลทานหมดกำลังส่งผลไม่ตลอดจนถึงบั้นปลาชีวิต

    ๓ . ร่ำรวยปัจฉิมวัย คือร่ำรวยในบั้นปลายชีวิตนั้น สืบเนื่องมาจากผลทานที่ผู้กระทำมีเจตนางามไม่บริสุทธิ์ในระยะแรกและระยะที่ ๒ แต่งามบริสุทธิ์เฉพาะในระยะที่ ๓ กล่าวคือ ก่อนและในขณะลงมือทำทานอยู่นั้น ก็มิได้มีจิตโสมนัสยินดีในการทำทานนั้นแต่อย่างใด แต่ได้ทำลงไปโดยบังเอิญ เช่น ทำตามๆพวกพ้องไปอย่างเสียมิได้ แต่เมื่อได้ทำไปแล้วต่อมาหวนคิดถึงผลทานนั้น ก็เกิดจิตโสมนัสร่าเริง ยินดีเบิกบาน หากผลทานชนิดนี้จะน้อมนำให้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเกิดในตระกูลที่ยากจนข้นแค้น ต้องต่อสู้ดิ้นรนศึกษาเล่าเรียนและขวนขวายสร้างตนเองมากตั้งแต่วัยต้นจนล่วงวัยกลางคนไปแล้ว กิจการงานหรือธุรกิจนั้นก็ยังไม่ประสบกับความสำเร็จ เช่นต้องล้มลุกคลุกคลานตลอดมา แต่ครั้นถึงบั้นปลายชีวิตก็ประสบช่องทางเหมาะ ทำให้กิจการนั้นเจริญรุ่งเรื่องทำมาค้าขึ้นและร่ำรวยอย่างไม่คาดหมาย ซึ่งชีวิตจริง ๆ ของคนประเภทนี้ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างอยู่มาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...