><ย้ายกระทู้แล้วครับ พบกับของดีๆได้ที่ กระทู้ใหม่(4) ครับ><

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์ปิยธโร, 11 พฤษภาคม 2011.

  1. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116


    ปิดรายการแล้วครับผม



    3648.สุดยอดเหรียญอนาคตไกล เหรียญเจริญสุข หลวงปู่ตี่๋ วัดท่ามะกรูด
    จอมขมังเวทย์แห่งเขาเขียว ทายาทพุทธาคม ลพ.อิ่ม,ลป.ทิม,ลพ.กวย,ลป.บุดดา เสก3วาระใหญ่

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    เหรียญรุ่นที่4 รุ่นเจริญสุข หลวงปู่ตี่๋ ฉันทธัมโม วัดท่ามะกรูด ต.กระเสียว อ.สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ชุดกรรมการ เนื้อทองแดงผิวไฟ ตอกโค้ด รันนัมเบอร์ ๒๑๑๘ เป็นเหรียญที่อยู่ในชุดกรรมการผู้อุปถัมภ์ จำนวนการสร้าง 2,587เหรียญ ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2552

    ความคิดเห็นส่วนตัวผมครับ
    " สายนี้ท่านสืบทอดวิชาอย่างเข้มขลังจากอาจารย์ สู่ลูกศิษย์ แม่นยำตามตำราโบราณทุกอักขระเลขยันต์ รวมทั้งปฏิปทาข้อวัตรปฎิบัติล้วนแล้วปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ สมถะ เคร่งครัด และไม่ยึดติดลาภยศสรรเสริญแต่อย่างใด จึงเป็นที่วางใจในเรื่องพุทธคุณได้เลย ว่าไม่เป็นสองรองใครแน่นอนครับ "

    วัตถุประสงค์ :
    - เพื่อนำรายได้ไปสร้างรูปเหมือนเท่าองค์จริงของหลวงปู่ และรายได้ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะถวายให้หลวงปู่ทั้งหมด เพื่อเป็นกองทุนดูแลสุขภาพของหลวงปู่

    วาระพิธีพุทธาภิเษก เหรียญรุ่นเจริญสุข
    วาระที่ : 1
    => วันที่ 25 ธค. 52 หลวงปู่ตี่๋ ฉันทธัมโม เดินทางไปงานพุทธาภิเษก ณ วัดโนนค่าง อ.วังนำ้เขียว จ.นครราชสีมา พร้อมจัดพุทธาภิเษก เหรียญรุ่นเจริญสุข (เดี่ยว) ครั้งที่ 2 มีเหรียญ ล๊อคเก็ต ยืน นั่งเต็มองค์ เบี้ยแก้ เบี้ยค้าขาย ตะกรุดรุ่นผู้ชนะสิบทิศ(จาร ณ ประเทศพม่า) กุมารทองรุ่น 2


    วาระที่ : 2
    => วันที่ 15 มค 53 บนยอดเขามลฑป ที่วัดหัวเขา ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
    เริ่มพิธีนั่งปรก เวลา 14-19 น. โดยเฉพราะวันนี้และเวลาดังกล่าวนี้ได้มีปรากฎการณ์ สุริยุปราคา เหมาะแก่งานพุทธาภิเษก จึงได้จัดงานวันนี้ และได้นิมนต์พระนั่งปรกดังนี้
    - หลวงปู่ตี๋ วัดท่ามะกรูด จุดเทียนชัย
    - ท่านเจ้าคุณศาสนโสภน วัดหัวเขา
    - หลวงพ่อสุวรรณ วัดยาว อ่างทอง ดับเทียนชัย
    - หลวงพ่อดุ่ย วัดหนองผักนาค สุพรรณบุรี
    - อาจารย์ประสิทธิ์ วัดลำกระดาน
    นอกนั้นยังจัดรูปอัญเชิญครูบาอาจารย์ ของหลวงปู่ตี๋ ร่วมปลุกเสกด้วย เช่น หลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา, หลวงพ่อแขก วัดหัวเขา, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอรไร่, หลวงพ่อทิม วัดละหารไร่, หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม, หลวงพ่อเย็น วัดสระเปรียญ, หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม, หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรี จัดที่นั่งพร้อมนำ้ชาแบบนี้เป็นต้น ทั้งเทวาภิเษก-พุทธาภิเษก

    วาระที่ : 3
    => วันที่ 12 กพ 53 เวลา 14.19 น. ในพระอุโบสถ วัดท่ามะกรูด ต.กระเสียว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
    โดยมี หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม ปลุกเสกบินเดี่ยว ในพระอุโบสถ

    **** ในครั้งนี้ได้มีการแจกเหรียญทองแดงจำนวน 25 เหรียญ ผู้แจกคือมหาตู่ ศิษย์เอกของหลวงปู่ โดยเงื่อนไขของผู้ที่มารับเหรียญคือต้องเป็นผู้ชาย แล้วต้องเอามีดฟันหลังคนละ 3 ที มีดดาบยาวเกือบสองฟุต คมกริบ โดยมีผู้กล้ารับเพียง 24 คน โดยตอนฟันนั้นท่านมหาตู่จะเงื้อดาบสุดวงแขน แล้วฟันลงไปเต็มแรงเสียงดังฉับ คนถูกฟันถึงกับสะดุ้งเฮือก ถ้าเป็นขาหมูก็มีหวังขาดสองท่อนแน่นอน
    ดูคลิปวีดีโอyoutube [ame="http://www.youtube.com/watch?v=v2zitJ3X9lQ"]longkhong.wmv - YouTube[/ame]

    คาถาบูชาหลวงปู่ตี๋
    (นะโม 3 จบ) พุทธัง อาราธนานัง ธัมมัง อาราธนานัง สังฆัง อาราธนานัง พุทธังกัมมะสิทธิ ธัมมังกัมมะสิทธิ สังฆังกัมมะสิทธิ ด้วยจิตติ อิทธิ ฤทธิ อะหังนุกา ภูตากังเก ฉันทธัมโมประสิทธิเม




    " กินไม่ไหว ใช้ไม่หมด อดไม่เป็น "



    หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม วัดท่ามะกรูด จังหวัดสุพรรณบุรี
    - พระเถระผู้เป็นดั่งเพชรซ่อนแสงแห่งเมืองสุพรรณ ปรากฏเกียรติคุณความเข้มขลังมานานปี
    - ผู้เป็นบุตรบุญธรรมหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
    - ผู้เป็นศิษย์รูปสำคัญแห่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    - ผู้เจนจบวิชาดวงแก้วพระสิวลี ด้วยเป็นศิษย์หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    - สมณะสารูปเรียบง่าย สมถะ สันโดษ ไม่สนใจลาภยศตำแหน่งใดๆ
    - สำเร็จอภิญญา 6 สำเร็จกสิณไฟ นั่งบนผิวน้ำ รู้ใจคน พูดกับลิงรู้เรื่อง
    - ขับมอเตอร์ไซค์บิณฑบาตร ฝนตกไม่เปียก
    - ลองฤทธิ์กับเจ้าพ่อเขาเขียว
    - ถูกโจรปล้นโดนทำร้าย3ครั้งจนเกือบมรณะภาพ แต่ไม่ยอมหนีรอใช้หนี้กรรม
    - โดนมีดอีเหน็บฟันจนกรามขวาหัก
    - มีด3เล่มแทงซี่โครงขวาหักไม่มีแผล หมอศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดแต่ว่ามีดผ่าไม่เข้า
    - เจ้าของฉายานามว่า จี้กง จอมขมังเวทย์แห่งเขาเขียว หลวงปู่ตี๋ เมืองสุพรรณ

    ชีวประวัติของหลวงปู่ตี๋
    หลวงพ่อตี๋ วัดกระเสียว หลวงพ่อตี๋ วัดเขาเขียว หลวงพ่อตี๋ วัดท่ามะกรูด คือรูปเดียวกัน
    พระอธิการวิทยา ฉันทธัมโม หลวงปู่ตี๋ เจ้าอาวาส วัดเขาเขียวพนาราม ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ปัจจุบันท่านได้ย้ายมาพักรักษาตัวอยู่ที่วัดท่ามะกรูด ต.กระเสียว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ้งห่างจากวัดเขาเขียวเพียง ๓ กิโลเมตรเท่านั้น

    ชาติภูมิ
    หลวงปู่ตี๋ เกิดเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๗ ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙ ปี ชวด (มรณะเมื่อ ๑๗พ.ศ.๒๕๕๓ อายุ๘๖ปี) ณ.บ้านท่าน้ำตลาดท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช เป็นบุตรของนายห้อย นาง กิมบี้ นามสกุล น้ำดอกไม้ หลวงปู่ตี๋มีพี่น้องทั้งหมด ๔ คน เป็นชาย ๓ คน หญิง ๑ คน หลวงปู่ตี๋เป็นบุตรคนโต

    วัยเด็ก
    แต่เดิมโยมพ่อท่านเป็นช่างก่อสร้างมณฑปบนยอดเขาวัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช และเมื่อตอนสร้างมณฑปนั้นได้นำเด็กชายตี๋ในขณะนั้นติดตามไปด้วยตลอด และหลวงพ่ออิ่ม เจ้าอาวาสวัดหัวเขาได้เห็นเด็กชายตี๋เข้า จึงเมตตาเลี้ยงดูให้ในขณะที่โยมพ่อหลวงปู่ตี๋กำลังทำงาน หลวงพ่ออิ่มได้ป้อนข้าวป้อนน้ำเลี้ยงเด็กชายตี๋เปรียบเสมือนลูกในไส้ และรักเด็กชายตี๋มาก และดูดวงชะตาเด็กชายตี๋ก็ทราบว่า ในอนาคตเด็กผู้นี้ต้องบวชไม่สึก และจะเป็นกำลังสำคัญในพระพุทธศาสนา ท่านจึงมอบตำราวิชาอาคมของท่านจำนวน1 เล่มไว้ให้กับโยมพ่อของหลวงปู่ตี๋เก็บรักษาเอาไว้ให้หลวงปู่ตี๋เมื่อโต ก่อนที่หลวงพ่ออิ่มท่านจะมรณภาพ

    บรรพชา
    เมื่อหลวงปู่ตี๋อายุ ๑๕ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และเริ่มเรียนวิชาต่างๆจากตำราของหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ วัดหัวเขา ที่โยมพ่อของท่านได้เก็บรักษาเอาไว้จนแตกฉาน

    อุปสมบท
    จวบจนอายุ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบท ณ.พัทธสีมาวัดเขาพระ อ.เดิมบางนางบวช เมื่อวันที่ ๑๙ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๗ โดยมีพระครูอเนกคุณากร (หลวงปู่แขก) วัดหัวเขา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พิณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ไสว เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    เรียนวิชาอาคม
    พระอาจารย์องค์ที่ : 1
    - หลวงพ่อพระครูเอนกคุณากร ( หลวงพ่อแขก ) วัดหัวเขา เป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อมา จึงทำให้ หลวงพ่อแขก ต้องอุปการะเลี้ยงดู หลวงปู่ตี๋ ต่อมา และได้จัดการบวช เป็นสามเณรให้หลวงปู่ตี๋ เมื่ออายุได้ 15 ปี และ เป็นพระอุปฌาช์ ให้หลวงปู่ตี๋ เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบถ ที่วัดเขาพระ มาอยู่วัดหัวเขากับ หลวงพ่อแขก และ มักขอ หลวงพ่อแขก ออกธุดงค์อยู่บ่อยครั้ง หลวงพ่อแขกก็มักให้ หลวงปู่ตี๋ ท่องเรียน วิชา หาความรู้ อักษรขอม เขียน อ่าน และมอบวิชาให้ จนไม่รู้จะสอนอะไรให้ จึงแนะนำให้หลวงปู่ตี๋ ไปเรียนต่อ กับหลวงพ่อมุ่ย

    พระอาจารย์องค์ที่ : 2
    - หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร ต่อเมื่อ ปี 2497 เมื่อหลวงปู่ตี๋ไปกราบ ฝากฝังตัวกับ หลวงพ่อมุ่ย เรียบร้อย ทำให้หลวงพ่อมุ่ย ถึงกับอุทานออกมาว่า อ้อ.. ลูกพ่อครูนี่เอง หลวงพ่อมุ่ยพร่ำสอนวิชา ให้หลวงปู่ตี๋ แบบหมดใส้หมดพุง ทั้งให้ความรัก ให้ความเอ็นดู หลวงปู่ตี๋ เป็นอย่างมาก ถึงกับชักชวน หลวงปู่ตี๋ มาเป็นเจ้าอาวาส วัดกระเสียว เมื่อปี 2509 หลวงปู่ตี๋ เป็นพระเกจิที่ชอบธุดงค์ เป็นชีวิตจิตใจ ก็มักฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาส แล้วท่านก็มักออกไปธุดงค์ อยู่อย่างต่อเนื่อง จนไม่รู้จะสอนอะไรให้

    พระอาจารย์องค์ที่ : 3
    - หลวงพ่อทิม วัดระหารไร่ เมื่อครั้งหลวงปู่ตี๋ได้ไปธุดงค์ ทางภาคตะวันออก หลวงปู่ตี๋ ได้ไปพบกับหลวงพ่อทิม เข้าโดยบังเอิญ และก็ไม่รู้จัก หลวงพ่อทิมมาก่อน หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อปักกรด วันนั้นก็ได้ไปเจอกับพระ 3 องค์ ท่าทางขมังเวทย์ ท่าทางเฉยไม่พูดมาก น่าเกรงขาม หลวงปู่จึงปักกรด อยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างมากนัก ตกเวลากลางคืน หลวงปู่ตี๋ก็เริ่มทดสอบวิชา ที่เรียนมา โดยตกเวลาเที่ยงคืนเห็นจะได้ หลวงปู่ตี๋ก็เสกมือทำให้ยาวๆ ตรงไปที่หลวงพ่อทิมนั่งปักกรดอยู่ มือยาวหลวงปู่ตี๋ที่เสก ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบเอาฝาบาตรที่คว่ำอยู่ ก็ทำการเคาะกับบาตร เสียงดังสนั่นหวั่นไหว โป้งเปร๋งๆๆๆ เล่นเอาหลวงพ่อทิมแรกๆก็ทำเฉย เหมือนทองไม่รู้ร้อน แต่พอเคาะไปได้สักพักหนึ่ง หลวงพ่อทิมก็ รีบแก้ประคตที่เอวเอาออกมา แล้วว่ากำกับวิชา และ ก็ผูกไปที่มือหลวงปู่ตี๋ทันที หลวงปู่ตี๋เห็นท่ามือตึงๆดังนั้น หลวงปู่ตี๋จึงจะชักมือกลับ แต่ทว่าจะหดมือกลับเท่าไรก็กับไม่ได้ เหมือนมีอะไร มามัดเอามืออยู่แน่น จึงทำให้หลวงปู่ตี๋ ต้องใช้ตัวเดินตามมือไปยังกรด หลวงพ่อทิม เมื่อมาถึงหน้ากรด หลวงพ่อทิมก็พูดขึ้นมาว่า โอ้...ช่างเป็นวาสนาแท้ๆ ที่มีพระผู้มีอำนาจวาสนา มาเยี่ยมอาตมาถึงที่กรด นับว่าเป็นความโชคดีของผมแท้ๆ....หลวงปู่ตี๋จึงรีบตอบไปว่า ท่านนี้ก็ไม่เบาที่สามารถ ผูกแขนให้ผมมาตามได้ ตกลงจะเอาอย่างไร ..หลวงพ่อทิมบอกไม่มีอะไรหรอก เพียงเราแค่ใช้วิชาผูกมือ ที่เขาชอบมาทำความรำคาญให้นั่งสมาธิ ไม่สงบเท่านั้น เลยผูกไว้ จะได้สงบ แล้วท่านละมาตามมือหรือมาหาอาตมาล่ะ หลวงปู่บอกขอมือผมเถอะ เท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร คงเป็นบุญของผมมากกว่า ที่มาพบพระอาจารย์ที่เก่ง เมื่อพูดกันอยู่นั้น พระที่อยู่กับหลวงพ่อทิมอยู่นั้น ก็โผ่หน้าออกมา มองหลวงปู่ตี๋ แล้วก็ทำเป็นหัวเราะ ดูเหมือนจะถูกเยาะเย้ย หลวงพ่อทิมเอง ก็ดูเหมือนจะว่าด้วยสายตาพระที่มามองอยู่นั้น หลวงปู่ตี๋เองก็ดูเหมือนว่า จะถูกเย้ย ด้วยอารมณ์ที่ร้อนและไม่ค่อยยอมใครอยู่แล้ว ก็รีบเดินหันหลังกับมายังกรด ของตัวเองทันทีเวลาผ่านไปเกือบตีสาม ทันใดนั้นก็มีเสียงเสือใหญ่ มาร้องใกล้ๆกรด คำรามเสียงดังโฮกๆๆๆ ดูเหมือนวิ่งวนกรดไปมา จนฝุ่นตลบ แต่ร้องแบบใกล้ๆนั้นเอง เล่นเอาพระที่อยู่กับหลวงพ่อทิม ทั้งสองรูปนั้น ถึงกับกลัวจนปัสวะแตก ไหลออกมาทันที สักพักใหญ่ เจ้าเสือที่ร้องอยู่นั้น ก็หายเงียบไป จนรุ่งเช้า หลวงปู่ตี๋ก็เดินไปกราบหลวงพ่อทิม สามครั้ง หลวงพ่อ ยิ้มให้เป็นการทักทาย หลวงปู่ตี๋นั่งลง พระทั้งสององค์ก็นั่งอยู่ข้างๆ หลวงพ่อทิม หลวงปู่ตี๋ จึงเอ่ยขึ้นมาว่า เมื่อคืนนี้ ผมอยากจะรู้ว่าหลวงพ่อมีวิชามากน้อยแค่ไหน จึงคิดอยากลองไถ่ถามดู ให้หายข้องใจ หลวงพ่อทิมยิ้มตอบ แล้วพูดขึ้นมาว่า แล้วท่านเห็นเป็นอย่างไรเล่า หลวงปู่ตี๋บอก ผมยอมครับ พระสองรูปจึงหัวเราะ หลวงปู่ตี๋ แทนคำพูด หลวงปู่ตี๋จึงพูดตอบ ไปว่า..เป็นไงเล่าท่าน เมื่อคืนนี้ได้ข่าวว่ามีเสือ มาร้องรบกวนแถวนี้ไม่ใช้หรือ เป็นไงกลัวไหม พระสององค์มองหน้ากันเหมือนจะตอบว่า ไม่กลัว แต่มิทันได้ตอบ หลวงปู่ตี๋ ท่านก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า ไม่กลัวแล้วเหยี่ยวแตกทำไม เห็นตัวมันไหม ไม่เห็นตัวสักหน่อย ก็กลัวจนปัสวะแตกแล้ว อะไรกัน.. หลวงพ่อทิม จึงพูดขึ้นมาว่า นี่แหละ ที่หลังอย่าไปเยาะเย้ยเขา คนเราเก่งไม่เหมือนกัน นี่แหละจำไว้ หลวงปู่ตี๋จึงบอกความประสงค์ ต่อ หลวงพ่อทิมว่า หลวงพ่อจะปักกรดอยู่ที่นี่กี่วัน หลวงพ่อทิมบอกอีก 7 วัน หลวงปู่ตี๋จึงบอกว่า อีกหลายวันก็ยิ่งดี ผมจะได้ขอเรียนด้วยซะเลย หลวงพ่อทิมบอก 7 วันจะไปได้เรื่องอะไรเล่า ท่านอยู่ที่ไหนเล่า หลวงปู่ตี๋บอก ผมอยู่สุพรรณครับ หลวงพ่อทิมจึงตอบว่า คนสุพรรณนั้น เขาเป็นคนจริงนะ หากจะเรียนก็ไปเรียนได้ แต่ต้องไปเรียน 1 พรรษานะ จะให้เรียน ถ้าแน่จริงสมคำล่ำลือ สุพรรณล่ะก้อ ขอให้ไปเรียนด้วยกันที่วัดระหารไร่โน้น และเมื่อกลับจากธุดงค์ หลวงปู่ตี๋จึงฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาส แล้วไปจำพรรษาอยู่ที่วัดระหารไร่ 1 พรรษา เพื่อเล่าเรียนกับหลวงพ่อทิม 1 พรรษา หลวงปู่ท่านได้วิชามา กับหลวงพ่อทิม มาคือวิชา ผงพรายกุมาร ปลุกเสกเครื่องราง วิชาขุนแผน ทำและปลุกเสก วิชาเรียกกุมาร วิชาชูชก ทำผงพรายกุมาร ฯลฯ เป็นหลัก นี่คือส่วนหนึ่งที่นำมาเล่าให้ฟังเป็นอาจารย์หลวงปู่อีกท่านหนึ่ง ที่หลวงปู่บอก ลืมไม่ได้

    พระอาจารย์องค์ที่ : 4
    - หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท เมื่อปี 2509 หลวงปู่ตี๋ท่านได้ไปมาหาสู่ หลวงพ่อกวยอยู่เป็นประจำ ไปๆ มาๆ แต่ทว่า ท่านยังเรียนเป็น อาจารย์ๆอยู่ แต่ได้รู้แน่นอนแล้วว่า หลวงพ่อกวย ท่านเป็นหนึ่ง ในศิษย์หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงปู่ตี๋ท่านจึง ไปกราบขอฝากตัว เป็นศิษย์หลวงพ่อกวยทันที หลวงพ่อกวยท่านก็พอทราบ ว่าหลวงปู่ตี๋ เป็นบุตรบุญธรรม หลวงพ่ออิ่ม ท่านก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หรือ อะลำพะบท อะไรว่าเป็นอะไร ท่านก็รีบจูงมือหลวงปู่ตี๋ เข้ากุฏิ แล้วให้บทขึ้นครู ปรากฏว่า หลวงปู่ตี๋ ท่านได้บทมาหมดแล้ว จึงไม่เป็นการยากอะไรอีก เท่านั้นหลวงพ่อกวย ท่านก็เฝ้าสอน วิชา หลวงพ่อกวย ด้วยตัว ของหลวงพ่อกวยเอง กับมือแล้วก็สอนทุกอย่างที่หลวงปู่ตี๋ต้องการ หลวงปู่ตี๋บอก หลังจากรับเป็นศิษย์ ป้องของตามจำนวนที่ฝากตัวจนครบ ทั้งนำตำราใส่หัวให้แล้ว หลวงปู่ตี๋ ท่านก็เรียนสักยันต์ รูปต่างๆ เช่น หนุมาน ลิงลม หมูทองแดง หงษ์ทอง เก้ายอดเป็นต้น ฯลฯ เรียนทำปลัดขิก ปลุกเสก ตะกรุด ผ้ายันต์ ปลุกเสกต่างๆ มีดหมอ ทำมีด สิงห์ที่เดิมได้มาจากหลวงพ่อมุ่ยบ้างแล้ว นอกนั้นยังจบดวงธรรมพระสิวลี ไม่อดไม่อยาก ไม่ยาก ไม่จน ไม่ต่ำกว่าคน ไม่จนกว่าใคร ปลุกเสกช้อนไม่อดไม่อยาก นอกนั้น ท่านยังมีตำรา สักที่หลวงพ่อกวยให้ไว้กับมือ เช่นสักเสือเผ่น อินทรีย์ผง่าดฟ้า หมี สิงห์ ลิง ลิงลม มากมายที่ได้จดไว้ นอกนั้นหลวงปู่ตี๋ ยังจบทำน้ำมันว่านสัก และ วิชาต่างๆมากมาย ยังมีตำราเรียนทุกวันนี้

    พระอาจารย์องค์ที่ : 5
    - หลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย เพราะหลวงปู่ตี๋ ท่านบอกหลวงตาจวน วัดไก่เตี้ยนี้ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ท่านหลวงตาจวนนี้ ได้วิชากุญแจมนต์มา จากหลวงพ่ออิ่ม ที่สามารถผูกวิชา ผูกตำรา ทั้งหมดไว้ ไม่ให้เสื่อมถอย หรือหนีหาย หลวงปู่ตี๋ จึงตัดสืนใจไปเรียน กับหลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย ซึ้งหลวงพ่อจวน ก็มิได้ขัดข้อง ที่หลวงปู่คี๋จะมาเรียน ท่านก็สอนหมดทุกอย่าง โดยเน้น วิชากุญแจมนต์ พญามนต์ จ่ามนต์ และ ผูกมนต์ และท่านมักพูดอยู่เสมอว่า ของๆกู จิ้มห.หมาก็ไม่เสื่อม วิชาผูกผี กันผี แก้ของต่างๆ อีกมากมายหลายอย่าง

    พระอาจารย์องค์ที่ : 6
    - หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ สมัยนั้นหลวงปู่เย็นวัดสระเปรียน ยังอยู่วัดเดียวกับหลวงปู่บุดดา ถาวโร อยู่ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข หลวงปู่พอรู้ว่า หลวงพ่อเย็น ท่านเป็นศิษย์ท่านหนึ่ง ที่ได้ไปเรียนกับ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จึงเดินทางไปขอเรียน กับหลวงพ่อเย็นทันที ทางด้านพ.พาน เป็นวิชาทางสายหลวงปู่ศุข แต่หลวงปู่ตี๋ เรียนวิชา ด้านกสินเพิ่ม อภินิหารต่างๆ ย่นหนทาง ปากพระร่วง เสกของ และอีกหลายอย่าง จึงทำให้หลวงปู่ตี๋ ได้ตำรา และ ฝากตัวเป็นศิษย์ กับ หลวงพ่อเย็น แบบสมบูรณ์แบบ

    พระอาจารย์องค์ที่ : 7
    - หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข หลวงปู่ตี๋ เมื่อไปหาหลวงพ่อเย็น ก็พบกับ หลวงปู่บุดดา ก็ถูกคอ และสนทนาธรรมกับหลวงปู่บุดดา จนถูกคอ ถึงธรรมต่างๆ หลวงปู่ตี๋จึงได้ฝากตัวและ เรียนวิชากับหลวงปู่บุดดา วิชาเอก คือเสกแป้ง และ เมตตาต่างๆ ทั้งสีผึ้ง เคล็ดต่างๆเกี่ยวกับวิชาที่ใช้ และ หลีกเลี่ยงในข้อบัญญัติต่างๆ ที่สามารถหลบหลีก เลี่ยง และ ไม่มีความผิดในด้านวิชาต่างๆ

    นอกจากนั้น หลวงปู่ตี๋ได้ข่าวว่า พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา ได้เรียนจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงปู่จึงไปขอเรียน แต่พระอาจารย์นำท่านเห็นหลวงปู่ตี๋แล้ว ท่านบอกไม่ต้องมาฝากตัวเป็นศิษย์หรอก หากต้องการวิชาอะไรก็มาจดได้เลย และ อนุญาติให้หลวงปู่ตี๋เท่านั้น จึงทำให้หลวงปู่ตี๋ได้จดวิชา ตำราในวิชาสายหลวงปู่อิ่ม ไว้ได้เต็มรูปแบบ

    : ปัจจุบันท่านมรณะแล้ว เมื่อวันที่ 17 พ.ศ.2553 อายุ 86ปี
    ที่มา :: Pantown :: everyone's online society



    สภาพสวยผิวไฟคราบเบ้าเขม่าเดิมๆ คราบดำที่เห็นนั้นแหละครับไม่ได้เช็ดได้ล้างแต่อย่างใดเป็นธรรมชาติมาแต่เดิม พิมพ์สวยคมโค๊ดชัดลึก เหรียญรุ่นนี้ออกแบบแกะพิมพ์รูปหลวงพ่อได้เหมือนมาก ยอดเหรียญประสบการณ์ อนาคตไกลไหลกันยาวๆแน่นอน ของท่านดีจริงไม่ต้องปั่นให้เหนื่อยครับ ตอนนี้ขยับตลอดไม่เก็บตอนนี้แล้วจะเสียใจนะครับ ช่วงนี้เศรษฐกิจฝืดๆราคาจึงคงตัว ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ฉุดไม่อยู่ครับ แบ่งให้บูชา 1,350บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    [FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=#0000ff]คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย [/COLOR][/FONT][/SIZE][/COLOR][/FONT][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana][FONT=Verdana]สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ [/FONT][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana]เลขที่ [COLOR=red][U]6000088418[/U][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=5][SIZE=5][FONT=Verdana][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][COLOR=darkorange]โทร.086-0441367[/COLOR], [/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/FONT][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][EMAIL="Engineer0206nu@gmail.com"][FONT=Arial][SIZE=5][COLOR=green]Engineer0206nu@gmail.com[/COLOR][/SIZE][/FONT][/EMAIL][/FONT][/FONT][/FONT]

    [SIZE=5][COLOR=magenta]*** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***[/COLOR][/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2016
  2. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,516
    ค่าพลัง:
    +30,849
    สวัสดีครับเสี่ยเฟริส์ท
     
  3. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,973
    ค่าพลัง:
    +6,570
    ขอจองรายการนี้ครับ 3561
     
  4. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,973
    ค่าพลัง:
    +6,570
    ขอจองรายการนี้ครับ 3587
     
  5. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116


    - รับทราบการจอง,การแจ้งโอน,การแจ้งการได้รับของ และการเข้ามาเยี่ยมชมครับผม


    [​IMG][​IMG][​IMG]



    ขออนุญาตแจ้งเรื่องการจองและการเช่าบูชาครับ

    พระเครื่องที่ผมนำมาลงผ่านการคัดกรองมาแล้วอย่างดี หากท่านสมาชิกท่านใดที่จะทำการจองหรือเช่าบูชา ไม่เชื่อมั่นในตัวผม หรือ ยังไม่มีรายละเอียดในพระที่ต้องการเช่าบูชา ขอความกรุณาทำการศึกษาให้ตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจนะครับ หรือจะนำภาพที่ผมลงไว้ไปให้คนที่คุณไว้ใจตรวจสอบก่อนก็ได้ ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ครับ เพราะการตัดสินว่าพระไหนดีไหนไม่ดี มันต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์บวกกับการพิจารณความเป็นไปได้ด้วย คน10คนดูพระองค์เดียวกัน ผลที่ออกมาแทบไม่เหมือนกันเลย

    ถ้าท่านยังไม่ผ่านกระบวนการดังที่ผมกล่าวไว้นี้ และบวกกับยังไม่เชื่อมั่นในตัวผม ขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งบูชาไปนะครับ เพราะถ้าเกิดความกังขาขึ้นในตัวองค์พระแล้วพุทธคุณไม่เกิดครับ ชี้แจงจากกรณีที่มีผู้ให้ผมตรวจสอบพระที่บูชามาจากที่อื่นให้ครับ คือบูชามาแล้วไม่สบายใจ บอกได้เลยว่ากรณีนี้ไม่เกิดประโยชน์กับใครทั้งนั้นครับ ทางที่ดีควร ศึกษา เรียนรู้ ไตร่ตรอง พิจารณาให้รอบคอบก่อนเช่าบูชานะครับ



    [​IMG][​IMG][​IMG]



    ขออนุญาตแจ้งเรื่องการจัดส่ง
    เพื่อความสะดวกในการได้รับของครับผม เนื่องจากผมติดภารกิจ การจัดส่งของจะสะดวกในช่วงวัน วันพฤหัสบดี - วันศุกร์ นะครับพี่ๆ หากล่าช้าอย่างไรไปบ้างผมต้องขอประทานโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ



    rabbit_eating;20he llo _carthaxxthaxxhe llo _car;20rabbit_eating




    เข้ารับชมสรุปรายการที่ หน้า1 ได้เลยครับผม ตามลิ้งค์เลยครับ



    ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2016
  6. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116





    ปิดรายการแล้วครับผม



    3649.ของดีของปู่มีOption พระสมเด็จชนะมารปฐวีธาตุ(C)
    หลวงพ่อทองดำ วัดท่าทอง ยอดมวลสารพิธีคุณสุธันย์ สร้างถวาย

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    [​IMG]

    พระสมเด็จชนะมารปฐวีธาตุ หลวงพ่อทองดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื้อผงวิเศษ ดำเนินการจัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2545-2547 จัดสร้างโดย คุณอาคม แซ่อึ้ง และ คุณสุธันย์ สุนทรเสวี(เป็นผู้รวบร่วมมวลสาร) มีOption ติดจีวร(แผ่นใหญ่นะครับแต่ผมม้วนเป็นหลอดไว้เพื่อจะได้ไม่ปิดรายละเอียดอื่นๆ)และชานหมากหลวงปู่ ซึ่งผมได้ขอความอนุเคราะห์มาจากลูกศิษย์ที่อุปฐากหลวงปู่ครับ

    จำนวนสร้างทั้งหมด 3,000 กว่าองค์
    -ถวายหลวงปู่ทองดำจำนวน 1,000 กว่าองค์
    -บรรจุที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม 1,000 กว่าองค์
    -คุณสุธันย์ สุนทรเสวี นำไปแจกกับผู้ร่วมทำบุญที่สถานีอนามัย 1,000 กว่าองค์
    -องค์ที่ฝังพระธาตุองค์พระประมาณ 300 กว่าองค์ครับ

    พุทธลักษณะ
    ด้านหน้า :
    เป็นรูปจำลองพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์เหนือพระแม่ธรณีปางบิดมวยผม ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์

    ด้านหลัง : เป็นพระยันต์ยะประเสริฐ "ยันต์ยะประเสริฐ" เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า "ยันต์ครู" (อักขระที่คล้ายเลข ๘ ขึ้นยอด มีตัวยะอยู่ตรงกลาง) ภายในตารางยันต์บรรจุคาถาหัวใจพระเจ้า 5 พระองค์ นะโมพุทธายะ และหัวใจพระไตรสรณคมน์ พุท ธะ(ธา)สัง มิฯ บรรทัดต่อมาจารึกชื่อหลวงปู่ และปีการจัดสร้าง

    มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ได้สถาปนาขึ้นจากมวลสารศักดิ์สิทธิ์ทุกภาคทั่วประเทศ อาทิ
    ผงพุทธคุณ :
    - ผงชันเพชร พระแก้วมรกต ผงทรายเสกหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ผงอิทธิเจหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ผงปถมังหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ผงพระสมเด็จจิตรลดา, ผงพระสมเด็จวัดระฆัง, ผงพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม, ผงพระสมเด็จปิลันทน์, ผงพระของขวัญวัดปากน้ำ รุ่น 1-4, ผงพระกรุ จ.ลำพูน, จ.กำแพงเพชร, จ.สุโขทัย, จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.สุพรรณบุรี และ จ.นครศรีธรรมราช ผงพระธาตุจากถ้ำสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผงชันเพชรจากองค์มหาบุษบกทองคำ ที่ประดิษฐานองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ผงอิฐ โมเสส กระจก และกระเบื้อง จากหลังคาพระอุโบสถ พระมหาเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ผงพวงมาลัยและดอกไม้ ธูป ที่ใช้บูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ผงกระเบื้องหลังคาพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร, วัดราชบพิตร, วัดมกุฏกษัตริยาราม และวัดวิสุทธาวาส ผงจีวรพระสุปฏิปัณโณ ผงทองที่ปิดพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ผงทรายเสกและปฐวีธาตุ ผงแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์ ผงดินใต้พระธาตุองค์สำคัญ ผงชานหมาก ผงขี้ธูป พวงมาลัย ดอกไม้จากที่บูชาพระ และผงข้าวก้นบาตรพระสุปฏิปัณโณ ดินสังเวชนียสถานสำคัญ 4 ตำบล ผงว่านมงคล 108 ผงกาฝากไม้มงคล 108 ผงไม้มงคล 9 ชนิด ดินจากใจกลางทุกจังหวัด เป็นต้น

    ผงอัฐิธาตุ ผงอังคารธาตุ และผงสรีระธาตุ+เกศาธาตุของพระอริยเจ้าผู้บริบูรณ์ด้วยวิชชาและวิมุตติเป็น จำนวนมาก อาทิเช่น :
    - หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง, หลวงปู่ครูบาอินถา วัดน้ำบ่อหลวง, หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง, หลวงปู่เกษม สำนักสุสานไตรลักษณ์, หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดศรีสุทธาวาส, หลวงปู่คำดี วัดถ้ำผาปู่, หลวงปู่ชอบ วัดป่าสัมมานุสรณ์, หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล, หลวงปู่หลุย วัดถ้ำผาบิ้ง, หลวงปู่อ่อน วัดป่านิโครธาราม, หลวงปู่เทศก์, หลวงปู่ฝั้น, หลวงปู่ตื้อ, หลวงปู่สาม, หลวงปู่ชา, หลวงปู่หล้า วัดภูจ้อก้อ, หลวงพ่อพุธ, หลวงปู่บัวพา วัดป่าพระสถิตย์, หลวงปู่ครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า, หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค, หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก, หลวงปู่คลิ้ง วัดถลุงทอง, หลวงปู่ครูบาชัยยะ วัดพระบาทห้วยต้ม, หลวงปู่ครูบาหล้า วัดป่าตึง, หลวงปู่ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่ดู่ วัดสะแก(อังคาร), หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค(ผงสรีระ), หลวงพ่อภัทร วัดโคกสูง เป็นต้น

    มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใส่เพิ่มเติมลงไปอีก คือ
    1. ผงปฐวีธาตุ(ที่ตกแบบอุกกาบาต หลวงปู่คำพันธ์ หลวงพ่ออุตตมะ หลวงปู่พรหมา หลวงพ่อไพบูลย์ อธิษฐานจิต) ที่เหลือจำนวนราว 1 ถ้วยกาแฟ ซึ่งผู้สร้างได้รับมอบจาก อ.อนันต์ สวัสดิเสาวนีย์

    2. ปฐวีธาตุชนิดถูกต้องตามตำรา ที่ผ่านการแผ่เมตตาจากหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ จำนวน 1 โหลกาแฟ ได้รับมอบจากคุณอำพล เจน

    การบรรจุพุทธานุภาพ

    1.พิธีมหาพุทธาภิเษก
    - วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กทม. เมื่อ 10 พ.ย.2545 พิธีพระพทธนิรโรคันตราย
    - วัดเลา กทม. เมื่อ 15 พ.ย.2545 พิธีพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ พุทธรังสี
    - วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เมื่อ 28-29 ธ.ค.2545 พิธีมงคลอายุวัฒน์
    - วัดบวรณิเวศวิหาร กทม.
    - วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กทม. เมื่อ 27 มิ.ย.2545 พิธีมหาจักรพรรดิ์พุทธาภิเษก
    - วัดสัทัศนเทพวราราม กทม. เมื่อ 16 ต.ค.2545 พิธีเหรียญเศรฐมุนี

    2.วาระปลุกเสกเดี่ยว รวม 11 องค์ ดังนี้
    ปลุกเสกเดี่ยว รวม 11 องค์ ได้แก่
    - หลวงพ่ออุตตะมะ วัดวังก์วิเวการาม
    - หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
    - หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง
    - หลวงปู่แดง วัดห้วยฉลองราษฎร์
    - พระอาจารย์สมบูรณ์ วัดป่าสมบูรณ์ธรรม
    - หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    - หลวงปู่ทอง วัดจักรวรรดิ
    - หลวงพ่อช่อ วัดโคกเกตุ
    - หลวงพ่อม่วง วัดยางงาม
    - หลวงปู่นนท์ วัดเหนือวน
    - หลวงพ่อตัด วัดชายนา
    คุณสุธันย์ได้แสดงความกตัญญูกตเวทีในการสร้างถวายหลวงพ่อทองดำ พร้อมนำไปตระเวนประจุอานุภาพอย่างจุใจ แล้วขอให้หลวงพ่อทองดำ ตั้งใจเสกเป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นพระสมเด็จชนะมาร หลังยันต์ยะประเสริฐ จึงพบมากในจังหวัดอุตรดิตถ์


    สภาพสวยพร้อมซองซิบเดิมๆจากวัด มีรอยเนื้อมวลสารกดไม่ติดเล็กๆ เพราะพระชุดนี้แก่มวลสารมาก พระส่วนใหญ่จึงออกมาผิวไม่เรียบตึง แต่จะมีรอยปริ รอยแยะ รอยเนื้อกดไม่ติดหรือหลุดติดแม่พิมพ์บ้างเป็นธรรมชาติครับ เนื่องจากชุดที่คุณสุธันย์ สร้างถวายหลวงปู่ เนื้อมวลสารจะหยาบแก่ว่านแก่มวลสาร ซึ่งต่างจากชุดที่แจกที่อนามัย จะละเอียดมากกว่า พิมพ์สวยคมชัดลึก พุทธศิลป์สวยงาม มวลสารและพิธีสุดยอดมาก พระดีมีคุณค่าน่าบูชาสะสมมาก เก่าเก็บไม่ได้ใช้ พุทธคุณดีทุกทาง เชื่อถือคุณภาพได้เลยว่าเยี่ยมจริงๆ แบ่งให้บูชา 650บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)



    (คุณpromma2481 จองแล้วครับ)





    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    [FONT=Tahoma][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=5][SIZE=5][FONT=Verdana][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][COLOR=darkorange]โทร.086-0441367[/COLOR], [/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/FONT][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][EMAIL="Engineer0206nu@gmail.com"][FONT=Arial][SIZE=5][COLOR=magenta]Engineer0206nu@gmail.com[/COLOR][/SIZE][/FONT][/EMAIL][/FONT][/FONT][/FONT]
    [B][FONT=Tahoma][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][SIZE=5][COLOR=green]*** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***[/COLOR][/SIZE][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/B]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2016
  7. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116




    ปิดรายการแล้วครับผม




    3650.กล่องเดิมๆ พระผงสมเด็จพระภัทรมหาราช(สี่เหลี่ยม) พิธีมหามงคล
    พระสังฆราช,ลพ.ฤาษีลิงดำ,ลป.สิม ร่วมอธิษฐานจิต


    พระผงสมเด็จพระภัทรมหาราช หลังตรีจักร พิมพ์สี่เหลี่ยม เนื้อผงพุทธคุณ ผสมเส้นพระเจ้า(เกศา) วัตถุประสงค์การจัดสร้าง เพื่อนำรายได้จากการบริจาคบูชานั้น ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2530 ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร มีพระเกจิอาจารย์ดังปลุกเสกมากมาย ประการสำคัญยิ่งเหรียญพระชัยหลังช้าง มีสมเด็จพระสังฆราชถึง 2 พระองค์ ปลุกเสกนั้นคือ สมเด็จพระสังฆราช (วาส) วัดราชบพิธฯ และสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร

    รายนามพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมพุทธาภิเษกหมู่และเจริญพระพุทธมนต์
    1 สมเด็จพระสังฆราช(วาส) วัดราชบพิตรฯ
    2 สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร
    3 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
    4 สมเด็จพระวันรัด วัดโสมนัสวิหาร
    5 สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา
    6 สมเด็จพุฒาจารย์เกี่ยว วัดสระเกศ
    7 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    8 หลวงปูศรี วัดป่ากุง
    9 หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    10 หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง
    11 หลวงพ่ออุตตะมะ วัดวังวิเวการาม
    12 หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
    13 หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
    14 หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก
    15 หลวงพ่อเเช่ม วัดดอนยายหอม
    16 หลวงพ่อ ไสว วัดปรีดาราม
    17 พระอาจารย์ชื้น วัดญาณเสน เป็นต้น

    เหรียญรุ่นมีพิธีการสร้างที่เข้มขลัง และมีพุทธศิลป์ที่งดงามอย่างยิ่ง ดั่งเช่นเหรียญพระพุทธ หรือเหรียญพุทธคุณ พระปรมาภิไธยย่อ ภปร.ที่เรียกขานกันว่า "เหรียญพระชัยหลังช้าง" สร้างโดยคณะสงฆ์ทั้ง 2 นิกายในปีมหามงคลเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธ.ค.2530 "เหรียญพระชัยหลังช้าง" มีเนื้อทองคำ, เนื้อเงิน, เนื้อกะไหล่ทอง
    มูลเหตุที่นำรูป พระชัยหลังช้างมาจัดสร้างเพื่อเทิดพระเกียรติล้นเกล้าทั้งสอง พระองค์ ด้วยเห็นว่าพระชัย (หลังช้าง) เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง คู่บุญญาบารมีของปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์ ควรที่ประชาชนจะมีไว้สักการบูชา เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในพระองค์

    สภาพสวยกล่องเดิมๆ เก่าเก็บไม่ได้ใช้ หายากกว่าเหรีบญอีกครับ มวลสารแห่งความเป็นศิริมงคล พุทธคุณครอบจักรวาลครับท่าน แบ่งให้บูชา 450 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)





    (คุณshaj จองแล้วครับ)



    [COLOR=#0000ff][COLOR=#000000][SIZE=5][B][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=#0000ff]คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย [/COLOR][/FONT][/SIZE][/COLOR][/FONT][/SIZE][/B][/SIZE][/COLOR][/COLOR][COLOR=#0000ff][COLOR=#000000][SIZE=5][B][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana][FONT=Verdana]สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ [/FONT][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT][/SIZE][/B][/SIZE][/COLOR][/COLOR][B][COLOR=#000000][SIZE=5][B][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana]เลขที่ [COLOR=red][U]6000088418[/U] [/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT][/SIZE][/B][/SIZE][/COLOR][/B]
    [B][COLOR=black][SIZE=5][B][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=5][SIZE=5][FONT=Verdana][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][COLOR=darkorange]โทร.086-0441367[/COLOR], [/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/FONT][/SIZE][/B][/SIZE][SIZE=5][B][FONT=Tahoma][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][EMAIL="Engineer0206nu@gmail.com"][FONT=Arial][SIZE=5][COLOR=magenta]Engineer0206nu@gmail.com[/COLOR][/SIZE][/FONT][/EMAIL][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/B][/SIZE][/COLOR][/B]
    [FONT=Verdana][FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][SIZE=5][COLOR=green]*** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***[/COLOR][/SIZE][/FONT][/FONT][/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2016
  8. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,973
    ค่าพลัง:
    +6,570
    ขอจองรายการนี้ครับ
     
  9. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,516
    ค่าพลัง:
    +30,849
    สวัสดียามสายครับเสี่ยเฟริส์ท
     
  10. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116
    hp_dayhp_daywel lcome_mokeyhp_dayhp_day





    เข้ารับชมสรุปรายการที่ หน้า2
    ได้เลยครับผม ตามลิ้งค์เลยครับ


    []
    []
    /


    ><กระทู้ใหม่(3) วัตถุมงคลดีพิธีใหญ่สภาพสวย หลากหลายสายราคาเบา (สรุปรายการ น.2 บนสุด)



    ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมนะครับ



    rabbit_eating;20he llo _carthaxxthaxxhe llo _car;20rabbit_eating ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2016
  11. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116



    ปิดรายการแล้วครับผม



    3652.กรรมการสวยเดิม พระผงของขวัญอุดมสุข(A) เทพเจ้าแห่งชาวรามัญ
    สุดยอดมวลสารศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่ออุตตมะ ปลุกเสก2ปีเต็มๆ


    พระผงของขวัญอุดมสุข หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อผงมหาพุทธคุณ (พิเศษกรรมการลงรักปิดทองเดิม) ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2529 โดยมีคุณบุญส่ง ไหลธนานนท์ คหบดีใหญ่แห่งจังหวัดนครปฐม เป็นผู้อุปถัมภ์การจัดสร้างด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ยิ่ง

    พระชุดนี้ได้รับการกดพิมพ์สร้างสำเร็จเป็นองค์พระโดยพระภิกษุสามเณรในปริมณฑล วัดพระปฐมเจดีย์ เป็นอันดียิ่งแล้ว หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ได้เมตตาทำการอธิษฐานจิตปลุกเสก เป็นระยะเวลาอันยาวนานเป็นพิเศษถึง 2ปีเต็มๆ(พ.ศ.2529-พ.ศ.2531)

    พระพุทธลักษณะ
    ด้านหน้า : เป็นรูปพระพุทธปฏิมาปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชรตามศิลปะอย่างมอญ โดยมีประภามณฑล ประดับพระเศียรอยู่เบื้องหลังอย่างงดงามตามสมควรแก่พระผงขนาดเล็ก ที่มีส่วนใกล้เคียงกับพระของขวัญวัดปากน้ำรุ่นแรก
    ด้านหลัง : เป็นอักษรนาม "อุตตมะ" อย่างชัดเจน

    มวลสารศักดิ์สิทธิ์ประกอบด้วย
    - พระยอดขุนพลบุเรงนอง ของเก่าที่แตกหักจำนวนมาก อันศรัทธาชาวมอญขนมาถวายจากถ้ำแห่งหนึ่งในเขตประเทศพม่า (พระยอดขุนพลบุเรงนองนั้น ถูกสร้างโดย พระเจ้าบุเรงนอง โดยมี พระมหาฤาษี "ภู ภู อ่อง" อาจารย์ของบุเรงนองเป็นผู้ปลุกเสก)
    - หลวงพ่อยังได้เมตตามอบผงว่าน 108
    - ผงอิทธิเจ(มหาจักรพรรดิ) ที่ท่านลบเองเขียนเองเมื่อสมัยยังเรียนบาลีอยู่ที่พม่ามาผสมเป็นกรณีพิเศษด้วย
    - ผงกระเบื้องจากองค์พระปฐมเจดีย์ อันเป็นพระเจดีย์ใหญ่และเก่าแก่องค์สำคัญที่สุดในสุวรรณภูมิ
    - พระเครื่องเนื้อผงรุ่นเก่าของหลวงพ่ออุตตมะที่ชำรุดแตกหักนำมาป่นผสมเป็นมวลสาร เป็นต้น
    พระผงของขวัญอุดมสุข เป็นพระผงในบรรดาพระผงที่สร้างขึ้นมีอยู่พิมพ์หนึ่งเป็นพิมพ์ที่ หลวงพ่ออุตตมะ มีความชอบใจมาก และเคยบอกว่า รุ่นนี้จะมีอนาคต ใช้แทนพระของขวัญของ หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เลย
    ที่มา: ของดีจากวัด ศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่421

    สภาพสวยเดิม พิเศษกรรมการสร้างน้อย เก่าเก็บไม่ได้ใช้ มวลสารแห่งความเป็นศิริมงคล พุทธคุณครอบจักรวาลครับท่าน หลวงพ่อบอกสามารถใช้บูชาแทนพระผงของขวัญ วัดปากน้ำได้เลยทีเดียว แบ่งให้บูชา 450 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)



    (คุณKrav จองแล้วครับ)





    [COLOR=#0000ff][COLOR=#000000][SIZE=5][B][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=#0000ff]คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย [/COLOR][/FONT][/SIZE][/COLOR][/FONT][/SIZE][/B][/SIZE][/COLOR][/COLOR][COLOR=#0000ff][COLOR=#000000][SIZE=5][B][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana][FONT=Verdana]สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ [/FONT][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT][/SIZE][/B][/SIZE][/COLOR][/COLOR][B][COLOR=#000000][SIZE=5][B][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana]เลขที่ [COLOR=red][U]6000088418[/U] [/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT][/SIZE][/B][/SIZE][/COLOR][/B]
    [B][COLOR=black][SIZE=5][B][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=5][SIZE=5][FONT=Verdana][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][COLOR=darkorange]โทร.086-0441367[/COLOR], [/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/FONT][/SIZE][/B][/SIZE][SIZE=5][B][FONT=Tahoma][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][EMAIL="Engineer0206nu@gmail.com"][FONT=Arial][SIZE=5][COLOR=magenta]Engineer0206nu@gmail.com[/COLOR][/SIZE][/FONT][/EMAIL][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/B][/SIZE][/COLOR][/B]
    [FONT=Verdana][FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][SIZE=5][COLOR=green]*** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***[/COLOR][/SIZE][/FONT][/FONT][/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2016
  12. Krav

    Krav เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2012
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +221
    จองรายการ 3652.กรรมการสวยเดิม พระผงของขวัญอุดมสุข(A)
    หลวงพ่ออุตตมะ
     
  13. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,516
    ค่าพลัง:
    +30,849
    สวัสดียามสายครับเสี่ยเฟริส์ท
     
  14. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116
    รายการจัดส่งพัสดุครับผม
    04/01/15




    1.คุณHirose99 จัดส่ง
    พัสดุเลขที่ EP069634348TH


    2.คุณshaj จัดส่ง
    พัสดุเลขที่ EP069634351TH



    ***อย่าลืมชม สรุปรายการที่ หน้า1 นะครับผม***
    ขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม
    และอุดหนุนผมนะครับ
    [​IMG]
    Tel: 086-0441367, engineer0206nu@gmail.com
     
  15. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116

    ปิดรายการแล้วครับผม



    3653.สวยเดิมๆ เหรียญรุ่น53 พระอาจารย์วัน อุตฺโม(๒)
    พระอรหันต์เจ้าแห่งภูผาเหล็ก ศิษย์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    [​IMG]


    เหรียญรุ่น53 พระอาจารย์วัน อุตฺโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร) วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จังหวัดสกลนคร เนื้อทองแดงรมมันปู ตอกโค๊ด ดำเนินการจัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2521

    สร้างถวายโดย :
    พล.ต.ท.แสวง หงษ์นคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 จ.นครราชสีมา(ผู้สร้างพระกริ่งมัญจาคีรีหลวงพ่อผางและครูบาอาจารย์สายพระอาจารย์มั่นอีกหลายท่านอาทิ เหรียยฉลุหลวงปู่ดุลย์,หลวงปู่ขาว)


    ประวัติและปฏิปทา พระอาจารย์วัน อุตฺตโม
    พระอาจารย์วัน เกิดวัน ๑ ฯ ๖ ๙ ปีจอ (วันอาทิตย์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๙) ตรงกับวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ บ้านตาลโกน ตำบลตาลโกน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
    บิดาชื่อ นายแหลม สีลารักษ์ และมารดาชื่อ นางจันทร์ (มาริชิน) สีลารักษ์
    นายแหลมและนางจันทร์ มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ
    ๑. พระอาจารย์วัน อุตฺตโม
    ๒. นายผัน สีลารักษ์

    ๏ สมัยออกบรรพชา
    เมื่อ สิ้นร่มโพธิ์ร่มไทรลงแล้วพระอาจารย์วัน ก็เริ่มมีชีวิตอยู่อย่างว้าเหว่ แม้ว่าตระกูลของปู่เป็นพระกลที่พอมีอันจะกินตามฐานะของชาวชนบท แต่ความรู้สึกภายในที่ประสบกับความพลัดพรากจากไปของบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ผู้เอาอกเอาใจ ผู้ให้ความอบอุ่น ผู้ปกป้อรักษาในทุกๆ ด้าน ก็คงมีสภาพไม่ผิดอะไรกับคนที่มีบ้านใหญ่โต แต่ถูกพายุหนุนหอบไปกับสายลม แม้จะมีหน่วยสงเคราะห์ให้ความเมตตาก็ไม่สามารถูกดแทนความอาลัยนั้นได้ จึงทำให้เด็กชายวันคิดถึงร่มผ้ากาสาวพัสตร์ เพราะขณะที่บิดาของท่านกำลังเจ็บหนัก ได้สั่งเสียไว้ว่า

    “เมื่อออกโรงเรียนแล้ว ขอให้ลูกบวชให้พ่อ ก่อนจะคิดเรื่องอื่นๆ จะอยู่ได้ในศาสนานานเท่าไรไม่บังคับ”

    คำ สั่งเสียนี้แหละเป็นเครื่องกระตุ้นอันสำคัญอีกแรงหนึ่งที่ทำให้เด็กชายวัน ตัดสินใจออกบวช วันหนึ่งจึงเข้าไปกราบลาปู่โดยกล่าวสั้นๆ ว่า “ขอไปบวช” ปู่ได้ยินหลานมาออกปากกราบลาอยู่ซึ่งหน้าเช่นนั้น ถึงกับพูดไม่ออก เพราะความรักความอาลัยในหลาน แต่พระอาจารย์วันก็ไม่ลดละความพยายาม ผลสุดท้ายปู่ก็จำต้องอนุญาตให้บวชด้วยความอาลัย
    เมื่อตัดสินใจบวชแน่นอนแล้วพระอาจารย์วัน ได้ถูกนำตัวไปฝากไว้กับ ท่านพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร วัดอรัญญิกาวาส บ้านม่วงไข่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านตาลโกนไปประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ในการไปบวชครั้งนี้ก็ได้ให้เงินติดตัวไปด้วย ๑ บาท เพราะเห็นว่าไม่จำเป็นในการใช้จ่ายมากนัก เมื่อไปอยู่วัดระยะแรกๆ ก็ยังไม่รีบร้อนอะไร เพราะตามธรรมดาเด็กที่ไปอยู่วัดกรรมฐาน จะต้องได้รับการฝึกให้รู้จักข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ให้เป็นเสียก่อน หมายความว่าเด็กจะได้รับการอบรมในข้อวัตรต่างๆ เช่นการปฏิบัติตนต่อพระภิกษุสามเณร ต่อบุคคลโดยทั่วไป รวมทั้งกิริยามารยาทในอิริยาบถต่างๆ ตลอดจนการฝึกหัดนั่งสมาธิภาวนาไปด้วยเป็นเวลาหลายเดือน บางคนเป็นปีหรือหลายปี แล้วแต่อาจารย์จะเห็นเหมาะสม เพราะถ้าหากได้รับการฝึกหัดดีแต่เบื้องต้น เมื่อบวชเข้ามาแล้ว อาจารย์ก็ไม่ต้องยุ่งยากลำบากในการแนะนำสั่งสอนบ่อยๆ

    สำหรับ พระอาจารย์วัน พอไปอยู่วัดไม่นาน ท่านพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ก็บอกให้ท่องคำขอบรรพชา ประจวบกับโอกาสอำนวย กล่าวคือขณะที่กำลังท่องคำขอบรรพชาอยู่นั้นพอดี ท่านเจ้าคุณพระราชกวี ต่อมาได้เลื่อนเป็น พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) กลับจากไปงานผูกพัทธสีมาที่วัดสุปัฏนาราม จังหวัดอุบลราชธานี แวะพักที่วัดศรีบุญเรือง บ้านงิ้ว ตำบลพันนา อำเภอสว่างแดนดิน ท่านพระอาจารย์วัง จึงนำไปบวช ณ วัดศรีบุญเรือง เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ (ขณะนั้นพระอาจารย์วันมีอายุ ๑๕ ปี) โดยมีพระราชกวี เป็นพระอุปัชฌายะ

    เมื่อ ได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว พระอาจารย์วัน ได้กลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอรัญญิกาวาส 2 พรรษา จากนั้นท่านพระอาจารย์วังก็พาท่านออกเที่ยววิเวกตามสถานที่ต่างๆ เมื่อใกล้เข้าพรรษาพระอาจารย์ก็พาไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านสามผง ตำบลสามผง อำเภอท่าบ่อศรีสงคราม อีก ๒ พรรษา รวมเป็นเวลา ๔ พรรษา ที่ได้อบรมในทางปฏิบัติอยู่กับท่านพระอาจารย์วัง พอย่างเข้าพรรษาที่ ๕ จึงกราบลาอาจารย์เพื่อไปศึกษาทางฝ่ายปริยัติธรรมที่วัดสุทธาวาส อันที่จริงวัดสุทธาวาสในสมัยนั้นก็เป็นวัดป่า ฉันอาหารมื้อเดียว ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ก็เหมือนวัดป่าทุกอย่าง เพียงแต่เพิ่มการศึกษาปริยัติธรรมเข้าไปเท่านั้น

    การศึกษาด้าน ปริยัติธรรมของพระอาจารย์วัน ได้เริ่มต้นเรียนนักธรรมชั้นตรีที่วัดสุทธาวาสนี้ ระหว่างสอบนักธรรม ฝรั่งได้เอาเครื่องบินมาทิ้งระเบิดเมืองสกลนคร ชาวเมืองต้องหลบภัยหนีไปอยู่นอกเมือง ปล่อยให้เป็นเมืองร้างไประยะหนึ่ง แต่ญาติโยมก็ได้จัดอาหารแห้งไปมอบให้สามเณรทำอาหารถวายพระ โดยเฉพาะ คุณโยมนุ่ม ชุวานนท์ พร้อมด้วยคณะญาติ ได้มอบอาหารไว้สำหรับทำถวายพระเณรทุกๆ เช้า

    ในขณะที่บ้านเมืองกำลัง ประสบภัยสงครามคล้ายบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะอำนาจลูกระเบิดฝรั่ง ดูเป็นภัยที่น่าสะพรึงกลัวอย่างหนึ่งในสมัยนั้น จึงมีเรื่องแปลกๆ ขำๆ มาเล่าสู่กันฟังในภายหลังได้เสมอแม้แต่เรื่องเกี่ยวกับพระอาจารย์วันก็มี เช่นกัน กล่าวคือ ภิกษุสามเณรต่างก็ขุดหลุมหลบภัยกันตามคำแนะนำของทางราชการบ้านเมือง พระอาจารย์วัน ซึ่งขณะนั้นยังเป็นสามเณรก็ขุดหลุมหลบภัยกับเขาเช่นกัน แต่แทนที่จะขุดเป็นหลุมใหญ่เช่นคนอื่นๆ กลับขุดเป็นหลุมเล็กๆ ลงไปได้เฉพาะคนเดียว

    วันหนึ่งขณะที่เครื่องบินกำลังบ่ายโฉมหน้าจะมา ทิ้งระเบิดเช่นเคย เสียงเตือนภัยทางอากาศก็ดังกังวานขึ้น ประชาชนพลเมืองพระเณรต่างก็วิ่งเข้าที่หลบภัยกันจ้าละหวั่นด้วยความตกใจ พระสงฆ์บางองค์วิ่งไปลงหลุมของคนอื่นเลยถือโอกาสหลบอยู่เลยก็มีหลุมหลบภัย ของสามเณรวันขณะที่ต่างคนต่างเอาตัวรอดนั้นปรากฏว่ามีพระสงฆ์โจนลงไปหลบภัย อยู่ก่อนแล้วสามองค์ สามเณรวันจึงลงไปอัดอยู่เป็นองค์ที่สี่ หลุมหลบภัยที่ทำไว้เฉพาะคนเดียวเมื่ออัดเข้าไปถึงสี่ ท่านผู้อ่านก็นึกภาพเอาเองก็แล้วกันว่าจะอยู่กันในสภาพเช่นไรที่ร้ายไปกว่า นั้นบางองค์วิ่งเข้าไปในกอไผ่พอเครื่องบินกลับไปแล้วออกมาไม่ได้ ต้องร้อนถึงพระสงฆ์องค์อื่นต้องใช้มีดถางให้ออกมาก็มีสัญชาตญาณการหนีภัยโดย เฉพาะมรณภัยนั้น สัตว์ทุกหมู่เหล่ากลัวกันทั่วทุกชีวิต เพราะจะกลัวอะไรก็แล้วแต่ ย่อมมาสรุปรวมลงที่กลัวตายนั่นเอง

    เมื่อ เสร็จจากการสอบนักธรรมแล้ว พระสิงห์ ธนปาโล ที่เคยอยู่ด้วยกันกับท่านอาจารย์ยังได้ไปแวะเยี่ยม และชวนพระอาจารย์วัน ไปด้วย เพื่อไปศึกษาอบรมกับ ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ฝ่ายกรรมฐาน แล้วในที่สุดพระอาจารย์วัน ได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอาจารย์เสาร์ ที่วัดป่าบ้านท่าฆ้องเหล็ก ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองอุบลราชธานี ขณะที่ไปอยู่กับพระอาจารย์เสาร์ นั้นยังท่องหลักสูตรนักธรรมชั้นโทไปด้วย พระอาจารย์เสาร์ ได้กำชับว่าสามเณรที่มีอายุ ๑๙ ปี ต้องท่องปาติโมกข์ให้ได้ จึงจะให้ไปเรียนนักธรรม พระอาจารย์วัน ก็ท่องปาติโมกข์อยู่ประมาณ ๒๐ วัน จึงขึ้นใจ

    ต่อจากนั้นจึงกราบลาพระอาจารย์เสาร์ ไปเข้าเรียนนักธรรมต่อที่วัดพระแก้วรังษี อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีพระพิบูลสมณกิจ (เก้า) เป็นเจ้าอาวาส พระอาจารย์วัน อาศัยอยู่กับท่านพระครูบุณฑริกบรรหาร (ทองดำ) เมื่อถึงเวลาสอบนักธรรมต้องเดินทางไปสอบที่ กิ่งอำเภอบุณฑริก ซึ่งปัจจุบันทางราชการได้ยกขึ้นเป็นอำเภอบุณฑริกแล้ว พอเสร็จจากการสอบนักธรรมกลับไปที่อำเภอพิบูลมังสาหารได้ไม่กี่วันก็เป็นไข้ มาเลเรีย เพราะในยุคนั้นไข้มาเลเรียชุกชุมมาก ยาควินินก็หาซื้อได้ยากเพราะอยู่ในระยะสงครามโลกครั้งที่ ๒

    ต่อจาก นั้น พระสิงห์ ธนปาโล ได้พาไปเยี่ยมญาติของท่านที่บ้านโนนยาง อำเภอยโสธร ระหว่างที่พักอยู่ราวป่าใกล้บ้านนั้นเอง พระสิงห์ได้ขอร้องพระอาจารย์วัน ให้บวชเป็นพระ โดยให้ญาติผู้ใหญ่ของพระสิงห์เป็นผู้จัดบริขาร ตามความรู้สึกของพระอาจารย์วัน ต้องการที่จะอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๕-๒๖ ปี คือไม่ปรารถนาจะแก่พรรษากว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงเรียนความขัดข้องในใจของท่านเองต่อพระสิงห์ แต่พระสิงห์ไม่เห็นด้วย พระอาจารย์วัน จึงเสนอวิธีใหม่คือขอลาสิกขาไปเที่ยวสนุกก่อนประมาณ ๑๕ วัน จึงค่อยบวชเป็นพระ ฝ่ายพระสิงห์ท่านก็ไม่ยอมเช่นเคย ญาติพี่น้องทางบ้านก็ไม่ได้ข่าว

    ผลสุดท้ายจึงต้องตัดสินใจบวชเป็นพระ สนองเจตนาดีของพระสิงห์ท่าน โดยเดินทางไปอุปสมบท ที่วัดสร่างโศก (วัดศรีธรรมาราม ในปัจจุบัน) อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ เวลา ๑๖.๑๐ น. โดยมีพระครูจิตตวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌายะ และพระมหาคล้าย วิสารโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    บวช เสร็จแล้วกลับไปที่อยู่เดิม ต่อมาไม่นานนักก็ได้ทราบข่าวการมรณภาพของท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล จึงได้พากันเดินทางไปนมัสการศพของท่านที่วัดบูรพาราม จังหวัดอุบลราชธานี

    ระหว่าง เดือน ๔ คณะของพระอาจารย์วัน ได้เดินทางกลับจังหวัดสกลนคร ขึ้นรถยนต์บ้าง เดินเท้าบ้าง ในระหว่างเดินทางนั้นต่างก็เป็นไข้จับสั่นกันทั่วหน้า เวลาไข้จะห่มผ้าหนาเท่าไรก็ไม่อุ่น ต้องนั่งชันเข่าก้มศีรษะลงหายใจให้กระทบหน้าอก จึงจะรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นบ้าง

    พ.ศ. ๒๔๘๕ พระอาจารย์วัน พักจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ในปีนั้น พระอาจารย์พรหม จิรปุญฺโญ มาพักจำพรรษาปกครองพระเณรพระอาจารย์วัน อุตฺตโม ได้พักอยู่กุฏิใกล้ท่านจึงได้มีโอกาสอุปัฏฐากและรับโอวาทจากท่าน วันหนึ่งพระอาจารย์พรหมถามท่านว่าจะเรียนไปถึงไหน พระอาจารย์วัน ก็กราบเรียนท่านว่า สำหรับฝ่ายปริยัติธรรมจะเรียนให้จบนักธรรมชั้นเอก ฝ่ายบาลีถ้าสอบได้ประโยค ป.ธ. ๓ แล้วจะเรียนต่อให้ได้ถึงประโยค ป.ธ. ๙ เพราะการเล่าเรียนของฝ่ายพระจัดหลักสูตรไว้ ๒ แผนก นอกจากนี้เป็นการศึกษาเพิ่มเติมพิเศษพระอาจารย์พรหม จึงถามว่า ถ้าเรียนไม่ได้ตามความตั้งใจจะทำอย่างไร พระอาจารย์วัน ก็ยังยืนยันกับท่านพระอาจารย์พรหม ว่า จะเรียนให้สอบได้ปีละชั้น เพราะยังเชื่อมั่นในมันสมองของท่านเอง พระอาจารย์พรหมถามต่อไปอีกว่า เมื่อหยุดการเรียนแล้วจะทำอะไรต่อไป พระอาจารย์วันก็กราบเรียนต่อท่านว่าจะตั้งใจปฏิบัติเหมือนอย่างท่านอาจารย์ ทุกประการ พระอาจารย์พรหมก็หัวเราะ

    เมื่อออกพรรษาแล้วพระอาจารย์วัน ได้เดินทางไปรับใบคัดเลือกทหารที่อำเภอสว่างแดนดิน แล้วเดินทางลงไปสอบนักธรรมเอกที่กิ่งอำเภอบุณฑริกจังหวัดอุบลราชธานี สอบเสร็จแล้วได้ออกมาพักที่วัดภูเขาแก้วอำเภอพิบูลมังสาหาร ซึ่งที่นั่นท่านพระครูบุณฑริกได้ล้มป่วยเป็นไข้จับสั่นอย่างแรง ท่านจึงมอบภาระให้พระอาจารย์วันทำบัญชีนักธรรมแทนท่าน ทั้งยังให้เป็นกรรมการดำเนินการสอบนักธรรมแทนท่านด้วย เมื่อเสร็จธุระแล้วจึงเดินทางกลับสกลนครเพื่อคัดเลือกทหารในปี พ.ศ. ๒๔๘๖ ครั้งนั้นการคัดเลือกทหารกระทำกัน ๒ ครั้ง การคัดเลือกครั้งแรกพระอาจารย์วัน อยู่ในประเภทดีหนึ่งประเภทสอง ต่อเมื่อกัดเลือกครั้งที่ ๒ จึงได้เอาใบประกาศนักธรรมชั้นโทไปขอยกเว้น

    ใน ปีนั้นอาการป่วยเป็นไข้มาเลเรียของพระอาจารย์วัน ได้ทวีความรุนแรงขึ้น จึงจำเป็นต้องพักจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าคามวาสี บ้านตาลโกน อันเป็นมาตุภูมิ เพื่อรักษาสุขภาพ ก่อนเข้าพรรษาได้ถูกขอร้องไปเป็นครูสอนนักธรรมที่สำนักเรียนวัดสุทธาวาสและ วัดชัยมงคลเพราะในสมัยนั้นหาพระที่มีภูมินักธรรมเอกได้ยากมาก แต่พระอาจารย์วัน ก็ไปไม่ได้เพราะสุขภาพไม่อำนวย อาการป่วยก็สามวันดีสี่วันร้าย ถึงกับมีอาการของความจำเสื่อมเป็นบางครั้ง

    ขณะ ที่ท่านพักจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าคามวาสี ๒ พรรษานี้ ตามที่ได้ยินจากพระผู้ใกล้ชิดและจากบันทึกของท่านเอง ปรากฏว่าในระหว่างนั้น ท่านต้องต่อสู้กับความคิดของตนเองอย่างหนักที่สุดในชีวิตพรหมจรรย์ เพราะล่วงมาถึงขณะนี้ความรู้ก็มีพอที่จะไปเป็นตำรวจหรือเป็นอะไรได้ หลายอย่าง สำหรับชีวิตทางฆราวาส อีกอย่างหนึ่งในขณะนั้นอายุท่านก็ยังน้อย คือมีอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น ความคิดจึงโลดแล่นไม่ผิดอะไรกับวิหคที่โผผินอยู่ในอากาศ หาจุดหมายปลายทางได้ยากยิ่ง จิตของท่านจึงผันแปรไปตามอารมณ์ ถ้าจะเรียนบาลีต่อก็คงไปได้ไกล หรือจะตั้งโรงเรียนสอนนักธรรมก็จะเป็นกำลังของหมู่คณะได้ดีหรือจะตั้งใจออก ประพฤติปฏิบัติทางกรรมฐานก็มีทางเลือกได้หลายทาง

    จากบันทึกของท่าน เองท่านมีความคิดอีกประการหนึ่งว่าการที่จะเรียนบาลีต่อ สุขภาพก็ไม่อำนวย และการเรียนบาลีท่านก็เคยเรียนมาแล้วแต่ครูสอนไม่จบ
    แต่ทางด้าน ฆราวาส ท่านพิจารณาเห็นว่าเป็นบ่อนแห่งการทำความชั่วนานาประการ ผู้จะตั้งตัวเป็นฆราวาสอย่างสมบูรณ์มีน้อยมาก คิดดูแล้วชีวิตนี้คงทนไปได้ไม่นานเท่าไรก็ถึงวันตาย ความดีที่จะสร้างขึ้นแก่ตนมีน้อยที่สุด ครั้นหันมาพิจารณาทางเพศนักบวช ถ้าจะครองตนอยู่อย่างงูๆ ปลาๆ โดยไม่ถูกกิจของสมณเพศแล้วท่านก็ได้ว่าเป็นฆราวาสเสียดีกว่า แต่เมื่อคิดถึงประวัติของพระอริยเจ้าทั้งหลายในปางก่อน สมัยพุทธกาลผู้บวชเข้ามาล้วนแล้วแต่บวชเพื่อปฏิบัติตนให้พ้นไปจากวัฏทุกข์ ทั้งสิ้น ในที่สุดท่านจึงตัดสินใจศึกษาหาทางปฏิบัติต่อไป

    ๏ สมัยศึกษาทางปฏิบัติ
    ระหว่างเดือน 3 พระอาจารย์วัน ได้ไปบ้านม่วงไข่ คือบ้านที่ไปมอบตัวเป็นนาคครั้งแรก ท่านได้ไปชวนพระที่คุ้นเคยกันคือ พระบานิต สุรปญฺโญ (ต่อมาเป็นพระครูญาณวิจิตร) เพื่อออกไปเที่ยววิเวกเจริญสมณธรรม พระบานิตก็มีความยินดีด้วยทุกประการ หลายวันต่อมาพระบานิตก็ได้มาหาพระอาจารย์วัน ที่วัดป่าคามวาสี แล้วออกเดินทางไปด้วยกันแต่เพียง 2 รูป โดยไม่ยอมให้ใครติดตามไปด้วยเพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดความยุ่งยากในภายหลัง ดังนั้นจึงต้องเลือกผู้ที่มีอัธยาศัยเด็ดเดี่ยว อดทนต่อความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ที่จะเกิดเฉพาะหน้าทุกสภาวะ เนื่องจากเป็นการไปโดยไม่มีกำหนดกลับ ทั้งยังไม่กำหนดสถานที่ไปอันแน่นอนด้วย

    ครั้งแรกออกเดินทางไปพักที่ วัดโชติการาม บ้านประทุมวาปี วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำอภัยดำรงธรรมที่พระอาจารย์วัน สร้างขึ้นภายหลังมากนัก สมัยนั้นพระอาจารย์สีลา เทวมิตฺโต ซึ่งเคยอยู่ร่วมกันกับพระอาจารย์วันมาก่อน ได้ถามถึงที่ที่จะไป แต่ท่านก็บอกไม่ได้ พักที่วัดนั้น 1 คืน รุ่งเช้าฉันเสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปพักที่วัดธาตุฝุ่น บ้านคำเจริญ พักอยู่ที่นั้นได้ 3-4 คืนจึงปรึกษาทางที่จะไปข้างหน้ากับพระบานิตที่มาด้วยกัน แต่ระหว่างนั้นสงครามอินโดจีนตามชายแดนยังไม่สงบดี จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาพักที่วัดโชติการามอีก 1 คืน แล้วออกเดินทางไปแวะพักที่ภูลอมข้าว บ้านนาเชือก ในวันต่อมาลุถึงวัดป่าบ้านหนองผือ หรือปัจจุบันเรียกว่า วัดป่าภูริทัตถิราวาส ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ที่วัดนี้ ท่านพระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร เป็นประธาน พระแสง และสามเณรบุญจันทร์ พร้อมทั้งชาวบ้านทำลังทำสถานที่คอยรับท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งชาวบ้านบางส่วนกำลังไปรับท่านอยู่ และจะมาถึงในไม่กี่วันนี้ จึงนับเป็นโชคลาภอันยิ่งใหญ่ เพราะพระอาจารย์วัน ได้ตั้งประณิธานไว้ว่าจะพยายามถวายตัวเป็นอุปัฏฐากท่านเพื่อเป็นบุญนิธิแก่ ตน

    ปณิธานนี้ พระอาจารย์วัน ได้เคยปรารภกับเพื่อนพระภิกษุเป็นเวลาหลายปีล่วงมาแล้ว เมื่อพักช่วยทำงานอยู่ที่นั้นเป็นเวลา 3-4 คืน พระอาจารย์หลุย ได้ปรารภกับพระอาจารย์วันว่า สำหรับท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นนั้น เมื่อท่านไปพักสถานที่ใดถ้ามีพระมากท่านมักจะพักอยู่ไม่นานท่านพระอาจารย์ หลุย จึงบอกให้พระอาจารย์วัน และพระบานิต ที่มาใหม่ออกไปพักเสียที่อื่น เรื่องนี้จึงเป็นความผิดหวังของพระอาจารย์วัน และพระบานิตเป็นอย่างมาก รุ่งเช้าฉันเสร็จพระอาจารย์วัน กับพระบานิตจึงออกเดินทางไปพักที่บ้านนาใน เมื่อฉันจังหันเสร็จแล้วก็กลับไปช่วยงานท่านพระอาจารย์หลุย ทุกๆ วัน จนถึงวันที่ท่านพระอาจารย์มั่นมาถึง ครั้นท่านมาถึงแล้วก็ได้ไปฟังคำอบรมจากท่านเสมอ

    ต่อมาท่านพระอาจารย์ มั่น ได้รับฟังจากคณะอุบาสกอุบาสิกาว่าทางเจ้าคณะอำเภอพรรณานิคมเคยหวงห้ามไม่ให้ พระทางวัดป่าไปพักในวัดนั้น เรื่องนี้คล้ายๆ กับว่าบุญได้ช่วยพระอาจารย์วัน กับพระบานิต เพราะท่านพระอาจารย์มั่น ได้จัดให้ พระแสงและอุบาสกอีกคนหนึ่งชื่ออาจารย์เสนอไปรับเอาพระอาจารย์วัน และพระบานิต เข้าไปอยู่ด้วย พระอาจารย์วันก็ได้ถือนิสัยอาศัยอยู่กับท่านมาเรื่อย ๆ ต่อมาพระบานิตเป็นห่วงเรื่องการสอบนักธรรมจึงได้กลับไปบ้านม่วงไข่พระ อาจารย์วัน กับพระบานิต จึงจากกันตั้งแต่วันนั้น

    พ.ศ. 2488 พระอาจารย์วัน ได้อยู่จำพรรษาร่วมกับพระอาจารย์มั่น ที่วัดภูริทัตถิราวาส บ้านหนองผือ การอยู่ก็อยู่ด้วยการหวั่นวิตกในตนอยู่เสมอจนแทบหายใจไม่เต็มปอด เพราะความกลัวในท่านอาจารย์ใหญ่มีมากเหลือเกิน ไม่ทราบว่าท่านจะขับไล่ให้ออกจากสำนักของท่านในวันไหน เบื้องต้นพระอาจารย์วัน ต้องอาศัยคำแนะนำจากพระคำไพ สุสิกฺขิโต ซึ่งเป็นผู้ติดตามอุปัฏฐากท่านพระอาจารย์มั่นมาแต่บ้านห้วยแคนและพระอาจารย์ มนูในการทำข้อวัตรอุปัฏฐากครูบาอาจารย์นั้น พระอาจารย์วัน ได้เคยฝึกมาบ้างแล้วตั้งแต่ครั้งยังอยู่กับพระอาจารย์วังผู้เป็นอาจารย์ดั้ง เดิม แต่ถึงกระนั้นก็ยังงงอยู่มาก เพราะการปฏิบัติพระอาจารย์ผู้ใหญ่กับการปฏิบัติพระอาจารย์ผู้น้อยย่อมต่าง กันสำหรับพระอาจารย์ผู้ใหญ่ สิ่งที่จะพึงปฏิบัติต่อท่านมีมาก ต้องสังเกตไปศึกษาไป และอาศัยเพื่อนที่เคยอุปัฎฐากท่านมาก่อน ระหว่างก่อนเข้าพรรษา มีพระเณรเข้ามาหาท่านพระอาจารย์มั่นแทบทุกวัน เมื่อมารวมกันมากเข้า ท่านก็บอกให้ขยายออกไป เหตุการณ์เป็นอยู่อย่างนี้เสมอ

    วันหนึ่งเหตุการณ์ที่หวั่นวิตกได้เกิดขึ้นแก่พระอาจารย์วัน และพระภิกษุสามเณรอื่น ๆ กล่าวคือเมื่อท่านให้การอบรมแล้วท่านสั่งให้ขยายกันออกไป ไม่ควรอยู่รวมกันมากๆ เพราะไม่ได้ความวิเวกการบำเพ็ญเพียรก็ไม่สะดวก มาอยู่กันมากๆ ก็เหมือนกับหมู่แร้งหมู่กาที่อึงคนึงรุมกินซากสัตว์

    พอรุ่งเช้าฉันจังหันเสร็จท่านได้ถามพระอาจารย์หลุยว่า ใครบ้างจะออกไปวันนี้ พระอาจารย์หลุย ก็รายงานให้ท่านทราบว่าองค์นั้นๆ จะออกไปโดยมีรายชื่อพระอาจารย์วัน อยู่ด้วยองค์หนึ่ง ครั้งนี้ทำให้พระอาจารย์วัน เกือบสิ้นท่าเหมือนกัน เพราะพระอาจารย์วัน ก็ยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยกับพระอาจารย์หลุย ระหว่างนั้นพระคำไพได้ถูกออกไปแล้ว ได้พระอาจารย์เนตร กนฺตสีโล มาทำหน้าที่อุปัฏฐากแทน ขณะนั้นพระอาจารย์มั่นกำลังไปห้องน้ำอยู่ พระอาจารย์วัน จึงปรึกษากับพระอาจารย์เนตร ท่านให้ความเห็นว่า ควรกราบเรียนท่านอาจารย์ใหญ่ตามความประสงค์ของเรานั่นแหละดี เมื่อมีผู้ให้กำลังใจอย่างนี้ ถึงแม้ว่าพระอาจารย์วัน จะมีความสะทกสะท้านเกรงกลัวในท่านสักปานใดก็ต้องกล้าเพราะความจำเป็น

    ดัง นั้นเมื่อพระอาจารย์มั่นกลับออกมาจากห้องน้ำ นั่งลงบนอาสนะเรียบร้อยแล้ว พระอาจารย์วัน จึงเข้าไปกราบเรียนให้ท่านทราบถึงความจริงใจทุกประการ ท่านพระอาจารย์มั่นนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ตามใจของคุณ” เมื่อพระอาจารย์วันได้รับมธุรสอย่างนี้แล้วก็บังเกิดความปิติยินดีเป็นล้น พ้น ท่านมีความปลื้มใจอย่างสุดซึ้ง ไม่ผิดอะไรกับได้ถอนดาบที่เสียบแทงอยู่ที่อกออกได้ฉันนั้น

    วันหนึ่ง เวลากลางคืน พระอาจารย์วัน กับพระอาจารย์เนตร ได้เข้านวดถวายท่านพระอาจารย์มั่น การถวายการนวดได้ล่วงเลยเวลาไปจนถึงตี 3 ท่านพระอาจารย์มั่นจึงเข้าห้อง ท่านจะทดลองน้ำใจของพระอาจารย์วันหรืออย่างไรไม่ทราบ แต่พระอาจารย์วันก็มีความยินดีต่อการอุปัฏฐาก อย่างไรก็ดีในวันต่อมาก็เป็นการนวดธรรมดา คงแปลกไปแต่ดังกล่าวเพียงวันเดียวเท่านั้น

    ปีนั้น พระที่อยู่จำพรรษากับท่านพระอาจารย์มั่น ที่วัดป่าบ้านหนองผือ มีพระอาจารย์หลุย พระอาจารย์มนู พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน พระอาจารย์อ่อนสา พระอาจารย์เนตร กนฺตสีโล พระอาจารย์วัน อุตตโม สามเณรดวง และผ้าขาวเถิง เมื่อได้อธิษฐานพรรษาแล้วพระอาจารย์วัน เกิดความมั่นใจขึ้นมาเป็นอันมาก บรรดาพระที่จำพรรษาด้วยกันในปีนั้นพระอาจารย์วัน อุตฺตโม เป็นผู้มีอายุพรรษาน้อยกว่าเพื่อน ฉะนั้นพระอาจารย์วัน จึงต้องทำหน้าที่อย่างหนักทุกประการ คือ

    1. ทำข้อวัตรอุปัฏฐากพระอาจารย์มั่น เพื่อช่วยพระอาจารย์เนตรอีกแรงหนึ่ง
    2. รักษาความสะอาดและจัดแจงศาลาโรงฉัน
    3. ตักน้ำ
    4. ดูแลน้ำร้อน
    5. ควบคุมดูแลสิ่งของที่จะจัดถวายครูบาอาจารย์
    6. ต้อนรับแขกที่มาหาครูบาอาจารย์

    ภาระ ทั้งหลายเหล่านี้ถึงแม้ไม่ใช่เป็นภาระของพระอาจารย์วัน แต่ผู้เดียว แต่พระอาจารย์วัน ก็เป็นผู้รับทำมากกว่าเพื่อน โดยเฉพาะเรื่องการอยู่ปฏิบัติอุปัฏฐากพระอาจารย์มั่นนั้น พระอาจารย์วันได้อาศัยท่านพระอาจารย์มนู พระอาจารย์มหาบัว และพระอาจารย์เนตร เป็นผู้แนะนำอยู่ตลอดเวลาจึงไม่บังเกิดความผิดพลาด ซึ่งต่อมาต่างก็ได้อาศัยซึ่งกันและกันในภายหลัง

    ๏ ความหวังต่อการศึกษาอบรม
    พระ อาจารย์วัน ได้อบรมศึกษาจากท่านอาจารย์ใหญ่ ท่านตั้งใจศึกษาทุกวิถีทาง โดยตั้งใจประกอบความเพียรไปพร้อมๆ กันด้วย เคลือบแคลงสงสัยอะไร ไม่เข้าใจอะไร ก็ไต่ถามท่านเสมอมา ทำให้เกิดความเชื่อมั่น ความเลื่อมใสเพิ่มทวียิ่งขึ้น ทั้งยังเกิดความซาบซึ้งในใจอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นอันว่าความปรารถนาของพระอาจารย์วัน ที่ต้องการอยากอยู่ร่วมสำนักกับท่านอาจารย์ผู้ใหญ่และความหวังที่จะได้ อุปัฏฐากพระอาจารย์ใหญ่ก็ได้สมความปรารถนา แต่ภายในพรรษาต้องเป็นผู้ช่วยพระอาจารย์เนตรไปก่อนเพราะเป็นผู้มาใหม่ เมื่อออกพรรษาแล้วพระอาจารย์เนตรได้ลาไปวิเวกที่อื่น จึงได้มอบหน้าที่อุปัฏฐากให้พระอาจารย์วันทำแทน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พระอาจารย์วัน จะทำรูปเดียว เพราะการปฏิบัติอุปัฏฐากพระอาจารย์ใหญ่ต้องมีผู้ช่วยกันหลายรูป ส่วนการปฏิบัติทำอะไรบ้าง ผู้ปฏิบัติอุปัฎฐากควรวางตัวอย่างไร ทั้งทางด้านจิตใจ ทางกายทางวาจา และมารยาทอย่างอื่นๆ จะศึกษารายละเอียดได้จากปันทึกส่วนตัวซึ่งพระอาจารย์วัน ได้เขียนไว้อย่างละเอียดน่าสนใจศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

    การทำหน้าที่ อุปัฏฐากนั้นไม่ค่อยมีเวลาออกไปบำเพ็ญเพียรทางอื่น การหาตัวแทนก็ยากยิ่ง ฉะนั้นการผลัดเปลี่ยนหน้าที่อุปัฏฐากจึงต้องกราบเรียนให้ท่านทราบก่อนเมื่อ ท่านอนุญาตแล้วก็ต้องมอบหมายหน้าที่เป็นกิจจะลักษณะ เมื่อพระคำไพ สุสิกฺขิโต ที่เคยเป็นอุปัฏฐากมาก่อพระอาจารย์วัน ไปจำพรรษาที่อื่นกลับมา พระอาจารย์วัน ได้พูดตกลงกันเรียบร้อยแล้วจึงเข้าไปกราบเรียนท่านอาจารย์ใหญ่ในเรื่องการ ผลัดเปลี่ยนกันออกไปบำเพ็ญเพียร ท่านอาจารย์ใหญ่ก็ไม่ขัดข้อง

    พระ อาจารย์วัน จึงมอบหมายหน้าที่ต่างๆ ให้แล้วจึงเข้าไปทำขมาโทษกราบลาท่าน การออกไปครั้งนี้เป็นการไปเพื่อฝึกตนให้มีความกล้าหาญด้วยการพึ่งตนเอง จึงออกไปรูปเดียวโดยไปพักที่ราวป่าใกล้บ้านบัว ระหว่างที่พักอยู่ที่นั้น วันหนึ่งตอนหัวค่ำได้เดินจงกรมพอสมควรแล้วก็ขึ้นไปพักเพื่อนั่งสมาธิต่อ ปรากฏว่าท่านได้ปวดท้องอย่างหนักถึงขนาดท้องเดินอย่างแรงและอาเจียนไปด้วยใน ขณะเดียวกัน ถ่ายได้เพียง 3 ครั้ง เกิดหมดกำลัง ร่างกายมีเหงื่อออกโชกเปียกหมดทั้งตัว จึงพยายามรวบรวมสติระลึกถึงธรรม ว่าถึงคราวที่จะพึ่งตัวเองจริงๆ เพราะเพื่อนฝูงญาติโยมในที่นั้นไม่มีเลย ท่านได้หยิบยาขี้ผึ้งตราพระมาฉัน แต่ไม่ได้ผล จึงเอาเกลือที่เหลือจากฉันมะขามป้อม ที่เอามาจากท่านพระอาจารย์มหาบัว มาทดลองฉันดู ปรากฏว่าอาการถ่ายและอาเจียนได้หายไปอย่างปลิดทิ้ง ยังเหลืออยู่แต่ความอ่อนเพลียเท่านั้น รุ่งเช้าพอเข้าไปบิณฑบาตได้แต่ไม่บอกให้ผู้ใดรู้เลย

    วันต่อมาอีกเป็น เวลากลางวัน ขณะที่พระอาจารย์วัน เข้าไปเดินจงกรมอยู่ในป่าอันรกทึบ ไกลจากที่พักประมาณ 3 เส้น มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเคยมาใส่บาตรทุกวัน ได้ร้องรำเข้าไปสู่ที่พักของพระอาจารย์วัน และไปนั่งร้องรำฮัมเพลงเบาๆ อยู่ที่ฉันข้าวของท่าน พระอาจารย์วันได้รวบรวมสมาธิเพ่งดูทางจงกรมอยู่ที่เดียวแทบไม่หายใจ หญิงสาวคนนี้ร้องรำอยู่ ณ ที่พักของท่านเกือบชั่วโมง สังเกตถึงพฤติการณ์ของเธอแล้วย่อมเป็นไปในทางเกิดอันตรายแก่พรหมจรรย์ได้มาก แต่เพราะกำลังใจของท่านแน่วแน่กว่า ในที่สุดหญิงสาวผู้นั้นก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ

    เหตุการณ์ครั้งนั้น พระอาจารย์วัน อดภูมิใจในตัวเองไม่ได้ เพราะสามารถรักษาพรหมจรรย์ให้ผ่านพ้นจากอันตรายไปได้ตลอดรอดฝั่ง พุทธภาษิตที่ได้เล่าเรียนมาว่า อิตฺถี มลํ พฺรหฺมจริยสฺส ซึ่งแปลว่า หญิงเป็นมลทินแห่งพรหมจรรย์นั้น เป็นพุทธภาษิตที่ท่านตระหนักและยึดมั่นตลอดมาตราบชั่วอายุขัย

    เป็น อันว่าสมความตั้งใจในการออกไปวิเวกเพื่อฝึกความกล้าและพึ่งตนเอง หากเป็นพระที่ไม่มั่นคงคงเอาตัวไม่รอดอย่างแน่นอน เมื่อพระอาจารย์วัน พิจารณาดูแล้วเห็นว่าสถานที่นั้นเสี่ยงอันตรายมากจึงทนอยู่เพียง 9 คืน แล้วเดินทางต่อไป แต่หาที่ใดก็ไม่เหมาะจึงไปร่วมกับท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่ดงใกล้กับบ้านงิ้ว ต่อมาเมื่อใกล้วันวิสาขบูชา จึงได้เดินทางกลับวัดป่าบ้านหนองผือเพื่อเข้าปฏิบัติพระอาจารย์มั่นตามเดิม พระอาจารย์มั่น ได้ถามถึงการไปวิเวกของท่าน ท่านก็ได้กราบเรียนไปตามความเป็นจริง พระอาจารย์มั่น จึงให้กำลังใจ และให้โอวาทต่อไปว่า การเจริญอานาปาณสติก็เป็นทางที่ดีเหมือนกัน เพราะการเจริญกรรมฐานแต่ละอย่าง เมื่อจิตจะรวมลงเป็นสมาธินั้น ย่อมน้อมลงสู่คลองอานาปาณสติเสียก่อนจึงรวมลงเป็นสมาธิ พระอาจารย์ทั้งหลายได้กล่าวไว้ว่า “กรรมฐาน 40 ห้องเป็นน้องของอานาปาณะ” ดังนี้

    เรื่องการใช้กรรมฐานอะไรเป็นบริกรรม พระอาจารย์วัน ไม่ได้บอกท่านแต่ท่านรู้เรื่องภายในจิตใจของพระอาจารย์วันตลอด ดังนั้นการที่ได้อยู่ใกล้ชิดพระอาจารย์ที่สำคัญ จึงเป็นคุณประโยชน์แกลูกศิษย์เหลือที่จะพรรณนา

    ในปีต่อมา พระอาจารย์วัน ก็ได้กราบลาพระอาจารย์มั่นออกไปบำเพ็ญอีก ออกไปคราวนี้มีสามเณรเพ็งติดตามไปด้วย ไปพักเสนาสนะป่าใกล้บ้านห้วยบุ่น ตั้งใจว่า พักผ่อนเอากำลังสุขภาพพอสมควรแล้วก็จะเร่งความเพียรอย่างใจหวัง เมื่อไม่ได้อุปัฏฐากครูบาอาจารย์ภาระทุกอย่างก็มีน้อย ครั้นออกไปพักได้เพียงคืนที่ 7 ท่านก็ฝันว่าได้เข้าปฏิบัติพระอาจารย์มั่นเช่นเคยปฏิบัติมา ในฝันปรากฏว่าท่านนอนอยู่บนเตียงแห่งหนึ่งซึ่งมองดูแล้วท่านไม่ค่อยสบาย แต่ไม่ทราบว่าท่านอาพาธด้วยโรคอะไร เพราะตั้งแต่พระอาจารย์วันได้เข้าอยู่ใกล้ชิดท่านพระอาจารย์มั่น เวลานอนหลับไปทุกครั้งจะต้องฝันเกี่ยวกับท่านเสมอ ถ้าพระอาจารย์มั่นไม่สบายจะต้องฝันเกี่ยวถึงความไม่สบายของท่านทุกครั้ง ฉะนั้นคืนวันนั้น เมื่อพระอาจารย์วันตื่นนอนขึ้นแล้วจึงคิดวิตกอยู่ แต่ไม่พูดให้ใครฟัง

    พอฉันจังหันจวนจะเสร็จ โยมพุทธผู้อุปัฏฐากใกล้ชิดพระอาจารย์ใหญ่ พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ก็ไปถึง พระอาจารย์วันก็รีบถามด้วยความเป็นห่วงอยากจะทราบความเป็นไปของท่านอาจารย์ ใหญ่ โยมพุทธก็ตอบว่า ท่านทองคำเข้ามาบิณฑบาตถึงที่บ้านแจ้งให้กระผมตามครูบากลับไป ท่านอาจารย์ป่วยเมื่อคืนนี้ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร หนักเบาอย่างไรก็ไม่ทราบเพราะแกรีบร้อนเดินทางมา พอฉันเสร็จพระอาจารย์วัน ก็รีบเดินทางกลับไปหาท่านอาจารย์ใหญ่ เมื่อไปถึงแล้วเห็นอาการของท่านหนัก พระอาจารย์วันจึงตัดสินใจอยู่ปฏิบัติท่านต่อไป ได้จัดให้คนไปนำเอาบริขารจากที่พักมาให้ จึงไม่มีโอกาสออกไปวิเวกอีก

    พระ อาจารย์วัน ได้อยู่อุปัฏฐากพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต จนถึงวันมรณภาพและฌาปนกิจเสร็จ รวมเวลาที่ได้อยู่อุปัฏฐากจนถึงวันที่ท่านอาจารย์ใหญ่มรณภาพเป็นเวลา 5 ปี นับว่าได้อยู่อุปัฏฐากยาวนาน เพราะพระอาจารย์มั่นมักไม่ได้อยู่จำพรรษาในสถานที่ใดติดต่อกันนานนักเพราะ ท่านเป็นนักปฏิบัติ จึงเปลี่ยนสถานที่บำเพ็ญไปเรื่อยๆ

    พ.ศ. 2493 หลังจากทำฌาปนกิจ พระอาจารย์ใหญ่เสร็จแล้วท่านได้กลับไปจำพรรษาที่วัดภูริทัตถิราวาส หรือวัดป่าบ้านหนองผืออีกเพื่อสนองพระคุณของครูบาอาจารย์และฉลองศรัทธาของ ญาติโยมที่ได้สูญเสียร่มโพธิ์ร่มไทรที่เขาเคารพบูชาอย่างสูงสุด เมื่อออกพรรษาแล้ว พระอาจารย์วันก็ได้แสวงหาที่วิเวกไปในที่ต่างๆ ตามปฏิปทาของพระธุดงค์ เพราะการเที่ยวธุดงค์หรือออกวิเวกในสมัยนั้นยังไม่ลำบากนัก เนื่องจากบ้านเมืองยังมีความสงบ จะไปวิเวกในสถานที่ใด ภูเขาลูกไหนก็ยังไปได้ พอจวนจะเข้าพรรษาจึงแสวงหาที่จำพรรษาที่เห็นว่าเหมาะสมแก่การบำเพ็ญสมณธรรม สถานที่ดังกล่าวประกอบไปด้วยสัปปายะ 4 คือ

    1. บุคคลเป็นที่สบาย ไม่เป็นมิจฉาทิฐิ มีศรัทธาพอที่จะอาศัยบิณฑบาตได้ ใฝ่ใจในการประพฤติปฏิบัติ
    2. เสนาสนะที่อยู่อาศัยเป็นที่สบาย พออาศัยเป็นที่บำเพ็ญเพียรกันฝนบังแดดได้
    3. อาหารที่ชาวบ้านบริโภคเองและที่เขาถวายไม่เป็นของแสลงโรค คำว่า อาหารสัปปายะ มิได้หมายความว่า เป็นสถานที่มีอาหารเหลือเฟือ คือมีฉันพอเลี้ยงอัตภาพไปวันๆ เท่านั้น
    4. อากาศเป็นที่สบาย เพราะสถานที่บางแห่งในระหว่างฤดูฝน จะทำให้เกิดไข้ซึ่งจะเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการบำเพ็ญสมณธรรม

    พ.ศ. 2494 พระอาจารย์วัน จึงเปลี่ยนสถานที่ไปจำพรรษาที่วัดป่าพระสถิตย์ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
    พ.ศ. 2495 กลับมาจำพรรษาที่วัดป่าคามวาสี ซึ่งเป็นมาตุภูมิ ในระหว่างนั้นพระอาจารย์เทสก์หรือในปัจจุบันคือ พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ และหมู่คณะหลายรูปลงไปจำพรรษาที่ภาคใต้ พระอาจารย์วัน จึงติดตามลงไปด้วยเพราะมีความเคารพเลื่อมใสในพระอาจารย์เทสก์เป็นทุนเดิม อยู่แล้วโดยได้จำพรรษาที่วัดเหล่านี้คือ
    พ.ศ. 2496 จำพรรษาที่วัดราษฎร์โยธี บ้านโคกกลอย ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา
    พ.ศ. 2497 จำพรรษาที่วัดเจริญสมณกิจ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
    พ.ศ. 2498 จำพรรษาที่วัดเจริญสมณกิจ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
    พ.ศ. 2499 จำพรรษาที่วัดเจริญสมณกิจ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
    พ.ศ. 2500 จำพรรษาที่วัดเจริญสมณกิจ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

    พระ อาจารย์วัน คิดทบทวนถึงผลได้ผลเสีย ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่ที่ภูเก็ต-พังงา เป็นเวลา 5 พรรษา คิดเห็นว่าพุทธบริษัทอุบาสกอุบาสิกา เป็นผู้มีศรัทธา ให้ทานการบริจาคดี อุปถัมภ์บำรุงพระภิกษุสามเณรดี แต่มีผู้ออกบวชน้อยมาก ถึงออกบวชก็อยู่ได้ไม่นานเพราะติดข้องอยู่ในทรัพย์สมบัติ เนื่องจากสองจังหวัดดังกล่าวมีฐานะทางเศรษฐกิจดี การนิยมบวชจึงมีน้อย ขาดศาสนทายาทผู้สืบทอด โดยเฉพาะบุคคลในท้องถิ่น พูดถึงความดำรงมั่นของศาสนาก็คือผู้สืบทอดโดยเฉพาะนักบวช ถ้าขาดผู้บวชแล้วก็ทำให้ขาดบริษัทภายใน เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญในการเผยแพร่พระศาลนา และอีกเรื่องหนึ่งก็คือภูมิอากาศทางภาคใต้ ฤดูกาลไม่อำนวยในการออกรุกขมูล เพราะฝนตกบ่อย ขัดข้องในการที่พระจะออกไปวิเวก ไม่เหมือนทางภาคอีสานหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ซึ่งฤดูกาลต่างๆ แน่นอน พระอาจารย์วัน ดำริถึงเหตุ 2 ประการ ดังกล่าวแล้วจึงอำลาอุบาสกอุบาสิกาชาวภูเก็ต-พังงาที่อุปถัมภ์บำรุง เดินทางกลับมาตุภูมิ

    พระอาจารย์วันเดินทางจากภาคใต้ วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 ถึงวัดคามวาสี ตอนบ่าย4 โมงเศษ ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 พักอยู่ไม่นานพวกญาติใกล้ชิดได้มาปรารภถึงเรื่องทำบุญอุทิศให้แก่ผู้ตาย และรื้อบ้านมาทำกุฎีถวายวัดคามวาสี เสร็จแล้วไปพักที่วัดสุวรรณาราม (วัดพุฒารามปัจจุบัน)

    วันที่ 14 เมษายน เดินทางไปวิเวกที่ถ้ำตีนเป็ด พักอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 23 วัน ต่อมาทางญาติโยม บ้านดำตานา ได้อาราธนานิมนต์ให้ท่านไปจำพรรษาที่วัดสุวรรณาราม หรือวัดพุฒาราม ใน พ.ศ. 2501-2503 เนื่องจากพระอาจารย์วัน อยู่วัดที่เป็นพื้นราบไม่ค่อยสบายเกี่ยวกับสุขภาพ ท่านจึงดำริหาที่อยู่บนภูเขาหรือเชิงเขา ประจวบกับในขณะนั้นพระอาจารย์สีลา เทวมิตฺโต ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดโชติการาม บ้านหนองบัว-โพนสวาง มรณภาพลง เมื่อจัดการฌาปนกิจแล้วญาติโยมชาวบ้านหนองบัว-โพนสวาง ซึ่งมีกำนันตา แสงลี เป็นประธาน จึงนิมนต์ให้พระอาจารย์วัน ขึ้นไปเลือกดูสถานที่เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2503 ตรงกับแรม 2 ค่ำ เดือน 12

    พระ อาจารย์วัน พร้อมด้วยหลวงพ่อม่าน พระอาจารย์เต็ม หลวงพ่อใคร หลวงพ่ออุสาห์ พร้อมด้วยญาติโยมบ้านประทุมวาปี-โพนสวาง อีกบางคนได้ขึ้นไป เลือกดูสถานที่ ในที่สุดก็เห็นว่า บริเวณเหล่าสร้างแก้วเหมาะสมเป็นที่บำเพ็ญสมณธรรมกว่าแห่งอื่น พระอาจารย์วัน จึงได้ถามกำนันตาและชาวบ้านถึงเรื่องที่ดิน ได้รับแจ้งว่าเป็นที่ดินสงวนไว้เป็นที่พักสงฆ์ เรียกว่าหวายสะนอย โดยที่ดินบริเวณนี้เคยมีครูบาอาจารย์ฝ่ายกรรมฐานได้มาพักบำเพ็ญบ่อยๆ เช่น พระอาจารย์ขาว อนาลโย ก็เคยมาพักจำพรรษา เมื่อไม่มีความขัดข้องเรื่องที่ดิน พระอาจารย์วัน พร้อมด้วยหมู่คณะ 8 รูป จึงได้เตรียมบริขารขึ้นไปพักที่เหล่าสร้างแก้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2503 ตรงกับแรม 3 ค่ำ เดือน 12 โดยมีกำนันและชาวบ้านติดตามไปทำที่พักชั่วคราวให้ น่าสังเกตว่าอาณาบริเวณหวายสะนอยและภูถ้ำพวงเคยเป็นสถานที่ที่ พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล และพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เคยไปพักบำเพ็ญระหว่าง พ.ศ. 2465-2466 มาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นพระคุณท่านทั้งสองได้เทศนาอบรมให้ชาวบ้านเลิกการนับถือภูตผี ปีศาจมาจนกระทั่งปัจจุบัน

    สำหรับถ้ำอภัยดำรงธรรม ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ถ้ำพ่อคำพานั้นเป็นถ้ำเล็กๆ เมื่อพระอาจารย์วัน ไปพบเข้าก็เห็นว่าเป็นสถานที่เหมาะที่จะปรับปรุงต่อไปในอนาคต ปรึกษากำนันและชาวบ้านดูแล้วต่างก็เห็นชอบด้วย ท่านจึงเปลี่ยนชื่อถ้ำพ่อคำพาไปเป็นถ้ำอภัยดำรงธรรม ด้วยมูลเหตุ 2 ประการคือ

    1. พระอาจารย์วันอยู่ตามสถานที่เป็นพื้นราบมักไม่ค่อยสบายทางสุขภาพ ฉันยาก็ไม่ค่อยได้ผล ถ้าได้พักอยู่บนภูเขาที่มีอากาศปลอดโปร่งจะได้รับความผาสุกทางด้านสุขภาพ ยิ่งกว่า เมื่อพระอาจารย์วันดำริจะขึ้นไปอยู่บนภูเขา ทางฝ่ายบริหารการคณะสงฆ์ก็ไม่ขัดข้องให้อภัย และทางฝ่ายบ้านเมืองก็ไม่ชัดข้องให้อภัย
    2. สถานที่ดังกล่าวมีสัตว์ป่าหลายจำพวก ซึ่งเป็นธรรมดาของพระต้องเจริญเมตตาต่อสัตว์ทุกชีวิต ไม่เลือกว่ามนุษย์หรือสัตว์ดิรัจฉาน พระอาจารย์วัน จึงบอกกล่าวไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณสถานแห่งนี้ เป็นการให้อภัยแก่ชีวิตสัตว์ และตั้งชื่อถ้ำเสียใหม่ว่า “ถ้ำอภัย” และอีกประการหนึ่งท่านดำริด้วยว่าหากอำนาจแห่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระ พุทธเจ้าเข้าไปประดิษฐานอยู่ในจิตของสรรพสัตว์แล้วโลกนี้ย่อมจะมีแต่ความร่ม เย็นเป็นสุขชั่วนิรันดร์ พระอาจารย์วัน จึงเพิ่มคำว่า “ดำรงธรรม” ต่อท้ายรวมกันเข้าเป็น “ถ้ำอภัยดำรงธรรม” แต่คนส่วนมากชอบเรียกตามนิยมว่า วัดดอย เพราะอยู่บนภูเขา พูดถึงความต่อเนื่องของสถานที่ ถ้ำอภัยดำรงธรรม อยู่ในเขตหวายสะนอยๆ อยู่ในเขตถ้ำพวงๆ อยู่ในอาณาบริเวณของภูเหล็ก และภูเหล็กรวมอยู่ในเทือกเขาแห่งภูพาน

    ๏ ความมุ่งหมายในการมาอยู่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม
    พระอาจารย์วัน ได้บันทึกไว้ในประวัติวัดถ้ำอภัยดำรงธรรมว่า การที่ท่านตัดสินใจมาอยู่ที่ถ้ำนี้มีความมุ่งหมาย 4 ประการ คือ

    1. เพื่อรักษาสุขภาพ เนื่องจากสุขภาพของท่านไม่ปกติดี สู้ภาระหนักไม่ไหว และสู้กับดินฟ้าอากาศในบางแห่งไม่ได้ เคยรักษาด้วยการเปลี่ยนสถานที่บ้าง ปรากฏว่าได้รับความผาสุกจากการอยู่บนภูเขา เมื่อพักอยู่บนภูเขาแต่ละครั้งนั้นยาก็เกิดมีคุณภาพและมีคุณแก่สุขภาพขึ้น อาหารก็ฉันได้ เรี่ยวแรงก็ดีขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นท่านจึงแสวงหาที่พักบนภูเขาเพื่อจะรักษาสุขภาพให้เป็นไปตามกรรมวิบาก ของตน
    2. เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เนื่องด้วยผู้เป็นนักบวชในพระพุทธศาสนาต้องบำเพ็ญธุระ 2 ประการคือต้องศึกษาเล่าเรียนท่องบ่นจดจำพระปริยัติธรรม และบอกสอนผู้อื่นเรียกว่า คันถธุระ เมื่อศึกษาพอประมาณแล้วตั้งใจบำเพ็ญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานเรียกว่า วิปัสสนาธุระ แต่สำหรับผู้ประสงค์จะบำเพ็ญทางด้านวิปัสสนาธุระนั้น ตามแบบอย่างของพระโยคาวจรเจ้าในปางก่อน ต้องแสวงหาสถานที่อันสงัดวิเวกปราศจากความคลุกคลีด้วยหมู่คณะและฝูงชนทั้ง หลาย เป็นสถานที่เปล่าเปลี่ยวไม่มีการพลุกพล่านไปมาแห่งฝูงชน ไม่อื้ออึงคะนึงเซ็งแช่ไปด้วยเสียงมนุษย์ มีธุระการงานพอประมาณจึงจักยังสมถวิปัสสนาให้เกิดขึ้นในจิตได้ และจักยังคุณธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปไม่เสื่อมถอย ฉะนั้น พระอาจารย์วันจึงเลือกเอาสถานที่นี้เป็นสถานที่บำเพ็ญประโยชน์ส่วนตัวในด้าน วิปัสสนาธุระ
    3. เพื่อประโยชน์ของหมู่คณะ เมื่อท่านปฏิบัติตัวของตนไปในปฏิปทาใด ก็ได้อบรมสั่งสอนหมู่คณะให้ดำเนินรอยในปฏิปทานั้น ประโยชน์ที่จะพึงได้ย่อมอยู่ที่ตัวบุคคลแต่ละคนเท่าที่จะสามารถปฏิบัติได้ แต่สถานที่นี้ แต่ก่อนเป็นสถานที่เปล่าเปลี่ยว ห่างจากหมู่บ้านมากประมาณ 4 กิโลเมตร ที่มาอาศัยอยู่จะต้องต้องสู้กับความลำบากหลายประการ ความสามารถก็ดี ความอดทนก็ดีความเพียรก็ดี ความขยันก็ดี ย่อมเกิดมีขึ้นโดยธรรมชาติบังคับ อาศัยสิ่งแวดล้อมช่วยเหลือธรรมะปฏิบัติของแต่ละบุคคล ประโยชน์จึงเป็นของพลอยได้เอง พระอาจารย์วันมีความเห็นด้วยว่าคนเราจะดีได้เพราะการสร้างความดี มิใช่จะเกิดดีด้วยการเสกสรรหรือการนึกน้อมปรารถนาเอาเอง
    4. เพื่อประโยชน์แก่ประชาชน คนไทยถือว่าวัดเป็นจุดเด่นของบ้านเมือง ตั้งแต่สมัยโบราณมาตลอดถึงปัจจุบัน ชอบสร้างวัดขึ้นไว้เป็นคู่บ้านเมือง เช่นในกรุงเทพมหานครเป็นอาทิ ซึ่งมีวัดพระแก้วเป็นจุดเด่น สามารถอวดแขกต่างประเทศได้ และวัดยังเป็นแหล่งแห่งวัฒนธรรม ศิลปกรรม วรรณกรรม ตลอดถึงขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีที่ดีงามของพลเมือง ประชาชนคนไทยเคยได้รับความอุปการะจากวัดมาแล้วโดยลำดับ จึงเจริญวัฒนาก้าวหน้ามาได้ เช่นการศึกษาหนังสือไทยเป็นต้น

    ใน เบื้องต้นได้ถือเอาวัดเป็นจุดแรกแห่งการขยายการศึกษาออกไปต่างจังหวัดจนถึง ชนบท โดยมีพระเป็นผู้นำ ฝ่ายบ้านเมืองเป็นผู้รับรองและสนับสนุนให้ความอุปถัมภ์ เพราะฉะนั้นคนไทยจึงนิยมสร้างวัดไว้เป็นเกียรติของบ้านเมือง เมื่อสร้างวัดจึงนิยมสร้างให้เด่นสะดุดตาเท่าที่สามารถจะให้เด่นได้ถึงกับ สร้างวัดไว้บนภูเขาเพื่อความเด่นนั้นเอง เช่นจังหวัดเพชรบุรีเป็นต้น เท่าที่พระอาจารย์วันมาตกแต่งสถานที่นี้ขึ้นไว้ในรูปลักษณะของวัดก็เพื่อให้ เป็นจุดเด่นประดับเกียรติท้องถิ่นนี้ ชาวอำเภอสว่างแผ่นดินก็จะได้เป็นผู้มีเกียรติเท่าเทียมกับจังหวัดอื่น ที่เขามีมาก่อนแล้วจะเป็นอำเภอที่ไม่ด้อยกว่าเขาในอนาคตนอกจากนั้น ท่านยังดำริจะให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อบรมศีลธรรมโดยเฉพาะอีกด้วย เพื่อให้ผู้สนใจต่อการอบรมเป็นกัลยาณชนต่อไป

    พ.ศ. 2504 เป็นปีแรกที่พระอาจารย์วันขึ้นมาจำพรรษาที่ถ้ำอภัยดำรงธรรม มีพระภิกษุ 7 รูปสามเณร 3 รูป เสนาสนะที่อยู่อาศัยก็ทำขึ้นไว้เพียงชั่วคราว ปรากฏว่าการอยู่จำพรรษาปีนั้นท่านถูกไข้ป่าเล่นงานอย่างหนัก เพราะในยุคนั้นไข้มาเลเรียยังมีชุมมาก ต่อมาได้ทำบริเวณให้โล่งเตียนขึ้นบ้าง ไข้ป่าก็ลดน้อยลงตามลำดับ

    พระ อาจารย์วันได้อยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรมติดต่อกันเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504-2517 ก็ได้รับความวิเวกดีในระยะสั้นเพราะการไปมาไม่สะดวกผู้ที่จะเดินทางมาหาต้อง เป็นผู้ที่เคารพเลื่อมใสจริงๆ พระเณรที่จะมาอยู่ด้วยก็ต้องเป็นผู้ที่อดทนต่อสู้กับความลำบากหลายด้าน จึงเป็นสถานที่สำหรับคัดเลือกคนและคัดเลือกพระเณรที่จะเข้ามาหาโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังเป็นความลำบากแก่ตัวพระอาจารย์วันเองด้วย เพราะต้องเดินทางไกลเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร บางแห่งต้องเดินทางถึง 10 กิโลเมตร 20 กิโลเมตรเพื่อไปฉลองศรัทธาญาติโยมที่เขามานิมนต์ ระยะต่อมาทางการได้ตัดทาง ร.พ.ช.สายหนองหลวง-คำบิด ซึ่งเส้นทางสายนี้ห่างจากวัดถ้ำดำรงธรรม ประมาณ 7 กิโลเมตร ภายหลังพระอาจารย์วันจึงคิดตัดถนนจากวัดออกมาบรรจบทางของ ร.พ.ช. เพื่อสะดวกในการไปมา

    เมื่อทางวัดออกมาได้สะดวกประชาชนจึงเข้าไปรับ การอบรมธรรมะมากขึ้นตามลำดับ มีประชาชนจากใกล้และไกลเข้าไปนมัสการพระอาจารย์วัน จนกระทั่งเป็นที่เพ่งเล็งจากบุคคลหลายฝ่าย โดยเฉพาะเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 เป็นต้นมา เมื่อลัทธิการเมืองฝ่ายตรงข้ามเริ่มขยายตัว ท่านก็ยิ่งถูกเพ่งมองจากบุคคลหลายฝ่ายมากยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลบางคนก็เพ่งมองท่านว่าเป็นแหล่งส่งกำลังบำรุงให้พวก ป่า ทางพวกป่าก็จับตามองว่าท่านเป็นสายสืบให้ทางราชการ โดยที่ท่านอาจารย์วันก็ปฏิบัติตนตามปกติ ตามพระธรรมวินัย ตามประเพณีของพระธุดงคกรรมฐาน ไม่มีความฝักใฝ่ในทางใดทางหนึ่ง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของพระที่จะทำเช่นนั้น พระเจ้าพระสงฆ์จะทรงตัวอยู่ได้ก็ต้องอาศัยชาวบ้านเป็นผู้อุปถัมภ์ด้วยความ เคารพ บูชา เพราะการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของพระสงฆ์

    ข่าวเรื่องการ เพ่งมองและการปองร้ายนี้ ทำให้พวกญาติและสานุศิษย์ทั้งฝ่ายพระสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกาคิดจะนิมนต์ให้ ท่านลงจากวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม ไปอยู่ที่บ้านคำตานา วัดพุฒาราม ซึ่งท่านเคยอยู่จำพรรษาก่อนที่จะขึ้นมาอยู่ที่ถ้ำอภัยดำรงธรรมแต่ท่านปฏิเสธ เพราะเชื่อเรื่องกรรมดีกรรมชั่ว และเรื่องความตายก็ไม่มีใครจะหลบหลีกได้ จะอยู่ในน้ำ บนบก บนอากาศ หรือในซอกเขาที่ไหนก็ตาม มัจจุราชย่อมตามทันเสมอ

    อีก เรื่องหนึ่งที่เป็นข่าวใหญ่ก็คือเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2513 พระอาจารย์วันได้รับนิมนต์ให้ไปเจริญูพระพุทธมนต์เนื่องในงานแต่งงานที่บ้าน ส่องดาว ตำบลส่องดาว กิ่งอำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ธรรมเนียมของประชาชนในถิ่นนั้นมักนิยมอาราธนานิมนต์พระไปเจริญพระพุทธมนต์ และฟังพระธรรมเทศนาในตอนเย็นด้วย

    ตอนเช้าของวันใหม่ ทางเจ้าภาพได้ถวายอาหารบิณฑบาตท่านพระอาจารย์วัน พร้อมด้วยพระสงฆ์และสามเณรรวม 7 รูป หลังจากเจริญพระพุทธมนต์เสร็จก็มีการแสดงพระธรรมเทศนา กว่าจะออกจากบ้านงานกลับวัดก็มืดค่ำ ซ้ำยังต้องเดินเท้าไปตามถนน ร.พ.ช. ซึ่งตัดผ่านทุ่งนาจากหมู่บ้านส่องดาวผ่านไปข้างวัดโนนสะอาด พอเดินมาได้ประมาณ 4-5 เส้นจากหมู่บ้านก็โดนยิงจากทหารด้วยปืนเอ็ม 16 แต่พระอาจารย์วันและหมู่คณะก็ยังคงเดินกลับมาตามปรกติโดยไม่ได้ใส่ใจว่าเขา ยิงคณะของท่านหรือยิงใคร เพราะในยุคนั้นเขตกิ่งอำเภอส่องดาวอยู่ในภาวะที่ทางการห้ามประชาชนออกนอก บ้านในเวลาค่ำคืน ทางราชการได้ส่งทหารกองร้อยเคลื่อนที่ไปลาดตะเวน จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่ความผิดของฝ่ายทหารที่ยิง เพราะทางราชการได้ประกาศห้ามไว้แล้ว แต่ก็เป็นความจำเป็นที่พระสงฆ์จะต้องกลับวัดหลังจากเสร็จพิธี เหตุการณ์เรื่องนี้พระอาจารย์วัน ผู้เป็นหัวหน้าก็ไม่ติดใจร้องเรียนต่อทางการแต่อย่างไร และภายหลังผู้บังคับบัญชาทหารก็ได้ไปขอขมาโทษ

    พ.ศ. 2518 พระอาจารย์วันได้ไปจำพรรษาที่วัดปาบ้านใหม่ท่าขันทอง ตำบลแชว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และในวันที่ 13 ตุลาคม ของปีนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ได้เสด็จไปเยี่ยมพระอาจารย์วัน ที่ถ้ำพวง ภูผาเหล็ก อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เพื่อทรงสนทนาธรรมะเป็นการส่วนพระองค์และทรงเยี่ยมประชาชนในถิ่นนั้นด้วย หลังจากออกพรรษาแล้ว พระอาจารย์วันจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรมตามเดิม

    พ.ศ. 2519 ได้มีลูกศิษย์ไปที่วัดของท่าน เพื่อทาบทามให้ท่านรับสมณศักดิ์ ท่านก็ได้ชี้แจงความเหมาะสม ไม่เหมาะสมให้ฟังว่า ท่านเองเป็นพระป่า ไม่เหมาะสมกับยศศักดิ์ที่สูงส่งเช่นนั้นท่านจึงปฏิเสธ

    พ.ศ. 2520 วันที่ 5 ธันวาคม องค์พระประมุขทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งพระอาจารย์วัน อุตฺตโม เป็นพระราชาคณะที่ พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร เป็นกรณีพิเศษ โดยที่ท่านไม่รู้ตัวมาก่อน แต่ท่านก็ต้องยอมรับเพราะพระสงฆ์ก็อยู่ภายใต้บรมโพธิสมภารของพระองค์ และพระองค์ก็ทรงเป็นศาสนูปถัมภกด้วย

    พ.ศ. 2521-2522 พระอุดมสังวรวิสุทธิเถรหรือพระอาจารย์วัน ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรมอย่างปรกติสุข

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๓ เดือนเมษายน พระอาจารย์วัน อุตฺตโม ได้รับอาราธนาจากทางสำนักพระราชวัง กรุงเทพฯ พร้อมด้วยพระคณาจารย์อื่นๆ อีกจำนวน ๔ รูป คือ
    หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม, พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร และพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม พระคณาจารย์ทั้งหมดจึงได้ไปรวมกันที่จังหวัดอุดรธานีเพื่อขึ้นเครื่องบิน เพราะลูกศิษย์ลูกหาต้องการถวายความสะดวกและเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง โดยได้ขึ้นเครื่องบินที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓

    ครั้น เมื่อเครื่องบินมาถึงท้องนาทุ่งรังสิต เขตหมู่ที่ ๔ ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เหลือระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตรเศษ เครื่องบินได้ตั้งลำและลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงสู่สนาม แต่เนื่องจากเครื่องบินได้ประสบพายุหมุนและประกอบกับฝนตกหนัก จึงเสียหลักตกลงที่ท้องนาทุ่งรังสิต พระอาจารย์วันและคณะจึงได้ถึงแก่มรณภาพ พร้อมด้วยผู้โดยสารอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ นาฬิกา

    ผู้ โดยสารที่รอดชีวิตเป็นผู้ที่นั่งทางส่วนหางของเครื่องบิน เพราะส่วนหางของเครื่องบินยังอยู่ในสภาพดี เมื่อพระอาจารย์วันและคณะได้ถึงแก่มรณภาพแล้ว มีการนำศพไปตกแต่งบาดแผลที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช แล้วนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ โดยอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้ง ๗ วัน วันแรกพระราชทานหีบทองทึบ วันต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งให้เปลี่ยนใหม่เพราะทรงเห็นว่าไม่สวยงาม จึงได้เปลี่ยนเป็นหีบลายทอง

    หลังจาก ๗ วันแล้ว ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทรงเป็นเจ้าภาพ และในวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ คณะรัฐบาลซึ่งมีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะศิษยานุศิษย์ของพระคณาจารย์ที่มรณภาพดังกล่าวซึ่งอยู่ใน กรุงเทพฯ เป็นเจ้าภาพ นับว่าเป็นเกียรติประวัติแก่พระอาจารย์วันและคณะที่จากไปอย่างยิ่งยวด ยังความปลื้มปิติยินดีแก่ญาติพี่น้อง เพื่อนสหธรรมิก คณะศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือของพระอาจารย์วันและคณะอย่างหาที่สุดมิได้

    เมื่อ ครบกำหนดการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายที่วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร เขตบางเขน แล้วก็ได้อัญเชิญศพพระอาจารย์วันและพระคณาจารย์อื่นๆ อีกจำนวน ๔ รูป กลับไปสู่ยังวัดเดิมของแต่ละท่าน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หัวหน้าแผนกพระราชพิธีเป็นผู้ดูแลโดยตลอด

    สำหรับรถยนต์ที่เชิญศพ พระคณาจารย์ต่างๆ คุณหมอปัญญา ส่งสัมพันธ์ แห่งโรงพยาบาลแพทย์ปัญญา เป็นผู้จัดหา และได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลต่างๆ เป็นอย่างดียิ่ง

    ต่อ มาเมื่อวันพุธที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๓ เวลา ๐๔.๐๐ นาฬิกา ขบวนรถเชิญศพได้เคลื่อนออกจากวัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร เขตบางเขน โดยมีรถตำรวจทางหลวงนำขบวน ถัดมาเป็นรถหลวง รถพระอาจารย์สมชาย ฐิติวิริโย และรถเชิญศพพระอาจารย์วันและคณะ ตามลำดับ เมื่อเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ นาฬิกาเศษ ขบวนรถเชิญศพได้มาถึงยังจังหวัดนครราชสีมา มีคณะพระภิกษุ-สามเณรโดยการนำของ พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระชินวงศาจารย์ และ พระเทพสุทธาจารย์ (หลวงปู่โชติ คุณสมฺปนฺโน) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูคุณสารสัมปัน พร้อมด้วยอุบาสก-อุบาสิกา ได้นำข้าวห่อมาต้อนรับคณะเชิญศพและมาเคารพศพกันเป็นจำนวนมาก

    หลัง จากพระฉันอาหารและเจ้าหน้าที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ขบวนรถเชิญศพได้ออกเดินทางต่อไปถึงวัดโพธิสมภรณ์ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อเวลา ๑๒.๓๐ นาฬิกา ทางวัดโพธิสมภรณ์และชาวอุดรธานีได้จัดต้อนรับเป็นอย่างดี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีได้นำประชาชนหลายจังหวัดมารอเคารพศพ ซึ่งแล้วเสร็จเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ นาฬิกาเศษ รถเชิญศพจึงได้แยกย้ายกันไปยังวัดต่างๆ สำหรับศพพระอาจารย์วันก็ได้ไปถึงวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) นับว่าการเชิญศพถึงวัดได้รับความสะดวกสบายปลอดภัยทุกประการ

    เมื่อ เชิญศพไปถึงวัดแล้วได้ตั้งบำเพ็ญกุศล อุทิศถวาย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นเจ้าภาพ ต่อจากนั้นก็มีหน่วยงานต่างๆ รับเป็นเจ้าภาพติดต่อมาอีกหลายรายประชาชนทั้งใกล้และไกลได้มาคารวะศพและเป็น เจ้าภาพสวดพระอภิธรรมจนถึงปัญญาสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) โดยอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ไปเป็นประธาน นับว่าเป็นมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ หลังจาก 100 วันแล้วก็ยังเปิดให้ประชาชนได้บำเพ็ญกุศลเรื่อยมาเพื่อสนองความต้องการของ ประชาชน

    วันที่ 13 พฤศจิกายน 2523 เวลาประมาณ 18.00 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมคารวะศพและทรงเยี่ยมประชาชนที่มาถวายการต้อน รับ ที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อำเภอส่องดาว เป็นการส่วนพระองค์

    วันที่ 25 พฤษภาคม 2523 เวลาประมาณ 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จเยี่ยมคารวะศพ ทรงวางพวงมาลาและทรงจัดดอกไม้ถวายเป็นการส่วนพระองค์
    พระอาจารย์วัน อุตฺตโม ได้มรณภาพเมื่อสิริรวมอายุได้ ๕๖ ปี พรรษา ๓๖ โดยท่านได้มรณภาพลงพร้อมกันกับพระคณาจารย์อื่นๆ อีกจำนวน ๔ รูป ท่าม กลางความเศร้าสลดอาลัยของคณะสงฆ์ เพื่อนสหธรรมิก คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นยิ่งนัก ที่ต้องสูญเสียครูบาอาจารย์พระป่ากรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ไปพร้อมกันทีเดียวถึง ๕ รูปด้วยกัน ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียของวงการสงฆ์ครั้งใหญ่มากอีกครั้งหนึ่งของเมืองไทย

    ๏ ปฏิปทาพระอาจารย์วัน
    พระ อาจารย์วัน เป็นผู้ที่โชคดีมากในการเข้ามาสู่พระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า เพราะก่อนจะออกบรรพชาเป็นสามเณรก็มียายออกบวชเป็นชีอยู่ก่อนแล้วในสำนัก ปฏิบัติ เมื่อท่านออกบรรพซาก็ไปอยู่ในสำนักที่ยายบวชอยู่ และได้รับการอบรมในทางปฏิบัติตั้งแต่เริ่มแรกก่อนที่จะไปรับการศึกษานักธรรม และบาลี ในขณะที่เรียนนักธรรมและบาลีก็อยู่ในสำนักปฏิบัติ แต่เพิ่มการเรียนเข้ามาเท่านั้น เพื่ออนุวัตตามทางการคณะสงฆ์เพราะฉะนั้นท่านจึงยึดมั่นในหลักปฏิบัติมาโดย ตลอด และได้เข้าศึกษาอบรมจากครูบาอาจารย์ที่สำคัญๆ ในสายปฏิบัติเช่น พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล พระอาจารย์พรหม จิรปุญฺโญ พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต และอาจารย์องค์สำคัญอื่นอีกเป็นอันมาก

    พระ อาจารย์วัน จึงได้ยึดแนวทางในการปฏิบัติมาโดยตลอดของชีวิตพรหมจรรย์ พูดถึงอุปนิสัยท่านเป็นผู้ที่พูดน้อยแต่พูดจริงทำจริง อ่อนน้อมต่อผู้ที่มีอายุพรรษามากกว่า.เป็นผู้ที่หนักในคารวะ ชอบความเป็นระเบียบ ให้ความอนุเคราะห์แก่สหธรรมิกที่อ่อนกว่า การวางตัวของท่านเสมอต้นเสมอปลายจึงได้รับคำยกย่องสรรเสริญจากพระเถระ ผู้ใหญ่ และเป็นที่เคารพนับลือของผู้น้อย ผู้ที่ได้เคยอยู่ร่วมสำนักหรือคบหาสมาคมกับท่านทุกคนคงทราบดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอาจารย์วันเป็นผู้ที่ฝึกตนได้ดี เรียบร้อยงดงามในทุกอิริยาบถ ทั้งยืนเดิน นั่ง นอน มีผู้วิจารณ์ว่า ท่านพระอาจารย์วันเป็นผู้ที่พอดี ไม่ช้า ไม่เร็ว พอเหมาะเสมอในทุกโอกาส

    กล่าว ถึงทางวาจา ไม่เคยได้ยินท่านใช้คำพูดที่เป็น ผรุสวาจา เมื่อลูกศิษย์ทำผิดหรือล่วงเกินในบางกรณีก็ไม่ใช้คำด่า แต่เป็นคำเทศน์ให้สติ และผู้ที่ถูกเทศน์ก็มีความกลัว จนบางคนถึงกับตัวลั่น ลักษณะของท่านพระอาจารย์วันลูกศิษย์ฝ่ายบรรพชิตก็ดี ญาติโยมที่อยู่ใกล้ชิดก็ดูจะมีความเคารพนับถือ เกรงกลัวท่านมากกว่าผู้ที่อยู่ห่าง มิใช่กลัวถูกด่า แต่กลัวในลักษณะที่ยำเกรง เพราะความเคารพในตัวท่าน

    พระอาจารย์วัน เป็นผู้ที่ทำตัวของท่านให้เป็นตัวอย่างที่ดี แก่ศิษย์หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นผู้ที่ “ทำให้ดูมากกว่าบอกให้ทำ” จึงเป็นที่เคารพรักของศิษย์ทั่วไป
    กิจวัตรส่วนตัวของท่าน ที่ท่านถือปฏิบัติเมื่อเวลาประจำอยู่ที่วัดคือ

    1. พอสว่างเข้าสู่ทางเดินจงกรมเมื่อเวลา 6.00 น.
    2. ลงไปศาลาการเปรียญทำกิจวัตรและออกบิณฑบาต เวลา 7.00 น.
    3. ฉันเสร็จเรียบร้อยขึ้นกุฏิทำความเพียรจนถึง เวลา 12.00 น.
    4. พักผ่อนจนถึง เวลา 14.00 น
    5. ทำความเพียรจนถึง เวลา 16.00 น.
    จากเวลา 16.00 น. เป็นต้นไปเป็นเวลาที่รับแขกและทำกิจอย่างอื่น เช่น กวาดลานวัด และทำการงานด้านอื่นๆ ภายในวัด
    6. อบรมพระภิกษุสามเณร เวลา 19.00 น.
    7. พักผ่อนร่างกาย เวลา 22.00 น
    8. ตื่นนอน เวลา 2.00 น. แล้วทำความเพียร
    กิจวัตร ส่วนตัวดังกล่าว ในสมัยที่ท่านขึ้นไปอยู่ล้ำอภัยดำรงธรรมตอนต้นๆ รู้สึกว่าสะดวกสบายดีเพราะประชาชนยังไปมาหาสู่ไม่มากนัก ต่อมาเมื่อมีประชาชนไปหามากจึงทำให้เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามเหตุการณ์ แต่เรื่องการนอนท่านเคยฝึกมาแล้วสมัยที่ท่านปฏิบัติท่านพระอาจารย์มั่น ท่านบันทึกไว้ว่า พักผ่อนคืนหนึ่งอย่างมากที่สุดไม่เกิน 4 ชั่วโมง

    ๏ ปฏิปทาทางมักน้อยสันโดษ
    พระ อาจารย์วัน เป็นผู้ที่มีอัธยาศัยไม่มักใหญ่ใฝ่สูงมาตั้งแต่เป็นสามเณร ตามที่ท่านบันทึกไว้ จะเห็นได้ว่าท่านมีความตั้งใจจะอุปสมบทเป็นพระก็ต่อเมื่อมีอายุ 25-26 ปี คือต้องการเป็นผู้มีอายุพรรษาน้อยกว่าเพื่อนพระภิกษุที่มีอายุรุ่นเดียวกัน แต่เหตุการณ์ก็ไม่เป็นไปดั่งคิด การสะสมลาภสักการะก็ไม่มี มีแต่การเฉลี่ยอนุเคราะห์เพื่อนสหธรรมิก ถ้ามีผู้บริจาคเป็นการส่วนตัวก็ได้อนุเคราะห์ไปยังวัดต่างๆ ที่ขาดแคลน แต่ท่านอนุเคราะห์ไปมากก็มีผู้ถวายมาก เข้าในลักษณะที่ว่า มีทางไหลเข้า ก็มีทางไหลออก พระอาจารย์วัน จึงไม่มีสมบัติอะไรนอกจากสมณบริขาร บางท่านอาจจะเข้าใจว่า พระอาจารย์วันเป็นพระที่ร่ำรวย จะว่ารวยก็ถูกอยู่เหมือนกัน เพียงแต่รวยในทางสงเคราะห์ จนบางทีไม่มีอะไรจะให้ เพราะฉะนั้นอะไรจะมีเหลือ เพราะไม่ได้สะสม

    ปฏิปทาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความอดทน ไม่เคยได้ยินท่านบ่นว่าร้อนมาก หนาวมาก ท่านคงคิดว่าพูดออกไปแล้วก็ไม่ทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงได้กระมังจึงเงียบ เลีย และคำว่าเหนื่อยมาก หิวมาก กระหายมาก ก็ไม่เคยได้ยิน ท่านคงคิดในลักษณะที่ว่า พูดไปแล้วก็คงไม่หายเหนื่อย พูดไปแล้วคงไม่หายหิวหายกระหาย นอกจากจะพักผ่อนเพื่อบรรเทาความเหนื่อย และรับประทานเสีย หรือ ดื่มเสียเพื่อแก้หิว แก้กระหาย และเวลาพระเณรถวายการนวดหรือจับเส้นก็ไม่เคยได้ยินท่านบ่นว่า นวดหนักไปหรือเบาไป มีแต่ถึงเวลาสมควรก็บอกให้เลิก นับว่าท่านเป็นผู้ที่อดได้และทนได้จริงๆ

    สำหรับ ปฏิปทาที่เป็นส่วนภายในท่านก็ไม่เคยนำมาเล่า นอกจากผู้เป็นศิษย์จะเรียนถามเมื่อมีความขัดข้องทางภาวนา หรือเวลาท่านแสดงธรรม ผู้เขียนไม่สามารถที่จะอาจเอื้อมนำมาเขียนว่า ท่านพระอาจารย์วัน มีคุณธรรมอย่างนั้นอย่างนี้เพราะเป็นการเหลือวิสัยของผู้เขียน จึงขอมอบให้สานุศิษย์ทั้งหลายนำไปพิจารณาไตร่ตรองเองเถิด และอีกประการหนึ่งในการเขียนประวัตินี้ ท่านผู้อ่านทั้งหลายคงจะผิดหวังที่ไม่ได้เขียนเรื่องปาฏิหาริย์ ลงในหนังสือเล่มนี้ เพราะผู้เขียนได้ยินคำพูดที่ท่านพระอาจารย์วันพูดไว้ว่า การเขียนประวัติ ถ้าให้บุคคลอื่นเขียน มีทางเสียอยู่ 2 ทางคือมากเกินไป หมายความว่ายกย่องเกินไป และน้อยเกินไปคือขาดตกบกพร่อง ผู้เขียนจึงนำมาเล่าสู่กันฟังเฉพาะในเรื่องที่มองเห็นกันง่ายๆ เท่านั้น

    คุณลักษณะ อีกอย่างหนึ่งก็คือ การวางตัว ท่านไม่แสดงออกให้เห็นเลยว่า โปรดคนนั้นคนนี้ในบรรดาสานุศิษย์ ไม่ว่าบรรพชิตหรือคฤหัสถ์หรือแม้แต่พระเณรที่เป็นผู้อุปัฏฐาก เพื่อความเข้าใจดีของทุกฝ่าย ผู้เขียนจึงขอคัดจากลายมือของพระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) ที่ท่านเขียนไว้มาให้พิจารณาเอง ดังนี้
    “จะเป็นด้วยกรรม อะไรของข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ เมื่อมาอยู่ในสถานที่ถ้ำอภัยดำรงธรรมแห่งนี้ ทำให้อยู่ได้นานกว่าสถานที่แห่งอื่นทั้งหมด ทั้งยังคิดวางโครงการอยากจะปรับปรุงให้มีความเจริญเกิดขึ้นในท้องถิ่นนี้ ถึงกับนำญาติโยมทำทางจากบ้านมาหาที่พัก และยังคิดสร้างพระพุทธรูปไว้ที่ถ้ำพวง เพื่อเปลี่ยนพิธีกรรมเซ่นสรวงผีสางในภูเขาประจำปีของชาวบ้าน ให้หันมากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปแทน ซึ่งยังจะได้มีส่วนแห่งบุญของตนเท่าที่ควร จึงได้มีการทำทางขึ้นหลังเขาสู่ถ้ำพวง และเลยลงไปถึงหมู่บ้านภูตะคาม ตามที่พวกชาวบ้านนั้นขอร้อง งานการก่อสร้างยังต้องทำต่อไปเรื่อยๆ และจัดให้มีงานนมัสการปูชนียวัตถุองค์พระปฏิมากร พระมงคลมุจจลินท์เป็นประจำทุกปีไป แม้ว่าการเงินในการก่อสร้างจะร้างจะไม่มีตัวเงินงบประมาณก็ตาม คงจัดทำการก่อสร้างไปตามได้ตามมี เท่าที่ท่านสาธุชนทั้งหลายมีศรัทธานำมาบริจาค

    ข้าพเจ้า คิดว่า เมื่อคนส่วนมากยังยินดีพอใจสนับสนุนการก่อสร้างอยู่แล้ว ต้องพยายามทำตามโครงการที่วางไว้แล้วนั้นจนเป็นผลสำเร็จ เพราะทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และทำไว้เพื่อเป็นสมบัติของบ้านเมือง ไม่ได้หวังกอบโกยเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ส่วนจำพวกไม่พอใจ ไม่มองเห็นผลประโยชน์ด้วยมีเพียงจำนวนน้อย ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่บางคนอาจจะเพ่งมองข้าพเจ้าในแง่ผิดบ้างก็มี เช่นหวังเพื่ออำนาจ อิทธิพลยากดัง อยากใหญ่ อยากเด่น อยากรวย อยากปฏิวัติอะไรทำนองนี้ ท่านผู้ปัญญามีจิตเป็นธรรม ปราศจากอคติ จงพิสูจน์หาความจริงได้ทุกโอกาส อย่าหลับตามองดู จงลืมตามองดูแบบคนตาดีอย่าอุดหูฟัง จงเงี่ยหูทั้งสองฟังเหมือนคนมีหูทิพย์ อย่าคิดเหมือนคนวิกลจริต จงใช้ความคิดให้ลึกซึ้งต่อเหตุผลเหมือนนักปราชญ์บัณฑิต”

    เมื่อท่าน ผู้อ่านได้อ่านบันทึกของพระอาจารย์วัน ที่ยกมานี้ คงจะเข้าใจปฏิปทาของท่านได้เป็นอย่างดีผู้เขียนขอสรุปลงอย่างสั้นๆ ว่า พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร หรือพระอาจารย์วัน อุตฺตโม เป็นพระที่ประกอบด้วยองค์คุณของพระสงฆ์ คือ

    สุปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติดี
    อุชุปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติตรง
    ญายปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม
    สามีจิปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติชอบ

    ท่าน จึงเป็นพระสงฆ์ที่น่าเคารพนับถือ บูชา กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจรูปหนึ่งอย่างแน่นอน หากมีความบกพร่องผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขอประทานอภัย และขอรับผิดเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากมีความดีใดๆ อันจะพึงบังเกิดเพื่อน้อมบูชาพระคุณของพระอาจารย์วัน อุตฺตโม ผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยคารวะ

    สภาพสวยผิวน้ำยารมน้ำตาลเดิมๆ พิมพ์สวยคมโค๊ดชัด เหรียญสภาพสวยมาก พระดีมีคุณค่าน่าบูชาสะสมมาก แบ่งให้บูชา 650บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    [FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][FONT=Tahoma][COLOR=#0000ff]คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย [/COLOR][/FONT][/SIZE][/COLOR][/FONT][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana][FONT=Verdana]สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ [/FONT][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT][FONT=Tahoma][COLOR=blue][SIZE=5][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana]เลขที่ [COLOR=red][U]6000088418[/U] [/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=2][SIZE=5][SIZE=5][FONT=Verdana][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][COLOR=darkorange]โทร.086-0441367[/COLOR], [/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/FONT][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][EMAIL="Engineer0206nu@gmail.com"][FONT=Arial][SIZE=5][COLOR=green]Engineer0206nu@gmail.com[/COLOR][/SIZE][/FONT][/EMAIL][/FONT][/FONT][/FONT]
    [SIZE=5][COLOR=magenta]*** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***[/COLOR][/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2016
  16. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116

    ปิดรายการแล้วครับผม



    3654.มาตรฐานงานประกวด พระสมเด็จฐานไข่ปลา วัดบ่อวิน(W2)
    ลป.ฝั้น,ลป.สิม + ลป.ทิม เศกอีก9เดือน และอีกหลายวาระ

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพพิธีบางส่วนที่รวบรวมได้ครับ แต่ยังไม่ครบนะครับ
    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]

    ภาพใบประกาศงานประกวดพระที่ศรีราชา
    [​IMG]ใบนี้ขออนุญาตเจ้าของด้วยนะครับ

    [​IMG] ใบนี้ของพี่ๆในเว็บที่บูชาจากผมไปส่งประกวดครับ ได้รองแชมป์

    พระสมเด็จฐานไข่ปลา หลังยันต์หมึก (ปั้มหมึก ยันต์ห้า และข้อความที่เขียนว่า "ปลุกเศกโดย หลวงปู่ทิม") เนื้อผงพุทธคุณผสมว่าน วัดบ่อวิน อ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี จัดสร้างโดยพระอาจารย์กิม ชาตรูโป เมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีมหาราชา ซึ่งหลวงปู่ทิมได้มอบมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ให้คุณมาโนช เหล่าขวัญสถิตย์ เจ้าของร้านนาวาชายหาด ศิษย์ก้นกุฎิเป็นผู้ดำเนินการ จัดสร้างเมื่อราวปี พ.ศ.2515-2516

    มวลสารที่ใช้ในการจัดสร้าง
    เนื้อผงพุทธคุณต่างๆ, ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม, จีวร, เกศาของหลวงปู่ทิม, หมอนหนุนหัว ของหลวงปู่ทิม (หมอนที่ใช้หนุนมาตั้งแต่บวชใหม่ๆ และบอกว่า นี่แหละของดี เพราะหมอนมีความหมายถึงการหนุนดวง สำหรับคนดวงตก หมายถึงการค้ำดวง จากคำบอกเล่า ของครูดุก พัทยา ผู้เคยบวชร่วมสมัยกับพระอาจารย์กิม ซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อตาของคุณมาโนช ผู้สร้างพระชุดนี้ครับ)

    เมื่อแล้วเสร็จคุณมาโนช ได้นำไปถวายให้พระอาจารย์สายกรรมฐาน เมตตาอธิษฐานจิตในวาระแรก
    รายนามพระอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพระชุดวัดบ่อวิน
    1.หลวงปู่ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร
    2.หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง
    3.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    4.หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล
    5.พระอาจารย์วัน วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม
    6.หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั่ง
    7.หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม
    8.หลวงปู่สาม วัดป่าไตรวิเวก
    หลังจากนั้นก็นำเข้าพิธีต่างๆ ในแถบภาคตะวันออกอีกไม่ต่ำกว่า 9 พิธี

    วาระสุดท้าย
    ได้นำไปถวายให้ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ เมตตาอย่างมาก ปลุกเสกเดี่ยวให้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2517 จนถึง วันที่ 29 กรฎาคม พ.ศ.2518 เป็นระยะเวลานานมากถึง 9 เดือน 20วัน ถือว่าเป็นพระของหลวงปู่ที่มีประวัติการปลุกเสกชัดเจนและมากด้วยคุณค่าอย่างแท้จริง


    สภาพสวยเดิมพิมพ์นี้หายาก Search ใน google พบไม่เกิน5องค์ครับ ส่งตรงมาจากพื้นที่เจ้าของไม่ได้ตามราคาปัจจุบันเลยได้มาแบบเบาๆก็เลยออกต่อเบาๆ ของหลุดราคาหลงมาไม่บ่อยครับ สมบูรณ์ด้วยคราบฝ้าไขว่านแป้งลองพิมพ์เดิม หมึกปั้ม(เสียดายหมึกจางเองไปตามธรรมชาติแต่ยังพอเห็นลางๆ) เนื้อหาเข้มข้น องค์นี้เนื้อพิเศษเนื้อผงน้ำมันผสมว่านแบบ2ประสานที่ลงตัว โดยส่วนตัวชุดวัดบ่อวินนี้ น่าจะเป็นชุดนอกวัดที่ดีที่สุดของหลวงปู่ทิมแล้วครับ ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมแบบว่า "ดังเองไม่มีใครปั่น" แบ่งให้บูชา 2,500บาท(พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2016
  17. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,516
    ค่าพลัง:
    +30,849
    สวัสดีครับเสี่ยเฟริส์ท
     
  18. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116

    - รับทราบการจอง,การแจ้งโอน,การแจ้งการได้รับของ และการเข้ามาเยี่ยมชมครับผม


    [​IMG][​IMG][​IMG]



    ขออนุญาตแจ้งเรื่องการจองและการเช่าบูชาครับ

    พระเครื่องที่ผมนำมาลงผ่านการคัดกรองมาแล้วอย่างดี หากท่านสมาชิกท่านใดที่จะทำการจองหรือเช่าบูชา ไม่เชื่อมั่นในตัวผม หรือ ยังไม่มีรายละเอียดในพระที่ต้องการเช่าบูชา ขอความกรุณาทำการศึกษาให้ตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจนะครับ หรือจะนำภาพที่ผมลงไว้ไปให้คนที่คุณไว้ใจตรวจสอบก่อนก็ได้ ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ครับ เพราะการตัดสินว่าพระไหนดีไหนไม่ดี มันต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์บวกกับการพิจารณความเป็นไปได้ด้วย คน10คนดูพระองค์เดียวกัน ผลที่ออกมาแทบไม่เหมือนกันเลย

    ถ้าท่านยังไม่ผ่านกระบวนการดังที่ผมกล่าวไว้นี้ และบวกกับยังไม่เชื่อมั่นในตัวผม ขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งบูชาไปนะครับ เพราะถ้าเกิดความกังขาขึ้นในตัวองค์พระแล้วพุทธคุณไม่เกิดครับ ชี้แจงจากกรณีที่มีผู้ให้ผมตรวจสอบพระที่บูชามาจากที่อื่นให้ครับ คือบูชามาแล้วไม่สบายใจ บอกได้เลยว่ากรณีนี้ไม่เกิดประโยชน์กับใครทั้งนั้นครับ ทางที่ดีควร ศึกษา เรียนรู้ ไตร่ตรอง พิจารณาให้รอบคอบก่อนเช่าบูชานะครับ



    [​IMG][​IMG][​IMG]



    ขออนุญาตแจ้งเรื่องการจัดส่ง
    เพื่อความสะดวกในการได้รับของครับผม เนื่องจากผมติดภารกิจ การจัดส่งของจะสะดวกในช่วงวัน วันพฤหัสบดี - วันศุกร์ นะครับพี่ๆ หากล่าช้าอย่างไรไปบ้างผมต้องขอประทานโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ



    rabbit_eating;20he llo _carthaxxthaxxhe llo _car;20rabbit_eating




    เข้ารับชมสรุปรายการที่ หน้า1 ได้เลยครับผม ตามลิ้งค์เลยครับ



    ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมนะครับ
     
  19. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116
    3655.เหรียญหยดน้ำ เสกเสาร์ห้าปี39 หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม
    พระเถรจารย์ 5แผ่นดินผู้ทรงด้วยฤทธีด้านหนุนดวงเสริมวาสนา

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    [​IMG]

    เหรียญพิมพ์หยดน้ำ ฤกษ์เสาร์ห้า หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม จังหวัดชลบุรี เนื้อทองฝาบาตรกะไหล่ทอง ดำเนินการจัดสร้าง เมื่อปีพ.ศ.2539 ปลุกเสกใหญ่ฤกษ์เสาร์ห้า

    ประวัติโดยย่อของหลวงปู่ปัญญา
    "หลวงปู่ปัญญา ปัญญาธโร" เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังชลบุรี เชี่ยว ชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือทั่วสารทิศ ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิเรืองวิทยาคมด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยม การเสริมต่อเส้นวาสนา

    สืบสานวิทยาคมจากพระเกจิดังหลายรูปภาคอีสาน รวมไปถึงพระเกจิทางฝั่งประ เทศลาว อีกทั้งท่านยังเป็นสหธรรมิก หลวงปู่พรหมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย พระเกจิชื่อดังเมืองอุบลราชธานีด้วย

    เกียรติคุณด้านมงคลปูชนียวัตถุที่สร้างชื่อให้หลวงปู่ปัญญา คือ เหรียญต่อเส้นวาสนา เหรียญใบมะขามรูปฤๅษี ตะกรุดสาริกาแดง เป็นต้น
    หลวงปู่ปัญญาบำเพ็ญเพียรตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรมอย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติเรียบง่าย ปฏิปทางดงามเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ได้พบเห็น

    ปัจจุบัน หลวงปู่ปัญญา สิริอายุ 106 พรรษา 66 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองผักหนาม อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี
    อัตโนประวัติ มีนามเดิม ปัญญา พลราษฎร์ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม 2448 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ร.ศ.124 ตรงกับรัชสมัยของพระ บาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ ต.ตะบ่าย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี

    เมื่อช่วงวัยเยาว์ เข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน ซึ่งเป็นวัดภายในหมู่บ้าน โดยมีครูที่สอนเป็นทั้งพระและฆราวาส จนกระทั่งจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังจากนั้นอายุ 12 ปี ได้ออกมาช่วยครอบ ครัวทำนาทำไร่

    จนกระทั่งอายุครบ 20 ปี ได้พบรักกับสาวในหมู่บ้าน แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงมีข้อแม้ว่าจะต้องให้ฝ่ายชายออกบวชตามประ เพณีเพื่อให้เป็นคนสุกครบ 3 ปีก่อน ได้รับทราบดังนั้น ท่านจึงไม่รอช้า ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดตะบ่าย ต.ตะบ่าย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี

    เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและศึกษาด้านการก่อสร้างเสนาสนะภายในวัด จนเป็นที่ไว้วางใจของพระอุปัชฌาย์
    ในพรรษาที่ 2 ท่านได้หันมาสนใจในด้านการปฏิบัติกัมมัฏฐาน จึงเดินทางเสาะแสวงหาพระอาจารย์ที่มีความรู้ความเชี่ยว ชาญในด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน

    ในห้วงดังกล่าว เป็นเวลาที่กองทัพธรรมฝ่ายวิปัสสนาจารย์กำลังเผยแผ่ธรรมอยู่ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนยิ่ง คือ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    หลวงปู่ปัญญาในวัยหนุ่มจึงได้เดินทางไปกราบพระอาจารย์มั่น เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์เรียนกัมมัฏฐาน แต่การเดินทางในสมัยนั้นต้องใช้การเดินเท้าเพียงอย่างเดียว เมื่อทราบว่าพระอาจารย์มั่นเดินทางไปจำพรรษา ที่ใด ท่านก็จะเดินทางไปสถานที่แห่งนั้น แต่ปรากฏว่า เมื่อไปถึงสถานที่นั้นๆ จะได้ทราบจากพระภิกษุในท้องที่แจ้งว่าพระอาจารย์มั่นได้ออกเดินทางไปที่อื่นแล้ว เป็นเช่นนี้ถึง 5-6 ครั้ง

    ท่านจึงดำริว่า คงเป็นด้วยตนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ บวชพระเพียงเพื่อต้องการแต่งงานกับหญิงสาวที่หมายปองเท่านั้น ไม่ได้บวชเพราะเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
    ระลึกได้ดังนี้ ท่านจึงล้มเลิกติดตามพระอาจารย์มั่นเพื่อขอศึกษากัมมัฏฐาน ออกเดินทางกลับวัดตะบ่ายทันที

    พรรษาที่ 3 พระปัญญาได้ใช้เวลาเดินทางไปท่องธุดงค์ในป่าดงพงไพร ได้มีโอกาสพบ หลวงปู่พรหมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย ที่มีความสนใจด้านวิทยาคม
    จึงได้ขอศึกษาการเขียนอักขระทั้งภาษาขอม ภาษาล้านนา ภาษาธรรมะ นอกจากนี้ ยังได้เดินทางข้ามไปฝั่งลาว ได้กราบฝากตัวกับพระเกจิดังฝั่งลาวหลายรูป เพื่อขอศึกษาวิทยาคม จนมีความชำนาญในระดับหนึ่ง

    หลังจากนั้น ท่านเดินทางกลับวัด เมื่อออกพรรษาที่ 3 รับผ้ากฐินแล้วได้ลาสิกขาทันที
    เมื่อกลับคืนสู่เพศฆราวาส ทิดปัญญาได้เดินทางไปยังบ้านสาวคนรัก แต่ครั้นเมื่อไปถึงพบว่าพ่อแม่ของหญิงสาวได้จัดงานแต่ง งานสาวคนรักกับชายหนุ่มในหมู่บ้านอีก คนไปแล้ว
    ทางพ่อแม่ฝ่ายหญิงเห็นเช่นนั้นก็ตกใจไม่รู้จะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ทิดปัญญาได้แต่กล้ำกลืนความเสียใจไว้แต่เพียงฝ่ายเดียว จากนั้นท่านได้เดินทางออกจากหมู่บ้านเงียบๆ เนื่องจากกระทบกระเทือนจิตใจ โดยออกท่องเที่ยวไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออก ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองไปตามยถากรรม

    กระทั่งเดินทางมาอยู่ที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ขณะนั้นอายุครบ 40 ปี จึงตัดสินใจละเพศฆราวาสคืนสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง ได้เข้าพิธีอุปสมบทใหม่ เป็นครั้งที่ 2 โดยมีหมอสมพงษ์ เนื่องจำนงค์ แพทย์แผนโบราณในอำเภอบ้านบึง รับเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2488 ที่วัดบึงบวรสถิตย์ มีพระครูประภัศร์พุทธิคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระใบฎีกาฮง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสุรินทร์ พระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ปัญญาธโร

    แต่ศิษยานุศิษย์เข้าใจผิดเขียนว่า "ปัญญธโร"
    หลังจากที่อุปสมบท พระปัญญาอยู่คอยอุปัฏฐากรับใช้พระอุปัชฌาย์ตามหน้า ที่ อยู่จำพรรษาที่วัดบึงบวรสถิตย์เป็นเวลา 7 วัน จากนั้นได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดหนองผักหนามราษฎร์บำรุง ต.หนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี
    ซึ่งที่วัดหนองผักหนามราษฎร์บำรุง ในขณะนั้นมีพระอธิการเทียบ รตโน เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ต่อมา พระอธิการเทียบได้มรณภาพ หลวงปู่ปัญญาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปที่ 2 ของวัดแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน
    หลวงปู่ปัญญาได้นำวิชาความรู้ด้านวิทยาคมตามที่ได้เล่าเรียน จัดสร้างวัตถุมงคล โดยเฉพาะเหรียญต่อเส้นวาสนา ที่หลวงปู่ได้เขียนเป็นรูปลายมือที่มีเส้นสมบูรณ์พร้อมอักขระขอมล้อมรอบ เรียกว่า "ลายมือพระโพธิสัตว์" เสริมดวงชะตา กลับจากร้ายกลายเป็นดี แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆ

    ความโด่งดังของวัตถุมงคลหลากหลายชนิด กอปรกับวัตรปฏิบัติ ทำให้ญาติโยมศรัทธาเลื่อมใส เป็นที่มาของการยกย่องให้เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง
    แม้จะได้รับการยกย่องเช่นนั้น แต่หลวงปู่ปัญญายังคงดำรงชีวิตด้วยความเรียบง่าย ยึดหลักธรรมเป็นที่ยึดเหนี่ยว พร้อมกับหมั่นสวดมนต์ภาวนาทำจิตสมาธิให้มั่นและแน่วแน่ นึกถึงครูบาอาจารย์ที่พร่ำสอนมา
    เป็นพระเถระที่น่าเลื่อมใสศรัทธาและน่ากราบไหว้ได้อย่างสนิทใจอีกรูป
    เนื่องจากเป็นผู้เจริญอายุยืนถึง 106 ปีแล้ว จึงถือเป็นพระเกจิรัตตัญญูผู้รู้โลกมาถึง 5 แผ่นดิน

    สภาพสวยเดิมพร้อมอัดกรอบกันน้ำ เหรียญรุ่นนี้ดีน่าใช้ เป็นเหรียญยุคกลางๆที่ขลังด้วยการปลุกเสกฤกษ์เสาร์ห้า ราคาถูกกว่าเหรียญรุ่นใหม่เยอะ ถึงรูปแบบเหรียญจะไม่เหมือนกันแต่พุทธคุณเข้มขลังกว่ามาก เพราะตอนนั้นหลวงปู่ยังแข็งแรงอยู่มาก พุทธคุณกล้าพูดได้เลยว่า คลาดแคล้ว หนุนดวงเสริมวาสนาดีกว่าเหรียญใหม่ราคาแพงแน่นอน แบ่งให้บูชา 399 บาท(พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย [COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana][FONT=Verdana]สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ [/FONT][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][FONT=Tahoma][COLOR=#ffffff][COLOR=#0000ff][FONT=Verdana]เลขที่ [COLOR=red][U]6000088418[/U] [/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR]
    [SIZE=5][FONT=Verdana][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][FONT=Tahoma][SIZE=5][COLOR=darkorange]โทร.086-0441367[/COLOR], [/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][/FONT][/SIZE][COLOR=green]Engineer0206nu@gmail.com[/COLOR]
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
  20. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,856
    ค่าพลัง:
    +14,116
    [​IMG][​IMG][​IMG]




    ขออนุญาตแจ้งเรื่องการจัดส่ง
    เพื่อความสะดวกในการได้รับของครับผม เนื่องจากผมติดภารกิจ การจัดส่งของจะสะดวกในช่วงวัน วันพฤหัสบดี - วันศุกร์ นะครับพี่ๆ หากล่าช้าอย่างไรไปบ้างผมต้องขอประทานโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ




    hp_dayhp_daywel lcome_mokeyhp_dayhp_day





    เข้ารับชมสรุปรายการที่ หน้า2
    ได้เลยครับผม ตามลิ้งค์เลยครับ


    []
    []
    /


    ><กระทู้ใหม่(3) วัตถุมงคลดีพิธีใหญ่สภาพสวย หลากหลายสายราคาเบา (สรุปรายการ น.2 บนสุด)



    ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมนะครับ



    rabbit_eating;20he llo _carthaxxthaxxhe llo _car;20rabbit_eating​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2016

แชร์หน้านี้

Loading...