กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    สมัยเด็กๆ ผมเรียน ไสยขาว มาบ้างเหมือนกันครับ เอาไว้แก้ ไว้กัน...
    แต่พอโตมาแล้ว ไปแพ้ "ขาว ใส" ครับ...:'(
    แย่จริงๆ...
    ...
    เอ้า..คุณ Nopphakan มาสอนเรื่อง เขียนยันต์กลางอากาศ ต่อทีสิครับ...
    ผู้ชมปูเสื่อรอจนมอดแทะเสื่อแล้วนะ...
     
  2. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ชอบมุขของท่าน raming2555
    ชอบคำอธิบายของคุณ noppakan,
    ชอบคำกระแซะของป๋า top
    ชอบคำถามของพี่ๆเพื่อนๆ
    สรุปคือ มีประโยชน์ เน้นสาระ แฝงข้อธรรมพร้อมคำเปรียบเปรย ผสมมะนาวนิด น้ำตาลหน่อย เติมพริกซักนิด ร้อง.....(ตามสไตล์คนทาน) สมแล้วที่เป็นดั่งไม้ใกล้ฝั่ง ???? เฮ้ย!ไม่ใช่ๆ .ไม้ใกล้ปลายทาง อะอะ...สาธุ...สาธุ .
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,246
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    พลังที่มาของความสำเร็จด้วยอำนาจไสยศาสตร์ ไม่ว่าสายไหน

    นอกจาก ตัวผู้ใช้ต้องมีกำลังจิตละเอียดพอระดับหนึ่งที่จะรองรับวิชานั้นๆแล้ว

    เจ้าของวิชาที่ส่งความสำเร็จมา จากเหตุในเหตุ ซ้อนกันเป็นชั้นๆ นั้นคือเรื่องสำคัญ

    ถ้าเป็นเทพ พรหม โพธิสัตว์ที่ทรงคุณธรรมภาคกุศลล้วนๆขาวสะอาดบริสุทธิ์ ที่มีแต่ให้กับให้ ในสิ่งดี นั้นย่อมปลอดภัย ไม่มีเก็บต้นและดอก มีแต่สงเคราะห์สัตว์โลก

    แต่ถ้าเป็นผู้ไม่อยู่ในร่องรอยกุศลธรรมอันบริสุทธิ์ ซ้ำยังบวกเข้ากับ
    เจตนาอันผู้ใช้วิชาที่เจือกิเลส หนัก เบา มาก น้อยต่างกัน เข้าไปอีก ..การเก็บต้น เก็บดอก แห่งความสำเร็จที่ปรารถนา จากผู้เป็นเจ้าของวิชาและความสำเร็จ นั้นคือ สิ่งที่ต้องพิจารณาละเอียด และเลือกสรร วิจัยด้วยธรรม อย่าลึกซึ้ง

    ลงสู่ โอวาทปาติโมกข์สามคือ ละอกุศล เจริญกุศล ทำจิตให้บริสุทธิ์ อันเป็นหัวใจ
     
  4. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    .
    ขอเรียนถามท่านนพบ้างดีกว่า เห็นคนอื่นถามแล้วชักคันไม้ ครับ ว่า

    แล้วกสิณแม่น้ำเจ้าพระยานี่ มีได้จริงๆ หรือครับ
    เคยอ่านในกระทู้นักรบแสง ที่เค้าว่าเป็นนิทานเรื่องจริงน่ะครับ
    เขาว่า เคยทำได้ ตอนปีห้าสี่ ที่น้ำท่วมกรุง และกำลังจะเข้าเมืองชั้นในแล้ว

    เขาว่าแค่ยืนเข้าสมาธิลึกๆ แล้วถอยออกมาตื้นๆ แล้วทำในใจ ให้น้ำไหลแรงขึ้น
    ประกอบกับการเรียกปราณเพิ่มเติมจากรอบกาย แค่ทำมือกระดิกไปมา
    ปราณก็แย่งกันไหลหลั่งเข้ามาตามมือ จนเต็มกายไปหมด

    แค่เนี้ย น้ำในแม่น้ำก็ไหลแรงขึ้นแยะเชียว โป๊ะเรือที่เขายืนอยู่ในครั้งแรกที่ทำ
    อยู่ที่ท่าน้ำวัดระฆังน่ะครับ ตรงข้ามวัดพระแก้วเกือบพอดีเลย
    เขาว่า พอเขาสั่งปุ๊บ โป๊ะเรือก็โยกแรงขึ้นทันที จนรู้สึกได้ชัดเจน
    พอลดกระแสจิตลง ลองดู โป๊ะก็โยกเบาลง ตามพลังจิตที่ปล่อยออกไป

    เขาเล่าว่า เคยไปลองที่ใต้สะพานพุทธด้วย โดยจับสังเกตุที่เสาตอม้อสะพาน
    พอสั่งการเสร็จ ก็เห็นน้ำกระแทกที่เสาแรงขึ้นจริงๆ และลดแรงลง ตามกระแสจิต

    เขาว่าทำอยู่ตั้งหลายท่าน้ำ หลายสิบครั้ง เพื่อเร่งให้น้ำไหลผ่านกรุงไปได้เร็วขึ้น
    เขาว่า เขาทำแม้กระทั่ง สั่งลดระดับน้ำที่ปากอ่าว เพื่อให้น้ำไหลลงทะเลได้สะดวก
    หรือแม้กระทั่ง สั่งลมให้พัดแรงๆ ที่ผิวน้ำ เพื่อช่วยให้น้ำไหลไปไวไว อย่าชักช้า
    เพราะน้ำเต็มแม่น้ำแล้ว ท่วมหน้าวัดพระแก้วตั้งแยะ ชาวบ้านเดือดร้อน ให้รีบไหลไป


    ท่านว่ามีจริงหรือไม่ครับ กสิณแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นนี้ ไม่เคยพบเคยอ่านเจอที่ไหนเลย
    ใครจะมีพลังจิตได้มากมายขนาดนั้น เนอะ ไม่เห็นกะตาก็ไม่เชื่อหรอก ขอบอก
    แล้วเค้าไปฝึกมาจากไหน ใครกันที่รู้วิธีแบบนั้น ไม่น่าเชื่อหรอกนะ ใช่ไม๊ครับ

    แต่ก็มีหลักฐานยืนยัน ที่ทำให้เชื่อได้ ว่าเค้าทำได้ตามนั้นจริงๆ
    ท่านนพ หรือท่านใด พอจะมีคำอธิบายบ้างไม๊ครับ ว่าเค้าทำได้อย่างไร
    เห็นเค้าเขียนไว้ว่า ฝึกสมาธิมาตั้งกะเด็กๆ ไม่มีใครสอน มันเป็นเอง
    และฝึกฝนมาตลอดสามสี่สิบปีแล้ว แทบไม่เคยขาดการฝึกซักวันเลยครับ
    แม้จะเมาจนอ๊วก ก็ยังมีสติมากพอที่จะฝึกสมาธิได้ เราล่ะไม่อยากจะเชื่อ

    รบกวนหน่อยนะครับ ท่านใดพอจะไขความลับของเค้าได้บ้าง ช่วยหน่อย
    ถ้ารู้เคล็ดลับแล้ว บางทีอาจจะมีใครอยากฝึก หรือมาประยุกต์ใช้งานอื่นได้อีก

    เค้ายังเล่าถึงกสิณลม และไฟ ที่เคยลองทำได้ โดยไม่ต้องเรียนให้เมื่อยอีก
    แล้วจะถามมาใหม่ ถ้าได้คำตอบที่มีค่าควรแก่การรับรู้ ของคนอื่น ครับท่าน

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ สำหรับคำตอบจากหลายท่าน ที่น่าจะได้มาบ้าง ล่ะมั้ง นะ


    ปล.บังเอิญติดตามนิทานของเค้าอย่างใกล้ชิดน่ะครับ เลยมีข้อมูลรายละเอียดแยะอยู่



    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    แหมๆๆๆ ช่วงวัยสะรุ่น ก็มีบ้างครับ ที่จะแพ้ครับ..ส่วนตัวไม่ค่อยสนใจ
    อะไรหรอกครับ.ทั้งๆที่ห้อมล้อมไปด้วยทั้งพราหม์ ทั้งพระมีชื่อที่มีอภิญญา
    ทั้งที่พอเห็นโน้นเห็นนี่ แต่ก็เน้นไปทางกีฬามากกว่า.และก็ถูกบดบังด้วย
    ขาวใส ของผมน่าจะเป็นนางพญาจิ้งจอกขาวนะครับ ๕๕๕๕ ...

    มาโม้ต่อดีกว่า..เรื่องเขียนยันต์กลางอากาศต่อครับ.. อ่อยันต์ที่จะเล่าให้ฟังนี้
    เป็นอักษรพระคาถาที่ไปเขียนที่กลางอากาศนะครับ..ไม่ใช่ยันต์แบบสำเร็จรูป
    ตามตำรา..ที่เราเห็นได้ตามหลังวัตถุมงคลต่างๆนะครับ.ยันต์พวกนั้นส่วนตัว
    เขียนไม่เป็นครับ.แต่ถ้าเห็นจะพอบอกได้ว่ายันต์ตัวนั้นพลังงานเน้นไปทางด้านไหน
    และส่วนตัวที่ชอบที่สุดนะครับ คือยันต์ที่อยู่รอบๆแหวนของหลวงปู่ ด ปี ๓๒ มั่ง
    ถ้าจำปีไม่ผิด ขอบอกว่า สะๆๆๆสู๊ดดด ยอดครับบบบบ หมายถึงด้านความหนาแน่น
    ของกระแสที่พุ้งออกจากตัวยันต์นะครับ...
    ที่นี้ตัวอักษรที่เป็นพระคาถาไม่กี่คำนั้น.ก็จะแต่ต่างกันไป แม้ว่าท่องตัวเดียวกัน
    ผลก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยของจิตในการใช้งานด้วยครับ..ของส่วนตัว
    ก็มีครับ.แต่เปิดเผยไม่ได้ แต่หลักๆก็คือบทที่ส่งเสริมคุณพระพุทธฯด้านต่างๆนั่นหละครับ..
    ส่วนคุณพี่ raming คงจะทราบนะครับ ว่าภาวนาคำว่าอะไรแล้วสามารถรวบรวม
    กสิณทั้ง ๕ กองได้..เอาอักษรบทนั้นนั่นหละครับ..มาตั้งต้นในการเริ่มฝึกเขียนยันต์
    กลางอากาศครับ.......
    ข้อควรจำและข้อควรระวัง
    ๑.ต้องจำตัวอักษรพวกนั้นให้ได้ คือสามารถใช้นิ้ววาดไปกลางอากาศได้
    และเขียนเป็นภาษาขอมด้วยครับ ภาษาอื่นก็เขียนได้แต่มันไม่ได้ผลครับ
    ถ้าถามว่าเพราะอะไรตอบว่าไม่ทราบครับ รอท่านอื่นๆมาเสริมตรงนี้แล้วกัน
    ๒.ในการเขียนอักษรแต่ละครั้ง ต้องเขียนขึ้นให้ได้ที่ละอักษระและค้างไว้
    และเขียนตัวอักษรต่อไปจนครบ..ถ้าเขียนไม่ครบ ความซวยจิมาเยือนตัวเรา
    ก็คือ ตัวอักษรจะดูดพลังงานจากตัวเราอัตโนมัติ เป็นสาเหตุทำให้เราเหนื่อยได้
    ตรงนี้ส่วนตัวโดนบ่อยครับ ๕๕๕๕ เพราะขี้ลืม..
    ๓.พอเขียนตัวสุดท้ายจบแล้ว ให้เชื่อมและดึงอักษรตัวสุดท้ายลงมาในวัตถุที่เรา
    ต้องการเขียนยันต์ลงไป และดึงตัวก่อนหน้าถัดมาเรื่อยๆจนถึงตัวแรก...
    อย่าดึงตัวแรกก่อนเป็นอันขาดเพราะไม่งั้น อักษรยันต์จะขาดและจะเหลือตัว
    แรกแค่ตัวเดียวครับ ๕๕๕๕..
    ๔.พอเราดึงมาถึงตัวแรกได้..ให้คุณพี่ เป่าทันอักษรพวกนั้นผ่านนิ้วที่ใช้ลากยันต์
    หรืออุปกรณ์อะไรก็ได้ครับ ที่เราใช้ลากยันต์ คำที่พี่จะใช้เป่าเพื่อกำกับยันต์
    ก็คือคำภาวนาที่คุณพี่ใช้ แล้วสามารถรวมกสิณได้ทั้ง ๕ กองนั้นหละครับ.
    และให้ทำใจสบายๆ และเป่าเพียงครั้งเดียว ปล่อยลมออกให้ยาวที่สุด
    และทีสำคัญต้องตัดสายใยเชื่อมด้วยการ ปิดปากล่างขึ้นมาเชื่อมปากบน
    ที่เราเคยได้ยินครูบาร์อาจารย์บางท่านเป่า วิ๊ดดดดดดแล้วก็ วิด นั่นหลครับ
    ไม่งั้น สายใยพลังงานมันจะโยงใยมั่วไปหมดครับ...
    วิธีการเขียนนะครับ.มี ๒ แบบคือ ๑.ใช้อุปกรณ์เสริมหรือใช้นิ้ว ๒.ใช้จิตเขียน..
    ขอเล่าแบบใช้นิ้วก่อนครับ ส่วนถ้าทำแบบที่ ๑.ได้ แบบที่ ๒.ไม่ต้องบอกแล้วครับ
    จะทำได้เองอัตโนมัติครับ...
    ๑.ก่อนทำการเริ่มต้น ให้ฝึกลมหายใจแบบ ปัสสาสะ ครับ คุณพี่น่าจะแปลได้ครับ..
    ๒.ดึงสภาวะจิตให้เริ่มต้นเข้าสู่โหมดใช้งาน และอยู่ในโหมดลืมตาเขียนเท่านั้นครับ
    คือพอให้จิตมีความเป็นทิพย์ในระดับสัมผัส
    เส้นสายพลังงานภายนอกได้ และพอมองเห็นเส้นสายได้ คือไม่ต้องมาก
    อย่างน้อยให้เห็นเส้นสายอักษรตัวที่เราจะเขียนก็พอ
    ๓.งดใช้คำภาวนาใดๆทั้งสิ้น.ลืมตาปกติ.และให้ใช้นิ้วชี้จิ้มไปข้างหน้าเบาๆ

    พร้อมกับค้างไว้ เพื่อไปกำหนดจุดสัมผัสไปยัง
    กลางอากาศต่ำแหน่งที่ก่อเกิดกลุ่มเส้นสายพลังงาน โดยปกติจะอยู่บน
    ศรีษะเราสูงเยื้องขึ้นไปประมาณ ๕๐ เซนติเมตร และอยู่ห่างจากหน้าเรา
    ประมาณ ๒ เมตรครับ..
    ๔.ให้เริ่มเขียนที่ละอักษรให้เสร็จ พอเขียนเสร็จให้สบัดนิ้วชี้เพื่อตัดการเขียน
    อักษรตัวนั้น และเพื่อให้อักษรตัวนั้นค้างไว้ คล้ายๆตอนตั้งวงกสิณแบบวิชา
    เดินธาตุต่างๆนั้นหละครับ..
    ๕.และพอสบัดนิ้วเสร็จ ก็ให้ไปก็ให้ใช้นิ้วชี้จิ้มไปค้างหน้าเบาๆและค้างไว้เพื่อ
    กำหนดจุดสัมผัสอักษรตัวต่อไป และทำการเขียนให้เสร็จ พอเสร็จแล้วก็สบัด
    นิ้วอีกเพื่อตัดอักษรตัวนั้นและเพื่อให้อักษรค้างไว้..
    ๖.ทำไปเรื่อยๆจนครบทุกตัวอักษรครับ...พอถึงตัวสุดท้ายไม่ต้องสบัดนิ้วครับ
    และให้ใช้นิ้วดึงอักษรตัวสุดท้ายลงมาที่วัตถุครับ..
    และให้ทำการจิ้มนิ้วไปเชื่อมกับตัวอักษรก่อนหน้าตัวสุดท้ายและก็ดึงลงมาที่วัตถุ
    ที่ละตัวครับโดยที่ไม่ต้องสบัดนิ้วนะครับ (ห้ามสบัดนิ้วในช่วงดึงอักษรลงมานะครับ)
    ไม่งั้นอักษรจะขาดช่วงครับ...และก็ทำย้อนจนไปดึงอักษรตัวสุดท้ายลงมา..
    ๗.ขั้นตอนนี้สำคัญครับ..ให้ใช้นิ้วชี้ ชี้ไปยังวัตถุและค้างไว้..และก็ทำการเป่า
    แบบตัดสายใยแบบที่เล่าให้ฟังก่อนหน้า...ถือว่าเป็นอันจบขั้นตอน
    และก็มีนั่งหอบแฮ๊กๆ..กันอีกทีครับคุณ พี่ ๕๕๕๕๕
    หลักการมีประมาณนี้หละครับ.
    ปล.ประมาณนี้หละครับ..ส่วนจะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่
    ลองอ่านไว้ดูเป็นแนวทางครับ..เพื่อเกิดสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาบ้างครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2014
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ตอนที่นิ้วชี้ ดึงอักขระ ลงมาที่วัตถุแล้ว เวลาจะดึงตัวอักขระตัวต่อไปเพื่อเอามาลงวัตถุอีกนั้น ทำยังไงตัวอักขระตัวต้นจะหลุดจากนิ้วชี้ครับ ต้องสบัดนิ้ว หรือ ใช้จิตกำกับอักขระลงไปที่วัตถุนั้น?

    อักขระที่ลงบนวัตถุ จะซ้อนทับกัน หรือจะให้เรียงต่อกันเหมือนเมื่อตอนเราเขียนไว้กลางอากาศครับ?

    พลัง หรือ ความแรง ในตัวอักขระ จะมีวิธีเพิ่มกำลังให้มากๆ ได้อย่างไรบ้างครับ?

    ผมกำหนดไว้ได้แต่เพียงเป็นเส้นสีขาวสว่างเหมือนหลอดฟลูออเรสเซนต์ ห่างจากตัวไปประมาณ 2-3 เมตร อยู่เยื้องๆขึ้นข้างบน มุมเงยสัก 15 องศา ตัวอักขระจะขนาดใหญ่เกือบเมตร แต่ผมสงสัยว่า จะต้องรวมธาตุ หรือหนุนธาตุ อย่างไรด้วยหรือเปล่าครับ...หรือเพียงแต่สว่างขาวอยู่เพียงเท่านี้ก็พอ...

    ทำไมเราไม่ตั้งองค์กสิณขึ้นพร้อมกันทั้ง 10 กองแล้วใช้คาถารวมที่มีอยู่ รวมกองกสิณก่อนแล้วค่อยเขียนเป็นอักขระครับ?

    ปล. คือยังไม่ได้ลองใช้นิ้วเขียนนะครับ เพียงแต่ใช้ใจเขียนไว้บนอากาศเฉยๆ กันพลาดจึงเอามาถามซะก่อนครับ...ขี้เกียจจุกอกน่ะครับ..เจ็บแต่ละทีกว่าจะหายก็หลายวันอยู่...:'(
     
  7. domdom

    domdom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอความเมตตาด้วยคนครับ ส่วนตัวแล้วสนใจฝึกกสิณอยู่เหมือนกัน จึงอยากขอคำแนะนำด้วยครับ ว่าทำอย่างไรจึงจะก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า ณ โอกาสนี้ครับ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    มีเวลาว่างๆ ลองย้อนๆไล่ย้อนอ่านดูได้ครับ..น่าจะพอได้ประโยชน์และแนวทางครับ.
    กระทู้นี้ง่ายๆ สบายๆ กันเองครับ..
     
  9. domdom

    domdom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอบพระคุณครับ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ตอบ พอเข้าใจครับ ฐานกำลังสมาธิพื้นฐานคุณพี่ สูงกว่าผมไงครับ ถึงถนัดไปเล่น
    ในโหมดใช้จิตบังคับเลย..ซึ่งถือว่าไม่แปลกครับ
    แต่การจะใช้จิตบังคับ ควรต้องมีจุดตั้งต้นที่แน่นอนครับ
    เช่น ส่วนตัวจะถนัดบังคับจากจุดระหว่างคิ้ว บางคนอาจจะใช้หน้าอก
    บางคนใช้เหนือสะดือก็สุดแล้วแต่ครับ..โดยปกติถ้าเรายังไม่บังคับ
    ให้อักษรมันตัวเล็กๆได้ก่อนแล้วไปใช้ระหว่างคิ้วบังคับ ตัวอักษรจะค่อนข้างใหญ่ครับเป็นเรื่องปกติครับ.เพราะจุดนี้เส้นสายพลังงานมันเริ่มขยายออกตั้งแต่ที่ระหว่างคิ้วเป็นวงกว้างออกไปข้างหน้าแล้ว.
    การที่เราจะทำอักษรให้เล็กจึงเป็นเรื่องยากครับ.
    ไม่เหมือนใช้จุดเหนือสะดือ หรือว่าหน้าอกในการเขียนครับ..
    ..แต่ความเห็นส่วนตัวคิดว่า ควรฝึกเขียนด้วยอุปกรณ์เสริมต่างๆให้ชำนาญก่อนน่าจะดีกว่าครับ เวลาโดนอักษรดูด
    จะได้เจ็บไม่มากเหมือนคุณพี่ไงคับ ๕๕๕๕
    ปล.พูดแก้ตัวให้ดูดีครับ..ฐานสมาธิพื้นฐานสู้ไม่ได้ไงครับ ๕๕๕


     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    โหมดนี้คุยกันแบบต้องใช้วิจารณญานในการอ่านนะครับ
    ถือว่าเล่าเป็นนิทานก็แล้วกันเนาะครับ...
    คือ อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะครับ..ถ้าอ่านหลักการอย่างที่เค้าเล่ามามันมีความ
    เป็นไปได้สูงที่เค้าจะทำได้อย่างที่เค้าว่าจริงๆครับ..และท่านๆเค้าๆที่คุณพูดถึงเนี่ย
    ผมไม่เคยเห็นนะครับแต่อ่านจากที่คุณพูดๆมาเนี่ยเลยขอเชื่อมๆดูซะหน่อยแว๊ปๆ
    จิตเค้ากระเชื่อมกับระบบหมายความว่ามีความสามารถในเรื่องของการเชื่อม
    พลังงานภายนอกต่างๆได้ครับ แนวกระดูกสันหลังเค้าจนเป็นแกนสนามแม่เหล็ก
    แล้วครับ..และเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์มาตั้งแต่เด็กร่วมด้วยแล้วนะครับ
    เพราะสังเกตุพื้นที่ในการเชื่อมครูบาร์อาจารย์ของศีรษะเค้ามันมากกว่า
    คนที่มาปฏิบัติแล้วถึงมาเชื่อมทั่วๆไปครับ....
    เชื่อมระบบในลักษณะค่อนข้างแน่นด้วยครับหมายความว่าฝึกมาดีอีกต่างหาก..
    และตัวจิตเค้าๆเนี่ยก็มีฐานที่เด่นเรื่องความพิเศษอยู่แล้วด้วยครับ.และเด่นใน
    ลักษณะที่สามารถเข้าสมาธิระดับสูงได้ด้วยอีกต่างหาก.โอ้ๆๆๆๆ ถือว่า
    เก่งเลยนะครับ.อย่างนี้ขอยอม..มาเรื่องกสิณดีกว่าเนาะ..
    ส่วนกสิณแม่น้ำส่วนตัวคิดว่าไม่มีครับ.น่าจะเป็นการตั้งชื่อเรียกตามสถานที่
    ที่ไปใช้งานเพื่อให้เกิดผลมากกว่าครับ...แต่น่าจะเป็นการใช้กสิณในระดับกำลัง
    สมาธิระดับสูงตั้งต้น(ส่วนการถอยกำลังลงมาเป็นเทคนิคอลเทอมปกติ
    สำหรับการนำมาใช้งานได้จริงครับตรงนี้ไม่มีอะไรมากและไม่ใช่เรื่องแปลก
    แต่กว่าจะทำได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆครับ.)ส่วนตัวว่าฟิดๆว่างๆยังปาเข้าไปครึ่งชั่วโมง
    เลยครับกว่าจะทำได้ เลยขอลาพักการศีกษามาเล่นแนวอื่นๆไปก่อน..
    และเค้าๆก็รวมกับพลังปราณภายนอก
    ที่เค้าๆได้จากการเชื่อมระบบนั่นหละครับ..และการที่เค้าสามารถทำได้นั้นเหตุ
    เพราะเจตนาตั้งต้นใช้งานเป็นประโยชน์ทั้งนั้น..การที่พื้นฐานเดิมเข้าสมาธิได้ระดับ
    สูงมาก่อนและมีความสามารถในการเชื่อมระบบได้อย่างนั้น องค์ประกอบมันจึง
    เกลือหนุนกันได้อย่างพอดีครับ...
    ส่วนมากบรุษอย่างนี้จะมีครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิคอยสอนให้อยู่แล้วครับ..
    เหตุเพราะจิตเค้าเคยสร้างสมบารมีทางด้านนี้มาก่อน.และมักจะเป็นบรุษที่ต้น
    กำเนิดดวงจิตไม่ได้มาไตรภพนี้ครับ.ส่วนมากพวกทำได้อย่างนี้จะมาจากดินแดน
    ที่เชื่อว่าหายสาบสูญไปแล้วหรือเรารู้จักกันในนาม นครแอตแลนติส.
    พวกนี้สังเกตุง่ายๆคือจะมีปีกกันทุกคนครับ
    มีหลายแขนด้วยครับ.และจะรู้เรื่องมิติต่างๆเรื่อง
    พลังงานต่างดีดี๊และจะมีอาวุธทิพย์ประจำกายกันทุกคน
    ด้วยครับแต่น้อยคนที่จะมีจักรทิพย์ครับ.และก็แปลกๆนะครับกลุ่มคนพวกนี้
    มักจะไม่หวังนิพพานทั้งๆที่ความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วไป.เพราะเค้าเน้น
    เรื่องการช่วยเหลือคนอื่นๆมากกว่าครับ...
    ส่วนกสิณถ้าใช้ได้ซักกองมาแล้วนะครับ
    ในระดับกำลังสมาธิระดับสูงมาก่อนนะครับ กองอื่นๆมันก็เรียกพลังงานมาใช้ได้ของ
    มันเองปกติครับ ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก..
    เรื่องที่เล่าให้ฟังอาจดูเวอร์ๆ ไม่น่าเชื่ออย่างที่คุณว่ามานั้นหละครับ
    มันต้องเจอกับตัว และสัมผัสได้กับตัวเองถึงจะรู้ครับ..
    ปล.ประมาณนี้หละครับ
    .คุณิBat of light พอจะปิ้งอะไรบ้างไหมเอ่ย.;)
     
  12. domdom

    domdom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +51
    ขออนุญาตถามอีกแล้วครับ พอดีมันคิดขึ้นมาว่ากสิณทั้งสิบกองเป็นองค์ประกอบของโลกทั้งสิ้น ก็เลยลองเอาโลกกลมๆนี่แหละเป็นดวงกสิณ พอทำๆไปรู้สึกว่าโลกมันใสสว่าง เป็นภาพในความคิดน่ะครับ ไม่ได้เห็นเหมือนเห็นด้วยตา อันนี้ผิดทางแล้วหรือไม่ครับ
     
  13. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    ปิ๊งปั๊งว็อบแว๊บแปล๊บปล๊าบอาบประกายเลยล่ะครับท่าน ขอบคุณมากครับ
    ย่อยมาหลายชั่วโมงแล้ว ยังไม่เสร็จดีเลย คงต้องรอพรุ่งนี้ ถึงตีโต้สวยๆ ได้ครับ

    เชื่อแล้วครับ ว่าโรคตาทิพย์มีจริง ๕๕๕ ประทับใจจ๊อดจริงๆ ครับท่าน

    ขอบคุณอีกครั้งครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ถึงเขียนนิทานบทใหม่เสร็จ จะโพสท์มาใหม่นะครับ ๕๕๕


    ชาวหมู่บ้านในนิทาน / กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  14. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    โรคตาทิพย์ตามความหมาย คืออะไรคะ? .ไม่เข้าใจศัพท์ใหม่ค่ะ
     
  15. Apollo14

    Apollo14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +199
    พี่nopphakan เล่าเรื่องแอตแลนติสให้ฟังหน่อยครับ ทำไมจึงมีปีก ทำไมจคงล่มสลาย เป็นนิทานนะครับ :cool::cool: แล้วที่ว่าไม่ได้มาจาก "ไตรภพนี้" หมายความว่า ยังไงครับ มาจากโลกอื่นเหรอครับ

    ขอบคุเณล่วงหน้าครับ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ไตรภพ ก็คือภพที่ยังต้องเวียนว่างตายเกิดอยู่นั้นหละ.และเชื่อหรือเปล่าหละ
    ว่านครนี้ล่มสลายจริงๆ.๕๕๕ รู้ได้ไง..แต่พวกที่มาจากนครนี้ก็สามารถวนเวียน
    อยู่ในไตรภพได้..แต่วันหนึ่งเค้าจะรู้ตัวของเค้าเองได้.และที่สำคัญเค้าจะดู
    พวกเดียวกันออก.จำนวนปีกบอกถึงต่ำแหน่งต้นกำเนิดเค้า
    อาวุธเค้าก็มีเป็นปกติ..ส่วนมากที่มีจักรแก้วจะเป็นห่มเหลือง
    .หลักสังเกตุคือมีความสามารถที่ค่อนข้างพิเศษในระดับใช้งานได้
    โดยที่ไม่ต้องฝึกเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า.โดยเฉพาะสัมผัสทางจิต.
    แต่หาคนที่จะเน้นเดินปัญญาอย่างเดียวน้อยมาก
    .และไม่หวังนิพพานชาตินี้ ชอบช่วยเหลือคนอื่นๆแบบบางครั้งก็ไม่ดูกำลังตนเอง..
    มีไม่เยอะหรอกประมาณหลักร้อยต้นๆ..แต่อย่าให้เล่ารายละเอียดเลยนะ
    พี่อายตัวจริงเค้าครับ เด่วเค้าเข้ามาอ่านจะฮาเราได้..เค้ามีกลุ่มลับๆของเค้าอยู่ครับ
    เพราะฉนั้นก็ให้เค้าเป็นกลุ่มลับๆต่อไปดีแล้ว เราก็อยู่แบบฮาๆของเรานี่หละครับ..

     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ไม่ผิดครับเป็นกิริยาทางจิตแบบหนึ่ง แต่ไม่ควรต้องสนใจ
    หากวันใดกำลังสติทางธรรมเรามากพอมันจะมีเครื่องรู้ย้อน
    ในสิ่งที่ผ่านมาได้ของมันเองทั้งหมดครับ...
    กสิณทุกกองหรือกรรมฐานใดๆก็ตามที่เราฝึกเพื่อให้เรา
    สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างแยบยล.
    .และเพื่อเป้าหมายในการกลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมของจิต
    ในระดับที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดครับ..

     
  18. champ_atikrit

    champ_atikrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +102
    สวัสดีครับ ผมเพิ่งเข้ามาใหม่ และได้เปิดมาเรื่อยๆเรื่องของกสิณ และโดยเฉพาะเรื่องของจักระแล้ว งงครับ โดยส่วนตัวเพิ่งจะเริ่มฝึกกสิณดินได้ไม่ถึงเดือน ไม่รู้อะไรดลใจให้มาทางนี้ เลยต้องตามหาครูบาอาจารย์เพื่อเรียนกันเลยทีเดียว ครูบาอาจารย์ท่านจะดูว่าเราเคยได้กสิณกองไหนในอดีตมาแล้วให้กับเราครับ ผมไปฝึกวันแรกก็ได้นิมิตกสิณดิน กับกสิณลมครับ แต่ครูให้ฝึกกสิณดินครับ ฝึกให้ชำนาญ แล้วกองที่เหลือก็จะง่ายครับ ส่วนตอนนี้เป็นช่วงสร้างกำลังจิตไปเรื่อยๆครับ ยังไงผมน้องใหม่ ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ยินดีต้อนรับครับ แม้จะเป็นน้องใหม่ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
    ของอย่างนี้บางครั้งถ้าวาระและเวลามาถึงมันก็พรวดพราด
    กันได้ครับ..ส่วนตัวไม่ใช่คนตั้งกระทู้ด้วยครับ แวะมาเล่าๆให้ฟังเฉยๆ
    แบบฮาบ้าง งงบ้าง ๕๕๕
    ดูจากนิมิตรที่ปรากฏก็ใช่แล้วครับ มีโอกาศครับ..ปกติ ดินหนุนน้ำ ลมหนุนไฟ
    ในเวลาเราจะใช้งานจริงทั่วๆไป แต่เวลาเราฝึกในนิมิตรที่ปรากฏ มันจะมาแบบ น้ำพร้อมไฟ และดินพร้อมลม อย่างนี้หละครับ
    เพื่อมาขวางให้เราเข้าถึงช้าเพราะจะหลอกให้เราไปสนใจตัวที่มันต้าน
    กันอีกกอง..เช่น ถ้าเราฝึกน้ำ ไฟจะมาและชัดเจนกว่าน้ำ
    ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราฝึกดิน ลมก็จะมาและชัดเจนกว่าดินครับ..
    ส่วนการที่ครูบาร์อาจารย์คุณแนะนำว่าให้ฝึกดินก่อนแสดงว่าถูกต้องแล้วครับ..
    ส่วนการจะสร้างกำลังจิตอยู่ที่ความสามารถในการรักษาระยะเวลาในการปั่น
    ปฏิภาคนิมิตรให้ได้นานที่สุดในนิมิตรครับ..และหลังจากนั้นในนิมิตรมันก็จะ
    สามารถใช้กองอื่นๆได้ของมันเอง..และหลังจากนั้นเราก็จะสามารถฝึกรวม
    กสิณกองต่างๆในนิมิตรได้เพื่อเป็นฐานสำหรับการนำมาใช้งานจริงครับ.
    .และหลังจากนั้นที่สำคัญก่อนที่เราจะใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆก็จะเจอ
    ด่านสำคัญที่จะมาทดสอบเราสำหรับการใช้งานจากทางภพภูมิครับ
    หนึ่งในด่านนี้เราจะสามารถใช้ได้จริงแม้ในขณะลืมตาด้วยครับ..
    และเราจะต้องสอบผ่านเรื่องเมตตาที่ต้องสร้างให้ออกมาจากจิตเราด้วยครับ
    และเรื่องการรู้จักเลือกในการใช้งานกสิณกองต่างๆที่เหมาะสมและที่สำคัญ
    ก็คือเรื่องกลัวความตายครับ..
    ซึ่งอาจจะหลายครั้งหน่อย ส่วนตัวประมาณ ๒๐ ครั้งถึงจะพอผ่าน..
    แรกๆก็สอบตกและบ้าพลังถล่มทลายเหมือนๆกันครับ ๕๕๕๕
    แต่ถ้าเราผ่านเกณฑ์ที่ยอมรับได้แล้ว..
    ต่อไปเราจะสามารถเรียกใช้พลังงานกสิณทุกกอง
    ในระดับที่บุคคลภายนอกสัมผัสได้ รับรู้ได้ ในเวลาลืมตาปกติ เพียงแค่นึกๆ
    หรือแค่คิด..และจะไม่มีเสื่อมเหมือนร่างกายด้วยครับ.
    และใช้ประโยชน์ได้อัตโนมัติตามแต่ที่เครื่องรู้ที่เราจะเกิดมีจะนึก
    การใช้งานที่มีประโยชน์ออกครับ..
    ซึ่งตอนใช้งานเราจะมีเครื่องรู้ด้วยตัวเราเองอัตโนมัติเช่นกันว่าจะใช้อย่างไรครับ..
    ส่วนตัวก็ไม่ได้มีความชำนาญในการเข้าสมาธิระดับสูงด้วยครับ
    ในกระทู้นี้มีคุณพี่ Reming ที่ชำนาญในการเข้ามากกว่าส่วนตัวด้วยครับ
    ทั้งศัพท์แสงในการพูดจาก็ ok กว่า..และ
    เพื่อว่าสนใจเทคนิคด้านนั้นก็สามารถถามไถ่กันได้
    ส่วนถ้าเราจะฟิตๆหน่อยเข้าระดับสมาธิระดับกำลังสูงได้บ่อยๆ
    เหมือนหลวงพ่อมีชื่อก็จะเป็นเรื่องดีมากถ้าทำได้
    เพราะกำลังสมาธิระดับนั้นจะได้เปรียบในการตัดกิเลสจน
    ถึงขั้นละเอียดได้ดีกว่าการวิปัสสนาทั่วๆไปครับ..
    ปล.ประมาณนี้ครับ..;)
     
  20. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    อืม...อธิบายยากแฮะ คือมันเป็นคำศัพท์เฉพาะล่ะมั้ง นะ
    หลุดออกมาเอง ระหว่างพิมพ์น่ะครับ ไม่รู้ใครฝากมาให้แน่เลย ๕๕๕

    จะเดาให้ตามความฉลาดนิดหน่อยของเรานะครับ น่าจะหมายความได้ว่า
    เอ..คิดอีกที ถ้ามันเป็นโรค เดี๋ยวตามหมอมือเปล่ามามั่วให้ฟังดีกว่านะครับ หึหึหึ


    หมอมือเปล่า - คือว่า โรคตาทิพย์นี้ เป็นโรคติดต่อบ้าง ไม่ติดต่อบ้างครับ
    มักจะเกิดกับผู้ศีกษาและปฏิบัติธรรม ทั้งทางตรงและทางโค้ง
    รวมถึงทางเบี่ยง ทางอ้อม และทางลัดด้วย
    อีกพวกที่พบได้มาก คือพวกที่มีปกติฝึกฝนจิตครับ มีคนนิยมเป็นกันมากนะ โรคนี้น่ะ

    อาการของโรค คือมองเห็นได้ ในสิ่งที่คนทั่วไปไม่เห็น ไม่ดู ไม่รู้ว่ามี
    เห็นได้ทั้งในระยะสายตา ระยะไกล ไกลมาก จนถึงไกลที่สุด จนขอบจักรวาลเลยก็มีครับ
    สิ่งที่เห็นก็มีได้หลากหลายครับ ตั้งแต่ภูตผีวิญญาน เปรตอสุรกาย เจ้าที่เจ้าทาง
    วิญญานโฮมเลส (เร่ร่อน ไร้บ้าน) ไปจนเทพเทวดา ครูบาอาจารย์
    พระสงฆ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ และฤทธิ์ไม่หาย เทพของทางฮินดูก็เป็นที่นิยมเห็นกันนะครับ

    หรือพวกพลังงานต่างๆ ปราณแห่งธรรมชาติ ก็มีคนเห็นได้ หรือพวกออร่าคือพลังชีวิตแห่งกาย
    ถ้าพวกพลังงานต่างมิติ อันนี้บรรดาเครือข่ายค่ายประยุทธ ศิษย์ต่างมิติจะนิยมเป็นมากกว่าเพื่อน

    บ้างก็เห็นอดีต เห็นอนาคตบ้างตรงบ้างได้ด้วย เห็นกรรมเก่าที่ทำให้เกิดกรรมใหม่ก็มี
    เห็นได้แม้กระทั่ง เจอกรรมแบบนี้ จะแก้ยังไง ใครจะช่วยได้ เทคนิคการขอให้ช่วย ต้องทำอย่างไร

    อืม...พอว่าไปในรายละเอียดแล้ว ก็รู้สึกว่ามันแยะเหมือนกันแฮะ นี่ขนาดแค่มองแบบเบิร์ดอายวิวนะเนี่ย
    ยังไม่ได้ลงรายละเอียดถึงพื้นผิว พวกเทคเจ้อร์ หรือสีสัน แบบและลวดลายต่างๆ อีก แยะนะเนี่ย ๕๕๕

    ก็ไม่แน่นะครับ ในอนาคต อาจจะมีการบรรจุไว้ในหลักสูตรมหาลัย ทำไปได้ถึงดร.เลยล่ะมั้ง นะ
    แต่ในปัจจุบัน ชาวต่างชาติก็นิยมแอบเรียน ที่มีเปิดสอนกันแบบลับๆ ตามองค์กรใหญ่ๆ ชั่วๆ
    พวกซีไอเอ เคจีบี มอสสาด เอ็มไอซิก คือชาติใหญ่ๆ จะมีการสอนกันแบบลับๆ ล่อๆ กันทั้งนั้นหละครับ

    พวกมหาลัยฝรั่งดังๆ ก็มีการศึกษากันแยะ ทำงานวิจัยกันไว้ก็มากมาย ในนามความมั่นคงแห่งชาติ
    แต่ที่ไหนได้ เอามาใช้ประโยชน์แต่พวกกุมอำนาจไม่กี่ตัวเอง เลวมากพวกเนี้ย

    เฮียๆ พอดีกว่ามั้ง เดี๋ยวเราจะซวยไปด้วย ร่างนี้ล้ำค่ามากนะ ระวังหน่อย ๕๕๕


    หมอมือเปล่า / ดร.ดิเรก ผัวประภาพี่ประไพ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...