อยากทราบการบำเพ็ญการเป็นโพธิสัตว์(มหายาน)

พระอมิตาภะพุทธเจ้า ภายนอกเป็นพระพุทธเจ้า
จิตยังมีอาสวะกิเลสอยู๋

 

พระพุทธเจ้าที่มีโพธิญาณ(พระสัมมาสัมโพธิญาณ) อุบัติพร้อมกันสององค์ ไม่มีทาง...

 

มีโพธิสัตว์บางประเภทที่ปรารณนาไปองค์สุดท้าย
ที่มาโพธิสัตว์มหายาน

 

ที่ผมอ่านมา ในวิกิเลยนะครับ ท้าววสวัตตี มารผู้ใจบาป เป็นนิตยโพธิสัตว์ เพราะระบุท่านเคยรับพุทธทำนายสมัยพระกัสสปพุทธเจ้าก่อนแล้ว

อันนี้ ยังไงกันแน่ละครับ

อันนี้ ยกมาจาก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=38902&start=15

แปะหัวเหมือนว่า หลวงพ่อฤาษีท่านพูดไว้

เรื่องที่ ๓๕ ท่านพระยามาราธิราชเวลานี้ท่านไปเกิดเป็นหัวหน้าเทวดาบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี

“..พระยามารที่เรียกกันว่า พระยามาราธิราช ท่านเป็นหัวหน้าเทวดาสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ชาวสวรรค์เรียกท่านว่า ท้าวมาลัย ความจริงเวลานี้ท่านไม่ได้เป็นมารแล้ว อาตมาเคยพบกับท่าน ท่านคุยสนุกสนาน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ความเป็นมารของท่านที่จะเป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้า ก็เพราะในสมัยตอนที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีใหม่ๆ เพื่อปรารถนาพุทธภูมิ ท่านพระยามาราธิราชกับพระพุทธเจ้าเป็นเพื่อนกัน ต่างคนต่างเลี้ยงม้าเหมือนกัน วันหนึ่งก็ไปเกี่ยวหญ้าให้ม้าด้วยกัน ท่านพระยามาราธิราชก็เกี่ยวแยกออกไป ต่างคนต่างเกี่ยวแยกคนละทาง วันนั้นบังเอิญมีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งผ่านมาต้องการหญ้า ก็มายืนที่พระพุทธเจ้าเกี่ยวหญ้า พระพุทธเจ้าถวายหญ้าท่านฟ่อนหนึ่ง แล้วท่านก็เหาะไป ครั้นจะเอาของเพื่อนให้ไปด้วยก็เกรงว่าเพื่อนจะไม่มีความเลื่อมใสจะว่าเอาเลยไม่ให้ไป ตอนเย็นเก็บหญ้ามารวม พระพุทธเจ้าก็บอกกับท่านพระยามาราธิราชว่า วันนี้พระมาบิณฑบาตหญ้าเรา เราเอาของเราให้ไปแต่ว่าของเพื่อนเราไม่ได้ให้ไปเพราะเกรงว่าเพื่อนจะไม่เลื่อมใส เท่านั้นแหละท่านพระยามาราธิราชสมัยเป็นเพื่อนก็เจ็บใจหาว่าพระพุทธเจ้าเอาดีคนเดียว เลยจองล้างไว้ว่าถ้าหากแกจะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อไรก็ตาม หรือก่อนเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม ข้าจะคอยขัดขวางการบำเพ็ญบารมีของแกตลอดไป ทั้งนี้เพราะว่าท่านเองก็ปรารถนาพุทธภูมิเหมือนกัน

ท่านเล่าให้อาตมาฟังว่าในสมัยที่พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้า ที่ท่านเคยขัดขวางไม่ใช่อะไรเป็นความโง่ของท่านเอง ท่านคิดเกรงว่าพระพุทธเจ้าจะเทศน์สอนคนไปพระนิพพานเสียหมด แล้วเวลาท่านเป็นพระพุทธเจ้าจะไม่มีคนรับฟังการเทศน์ ท่านบอกว่าความจริงผมไม่น่าจะโง่แบบนั้น ที่โง่ก็เป็นเพราะกรรมที่จองล้างจองผลาญกันไว้ รู้สึกเสียใจเหมือนกันว่าไม่น่าจะทำ ต่อมาเมื่อ พระอุปคุต ทรมานเสียจนหมดฤทธิ์เพราะเป็นคู่ปรับกัน จึงมาคิดได้ว่าเราโง่เกินไป

เป็นอันว่า ท่านพระยามาราธิราช บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เวลานี้ไม่ต้องกลัวท่าน ควรจะดีใจถ้าท่านมาหาเมื่อไรมีความสุขเมื่อนั้น และก็เลิกเรียกชื่อพระยามาราธิราชได้แล้ว เรียกว่า ท่านท้าวมาลัย ก็แล้วกัน ท่านเป็นพระโพธิสัตว์..”

 

อันนี้ ปัจจุบัน ผมอ่านจากหลายเว็ป ยังมีคนบอกว่า พบเจ้าแม่กวนอิม อยุู่เลยครับ

ยังไงกัน

 

เพียงข้อมูลที่ผมมีครับ

 

คุณ ณฉัตร
ชาตินี้เคยถอดกายทิพย์ ไปที่ห้องส่งบารมี
ของอนิตยโพธิสัตว์ ไหมครับ

ถ้าเคยไป จะเข้าใจ..

 

ณฉัตร ตอบผ่าน pm แล้วครับ

 

มหายานเชื่อเรื่องพระอรหันต์ครับ เป็นภูมิอย่างหนึ่ง ซึ่งเข้าสู่พระนิพพาน
มหายานไม่มีความเชื่อเรื่อง พระอรหันต์ไม่เข้านิพพานนะครับ

ส่วนการช่วยสรรพชีวิต อย่าได้ดูหมิ่นดูแคลนไป อย่าได้เอาทิฏฐิหรือตรรกะ ของตนเป็นที่ตั้งนะครับ
การที่มีจิตยินดีในการตรัสรู้ แต่ยังมีความปรารถนาที่จะโปรดสัตว์อยู่ ก็อาจเป็นเหตุให้ไม่บรรลุพระพุทธภูมิ ดังนั้นแล้ว ก็เป็นเรื่องไม่แน่เสมอไป ที่จะมีพระโพธิสัตว์ที่ยังเกิดความปรารถนาจะยังประโยชน์ให้สรรพชีวิตทุกตนก่อน

อีกประการหนึ่ง สังสารวัฏ คือ วงเวียงแห่งการเวียนว่ายตายเกิด วงเวียนแห่งความทุกข์นี้
เบื้องต้นไม่ปรากฎ เบื้องปลายไม่ปรากฎ แต่มิใช่ว่า จะไม่มีเบื้องต้น เบื้องปลาย
อาจเป็นระยะเวลาเป็นอนันต์ มิอาจหาจุดสิ้นสุดได้ แต่มิใช่ว่า ไม่มีจุดสิ้นสุด
เอาง่ายๆครับ สังสารวัฏ น่าจะยังอยู่ในกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง มันไม่น่าจะเที่ยงแท้นะครับ
ผมเชื่อว่า สุดท้ายก็ต้องมีความดับไป ทุกขัง ทนได้ยากครับ อนัตตา หาตัวตนแก่นสารไม่ได้

เจ้าแม่กวนอิม แท้จริงคือ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ บัดนี้ทรงมีพระสัมโภคกายปรากฎอยู่ ณ สุขาวดีโลกธาตุ ปรากฎในคัมภีร์มหายาน ที่กล่าวว่า พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ครับ

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร กวนซืออิมผ่อสัก ปรากฎเป็นลายลักษณ์อักษรในพระสูตรของมหายานเยอะแยะมากมาย และ มิใช่องค์เดียวกันกับองค์หญิงเมี่ยวซ่าน ดังนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับองค์หญิงเมี่ยวซ่านอย่างไร เพียงแค่คนจีนเชื่อว่าเป็นนิรมาณกายพระโพธิสัตว์
ส่วนการปรากฎของการเกิดมาของพระโพธิสัตว์กวนอิมไม่แน่นอน แค่มีการกล่าวถึงว่า
พระพุทธเจ้าได้เสด็จไป เมื่อพบพระโพธิสัตว์ก็สรรเสริญคุณงามความดี แล้วจึงตรัสถึงวิถีโพธิสัตว์
ดังนั้นในพระสูตรไม่ได้เน้น ให้รู้เรื่องสถานที่ การเกิด ประวัติพระกวนอิม แต่ในเน้นจริยาวัตรของพระโพธิสัตว์
พระอมิตาภ ก็เช่นกันครับ มีปรากฎในพระสูตรมหายาน เป็นคนธรรมดามาก่อน ชื่อธรรมกร แต่ปรารถนาจะสำเร็จพุทธะ แล้วช่วยสรรพสัตว์ เมื่อสำเร็จจึงไปบังเกิดที่สุขาวดี เป็นพระพุทธเจ้าและคอยโปรดสัตว์ ณ โลกธาตุของท่าน
ซึ่งเช่นกันครับ ไม่เน้นให้รู้เรื่อง ประวัติ หรือ ชีวิต ของพระอมิตาภ แต่ให้รู้จริยาวัตรของการเป้นพระพุทธะ

มันเป็นเรื่องอจินไตยก็จริงครับ แต่อย่างที่บอก ชาวมหายาน บูชาพระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้า มิใช่เพราะงมงาย หรือ อธิษฐานขอพร เพราะชาวมหายานบูชาพระ เพราะ ต้องการรำลึกเป็น พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ซึ่งในพระสูตรต่างๆก็บอกไว้
เรื่องของทุกข์ในสังสารวัฏ ว่า พึงละเว้น แล้วแสวงหาทางดับทุกข์อย่างพระโพธิสัตว์
เรื่องของสมุทัย ว่าในโลกนี้สัตว์ทั้งหลายหรือแม้แต่ตนเองยึดถืออัตตา มีความทะยานอยาก พึงมีปรัชญาปารมิตา ดั่งพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ เล่งเห็นความว่างเปล่า ไร้ตัวตน
เรื่องของนิโรธ ว่าควรสละละทิ้งความอยาก ละวางอัตตา ทำจิตใจให้สะอาด
เรื่องของมรรค ว่า ควรสร้างแต่ความดี สั่งสมปัญญา มีเมตตาโปรดสัตว์

ดังนั้นจุดประสงค์ของมหายาน ไม่ได้บูชาพระต่างๆ ด้วยความเชื่อถือยึดมั่นถือมั่น หรือมัวคิดแต่เรื่องในอดีต แต่เป็นการนำปณิธาน จริยาวัตร ของท่านมาปฏิบัติ

 

ครับ แค่มาเสวนานะครับ เพื่อแลกข้อมูลกัน
จะถูกหรือผิด อีกเรื่อง..

 

ขออภัยอาวุโสอย่างสูงนะครับ มิควรปรามาสพระพุทธเจ้าอย่างยิ่ง
อาวุโส เอาหลักเถรวาท หรือ หลักอัตตาของตน มาตัดสินความเชื่อบางเรื่องของมหายานไม่ได้
อาวุโสใช้ตรรกกะของปุถุชน ถือเป็นเรื่องมิสมควร

พระอมิตาภอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เดิมเป็นธรรมกรภิกษุ หวังในพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ประกาศมหาปณิธานต่อหน้าพระพุทธเจ้า (ในกาลก่อน) เมื่อครั้งบำเพ็ญปารมิตาสมบูรณ์
ท่านพึงบังเกิดในสุขาวดีปัจจิมทิศ แล้วสำเร็จเป้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ต่อมาพระพุทธเจ้าศากยมุนีทรงตรัสสรรเสริญในพระมหาปณิธานของพระพุทธเจ้า อันเป็นความเคารพต่อพระพุทธเจ้าในอดีต ถือเป็นพุทธจริตที่สมควร ในการที่จะสรรเสริญพระพุทธเจ้าในอดีตกาล
แล้วกล่าวว่า บัดนี้ก็ยังทรงประทับอยู่ ผู้หวังจะอุบัติพึงมีพุทธนุสติถึงพระองค์

ในมหายาน ไม่มีบรรทัดใด ประโยคใด บอกว่า พระอมิตาภภายนอกเป้นแค่พระพุทธ ภายในมีอาสวะกิเลส ท่านก็ตรัสรู้ แล้วสั่งสอนธรรมในโลกของท่าน คนที่อยากไปก็นึกถึงพระองค์ เป็นเรื่องธรรมดาที่พระพุทธเจ้าทรงล่วงรู้ด้วยพระสัพพัญญุตญาณว่า มีผู้ปรารถนาฟังธรรม พระองค์ก็ต้องไปโปรด

อีกทั้ง พุทธเถรวาท ในพระสูตรต่างๆ พระพุทธเจ้าก็ทรง ตรัสสรรเสริญในพระพุทธเจ้าครั้งอดีต แล้วกล่าวอีกว่า ในโลกธาตุต่างๆล้วนมีพระพุทธเจ้า (บางโลกก็ไม่มี) เพียงไม่มี 2 พระองค์ในโลกธาตุเดียว ดังนั้น พระอมิตาภอาจมีอยู่จริงๆก็ได้ แต่ถือเป็นเรื่องอจินไตย

 

ครับ ติดข้อหาปรามาสหรือครับ
ข้อหารุนแรงมากนะครับ

ขอถามเป็นความรู้ คุณเคยพบพระอมิตา ไม๋ครับ?

 

แล้วเคยไปแดนสุขาวดี ไม๋ครับ..?...

 

ครับ แล้วคุณมีกายทิพย์ ไม๋ครับ?...

 

ไม่ตอบสักข้อ..
ขอถาม ตอนนี้คุณอยู่ในศาสนาของใคร?..

 

ดังนั้นจุดประสงค์ของมหายาน ไม่ได้บูชาพระต่างๆ ด้วยความเชื่อถือยึดมั่นถือมั่น หรือมัวคิดแต่เรื่องในอดีต แต่เป็นการนำปณิธาน จริยาวัตร ของท่านมาปฏิบัติ[/QUOTE]

คือ ต้องยอมรับนะครับ คำของคนบางคนอาจหนักสำหรับบางบุคคล แต่เป็นความจริง

นายกรัฐมนตรี ผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดีย ท่านหนึ่ง ยังกล่าวเลยครับว่า มหาภารตะ แม้จะอิงอยู่บนพื้นฐานตำนานปุรัมปุรา แม้ชาวประชาอินเดียทั้งหลายมีชีวิตบนพื้นฐานที่เห็นว่า เรื่องต่างๆ ที่อ่านมันเป็นความจริง เรื่องจริง แต่ท่านนายกยังกล่าวเองว่า มันขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และมันคือ วรรณกรรมทางศาสนา

ซึ่งตรงนี้ มันสืบเสาะถึงการแต่ง การประพันธ์ได้ มันต่างกับการพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานแน่นอน

และในเมื่อมันคือ วรรณกรรม ซึ่งคนทั่วไปย่อมทราบว่า มันคือเรื่องแต่งครับ หรือที่เค้า บอกท่าน แสดงความเห็นกับท่านว่า มันเป็นของปลอม ของเก๋ นั้นแหละ เค้าพูดตามธรรมดานะครับ

แต่สำหรับเรา ในทางศาสนานะครับ มันอีกเรื่องหนึ่ง มันคือ ศรัทธา ครับ
ซึ่งมันมีกรอบที่จะพ้นจากความงมงายนั้น ไม่ว่ากันนะครับ