จุดเริ่มของฌาน

คุณมาจากเด_ ต้องฟังให้เข้าใจ

จะเห็นว่า เขาฝึกแทบตายเพือให้เห็น อะไรแปลกๆ

แต่การเห็นแปลกๆ ของ พระท่าน พระท่านไม่ได้ฝึกเพื่อเข้าไป ยึดการรู้การเห็นนั้น

พระท่านฝึก เพื่อให้มันแสดงความแปรปรวนให้เห็น ซึ่ง สิ่งใดที่เรายกขึ้นเห็นความ
แปรปรวนว่ามีเป็นธรรมดาในสิ่งนั้น สภาวะการเห็นแบบนี้ มันจะปล่อย ไม่ได้เห็น
เพื่อยึดมั่นถือมั่น

ดังนั้น สิ่งที่ท่านเห็นแปลกๆ ท่านก็ตามเห็นความแปรปรวนด้วย

สิ่งที่ท่านแผลงฤทธิ์ได้ เสกของได้ เหาะได้ ท่านก็ ตามเห็นความแปรปรวนไม่เที่ยงด้วย

พูดง่ายๆ ฝึกไป ปล่อยไป ตามไปติดๆๆๆๆๆๆ

คนที่ ฝึกไป ปล่อยไป ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น คุณจะสำคัญว่าเป็นไฉน ท่านบ้า ท่านเพี้ยน
ผิดมนุษย์อะเป่า

เอิ่ม ถ้าพระท่านยกอาการเหนือมนุษย์เหล่านั้นเพื่ออวดโต้งๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่ถ้าพระท่านยกอาการเหนือมนุษยเหล่านั้นเพื่อสอนให้ตามเห็นความไม่เที่ยง
ไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็ลองตรองเอาเอง คนมีเงินพันล้านแต่ไม่ติดข้อง ประเสริฐหรือเปล่า !?

 

อ้างธรรมหลวงปู่ฝั้นตรงไหน ไอ้หน้าลิงกัง

ตูพูดอ้างอิง ว่าท่านขุนพลคือหลานของหลวงปู่ฝั้นเท่านั่น มึงอย่าตอแหลแต่งเรื่องเอา สิวะ ไอ้ลิงวอก

วิชาแยกจิตดูกาย เป็นของหลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านสอนผ่านร่างท่านขุนพล

ว่าแต่มึงเถอะ แอบอ้างว่ามึง พูดมา แล้วตู หยิบเอามาเล่าเป็นตุเป็นตะ มึง ไม่อาย มั่งหรือวะ มึงมันเคยพูดที่ไหนล่ะ ไอ้ลิงวอก

 

ไอ้ลิงกัง ไอ้ลิงวอก ไปโม้ที่อื่นไป ไอ้ไม่รู้จักอาย....

เวลาคนอื่นเล่าเรื่องที่ผ่านมาให่ฟัง มึงอย่าเดา ด้น เป็นตุ เป็นตะ ว่า ตนเอง เก่ง

ที่เล่า ก็ไม่ได้ลงรายละเอียด มึงอย่าหน้าด้าน...ต่อไปเลยนะ

 

O_O

 

คุณ sianns เรียนวิชานี้จากร่างทรงท่านขุนพลหรือขอรับ

แล้วท่านสอนให้ชำระอวิชชายังไงครับ

 

ที่ตูเล่า ว่า...เพื่อให้คนอื่นได้รู้ว่า

ถ้าใครไม่ผ่านการปล่อยวางกายใจมาได้...คือผ่านยังไม่ได้ เช่นพวกนั่งสมาธิ ข้ามกายเวทนาจิต
แล้วมัน อุตริมาเรียน ปรมัตถ์ อนัตตาธรรม เพื่อทำลาย ทิ้ง อัตตา ตัวสติตัวรู้ที่มี...มันเลย

มันเลย.....คิดเอาเอง ว่า เนี่ย กูหมดอัตตาแล้ว ส่วนอีกพวกที่ เอาวะ กล้าได้กล้าเสีย ไม่เอาวะจิต...ทิ้งจิต ก็เหมือนบ้านว่าง คนอื่นจิตอื่นก็เข้ามาแทรก...ก็บ้า ก็เพี้ยนไป...(เพราะมันทิ้งสติ )

มันทำสติให้อนัตตา โดยการทิ้ง...แล้วกายใจก็ไม่ผ่านการปล่อยวาง..ทีนี้เมื่อจิตอื่นเข้ามาแทรกแทนสติ มันก็ร่วมปรุงกับใจ ที่ เคยปล่อยวางไม่ได้นั่นแหล่ะ.....สภาวะนี้คือ...ผีเข้า องค์ลง หลงตัวเอง ไปเลย....

 

สาเหตุที่เหมือนก้อนหินนี่ คุณทำยังไงครับเนี่ย

 

ถามกวนส้นteenอีกละ

นี่แกอ่านเข้าใจมั้ย...ว่าท่านขุนพล สอนแค่การแยกจิตดูกาย...ผมฝึกเองจน ปล่อยวางกายใจได้...(ตรงนี้ผมพูดไม่หมดหรอก และคุณจะยังไม่เข้าใจ)

ท่านขุนพลสอนแค่นี้ นอกนั้นผมทำเอง จนปล่อยวางตัวใจได้ จิตออกไปนอกโลก
ก็จบ...ผมก็เป็น พระเจ้า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ไป

ก็เล่ามาแล้วว่า หลังจากนี้ ถึงมีอาจานจากเชียงใหม่มาสอน ชำระอวิชชาต่ออีก

นึ่มึงอ่านไม่เข้าใจ หรือมึงไม่อ่าน ถ้ามึงไม่อ่าน มาถามหาส้นteenทำไมวะ

 

มันเข้าถึงที่สุดของ อนัตตาธรรม หมดอยาก...มันเลยไม่สน ไม่รู้ ไม่เอา อะไร มันเฉยๆ ไปเลย...ไง

เข้าใจไม่ได้ ถามไปทำไมวะ

 

อ้อ ชำระอวิชชาเอง แล้วตอนนี้ชำระอวิชชาหมดหรือยังขอรับ

 

ก็ในเมื่อเป็นยังงั้น มันจะตายได้ยังไงครับ


ที่ถามเห็นบอกไว้นี้

 

ส่วนมาก ถ้าไม่ผ่านจิตคนอื่นมาสอน ก็มาตอนที่ผมหลับ
เพราะผมนั่งสมาธิ เมื่อไหร่..มันไม่วืบ อีก คือปกติ ผมรู้ว่านั่ง สมาธิไประดับนึง จิตมันจะวืบปล่อยออกจากกายใจ...แตนี่ ผมรู้ทัน ในตอนที่มันจะวืบไป ทุกที แล้วมันก็ไม่วีบ เลยไม่นั่ง

จิตเคยพุ่งทะลุทะลวงตามอุโมงเหมือน f 16 ผมก็หยุดดึงมันกลีบด้วยสติในสมาธื จนหงายหลัง...นี่มั่ง เลยถอดจิต ไปเรียนก้บ อุปทานต่างๆไม่ได้เหมือนคนที่เห็น นรกสวรรค์ อิอิ

 

อ้อ สอนสองวิธี คือ ผ่านจิตคนอื่น 1 สอนตอนหลับ 1

ที่ว่าหงายหลังนี่ หัวฟาดพื้นมั้ยขอรับ :'o

 

โอยไอ้ มั่ว...จะตายนั่น คือ ไม่เกี่ยวกับ ฝึกสติแยกจิตดูกาย ตกลงมึงโง่จริง หรือแกล้งโง่วะ....ก็บอกแล้ว ถ้าไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้อง คิดเอาเอง...

จะตายนั่นคือ...หลังจากจบวางใจได้ เข้าอรูป เป็นพระเจ้า ไปแล้ว ท่ายอาจานที่เชียงใหม่ถึงมาชี้มาสอน จนเข้าอนัตตาธรรม..ที่ว่าอาจตายในเจ็ดวันได้ เพราะมันนิ่ง เฉยไปหมด....(สำหรับคนอื่น อาจตายไปเลย) แต่นี่ ผมยังมีอาจานที่เชียงใหม่ดูแลอยู่ ไง....มึงมีสมอง เข้าใจเอง ได้มั่งมั้ย

 

ฟาดบนที่นอน เพราะนั่งบนเตียงนอน

 

ไม่มีอวิชชา...แล้ว...แต่แกจะ เข้าใจ ในคำที่ตอบ นี่เร้อ....อิอิ
ว่า ไม่มีอวิชชา แต่มี กายใจ ไง....มนุษย์

 

ปัญญาวิมุตติ ได้แก่บุคคลผู้มิได้ถูกต้องสมาบัติ ๘ ด้วยกาย แต่หลุดพ้นจากกิเลสเพราะเห็นด้วยปัญญา ท่านจัดปัญญาวิมุตติบุคคลไว้ ๕ พวก คือพระอรหันต์ผู้สุกขวิปัสสก คือเจริญวิปัสสนาล้วนๆ พวกหนึ่ง และบุคคลผู้ออกจากรูปฌาน ๔ แต่ละฌานแล้วเจริญวิปัสสนา แล้วบรรลุพระอรหันต์อีก ๔ พวกคือ
ออกจากปฐมฌานแล้วบรรลุพระอรหัตต์ ๑ ออกจากทุติยฌานแล้วบรรลุพระอรหัตต์ ๑
ออกจากตติยฌานแล้วบรรลุพระอรหัตต์ ๑ ออกจากจตุตถฌานแล้วบรรลุพระอรหัตต์อีก ๑ จึงรวมเป็น ๕ พวก ซึ่งพระอรหันต์ทั้ง ๕ พวกนี้ไม่มีท่านใดเลยที่ได้สมาบัติ ๘ อย่างมากก็ได้เพียงรูปฌาน ๔ เท่านั้น

ระวังจะเป็นพระอรหันต์ไม่รู้ตัวน๊า นี่อันตรายเหมือนกันนะ ถ้าไม่รู้จักอิทธิบาท ๔

ไม่ควรพิจารณาถึงธรรม ที่ตนเองก็มิได้กระทำวัตรปฎิบัติให้ถึง โดยที่สภาวะของตนไม่เอื้ออำนวยแก่การบรรลุธรรมนั้น เพราะจะถูกบีบคั้นจากสภาวะ ทั้งปวงรอบข้างเป็นอย่างมาก
เพราะรู้แล้วไม่ปฎิบัติ ไม่สามารถอธิบายได้ ย่อมถือว่าไม่รู้ อุปมาเสมือนบุคคลขับยานพาหนะไปในท้องถนนที่คับคั่งด้วยยวดยาน เห็นสัญญานไฟแดงเตือนให้รถหยุด รู้แต่ยังดื้อดึงขับฝ่าย่อมมีเหตุอันตรายให้มาถึง


ทางรอดที่บริสุทธิ์หมดจดคือ ต้องแสดงเนื้อความประโยค ที่ได้ตีความหมายให้รู้ซึ้งถึงเจตนาของอาจารย์ผู้สอน ให้ถูกต้องตามหลักธรรมทั้งมวลฯ โดยพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบรู้ในธรรมของอาจารย์ดีแล้ว โดยนำสรุป เข้าสู่กระบวนการไตร่ตรอง พิจารณาตามหลักธรรมทั้งหลายฯ สรุปผลให้เป็น [สัมมาทิฏฐิ] นั่นคือ การแสดงเป็นอรรถาธิบาย โดยบริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วน ที่ไม่ว่าผู้ใด ก็ไม่สามารถหาเหตุข้อติดขัดใดๆ มาโต้แย้งได้

 

เมื่อรู้ว่าผมโง่ ก็พูดแบบเข้าใจง่ายๆสิขอรับ คิกๆๆ

อาจารย์ที่ ชม.ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่มั้ยครับ

 

อ้อ โชคดีไป พระคุ้มครอง

เห็นเชียงใหม่มีถ้ำเยอะ หากไปนั่งในถ้ำหงายหลังหัวฟาดหินแน่ๆ

 

อวิชชานี่มันอะไรขอรับ ไม่เข้าใจ