เสียงธรรม อนัตตลักขณสูตร

ในห้อง 'บทสวดมนต์' ตั้งกระทู้โดย โจโฉ คร้าบบบ, 15 สิงหาคม 2006.

  1. โจโฉ คร้าบบบ

    โจโฉ คร้าบบบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +1,550

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. รักจันทร์

    รักจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +311
    โมทนาบุญครับ สาธุ...
     
  3. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    สาธุ อนุโมทนากิจบุญ ทุก ๆประการ คุณโจโฉ ค่ะ


    ตำนานอนันตลักขณสูตร


    เมื่อพระพุทธองค์แสดงธรรมจักกัปปัตตสูตรโปรดเบญจวัคคีย์จบ และพระโณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วและได้รับการอุปสมบถในสำนักของพระศาสดาในวันเพ็ญเดือน ๘ แล้ว ต่อจากนั้น พระพุทธองค์ก็ได้ทรงอธิบายขยายเนื้อความ พระธรรมจักรนั้นให้กับฤาษีเบญจวัคคีย์ที่เหลือฟังต่อไปอีกในวันต่อมา ท่านวัปปะก็ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วก็ทูลขออุปสมบถ พระองค์ก็ประทานการอุปสมบถให้เหมือนกับท่านโกณฑัญญะ วันต่อมา ท่านภัททิยะ ท่านมหานามะ และวันต่อมา ท่านอีสสชิได้ดวงตาเห็นธรรม และทูลขออุปสมบถตามลำดับ เมื่อทรงเห็นว่าเบญจวัคคีย์ทั้งห้านั้นมีอินทรีย์ แก่กล้าควรที่จะเจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อไปได้ จึงได้ทรงแสดงอนันตลักขณสูตร ซึ่งมีใจความย่อดังนี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ขันธ์ห้า คือรูปได้แก่ร่างกาย, เวทนา การเสสวยอารมณ์ที่เป็นสุขเป็นทุกข์หรือเฉยๆ, สัญญา ความจำหมายได้รู้ สังขาร สภาวธรรมที่เกิดกับจิต มีหน้าที่ปรุงแต่งจิตให้ดีหรือชั่ว และวิญญาณ ได้แก่จิต ขันธ์ทั้งหมดนี้เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่ตน ถ้าขันธ์ห้านี้เป็นตัวเป็นตนแล้วไซร้ นธ์ห้าไม่พึงเป็นไปเพื่อความอาพาธ และพึงหวังได้ว่าขันธ์ห้าของเราจงเป็นอย่างนี้ หรือว่าจงอย่าเป็นอย่างนี้เลย เพราะขันธ์ห้าไม่เที่ยงจึงเป็นทุกข์ สิ่งที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ย่อมมีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ไม่ควรเห็นว่าเรา ว่าของเรา ว่าตัวว่าตนของเรา
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระพุทธองค์ตรัสสอนเบญจวัคคีย์ให้ละความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าเสีย โดยตรัสว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม เลวก็ตาม ประณีตก็ตาม อยู่ไกลก็ตาม อยู่ใกล้ก็ตาม ทั้งหมดเป็นแต่สักว่ารูป เป็นสักว่าเวทนา เป็นสักว่าสัญญา เป็นสักว่าสังขาร เป็นสักว่าวิญญาณเท่านั้น ควรพิจารณาเห็นตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่เรา นั้นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของเรา พระอริยสาวกทั้งหลาย เมื่อพิจารณาเห็นอย่างนี้แล้ว ย่อมเบื่อหน่ายในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขาร ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่ายแล้วย่อมคลายความกำหนัดรักใคร่ เมื่อปราศจากความกำหนัดรักใคร่แล้ว จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วย่อมเกิดญานว่า จิตหลุดพ้นแล้ว ย่อมรู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่ควรทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อพระศาสดาทรงแสดงอนันตลักขณสูตรจบลง ปัญจัคคีย์ท้งห้าได้บรรลุพระอรหันตผลเป็นอริยบุคคลชั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หมายเหตุ : อนัตตลักขณสูตรนิยมสวดในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยนิยมสวดกันในงานทำบุญ ๗ วัน เพื่อให้ผู้ฟังพิจารณาเห็นขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2009
  4. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    บทสวดอนัตตลักขณสูตรพร้อมคำแปล

    เอวัมเมสุตัง
    อันข้าพเจ้า(คือพระอานนทเถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้<O:p</O:p

    เอกังสะมะยังภะคะวา
    สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า<O:p</O:p

    พาราณะสิยังวิหะระติ, อิสิปะตะเนมิคะทะเย
    เสด็จประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันใกล้เมืองพาราณสี<O:p</O:p

    ตัตระโขภะคะวาปัญจะวัคคียเยภิกขูอามันเตสิ
    ในกาลนั้นแลพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเตือนพระภิกษุปัญจวัคคีย์(ให้ตั้งใจฟังภาษิตนี้ว่า)

    รูปังภิกขะเวอนัตตา
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายรูป(คือร่างกายนี้) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)<O:p</O:p

    รูปัญจะหิทังภิกขะเวอัตตาอะภะวิสสะ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็รูปนี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว<O:p</O:p

    นะยิทังรูปังอาพาธายะสังวัตเตยยะ
    รูปนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(ความลำบาก)<O:p</O:p

    ลัพเภถะจะรูเป
    อนึ่งบุคคลพึงได้ในรูปตามใจหวัง<O:p</O:p

    เอวังเมรูปังโหตุเอวังเมรูปังมาอโหสีติ<O:p</O:p
    ว่ารูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดรูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย<O:p</O:p

    ยัสมาจะโขภิกขะเวรูปังอนัตตาภิกษุทั้งหลายก็เพราะเหตุที่รูปนั้นเป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)<O:p</O:p

    ตัสมารูปังอาพาธายะสังวัตตะติ
    เพราะเหตุนั้นรูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ<O:p</O:p

    นะจะลัพภะติรูเป
    อนึ่งบุคคลย่อมไม่ได้ในรูปตามใจหวัง<O:p</O:p

    เอวังเมรูปังโหตุเอวังเมรูปังมาอโหสีติ
    ว่ารูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดรูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

    เวทนาอนัตตา
    เวทนา(คือความรู้สึกอารมณ์) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)<O:p</O:p

    เวทนาจะหิทังภิกขะเวอัตตาอะภะวิสสะ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็เวทนานี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว<O:p</O:p

    นะยิทังเวทะนาอาพาธายะสังวัตเตยยะ
    เวทนานี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(ความลำบาก)<O:p</O:p

    ลัพเภถะจะเวทะนายะ
    อนึ่งบุคคลพึงได้ในเวทนาตามใจหวัง
    <O:p</O:p
    เอวังเมเวทะนาโหตุเอวังเมเวทะนามาอโหสีติ
    ว่าเวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดเวทนาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย<O:p</O:p

    ยัสมาจะโขภิกขะเวเวทะนาอนัตตา
    ภิกษุทั้งหลายก็เพราะเหตุที่เวทนานั้นมิใช่ตัวตนของเรา
    <O:p</O:p
    ตัสมาเวทนาอาพาธายะสังวัตตะติ
    เพราะเหตุนั้นเวทนาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ<O:p</O:p

    นะจะลัพภะติเวทะนายะ
    อนึ่งบุคคลย่อมไม่ได้ในเวทนาตามใจหวัง<O:p</O:p

    เอวังเมเวทนาโหตุเอวังเมเวทะนามาอโหสีติ
    ว่าเวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดเวทนาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

    สัญญาอนัตตา
    สัญญา(คือความจำ) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)<O:p</O:p

    สัญญาจะหิทังภิกขะเวอัตตาอะภะวิสสะ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็สัญญานี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว<O:p</O:p

    นะยิทังสัญญาอาพาธายะสังวัตเตยยะ
    สัญญานี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(ความลำบาก)<O:p</O:p

    ลัพเภถะจะสัญญายะ
    อนึ่งบุคคลพึงได้ในสัญญาตามใจหวัง<O:p</O:p

    เอวังเมสัญญาโหตุเอวังเมสัญญามาอโหสีติ
    ว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดสัญญาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย<O:p</O:p

    ยัสมาโขภิกขะเวสัญญาอนัตตา
    ภิกษุทั้งหลายก็เพราะเหตุที่สัญญานั้นมิใช่ตัวตนของเรา<O:p</O:p

    ตัสมาสัญญาอาพาธายะสังวัตตะติ
    เพราะเหตุนั้นสัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ<O:p</O:p

    นะจะลัพภะติสัญญายะ
    อนึ่งบุคคลย่อมไม่ได้ในสัญญาตามใจหวัง<O:p</O:p

    เอวังเมสัญญาโหตุเอวังเมสัญญามาอโหสีติ
    ว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดสัญญาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

    สังขาราอนัตตา
    สังขารทั้งหลาย(คือสภาพที่เกิดกับใจปรุงใจให้ดีบ้างชั่วบ้าง) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)<O:p</O:p

    สังขาราจะหิทังภิกขะเวอัตตาอะภะวิสสังสุ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็สังขารทั้งหลายนี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว<O:p</O:p

    นะยิทังสังขาราอาพาธายะสังวัตเตยยุง
    สังขารทั้งหลายนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ<O:p</O:p

    ลัพเภถะจะสังขาเรสุ
    อนึ่งบุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง<O:p</O:p

    เอวังเมสังขาราโหนตุเอวังเมสังขารมาอเหสุนติ
    ว่าสังขารทั้งหลายของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดสังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย<O:p</O:p

    ยัสมาจะโขภิกขะเวสังขาราอนัตตา
    ภิกษุทั้งหลายก็เพราะเหตุที่สังขารทั้งหลายนั้นมิใช่ตัวตนของเรา<O:p</O:p

    ตัสมาสังขาราอาพาธายะสังวัตตันติ
    เพราะเหตุนั้นสังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ<O:p</O:p

    นะจะลัพภะติสังขาเรสุ
    อนึ่งบุคคลย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง<O:p</O:p

    เอวังเมสังขาราโหนตุเอวังเมสังขารามาอเหสุนติ
    ว่าสังขารทั้งหลายของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดสังขารทั้งหลายของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

    วิญญาณังอนัตตา
    วิญญาณ(คือใจ) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)<O:p</O:p

    วิญญานัญจะหิทังภิกขะเวอัตตาอะภะวิสสะดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    ก็วิญญาณนี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว<O:p</O:p

    นะยิทังวิญญาณังอาพาธายะสังวัตเตยยะ
    วิญญาณนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ<O:p</O:p

    ลัพเภถะจะวิญญาเน
    อนึ่งบุคคลพึงได้ในวิญญาณตามใจหวัง<O:p</O:p

    เอวังเมวิญญานังโหตุเอวังเมวิญญานังมาอโหสีติ
    ว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดวิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย<O:p</O:p

    ยัสมาจะโขภิกขะเววิญญานังอนัตตา
    ภิกษุทั้งหลายก็เพราะเหตุที่วิญญาณนั้นมิใช่ตัวตนของเรา<O:p</O:p

    ตัสมาวิญญาณังอาพาธายะสังวัตตะติ
    เพราะเหตุนั้นวิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ<O:p</O:p

    นะจะลัพภะติวิญญาเน
    อนึ่งบุคคลย่อมไม่ได้ในวิญญาณตามใจหวัง<O:p</O:p

    เอวังเมวิญญาณังโหตุเอวังเมวิญญาณังมาอโหสีติ
    ว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดวิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

    ตังกิงมัญญะถะภิกขะเว
    ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉนภิกษุทั้งหลาย<O:p</O:p

    รูปังนิจจังวาอนิจจังวาติ
    รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง<O:p</O:p

    อนิจจังภันเต
    ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า<O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขังวาตังสุขังวาติ
    สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า<O:p</O:p

    ทุกขังภันเต
    เป็นทุกข์พระเจ้าข้า<O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขัง
    สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์<O:p</O:p

    วิปะริณามะธัมมัง
    มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา<O:p</O:p

    กัลลังนุตังสะมะนุปัสสิตุง
    ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เอตังมะมะเอโสหะมัสมิเอโสเมอัตตาติ
    ว่านั้นของเราเราเป็นนั่นเป็นนี่นั่นเป็นตนของเรา<O:p</O:p

    โนเหตังภันเต
    หาอย่างนั้นไม่พระเจ้าข้า

    ตังกิงมัญญะถะภิกขะเว
    ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉนภิกษุทั้งหลาย<O:p</O:p

    เวทะนานิจจาวาอนิจจาวาติ
    เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง<O:p</O:p

    อนิจจาภันเต
    ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า<O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขังวาตังสุขังวาติ
    สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า<O:p</O:p

    ทุกขังภันเต
    เป็นทุกข์พระเจ้าข้า<O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขัง
    สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์<O:p</O:p

    วิปะริณามะธัมมัง
    มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา<O:p</O:p

    กัลลังนุตังสะมะนุปัสสิตุง
    ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เอตังมะมะเอโสหะมัสมิเอโสเมอัตตาติ
    ว่านั้นของเราเราเป็นนั่นเป็นนี่นั่นเป็นตนของเรา<O:p</O:p

    โนเหตังภันเต
    หาอย่างนั้นไม่พระเจ้าข้า

    ตังกิงมัญญะถะภิกขะเว
    ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉนภิกษุทั้งหลาย<O:p</O:p

    สัญญานิจจาวาอนิจจาวาติ
    สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง<O:p</O:p

    อนิจจาภันเต
    ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า<O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขังวาตังสุขังวาติ
    สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า<O:p</O:p

    ทุกขังภันเต
    เป็นทุกข์พระเจ้าข้า<O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขัง
    สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์<O:p</O:p

    วิปะริณามะธัมมัง
    มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา<O:p</O:p

    กัลลังนุตังสะมะนุปัสสิตุง
    ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น<O:p</O:p

    เอตังมะมะเอโสหะมัสมิเอโสเมอัตตาติ
    ว่านั้นของเราเราเป็นนั่นเป็นนี่นั่นเป็นตนของเรา<O:p</O:p

    โนเหตังภันเต
    หาอย่างนั้นไม่พระเจ้าข้า

    ตังกิงมัญญะถะภิกขะเว
    ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉนภิกษุทั้งหลาย<O:p</O:p

    สังขารานิจจาวาอนิจจาวาติ
    สังขารทั้งหลายเที่ยงหรือไม่เที่ยง<O:p</O:p

    อนิจจาภันเต
    ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า<O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขังวาตังสุขังวาติ
    สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า<O:p</O:p

    ทุกขังภันเต
    เป็นทุกข์พระเจ้าข้า<O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขัง
    สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์<O:p</O:p

    วิปะริณามะธัมมัง
    มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา<O:p</O:p

    กัลลังนุตังสะมะนุปัสสิตุง
    ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น<O:p</O:p

     
  5. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    เอตังมะมะเอโสหะมัสมิเอโสเมอัตตาติ<O:p</O:p
    ว่านั้นของเราเราเป็นนั่นเป็นนี่นั่นเป็นตนของเรา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โนเหตังภันเต<O:p</O:p
    หาอย่างนั้นไม่พระเจ้าข้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ตังกิงมัญญะถะภิกขะเว<O:p</O:p
    ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉนภิกษุทั้งหลาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วิญญาณังนิจจังวาอนิจจังวาติ<O:p</O:p
    วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง

    อนิจจังภันเต<O:p</O:p
    ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขังวาตังสุขังวาติ<O:p</O:p
    สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ทุกขังภันเต<O:p</O:p
    เป็นทุกข์พระเจ้าข้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยัมปะนานิจจังทุกขัง<O:p</O:p
    สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วิปะริณามะธัมมัง<O:p</O:p
    มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    กัลลังนุตังสะมะนุปัสสิตุง<O:p</O:p
    ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เอตังมะมะเอโสหะมัสมิเอโสเมอัตตาติ<O:p</O:p
    ว่านั้นของเราเราเป็นนั่นเป็นนี่นั่นเป็นตนของเรา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โนเหตังภันเต<O:p</O:p
    หาอย่างนั้นไม่พระเจ้าข้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ตัสมาติหะภิกขะเว<O:p</O:p
    เพราะเหตุนั้นแลภิกษุทั้งหลาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยังกิญจิรูปัง<O:p</O:p
    รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อตีตานาคะตะปัจจุปันนัง<O:p</O:p
    ที่เป็นอดีตก็ดีอนาคตก็ดีปัจจุบันก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อัชฌัตตังวาพหิทธาวา<O:p</O:p
    ภายในก็ดีภายนอกก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โอฬาริกังวาสุขุมังวา<O:p</O:p
    หยาบก็ดีละเอียดก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หีนังวาปณีตังวา<O:p</O:p
    เลวก็ดีประณีตก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยันทูเรสันติเกวา<O:p</O:p
    อันใดมีในที่ไกลก็ดีในที่ใกล้ก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สัพพังรูปัง<O:p</O:p
    รูปทั้งหมดก็เป็นสักว่ารูป<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนตังมะมะ<O:p</O:p
    นั่นไม่ใช่ของเรา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนโสหะมัสมิ<O:p</O:p
    เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นะเมโสอัตตาติ<O:p</O:p
    นั่นไม่ใช่ตนของเราดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เอวะเมตังยะถาภูตังสัมมัปปัญญายะทัฏฐัพพัง<O:p</O:p
    ข้อนี้อันท่านทั้งหลายพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยากาจิเวทะนา<O:p</O:p
    เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อตีตานาคะตะปัจจุปปันนา<O:p</O:p
    ที่เป็นอดีตก็ดีอนาคตก็ดีปัจจุบันก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อัชฌัตตาวาพหิทธาวา<O:p</O:p
    ภายในก็ดีภายนอกก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โอฬาริกาวาสุขุมาวา<O:p</O:p
    หยาบก็ดีละเอียดก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หีนาวาปณีตาวา<O:p</O:p
    เลวก็ดีประณีตก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยันทูเรสันติเกวา<O:p</O:p
    อันใดมีในที่ไกลก็ดีในที่ใกล้ก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สัพพาเวทะนา<O:p</O:p
    เวทนาทั้งหมดก็เป็นสักว่าเวทนา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนตังมะมะ<O:p</O:p
    นั่นไม่ใช่ของเรา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนโสหะมัสมิ<O:p</O:p
    เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นะเมโสอัตตาติ<O:p</O:p
    นั่นไม่ใช่ตนของเราดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เอวะเมตังยะถาภูตังสัมมัปปัญญายะทัฏฐัพพัง<O:p</O:p
    ข้อนี้อันท่านทั้งหลายพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยากาจิสัญญา<O:p</O:p
    สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อตีตานาคะตะปัจจุปปันนา<O:p</O:p
    ที่เป็นอดีตก็ดีอนาคตก็ดีปัจจุบันก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อัชฌัตตาวาพหิทธาวา<O:p</O:p
    ภายในก็ดีภายนอกก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โอฬาริกาวาสุขุมาวา<O:p</O:p
    หยาบก็ดีละเอียดก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หีนาวาปณีตาวา<O:p</O:p
    เลวก็ดีประณีตก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยันทูเรสันติเกวา<O:p</O:p
    อันใดมีในที่ไกลก็ดีในที่ใกล้ก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สัพพาสัญญา<O:p</O:p
    สัญญาทั้งหมดก็เป็นสักว่าสัญญา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนตังมะมะ<O:p</O:p
    นั่นไม่ใช่ของเรา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนโสหะมัสมิ<O:p</O:p
    เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นะเมโสอัตตาติ<O:p</O:p
    นั่นไม่ใช่ตนของเราดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เอวะเมตังยะถาภูตังสัมมัปปัญญายะทัฏฐัพพัง<O:p</O:p
    ข้อนี้อันท่านทั้งหลายพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เยเกจิสังขารา<O:p</O:p
    สังขารทั้งหลายอย่างใดอย่างหนึ่ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อตีตานาคะตะปัจจุปปันนา<O:p</O:p
    ที่เป็นอดีตก็ดีอนาคตก็ดีปัจจุบันก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อัชฌัตตาวาพหิทธาวา<O:p</O:p
    ภายในก็ดีภายนอกก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โอฬาริกาวาสุขุมาวา<O:p</O:p
    หยาบก็ดีละเอียดก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หีนาวาปณีตาวา<O:p</O:p
    เลวก็ดีประณีตก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เยทูเรสันติเกวา<O:p</O:p
    อันใดมีในที่ไกลก็ดีในที่ใกล้ก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สัพเพสังขารา<O:p</O:p
    สังขารทั้งหลายทั้งหมดก็เป็นสักว่าสังขาร<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนตังมะมะ<O:p</O:p
    นั่นไม่ใช่ของเรา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนโสหะมัสมิ
    เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นะเมโสอัตตาติ
    นั่นไม่ใช่ตนของเราดังนี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เอวะเมตังยะถาภูตังสัมมัปปัญญายะทัฏฐัพพัง<O:p</O:p
    ข้อนี้อันท่านทั้งหลายพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยังกิญจิวิญญาณัง<O:p</O:p
    วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง

    อตีตานาคะตะปัจจุปปันนัง<O:p</O:p
    ที่เป็นอดีตก็ดีอนาคตก็ดีปัจจุบันก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อัชฌัตตังวาพะหิทธาวา<O:p</O:p
    ภายในก็ดีภายนอกก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โอฬาริกังวาสุขุมังวา<O:p</O:p
    หยาบก็ดีละเอียดก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หีนังวาปณีตังวา<O:p</O:p
    เลวก็ดีประณีตก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยันทูเรสันติเกวา<O:p</O:p
    อันใดมีในที่ไกลก็ดีในที่ใกล้ก็ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สัพพังวิญญาณัง<O:p</O:p
    วิญญาณทั้งหมดก็เป็นสักว่าวิญญาณ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนตังมะมะ<O:p</O:p
    นั่นไม่ใช่ของเรา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เนโสหะมัสมิ<O:p</O:p
    เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นะเมโสอัตตาติ<O:p</O:p
    นั่นไม่ใช่ตนของเราดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เอวะเมตังยะถาภูตังสัมมัปปัญญายะทัฏฐัพพัง<O:p</O:p
    ข้อนี้อันท่านทั้งหลายพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้นดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เอวังปัสสังภิกขะเวสุตตะวาอะริยะสาวะโก<O:p</O:p
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอริยสาวกผู้ได้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    รูปัสสะมิงปินิพพินทะติ<O:p</O:p
    ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เวทะนายะปินิพพินนะติ<O:p</O:p
    ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในเวทนา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สัญญายะปินิพพินทะติ<O:p</O:p
    ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในสัญญา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สังขาเรสุปินิพพินทะติ<O:p</O:p
    ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในสังขารทั้งหลาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วิญญานัสมิงปินิพพินทะติ<O:p</O:p
    ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในวิญญาณ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นิพพินทังวิรัชชะติ<O:p</O:p
    เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความติด<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วิราคาวิมุจจะติ<O:p</O:p
    เพราะคลายความติดจิตก็พ้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วิมุตตัสมิงวิมุตตะมีติญาณังโหติ<O:p</O:p
    เมื่อจิตพ้นแล้วก็เกิดญาณรู้ว่าพ้นแล้วดั่งนี้<O:p</O:p
    <O:p


    ขีณาชาติ. วุสิตังพรัหมจริยังกะตังกะระณียังนาปะรังอิตถัตตายาติปะชานาตีติ<O:p</O:p
    อริยสาวกนั้นย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้วพรหมจรรย์เราได้อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำเราได้ทำเสร็จแล้วกิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อิทะมะโวจะภะคะวา<O:p</O:p
    พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้จบลง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อัตตะมะนาปัญจะวัคคิยาภิกขู<O:p</O:p
    พระภิกษุปัญจวัคคีก็มีใจยินดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ภะคะวะโตภาสิตังอะภินันทุง<O:p</O:p
    เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจัา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อิมัสสมิญจะปะนะเวยยากะระณัสมิงภัญญะมาเน<O:p</O:p
    ก็แลเมื่อเวยยากรณ์นี้อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ปัญจะวัคคิยานังภิกขูนังอะนุปาทายะอาสะเวหิจิตตานิวิมุตจิงสูติ<O:p</O:p
    จิตของพระภิกษุปัญจวัคคีย์พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายไม่ถือมั่นด้วยอุปาทานแล<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จบอนัตตลักขณสูตร<O:p</O:p
     
  6. ffslide

    ffslide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    328
    ค่าพลัง:
    +225
    อนุโมทนา สาธุครับ...............
     
  7. Pnipone

    Pnipone Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2010
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +87
    อนุโมทนาสาธุจ้ะ
     
  8. โมกข์ป่า

    โมกข์ป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +204
    สาธุ อนุโมทนาค่ะ
     
  9. Chaiwat_Khamhom

    Chaiwat_Khamhom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    710
    ค่าพลัง:
    +91
    ขออนุโมทนา สาธ สาธุ ...ด้วยใจจริงครับ
     
  10. pop024

    pop024 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +529
    อนุโมทนา ขอบคุณครับ
     
  11. gentboy

    gentboy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +240
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  12. potisatto

    potisatto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +171
    สาธุ
    ขอบคุณมาก
    ขออนุโมทนา
    ผมจะศึกษาโดยละเอียด
    เพื่อประโยชน์ต่อตน ต่อท่าน. ต่อไป
    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...