ซูกระแท้ว....แซวกระทู้....

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 14 เมษายน 2014.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    จ. การพิจารณาธรรม ในอุปจารสมาธิ กับ การพิจารณาธรรม ในปฐมฌาน .....มีหรือไม่? ลักษณะต่างกันอย่างไรครับ?

    ่ตามทฤษฏี ท่านให้พิจารณาในอุปจารสมาธิครับ แม้การอธิษฐานฤทธิ์ก็อธิษฐานกันตอนนี้ครับ...
    แต่ในทางปฏิบัติ ท่านให้เจริญสติให้เป็นมหาสติ แล้วเข้าไปพิจารณาในเขตของฌาณ4 ครับ ซึ่งโดยทั่วไปทำไม่ได้เนื่องเพราะกำลังสติไม่เพียงพอครับ ท่านขุนเคยเห็นคนที่ยืน เดิน นั่ง นอน ทรงอยู่ในฌาณ 4 ไหมครับ เว้นแต่เวลาที่ต้องพูด จึงจะทรงอารมณ์ไว้ในเขตปฐมฌาณ...การพิจารณาธรรมในขณะที่ทรงฌาณ4ทำได้จริงๆครับ

    ก. ความคิดปรุงในขณะอยู่ในอุปจารสมาธินี้เรียกว่า สังขารฝ่ายมรรค ใช่หรือไม่? ถ้าตอบไม่เป็นอย่างไร?
    ข. สังขารฝ่ายมรรคนี้ มีลักษณะ การพิจารณาด้วยความโปร่งเบา (ไม่ฟุ้ง ไม่หนัก) ไม่มีอาการลังเล มีความฉับไวในการพิจารณาตามกฎไตรลักษณ์ ใช่หรือไม่? ถ้าตอบไม่เป็นอย่างไร?


    ท่านขุน ถามนี่มันเป็นปลายแล้วครับ ท่านต้องย้อนกลับไปหาต้น แล้วจะสับสนน้อยลงหน่อยครับ ต้นมันคือ ความคิด ท่านต้องดูก่อนว่าความคิดนี้มีที่มาจากไหน จะปรุง ปรุงอย่างไร ใครเป็นผู้ปรุง ใครเป็นผู้ถูกปรุง ใครเป็นผู้รู้ ผู้ดู ผู้ปรุงและผู้ถูกปรุง ถ้าท่านไม่เห็นต้นเหตุมันตรงนี้แล้วไปดูที่ปลายเหตุจะงงครับ...

    เมื่อรูปภายนอก กระทบรูปภายใน เกิดวิญญาณ ไปสู่จิต สัญญาจึงไปสู่สังขารให้ปรุงแต่งเกิดอุปทาน แสดงออกมาเป็นนามรูปคือความคิด...นี้เกิดจากเหตุปัจจัยภายนอกอย่างหนึ่ง...

    ความคิดที่เกิดจากสัญญาส่งไปให้สังขารปรุง ภายในจิต เกิดอุปทาน แสดงออกมาเป็นนามรูปคือความคิด อันนี้จากเหตุภายในคือสัญญา อย่างหนึ่ง..

    พระท่านให้พิจารณาในอุปจารสมาธิก็เพราะ เป็นจุดที่สติที่เป็นเพียงอนุสติ ยังพอจะทำให้สามารถนึกคิดได้ ถ้าเข้าเขตฌาณแล้ว แต่สติยังเป็นอนุสติอยู่ จะคิดไม่ออก พิจารณาไม่ได้ มันจะค่อยๆนิ่งๆไป ไม่เกิดประโยชน์

    ในขณะที่อยู่ในอุปจารสมาธินี้ ผู้รู้ ที่ตามดูจิต ท่านเรียกว่าสติ จะยังมองไม่เห็นจิตครับ เนื่องจากกำลังสติ เป็นแต่เพียงอนุสติ ดังนั้นวิธีง่ายๆท่านจึงให้ดูที่ความคิด เพราะเมื่อจิตเสวยอารณ์ใดอารมณ์หนึ่ง จิตเปลี่ยนจากสภาพว่างมาเป็นไม่ว่าง เกิดเป็นความคิด ความคิดเวลานั้นก็คือจิต...คือจิตที่เปลี่ยนสภาพไป ที่บางตำราว่าจิตมี 108 ดวงบ้าง 120 ดวงบ้าง จริงๆจิตมีดวงเดียว เพียงแต่เปลี่ยนสภาพไปตามอารมณ์ที่จิตเสวยอยู่ขณะนั้น...
    ผู้รู้เมื่อตามดูจิตเรียกว่า สติ เป็นเหตุให้จิตมีอาการเบา และด้วยกำลังเข้าใกล้เขตฌาณ เป็นธรรมดาของจิตที่ภาระน้อยลง ผู้ฝึกย่อมรู้สึกเบา..
    ผู้รู้เมื่อตามดูกาย เรียกว่า สัปชัญญะ เป็นเหตุให้เกิดการผ่อนคลาย ในอริยาบทนั้นๆ ทำให้รู้สึกว่ากายเบา นี่เหตุที่มาเป็นอย่างนี้ครับ

    ส่วนเรื่องการพิจารณาในไตรลักษณ์ในชั้นนี้ แม้ว่าจะคล่องขึ้นก็ด้วยมีสติคุม แต่ก็ยังต้องอาศัยสัญญา และสังขาร ปรุงแต่ง ตะล่อมจิต ให้อ่อนน้อมไปตาม พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ในเรื่องไตรลักษณ์เสียก่อน...ส่วนจะเรียกว่าสังขารฝ่ายมรรคหรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ เพราะเวลาฝึก เราดูกันที่จิต ดูกริยาของจิต มันไม่มีภาษาที่ใช้ในเวลานั้น...
    ส่วนการพิจารณาในเวลานั้น เรื่องความลังเลสงสัย ไม่มีครับ เพราะสรรพสิ่งล้วนเข้าสู่กฎของไตรลักษณ์ทั้งสิ้น เมื่อเป็นความจริงเยี่ยงนี้แล้ว การพิจารณาย่อมไม่มีความลังเล...

    ค. สังขารฝ่ายมรรคนี้ เมื่อพิจารณาแล้วรู้ชัดแล้วปลงวางแล้วจะไม่มีความสงสัยอีกในธรรมที่ยกขึ้นมาพิจารณาในขณะนั้น ในขณะเดียวกันสภาพจิตยังทรงความโปร่งเบาอยู่ และและเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับการพิจารณาธรรมในหัวข้อถัดไปตามแต่สัญญาจิตจะระลึกขึ้นได้ในขณะทรงสมาธิอยู่นั้น คือ หมุนวนเป็นชุดๆไปในลักษณะเดียวกันนี้ เช่น ยกข้อธรรมขึ้น=>พิจารณา=>จิตเข้าใจแจ่มชัด=>ปลงวาง=>ยกข้อธรรมขึ้น=>พิจารณา=>จิตเข้าใจแจ่มชัด=>ปลงวาง=>ยกข้อธรรมขึ้น=>พิจารณา=>จิตเข้าใจแจ่มชัด=>ปลงวาง=>....เมื่อพิจารณาจนจิตเหนื่อย....จิตจะแสดงอาการขุ่น-ฟุ้ง-หนัก-ล้าเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับฟุ้งซ่าน....(แต่ถ้าฝืนพิจารณาต่อจิตจะเข้าสู่ข้อ(๒)) เมื่อจิตแสดงอาการเหนื่อยเช่นนี้จึงหยุดการพิจารณาทำความสงบในสมาธิเพื่อสะสมกำลัง เป็นลักษณะอย่างนี้ใช่หรือไม่? ถ้าตอบไม่เป็นอย่างไร?

    มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิครับ ท่านขุน....
    เวลาพิจารณานั้น ท่านต้องอย่าลืมว่า ท่านยังอาศัย สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณ สติ สมาธิ และ..อวิชชา มันทำไปพร้อมๆกันทั้งหมดนะครับ...พิจารณาไปจบลงที่ไตรลักษณ์แล้ว ปลงแล้ว วางแล้ว แต่มันยังไม่ปล่อย หรือว่าปล่อยแล้ว แต่มันก็ยังไม่วางหรอกครับ
    การพิจารณาลงสู่ไตรลักษณ์นี้ เป็นแต่เพียงการหลอกจิต หรือเรียกให้ดูดีคือ การตะล่อมกล่อมเกลาจิต ที่ถูกกิเลสครอบงำมานาน ให้ได้เห็นสภาพความเป็นจริงของสรรพสิ่ง ว่า ไม่เที่ยง ทนได้ยาก และแตกสลายหายไปในที่สุด...

    ปัญญาที่เกิดในชั้นนี้ เป็นแต่เพียง จินตมยปัญญาเท่านั้น หาใช่ปัญญาอันเป็นวิมุตติไม่ ให้สังเกตอย่างนี้ครับว่า เมื่อพิจารณาไปในธรรมนั้นๆ อย่างนี้แล้ว ต่อมาภายหลัง เมื่อมีอารมณ์ภายนอกมากระทบเข้า จิตใจยังกระเพื่อมอยู่ครับ นี่มันจะบอกถึงว่า ในชั้นนี้ เรายังละไม่ได้ จะได้ก็เพียงแต่การยึด แต่ไม่มั่น ถือ แต่ไม่มั่น คือคลายอาการยึดมั่นถือมั่นลงมาหน่อยหนึง แต่เรื่องการปล่อยวาง ยังไม่มีผลครับ...

    จิตที่พิจารณาในธรรมอยู่อย่างนี้ ไม่มีคำว่าเหนื่อยนะครับ ถ้ามีสติตามรู้ตามดูอยู่ ไม่มีคำว่าเหนื่อย มีแต่ยิ่งพิจารณาไป จิตยิ่งเบาไปเรื่อยๆ เพราะความยึดมั่นถือมั่นที่เคยมีมา มันผ่อนคลายลง...
    แต่การที่ท่านขุน พิจารณาแล้วมีอาการเหนื่อยนั้น เกิดเพราะท่านไปยึดมั่นถือมั่น ยิ่งท่านยึดมั่น ถือมั่นมากเท่าไร ก็จะยิ่งเหนื่อย...
    ที่ท่านขุนยึดมั่น ถือมั่น ในเวลานั้น ดูให้ดีนะครับ ว่าท่านกำลังยึดมั่นถือมันในอันที่จะปล่อยวาง...

    ท่านต้องสังเกตนะครับว่า เวลาที่ท่านพิจารณาจนเหนื่อยแล้ว จึงกลับมาทำสมาธิให้จิตสงบ เบา สบาย เวลานั้นท่านมีความรู้สึกว่าเป็นสุข แต่เวลาที่ท่านพิจารณาจนเหนื่อย ท่านจะมีความรู้สึกทุกข์ เพราะมันเริ่มจะไม่สงบเสียแล้ว...
    นี่คืออาการข้างเคียงของการยึดมั่นถือมั่นในการปล่อยวาง มันจะไปติดสงบ เมื่อสงบมันเป็นสุข มันชอบใจ เมื่อมันเหนื่อย ไม่สงบ มันเป็นทุกข์ มันไม่ชอบใจ...
    ผิดทั้งหมดเลยครับ...

    ผมถึงบอกแต่ต้นว่า มันไม่ง่ายอย่างนั้น...ที่หลวงตาบัว พูดว่า อวิชชาผ่องใสอย่างยิ่งนี่ ผมได้ยินแล้วยิ้มเลย...มันเก่งจริงดังหลวงตาว่าไว้จริงๆนะครับ...

    ท่านขุนต้องฝึกไปก่อนครับ จนเมื่อจิตสงบ ที่จริงนี่มันสงบด้วยตัณหา คือความอยากสงบน่ะครับ จนกระทั่งมันฟุ้งเหมือนผึ้งแตกรัง ต่อมาท่านจะเห็นว่า ไม่สงบก็ดี สงบก็ดี ทั้งสงบและไม่สงบนี้ มันก็เสมอกัน หลังจากนั้น จิตท่านจะรวมวูบลง แล้วท่านจะกลายเป็นคนโง่ขึ้นมาทันที...แต่ก็เป็นขั้นเริ่มต้นก่อนที่จะไปถึงซึ่งความฉลาดนะครับ...

    คือท่านจะรู้สึกว่า ที่ท่านอ่านมาทั้งหมด ที่ท่านฟังมาทั้งหมด ที่ท่านฝึกมาจนถึงบัดนี้ ท่านยังไม่รู้อะไรเลย...
    ท่านขุนต้องถึงตรงนี้ก่อน จึงจะเริ่มนับ 1 ในการปฏิบัติ ตามวิถีแห่งมรรค...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2015
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ๑.๒ ถาม ในส่วนเครื่องปรุงหรือความหมายของคำ-ประโยค ในส่วนของความหมายคำว่า "นิพพานสุขัง" และคำว่า "พุทโธ"เป็นเพียงสมมติ...ถือเป็นส่วน สังขารและสัญญาขันธ์ เป็นแต่เพียงโน้มน้าวจิตไว้ในส่วนของกุศล....เท่านั้น....ไม่ได้นำมาเป็นส่วนตัดกิเลสเหมือนข้อ๒....ประโยชน์คือ...หากคราวใดจิตไม่ได้อยู่ในความโปร่งเบา(สมาธิ) เครื่องปรุง จะช่วยรักษาจิตไว้ให้อยู่ในส่วนของกุศลจิต....ใช่หรือไม่? อย่างไรครับ?

    "น้ำทำให้เกิดโคลน...ก็น้ำนี่เองที่จะใช้ชำระโคลน"
    เล่ามากกว่านี้ เหล่าผู้มีโมหะจริต จะเอาไปใช้ในทางที่ผิด
    ผมว่าท่านขุนเข้าใจในข้อนี้ เพียงแต่ท่านยังไม่เห็น สภาวะของสัญญา สังขาร ว่าเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร...ครูบาอาจารย์ท่านผ่านมาหมดแล้ว ท่านไม่แนะนำให้ฝึกโง่ๆอย่างผมหรอกครับ ท่านให้ทางลัดตัดตรงเลย...เพียงแต่สันดารผม ผมไม่เชื่อหรอกครับ ผมต้องฝึกไปให้มันรู้ให้ได้...เจียนเป็นเจียนตาย สุดท้าย เป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆครับ...

    ถึงเวลานั้นจริงๆแล้ว สมาธิก็ไม่สนใจแล้วครับ ไม่สนใจว่าจะโปร่ง หรือจะเบาไม่เบา มันไม่เอาอะไรสักอย่างเดียว ท่านอย่าลืมนะครับว่า สมาธินี่มันของคู่โลก จะพ้นไปจาก3โลกนี้ สมาธิ จะเอาไปทำไม??
    จิตจับนิพพานไว้อย่างเดียวก็พอ...
     
  3. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ๑.๓ เมื่อทรงอารมณ์ตามข้อ ๑.๑ และข้อ๑.๒ คือยังไม่มีข้อ ๒. (ภาคปัญญา) หากมรณาในขณะใดๆเป็นปัจจัยเข้าสู่แดนสุคติภูมิได้ตามระดับบุญกรรมที่สั่งสมมาเช่น...ทาน...ศีล...ภาวนา... ใช่หรือไม่? อย่างไรครับ?

    ถูกต้องตามนั้นครับ...ส่วนเรื่องที่ผลกรรมดี ผลกรรมชั่ว จะมาสนองตอบเวลาใดอย่างไร ตรงนี้ ลึกเกินไป จะยังไม่อธิบายในเวลานี้นะครับ..
     
  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ๒ เรื่อง การพิจารณากาย....การพิจารณาความตาย
    ถาม การพิจารณากาย....การพิจารณาความตาย...เปรียบเสมือน....ปัญญา...ซึ่งเป็นตัวตัดกิเลส....ถ้ามีพื้นฐานตาม ข้อ ๑.๑ โดยตลอดต่อเนื่องแล้วย่อมพิจารณาได้ตามสภาพ....ด้วยความโปร่งเบาของจิต...หากทำสม่ำเสมอ....เมื่อคราวใกล้จะมรณา...(จิตเปลี่ยนภพ)...จิตย่อมจะรวมใหญ่...เหลือแต่เพียง ชวนจิต(ชะวะนะจิต)...ที่จะนำไปเกิด..ตามกฎกรรม...หากเคยชินคือ..ทรงอารมณ์ตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๒. แล้วไว้ได้...จะสามารถตัดกิเลสได้..(เข้าใจจากอ่านตามลิ้งข้างต้น) .....เนื่องจากไม่ใช่จากการนึกปรุงตามอวิชชา...เพราะได้รู้สภาพตามความเป็นจริง(ตัวเองกำลังประสบในขณะนั้นคือใกล้ตาย)บนฐานแห่งสมาธิตามที่ปฏิบัติไว้อย่างสม่ำเสมอตามข้อ ๑.๑...ในขณะจิต..ที่กำลังจะเปลี่ยนภพ..นั้น...เข้าใจอย่างนี้ถูกหรือไม่? ....อย่างไรครับ?


    ท่านขุนต้องดูก่อนนะครับว่า ก่อนที่จะมาถึงตรงนี้ พระท่านกล่าวไว้ว่า
    ให้รักษาศีล ฆารวาสมี ศีล 8 ศีล 5 กรรมบท 10
    นี่ท่านให้ระงับความชั่วทั้งหมดก่อน
    ทรงพรหมวิหาร 4 บำเพ็ญบารมี 10
    คือท่านให้ทำความดีทั้งหมดก่อน
    นึกถึงความตายเป็นอารมณ์
    นี่คือวิปัสสนา เบื้องต้น
    และให้นึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์
    ท่านสอนเป็นลำดับกันมาแบบนี้ครับ...

    ต้องระงับชั่วก่อน
    จากนั้นต้องทำความดี
    จึงจะถึงสุดท้ายคือทำใจให้บริสุทธิ์ ท่านให้นึกถึงพระนิพพานเลย
    ตรงนี้จริงๆแล้ว เป็นความฉลาดของครูบาอาจารย์ ท่านอาศัยสัญญา เพื่อไปเสียจากสัญญา..

    แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นนะครับ ล้านคนจะมีไปได้จริงๆสักคนนึงก็ยังหายาก
    เพียงแต่ว่าถ้าทำตามท่านแนะนำแล้ว อบายภูมินี่ปิด
    มีสุคติภูมิเป็นที่ไปอย่างเดียว จะไปได้แค่ไหนเท่าไรก็สุดแล้วแต่ แต่ละคนครับ
     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ๓ เรื่องศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗
    ถาม เป็นการกำหนดขอบเขตการประพฤติตนตามแต่สถานะ...เพื่อไม่ให้จิตเดือดร้อนวุ่นวาย..จากภัยอันเกิดแต่การล่วงละเมิดขอบเขตความดีคือศีล..อันจะมีวิบากทุกข์ร้อนต่อไปและจะเป็นผลสืบให้...ไม่สามารถทำข้อ ๑. ได้ตลอด ผลสืบเนื่องไปข้อ ๒ จะไม่สามารถพิจารณาบนพื้นฐานสมาธิได้. ใช่หรือไม่? อย่างไรครับ?


    ถูกต้องแล้วครับ...ศีลนี้จะเป็นตัวตัดกังวล ในเวลาเจริญภาวนา ทั้งด้านสมถะและวิปัสสนา ยกเว้นตบะของฤษีนะครับ ตบะฤษี ไม่สนใจศีล รักษาเพียงสัจจะ

    ผมยังนึกว่า ท่านขุนจะถาม เรื่องศีลในศีลพตปรามาส หรือศีล ที่เกิดขึ้นภายในจิต ที่เป็นอธิศีล มีอาการอย่างไร? แตกต่างกันอย่างไรระหว่างศีลของปุถุชนกับของอริยะบุคคล..แต่อย่าถามเลยครับ...เอาไว้ท่านขุนทำไปถึงตรงนี้จะเห็นเองดีกว่า...
    คนมีศีล ยังต้องคอยเอาศีลนั้นออกมาใช้
    คนเป็นศีล ไม่ต้องคอยเอาศีลนั้น ออกมาใช้ เพราะทั้งกายทั้งใจ ทุกอริยาบทของท่านนั้น เป็นศีลแล้ว...เมื่อนั้น จึงไม่ต้องรักษาศีลอีกต่อไป แต่เป็นศีลที่จะคอยรักษา..
     
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ๔ เรื่อง...การทรงพรหมวิหาร
    ถาม การทรงพรหมวิหาร...เพื่อเป็นเครื่องช่วยพยุงศีลให้สามารถรักษาไว้ได้...ใช่หรือไม่? อย่างไรครับ?


    พรหมวิหาร 4 ไม่ใช่เครื่องพยุงศีลครับ พรหมวิหาร 4 นี่ครอบคลุมศีลไว้ทั้งหมดแล้ว
    ถ้ามีพรหมวิหาร 4 แล้ว เรื่องจะผิดศีล ละเมิดศีลจะไม่มี...
    แต่ว่าพรหมวิหาร 4 โดยตัวของมันเองแล้ว ทรงได้เพียงอารมณ์อุปจารสมาธิเท่านั้นนะครับ
    เมื่อจิตที่ทรงพรหมวิหาร 4 ดีแล้ว จิตนั้นจะเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม เป็นเหตุให้เข้าถึงสมาธิได้โดยง่าย เพราะจิตนั้นมีความอ่อนโยน เหมาะแก่การงานครับ...
    ส่วนถ้าต้องการจะทรงพรหมวิหาร4 ให้เข้าฌาณ 4 ให้ได้ ก็ต้องไปว่ากันอีกแบบนึง???อย่าถามเลยครับ..เดี๋ยวผมจะเป็นลม...

    .................เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แลฯ.......
     
  7. ขุนวัง

    ขุนวัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2015
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +726
    ขอบคุณที่กรุณาชี้แนะ...นะครับ....จะถามต่อในข้อ ค...เรื่องหลักการพิจารณาซะหน่อยแต่เวลาดึกแล้ว...ไว้โอกาสหน้านะครับ.
    ...ขออโหสิกรรมหากทำให้ท่านระมิ้งลำบากครับ...
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,500
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    ขอบพระคุณท่านขุนวังที่มาถามค่ะ เพราะบางทีมีความสงสัยๆๆแต่ไม่ทราบว่าจะถามอย่างไร อ่านเสียนานเลย บางทีก็นึกไปอีกแหละตอนที่หลวงปู่เสาร์ท่านสอนหลวงปู่มั่นว่า "ทํา ทําไป" กราบขอบพระคุณท่านอ ระมิงค์ค่ะ นึก(อีกแล้ว)อย่างที่หลวงพ่อจรัญท่านว่า"ในอนาคตข้างหน้า ถามเรื่องทางโลกให้ถามพระ ถ้าถามเรื่องธรรมะให้ถามคน" สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2016
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    คำถามแบบท่านขุน เป็นคำถามของหลายๆท่านที่อ่านมามากแล้วสงสัยมาก เวลาปฎิบัติ จึงชักงักบ้าง เดินหน้า3ก้าวถอยหลัง2ก้าว แต่จะถามก็หาคนตอบยาก เพราะคำถามแบบนี้ บางครั้งเป็นเรื่องจิต เรื่องธรรม ซึ่งเป็นนามธรรม ก็ยังพอได้ แต่พอไปถึง จิตในจิต ธรรมในธรรมแล้ว ปกติ จะไม่มีใครตอบกัน เพราะตอบไปก็เท่านั้น ไม่สามารถทำให้สิ้นสงสัยได้จากคำถาม คำตอบ พระท่านจึงให้ฝึกไป แต่ฝึกไปอย่างนั้น มันก็เหมือนตาบอด เดินทางไกล ในหนทางที่มีอันตรายมาก ย่อมหลงทาง ผิดพลาด มากมายนัก กว่าจะเหลือรอดมาได้ ก็น้อย และบาดเจ็บสาหัส บอบช้ำอย่างยิ่ง จนไม่มีแรงจะบอกใคร อธิบายไม่ไหวเสียแล้ว...

    แต่ลำพังคนอย่างผมก็ยังไม่ได้มีความดีอะไรจะมาอธิบายธรรมเหล่านี้ให้กระจ่างได้ เวลาจะตอบแต่ละครั้งก็อาศัยบารมีพระท่านมาคุม ครูบาอาจารย์ท่านมากำกับ ลำพังตัวเองก็ต้องเดินฌาณไปตามนั้น ตั้งสติแต่อนุสติไล่ไปจนเป็นมหาสติ ครบทั้งหมดก่อน แล้วไล่ลำดับของจิตไปเป็นลำดับ ในขณะที่ยังต้องพิมพ์ไปด้วย และต้องรั้งกำลังขณะนั้น เพื่อจะตอบคำถาม จึงต้องใช้กำลังมาก เหมือนคนวิดพื้น วิดเรื่อยไป 20 ที 50 ที 100 ที มันทำได้ แต่ให้วิด 1 ที ค้างไว้ 5 นาที แล้ววิดอีก 1 ที ค้างอีก 5 นาที แบบนี้ วิดไปได้ 10 ทีมันเหนื่อยจัดกว่า คนวิดพื้นรวดเดียว 100 ทีเสียอีก เพราะต้องรั้งกำลังเอาไว้ เพื่อจะตอบสภาวะในขณะนั้น...

    พยายามตอบไว้ให้มากหน่อย กลั้นใจเอาไว้ ตอบจบก็ต้องขอเป็นลม แพล๊บ...

    คำอธิบายเหล่านี้นั้น ผมก็หวังว่า วันหนึ่งในภายภาคหน้า จะพอมีประโยชน์ให้ท่านที่สนใจในการปฏิบัติ ได้พอมีคำตอบที่เทียบเคียงกับผลการปฏิบัติของตนได้ ไม่ต้องเสียเวลางม มากนัก... อาจต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะยังไง เราก็ต้องตายอยู่แล้ว อันนี้เรื่องเล็ก แต่ถ้าฝึกจนตายก็ไม่เห็นมรรคเห็นผลเลย มันจะน่าเสียดายเท่านั้นเอง...
     
  10. ขุนวัง

    ขุนวัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2015
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +726
    ....ขออโหสิกรรมหากทำให้ท่านระมิ้งลำบากครับ....
    ....แรกว่าจะถามต่อ...แต่เห็นว่าท่านระมิ้งจะ...ลำบากมาก...และเกรงว่าจะเลยการปฏิบัติไป...กลายเป็นปริยัติ....เอาเป็นว่าที่ท่านระมิ้งกรุณาตอบมาก็ถือเป็นความกรุณายิ่ง...ส่วนคำถามคงจะละไว้ให้ผู้ใฝ่ศึกษาและปฏิบัติจะนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตน....ถูกผิดอย่างไร...อย่านอกออกจากพระธรรมคำสอน....ตั้งธงไว้ที่นิพพาน...หากติดขัดข้องสงสัยในขณะปฏิบัติอันเป็นของจำเพาะตน...พระธรรมท่านคงมีคำตอบให้....
    .....ขอบพระคุณและขออโหสิกรรมอีกครั้งครับ....ท่านระมิ้ง...._/\_
     
  11. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    (ข่าวดีค่ะ)

    คนที่มี่ใบขับขี่ตลอดชีพ
    เปลียนภายในเดือน ธ ค
    ได้ใบข้บขี่อาเซียน 10ประเทศ

    สอบถาม ขนส่งใหญ่แล้ว ใครยังไม่เปลี่ยนก็รีบไปเปล่ยน ด้วย
    แจ้งรายละเอียดเป็นบัตรสมารท์การ์ด เอกสารที่ใช้ บัตรประชาชน พร้อมสำเนา ใบขับขี่เก่า ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา สามารถทำได้ที่ขนส่งทั่วประเทศ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1584

    ขออนุญาติค่ะ จะได้ทราบหลายๆคน
     
  12. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    อย่าพึ่งเป็นลมไปเสียก่อนครับท่านพี่ คำตอบของท่านพี่raming2555
    เยี่ยมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05715.JPG
      DSC05715.JPG
      ขนาดไฟล์:
      557 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      40
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998

    ยินดีต้อนรับท่านคมสันต์ครับ หลังจากหายไปนาน...
    เพราะว่าเอาเวลาไปปฏิบัติธรรม ดีกว่าเวียนหัวกับคอมเม้นท์หลายๆเม้นท์ในเวปนี้...
    แต่ในเมื่อปรากฎกายขึ้นแล้ว...ก็ต้องมีคำถามให้ท่านคมสันต์มาช่วยอธิบายบ้างเหมือนกันครับ...

    1. มีน้องคนหนึ่งอยู่ภาคอีสาน ชื่อภาษาญี่ปุ่น ว่า หิวจัง...
    มีความสงสัยในอัญมณีเหล่านี้ครับ...


    [​IMG]

    นัยว่า เสด็จมาด้วยการอัญเชิญ...
    เพื่อไขปริศนานี้ ก็นิมนต์ท่านคมสันต์ช่วยเฉลยให้ฟังด้วยครับว่า ที่ไปที่มาสิ่งเหล่านี้ เป็นอย่างไร???? เพื่อให้เพื่อนพ้องน้องพี่ ตาสว่าง ...

    แล้วจริงๆเรื่องการอัญเชิญพระเครื่องก็ดี อัญมณี แก้วรัตนะต่างๆนั้น ต้องใช้วิชาอะไรมาอัญเชิญ เหมือนอย่างที่ หลวงพ่อเทพท่านเรียก พลอย ต่างๆ มากลางอากาศได้...แบบนี้ ต้องทำอย่างไรครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  14. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ก่อนจะตอบคำถามก็ต้องขอร่ายยาวหน่อยครับ

    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อีกแล้ว
    กลุ้มใจคะพี่น้องไปซื้อลูกแก้วผสมสีเหมือนแก้วในตู้ปลาเลย หมดเงินไปหลายพัน
    เค้าบอกว่าเป็นแก้วพญานาค จะแก้ไงดีคะ เค้าว่าน้องโง่ เลยเถียงกันใหญ่ ใครโง่กันแน่คะ

    ไม่ต้องไปกลุ้มใจครับ ยังมีแก้วสามประการที่คุณไม่ต้องไปเสียเงินซื้อ
    แม้นแต่เพียงสตางค์เดียวครับ นั่นคือพระรัตนตรัย หรือแก้วสามประการ
    ประกอบไปด้วย พระพุทธ พระธรรม เเละ พระสงฆ์ น้อมเข้ามาปฏิบัติ
    ได้ไม่จำกัดกาลเวลา ครับ

    เรียนท่านผู้มีเมตตาบุญ วัตถุมงคลที่ปรากฎให้ท่านได้เห็นในกระทู้นี้เป็นสิ่งที่สักการะบูชาเป็นอย่างยิ่ง ของชาว ต.ปทุมวาปี อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ท่านผู้ชมโปรดใช้ วิจารณญาณ ในการตัดสินใจก่อนเลือกบูชาวัตถุมงคล ท่านที่ไม่ศรัทธาไม่ควรบูชาเพื่อนำไปพิสูจน์หรือตำหนิเพชรพญานาค ถ้ำแกลบ อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ท่านที่บูชาไปแล้วไม่รับคืนเพราะเพชรพญานาคไม่ได้ใช้เป็นพุทธพาณิช ท่านที่บูชาไปแล้วควรใช้เพชรพญานาคเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาในส่วนได้ส่วนหนึ่งแล้วแต่ความเหมาะสม ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ

    รายการที่๑ แก้วมณีนาคราชสัณฐานพระขรรค์สีฟ้าศาสตราวุธจากวังบาดาลความยาว 30 ซม (บูชา ๔,๙๙๙ บาท)จองแล้วครับรายการที่๒ แก้วมณีนาคราชสัณฐานพระขรรค์สีน้ำผึ้งศาสตราวุธสมบัติวังบาดาลความยาว 40 ซม (บูชา ๖๙๙๙ บาท)
    เขียวมรกตศาสตราวุธสมบัติวังบาดาลความยาว 40 ซม (บูชา ๖๙๙๙ บาท)
    รายการที่๔ แก้วมณีนาคราชสัณฐานบ่วงนาคบาศก์ความยาว 12 ซม.สีเขียวมรกตมีลักษณะนาคกินหางปู่บอกว่าถ้าให้ได้ครอบครองจะมีกินมีใช้ไม่มีที่สิ้นสุด (ให้บูชา ๗,๙๙๙ บาท)ายการที่๕ แก้วมณีนาคราชสัณฐานบ่วงนาคบาศก์ความยาว 12 ซม.สีเขียวมรกตมีลักษณะนาคกินหางปู่บอกว่าถ้าให้ได้ครอบครองจะมีกินมีใช้ไม่มีที่สิ้นสุด (ให้บูชา ๗,๙๙๙ บาท) คัดลอกมาจากกระทู้เว็บพลังจิตคุณศรชัย
    เพชรพญานาค**ถ้ำแกลบ**อ-ส่องดาว-จ-สกลนคร


    ข้อความคัดลอกมาจากกระทู้เว็บพลังจิตคุณศรชัย
    เพชรพญานาค**ถ้ำแกลบ**อ-ส่องดาว-จ-สกลนคร
    เรียนท่านผู้มีเมตตาบุญ วัตถุมงคลที่ปรากฎให้ท่านได้เห็นในกระทู้นี้เป็นสิ่งที่สักการะบูชาเป็นอย่างยิ่ง ของชาว ต.ปทุมวาปี อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ท่านผู้ชมโปรดใช้ วิจารณญาณ ในการตัดสินใจก่อนเลือกบูชาวัตถุมงคล ท่านที่ไม่ศรัทธาไม่ควรบูชาเพื่อนำไปพิสูจน์หรือตำหนิเพชรพญานาค ถ้ำแกลบ อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ท่านที่บูชาไปแล้วไม่รับคืนเพราะเพชรพญานาคไม่ได้ใช้เป็นพุทธพาณิช ท่านที่บูชาไปแล้วควรใช้เพชรพญานาคเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาในส่วนได้ส่วนหนึ่งแล้วแต่ความเหมาะสม ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ
    ภาค ๒ ครับ
    รายการที่๑ เพชรพญานาคสัณฐานพระมุจรินทร์นาคราชสีแดง หนัก 4.2 ขีด สูง 14 ซม. ฐาน 4 ซม. (ให้บูชา ๗,๙๙๙ บาท)หนา๑๓๗
    รายการที่๒ เพชรพญานาคสีสัณฐานพระพุทธปางสมาธิสีม่วงน้ำเงิน หนัก 6 ขีด สูง 11 ซมครึ่ง ฐาน 6 ซม (บูชา ๙,๙๙๙ บาท)รายการที่ ๓ เพชรพญานาคสัณฐานพระสีวลีสีม่วงน้ำเงิน หนัก 5 ขีดครึ่ง สูง 44 ซม ฐาน 6ซม (บูชา ๘,๙๙๙ บาท)รายการที่๔ เพชรพญานาคสัณฐานพระสีวลีมือขวาถือร่วมือซ้ายหาบตารบัดสีชมพู หนัก 8.2 ขีด สูง 15 ซมครึ่ง ฐาน 5 ซม (บูชา ๑,๒๙๙๙ บาท)รายการที่๕ เพชรพญานาคสัณฐานพระพุทธสีม่วงวาเลนเดอร์หนัก 4.5 ขีด สูง 14ซ.มครึ่ง ฐาน 4 ซม (บูชา ๗,๙๙๙ บาท)
    รายการที่๖ เพชรพญานาคสัณฐานพระพุทธสีแดง หนัก 4.5 ขีด สูง 14ซ.ม ฐาน 4 ซม (บูชา ๗,๙๙๙ บาท)ายการที่๗ เพชรพญานาคสัณฐานพระพุทธสีแดง หนัก 4.2 ขีด สุง 9.2ซม ฐาน 6 ซม (บูชา ๗,๙๙๙ บาท)รายการที่๙ เพชรพญานาคสัณฐานพระขรรค์สีแดงยาว 14 ซม. (บูชา ๓,๙๙๙ บาท) รวม ๙ รายการปาเข้าไป ๖ หมื่นกว่าบาท


    รายการที่ ๑ มณีนาคา เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม. หนัก 10 ก.ก สีส้ม เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม เท่าลูกบอลเลย์บอล (ให้บูชา ๑๙,๙๙๙ บาท)
    รายการที่ ๒ มณีนาคา เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม. หนัก 10 ก.ก สีเหลืองจีวรข้างในคล้ายๆฟองน้ำ เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม เท่าลูกบอลเลย์บอล (ให้บูชา ๑๙,๙๙๙ บาท)
    รายการที่ ๓ มณีนาคา เส้นผ่าศูนย์กลาง 25 ซม. หนัก 20 ก.ก สีเขียวทึบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม เท่าลูกฟุตบอล(ให้บูชา ๒๔,๙๙๙ บาท)
    รายการที่๔ มณีนาคาสีชมพู เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 ซม หนัก 4 กก ใหญ่กว่าลูกตระกร้อประมาณ 2 ซม (ให้บูชา ๔,๙๙๙ บาท)
    รายการที่ ๖ มณีนาคาสีฟ้าโปรง ขนาด 11 ซม หนัก 2 กก เท่าลูกตระกร้อ (ให้บูชา ๑,๙๙๙ บาท)รายการที่ ๘ มณีนาคาสีฟ้าทึบ ขนาด 11 ซม หนัก 2 กก เท่าลูกตระกร้อ (ให้บูชา ๑,๙๙๙ บาท)รายการที่ ๙ มณีนาคาสีเหลืองทอง ขนาด 11 ซม หนัก 2 กก เท่าลูกตระกร้อ (ให้บูชา ๑,๙๙๙ บาท)รายการที่ ๑o มณีนาคาสีแดง ขนาด 11 ซม หนัก 2 กก เท่าลูกตระกร้อ (ให้บูชา ๑,๙๙๙ บาท)

    คมสันต์ usaไม่ได้มาโฆษณาหรือสนับสนุนให้ท่านรีบไปชื้อหามานะครับ แต่ถ้าท่านมีเหลือกินเหลือใช้
    ไม่เดือดร้อนเราก็ไม่ว่าท่านครับ เราเข้ามาเตือนสติผู้ที่ศรัทธาในตัวท่านพญานาคราช
    ที่อยากได้ของเหล่านี้ใว้บูชา
    เชิญเข้ามาร่วมศึกษาด้วยกันครับ ในกรณีนี้ครับ


    แสงหลากสี มณีมา นาคาสร้าง
    มีหลายอย่าง ควรคิด จิตสงสัย
    ว่าฝีมือ นาคแห่ง หนตำบลใด
    จึงมาได้ สิ่งเหล่า นี้ที่มีมา

    ทั้งพระขรรค์ ลูกแก้ว จนแล้วล่วง
    อีกทั้งบ่วง ของนาคา ที่ว่าใว้
    ตั้งราคา ขึ้นแผงซื้อ ฝีมือใคร
    ที่มิใช่ จากนาคา บาดาลนคร


    เพชรเม็ดดีอยู่โคลนตมจมไปหมด
    สีสวยสดอัญมณีสีส่องแสง
    แวววาววับจับสายตาหาไม่แพง
    จะเห็นแสงเพราะปัญญาฝ่าโคลนตม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06288.JPG
      DSC06288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      550.6 KB
      เปิดดู:
      36
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2015
  15. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ท่านที่ไม่ศรัทธาไม่ควรบูชาเพื่อนำไปพิสูจน์หรือตำหนิเพชรพญานาค
    คมสันต์usa เข้าในทำนองว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่

    ท่านที่บูชาไปแล้วไม่รับคืน
    คมสันต์usa แน่นอนสิครับเรื่องนี้นี้สำคัญมาก เพราะว่าเดี๋ยวคนรู้มาก
    ก็จะขายไม่ได้ราคางามฯ

    เพชรพญานาคไม่ได้ใช้เป็นพุทธพาณิช
    คมสันต์usa แทบไม่ต้องอธิบายกลับไปอ่านที่มาและดูสรรพคุณ
    และราคาขายก็จะได้คำตอบที่ดีครับ

    พระขรรค์สีน้ำผึ้งศาสตราวุธสมบัติวังบาดาล
    เขียวมรกตศาสตราวุธสมบัติวังบาดาล

    คมสันต์usa โอโฮมีกี่ท่านครับที่ได้มีโอกาสลงไปดูที่นครบาดาลมาแล้วครับ

    สีเขียวมรกตมีลักษณะนาคกินหางปู่บอกว่าถ้าให้ได้ครอบครองจะมีกินมีใช้ไม่มีที่สิ้นสุด

    คมสันต์usa คนที่มีกินมีใช้ก็จะเป็นคนที่รับเงินไปครับไม่ใช่คนที่จ่ายเงินซื้อครับ
    แล้วทำไมเอามาขายเล่าครับถ้าเป็นอย่างที่บอกใว้จริง

    ท่านที่บูชาไปแล้วควรใช้เพชรพญานาคเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนา
    ในส่วนได้ส่วนหนึ่งแล้วแต่ความเหมาะสม

    คมสันต์usa ก่อนที่จะไปเสียเงินบูชา ให้ไปดูที่สวนจตุจักร วัดราชนัดดา ท่าพระจันทร์
    แถวชายฝั่งลาว ตลาดจีน นครพนม ตามตลาดต่างฯ ครับ มีทุกสีทุกพิมพ์ ทุกปาง สั่งได้ครับ ราคาขึ้นอยู่กับความสวยและความหนักของกระเป๋าสตางค์ และถ้าทางวัดจะเอาไปจำหน่าย มีส่วนลดเป็นพิเศษครับ


    พักจิบน้ำชาก่อนแล้วจะมา ฉายต่อครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4 aurora.jpg
      4 aurora.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.8 KB
      เปิดดู:
      61
    • cat & mouse.jpg
      cat & mouse.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.8 KB
      เปิดดู:
      50
    • PICT0878.JPG
      PICT0878.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      47
  16. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เพชรพญานาคนี่ถามถูกคนเลยนะครับ...
    ทุกวันนี้หลวงพี่ชัยวัฒน์ วัดท่าซุง ท่านยังเชื่ออยู่เลยนะครับ มีการทุบก้อนหินเทียมที่บรรจุแก้วนาคราชโชว์ให้ดูด้วย...

    คนที่กุเรื่องแบบนี้มาหลอกชาวพุทธ รวมถึงพระสงฆ์ด้วย นี่โทษหนัก...
    ไปแอบอ้างว่าพญานาคเอามาให้แล้วเอามาขายต่อฯลฯ


    ถามท่านคมสันต์ต่อดีกว่าครับว่า...
    แก้วนาคราชย์ของจริงนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร รูปพรรณสัณฐานอย่างไร มีประโยชน์ทางด้านไหน ใครที่จะสามารถครอบครองได้?

    สมัยก่อนตอนที่ได้ยินเรื่องแก้วนาคราชย์จากหลวงพ่อเทพ ผมก็มีแอบย่องไปดูเหมือนกันว่า ของจริงมีไหม มีแล้วเป็นยังไง ใครครอบครอง แล้วจะเอามาเซ็งลี้กันได้ไหม...อันนี้แอบไปดูมาเหมือนกัน แต่ไม่เล่า เพราะยังเก๋าไม่พอ...
    ให้ท่านคมสันต์เล่าให้ฟังดีกว่าครับ
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ท่านพี่ระมิงค์คะ ใครน้อชื่อหิวจัง ชื่อน่ารักยังกะเด็กญี่ปุ่นค่ะ
    สงสัยคงเป็นคนสวย น่ารัก นิสัยดี มีปัญญา
    เพราะเข้าใจตั้งคำถามให้คนหมู่มากได้ประโยชน์...แฮ่!
    ชักอยากทราบแล้วสิ ว่าเธอเป็นไผ

    ถามพายุ พายุสิฮู้บ่
     
  18. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    อยากจะได้ เพชร จะเป็น เพชร ของใครก็ตามค่ะ

    ไม่ว่าจะเพชร ของข้างบ้าน คุณหญิงคุณหยังที่ไหนๆๆ เพชรพยานาค เพชร ของสวรรค์ชั้นไหน ถ้าได้มาแล้วขายได้ ก็อยากได้ ค่ะ

    (ยกเว้น กุลฑลขนเพชรทั้งกายา แบบหนุมานชาญสมรวายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า ลิง เทพอะไรไม่รู้ ประหลาดใจ มีขนเพชรปกคลุมทั้งร่าง ทะลึ่งจริงๆ ค่ะ )

    โดยส่วนตัวแล้ว ก็ชอบของที่มัน ว๊อปแว๊ป ๆ ค่ะ ทอง เงิน ก็ชอบ
     
  19. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ชื่อ พี่ติงติงจัง ๕๕๕๕
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ความอยากได้ของคนเราก็แปลกนะคะมีมาไม่รู้สิ้นสุด
    ตอนอยากได้ ก็อยากได้เหลือเกิน ได้มาแล้วก็มีความสุข
    แล้วก็เกิดอยากได้อะไรใหม่ๆขึ้นมาอีก
    สังเกตตนเองมานานแล้วค่ะ เป็นแบบนี้จริงๆ
    น่าอายมาก...
    พายุยังดีนะคะ อยากได้แค่เพชร เงิน ทอง....
     

แชร์หน้านี้

Loading...