วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ขอบคุณพี่ๆน่ะครับ ถ้ายังไงผมขอช่วยออกค่าจัดส่งด้วยครับ พี่ๆส่ง pm เลขที่บัญชีมาให้ผมด้วยน่ะครับ
     
  2. Pew Pew

    Pew Pew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,807
    ผมโอนตังค์ให้คุณ Nuttadet แล้วนะครับวันนี้ 200 บาท เวลา 13.01 น.ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าครับ
     
  3. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    โมทนาครับ เช็คยอดได้รับเรียบร้อยแล้วครับ
     
  4. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    วันนี้พึ่งจะคุยกับพี่คณานันท์มาเรื่องอารมณ์พระกรรมฐานนะครับ คืออารมณ์พระกรรมฐานนั้นจะต้องเป็นสภาวะที่รู้สึกเบา รู้สึกสบาย ยิ่งเราเข้าสมาธิระดับลึกจะต้องยิ่งรู้สึกสบาย คล้ายเบาขึ้นๆเรื่อยๆ ตามกำลังสมาธินะครับ ไม่ใช่ลักษณะการกดทับ หนักอึ้ง แต่จะเป็นอารมณ์เบาๆ ลอยๆนะครับ
    -ใครเคยได้ยินชื่อเมฆจิตบ้างครับ เมฆจิตเป็นจิตที่มีความเบาสบาย คล้ายกับก้อนเมฆ หลายๆคนทราบแต่ชื่อ แต่ว่าไม่เข้าใจว่าต้องทำอารมณ์เช่นไร ให้ทำอารมณ์เบาสบายๆ รู้สึกมีความสุข รู้สึกเบาลอยโปร่งโล่งสบาย เมื่อจิตใจของเราเบาแล้ว ย่อมเกิดการรู้เห็น ญาณทัศนะได้เอง แต่หากว่าจิตใจของเรายังหนักอยู่ ยังถือว่าใช้ไม่ได้ครับ โดยสิ่งที่พระอาจารย์ทุกๆสาย ท่านจะพูดเช่นเดียวกันก็คือ อย่าทิ้งแรงครู คือว่าจะทำอะไรให้ตั้งจิตถาม หรือขออนุญาติกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ทุกๆครั้ง ห้ามใช้กำลังของตัวเองเด็ดขาด เมื่อเราไม่ทิ้งครูแล้ว การปฏิบัติธรรมของเราย่อมเจริญก้าวหน้า และไม่มีทางเสื่อมนะครับ
    -สาเหตุที่บางท่านเคยฝึกหรือปฏิบัติได้ดี แต่พอมาฝึกใหม่กลับทำได้ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน เกิดจากการที่
    1.เมื่อท่านเลิกฝึกไปนั้นท่านปรามาสครูบาอาจารย์ ให้ท่านหมั่นขอขมากรรมอยู่เสมอ
    2.สมัยก่อนเราไม่ได้อยากได้ เราไม่รู้ จิตมีอารมณ์เบาสบาย เพราะไม่ได้ทะเยอทะยานอยากได้ อยากฝึก แต่พอเรากลับมาฝึกใหม่ กลับมีอารมณ์ อยากได้ อยากสำเร็จ เป็นนู่นเป็นนี่ จนจิตใจเกิดอารมณ์หนัก ไม่สบายเหมือนเมื่อก่อน ปัญญาญาณจึงไม่เกิด เพราะว่าจิตไม่มีลักษณะเบาสบาย
    -การวางอารมณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากเราสามารถวางอารมณ์ได้ถูกต้อง คือเบาสบาย ยิ่งฝึกยิ่งเบาสบาย ย่อมสามารถเจริญก้าวหน้าได้เร็ว แต่หากจิตใจของเรารู้สึกหนัก เครียด อึดอัด ให้ท่านวางอารมณ์ใหม่ให้รู้สึกสบายๆ จะช่วยได้
    และการขอให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านช่วยสงเคาะห์ ยิ่งบ่อย ยิ่งดีครับ ไม่ต้องคิดว่าจะเป็นการรบกวนท่าน เพราะถ้าเราไม่ขอให้ท่านช่วยแล้ว จิตเราต่างหากที่จะถูกรบกวนด้วยอวิชชา จนทำอะไรผิดพลาดไปหมด
    -สุดท้ายนะครับ ผมขอเป็นกัลยาณมิตรก็พอนะครับ เป็นเพื่อนที่ช่วยแนะนำในการปฏิบัติธรรมได้บ้างนิดๆหน่อย ตามกำลังความสามารถ
    ขอให้ทุกๆท่านได้รับประโยชน์จากข้อมูลตรงนี้นะครับ ขอบพระคุณทุกๆท่านที่เมตตากระผมครับ
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    Re: ขอคำแนะนำค่ะ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ณ.
    พี่เล็ก...รบกวนขอคำแนะนำค่ะ
    เรื่องทางโลก ต้องตื่นประมาณตีสี่เพื่อเตรียมตัวออกจากบ้านตอนตีห้า เพื่อมาให้ทันทำงานแปดโมง และกว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่มทุกวัน กว่าจะเริ่มสวดมนต์ก็สามทุ่มกว่า สี่ทุ่มไปแล้ว กว่าจะสวดมนต์เสร็จก็เข้าไปห้าทุ่มกว่า อยากจะนั่งสมาธิให้ได้นานๆ แต่สภาพร่างกายมันไม่อำนวย ลานหมด บ่อยครั้งที่มันยื้อไม่ขึ้น แต่ณ.ไม่กลัวการฝึกเข้มนะ และมีความต้องการฝึกมาก เพื่ออย่างน้อยได้เป็นแรงหนึ่งในการช่วยเหลือได้
    เรื่องการปฏิบัติ ฝึกกสิน ณ.เริ่มคล่องมากขึ้น มองเห็นง่ายขึ้น เปลี่ยนได้ง่ายขึ้น อาจเพราะเข้าใจมากขึ้น พี่เล็กคงทราบจากพี่ปูแล้วว่า ณ.ขึ้นไปข้างบนไม่ได้ ณ.ติดอยู่ตรงไหนขอคำชี้แนะคะ จะได้แก้ให้ถูกจุด และณ.ต้องการฝึกเข้มจริงๆ ทุกรูปแบบ ขอบคุณค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    จ้า โมทนาด้วย

    เอาฝึกเข้มจริงๆใช่ไหม เอางี้นะ

    เช้าตื่นขึ้นมา นึกภาพพระให้ได้พร้อมลมสบาย เอากายไปกราบที่พระบาทพระท่าน

    พออาบน้ำแปรงฟันพิจารณาว่า ร่างกายเราปากเราสกปรกไหม หากไม่ทำความสะอาดจะเป็นอย่างไร

    จากนั้นตอนอาบน้ำก็กำหนดให้เห็นน้ำที่อาบเป็นกสิณ ล้างจิตเราให้สะอาดใสไปด้วย

    พอกินข้าวก็ถวายข้าวพระท่านเป็นของทิพย์ข้างบน แล้วจึงพิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญา ไป

    คราวนี้นั่งรถไปทำงาน ก็จับลมหายใจสบายพร้อมกับจับภาพพระ และทรงพรหมวิหารสี่จิตเย็นใสไปด้วย (ตีห้าถึงแปดโมง ได้ทำกรรมฐานตั้ง 3 ชม.แน่ะ)


    พอทำงานก็จับลมสบาย ใจสบาย ทรงเมตตาจิตยิ้มหน้ายิ้มแย้มเอาไว้ เป็นปกติ ไม่ทุกข์ร้อนอะไรตอนทำงาน จนเย็น

    พอเดินทางกลับบ้าน เราก็ทำแบบตอนเช้าอีก

    พอสวดมนต์ก็ขึ้นไปสวดข้างบนพระนิพพาน

    สวดเสร็จก็นอน แต่เรานอนสมาธิจับลมสบาย ยกจิตขึ้นพระนิพพานแล้วหลับ (เท่ากับได้อานิสงค์ว่าทรงฌานในอุปมานุสติกรรมฐานอารมณ์นิพพานตั้งแต่หลับยันตื่น)

    ตื่นมา ก็ทำแบบเดิมอีก ทรงจิตสบายตลอดเวลา อารมณ์จิตเบาๆนะอย่าลืม

    ขอแค่เจ็ดวันพอ แล้วมาเล่าให้เพื่อนๆฟังด้วยนะครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  6. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    โห เข้มมากๆ เลยพี่คณานันครับ ของผมเอาแค่ พรหมวิหาร ๔ ให้ได้ทั้งวัน
    ยังยากเลย แหะๆ

    น้องชัช อธิบายเข้าใจได้ดีจังเลย สงสัยอีกหน่อยเป็นตัวแทนพี่คณานันได้สบาย
     
  7. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    เคยคิดมั้ยครับว่า เราเสียเวลาตั้งนานกว่าจะมาเข้าถึงธรรมมะอย่างแท้จริง ความปนเปื้อนทางโลก ทำให้จิตใจเรามัวหมอง แต่เมื่อเรามีความเข้าใจในธรรมมะอย่างถูกต้อง โลกก็เป็นเพียงเปลือกนอกที่หุ้มจิตใจเราไว้เท่านั้น
    ความบริสุทธิ์ของจิตใจขึ้นอยู่กับการขัดเกลา ยิ่งขัดยิ่งสอาด ปิดท้ายด้วยการลงแว็ก เพื่อความเงางามอยู่เสมอ แต่ยามใดที่เราเผลอฝุ่นละออง และความสกปรกทั้งหลายอาจมาเกาะใจเราได้อีก ดังนั้น การขัดเกลาที่ดี คือ การรักษาศีล และ สมาธิช่วยให้เรามีสติและปัญญาในการป้องกันกิเลส และปิดท้ายด้วยการลงแว็กด้วยการใคร่ครวญกฎธรรมดา หรือวิปัสสนาว่าทุกอย่างในโลกย่อมเกิดขึ้นมา และค่อยๆเสื่อมสลาย จนในที่สุดก็หมดไป ไม่มีอะไรที่เรายึดถือเอาไว้ได้ แม้แต่ชีวิตของเราเอง วัตถุทั้งหลาย รวมทั้ง อำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ ก็เช่นเดียวกัน ย่อมเสื่อมได้ทั้งสิ้น ดังนั้น การมีชีวิตอยู่ของเราควรจะเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของตัวเรา และผู้อื่น และกระทำความดียิ่งๆขึ้นไป ตราบชีวิตจะสิ้นสุด ขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆเพื่อนทำความดีเพื่อตนเองและส่วนรวมครับ
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ปฏิบัติแบบไม่ยึดรูปแบบให้เป็น มานะทิษฐิ เราทำ โดยคนไม่รู้ไม่เห็นว่าเราทำ เราปฏิบัติ

    ทำข้างในเราให้ ใส เย็น สะอาด สงบ
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ทุกข์เอง พ้นทุกข์เอง ****

    ทุกข์...คือ ผลตอบแทน จากการกระทำเบียดเบียนที่ได้ทำมาแล้วในอดีต
    ผลการกระทำ ที่ไม่ตาย....คือ "ตัวกระทำ"
    ตัวกระทำ...เกิดจาก การกระทำ
    การกระทำ....เกิดจากนิสัย ที่ติดตัวมาแต่เกิด

    ใช้ชีวิตด้วย "นิสัยเดิมๆ" ... จึงเกิด "การกระทำที่เหมือนเดิม" ซ้ำๆ วนไปวนมา
    ตัวกระทำ จึงเหมือนเดิม
    ผลตอบแทน จึงเหมือนเดิม
    ความทุกข์ จึงเกิดขึ้นมาเดิม ซ้ำๆ วนไปวนมา

    เราจะหลุดพ้นทุกข์ได้
    จึงต้องสร้าง "การกระทำใหม่ที่ดี" ขึ้นมาในชีวิต
    เพื่อให้เกิด "ตัวกระทำที่ดี" ติดตัวไป
    เพื่อให้เกิด "ผลตอบแทนที่ดี" ย้อนกลับมา

    ชีวิตจะดีขึ้น เจริญขึ้นจริง...จึงต้องขจัด "นิสัย" ที่มีให้หมดไป
    การขจัดนิสัย....คือ การฝึกฝนตนเองให้ ปาก ใจ การกระทำ ตรงกัน
    คือ...สัจจะ ปฏิบัติ
    ทำให้ได้จริง ตามสัญญาใจตนเองที่กำหนดไว้ชัดเจน

    "สัจจะ"...คือ หนทางหลุดพ้นทุกข์
    สัจจะปฏิบัติ....เป็นการนำหลักสัจจะธรรม มาใช้ในชีวิตจริง
    ทำความจริงให้เกิดขึ้นมาในชีวิต !!!
    ความจริง...ก็คือ สัจจะธรรม
    สัจจะธรรม .... ก็คือ "หลักสัจจะรรม"
    .......ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน .......
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ใช่... คนที่อยู่รอบๆตัว
    ไม่มีใครรู้ว่า....ข้าพเจ้ากำลังขจัดนิสัย กำลังปฏิบัติด้วย "สัจจะ"
    ไม่มีใครรู้เลย...
    ยกเว้นตัวข้าพเจ้า กับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดินฟ้าอากาศ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    วันนี้ไปร่วมถวายพระบรมสารีริกธาตุ กับพระอาจารย์ถาวร ที่วัดปทุมวนารามมาด้วยค่ะ ได้พบคุณkananan และเพื่อนๆอีกหลายท่าน อิ่มบุญอิ่มใจกันถ้วนหน้าค่ะ

    ภาพจากกิจกรรมดังกล่าว ตามไปดูได้ที่กระทู้ พระธาตุฯ ของคุณ kananan ค่ะ

    หลังจากแยกย้ายกันแล้ว ซันเดินเก็บภาพบริเวณรอบๆ เคลียร์งานเสร็จแล้วคงได้เอามาให้ชมกัน แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเอาไว้กระทู้ไหนดีค่ะ ..

    อยากชวนทุกท่าน รวมถึงท่านที่ไม่ได้แวะมาอ่านกระทู้นี้ด้วย (ไม่รู้เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนมั้ยนะคะนี่) วัดปทุมวนาราม แวดล้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างแสนจะไฮตามสมัยนิยม เช่นสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ ฯลฯ แต่ภายใน กลับเป็นวัดที่มีกระแสของความสงบสุข ร่มเย็น เดินเข้าไป แม้ยังไม่ได้เห็นสภาพสวนด้านใน รู้สึกเบาสบาย ความเป็นทิพย์ต่างๆพริ้วเป็นสายเย็นๆกระจายอยู่ทั่วบริเวณเลยค่ะ ..อื่นๆ มิกล้าบรรยายแล้วนะคะ อันนั้นเป็นสัมผัสส่วนบุคคล แหะๆ

    ...ไปวัดปทุมกันค่ะ เหมือนโอเอซิสทางธรรม กลางใจเมืองใหญ่จริงๆ



    ..................................

    เรียนคุณ Desire วันนี้ ต้องกลับมาทำงานต่อค่ะ เลยไม่ได้ไปถึงฝากฝั่งโน้น
    กว่าคุณ Desire จะกลับมาอ่านกระทู้นี้คงค่ำมากแล้ว

    ซันหาวิธี ในการฝากไฟล์ใหญ่ๆ สำหรับเพื่อการนำมาทำเป็น ต้นฉบับ CD หรืออื่นๆต่อไปในอนาคต โดยใช้ diino.com ซึ่งเค้าให้พื้นที่ฝากไฟล์มากถึง 2 G แน่ะ ฟรีด้วย ^_^ ดังนี้ค่ะ

    - ให้คุณ Desire โหลดโปรแกรมตามลิ้งนี้มาลงไว้ที่คอมพิวเตอร์ของตนเอง http://www.diino.com/download.html

    - แล้วติดตั้งโปรแกรมที่โหลดมา จะได้โปรแกรม มี ICON ของ DIINO วางบนหน้าจอ

    - เปิดโปรแกรม แล้วใส่ล๊อกอิน + รหัสผ่าน ที่ซันจะส่งให้ทาง PM ค่ะ



    วิธีการใช้งาน ..
    เปิดโปรแกรม DIINO แล้วใส่ล๊อกอิน+รหัสผ่าน
    หน้าตาโปรแกรมจะคล้ายๆกับ Windows Explorer ค่ะ ด้านในจะมองเห็น Folder สีเหลือง ชื่อ Palung ...คลิกเปิดเข้าไป แล้วทำการ copy หรือ upload ไฟล์เสียงลงไปเก็บไว้ได้เลยค่ะ

    แล้วก็ logout ออกมา

    ส่วนท่านอื่นที่ได้รับ ล๊อกอิน+รหัสผ่าน ไปก็สามารถเปิดเข้าไปนำไฟล์นั้นมาใช้งานได้ หรือ หากมีไฟล์ใดๆ ก็สามารถโยนใส่ไว้เป็นส่วนกลางได้ค่ะ


    ลองดูนะคะ ไม่แน่ใจว่ามีวิธีสะดวกกว่านี้สำหรับการแชร์ไฟล์ใหญ่ๆมั้ย
    ท่านอื่นๆผ่านมา เชิญแนะนำได้นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2008
  12. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    อนุโมทนาครับ อยากไปด้วยจัง

    เรื่องไฟล์ เวปอัพโหลดมีเยอะครับ มะต้องห่วง รอให้ได้ไฟล์เสียงที่ผ่านการ
    คัดจากพี่คณานันก่อนก็ได้ครับเด๋วค่อยแบ่งกันกระจายแจกอีกที
     
  13. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    วันนี้ผมไปเจอเว็บดีๆมาครับ คือว่าเขาแต่งอัลบั้มเพลง โดยตั้งชื่ออัลบั้มว่า นิพพาน ข้างในจะเป็นเพลงของสวรรค์ชั้นต่างๆ โดยไล่จาก จาตุ ขึ้นไปถึงพรหม และนิพพาน ให้ทุกๆท่านลองฟังดูนะครับ มีส่วนช่วยในการแผ่เมตตา และทำสมาธิ เพราะว่าจะจูนคลื่นให้มีอารมณ์สบายๆครับ
    http://www.greenmusic.org/Index.php...=genProductDetail&id=8&back=genProduct&page=0
     
  14. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    อาจารย์คณานันท์คะ... วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์ที่ได้จากการปฏิบัติธรรม และผลที่ได้จากการฝึกวิชามโนมยิทธิให้ฟังค่ะ... เพื่อ

    1. ให้เห็นตามความเป็นจริงตามพระพุทธดำรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า... พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ท่าน มีผลเป็นอกาลิโก... คือ ตราบใดที่ยังมีผู้ปฏิบัติธรรม ตราบนั้นผลของการปฏิบัติธรรมก็ยังคงมีอยู่... ไม่สูญหายไปตามกาลเวลาค่ะ

    2. เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ และเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่นๆ ได้ทราบว่า ถ้าท่านมีความเพียรในการปฏิบัติธรรมจริง ความเจริญในธรรมย่อมเกิดในจิตของท่านอย่างแน่นอนค่ะ

    3. รู้สึกจะมีอยู่หลายท่านที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมค่ะ... แต่ละท่านสร้างสมบารมีทางธรรมมาต่างกัน วิธีการ และแนวทางในการปฏิบัติก็ต่างกัน... แนวทางการปฏิบัติมีด้วยกันอยู่หลากหลายวิธี แต่เมื่อเข้าถึงธรรมแล้วจะแยกได้เป็น 4 สายใหญ่ๆ (เฉพาะสำหรับสาวกภูมินะคะ)... คือ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ และ ปฏิสัมภิทัปปัตโต... แต่ละสาย แต่ละประเภท ล้วนมีแนวทางของตัวเอง... ท่านใดใช้วิธีใดแบบใดแล้วสบายจิต สบายใจ ถูกกับจริตของตัวเอง ก็ต้องต่างคนต่างทำไปตามแนวทางที่ตัวเองถนัดค่ะ... นอกจากนั้นมีหลายๆ ท่าน ที่ไม่ชอบการรู้การเห็นอะไร ชอบแต่จับลมสบาย และเห็นว่าการรู้การเห็นของท่านอื่น เป็นสิ่งที่ไม่ยังประโยชน์อันใดให้เกิดขึ้น หรือยิ่งเห็นมากก็ยิ่งทุกข์มากนั้น.... ขอบอกว่า... ต้องถามจิตของท่านก่อนค่ะว่า... เมื่อท่านรู้ท่านเห็นสิ่งต่างๆ แล้ว ท่านมีวิปัสสนาญาณ ใช้ปัญญาในการมองเห็นธรรมที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่รู้ที่เห็นนั้นหรือไม่คะ... หลักของการปฏิบัติธรรมจริงๆ คือ เมื่อได้รู้ได้เห็นแล้ว ต้องมีพรหมวิหารสี่กำกับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้ออุเบกขาค่ะ... ถ้ายิ่งรู้ยิ่งเห็น แล้วยิ่งยึดยิ่งติด... ก็จะยิ่งหลงทางค่ะ... และจะยิ่งทำให้คนที่อยู่รอบข้างเดือดเนื้อร้อนใจไปตามๆ กันด้วยค่ะ... ฝากให้ลองพิจารณากันดูนะคะ...

    เมื่อบอกถึงจุดประสงค์กันแล้ว... ขอเล่าเรื่องให้ฟังกันเลยนะคะ...

    เมื่อเช้านี้... ตั้งใจจะโทรศัพท์หาคุณตุ๊กตาแก้ว... เมื่อโทรไปแล้วติด คุณตุ๊กตาแก้วกดสายทิ้ง... จิต (ซึ่งจับภาพพระ และลมสบายเป็นปกติอยู่แล้ว) คิดขึ้นมาว่า เอ๊ะ! ต้องติดธุระอะไรแน่เลย... คิดยังไม่ทันเสร็จ...

    ภาพของคุณตุ๊กตาแก้ว ก็ปรากฏขึ้นมาในจิต...

    เธอกำลังร่วมอยู่ในงานบุญค่ะ... เป็นงานถวายพระธาตุ... ก็เลยลองมองไปรอบๆ เห็น... อ้าว! นั่นคุณคณานันท์นั่งอยู่ข้างหน้า... มีสมาชิกจากพลังจิตพิชิตภัยท่านอื่นๆ อยู่ด้วย... เห็นมีท่านที่ตั้งกำลังจิตในการสร้างทานบารมีในขั้นปรมัตถ์ รวมอยู่ด้วย... ดวงจิตของแต่ละท่าน อิ่มเอิบปีติในการถวายพระธาตุในครั้งนี้กันถ้วนหน้า ดวงจิตแต่ละดวงสว่างไสวไปหมดค่ะ... ตัวเองจึงนำอทิสมานกายไปร่วมถวายด้วย... และขอร่วมอนุโมทนาบุญใหญ่กับทุกๆ ท่านในครั้งนี้ด้วยค่ะ...

    เมื่อคุณตุ๊กตาแก้วโทรกลับมา สิ่งแรกที่บอกคือ ขอโทษค่ะ... กำลังร่วมถวายพระธาตุอยู่ค่ะ...

    อนูโมทนาบุญด้วยจริงๆ ค่ะ
     
  15. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    "มโนมยิทธิ แปลว่าฤทธิ์ทางใจ"

    ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นกุศล ย่อม ยังประโยชน์ทั้งต่อตนเองและส่วนรวม

    ธรรมมะที่พระพุทธองค์ท่านทรงได้เมตตาสั่งสอนมานั้นมีผล ที่ปรากฏกระจ่างแก่ใจเราผู้ปฏิบัติได้ถึง ธรรมที่พระพุทธองค์ท่านทรงมีพุทธประสงค์

    ย่อมยังศรัทธา ให้ตั้งมั่น เมื่อศรัทธาตั้งมั่น ความเจริญในธรรมก็ยิ่งขึ้นไป

    สิ่งสำคัญที่หลวงพ่อท่านสอนเอาไว้ ก็คือ "จงอย่าได้ทิ้งครูบาอาจารย์ และครูบาอาจารย์ที่ท่านสำคัญที่สุดก็คือ พระพุทธเจ้า "

    "อภิญญา สมาบัติก็ดี ปฏิปทาสาธารณะประโยชน์ก็ดี ขอจงอย่าได้ทิ้ง เป็นมรดกของพ่อที่มีต่อลูกรักทุกคน"

    จากหนังสือสมบัติพ่อให้

    ขอให้พวกเราจงรักษาอภิญญาสมาบัติ วิชามโนมยิทธิ ตลอดจน อารมณ์นิพพาน พรหมวิหารสี่กันเอาไว้ยิ่งชีวิต เพราะเป็นเครื่องยืนยัน เครื่องพิสูจน์ในพระสัทธรรมเทศนาขององค์พระจอมไตรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ในธรรม ในสัมมาทิษฐิ ว่าเป็นความจริงทุกประการ พิสูจน์ได้ รู้ได้ด้วยตนเอง

    และเมื่อรู้ ด้วยญาณทัศนะแล้วก็ขอจงอย่าได้ลืมอุเบกขาในฌาน ในญาณทั้งปวง จงอย่าได้ลืมว่า เรารู้เพื่อละ เพื่อวาง ไม่ใช่เพื่อการยึดติดอยู่ในสิ่งที่รู้นั้นๆ

    เมื่อรู้แล้วละ จิตจะยิ่งโปร่ง ยิ่งเบา ยิ่งสะอาดจากกิเลส

    เมื่อรู้แล้วยึด จิตจะยิ่งหนักขึ้น หนักขึ้น จนท้ายที่สุด เมตตาก็ไม่อาจแผ่ไปได้

    เมื่อยิ่งยึดหนักเข้าไปอีก มีคนมายกย่องสรรเสริญ ไอ้ตัว เก่ง ตัวมานะทิษฐิอันเป็นกิเลสละเอียดเกิดขึ้น เพราะไปเที่ยวดูนั่นดูนี่ให้เขามากเข้า สุดท้ายก็ เฝือ พอเฝือก็มั่ว เอากิเลสตนไปปนกับนิมิตร จนกลายเป็นมิจฉาทิษฐิไปโดยตนเองก็ไม่รู้ตัว

    มิหนำซ้ำยังพาคนอื่นเป็นมิจฉาทิษฐิไปด้วย


    ดังนั้นการปฏิบัติขอจงมุ่งที่การตัดกิเลสและปฏิปทา สาธารณะประโยชน์เป็นสำคัญ


    ขอจงวางอุเบกขาในฤทธิ์อภิญญาทั้งปวง

    อภิญญาเป็นผลของการตัดกิเลส

    อภิญญาเป็นผลของการเสียสละในปฏิปทาสาธารณะประโยชน์

    เมื่อสร้างกุศลด้วยจิตที่บริสุทธิ์ ก็จะบังเกิด บุญฤทธิ์

    ครั้นบุญฤทธิ์ เต็ม มีเทวดาพรหมท่านโมทนามหากุศลมากๆเข้า ก็บังเกิดกำลัง จากเทพเทวา มาปรากฏเป็น เทพฤทธิ์

    เมื่อบุญกุศล เต็ม บารมีเต็ม วางกำลังใจได้ถูกต้อง เทพพรหมหนุนเนื่องสงเคราะห์ เมื่อนั้น อธิฐานฤทธิ์ก็จะปรากฏได้ ดังใจปรารถนา ดั่งจิตอันตั้งเอาไว้ดีแล้ว ด้วยประการ ฉะนี้

    ขอให้ทุกดวงจิตในเวบไซท์นี้จงเข้าถึงซึ่งสัมมาทิษฐิ ได้โดยง่าย เข้าใจพระสัทธรรมของพระพุทธองค์ได้ถูกต้องตามพุทธประสงค์งอกงามในธรรมและในการสร้างบารมีโดยฉับพลันด้วยเทอญ
     
  17. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265

    "จิตซึ่งเป็นสัมมาทิษฐิและถูกฝึกมาดีแล้ว ความเป็นทิพย์ของจิตย่อมกระจ่างชัดอยู่เป็นปกติ"

    พี่ธร สุดยอด...:cool:
     
  18. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    รับทราบจ้า ถ้ายังไง มีเวลาลองแปลงเป็น mp3 เผื่อจะลดขนาดและเวลาลง
    ไปอีกมากเลยครับผม ซึ่งไม่ยาก ทำไม่ได้เด๋วผมสอนให้ได้ครับ

    ส่วนพี่ธร เล่นถอดกายทิพไปถวายพระธาตุเลย โมทนาครับ

    ปล. greenmusic ใครสนใจบอกนะ ผมมีเป็น mp3 ครบเลย
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    นิ้วชี้ ถึงที่สุด นิพพาน
    ช่วยประคอง เข้าหา ทางตรง
    แสงธรรมส่อง ตั้งใจหยุดกิเลสนิสัย ทำให้ได้จริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    วันนี้ผมอ่านหนังสือที่บอกเกี่ยวกับวิธีเอาชนะความโกรธด้วยธรรมมะตามคัมภีรย์วิสุทธิมรรค แต่ผมขอยกตัวอย่างการเอาชนะความโกรธ ด้วยการระลึกถึงความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้าน่ะครับ ขอยกตัวอย่างชาดกเรื่องหนึ่ง ในสมัยที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นวานรใหญ่ มีนายพรานคนหนึ่งออกล่าสัตว์ในป่า และได้พลัดตกลงไปในเหว ได้รับบาดเจ็บ และทนทรมานอยู่หลายวัน จนกระทั่งวันหนึ่งวานรใหญ่ได้ไปช่วยเหลือขึ้นมาได้ แต่นายพรานหาได้มีจิตระลึกในบุญคุณไม่ นายพรานนั้นคิดว่าลิงนี้ ที่จริงก็เป็นอาหารของคน เราจะกินเนื้อมัน และเก็บไว้เป็นเสบียงเดินทางต่อ นายพรานคิดดังนั้นแล้วจึงได้หยิบหินก้อนใหญ่ทุ่มใส่วานรนั้น พระโพธิสัตว์ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่ตาย และได้พยามบอกนายพรานด้วยน้ำตาคลอว่าอย่าได้ทำอย่างนี้ ถึงแม้ว่าวานรใหญ่จะได้รับความเจ็บปวดเพียงใด แต่หาได้มีจิตโกรธเคืองนายพรานนั้นไม่ และยังเป็นห่วงอีกว่านายพรานจะหาทางออกจากป่าไม่ได้ จึงได้กระโดดไปตามต้นไม้นำทางนายพรานให้ออกจากป่าไปได้
    เห็นมั้ยครับว่าพระพุทธบิดาของเรานั้นทรงพระเมตา กรุณา หาที่เปรียบมิได้
    เมื่อไหร่ที่เราโกรธ เราควรระลึกถึงความเมตาของพระองค์ท่าน แล้วความโกรธ พยาบาททั้งหลายของเราจะเบาบางลงไป
    เมตตาธรรมค้ำจุนโลกครับ ผมเองก็จะพยามทรงพรหมวิหารสี่ให้ดียิ่งๆขึ้นไปครับ พี่ๆเพื่อนๆ พยามไปๆพร้อมๆกันครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...