วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pco-, 7 มิถุนายน 2010.

  1. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    วันนี้เป็นวันทอดผ้าพระกฐินประจำปีวัดท่าซุง ลูกสาวพารองอันดับสองของผมมาเป็นตัวแทนแก้วทั้งหมดร่วมงานบุญทอดกฐินทาน ความจริงมาหลายแก้วแต่พวกเขาขอให้ลงรูปคนเดียว

    ผมก็โมทนาสาธุอย่างยิ่งกับพวกเขา ยินดีอย่างยิ่งที่พวกเขามีโอกาสได้ร่วมทอดกฐินทาน ยินดีที่ต่อแต่นี้ไปพวกเขาเข้าทางตรง ทางตรงคือทำบุญให้ทานแบบคนที่รู้แล้วในอริยสัจ

    หากว่าจะต้องท่องเที่ยวไปในวัฏสงสารยังไม่บรรลุมรรคผลเข้าถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่ายากจนเข็ญใจ คำว่าไม่มี คำว่าขัดข้อง ขอจงอย่าได้มีกับเขาทั้งหลาย ขออานิสงค์กฐินทานนี้ ที่ปรารถนาอะไรก็ได้ ก็จงได้โปรดคุ้มครองทุกคนให้เป็นนิยตสัมมาทิฐิตลอดไป

    ในส่วนของผมก็ได้รวบรวมสตางค์จากกองทุนวิริยาธิกะส่งมาร่วมทอดกฐินของวัดท่าซุงในปีนี้

    ก็ขอผลาอานิสงค์กฐินทานนี้จงส่งผลให้

    ข้าพระพุทธเจ้าจงได้บรรลุอภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณในแบบวิริยาธิกะพิเศษในอนาคตกาลโน้นเถิด

    และขออานิสงค์กฐินทานนี้จงส่งผลให้ท่านทั้งหลาย ทั้งที่ร่วมในกองทุนและทุกท่านที่รู้ข่าว โมทนาสาธุการ ขอทุกท่านจงมีความเป็นอยู่คล่องตัว มีความปลอดภัย
    หากว่าทุกท่านยังต้องท่องเที่ยวไปในวัฏสงสาร ยังไม่บรรลุมรรคผลเข้าถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่ายากจนเข็ญใจ คำว่าไม่มี คำว่าขัดข้อง จงอย่าได้มีกับท่านทั้งหลาย ขอจงมั่งคั่งสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวง นับตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน เทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ตุลาคม 2014
  2. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    งานสาธารณะประโยชน์ งานกรรมฐาน พ่อให้รักษาไว้ ใครทำได้ พ่อช่วยลูกทุกประการ
     
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    [​IMG]
    ประวัติและอานิสงส์การทอดกฐิน โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    การทอดกฐินเป็นการถวายผ้าจีวรแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบ 3 เดือน งานบุญนี้มีระยะเวลาทำตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 มูลเหตุที่มีการทำบุญกฐินนั้น มีเรื่องเล่าว่า มีพระภิกษุจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ระหว่างการเดินทางนั้นยังเป็นช่วงหน้าฝนและระยะทางไกลจึงทำให้ผ้าจีวรของพระภิกษุเหล่านั้นเปียกน้ำเปรอะเปื้อนโคลนไม่สามารถหาผ้าผลัดเปลี่ยนได้

    พระพุทธเจ้าได้เห็นถึงความยากลำบากนั้น จึงมีพุทธบัญญัติให้ภิกษุแสวงหาผ้าและรับผ้ากฐินได้เป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังออกพรรษาชาวบ้านจึงได้จัดผ้าจีวรนำมาถวายพระภิกษุในช่วงเวลาดังกล่าว จนกลายเป็นประเพณีทำบุญกฐินมาจวบจนปัจจุบัน

    ต่อไปนี้ จะพูดถึงอานิสงส์กฐิน เอาย่อๆนะ อานิสงส์ในการถวายกฐิน หรือว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถวายสังฆทาน สังฆทานวันนี้เป็นสังฆทานของกฐิน การถวายสังฆทานทุกอย่างมีผลควบกับกฐิน เพราะเป็นวันของกฐิน ความจริงการทอดกฐิน ไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ผ้ากฐินทาน จะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 หลังจากนั้น จะทอดขนาดไหนก็ตาม จะไม่เป็นกฐิน ฉะนั้น กฐินมีเวลากาลจำกัด


    ทีนี้ ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้น การถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่าง เป็นอานิสงส์กฐิน


    ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยพระองค์เกิดเป็น"มหาทุคคตะ" ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ" เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้น ถอยหลังจากนี้ไป 92 กัป
    ก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า"พระปทุมมุตระ"วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐิน เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ


    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี(แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า"โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า 500 ชาติ"


    นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า จุติแล้วก็เกิดทันที 500 ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติคำว่า"มหาเศรษฐี"นี่ มีเงินตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "มหาเศรษฐี" ถ้ามีเงินต่ำกว่า 80 โกฏิ แต่ว่าตั้งแต่ 40 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "อนุเศรษฐี"เมื่อเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี 500 ชาติ ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า


    นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้นั่นก็หมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท โปรดทราบถึงอานิสงส์ คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ

    สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี 3 อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบัน จัดกฐินเป็น 3 อย่าง คือ

    (1) จุลกฐิน (2) ปกติกฐิน (3) มหากฐิน
    กฐิน 3 อย่าง ย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน
    แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน
    คำว่า"จุลกฐิน" เวลานี้แปลงไป คงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้
    คำว่า"จุลกฐิน" ก็หมายความว่า ที่เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว
    คือ ผ้ากฐิน จะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้
    สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน

    ที่มาจากหนังสือคำสอนหลวงพ่อ
     
  4. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานอธิบายเรื่องอานิสงส์ของกฐิน

    ผู้ถาม : "หลวงพ่อคะ การทอดผ้าป่า กับ การทอดกฐินอย่างไหนได้อานิสงส์มากน้อยกว่ากันคะ..?"
    หลวงพ่อ : "ความจริง ผ้าป่า กับ กฐินเป็นสังฆทานด้วยกันทั้งคู่นะ แต่ถ้าว่าอานิสงส์โดยเฉพาะกฐินได้มากกว่า เพราะว่ากฐินมีเวลาจำกัด จะทอดตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือ ผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท ทำให้สบายขึ้น

    ต้นเหตุแห่งการทอดกฐินนี้ ก็มี นางวิสาขา เป็นคนแรก ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าท่าทรงบัญญัติการจำพรรษา เพื่อป้องกันพระไปเดินเหยียบต้นพืชต้นข้าวที่ชาวบ้านเขาปลูกไว้ใน ฤดูฝนไม่ให้เสียหาย

    ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้ว ภิกษุชาวปาฐา 30 รูปเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ในเวลานั้นพระสงฆ์ทั้งหลายมีผ้าจำกัดเพียง 3 ผืนเท่านั้น เมื่อมาถึงในขณะที่นางวิสาขา เฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่พอดี เห็นพระมีผ้าสบงจีวรเปียกโชกด้วยน้ำฝนและน้ำค้าง จึงได้กราบทูลขอพรแด่พระพุทธเจ้าว่า " หลังจากออกพรรษาแล้ว ขอบรรดาประชาชนทั้งหลายมีโอกาสถวายผ้าไตรจีวร แก่คณะสงฆ์ด้วยเถิด"

    พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุมัติ ส่วนผ้าป่าก็เป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่ง แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็นสังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่าผู้ให้ก็ได้อานิสงส์ ผุ้รับก็มีอานิสง์แต่เพียงแค่ใช้ เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ถือว่าอานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า แต่ว่าการทอดกฐินปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง อานิสงส์ผ้าป่าย่อมได้มากกว่านะ"

    ผู้ถาม : "แล้วองค์กฐินที่แท้จริงเป็นอย่างไรคะ..?"
    หลวงพ่อ : "องค์กฐินจริง ๆ คือ ผ้าไตร นอกนั้นเป็นบริวาร เวลากรานกฐินจริง ๆ เรากรานกันแต่ผ้า การถวายก็ไม่ยาก เรามีผ้าจีวรผืนหนึ่งหรือว่าสบงผืนหนึ่ง หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่งอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เขาเรียกว่า จุลกฐิน หรือจะถวายไตรจีวรครบทั้งวัด เขาเรียกว่า มหากฐิน

    ฉะนั้น จะถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้ อานิสงส์เหมือนกัน โดยเฉพาะที่วัดท่าซุง จัดเป็นกฐินสามัคคี เป็นเจ้าภาพร่วมกันทุกคน ได้อานิสงส์เท่ากันหมด

    สำหรับการทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยเทศน์คือพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระปทุมุตตระท่านเคยเทศน์วาระหนึ่ง สมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็น มหาทุคคตะ

    คำว่ามหาทุคคตะนี้จนมาก เป็นทาสของท่านคหบดี ได้ไปฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าว่า อานิสงส์กฐินนี้มีมาก ท่านจึงกลับไปชวนนาย แต่นายก็มอบหมายทรัพย์สมบัติให้ท่านเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ท่านมหาทุคคตะอยากมีส่วนร่วมในทานนี้ด้วย แต่ไม่มีอะไรมีแต่เสื้อผ้าเก่า ๆ ขอตนที่มีติดตัวอยู่เพียงชุดเดียว จึงนำไปแลกที่ร้านในตลาด มีด้าย 1 กลุ่ม เข็ม 1 เล่ม เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล พระองค์ทรงตรัสว่า คนถวายผ้ากฐิน หรือ ร่วมในการถวายกฐินทานครั้งหนึ่ง

    จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้ แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพาน เพียงใดอานิสงส์จะให้ผลแก่ท่านผู้นั้น เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดาแล้วก็จะลงมาเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ ปกครองโลก 500 ชาติ เมื่อบุญน้อยลงมาจะเป็น พระมหากษัตริย์ 500 ชาติ เป็น มหาเศรษฐี 500 ชาติ เป็น อนุเศรษฐี 500 ชาติ เป็น คหบดี 500 ชาติ แต่คนที่ทอดผ้ากฐิน หรือว่าร่วม ในการทอดผ้ากฐินครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันหมดก็ปรากฏว่า ท่านเจ้าของทานไปนิพพานก่อน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ตุลาคม 2014
  5. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    การอุปโลกน์กฐิน

    อุปโลกน์เป็นยังงี้นะญาติโยมนะ ถ้ามีผ้าไตรเดียวจะต้องอุปโลกน์ ถ้าพระสงฆ์มีผ้าไตรครบทุกองค์ไม่ต้องอุปโลกน์ วิธีอุปโลกน์ก็มีอยู่ว่า ตามพระวินัยพระสงฆ์ที่จะได้รับผ้าไตรกฐิน ต้องเป็นพระสงฆ์ที่มีจีวรเก่าที่สุด ไม่ใช่เจ้าอาวาส องค์ไหนมีจีวรเก่าที่สุดองค์นั้นมีโอกาสได้รับผ้าพระกฐิน ถ้าหากว่าองค์ไหนมีจีวรใหม่องค์อื่นมีจีวรเก่ากว่าไปรับผ้าพระกฐิน ทรงปรับเป็นโทษ

    ที่นี้ถ้าบังเอิญมีผ้าผืนเดียว มีจีวรผืนเดียวไตรเดียวนะ บรรดาพระสงฆ์จะต้องประชุมกัน และก็มอบหมายให้พระองค์ใดองค์หนึ่งเป็นองค์ครอง แต่ทว่าถ้าเจ้าอาวาสจะครองตามที่หลวงพ่อปานปฏิบัติมา ท่านต้องเอาผ้าไตรที่ใหม่ที่สุดไปให้กับพระองค์ที่มีผ้าเก่าที่สุดเป็นการชำระหนี้ก่อน แบะท่านจึงจะให้อุปโลกน์ ถ้าไม่ยังนั้นจะผิดพระวินัย ถ้าผิดพระวินัยไปไหนพระก็ลงนรก พระไม่ยอมลงนรกอยู่แล้วนะ

    ทีนี้เวลานี้พระได้รับกฐินทั้งวัด ทั้งวัดมีผ้าไตรเสมอกันหมดทุกองค์ องค์ละไตรก็ไม่จำเป็นต้องอุปโลกน์ อุปโลกน์ก็คือสมมติว่ายอมให้องค์นี้ครองกฐิน จะเฉพาะผ้าชุดเดียว ของเรานี่ผ้ามีครบจะอุปโลกน์ให้กับใครไม่จำเป็น

    คำอธิษฐาน

    แล้วก็สำหรับคำอธิษฐานนะโยมนะ ขอให้ญาติโยมตั้งใจว่า ตั้งใจตอนหลังจากถวายไปแล้วนะ หลังจากถวายของกฐินแล้วก็อธิษฐาน ให้อธิษฐานคิดโดยตรงว่า

    "ถ้าข้าพเจ้าได้อานิสงส์การถวายกฐินนี้ ขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าถึงนิพพานในชาตินี้ ถ้าบังเอิญบารมียังไม่ถึง ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร ก็ขอคำว่าไม่มีจงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า"

    นั่นก็หมายความว่า เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องการอะไรมันมีทุกอย่าง อย่าง พระอนุรุทธ พระอนุรุทธ ตั้งแต่กาลก่อนๆ ที่จะมาเกิดในกาลนี้ เวลาถวายทานทุกครั้งก็อธิษฐานว่า "ขอคำว่าไม่มีจงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า"

    ต่อมาชาติหลังที่สุด มันก็มีทุอย่าง แต่ว่าท่านชอบเล่นขลุบกับเพื่อน เล่นสกานะ แล้วก็แม่ทำขนมมาให้ทุกวันๆ ละถาด เลี้ยงตัวเองด้วย เลี้ยงเพื่อนด้วย แต่ทว่ามาวันหนึ่งปรากฏว่าขนมไม่มี พอถึงเวลาก็ใช้ให้คนใช้ไปรับขนมที่แม่ แม่บอกว่าขนมไม่มี ท่านไม่เคยได้ยินคำว่า "ไม่มี" มีแต่มีเฉยๆ ท่านจึงบอกว่า ขนมไม่มีก็เอา อยากจะกินขนมไม่มี แม่ก็คิดในใจว่า ลูกของเราเกิดเป็นลูกเจ้า ต้องการอะไรก็ได้ทุกอย่างไม่เคยขัดข้อง ไอ้การขัดข้องขงคนมันต้องมีสักวันหนึ่งข้างหน้า จึงอยากจะสอนลูกชายให้รู้ว่าคำว่า "ไม่มี" มันเป็นอย่างนี้ จึงเอาถาดเปล่าๆ วางลงไป แล้วก็เอาถาดเปล่าๆ อีกใบหนึ่งวางคว่ำปิดทับเป็นฝาปิด แล้วส่งให้คนใช้นำมาให้ลูกชาย ลูกชายจะได้รู้จักคำว่า "ไม่มี" มันไม่มีจริงๆ

    ตอนนี้อานิสงส์ที่พระอนุรุทธท่านเคยอธิษฐานไว้หลังจากการทำบุญว่า "ผลทานที่ข้าเจ้าทำนี้ ขอคำว่าไม่มีจงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า" เป็นเหตุให้เทวดารักษาตัวเดือดร้อน คิดว่าถ้าวันนี้ท่านพระอนุรุทธ ไม่มีขนมกิน เทวดารักษาตัวต้องหัวแตกเจ็ดเสี่ยง ตายแน่ ! เทวดาจึงต้องเนรมิตขนมทิพย์เข้าถาด พอคนใช้ไปถึงก็วางถาดลง พอเปิดขึ้นกลิ่นก็หอม รสก็หวานอร่อย

    ต่อมาเมื่อตอนเย็น ท่านกลับมาหาแม่ ถามแม่ว่า? ทุกวันแม่ไม่เคยปรานีลูกเท่าวันนี้เลย? แม่ก็ถามว่า?
    เพราะอะไร? ท่านก็บอกว่า "เพราะขนมไม่มีของแม่นั่นแหละ ! มันอร่อยเหลือเกิน ทีหลังขอให้แม่ทำขนมไม่มีให้ทุกวันนะ" แม่เลยสบายเวลาลูกชายใช้ให้คนใช้มาเอาขนมก็เอาถาดเปล่าวางเข้า แล้วเอาถาดเปล่าอีกใบปิดข้างขนให้คนใช้แบกไป เป็นอันว่าเทวดาองค์นั้นต้องทำขนมทุกวัน สบายไปเลย

    ญาติโยมก็เหมือนกัน วันนี้ทำบุญกันหลายอย่าง คำว่า "กฐิน" ตามที่ ดร.ปริญญา ประกาศบอกว่าต้องมี ผ้า อันนี้เป็นความจริงผ้านี่เป็นกฐิน สำหรับอย่างอื่นเป็นบริวาร อย่างเงินที่บรรดาท่านพุทธบริษัทให้มาแล้ว ต่อไปชาติหน้าก็จะมีเงินคับคั่งฐานะดีไม่น้อยกว่ามหาเศรษฐีทุกคน ถ้าบังเอิญต้องเกิดอีกนะ

    ประการที่สอง การถวายผ้าเนื่องด้วยกฐินก็ดี สังฆทานก็ตาม เทวดาเคยถามพระพุทธเจ้าว่า

    การให้อะไรได้ชื่อว่าเป็นการให้ผิวพรรณ? พระพุทธเจ้าบอกว่า "การให้ผ้าผ่อนท่อนสไบได้ชื่อว่าเป็นการให้ผิวพรรณ"
    คำว่า "ให้ผิวพรรณ" หมายความว่าให้มีผิวพรรณสวยนั่นก็คือ "การถวายผ้า"

    ประการที่สาม ญาติโยมถวายพระพุทธเจ้า เมื่อกี้อย่าลืมว่าการถวาผ้ามีผิวพรรณสวยนะ แต่ตัวเองอาจะไม่สวยก็ทรวดทรงนะไม่สวย

    ทีนี้การถวาย "พระพุทธรูป" ถ้าเป็นเทวดา นางฟ้า หรือพรหม จะมีแสงสว่างมาก ถ้ามาเกิดเป็นคนจะมีทวดทรงสวยมาก เป็นอันว่าอานิสงส์ที่ญาติโยมต้องการ

    (๑) มีทรวดทรงสวยก็ได้ทำแล้ว
    (๒) มีผิวพรรณสวยก็ได้ทำแล้ว
    (๓) มีทรัพย์สมบัติมากก็ได้ทำแล้ว

    เป็นอันว่าของทุกอย่างที่ญาติโยมทำครบทุกประการ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยของพระนิพพานโดยตรง
    ขอให้ทุกคนตั้งใจว่าอย่างนี้นะว่า

    "ชาตินี้ขอให้นิพพาน ถ้ายังบังเอิญไปนิพพานไม่ถึงก็ขอค้างอยู่ที่พรมบ้าง ที่สวรรค์บ้าง แล้วก็จะตีตั๋วต่อไปนิพพานทันทีเมื่อหมดวาระ "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ตุลาคม 2014
  6. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    จากประวัติหลวงปู่ปาน
    หลวงปู่ปานทอดกฐิน

    หลวงพ่อปานก็ไปทอดกฐิน๗-๘วัดแต่การทอดกฐินคราวนั้นท่านประกาศกับบรรดาพุทธบริษัทของท่านว่าจะต้องการเอาอาหารไปช่วยเขาเขาอดข้าวอดอาหารนี่ท่านเป็นนักสังคมสงเคราะห์แต่ไม่มีใครเขาช่วยท่านหรอกรัฐบาลไม่ได้ร่วมมือแต่ว่าชาวบ้านช่วยท่านไปคราวนั้นปรากฏว่านำข้าวเปลือกบ้างข้าวสารบ้างไป๗ลำเรือเรือลำหนึ่งจุประมาณ๑๐เกวียนบ้างจุประมาณ๒๐เกวียนบ้างเอาไป๗ลำที่ท่านได้มายังงั้นเพราะอะไรเพราะใครมาหาท่านก็บอกท่านจะไปทอดกฐินแล้วว่าการทอดกฐินคราวนี้ต้องเอาข้าวเอาอาหารไปสงเคราะห์คนที่อดข้าวคนนั้นก็ให้คนนี้ก็ให้บางคนก็ให้เงินบางคนก็ให้ข้าวบางคนก็ให้กับพวกกรุงเทพฯก็ให้ทั้งเงินให้ทั้งของทะเลผ้าผ่อนท่อนสไบพวกจังหวัดสมุทรสาครโยมพ่วงอยู่ที่นั่นก็เอาของทะเลมาเป็นลำๆเรือน้ำปลาอย่างดีของทะเลต่างๆแล้วก็เงินทองด้วยผลที่สุดนำไป๗ลำเรือแจกกันขนาดหนักบรรดาประชาชนสาธุไปทั่วกันว่ากันถึงเรื่องการทอดกฐิน

    จะพูดถึงอานิสงส์กฐินให้ฟังหลวงพ่อปานทอดกฐินคราวไรละก็ท่านก็เทศน์แบบนี้เทศน์แบบนี้ฉันจะนำใจความมาเล่าให้ฟังว่าการทอดกฐินอานิสงส์ของกฐินนี่น่ะให้ผลทั้งชาติปัจจุบันและสัมปรายภพชาติปัจจุบันและสัมปรายภพหมายความว่าชาตินี้และชาติหน้าชาติต่อๆไปคนทอดกฐินสังเกตตัวดู ถ้าทอดแล้วถึง๒-๓ครั้งความเป็นอยู่จะคล่องตัวขึ้นถึงแม้ว่าจะไม่ร่ำรวยก็ตามแต่ความเป็นอยู่จะคล่องตัวขึ้นรู้สึกว่าเป็นคนโชคดีมากขึ้นหาลาภสักการคล่องตัวขึ้นท่านบอกว่านี่ยังเป็นเศษของความดี อานิสงส์ของการทอดกฐินสามารถจะบันดาลให้คนปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็สำเร็จผล

    ดูตัวอย่างองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ปัจจุบันสมัยนั้นเป็นมหาทุกขตะสมัยที่พระปทุมมุตตะทรงอุบัติขึ้นในโลกแกไม่มีอะไรเป็นคนจนไปชวนนายเขาทอดกฐินตัวเองก็เอาผ้าไปขายแลกกับด้ายหลอดเขามาด้วยด้าย๒หลอดเข็ม๑เล่มเอามาผสมกับกฐินเขาแล้วก็ปรารถนาพระโพธิญาณพระปทุมมุตตะก็ทรงพยากรณ์ว่า บุคคลๆนี้ต่อไปจะได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระสมณโคดมนี่เป็นสมุฏฐานของการปรารถนาพระโพธิญาณของท่านมีกฐินเป็นปัจจัย

    แล้วหลวงพ่อก็เทศน์ต่อไปว่าบุคคลใดก็ตามทอดกฐินแล้วถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาต่อไปถ้าหากว่าไปได้บรรลุพระอรหัตผลก็จะมีผ้าสำเร็จไปด้วยฤทธิ์มาสวมตัวพระพุทธเจ้าทรงเรียกว่าเอหิภิกขุแปลว่าเจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิดเพียงเท่านี้ผ้าไตรจีวรก็จะลอยมาจากอากาศสวมตัวเองด้วยอำนาจของอานิสงส์กฐิน

    สำหรับผู้หญิงถ้าเป็นเจ้าภาพหรือจัดการในงานกฐินก็จะได้เครื่องมหาลดาปราสาทเครื่องประดับกายอย่างนางวิสาขามีราคาตั้ง๑๖โกฏิสวยงามมากนี่อย่างหนึ่งแล้วอีกอย่างหนึ่งคนที่ทอดกฐินแล้วถ้าตายจากความเป็นมนุษย์จะเกิดเป็นเทวดา๕๐๐ชาติหมายความว่าเกิดแล้ว๑ชาติของเทวดาก็คือพันปีทิพย์หมดกำลังของพันปีทิพย์ก็จะเกิดเป็นเทวดาใหม่ต่อไปอย่างนี้๕๐๐วาระ

    ความจริงก็ได้เปรียบมากถ้าอย่างลูกหลานได้เป็นอย่างนั้นนะไปนิพพานกันหมดเพราะพวกเรามีศรัทธาอยู่แล้วเป็นเทวดาก็เป็นเทวดาที่ไม่ประมาทยังงี้ไปนิพพานกันหมดดีได้กำไร๕๐๐ชาติ เมื่อพ้นจากความเป็นเทวดาแล้วก็มาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิถ้าเป็นผู้ชายนะถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นคู่บารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ๕๐๐ชาติ พระเจ้าจักรพรรดินี่ไม่ใช่พระเจ้าจักรพรรดิอย่างเบาได๋นะจักรพรรดิส่งเดชอย่างนั้นไม่ใช่คำว่าจักรพรรดินี่มีอำนาจปกครองไปทั้งโลก


    มีเกือกแก้วแล้วก็มีพระขรรค์แก้วแล้วก็มีแก้วมณีโชติมีกำลังมากเหาะได้ไม่มีใครมีอำนาจเท่าแล้วก็มีธนูศิลป์ศรจะใช้ยังไงก็ได้เหมือนศรพระรามมีอำนาจปกครองโลกปกครองโลกได้จริงๆไม่มีใครสู้ถ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิก็มีขุนพลแก้วรบเก่งขุนคลังแก้วหาเงินเข้าคลังเก่งช้างแก้วม้าแก้วนี่ใช้สงรามได้ดีนางแก้วคือเมียดีเวลาฤดูหนาวร่างกายของเมียก็อบอุ่นมากขึ้นแล้วเวลาฤดูร้อนร่างกายของเมียก็เย็นทำความสุขให้แก่พระเจ้าจักรพรรดินี่เป็นยังงี้นี่ท่านว่ายังงั้นถ้าพ้นจากสวรรค์ก็มาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ๕๐๐ชาติแล้วพ้นจากนั้นก็เป็นกษัตริย์ธรรมดาไป๕๐๐ชาติจากนั้นก็มาเป็นมหาเศรษฐี๕๐๐ชาติแล้วก็เป็นคหบดี๕๐๐ชาตินี่ท่านบอกว่า

    อานิสงส์ของกฐินคราวเดียวก็สามารถให้ผลถึงเพียงนี้ทุกคนควรจะทอดกฐินกันแล้วเวลาทอดกฐินก็นึกว่าตนจะสงเคราะห์พระพุทธศาสนาหรือสงเคราะห์พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานั่นเอง แต่ว่าเนื้อนาบุญนี่สำคัญนะเวลาจะหว่านข้าวลงไปดูเนื้อนาเสียด้วยนี่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เองเนื้อนาบุญนี่สำคัญ ถ้านาดอนหว่านข้าวไม่ขึ้นม้านหมดถ้านาลุ่มข้าวก็น้ำท่วมนี่สำคัญมาก (แล้วว่ากันไปก็แล้วกัน) ใครจะทำที่ไหนจะทอดที่ไหนก็ไม่ว่านี่แนะนำให้ฟังหลวงพ่อปานท่านเทศน์อย่างนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ตุลาคม 2014
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) l;ylfu สวัสดีครับ พี่พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน และขออนุโมทนาสาธุ บุญต่างๆของพี่ และคณะ ปีนี้ ก็เช่นกัน งานกฐิน วัดท่าซุง ผมให้เงิน แฟนผมไป ๑,๐๐๐ บาทและให้เขาออกเองอีกต่างหาก ไปกับแม่ผม ๆเฝ้าบ้าน สั่งให้ ถวายสังฆทาน และผ้าไตร คนละชุด อานิสงฆ์ ไม่พูดถึง เพราะพี่ ได้นำคำสอน ของพ่อ มาบอกไว้หมดแล้ว เข้าใจกันดี ปีนี้ ก็น่าจะเกิน ๒,๐๐๐ วัด ตามที่เจ้าภาพบอกมา หลายๆเจ้าภาพครับ มากบ้างน้อยบ้าง ถือว่าได้ทำแล้ว


    เรื่องที่ สร้างพระสร้างศาลา ที่จะให้เป็นหมู่บ้าน ศิล ๕ ศิล ๘ ก็เพียงหวังไว้ เท่านั้นเอง เราจะให้ใครมาทำเหมือนเรานั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ครับ เพียงว่าเราเริ่มต้นก่อน ค่อยเป็นค่อยไป แม้จะมีแค่เราก็ตาม หรือ ๔ ซ้า ๕ คน ก็ตาม หลวงพ่อ ท่านไป อเมริกา หรือประเทศ ต่างๆ ก็ตาม ท่านบอกว่า ถึงจะเสียเงินทองไป หลายล้านบาท แต่ถ้าทำให้คนเป็นคนดี ได้ ๑ คน ถือว่าคุ้มครับ เอาคุณภาพ ไม่ได้เอาปริมาณ เงินล้าน หรือ หลายๆล้าน ไม่สามารถซื้อ ให้ใคร เป็นคนดีได้ มันต้องทำเองครับ ผมก็หวัง เป็นแค่กลุ่มเล็กๆ เฉพาะตัวก่อน ในภายหลัง หรือภายภาคหน้า ใครเห็นคุณค่า จะสานต่อ ก็เป็นอีกเรื่อง หนึ่งครับพี่


    และเมื่อวาน มีน้องที่ จังหวัด ชัยภูมิ ชื่อดาว หรือ (ดารณี) โทรมาหา บอกว่า จะส่งเพชร พยานาค มาให้ ประดับ หน้าผากพระ ๓ องค์ สมเด็จองค์ปฐม สมเด็จองค์ปัจจุบัน พระปัจเจกพุทธเจ้า และ ประดับหน้าอกพระ ๖ องค์ ขนาดเท่า ลูกมะนาว และเท่ากำปั้น ของส่งมาแล้ว แต่ยังมาไม่ถึงครับ ก็ต้องขออนุโมทนาสาธุกับเธอ ที่มีใจบุญใจกุศล สละของรักอันมีค่ามาให้ ราคาก็หลายหมื่นบาทอยู่ครับ


    <TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR title="Post 9309217" vAlign=top><TD class=alt2 width=125 align=middle>
    อย่างที่คุณว่ามาArmarmy
    </TD><TD class=alt1>
    งานสาธารณะประโยชน์ งานกรรมฐาน พ่อให้รักษาไว้ ใครทำได้ พ่อช่วยลูกทุกประการ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เขาว่ามานั่นแหละครับ ผมว่า ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่างพี่ว่า ขนาด จะทำ เสาร์ ศาลา ผมเดินเรื่องมาร่วมเดือน ยังไม่ได้รับ อนุมัติ จาก อบต.เลย มีเหตุหลายประการ กะว่า เริ่มทำเสาร์ สร้างเสาร์ ก็จะเริ่ม บอกบุญ เจ้าภาพเสาร์ เจ้าภาพ หลังคา ห้องน้ำ ห้อง ส้วม เอาไฟเข้า เจาะบ่อ บาดาล เป็นงานที่หนักเอาการครับ ในระหว่างเข้าพรรษา ถ้าสร้าง ศาลาเสร็จ ถ้าเป็นไปได้ ผมจะ นำรักษาศิล ๕ ศิล ๘ วันพระ ถ้าไม่มีอุปสรรคใด มาตัดรอนเสียก่อนนะ หรือตายก่อน ก็คงไม่เป็นผลครับ คนอยู่เบื้องหลัง หรือเบื้องหน้า มาสานต่อ ก็แล้วกันครับ ผมเพียง ทำแนวทาง ถางทางไว้ให้ ใครจะทำหรือไม่ทำนั้น เป็นเรื่องของแต่ละคนครับผม:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2014
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก็ตามโมทนาสาธุอย่างยิ่งกับพี่บุญทรงทุกรายการบุญทานกองการกุศลทั้งปวงครับ

    ช่วงนี้หลังของผมมีอาการเดี้ยงขึ้นมาอีกเจ็บขนาดเก้าจุดแปดริกเตอร์นั่นแหละคือ นอนก็ไม่ได้ เดินไม่ได้ ยืนไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนกลิ้งไปกลิ้งมา บิดไปแล้วก็บิดมา มันซัดผมซะอาทิตย์กว่า เพิ่งจะกระเสือกกระสนกระย่องกระแย่งมานั่งทำงานได้วันนี้ ครึ่งวัน แหมไม่รู้ว่าไอ้กรรมชั่วในอดีตอันใหน มันตามสะแง่มไม่ยอมจะลดราวาศอก ขนาดตอนอยู่ต่อหน้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อจะถามท่านถึงกรรมอันนี้ มีเหตุให้ไม่ได้ถามท่านทุกครั้ง

    เคยตามหลวงปู่ธรรมชัยไปถึงวัดทุ่งหลวงตั้งใจจะถามท่านจนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาศถาม ทีคนอื่นท่านบอกว่าโรคอย่างนั้น รักษาอย่างนี้ นี่เป็นเพราะกรรมอันนั้นอันนี้ กี่คนกี่คนท่านก็บอกหมด ผมก็ถือว่าเป็นคนในรอให้คนอื่นเขาหมดธุระก่อน ค่อยจะกราบเรียนถามท่าน พอคนน้อยจะถามท่านบ้างหมดเวลาไปนั่น เป็นอยู่อย่างนี้หลายครั้ง สังเกตุอาการเหมือนว่าทั้งหลวงพ่อหลวงปู่จะไม่ยอมบอกตรงๆ ทำให้โอกาสที่จะถามพลาดไปทุกครั้ง เรื่องอื่นๆไม่ว่าอะไรก็ตามไม่เคยต้องถามหลวงพ่อเลยเจอหน้าท่านก็บอกเลยนี่แสดงว่าไอ้เจ็บหลังเป็นระยะๆนี่ต้องไปทำอะไรใครเขาเข้าไว้หนัก

    นั่งทำงานนี่ เขาโทรตามให้ไปตัดสินใจงานให้เขาหน่อย

    เดี่ยวมาต่อนะพี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2014
  9. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659

    แข่งกันป่วยนะครับ พี่ PCO เดี๋ยวน้อยหน้ากัน ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    รู้นะคะว่าถูกตามหลายหน แต่ตามประสาคนหัวดื้อ"แกมันก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ"อย่างที่หลวงพ่อท่านว่า ก็เตลิดเปิดเปิงไปเรื่อย กราบสวัสดีทุกๆท่านค่ะ
     
  11. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    สวัสดีครับซือเจ๊ ก็จุดธูปตามหาอยู่ว่าไปใหน ข่าวล่าสุดว่าไปปลีกวิเวกตามถ้ำกับเขา แต่ผมว่าที่สะดวก ปลอดภัย ง่ายต่อการประพฤติปฏิบัติธรรมเพือความหลุดพ้น สำนักวัดท่าซุงนี่เหมาะกับคนหัวดื้ออย่างยิ่ง ลีลาภายนอกดูไม่ออก แต่ใจนี่พร้อมที่จะไปได้ทุกที่แม้พระนิพพาน
     
  12. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ผมมันคนอิจฉาคนนะพี่ใครเขาได้ดีก็อยากจะดีกับเขามั่ง ข่าวว่าพี่ป่วย พี่บุญทรงป่วย ผมก็ป่วยของผมมั่ง ไม่ได้ เห็นใครมีอะไรเกินหน้ามันทนไม่ได้เอาซะเลย

    เมื่อคืนก็กระย่องกระแย่งไปตัดสินใจงานให้เขา งานนี้ทำกันสี่สิบแปดชั่วโมงต่อเนื่องซ่อมส่วนสำคัญของเรือขนส่งขนาดใหญ่ ไม่เสร็จเรือออกไม่ได้ แก้วใหญ่ขับรถไปให้ แก้วเล็กแกอยู่หน้างานจนเที่ยงคืน ตอนเช้าแก้วเล็กถวายข้าวพระแล้วก็ไปดูแลงานต่อ

    เอารูปวิวทิวทัศการทำการซ่อมบำรุงเรือมาให้ดูแก้ว่างครับ

    เดี๋ยวมาต่อครับพี่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN6053.JPG
      DSCN6053.JPG
      ขนาดไฟล์:
      129.2 KB
      เปิดดู:
      23
    • DSCN6065.JPG
      DSCN6065.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.8 KB
      เปิดดู:
      28
    • DSCN6066.JPG
      DSCN6066.JPG
      ขนาดไฟล์:
      111.5 KB
      เปิดดู:
      29
    • DSCN6069.JPG
      DSCN6069.JPG
      ขนาดไฟล์:
      89.4 KB
      เปิดดู:
      35
    • DSCN6078.JPG
      DSCN6078.JPG
      ขนาดไฟล์:
      114 KB
      เปิดดู:
      30
    • DSCN6081.JPG
      DSCN6081.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.6 KB
      เปิดดู:
      30
    • DSCN6084.JPG
      DSCN6084.JPG
      ขนาดไฟล์:
      97.8 KB
      เปิดดู:
      28
    • DSCN6088.JPG
      DSCN6088.JPG
      ขนาดไฟล์:
      117.7 KB
      เปิดดู:
      33
    • DSCN6089.JPG
      DSCN6089.JPG
      ขนาดไฟล์:
      197.1 KB
      เปิดดู:
      30
    • DSCF4666.JPG
      DSCF4666.JPG
      ขนาดไฟล์:
      74 KB
      เปิดดู:
      36
    • DSCF4642.JPG
      DSCF4642.JPG
      ขนาดไฟล์:
      89 KB
      เปิดดู:
      32
    • DSCF4652.JPG
      DSCF4652.JPG
      ขนาดไฟล์:
      85.7 KB
      เปิดดู:
      23
    • DSCF4656.JPG
      DSCF4656.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.6 KB
      เปิดดู:
      27
    • DSCF4657.JPG
      DSCF4657.JPG
      ขนาดไฟล์:
      70.5 KB
      เปิดดู:
      36
    • DSCF4647.JPG
      DSCF4647.JPG
      ขนาดไฟล์:
      77 KB
      เปิดดู:
      31
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2014
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    **************************************
    ขอตามหลวงพ่อไปเจ้าค่ะ กลัวท่านจะรอนานเผลอๆเดี๋ยวจะไปข้างล่างเสียก่อนเพราะเห็นคนผิดศีลกันเยอะ ชักไม่ค่อยพอใจ
     
  14. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก็โมทนาสาธุอย่างยิ่งครับ ขอซือเจ๊จงตามหลวงพ่อไปได้อย่างที่ตั้งใจ ท่านแม่ใหญ่ท่านก็สัญญากับลูกๆทุกคนว่าแม่จะมารับ ก็ขอให้ซือเจ๊จงเป็นหนึ่งในลูกที่แม่จะมารับนะครับ คำนี้คิดถึงเมื่อไรมันก็ตื้นตัน สำหรับผมกว่าแม่จะมารับไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไร ผมเองมันยังต้องติดภาระรักษาสมบัติที่พ่อให้ ขอทำหน้าที่ให้จบครบถ้วนสมบูรณ์ก่อน สักวันหนึ่งในอนาคตกาล จะนำธงชัยพระโพธิญาณ ไปถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้จงได้

    วันนี้ก็เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง คือเป็นวันพระแรมสิบสี่ค่ำเดือนสิบเอ็ด วันนี้เมื่อยี่สิบเอ็ดปีมาแล้วเป็นวันที่แก้วใหญ่มาอยู่กับผม ตามที่ได้ขอกับท่านปู่ท่านย่า ขอกับหลวงพ่อ ขอกับท่านแม่ทั้งสามและแม่ในอดีตทั้งหมด

    พรุ่งนี้23ตุลาคมก็เป็นวันสำคัญเป็นวันที่ต้องระลึกนึกถึงพ่อที่ท่านบำเพ็ญบารมีพระโพธิญาณมาอย่างยาวนานหนักหนา 30ตุลาคมที่จะถึงก็เป็นวันที่พ่อไปแล้วไปเลยไม่มีวันกลับมาอีก มีแต่ใจเท่านั้นที่ท่านบอกว่า จะอยู่คู่กับใจของลูก ลูกไปใหนชื่อว่าพ่อไปด้วยช่วยลูกทุกประการ ก็จะขอทำอย่างที่ท่านสั่งไว้ทุกประการ

    ตอนนี้เมื่อยังไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรแม่จะมารับ ก็ขอพาลูกๆ และหมู่ญาติสั่งสมบุญทานกองการกุศลไปพรางๆก่อน เมื่อช่วงกฐินวัดท่าซุง ลูกสาวของรองอันดับสองซึ่งเขาเกิด23ตุลาคมได้พาแม่เขาไปร่วมงานกฐินวัดท่าซุง และอยู่ดูแลยายที่เจ็บไข้ได้ป่วย พยาบาลยายที่ป่วย พออาทิตย์ต่อมาพี่สาวเขาก็ตามขึ้นไปดูแลยาย ก็บอกให้เขาพากันไปตระเวณทอดกฐินตามวัดต่างๆเท่าที่มีโอกาส ช่วงกลับกรุงเทพพี่น้องคู่นี้ก็แวะวัดท่าซุงทำบุญต่างๆและพากันใส่ปุ๋ยต้นไม้ที่วัด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2014
  15. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    <iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/JxPj3GAYYZ0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ฟังเพลงไปก่อนครับ จะได้ใจเย็น ๆ
     
  16. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    พวกเราชิงป่วยล่วงหน้ากันก่อนวันจริงนี่แหล่ะดี

    บางท่านก็เขารีบทำถวายหลวงพ่อก่อนก็มี อันนั้นเขาทำเป็นการส่วนตัว

    เขากลัวตายก็รีบทำก่อน เขาว่าเขาไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ตายยังไง อันนี้ก็น่าชื่นใจในกำลังใจของเขา กำลังใจแบบนี้ มรณานุสติ สวยมาก
     
  17. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    ฝากอีกเพลงครับ พี่ ๆ น้อง ๆ ราตรีสวัสดิ์ ทุก ๆ ท่าน

    <iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/mg0nDXS21hs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ฟังเพลงกันแล้วอย่าลืม เจริญพระกรรมฐาน ตามวิสัยที่เราพึงกระทำได้นะครับ

    อรหังสัมมา ฯ ก็ยังดี

    เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับ พี่พีซีโอ อาซือเจ๊ Armarmy พี่ๆ น้องๆทุกๆท่าน วันนี้เอาภาพ เพชรพยานาคมาฝากอนุโมทนาสาธุกันครับ
    สมาชิก



    ตอนนี้มีน้อง ดาว (หรือ น้องดารณี) อยู่ จังหวัดชัยภูมิ เธอได้ บริจาค เพชรพยานาค มา๖ องค์ ๆ เท่าลูกมะนาวใหญ่ ๑ องค์ เท่าใหญ่เท่าแม่อีโป้ง ๒ องค์ ประดับหน้าผาก ยาวเกือบ ๒ นิ้วไม้บันทัด ลูกใหญ่อีก ๓ องค์ ใหญ่ เท่ากัมปั้น ไว้ประดับ วางที่มือ หรือ ที่หน้าอก เดี๋ยวพิจรณาอีกทีครับ เพราะใหญ่พอสมควร ราคาเธอบอกว่า บูชามาหลายหมื่นบาท เชิญดูภาพ และอนุโมทนาสาธุด้วยกันครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2477.jpg
      DSCN2477.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.1 KB
      เปิดดู:
      29
    • DSCN2478.jpg
      DSCN2478.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.5 KB
      เปิดดู:
      24
    • DSCN2479.jpg
      DSCN2479.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.3 KB
      เปิดดู:
      31
    • DSCN2480.jpg
      DSCN2480.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.6 KB
      เปิดดู:
      22
    • DSCN2481.jpg
      DSCN2481.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.8 KB
      เปิดดู:
      34
    • DSCN2483.jpg
      DSCN2483.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.8 KB
      เปิดดู:
      30
    • DSCN2484.jpg
      DSCN2484.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.4 KB
      เปิดดู:
      29
    • DSCN2485.jpg
      DSCN2485.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.8 KB
      เปิดดู:
      34
    • DSCN2486.jpg
      DSCN2486.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.7 KB
      เปิดดู:
      29
    • DSCN2487.jpg
      DSCN2487.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.2 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSCN2482.jpg
      DSCN2482.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.1 KB
      เปิดดู:
      37
  19. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    โมทนาสาธุอย่างยิ่งกับทุกรายการบุญทานกองการกุศลทั้งปวงกับพี่บุญทรง และ คุณดารณีเจ้าภาพเพชรพยานาค นะครับ

    เพชรพยานาคสวยมากครับ

    เมื่อวันอาทิตย์ทีแล้วลูกสาวสองคนเขากลับจากการไปเยี่ยมบ้านดูแลยายที่ป่วย ตั้งใจว่าเมื่อเขาผ่านจะไปวัดท่าซุง ก็จะให้เขาแวะไปดูที่หมู่บ้านพี่บุญทรง แต่เขาไปทางสายเอเซียตรงไปกรุงเทพไม่ได้เข้าตัวจังหวัดอุทัย ไปเข้าทางแยกหางน้ำสาคร เข้ามโนรมณ์ข้ามแพแล้วไปวัด เมื่อพากันทำบุญต่างๆและใส่ปุ๋ยต้นไม้ที่ท่าซุงเสร็จพวกเขาก็กลับกันไปทางเดิม ไม่ได้มาที่หมู่บ้านพี่ ก็คงโอกาสหน้าเขาคงแอบๆไปเยี่ยมพี่บุญทรง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ตุลาคม 2014
  20. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    พูดถึงเรื่อง "เพชรพยานาค" นี่นะครับ ตัวผมมีความสงสัยอยู่หน่อยคือ ของแท้ กับ แก้วปกติ

    ต่างกันจุดไหนบ้างครับ ? ใครมีความรู้ก็ขอได้โปรดช่วยมาอธิบายกันสักหน่อยครับ

    เพราะปัจจุบันนี้ปรากฏว่า มีคนไปเสียเงินเสียทองกันหลายรายแลกกับ "แก้วสี"

    เลยต้องการหาจุดที่นำมาเปรียบเทียบ "แก้วธรรมดา" กับ "แก้วพยานาค" ว่าเป็นแบบไหน

    ถ้าตามพระธรรมชาดก "พยานาค" มีตัวตนจริง

    องค์สมเด็จพระจอมไตร สมัยอดีตพระองค์ก็เคยเสวยพระชาติเป็น "พยานาคราช" หลายวาระ

    แต่แก้วพยานาคนี่ค้นไปค้นมาทีไรลองถามท่านผู้มีความรู้ ก็เจอแต่ว่าเป็นของที่หวงแหนสำหรับเหล่านาคทั้งหลาย ฯ

    ไอ้เรื่องจะยกให้ง่าย ๆ เป็นไม่มี ดั่งเรื่องนี้


    [๔๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ฤาษีสองพี่น้องเข้าอาศัยแม่น้ำคงคาสำนักอยู่
    ครั้งนั้น มณีกัณฐนาคราชขึ้นจากแม่น้ำคงคาเข้าไปหาฤาษีผู้น้อง ครั้นแล้ววงด้วยขนด ๗ รอบ
    แผ่พังพานใหญ่อยู่บนศีรษะ เพราะความกลัวนาคราชนั้น ฤาษีผู้น้องได้ซูบผอม เศร้าหมอง มีผิว
    พรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีตัวสะพรั่งด้วยเอ็น ฤาษีผู้พี่เห็นฤาษีผู้น้องซูบผอม เศร้าหมอง
    มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีตัวสะพรั่งด้วยเอ็น จึงได้ไต่ถามว่า เหตุไรเธอจึงซูบผอม
    เศร้าหมองมีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีตัวสะพรั่งด้วยเอ็น
    น. ท่านพี่ มณีกัณฐนาคราชขึ้นจากแม่น้ำคงคา เข้ามาหาข้าพเจ้า ณ สถานที่นี้ ครั้นแล้ว
    วงข้าพเจ้าด้วยขนด ๗ รอบ แผ่พังพานใหญ่บนศีรษะ เพราะความกลัวนาคราชนั้น ข้าพเจ้าจึงได้
    ซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีตัวสะพรั่งด้วยเอ็น
    พ. ท่านต้องการไม่ให้นาคราชนั้นมาหรือ
    น. ข้าพเจ้าต้องการไม่ให้นาคราชนั้นมา
    พ. ท่านเห็นนาคราชนั้นมีอะไรบ้าง
    น. ข้าพเจ้าเห็นมีแก้วมณีประดับอยู่ที่คอ
    พ. ถ้าเช่นนั้น ท่านจงขอแก้วมณีกะนาคราชนั้นว่า ท่านจงให้แก้วมณีแก่ข้าพเจ้าๆ
    ต้องการแก้วมณี
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้นมณีกัณฐนาคราชขึ้นจากแม่น้ำคงคาเข้าไปหาฤาษีผู้น้อง หยุดอยู่
    ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ฤาษีผู้น้องได้กล่าวขอแก้วมณี กะมณีกัณฐนาคราชว่า ขอท่านจงให้
    แก้วมณีแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องการแก้วมณี จึงมณีกัณฐนาคราชรำพึงว่า ภิกษุขอแก้วมณี ภิกษุ
    ต้องการแก้วมณี แล้วได้รีบกลับไป แม้ครั้งที่สอง มณีกัณฐนาคราชขึ้นจากแม่น้ำคงคาเข้าไปหาฤาษี
    ผู้น้องๆ เห็นมณีกัณฐนาคราชมาแต่ไกล ได้กล่าวขอแก้วมณี กะมณีกัณฐนาคราชว่า ขอท่านจงให้
    แก้วมณีแก่ข้าพเจ้าๆ ต้องการแก้วมณี จึงมณีกัณฐนาคราชรำพึงว่า ภิกษุขอแก้วมณี ภิกษุต้องการ
    แก้วมณี แล้วได้กลับแต่ที่ไกลนั้นเทียว แม้ครั้งที่สามมณีกัณฐนาคราชกำลังจะขึ้นจากแม่น้ำคงคา
    ฤาษีผู้น้องได้เห็นมณีกัณฐนาคราชกำลังโผล่ขึ้นจากแม่น้ำคงคา ก็ได้กล่าวขอแก้วมณี กะมณีกัณฐ-
    *นาคราชว่า ขอท่านจงให้แก้วมณีแก่ข้าพเจ้าๆ ต้องการแก้วมณี ขณะนั้นมณีกัณฐนาคราชได้กล่าว
    ตอบฤาษี ผู้น้องด้วยคาถา ความว่าดังนี้:-
    ข้าวน้ำ ที่ดียิ่ง มากหลาย บังเกิดแก่ข้าพเจ้า
    เพราะเหตุแห่งแก้วมณีดวงนี้
    ข้าพเจ้าจะให้แก้วนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านเป็นคนขอจัด
    ข้าพเจ้าจักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกแล้ว
    ท่านขอแก้วกะข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าสะดุ้งกลัว
    ดังคนหนุ่มถือดาบซึ่งลับดีแล้วบนหินลับ
    ข้าพเจ้าจักไม่ให้แก้วนั้นแก่ท่านๆ เป็นคนขอจัด
    ข้าพเจ้าจักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกแล้ว
    ครั้งนั้นมณีกัณฐนาคราชได้หลีกไป พลางรำพึงว่า ภิกษุขอแก้วมณี ภิกษุต้องการแก้วมณี
    ได้หลีกไปอย่างนั้นแล้ว ไม่กลับมาอีก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต่อมาฤาษีผู้น้องได้ซูบผอม เศร้าหมอง
    มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีตัวสะพรั่งด้วยเอ็นยิ่งกว่าเก่า เพราะไม่ได้เห็นนาคราชผู้น่าดูนั้น
    ฤาษีผู้พี่ได้เห็นฤาษีผู้น้องซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีตัวสะพรั่งด้วย
    เอ็นยิ่งกว่าเก่าจึงได้ถามดูว่า เพราะเหตุไรท่านจึงซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลือง
    ขึ้นๆ มีตัวสะพรั่งด้วยเอ็นยิ่งกว่าเก่า ฤาษีผู้น้องตอบว่า เพราะไม่ได้เห็นนาคราชผู้น่าดูนั้น จึงฤาษี
    ผู้พี่ได้กล่าวกะฤาษีผู้น้องด้วยคาถา ความว่าดังนี้:-
    บุคคลรู้ว่าสิ่งใดเป็นที่รักของเขา ไม่ควรขอสิ่งนั้น
    อนึ่ง คนย่อมเป็นที่เกลียดชัง ก็เพราะขอจัด
    นาคที่ถูกพราหมณ์ขอแก้วมณี
    จึงไม่มาให้พราหมณ์นั้นเห็นอีกเลย.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย การวิงวอน การขอ ไม่เป็นที่พอใจของสัตว์ดิรัจฉานเหล่านั้นแล้ว
    ก็จะป่วยกล่าวไปไยถึงหมู่มนุษย์เล่า.

    อ้างอิงจาก : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๖ เรื่องภิกษุชาวรัฐอาฬวี

    เหตุที่ชาดกนี้นำมาตรัส เพราะจะทรงบัญญัติพระวินัยสงฆ์

    ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=1&A=16207&Z=16375


    แล้วทำไมในยุคปัจจุบัน ถึงไปหามาได้ง่ายยังกับเดินไปตลาดแล้วไปซื้อของ

    ก็ขอให้ท่านผู้มีความรู้ในเรื่อง "เพชรพยานาค" มาให้ความกระจ่างกันบ้างครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...