ผมเข้าใจเรื่องลมหายใจถูกหรือไม่ ครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย somkiatfem, 30 พฤษภาคม 2016.

  1. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวว่า

    "ถ้า เข้า ชาญ 2 เเล้วตกลงมา ชาญ 1 จะรู้สึกว่าเราลืมรู้ลมหายใจ"

    อยากเรียนถามว่า การปฎิบัติจริงๆ ในชาญที่ 2 เรารู้ลมหายใจหรือไม่ คือรู้เเต่ละเอียดไม่ได้รู้เเบบหยาบ เพราะว่าหลวงพ่อกล่าวว่า ขาญที่ 3 ลมหายใจละเอียดมาก เเละ ขาญ4ไม่มีลมหายใจ แปลว่า ตอนอยู่ ขาญที่ 3 เเละ 4 ยังมีการวิจาร เกิดขึ้น เเต่เป็นแบบละเอียด ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ เพราะตัวผมเองเกิดปัญหาว่า เมื่อเลยชาญที่ 3 ลมหายใจแทบไม่หายใจ ผมไม่กล้าวิจาร จิตจึงไร้ที่เกาะกำหนด จิตจึงไม่เป็น 1 คือ เอกัคคตารมณ์ เเละผมก็ไม่รู้ว่าเป็น 1 ที่อะไร ถ้ามีอารมณ์เดียวคือ รู้ลมหายใจ นั้นก็คือวิจาร กลับไปชาญ 2 ผมเลยยัง งงๆ ครับ เรียนถามผู้ปฎิบัติจริงช่วยด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เข้าใจถูกบางส่วนครับ..พูดแบบสั้นๆนะ
    ก่อนที่เราจะเข้า ๒ ได้ลมหายใจมันจะหายไป
    เองแล้วครับ ถึงได้มีคำกล่าวว่า ทิ้งคำภาวนาไปด้วยไงครับ..
    ที่คุณเข้าใจว่า. เราจะลืมรู้ว่าเราลืมรู้ลมหายใจนั่น
    มันเพราะไประลึกลืมรู้ลมหายใจนี่หละครับมันเลยตกระดับลงมา...

    ส่วนกิริยาตั้งแต่ ๑ นั้นสังเกตุดูได้ว่า เหมือนๆกับเราจะรู้ว่า
    อะไรเป็นอะไรอยู่แต่ว่า มันจะยังสามารถอยู่ในสภาวะอารมย์นี้ได้
    นั่นก็เพราะว่า จริงๆแล้วจิตกับกายมันเริ่มจะแยกกันแล้วบ้างครับ
    แต่ว่า อารมย์มันอยู่เหนืออุปจารสมาธิ พอคล้ายๆว่า เหมือนๆว่า
    เรารู้อะไร มันก็เลยยังสามารถอยู่ในสภาวะนี้ได้ ไม่เหมือนตอนที่
    เราระลึกรู้ในอุปจารสมาธินะครับ รับรองว่าหลุดกลับสู่สภาวะปกติทันที
    ตรงนี้พอเข้าใจนะครับ....

    ส่วนวิจารเนี่ย กิริยานี้มันไม่มีตั้งแต่ ก่อนที่คุณจะขึ้น ๒ แล้วครับ
    เพราะฉนั้นถ้าคุณ ยังมีวิจารได้ ใน ๓ และ ๔ อยู่นั่นแสดงว่า
    คุณร่วงลงมา ๑ เรียบร้อยแล้วครับ..เพราะถ้ามันยังการครุ่นคิด
    ใคร่ครวญอะไรได้อยู่ในระดับนี้ ยังๆไงมันก็ยังไม่พ้น ๑ ครับ..
    เคยเจอระดับหนึ่ง แล้วอยู่ดีๆ มีเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ร้อยแปดในอดีต
    ผุดขึ้นมาอุตลุดไหมหละครับ มันก็ขึ้นมาในลักษณะวิจาร
    ในระดับ ๑ นั่นหละครับ ส่วนลมหายใจมันก็ละเอียดขึ้นไปแล้ว
    ตั้งแต่สองขึ้นไปจนถึง ๔ ถ้าทำได้ ซึ่งทางปฏิบัติจริงๆเราแทบจะไม่รู้ว่า
    เราหายใจแล้วครับ..
    คุณเข้าใจนะครับว่า กายมันแยกกับจิตไปแล้วกลายๆ
    ตั้งแต่ระดับ ๑ ไปแล้วครับ แค่อุปจารสมาธิมันก็แยกการ
    ควบคุมร่างกายไปแล้ว หลายๆคนถึงมีอาการ
    คล้ายๆผีอำ..พอขึ้น ๒ ไปแล้วมันจะเอาอะไรมารู้
    ว่ายังมีลมหายใจหยาบละเอียดได้ครับ...
    ความสามารถในการย้อนรู้ว่า ฌาน ๓ ฌาน ๔ แบบนี้ได้
    มีแต่ในผู้ที่เป็นเลิศ หรือเด่นทางทิพย์จักขุเท่านั้นหละครับ
    ถึงจะพอไปเห็นไปทราบได้ ยกตัวอย่าง
    เปรียบในสมัยพุทธกาลนั่นหละครับ
    ถ้าอย่างฆารวาสเราๆไปรู้ได้
    หรือบอกว่าเราทราบได้จากการปฏิบัติ
    คุณตรวจสอบความสามารถทางทิพย์จักขุ
    ของท่านนั้นดูได้ ที่ทราบส่วนมากจะทราบจากตำรา
    ที่หลวงพ่อท่านเขียนทั้งนั้นหละครับ...


    แต่ที่ท่านนำมาบอกเราได้
    คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ต้นทุน ความสามารถ. บารมี
    และความละเอียดของจิตที่เป็นคนธรรมดาๆแบบเราๆกับท่าน
    มันเทียบกันไม่ได้ครับ...
    ต่อให้คุณจะ สามารถขึ้นเป็นกรรมฐานด้วยภาพได้ก็ตาม
    คุณก็จะจับเรื่องลมหายใจแทบไม่ได้แล้วตั้งแต่ ๒ แล้วครับ
    ดังนั้นขออนุญาตแนะนำว่า ให้คุณทิ้งความรู้
    ทางสมมุติให้หมดก่อน แล้วปฏิบัติจนกระทั่งเข้าถึง
    ระดับที่สูงให้ได้ก่อน..ถ้าอะไรทางด้านนามธรรม
    คุณยังไม่เข้าใจได้ แสดงว่า กำลังสติทางธรรม
    เรามันยังไม่พอครับ ให้เฉยๆ ไม่ต้องสนใจทุกกิริยา
    แล้วมาเพิ่มการเจริญสติให้มันต่อเนื่อง และก็ทำของเราไป
    โดยไม่ต้องไปคาดหวังเพราะมันเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง...
    แล้วคุณจะมีเครื่องย้อนรู้เข้าใจ ในสิ่งที่สงสัยอยู่ทุกวัน
    ได้ด้วยตัวคุณเองครับ จำเอาไว้ว่า
    กิริยาทางนามธรรมต่างๆ ถ้าเราไม่สามารถเข้าใจได้
    เอง หรือพูดง่ายว่า ไม่เกท ไม่ปิ้ง ให้เราเฉยๆและไม่สนใจเอาไว้ครับ..
    อย่าไปพยายามคิด วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง
    เพราะมันจะเป็นตัวขวางในการเข้าถึง ผลสำเร็จของเรา
    อย่างที่คาดไม่ถึงครับ..
    ปล.ถ้าคุณฟังเสียงท่าน ให้จับสังเกตุดีๆ ทริคสำคัญมักจะมา
    ตอนที่ท่านพูดโทนเสียงเรียบๆนั่นหละครับ


    ถ้ายังคาใจ ให้ลองไปอ่านตามลิงค์ ข้างล่างดูอีกรอบนะครับ
    ��ѧ�Ե� palungjit.org > ��ѡ�ٵ� �����Է��
     
  3. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    เรื่องลมหายใจ เรื่องอาการทางร่างกายนั้น ถ้าสติดี ก็ยังสามารถรับรู้ได้
    คุณจะสังเกตุได้ว่า ทุกฌาน มีลมหายใจอยู่ แม้แต่ฌานสี่ ก็ยังมีลมหายใจสายเล็กๆ เลี้ยงชีวิตเอาไว้ไม่ให้ดับลง
    อาการรู้ลมหายใจในฌานนั้น จะออกแนวสักแต่ว่ารู้เท่านั้น
    ถ้ารู้ลมหายใจในฌานมากว่าสภาพสักแต่ว่ารู้ แปลว่าไม่ได้เข้าฌานอยู่

    ถ้าคุณไม่ใช่มืออาชีพ ที่เข้าออกฌานเป็นประจำ เบื้องต้นดูแค่องค์ฌานก็พอ ว่าครบหรือเปล่า
    ถ้าเข้าฌาน 1 ได้ จะมี 2 อย่างที่สังเกตุได้ คือ
    1.วิตก วิจาร ที่เกาะอยู่กับองค์กรรมฐานเพียงอย่างเดียวหน้าตาเป็นยังไง
    2.เอกัคตาจิต มีสภาพยังไง
    ถ้าจำสภาพ 2 ตัวนี้ได้ เวลาใครมาอธิบายเรื่ององค์ฌาน คุณจะรู้ทันทีควรจะคุยด้วยต่อหรือเปล่า
    คนเข้าฌานไม่ได้ เวลาขยายความ อธิบายยังไงก็ผิด

    ที่ฌาน 2 วิตก วิจาร จะหายไป แต่เอกัคตาจิตยังอยู่
    แปลว่าอารมณ์ของใจยังนิ่งอยู่กับองค์กรรมฐาน ไม่มีเป็นอื่น
    เป็นอื่นไปเมื่อไร แปลว่าหลุดออกจากฌานไปแล้ว
    คุณจะรู้ว่าคุณเข้าฌาน 2 อยู่หรือเปล่า ก็ด้วยความคุ้นเคยที่มีต่อเอกัคตาจิตนั่นแหละ
    จิตอยู่ในสภาพเอกัคตา อยู่หรือเปล่า ก็เทียบกับฌาน 1 ดู
    ถ้าเริ่มคิดโน่น นี่ นั่น ได้ ก็แปลว่า ไม่เป็นเอกัคตาแล้ว

    ที่ฌาน 3 ปิติ จะหายไป
    แต่สภาพจริงๆที่อยากให้สังเกตุ คืออาการทางกาย
    ที่มีอาการเกร็งน้อยๆ อยู่ทั้งตัว อะไรที่อยู่นอกกายออกไป จิดจะไม่รับรู้แล้ว
    สภาพของเอกัคตาจิตจะงวดเข้ามา จนสังเกตุได้ชัดที่นี่

    ที่ฌาน 4 มีแต่ อุเบกขา กับเอกัคตา
    แปลไม่รู้อะไรอีกแล้ว นอกจากนิมิต กับสติที่ควบแน่น จนรู้อยู่เป็นจุดเล็กๆ
    ถ้ารู้อย่างอื่นด้วย แปลได้ 2 อย่าง
    1.ไม่ได้เข้าฌานอยู่
    2.ไม่ได้อยู่ในร่างเนื้อแล้ว
     
  4. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ขอบพระคุณ อาจารย์ทั้ง 3 ท่าน ครับ

    ขอบพระคุณ อาจารย์ทั้ง 3 ท่าน ครับ
     
  5. มงคล พิมพา

    มงคล พิมพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +184
    เจ้าของกระทู้อยากทรงฌาน อิอิ ฌาน ไม่ใช่ ชาน ฌาน ไม่ใช่ ญาน
    ฌาน แปลว่า ชิน ถ้ายังไม่ชินแสดงว่ายังไม่ใช่ ฌาน
    ชินใน ฌาน 1 2 3 4 แล้วทำอย่างไรให้ ฌาน 1 ไป ฌาน 2 ไป 3 ไป 4
    ก็คือต้องทำให้มากทำใช้ชินทำทั้งวันเมื่ออารมณ์มันเต็มแล้วมันจะขยับขึ้นไปเองทรงหรือจดจำอารมณ์ให้คล่องเหมือนกับเราเดินเมื่อเราเดินเก่งเราจะวิ่งก็วิ่งได้
    ความรู้ทั้งหมดนี้ก็ได้มาจากการฟังเทปพระเดชพระคุณหลวงพ่อมหาวีระ ท่านเทศน์ไว้จำมาได้นิดหน่อย
    ส่วนตัวผมนั้นมีแต่ชานหมาก
     
  6. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    นึกว่าฌาณแปลว่าเพ่ง,ญานแปลว่ารู้,วสีแปลว่าชิน คล่อง ชำนาญซะอีก อิ อิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...