ท่านผู้เจริญไปนิพพาน กันเถอะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somkiatfem, 26 กันยายน 2016.

  1. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เคยขึ้นไป
    หรือยังคะ
    พระนิพพาน
     
  2. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    น่าสนใจ
    จิตข้าพเจ้าบอกยังไม่อยาก
    ไม่รู้จะสู้อะไรนักหนา
    เหมือนกัน
    ในชีวิต
     
  3. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    สิ่งที่คิด
    ที่หวัง
    ยังไม่สำเร็จผล
    มันก็เลยเก้ๆกังๆ
    อยู่อบ่างนี้
     
  4. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    สุดที่พระจุฬามนี
    ยังหา
    คำตอบที่ตรงกับคำถามตัวเองอยู่
    ยังรอคำตอบของตัวเองอยู่คะ
     
  5. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    แบบที่ ๒ ต่อจาก โพสต์ของผมข้างบน

    มีผู้ปฏิบัติธรรมหลายคน มุ่งพระนิพพาน ปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งไม่มีใครกลัวตาย บางท่านปฏิบัติจนวาระสุดท้ายของชีวิต แต่เวลาจะตายมันก็มาแบบที่ว่า วูบดับสนิท(ทางตัวรู้) สักพัก เค้าเกิดใหม่แล้วครับ

    การนิพพาน ให้ได้ก่อน ถ้าไม่นิพพานให้ได้ก่อน เจอแบบสองเคส ซึ่งปกติจะเจอกัน ลำพังไม่กลัวตาย ไม่นิพพานเลย ปัญหา คือ จะพิจารณายังไงให้เร็วกว่าที่ จิต มันจะเป็นไปตามวิบากกรรมพาไปภพใหม่แบบฉับๆ ไปอย่างนั้น

    นิพพานก่อนตายครับ

    กรณีพระที่ท่านฆ่าตัวตาย ท่านพยายามเพียรได้เจโตวิมุติถึงหกครั้งแล้ว

    ท่านพิจารณาอยู่ แต่ยังไม่เต็มรอบ
    ท่านจึงพยายามฆ่าอยู่ ถ้าการพิจารณาเต็มรอบ ท่านจะไม่พยายามฆ่าตัวตายอีกเลย(ทราบว่า พระอรหันต์ท่านไม่ฆ่าตัวตายแน่ๆใช่ไหมครับ)

    ต้องถามว่า ท่านพิจารณาหกครั้ง เจ็ดครั้ง มันเหมือนกันไหม หรือท่านเอาการตายจริงที่กำลังเกิดมาพิจารณา หรือว่า จิตท่านปล่อยวางการปรารถนาหลุดพ้นเสีย จึงตรัสรู้อย่างพระอานนท์ที่เพียรจะเป็นพระอรหันต์ หรือความเพียรที่มีเต็มรอบ แก่จิตแต่การพิจารณาแบบเดิม

    พระโคธิกะท่านได้เจโตวิมุติ ถึงหกครั้งแต่ไม่บรรลุพระอรหันต์ แต่ตอนขึ้นฌาณครั้งที่ 7 ท่านทำการฆ่าตัวตาย

    ท่านบรรลุพระอรหันต์เพราะเหตุใด คงไม่ใช่เพราะได้ฌาณ เพราะได้มาหกครั้งยังไม่บรรลุ ท่านมาบรรลุเพราะเหตุใด

    ท่านที่ศึกษามาดี ช่วยตอบหน่อยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2016
  6. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    ผมว่าคุณฟุ้งซ่านมากเกินไปนะ

    คือคุณเป็นคนที่สงสัยมาก แล้วก็คิดมาก

    การสงสัยไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่การสงสัยแล้วคิดฟุ้งซ่านมากไป มันก็จะไปกันใหญ่



    หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านสามารถสอนให้คนเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะท่านเข้าถึงแล้ว

    ถ้าคุณสงสัยมากๆ คนก็ลองปฏิบัติตามที่ หลวงพ่อท่านแนะนำสิ มามัวคิดไปก็ไม่ได้อะไรหรอก



    และผมก็เคยฝันว่า หลวงพ่อฤาษี ท่านถามผมว่าอยากรู้ไหมว่านิพพานเป็นอย่างไร

    ผมก็ตอบว่าอยากรู้ ท่านก็ตอบผมว่า ถ้าอยากรู้ก็ปฏิบัติให้เข้าถึงนิพพานสิ แล้วจะรู้ได้เองว่านิพพานเป็นอย่างไร



    ของอย่างนี้ ต้องปฏิบัติให้ถึงพร้อมแล้วจะรู้เอง

    หลวงพ่อท่านก็บอกวิธีให้แล้ว ท่านก็บอกแล้ว อารมณ์ไม่กลัวตายนั้นแหละเป็นอารมณ์พระอรหันต์

    ท่านก็บอกให้ละความยึดติดในกายนี้ ว่ากายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในกายนี้ กายนี้ไม่มีในเรา

    ถ้าละสังโยชน์ข้อนี้ได้ตัวเดียว ก็เป็นพระอรหันต์ได้



    และผมก็เคยฝันอีก ว่าเจอคนใส่ชุดขาว ไม่รู้ว่าเป็นฤาษีหรือเทวดา

    ท่านถามผมว่า คุณปฏิบัติแบบนี้ ปฏิบัติเหมือนพระอรหันต์เลย นี่คุณปรารถนาเป็นพระอรหันต์หรือ

    ผมก็คิดในใจก็หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง อาจารย์ผมเป็นพระอรหันต์นี่ และผมก็ตอบท่านว่า ผมไม่ปรารถนาเป็นพระอริยเจ้า ผมปรารถนาพุทธภูมิครับ

    ท่านก็นิ่งไปนิดนึง แล้วท่านก็อืม แล้วก็พยักหน้า



    ผมจึงอยากจะบอกคุณว่า ถ้าคุณสงสัย คุณก็ปฏิบัติตามที่หลวงพ่อท่านแนะนำสิ แล้วคุณจะรู้เองครับ

    หลวงพ่อปานท่านยังบอกหลวงพ่อฤาษีว่า เวลาจะเรียนจากท่านให้เรียนแบบโง่ๆ

    เวลาท่านสอนอะไร ก็อย่าสงสัยให้ปฏิบัติเลย ุถ้าปฏิบัติแล้วติดขัดอะไรก็ค่อยมาถามท่านทีหลัง
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ขออนุญาตเพิ่มเติมครับ..
    มีประเด็นหลายๆส่วนที่เห็นด้วย
    และส่วนตัวก็ได้รับคำแนะนำมาคล้ายๆอย่างคุณ zhayun ว่ามาครับ
    เวลาเรียนอะไรเกี่ยวกับกรรมฐาน หรือ สมาธิอะไรก็ตาม
    ท่านก็ว่าให้เรียนแบบโง่ๆ. โง่ในที่นี้ก็คือความรู้ทางสมมุติ
    อะไรที่เราเคยได้รับรู้มา ได้ฟังมา ให้ทิ้งให้หมดแล้วมาเริ่มต้นใหม่
    เหมือนเด็กอนุบาลที่ไม่รู้อะไรเลยนั้นหละครับ ไม่ใช่ว่าโง่ทางด้าน
    การศึกษาแบบทางโลกๆนะครับ..
    และก็ไปปฏิบัติตามที่ท่านสอนมาซะ ท่านว่าตรงไหนไม่ควรสน
    ก็อย่าไปสนใจ ท่านบอกให้ทำต่อไปก็ทำต่อไป
    พอปฏิบัติมาแล้วเกิดติดขัด
    ในสภาวะอะไรในระหว่างทาง
    และพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองแล้วไม่ได้
    (ย้ำว่าติดขัดระหว่างทางและพยายามแก้ปัญหาแล้วติดขัด)
    แล้วถึงค่อยมาถามครับ
    ท่านก็จะแนะนำต่อเอง
    และเราจะผ่านสภาวะตรงนั้น
    ไปได้อย่างง่ายดายครับ...

    พูดทั่วๆไปนะครับ ไม่ได้มีเจตนาจะว่าท่านใดนะครับ
    ปัญหาที่นักปฏิบัติหลายคน
    ไม่ว่าจะเรียนกรรมฐานอะไรก็ตาม
    แล้วไม่ค่อยสำเร็จกัน
    เพราะว่าหลักๆเลย ก็คือ
    เรามันชอบเชิงรู้มาก แต่ตอนปฏิบัติไม่ทิ้งสิ่งที่เคยรู้มา
    และชอบเอาสิ่งที่เคยรู้มาเปรียบเทียบ
    แล้วไปวิพากษ์ วิเคราะห์ วิจารณ์
    ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้ปฏิบัติตามเลย
    และยังไม่ได้ปฏิบัติถึงสภาวะนั้นๆเลย

    และเพราะทิ้งสิ่งที่เคยรู้ในอดีตไม่เป็น
    แล้วก็ไปยึดมันเข้ามา จนกลายเป็นตัวเอง
    และกลายมาเป็นสร้างอัตตา แล้วเอาไว้คอยย้อนแย้ง
    นั่นหละครับ เป็นเหตุที่ทำให้ไม่ประสบผลสำเร็จ
    ในระดับใช้งานได้จริง ในระดับที่เกิดผลต่อจิตตนเอง
    และเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ แม้ในสภาวะลืมตาปกติ
    ไม่ว่าจะฝึกกรรมฐานอะไรก็ตาม
    กลายเป็นสำเร็จกรรมฐานด้วย
    การคิดวิเคราะห์แทน...

    แถมบางคนนอกจากไม่ปฏิบัติตามแล้ว
    ยังมาย้อน ยังแอบไปวิพากษ์ วิจารณ์
    ครูบาร์อาจารย์ตนเอง เอาท่านไปเปรียบเทียบ
    แอบนินทาว่าร้ายลับหลังอีกต่างหาก
    และเอาไปเอามาก็ยกตนเอง
    ว่าตนเก่งกว่าครูบาร์อาจารย์ซะแล้ว...
    อย่างนี้ยิ่งห่างไกลความสำเร็จ
    เพราะแม้แต่สำมัญสำนึกพื้นฐาน
    แห่งการรู้คุณบุคคลแค่นี้ยังทำไม่ได้
    ก็ไม่ต้องจะไปหวังว่า จะฝึกกรรมฐานอะไร
    สำเร็จได้ในชาตินี้นั่นหละครับ

    บางคนยิ่งหนักกว่า คือทำผิดวัตถุประสงค์ที่ท่าน
    ได้บอกไว้ เช่น ท่านบอกว่าฝึกแล้วให้มาวิปัสสนาต่อ
    หรือฝึกแล้วถ้าเกิดมี ก็ให้ใช้เพื่อสงเคราะห์บุคคล
    ให้สร้างประโยชน์ให้แก่สาธารณะ...ก็ดันไปหาประโยชน์
    จากสาธรณะซะเอง
    และแถมดันเอามาพูด มาเล่าให้คนยึดติดไม่ว่าจะอดีต
    จะอนาคต ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง โดยไม่สนใจ
    เรื่องวิปัสสนา เรื่องการตัดร่างกาย เรื่องสติเรื่องปัญญาทางธรรม
    แต่จะเอามาพูดเพื่อยกตนเองให้ดูเหมือนเก่งบ้าง

    ยกตนเองให้ดูเหมือนสูงส่งบ้าง
    เอาไปใช้ในทางก่อเกิดประโยชน์
    ต่อตนเองในทางที่เป็นอกุศลต่างๆไม่ว่าทางด้านไหน
    เช่น ทำเป็นโชว์มุขเทพ เอาไปทำนายทายทักโน่นนี่นั้น
    ไปเรื่อยทั้งๆที่ยังไม่มีใครถาม แต่จะพูดเพื่อให้ตนเอง
    ดูเหมือนมีอะไรพิเศษ
    บางคนเอาไปย้อนอดีตแล้วเอามาพูด
    ว่าคนโน้นนี่นั้นเป็น เคยเป็นภรรยา เคยเป็นสามีมาก่อน
    แล้วไปยึดเอาอดีต(จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
    หรือว่าใช้เป็นมุขก็ไม่รู้)

    ทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาวุ่นวายในทางโลก
    ในทางด้านศีลธรรม
    บางคนหนักกว่า เอาไปใช้ทำมาหารับประทาน
    เพื่อหวังในลาภ ในยศ ในสุข ในสรรเสริญ
    เพื่อความร่ำรวย เหตุเหล่านี้เป็นที่มาแห่งความเสื่อม
    และอาการที่เรียกว่า เฝื่อ หรือเป็นไปเพราะกิเลสในใจ
    ตนชักนำให้รับรู้ ให้เห็นอย่างที่ กิเลสที่ตนมีมันปรุงนั่นเองครับ
    เป็นเหตุให้จิตถอยเข้าสู่ความเสื่อมอย่างที่ไม่รู้ตัวนั่นหละครับ (^_^)


    ปล.เล่าให้ฟังทั่วๆไปนะครับ
     
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ผมเทียบเคียงนะครับ

    คนหนึ่งสอบตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ๑ ปี สอบได้
    กับอีกคนหนึ่งสอบ ๑๐ ปี ยังสอบไม่ได้

    ถ้าผมไม่อาจแจกแจงบุคคลที่ ๒ ได้ว่า เหตุใดเค้าสอบได้ช้ากว่า มีวิธีการที่เร็วกว่าหรือไม่ เค้าบกพร่องตรงไหน และผมตอบเค้าสั้นๆ ว่า ดูหนังสือไปเถอะ ดูให้มากเข้าไว้ ???
    ซึ่งหลายคนดูหนังสือหนักจนแก่ตายก็สอบไม่ได้

    มันไม่ใช่ทางของผมครับ
     
  9. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    เอาเฉพาะตัวอย่างที่คุณยกมานะครับ

    เหตุที่ไม่สำเร็จ คุณก็ลองเอา อิทธิบาท4 มาใช้ดูสิครับ ว่าเราทำไม่ถูกต้องในอิทธิบาท4 ตรงไหน



    อิทธิบาท 4 องค์แห่งความสำเร็จ

    1. ฉันทะ - เรามีความพอใจในสิ่งนั้นไหม ถ้าเราพอใจจริงๆ เราจะไม่ท้อแท้ แม้จะต้องตายก็ต้องเอาให้ได้ แต่หมายในทางสุจริตนะครับ

    2. วิริยะ - เมื่อมีความพอใจแล้ว เราก็จะมีความเพียรที่จะอ่าน แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็เพียรต่อไป เพียรที่จะสอบให้ผ่าน แม้จะพลาดครั้งนี้ ก็ไม่ท้อถอย เพียรที่จะมุ่งต่อไปจนกว่าจะผ่าน เพียรโดยเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก

    3. จิตตะ - มีจิตตั้งมั่น ในการสอบให้ผ่าน จดจ่ออยู่ในสิ่งนั้นทั้งวันทั้งคืน จนกว่าจะผ่าน

    4. วิมังสา - ใช้ปัญญาแก้ไข ว่าทำไมถึงไม่ผ่าน เราผิดพลาดตรงไหน ก็หาทางแก้ไขไปเรื่อยๆ และก็ไปถามคนที่ผ่านมาแล้วดูว่าเขาทำอย่างไรถึงผ่าน ก็ลองเอาวิธีเขามาใช้ดู เพราะเราก็อยากจะผ่านแบบเขา และอาจจะไปถามครูบาอาจารย์และคนที่ผ่านหลายๆคน ให้แนะนำวิธีผ่านว่าทำอย่างไร



    ถ้าทำอย่างนี้ได้จริงๆ รับรองสอบผ่านแน่ๆ

    หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านก็บอกว่า อิทธิบาท4 องค์แห่งความสำเร็จ ไม่ใช่เฉพาะทางธรรม แต่ทางโลกก็สำเร็จได้ด้วยอิทธิบาท4 ครับ
     
  10. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228

    .....ขอเสวนาด้วยคนนะครับ

    .....ผมก็เคยฟังแบบท่านนี้แหละ ยังคิดอยู่ว่า การพิจารณา ตอนใกล้ตายอาจจะบรรลุได้กระมัง ถ้าถึงตอนนั้น ไม่มีอะไรจะเสียก็จะสร้างความรุ้สึกตัว พิจารณาตามตัวอย่างนั้นแหละ

    .....เรามาว่าปัญญหากันดีกว่า

    ....1 ถ้าถามว่า การบรรลุคืออะไร 2. อะไรคือปัจจัยแห่งการบรรลุ

    .....1 การบรรลุ ก็คือการตรัสรู้นั้นเอง ก็คือการเห็น ความเป็นไตรลักณ์ ของขันธ์ห้า ด้วยตัวญาณ เรียกอีกอย่างว่า วิปัสสนาญาณนั้นเอง
    .......อันนี้ต้องเข้าใจอยู่อย่าง การเห็นหรือเข้าใจ รับรู้ มีสองอย่าง รู้และเข้าใจด้วย จิต เรียกว่า จินตามยปัญญา รู้และเข้าใจด้วยญาณ อันนี้เรียกว่า ภาวนามยปัญญา จนเกิดวิปัสนาญาณ เข้าใจให้ตาย ถ้าไม่ภาวนา ก็ไม่เกิดวิปัสสนาญาณ
    ........ถ้าเข้าใจผิดๆ นั่งภาวนาให้ตายก็ไม่มีทางเกิดวิปัสสนาญาณ พระพุทธองค์เรียกว่า ตั้งจิตให้ถูก โอกาสที่จะเกิด ตรัสรู้ก็มีได้ ถ้าตั้งจิตไม่ถูกก็ยากที่จะเกิด วิปัสสนาญาณ

    ......2. ปัจจัยที่ให้เกิดตรัสรู้ บรรลุธรรมคืออะไร

    ..........ไม่มีอนันตริยกรรม
    ...........พระองค์อุปมา จิตคนว่า มีสามแบบ จิตที่แช่ในกาม ตัวก็อยู่ในกาม อุปมาดังไม้ที่มียางแช่น้ำ อันที่สอง จิตที่แช่ในกามแต่ห่างจากกาม ดังอุปมาดังไม้ที่ออกจากน้ำ แต่ยังมียางอยู่ อันที่สาม จิตที่ไม่แช่ในกาม ดังไม้แห้งที่ไม่แช่ในน้ำ จิตที่ไม่แช่ในกามเหมาะแก่การบรรลุธรรม อุปมาดังไม้แห้ง ง่ายแก่การจุดไฟ
    ..........สัมมาทิฏฐิ ความเห็นที่ถูก ตังจิตให้ถูก โอกาส ตรัสรู้ก็เกิดขึ้นได้ ถ้าตั้งจิตไม่ถูกก็ยากที่เกิดได้

    ..........อีกอันผมคิดว่า บุญบารมีที่สะสมมา ดังเช่น พระองคุลีมาล ถ้าท่านไม่มี บุญบารมีมาก่อน ยากที่จะได้พบ และบรรลุธรรม

    .........ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ที่ในกลุ่ม ธรรมะบริสุทธิ์อย่างกลุ่มเราก็ คงปราถนาพระโสดาบัน แหละครับ ผมก็อยากแหละครับ แต่คงหวังยาก เพราะ ยังไม่ลองปฏิบัติ แบบขั้น ทุ่มสุดตัว น่าลองนะครับ อยากลองแบบทุ่มสุดตัวสักตั้ง

    .........ท่าน ณฉัตร เคยทุ่มสุดตัวละยังครับ เล่าให้ฟังบ้างก็ดี
     
  11. มงคล พิมพา

    มงคล พิมพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +184
    เฮ้ย อย่าว่ากันมันมาคนละสาย
     
  12. เกวะละ

    เกวะละ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +52
    ถ้ายังมีความคิดว่าเราจะต้องไปนิพพาน หรือชวนคนอื่นไปนิพพานกันเถอะ

    เหมือนกับว่านิพพานเป็นสถานที่ ที่หนึ่งที่เราจะต้องไปให้ถึง...

    แค่เริ่มต้นคิดก็ผิดแล้วหละครับ...เพราะการที่เราจะถึงสภาวะนิพพานได้

    เราไม่ต้องไปไหน ต้องไม่มีความคิดว่าต้องไปให้ถึง...ถ้ายังแสวงหาอยู่

    ไม่มีทางเข้าใจว่านิพพานคืออะไร เป็นยังไง...ก็ยังหลงทางอยู่นั่นแหละ
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระพุทธวจน ความสิ้นไป แห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ คือ นิพพาน :cool:
     
  14. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    แล้วข้อที่คุณจะเเนะนำให้เกิดความเจริญเป็นอย่างไรครับ
     
  15. เกวะละ

    เกวะละ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +52
    ดีครับ ถ้าคุณมีความมุ่งมั่นสนใจที่จะปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจริงๆ

    คุณต้องหาโอกาสเข้ากราบครู อาจารย์ ที่ปฏิบัติดี ถูกต้องและเข้าใจธรรม

    แล้ว และขอรับคำแนะนำสั่งสอนอย่างใกล้ชิด...

    การที่ได้มีโอกาสสนธนาธรรมกับครูบา อาจารย์ที่ท่านบรรลุธรรมแล้วนั้น

    สำคัญมาก คือการต่อสายธรรม ที่จะทำให้เราเข้าธรรมได้เร็วขึ้น...

    ลำพังแค่อ่านหนังสือธรรมะ หรืออ่านคำอธิบายเอาจากหน้าจอคอม

    ไม่พอหรอกครับ...เพราะธรรมะนั้นละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะอธิบายให้

    เข้าใจได้ง่ายๆ...
     
  16. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ที่คุณเเนะนำเป็นสิ่งดีครับ สำหรับผมมีมุมมองว่าคนส่วนมากทำได้ยากในการเข้าถึงเพราะพระท่านก็มีกิจมาก ดังนั้นเราจึงมีเวปดีๆเช่นนี้ ให้ความรู้ เเละความรู้ทาง internet utube มีมากมาย ที่ผมเคยศึกษามา ถ้าจะขาดก็เรื่องการให้พระท่านสอบอารมณ์จิตแบบรู้วาระจิตของเราได้ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นที่ยากมากๆที่คนส่วนมากจะเข้าถึง
    ดังนั้นเราๆควรช่วยเหลือ ส่งเสริมคำสอนของพระพุทธองค์ เเม้จะคลาดเคลื่อนไป เเต่ก็มุ่งไปในทางที่ดีสูงสุด ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเพราะคิดว่าเรามันเป็นคนธรรมดา เราทุกคนก็มี 2มือ ด้วยกันกินเหมือนกัน ถ้ามีความตั่งใจสะอย่าง ก็ช่วยได้มากให้สำเร็จได้

    ส่วนตัวผมจะไม่ขัดใคร ถ้าขัดเเล้วต้องเเนะให้แก้ได้ มิเช่นนั้นจะเป็นผู้ชอบติ พระท่านสรรเสริญ ผู้ติเเละผู้ชม

    หลวงพ่อสดกล่าว บอกหลวงพ่อฤาษีว่า นิพพานเป็นเมือง เป็นแก้วใส หลวงพ่อเองก็ไปพบเห็นมาเเล้ว เเล้วมาบอกต่อ

    นิพพานนั้น 0 จากกิเลส วางเฉย จากทุกข์เเละสุขซึ่งมันเป็นส่วนผสมของกิเลส อวิชาให้ยังหลงว่ายังมีดีในการเกิด เช่น คนสวย อาหารอร่อย เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกิเลส กิเลสทำให้เรามีความทุกข์ เเละ ปลอบเราด้วยความสุข หลอกล่อ เป็นอวิชา (สรุปจาก หลวงพ่อฤาษี ซึ่งท่านพูดเองว่า คนจะไปนิพพานต้องเรียนกับ อาจารย์ที่เข้าถึง เเละท่านก็เข้านิพพาน ทิ้งสังขารไว้ที่วัดให้เราเห็นกันเเล้ว ดังนั้น หลวงพ่อสดก็กล่าวถูกต้อง เพราะท่านก็สอนหลวงพ่อฤาษี เเละหลวงพ่อก็บอกว่า เวลานี้ เรามีเทปกันเเล้วก็ไม่ต้องมาสอบถามอะไรกัน ฟังเทฟเอา เทปท่านมีหลายร้อยคลิปครับ เเละผมก็ทำตามท่านตั่งเเต่เริ่มต้น มาเรื่อยๆ ก็ได้ผลอย่างท่านว่าทุกประการพูดเเล้วขนลุกเพราะก่อนหน้าที่ยังทำไม่ได้ เพราะเราตั่งใจไม่พอ ก็อย่างที่ท่านบอกอีกเเหละครับ)

    ถ้าเราไม่อยากไปนิพพานกัน เเล้วเราจะ อะไรกับ นิพพานได้ ก็มีเเต่ต้องไปนิพพาน คุณ มองมุม ของคุณ ก็ถูกของคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2016
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ถูกต้องครับ หลวงพ่อฤๅษีให้ฟังเทปคำสอนของท่านแล้วให้ประพฤติปฏิบัติตาม....
    ควรทำตามไปก่อนถ้าต้องการปฏิบัติเอง
    โดยถือว่ามีหลวงพ่อเป็นอาจารย์ ฟังไปพิจารณาไป
    ปฏิบัติควบคู่ไป
    ต้องเจริญขึ้นกว่าเดิมแน่นอนครับ
    ตอนนี้หลวงพ่อไม่เคยดุใครแล้วครับ แม้เราจะดื้อท่าน
    ก็ไม่ดุเรา
    เพียงแต่เราจะไม่เจริญถ้ามัวแต่ดื้อ
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เวลาฟังเทบของหลวงพ่อท่าน ทริคที่จะทำให้เรา
    ประสบความเร็จหรือไม่ส่วนหนึ่ง
    ให้สังเกตุเวลาที่ท่านลดน้ำเสียงลง
    พูดเบาๆลงเรื่อยแล้วจบประโยคไปและเว้นวรรคเล็กน้อย
    โดยมากทริคที่จะทำให้ฝึกกรรมฐานกองนั้นๆสำเร็จจะอยู่ตรงนี้ครับ
    และอะไรที่ท่านห้ามไว้ก็อย่าไปทำ
    ไม่ว่าจากเรื่องกรรมฐานกองไหนๆก็ตามครับ

    ส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จกัน
    และที่เฝื่อกันซะส่วนมาก ยังยึดมั่นถือมั่นมีอัตตาตนเอง
    ยึดติดกิเลสในเรื่อง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญต่างๆนั้น
    เพราะมักทำในสิ่งตรงกันข้าม
    กับที่ท่านเน้นท่านสอนนั่นหละครับ
    ซ้ำร้ายยังชอบเอาท่านมาอ้าง
    เพื่อยกตนเพื่อเสริมความคิดตน
    ที่ทำตรงข้ามกับที่ท่านสอนนั่นหละครับ

    ยกตัวอย่างง่ายๆ วิชาพิเศษ ท่านว่ารู้แล้วเห็นแล้ว
    ให้มาวิปัสสนาต่อเพื่อตัดร่างกาย แต่ก็ยังเอาเรื่องที่ไปเห็นไปรู้
    มาอวด มาอ้าง มาคุยเพื่อยกตนเองนั่นหละครับ
    นี่แค่ตัวอย่างบางตอน ยังไม่นับพวกย้อนอดงอดีต
    แล้วไปยึดแต่อดีตเท่ห์ๆ หรือพวกย้อนเพื่อเอาไว้
    ใช้ประโยชน์เชิงอกุศลส่วนตน โดยที่ไม่ดู
    ความเป็นจริงและผลกระทบที่จะเกิดในปัจจุบันครับ
    หรือไม่ก็เอาไปใช้รับประทานเป็นหมอดงหมอดูอะไรนั่นหละครับ
    แต่เว้นเฉพาะบุคคลที่ทำเพื่อสาธารณะประโยชน์นะครับ
     
  19. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ผมว่าถ้าจำไม่ผิด
    มีคนบางคนเคยแย้งเรื่องนี้อยู่
    ตงิดตงิดนานมาแล้ว
    ฮุฮุ

    ยินดีด้วยคาบบบบบ

    ไปขึ้นรถไฟเหาะมายัง
     
  20. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เรามีผู้ชำนาญการพิเศษทางด้าน...มโน...ใครน๊าาา
    พูดไว้......
     

แชร์หน้านี้

Loading...