ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ขออนุญาตแสดงความเห็นครับ

ขออนุญาตแสดงความเห็นครับ
มิน่า ผมมีพระสมเด็จ องค์นึง เวลานำมาห้อยทีไร เหมือนมีกระแสเหนี่ยวนำ ให้..หาเรื่องทำบุญ ทำทาน.ตลอด รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณครับ..อิอิ

 

สวัสดีค่ะ พี่นพ ป๋าระมิง หวานแวะเวียนมาอ่านกระทู้นี้ทีไร ความเพียบ เห็นเปิดหัวเรื่องพระหวานก็เกิดอาการคันอยากถามเหมือนกันค่ะ ได้มาด้วยความบังเอิญ บริเวณทางเท้าหน้าบ้านพ่อแม่สามี ระหว่างทางขากลับจากร้านขายยา ปกติจะไม่ค่อยมองพื้นถนนเลย วันนั้นบังเอิญมาก สภาพแรกองค์พระจะเลี่ยมกรอบพลาสติกหน้าใส หลังสีเหลือง แต่ดูเก่าๆ และที่ห่วงจะมีเข็มกลัดเหมือนเอาไว้ห้อย หวานก็หยิบขึ้นมาดู แต่ไม่รู้จะคืนใคร หวานเลยเก็บในกระเป็าสตางค์ สรุปหวานไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกับท่านเลย ขอความกรุณาพี่นพ หรือป๋าระมิงค์ด้วยค่ะ

ปล. หวานอัดกรอบใหม่แล้วนะคะ

 

ยกให้ ป๋า มิงค์ เลยครับ..บอกได้แค่ว่าพอมีเชื้อธาตุกาย....
และอัดกรอบแบบผิวพระเปิดสัมผัสอากาศได้จะดีกว่า
ถ้าแบบนี้นะ..
เด่วเป็นไงรอคำตอบ ป๋า ได้ครับ..ขอไปหาภาพพระแบบสาย
มหายานมาโชว์บ้างดีกว่า เด่วจะสู้คุณ GaoReak ไม่ได้ ๕๕๕
ส่วนพระสมเด็จพูดยากมากโดยเฉพาะวัดระฆังนะครับ
ส่วนตัวมีแต่ภาพครับ ยังแอบไป Save ภาพท่านที่มีมาดูเลยครับ
คนที่มีเนี่ย ก็มีเยอะจริงๆ คงเป็นวาสนาบารมีส่วนตัวเค้านะครับ..

..ขอให้มีที่ท่านปลุกเสกโดยส่วนตัวถือว่าโชคดีมากแล้วครับ..
เอาว่าใครมีครอบครองก็จะรู้เอง
สัมผัสได้เองอย่างที่คุณ aeziss ได้เจอมาแบบไม่ทันสังเกตุมา
ก่อนนั่นหละครับ...ไม่รู้นะไม่เคยเห็น แต่ส่วนตัว
ว่ากระแสพลังงานพระสมเด็จที่คุณ aeziss มีไว้ในครอบครอง
เป็นสมเด็จมีชื่อที่กำลังกล่าวถึงท่านปลุกเสกนั้นหละครับ...อิอิ..
ปล.ฟังหลายมุมดูครับ น้องหวาน เหมือนพี่จิโม้มากไปแระ
กระทู้ ของ ป๋ามิงค์ เค้า ๕๕๕

 

เฮ้อ ... เห็นเขามีกันก็อยากได้บ้าง แต่เดี๋ยวถ้าพอมีวาสนาอยู่บ้างคงได้มาเองแหละเนาะ ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ มีดีอยู่อย่างเดียว ..
"หลวงปู่ ..ช่วยด้วยย" นี่แหละค่ะคุณนพฯ ... ใครมาอ่านอย่าหัวเราะเน้อ ถ้าอยากแบ่งปัน จะแบ่งๆมาสักองค์ก็ยินดีนะคะ ... อิอิ

 

จะโดนดุไหมน้อ...ป๋าค่ะอย่าพึ่งโมโหหวานนะคะ หวานเป็นหนึ่งปุถุชนคนช่างสงสัย ^_^ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยตรวจดูท่านให้หน่อยค่ะ มีคนทักว่าท่านหมดพลัง หวานไม่ค่อยเข้าใจว่าหมดคืออะไร แล้วหวานต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยเพิ่มพลังท่านได้ค่ะ

 

คุณ หวาน ลองถ่ายรูปใหม่แล้วนำมาแทนรูปเดิมอีกครั้งหน่อยครับ..

 

เรื่องนี้ผมตอบได้เลยครับ...เพราะมีตัวอย่างจากครูติงนี่แหละครับ ครูติงแขวนปฐวีธาตุแล้วจะเกิดกระแสเหนี่ยวนำให้ทำทานตลอด...
ขนาดถอดวางไว้ข้างๆ ก็ยังทำทาน...
ทำทานไม่ทัน บางทีก็ซื้อทานเอาก็มีบ่อยๆ...
ต้องยอมรับเลยครับว่า...ของเขาแรงจริงๆครับ...:boo::boo:

 

นี่ของที่มี เอามาให้ดูครับ เนื้อเงิน
กะไหล่ทอง แต่ก็ไม่ทราบว่าใครสร้างนะครับ
ยังหาวัดหาผู้สร้างไม่เจอครับ ๕๕๕

 

กระทู้นี้ ตั้งใจจะเอาไว้สำหรับให้เพื่อนพ้องน้องพี่ ได้ถามคุณนพฯแบบเต็มๆ...และสำหรับให้คุณนพฯปล่อยของโดยเฉพาะครับ...
เรื่องเกี่ยวกับพลังงานต่างๆ ผมยังต้องศึกษาจากคุณนพฯอยู่อีกเยอะครับ...

เรื่องดูพระนี่ไม่ได้ดูมานานมากแล้วครับ เพราะผมดูไม่เป็นเหมือนคนอื่นเขา
คือท่านที่สร้าง ท่านจะมาบอกว่า ท่านสร้างตอนนั้นทำยังไง แล้วให้ผลแบบไหนบ้าง ส่วนด้านพลังงานที่จะสื่อได้เป็นเส้นสาย หรือจะขนลุกต่างๆนั้นผมไม่ค่อยจะรับรู้เลยครับ...

 

ขอบคุณ ป๋า มิงค์มากครับ ที่ให้เกียร์ติ ผมมาปล่อยของครับ ๕๕๕๕
ดีนะที่วันพระจันทรทะลุปราคาที่ผ่านมา ผมไม่กลายร่างเป็นหมาป่าก่อน...
ส่วนของ น้อง หวาน พระองค์แรกนั้น โดยปกติถ้ามีส่วนที่เป็นธาตุกายสิทธิ์
ผสมอยู่ด้วย มักจะเปิดผิวให้โดนอากาศภายนอก เพราะลักษณะ
การนำพาพลังงานของธาตุกายสิทธิ์จะนำพาด้วยการรวมกับอากาศ
ธาตุหรือนำพาโดยการรวมกับพลังงานที่มีอยู่ในธรรมชาติครับ
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของธาตุสิทธิ์ครับ....
และโดยมากแล้วถ้าบรรจุใส่กรอบแล้วจะทำให้ตัวกระแสพลังงานข้างใน
จะวนๆอยู่ในกรอบ..จึงต้องมีการทำให้กระแสพลังงานข้างในรวมเป็นหนึ่ง
เดียวกับกรอบพระครับ ..สมัยก่อนจึงนิยมห้อยพระแบบเปลือยโดยไม่ใส่
กรอบ บางท่านก็นิยมเจาะรูบ้างแต่ก็เจาะๆไปแต่ไม่ทราบเหตุผลก็มี..
ประเด็นก็คือเรื่องการรวมพลังงานที่ออกจากวัตถุให้เป็นหนึ่งเดียวกับกรอบ
นั้นเองเพื่อมิให้มีการชงักในเรื่องพลังงานตรงนี้ครับ...
บางคนก็ทำเรื่องนี้ไม่ยาก..บางคนก็ทำได้แบบไม่รู้ตัวครับ
คือการที่เราจับพระใส่มือไว้แล้วกล่าว นะโมฯหรืออฐิษฐานจิตโน้นจิตนี้
นั่นหละครับ เป็นการเชื่อมกระแสพลังงานของสิ่งที่บรรจุกับวัตถุโดย
ที่เราไม่รู้ตัวครับ..
ที่นี้พระสมเด็จไม่ว่าพลังงานหมดอะไรหรอกครับ..ขอเป็นรูปแทนพระพุทธฯ
ยังๆไงก็ไม่มีหมดครับ..เพียงแต่เดิมพลังงานในองค์พระจะวนอยู่แต่ในเฉพาะ
กรอบพระครับ.และก็ขึ้นไปเชื่อมต้นพลังงานข้างบนไม่ได้...
ถ้าเราไม่ได้ตึ๊ดๆเข้าไปในเนื้อพระโดยข้ามกรอบเลย อาจจะทำ
ให้บุคคลที่สัมผัสได้มองว่าพลังงานหมดก็ได้ครับ..และอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งเป็น
ตัวหลักในการทำให้พลังงานเดินได้(ย้ำว่าเดินได้)สดวกและเข้าถึงแหล่งต้นพลังงงาน(ครูบาร์
อาจารย์ท่านที่ปลุกเสก)นั้นก็คือตัวจิตของเราเองครับ..
ถ้าเราไม่ใช่ประเภท
ที่ตัวจิตปรู้ดปราด เชื่อมปุ๊บถึงปั๊บ สัมผัสได้ปั๊บ.
เราก็ยังต้องอาศัยศรัทธาเป็นตัวนำพาจิต
ของเราก่อนครับ..เพื่อให้มีกระแสตรงนี้ออกจากจิต
ไปหนุนส่ง พลังงานที่มีอยู่ในวัตถุเพื่อส่งต่อไปยังต้นพลังงานครับ....
อย่างพระที่ให้ถ่ายรูปใหม่ก็ทำการ ปรับพลังงานในองค์พระกับกรอบ
ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านี้ก็จบ
ปล.ก็ลองถือพระไว้ในมือพร้อมกรอบ แล้วสวดบทคาถาที่จะส่ง
ตรงไปยังต้นพลังงานดูซิครับ ให้คิดในใจว่า ขออนุญาติเชื่อม
กระแสพลังงานของท่าน..ของอนุญาติเชื่อมจักระของท่าน
ขอให้พลังงานในกรอบกับในองค์พระรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
กระแสทั้งหมดก็จะเชื่อมขึ้นข้างบนได้ตรงๆเองครับ..
ส่วนเราก็อุทิศส่วนกุศลที่เป็นพลังงานฝ่ายเย็นให้
อะไรก็ตามที่มีอยู่ในวัตถุนั้น เพื่อเป็นเสบียงในการเสริม
การขึ้นไปหนุนต้นพลังงานข้างบน..สุดท้ายแล้วอยากพิสูจน์
ก็ถือไปให้บุคคลที่เราเคยให้เค้าตรวจสอบดูอีกครั้งก็ได้ครับ

 

สอบถามุณพี่นพการณ์หรือคุณพี่ระมิงค์
วัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง อย่างเช่นพระเครื่องเป็นของอาจารย์ท่านนึงสร้างแล้วเสกไว้
ลงไว้ด้านต่างครบแล้วแต่จะไปทางด้านไหน แล้วเราชอบไปกราบครูบาอาจารย์ก้อขอให้ท่านเมตตาเสกเพิ่มองค์ประจำตัวเราของพระอาจารย์ที่สร้างและเสก ทับไปเรื่อยพอไปกราบครูบาอาจารย์องค์ไหน แบบนี้ทางด้านพลังหรือกระแสจะเปลี่ยนไปหรือไม่ครับ ตามองค์ที่ท่านเสกเพิ่ม หรือองค์ที่ท่านมีพลังจิตแรงกว่า หรือบารมีธรรมด้านต่างๆ จะเข้าแทนที่เป็นกระแสหลักแทน ทั้งที่เป็นวัตถุมงคลที่องค์แรกได้เสกสร้างไว้ ขอบคุณพี่ท่านทั้งสองล่วงหน้า ขออภัยด้วยครับเพราะกระทู้นี้เป็นถามการปฏิบัติข้อสงสัยต่างๆ ช่วงนี้มาเป็นถามพระเครื่องแทน ขอบคุณครับ

 

หวัดดีครับทุกท่าน...

รอฟังคำ..บรรยายอย่างไวครับเรื่องนี้
(กระหายใคร่รับทราบจากผู้เชี่ยวเข้าใจศาสตร์พลังงาน)

เรื่องมันมีอยู่ว่า......

ฉันยังอยู่ ฉันโดนผีหลอก ฉันยังมิตาย!!!

 

เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นครับ..เป็นการเพิ่มกระแสพลังงานครับ..
ถ้าทางด้านกระแสพลังงานในวัตถุเนี่ย...
เราวัดกันที่ความเร็วในการเชื่อมและความหนาแน่นของกระแส
พลังงานที่ขึ้นไปเชื่อมครับ...ส่วนความเย็น ความนิ่ม ขึ้นอยู่กับ
ลักษณ์จิตของอาจารย์ท่านๆนั้นๆ ถ้ามีเมตตาก็เย็นโดยมากจะอายุ
๗๐ ๘๐ ปีอัพบางท่านเย็นเหมือนตกก็มีครับ..
ถ้าออกทางพระพุทธก็นิ่มโดยมากจะเป็นทางสายวิชาพิเศษของ
หลวงพ่อมีชื่อที่เราน่าจะทราบกันดี..
ถ้าออกทางพระโพธิสัตว์ก็จะกระชาก.
.ถ้าออกทางสายบารมีสายบุญฤิทธิ์
ก็จะนิ่มและเร็ว....
ที่นี้พวกเรื่องรองลงมา คือ ป้องกัน แคล้วคลาด ฯลฯ ความหนาแน่น
ก็ขึ้นอยู่กับกำลังจิตของท่านผู้ทำการบรรจุท่านนั้น...
ที่นี้พอเรานำวัตถุของเราไปให้ท่านใดก็ตาม ด้วยวิสัยท่านก็จะทราบ
ได้เองว่า ลักษณะกะแสพลังงานเป็นแบบใด ท่านก็จะเสริมเข้าไปในส่วน
นั้นๆ ซึ่งก็จะทำให้พลังงานในส่วนนั้นๆมีความหนาแน่นขึ้น..
อย่างเช่น ท่านนี้มีเมตตา รองมาเด่นป้องกัน แต่ด้านอฐิษฐานขอ
เพื่อการค้าขายอาจจะไม่เด่น และพระพออยู่กับเรานานๆเราลืม
เรื่องการอุทิศส่วนกุศล หรือกำลังใจเราอาจตกเพราะทำแต่งานอย่างเดียว
หรือไปสถานที่แห่งไหนแล้วมีกระแสไม่ดีมาเกาะ มาขวางพลังงานในองค์พระ
พอเราไปหาอีกท่านๆเด่นด้านนี้พอดี ท่านก็ช่วยเสริมเพื่อปรับกระแสให้กลับคลืน
ซึ่งมันก็เสริมกันได้ครับ.....
แต่ก็มีอีกสายโดยเฉพาะบางท่านที่เป็นฤาษีเคยเจอบางกรณีครับ
ที่ท่านจะเคลียกระแสพลังงานเดิมในวัตถุออกก่อนกลายเป็นก้อนธรรมดา..
แล้วค่อยบรรจุของท่านลงไป ..ประเด็นนี้พอดีไม่ถามเหตุผลท่านเลยไม่ทราบครับ.
บางท่านมีวิชาเฉพาะทาง ท่านก็เสริมของท่านลงไป ซึ่งพลังงานในวัตถุเดิม
อาจจะมีเอกลักษณ์ ๔ อย่างเช่น เมตตา ป้องกันภัยถึงตัว แคล้วคลาด
คงกระพัน ด้วยเอกลักษณ์ของท่านที่เจตนา ก็อาจจะมีเอกลักษณ์เพิ่มขึ้น
โดยที่เอกลักษณ์ทั้ง ๔ ก็ยังมีเป็นปกติ และเพิ่มเป็นเช่นกันไฟไหม้ตัว
กันงูกัด กันสุนัขกัด กันรังสี กันเชื้อโรค บางท่านบรรจุพลังในรูปอะไร
ก็กำเนิดสร้างเป็นภาคทิยพ์รูปนั้นเลยก็มีครับ เรียกว่าเกิดจากกำลังฌานฯลฯ
ประมาณนี้หละครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องระวังกลุ่มที่เค้าบำเพ็ญมาทางสายอสูรกายด้วยนะครับ
ที่ว่ามีพิธีอะไรแปลกๆให้พิจารณาให้ดีๆด้วยครับ เพราะว่าถ้าตัวเราเข้าไปอยู่
ในนั้นโดยมีวัตถุบางชิ้น โดยเฉพาะที่เป็นกึ่งๆเครื่องประดับเนี่ยให้ระวังครับ
เพราะกำลังของพวกภูมิอสูรกายเค้าจะเบียดแทรกเข้ามาแทนได้ครับ..
คือไม่ใช่ว่าเค้าเก่งในการเบียดนะครับ แต่ในพิธีการรวมบารมีของพวกนั้น
หลายๆตนจะมีความสามารถในการดึงพลังงานในวัตถุกึ่งๆอัญมณีออกได้ครับ
ประเด็นสุดท้ายเนี่ยเคยเจอกับตัวเองครับ..นึกแล้วก็ขำไปอีกแบบ ๕๕๕๕

 

​

สงกรานต์
สรงน้ำพระ
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์ทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ ได้โปรดดลบันดาลให้
เพื่อนพ้องน้องพี่ สุขกาย สบายใจ
ที่มีทุกข์ ขอให้พ้นทุกข์ ที่มีสุข ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป
ความปรารถนาใดอันเป็นมงคล ขอจงประสบความสำเร็จโดยฉับพลัน

 

https://www.kickstarter.com/projects/iwinks/the-aurora-dream-enhancing-headband/description

อุปกรณ์ที่ช่วยให้เราสามารถฝันไปถึงเรื่องที่เราต้องการได้ และสามารถฝันเห็นในสิ่งที่เพื่อนเรากำลังฝันอยู่...
เป็นการกระตุ้นด้วยคลื่นไฟฟ้าและสนามพลังแม่เหล็ก กับแสงLED ที่มีการผสมสี เพื่อกระตุ้นการมองเห็นผ่านหนังตาเข้าไปยังระบบประสาทตา...

ผมเคยคิดเอาไว้ว่า จะพัฒนาอุปกรณ์ชิ้นนี้ เพื่อนำมาใช้กับการทำสมาธิ โดยการทำให้คนที่ไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อนเลย สามารถเข้าถึงสมาธิได้อย่างรวดเร็ว...
แต่ตอนนี้ไม่คิดจะทำแล้ว...มันไม่เหมาะกับคนไทย ถ้าตกอยู่ในมือคนไทยคงมีโทษมากกว่ามีคุณ...

 

ครับ อุปกรณ์แบบนี้ถ้าจะทำต้องเน้นใช้ไปในทางด้านความมั่งคงจะเหมาะสมครับ..
คือตัวเครื่องบังคับคลื่นสมองให้เข้าในระดับที่จิตเป็นทิพย์ แล้วสร้างแบบจำลอง
เป็นตัวของผู้ก่อร้ายและก็วิ่งสมการในขณะที่บังคับคลื่นสมองให้เป็นทิพย์.คนที่
ถูกบังคับก็จะไปเชื่อมกับคลื่นผู้ก่อการร้ายได้อัตโนมัติอาจทำให้ทราบอะไรๆ
หลายๆอย่างเกี่ยวกับเรื่องการก่อการร้ายหรือความมั่งคงได้...
แต่ถ้าจะพัฒนาออกมาใช้ภาคประชาชน ตัวเครื่องควรบังคับคลื่นสมองให้
ค่อยๆเข้าสู่ระดับความถี่ที่ต่ำกว่า ๑ mHz - ๐.๑ mHz แต่ไม่ถึง ๐.๐๐(เสียชีวิต)
ก็ถือว่าใช้ได้ครับ..จะเกิดกิริยาทางจิต
เทียบเท่าคนที่มีเหตุให้ดวงจิตออกจากร่างกายแบบ
ไม่อยากให้ออก เช่น โดนรถชน หรือประสบเหตุต่างๆ
แล้วปั๊มหัวใจหรือยื้อชีวิตกลับมาได้อีกครั้งนั้นหละครับ..

เพราะคลื่นระดับนี้เป็นสภาวะเป็นกลางที่สามารถสร้างให้คลื่นของสมอง
บุคคลนั้นๆขยายองค์ความรู้เดิมที่เคยมีในสมองออกมาได้อย่างกว้างขวาง
เกินขีดจำกัดครับ..อย่างห่มเหลืองมีชื่อท่านต่างๆก็ผ่านสภาวะนี้มาแล้วทุกท่าน
แต่ท่านได้จากการนั่งสมาธิ และเน้นไปทางด้านปัญญาลดละกิเลสแทน
มากกว่าด้านองค์ความรู้ต่างๆหรือด้านความสามารถพิเศษต่างๆครับ..
ประเด็นนี้ก็ได้แต่คิดนะครับ แต่ไม่ทราบผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้น
หรือทางปฏิบัติว่าจะใช้ก่อเกิดประโยชน์ได้จริงหรือไม่ครับ..

 

คุณนพคะ ดิฉันยังไม่เคยถามคุณนพเลยนะคะว่านอกจากย้อนฯแล้วเนี่ย คุณนพไปข้างหน้าสักระยะหนึ่งได้ไหมคะ ....
ในเวปฯนี้ส่วนมากคนที่ปฎิบัติหลายๆท่าน พอปฎิบัติไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง มักจะเห็นนิมิตซึ่งอาจจะไม่เคยคิดอยู่ในหัวมาก่อนเลย แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดจึงเห็นไปได้ เมื่อกี่ปีก่อนในนี้เคยมีการแชร์ข้อความของพระที่นั่งปฎิบัติในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งสามท่านปฎิบัติแล้วเกิดเห็นเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนกัน มีการย้ำลองนั่งอีกก็เจอเช่นเดียวกัน บอกวันเวลา ระบุชัดเจนที่เห็นในนิมิตนั้น แล้วท่านก็ตัดสินใจออกมาประกาศเตือน โดยการการันตีว่าถ้าไม่จริงจะ......
... ซึ่งต่อมาได้แชร์กันมากมาย แต่ สุดท้ายเหตุการณ์นั้นก็ไม่เกิด
แต่เรื่องทำนองนี้ก็ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งบางเหตุการณ์ดิฉัน ก็เข้าใจว่าพวกท่านเหล่านั้นไม่ได้โกหกหรอกนะคะ

ดิฉันอยากทราบว่าคุณนพฯ พอจะเจอหรือได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้บ้างหรือเปล่า พอจะเล่าสู่กันฟังได้ไหมคะ ในห้องหลุมดำนี้ถ้าพูดเรื่องของนิมิต คงไม่มีใครทึกทักเป็นจริงเป็นจังแบบเต็มร้อยกระมัง แต่ดิฉันอยากได้ยินคุณนพเล่าบ้างค่ะ

ปล. เหตุการณ์ข้างบน ถ้าเล่าตกรายละเอียดไปบ้างต้องขออภัยนะคะ จำได้ประมาณนี้น่ะค่ะ

เมื่อสมัยเข้าเวปฯมาใหม่ๆ ดิฉันไปอยู่ห้องภัยพิบัตินู้นแน่ะ ....

 

ท่านไม่ได้โกหกหรอกครับ ท่านก็พูดอย่างที่ท่านเห็นนั่นหละครับ..
และถ้ามันเคยรู้แล้ว และมาเจอกันถ้านั่งอีกมันก็เห็นเหมือนเดิม
ได้อีกนั่นหละครับ เพราะมันเป็นสัญญาที่ฝั่งอยู่ในจิตแล้วครับ..
ให้มีซัก ๒๐ คนมาเคยคุยกันเจอกัน เล่าเหตุการณ์ให้ฟังมันก็โน้ม
ให้จิตให้เห็นเหมือนกันได้ทั้ง ๒๐คนนั่นหละครับ.
จะเอา ๑๐๐ คนเห็นเหมือนกันก็ยังได้ ถ้าระดับสัมผัสพอมีเหมือนกัน..
และการที่จะไปรู้เหตุการณ์อย่างนั้น โดยที่ต้องนั่งสมาธิด้วย
ยิ่งไปกันใหญ่ครับ..กว่าจิตจะสงบ ตัวสัญญามันก็ไม่หายไปไหนหรอกครับ
เพราะในเวลาปกติจิตมันยังไม่คลายการรู้การเห็นตรงนั้น มันก็ยัง
เกาะอยู่กับจิตนั่นเอง..เค้าเรียกว่ามันตั้งต้นรอที่จะย้อนกลับไปรู้อยู่
และเมื่อมันยังไม่คลายตัวรู้ก่อน เมื่อมีการตั้งต้นพอเข้าอารมย์นั้น
ร้อยทั้งร้อยมันก็ย้อนไปรู้ที่เคยรู้เคยเห็นมาอีกนั่นหละครับ...
และการที่ต้องนั่งเพื่อรู้มันเป็นระดับที่ไม่ได้
ถือว่าใช้งานได้ครับ.ไม่ควรเอามาเป็นสาระ..
.เป็นระดับที่ใครก็ทำได้ ยกเว้นว่านั่งแล้วเกิดปัญญาทางธรรม
ออกมาลดละกิเลสได้อย่างนี้ไม่เป็นไร..แต่นั่งๆแล้วไปรู้โน้นรู้นี่
อย่างนี้อย่าไปให้ความสำคัญใดๆหรือให้น้ำหนักอะไรทั้งสิ้น.
เอาแค่รู้ช้ากว่าซัก ๑๐
วินาทีนี่ก็ถือว่าใช้งานไม่คล่องแล้วครับ...
ถ้าจะรู้แบบนั้น มันต้องรู้แบบพรวดๆๆเป็นภาพสร้างออกมาจากจิต
ให้เราเห็นเป็นเรื่องราวได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีครับ
มันถึงจะน่าเชื่อถือและมีความแม่นยำได้ครับ..และ
เรื่องอนางอสญานทั้งหลายผู้ปฏิบัติจำนวนมาก ก็สามารถเห็นได้
เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นหละครับ ทั้งแบบที่ไม่ต้องฝึกและหลังจากฝึก
ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ
.เมื่อก่อนพึ่งหัดนั่งสมาธิใหม่ๆเรื่องพวกนี้มันชอบเกิดครับ..
ที่ไม่ชอบก็คือ..มันมักจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และเป็นไปตามที่เราเคยเห็น
เหมือนตอนกลางวันนี่หละครับ ทั้งคนทั้งสถานที่ เจอบ่อยๆบางที่มันทำให้
เรารู้สึกเบื่อมากๆครับ..ไอ้เรื่องพวกนี้เมื่อก่อนพอทำได้ตั้งแต่สมัย
เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้วครับไม่ได้นั่งสมาธิอะไรเลยครับ
แต่ช่วงนั้นโดนคุณไสย์เกือบตายเหมือนกัน ดีว่ามีพราหมณ์มาช่วย
แต่ก็เกือบ ๒ เดือนถึงเป็นปกติครับ..
แต่ก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่ามันไปรู้ได้อย่างไรนะครับ..เช่น(เรื่องจริงนะครับ)
คบผู้หญิงคนหนึ่งพอเลิกกัน ก็เลยไปบอกเค้าว่าคนต่อไป
คนหนึ่งที่เค้าจะคบเป็นใคร ใครเป็นคนที่สอง ใครคนที่สาม และคนที่สี่
และสุดท้ายจะแต่งงานและมีลูกกับใครด้วยครับ ๕๕๕๕๕
ตอนนั้นโดนเค้าด่าจนเสียสุนัขไปฝูงหนึ่งเลยครับ ๕๕๕
คิดแล้วก็ขำๆไปอีกแบบ สุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่เคยบอกเค้า
ทุกวันนี้เจอหน้ากัน..แค่สบตาเค้ายังไม่กล้ามองหน้าเลยครับ..
และส่วนตัวก็เคยได้ยินเรื่องอนาคตต่างๆ ทั้งจากท่านที่เก่งๆ.
และเคยได้ไปยืนดูในโหมดพิเศษด้วยตัวเองก็มีครับ
ประเภทภูเขาหินปูนระเบิดแล้วไปถล่มทับหมู่บ้านจัดสรร
ชั้นเดียวอะไรประมาณนี้ ฯลฯ
และเรื่องอนางอสญาน
เมื่อก่อนเริ่มจากไปข้างหน้าวันสองวันแล้วก็แสดงก้าม
ไปอีกซัก ๔ ถึง ๕ ปีไม่มากกว่านี้หรอกครับ..
อย่างดวงจิตบางดวง มันก็บอกได้ว่าอีก ๔ ชาติจะไปเป็นอะไรบ้าง
แต่ไม่เคยไปสนใจหรือคิดจะเอามาพูดให้ใครเค้าด่าเล่นหรอกครับ..
เพราะการไปรู้อนาคต กับการย้อนรู้อดีต มันจะต่างกัน
ตรงที่ว่าอนาคตมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอครับ
มันเป็นการรู้ ณ เวลานั้นๆ สภาพแวดล้อม ณ ปัจจุบันนั้นเป็นองค์ประกอบ
ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีแล้วมันไม่เกิดนะดีแล้วครับ
โดยที่เราไม่ต้องไปสนใจว่า คนที่เตือนเค้าจะอะไรอย่างไร..
อย่างน้อยก็ถือว่าเค้ามีน้ำใจที่มาช่วยเตือน
อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันไว้ก่อนดีกว่าแก้
และที่สำคัญพอไม่เกิดยังจะต้องมาถูกคนอื่นๆ
เค้าด่าจนเสียหายอีก.ก็ถือว่าเค้าเสียสละในระดับหนึ่งแล้วครับ..
และการย้อนรู้อดีตที่ผ่านมาแล้ว.มันก็เป็นสัญญาเดิมในจิตคนๆนั้น
เป็นเรื่องราวที่เก็บไว้ในจิตดวงนั้นที่เคยผ่านมา
แต่มันก็สามารถคาดเคลื่อนได้เช่นกัน..
ขึ้นอยู่กับจิตที่เข้าไปค้นข้อมูลครับ..เค้าถึงว่าสิ่งที่เห็นก็อาจจะจริง..
แต่ว่ามันจะจริงหรือเกิดขึ้นจริงหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ.
แต่ถ้ามันจะจริง องค์ประกอบด้านสภาพแวดล้อมที่จะไปถึง
ณ เวลานั้นมันต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมันถึงจะมีโอกาส
เกิดขึ้นได้ด้วยครับ ซึ่งในความเป็นจริงมันค่อนข้างยากมากครับ...
ปล.แต่ก็มีห่มเหลืองบางท่าน ที่ท่านเคยบอกไว้ และเกิดขึ้นจริงๆ
ส่วนมากเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริงคือเรื่องที่ท่านพูดแต่ไม่มีคนสนใจ..
และมันก็ถูกต้องแม้กระทั่งเดือนและปีแม้มีแต่ว่าน้อยครับ.
ไม่ใช่แบบว่าพอเกิดแล้วออกมาแสดงเพราะอยากดัง
อยากมีชื่อ ว่าตนเคยทำทงทำนาย
ไว้แล้ว(ความจริงทำนายไว้ร้อยเรื่อง๕๕๕) พวกนี้คบไม่ได้ครับ.....

 

อุ๊ย กระทู้ปุถุชนฯกะลังคุยกันเรื่องพระและอนาคต. ขอปรึกษาค่ะว่าจะห้อยพระองค์ไหนดี (สำหรับคอหญิงคนนึง & ชายคนนึง) ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

รูปที่ 1, 2

 

รูปต่อไป รูปที่ 3