@@@_____มุมพระเครื่อง-วัตถุมงคล หลากสายหลายคณาจารย์_____@@@

โอนให้แล้วนะครับ ส่งตามที่อยู่นะครับ
สำเนียน จารเมือง
โรงเรียนนานาชาติไทย-จีน
101/177 ม.7 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี
จ.สมุทรปราการ 10540
ขอบคุณครับ

 

รับทราบครับ ขอบคุณมากครับผม

 

รายการที่ ๓๔. สีผึ้ง วัดท่าขนุน


พระอาจารย์กล่าวว่า พระท่านบอกวัตถุมงคลที่นำมาพุทธาภิเษกไปคนละทิศละทาง พระไพรีพินาศ "เป็นมหาอำนาจ ผู้ใดคิดร้ายจะพินาศแพ้ภัยตนเอง"

ส่วนสีผึ้งปกติเป็นเมตตามหานิยม ไปคนละด้านแต่พระท่านสงเคราะห์ได้ ให้ใช้คาถาของหลวงปู่แช่ม สีผึ้งลูกศิษย์ทำมาถวาย อาตมาแค่เปรยๆ ว่าจะทำ ต่อไปจะทำอะไรห้ามพูดก่อน สีผึ้งถ้าของอาตมาเป็นอีกสูตรหนึ่ง

คาถาเมตตา "พระอรหัง สุคโต ภควา นะเมตตาจิต" คาถาบทนี้พระอาจารย์ท่านบอกว่าเป็นคาถาของ หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก็ต ใครใช้แล้วไปทำอะไรต้องรับผิดชอบด้วย

ปิดรายการครับ​

 

รายการที่ ๓๖. สีผึ้งพญาไก่แก้ว ครูบากฤษดา


ครูบาฯท่านได้หุงสีผึ้งจากมวลสารต่างๆ มากมาย เช่น ว่านร้อยแปด เทียนชัยในพิธีพุทธาภิเษกของวัดต่างๆ ขี้ผึ้งที่ใช้ปิดปากปิดตางานสมโภชพระพุทธรูป ตามแบบโบราณล้านนา เกสรดอกไม้นามมงคล ตะไคร่ที่ขึ้นตามอุโบสถและเสมา ผงลบมงคล น้ำมันจันทร์ น้ำมันงา และน้ำมันมะพร้าว จากนั้นจึงนำมากวนผสม และปลุกเสกตามคติล้านนาโบราณ กล่าวคือ ต้องทำการปลุกเสกในวันที่เกิดจันทรคราสให้ครบ ๓ ครั้ง จึงจะเสริมพุทธานุภาพให้สีผึ้งนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น

หลังจากการปลุกเสกในครั้งนั้น ท่านก็เก็บรักษาสีผึ้งชุดนี้ไว้ที่หอสวดมนต์ (กุฏิพระเจ้าแดง) มาโดยตลอด ทุกครั้งที่วัดมีพิธีพุทธาภิเษกหรืองานบุญต่างๆ ท่านก็จะทำการเสกกำกับไปเรื่อยๆ

จากวันที่ได้ทำการปลุกเสกครั้งแรกจนถึงปัจจุบันนี้ สีผึ้งชุดนี้ก็ผ่านการปลุกเสกมากกว่า ๙ ปีแล้วครับ

พุทธานุภาพของสีผึ้งพญาไก่แก้วนี้ เด่นทางด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ใช้ในทางเจรจาค้าขาย ขึ้นโรงขึ้นศาล หย่าศึก เจรจาคดีความ ทาปากหรือคิ้วก็ได้ จะใช้เจิมสินค้าที่ขายก็ได้ หรือจะใช้พกติดตัว ตั้งบูชาที่บ้าน ที่ร้านก็ได้ผลเช่นเดียวกัน

ก่อนที่จะทาสีผึ้งหรือเจิม ให้ตั้งนะโม ๓ จบ จากนั้นให้ทำใจให้สบายๆ แล้วว่าคาถา กิกุกุ ๓ จบ หากจะทาปากให้วนขวา (ตามเข็มนาฬิกา) จะใช้นิ้วใดก็ได้ มีข้อห้ามเพียงอย่างเดียวว่า มิให้ใช้สีผึ้งเจิมหรือทาปากในวันอาทิตย์ (ตามตำราโบราณกล่าวไว้ว่า จะทำให้ม้วย ซึ่งม้วยในภาษาเหนือแปลว่า ตาย) หากมีความจำเป็น ให้ใช้สีผึ้งพกติดตัวในวันดังกล่าวแทน

 

ได้รับพระแล้วครับผม

 

ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบครับผม

 

รายการที่ ๓๘. พระกริ่งหนุนดวง เนื้อนวโลหะ หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ เลขสวย (๕๕)

 

จองรายการครั๊บ...

 

รับทราบการจองครับ

 

โอนเงินให้แล้วครั๊บ รายละเอียดทาง pm ครั๊บ.....

 

รับทราบครับ ขอบคุณมากครับผม

 

รับทราบการจองครับ

 

ขนาดเท่าไร, สร้างปีไหนครับ.

 

ความยาวใบมีด ประมาณ ๔ นิ้ว ส่วนความยาวรวม ประมาณ ๗ นิ้วครับ

เป็นพระขรรค์สร้างขึ้นโดยศิษย์หลวงตาม้า วัดท่านอยู่ที่ จ.ลำปาง ผมลืมชื่อวัด ที่วัดมีการสร้างสมเด็จองค์ปฐมและองค์หลวงปู่ดู่ ขาดปัจจัย พระลูกศิษย์จึงขอสร้างพระขรรค์เพื่อหารายได้ หลวงตาท่านก็มาช่วยงานและอธิษฐานจิตให้เป็นอย่างดีครับ

มีดชุดนี้ไม่มีประชาสัมพันธ์ ใครทราบก็ไปจองกันจนหมด ฝีมือช่างโกเนี้ยว ศิษย์หลวงตาม้าครับ

ได้มาจากการร่วมบุญกับคุณ woottipon ครับ รายละเอียดเท่าที่สอบถามมามีเท่านี้ครับ

 

รายการที่ ๔๖. ตะกรุดยันต์เกราะเพชร รุ่นพิเศษ ๑๐๘ ๑๐๐๙ วัดเขาวง เนื้อเงิน หมายเลข ๑๕


พุทธาภิเษก ๔ วาระด้วยกัน

วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ พุทธาภิเษกที่สำนักฟื้นฟูจิต หลวงพ่อมนัส มนฺตชาโต
วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ บวงสรวงที่วัดเขาวง โดยหลวงตาวัชรชัย
วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ พิธีเป่ายันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน
วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ พุทธาภิเษกวัดท่าซุง


มวลสารมีดังนี้

๑. ชนวนเงินเข้าพิธีหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม รุ่น ๔
๒. ชนวนเงินเข้าพิธีหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม รุ่น ๕
๓. ชนวนเงินเข้าพิธีหนุนดวง หลวงพ่อหนุน
๔. ชนวนเงินเข้าพิธี พระเจ้าพรหมมหาราช วัดศาลพันท้ายนรสิงห์
๕. ชนวนเงินเข้าพิธี พระศรีอาริยเมตไตรย วัดเขาวง ปี ๒๕๕๕
มวลสารยอดบายศรี ทุกพิธีบวงสรวงตลอดชีวิต หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ฯลฯ

 

ได้รับพระแล้วครับวันนี้

 

ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบครับผม

 

รายการที่ ๔๘. ขุนแผนนะกุกู เนื้อผงอาถรรพ์ (พราย) หลังฝังงาช้าง สร้างเพียง ๗๖ องค์เท่านั้นครับ


ปลุกเสก ๙ วาระ

วาระที่ ๑. หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดหงส์รัตนาราม เสกเดี่ยวครับ

วาระที่ ๒. พระอาจารย์มานิตย์ วัดเงิน เสกเดี่ยวครับ

วาระที่ ๓. พระอาจารย์ปุ้ม พระอาจารย์เงาะ วัดศาลาแดง ร่วมเสกครับ

วาระที่ ๔. หลวงปู่เช้า วัดห้วยลำใย อธิษฐานจิตเดี่ยวครับ

วาระที่ ๕. หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง ปลุกเสกเดี่ยวครับ

วาระที่ ๖. พระอาจารย์ทิน วัดชายนา เมตตาปลุกเสกเดี่ยวครับ

วาระที่ ๗. หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ เมตตาปลุกเสกเดี่ยวครับ

วาระที่ ๘. ที่วัดดงหัวชี

วาระที่ ๙. อาจารย์แทน ฆราวาสธรรม วัดโพธิ์ศรีธาตุ จ.สุรินทร์ เมตตาเสกเดี่ยวครับ


แบบผงพรายจะทาน้ำมันอาถรรพ์ห้าพรายและใส่ผงพราย โดยมีพื้นฐานคือ กุมารในองค์พระ (มีพรายมากกว่าหนึ่ง) ส่วนเนื้อพุทธคุณจะมีกุมารทุกองค์เป็นพื้นฐานและทาน้ำมันว่านและสีผึ้งเสน่ห์

กุมาร คือ กุมารที่ผ่านการปลุกเสกและประจุเข้าองค์พระจากพระอริยะ จึงหายห่วงครับ ไม่มีการเข้าตัวและมีอิทธิฤทธิ์สูง จึงเห็นผลเร็ว แต่เพื่อความสบายใจก็จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง แม่พระธรณี ครูบาอาจารย์ ก่อนนำเข้าบ้านก็ได้ครับ และทุกเนื้อจะมีผงหาเมียจากขุนแผนหาเมียของพี่อาทิครับ


นะกุกู เป็นคาถามหาเสน่ห์ที่ลุงพรามห์ (หลานหลวงปู่แก้ว) ได้รับสืบทอดจากหลวงปู่ทิม และลุงยังเน้นว่า คาถานี้เป็นคาถาที่ใช้ได้ผลจริงและแรงที่สุดตั้งแต่ได้มาจากหลวงปู่ (แกพูดว่า ใช้ดีอย่างนี้เลย พร้อมกับยกนิ้วโป้ง ^^) แต่ว่าถึงเรื่องคาถา ถ้าจะให้ได้ผลจริงจะต้องมีสมาธิขั้นต้นเสียก่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ ท่าน ผมและคณะจึงจัดสร้างขุนแผนนะกุกูขึ้นมา เพื่อเป็นสื่อพลังอาศัยบารมีหลวงปู่เพื่อให้ได้ผลเร็ว และพระอาจารย์มานิตย์ท่านยังเมตตาบอกว่า หลวงปู่ทิมท่านลงมาทำให้ทุกขั้นตอน และพระอาจารย์มานิตย์ยังประจุกุมารเข้าพระทุกองค์เพื่อเพิ่มความเร็วแรง โดยท่านเปรียบเปรยว่า "ขุนแผนไม่มีกุมาร ก็เหมือนหนุมานไม่มีตรี" จะขาดอย่างใดอย่างนึงไม่ได้ และท่านยังกล่าวว่าพระนี้ดีทุกด้านและเป็นพระคนหนุ่มทำให้ระวังเรื่องผิดศีลเรื่องกรรมเน้อ (เสน่ห์นำ) มาถึงวิธีการอาราธนาพระขุนแผนนะกุกูครับ

วิธีใช้

ให้กำพระขุนแผน นะกุกู ไว้ในมือ
ตั้งนะโม 3 จบ
ตั้งจิตถึงหลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้ว
หายใจเข้า กลั้นหายใจแล้วภาวนา
นะกุกู
กุกูนะ
กูนะกุ
(เวลาภาวนาให้นึกถึงคนที่เราจะไปหาหรือไปเจรจา)


ขอบคุณข้อมูลจากกระทู้ขุนแผนนะกุกู และคุณ keng29 ครับ

 

รับทราบการโอนครับผม

ขอบพระคุณครับ _/l\_

 

​

หลวงพ่อเชิญ ปุญญสิริ สืบสายวิชาหลวงพ่อปาน


วัดโคกทอง เดิมวัดตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำน้อย สถานที่ตั้งวัดเป็นที่เนินสูงเรียกว่า "โคก" เป็นที่เลี้ยงวัวควายของชาวบ้าน เมื่อสร้างวัดขึ้นมาแล้ว ได้ขนานนามวัดนี้ว่า "วัดโคกทอง" ในสมัยของ พระครูบวรสังฆกิจ หรือ หลวงพ่อเพิ่ม อดีตเจ้าคณะแขวงเสนา ย้ายมาตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำน้อย ซึ่งเป็นที่ตั้งในปัจจุบัน เพื่อความสะดวกและเหมาะสมยิ่งขึ้น วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๔๘๐ ผูกพัทธสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒

วัดแห่งนี้มีพระเกจิอาจารย์ ชื่อดัง คือ "พระมงคลวราจารย์" หรือ "หลวงพ่อเชิญ ปุญญสิริ" อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นทายาทที่ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจาก "หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค"

หลวงพ่อเชิญ เกิดในตระกูล กุฎีสุข ที่หมู่บ้านดงตาล ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ตรงกับวันที่ ๑๒ เม.ย. ๒๔๕๐

เมื่อ อายุ ๕ ขวบ มารดาถึงแก่กรรม จึงต้องอยู่ในความดูแลของบิดาแต่ผู้เดียว อายุ ๘ ขวบ บิดาพาไปฝากเรียนหนังสือกับหลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย ต.กุฎี อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เล่าเรียนหนังสืออยู่กับหลวงพ่อขาบ ๒ ปี จนสามารถอ่านออกเขียนได้

หลวงพ่อขาบ ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี เห็นว่าเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร เฉลียวฉลาด จึงนำไปฝากพระครูบวรสังฆกิจ หรือหลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง เจ้าคณะอำเภอเสนา ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่มีความรู้ด้านพระปริยัติธรรม เชี่ยวชาญสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตร

นอกจากนี้ ยังเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณและเรืองวิทยาคมขลัง เนื่องจากเป็นศิษย์หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

เมื่อมาอยู่วัดโคกทอง คอยรับใช้หลวงพ่อเพิ่มอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติหน้าที่การงานอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความวิริยอุตสาหะและเชื่อฟังคำสั่งสอนเป็นอย่างดี กระทั่งอายุ ๑๖ ปี จึงบรรพชา เมื่อวันที่ ๕ มิ.ย. ๒๔๖๖ มีหลวงพ่อเพิ่ม เป็นพระอุปัชฌาย์

เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโคกทอง เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2470 มี พระอาจารย์องค์แรก คือ หลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย เป็นพระอุปัชฌาย์ , หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัดแจ่ม วัดโคกทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "ปุญญสิริ"

หลังบวชแล้วได้อยู่ช่วยหลวงพ่อเพิ่มบูรณะวัดโคกทอง พร้อมกับศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก พ.ศ. ๒๔๗๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมที่ "พระสมุห์เชิญ" และได้รับการแต่งตั้งเป็น "พระปลัด" ในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ท่านจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนหลวงพ่อเพิ่ม ปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอเสนา ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขก ดูแลพระภิกษุสามเณรภายในวัด นับเป็นภารกิจที่หนักมาก แต่ท่านสามารถปฏิบัติด้วยความเรียบร้อยจวบจนหลวงพ่อเพิ่มมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๑



ด้านการศึกษาวิทยาคม หลวงพ่อเชิญเป็นพระอาจารย์ที่มีครูบาอาจารย์มาก โดยหลวงพ่อเพิ่มเป็นพระอาจารย์องค์แรกที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ

ในคราวที่บวชเณร ได้ติดตามหลวงพ่อเพิ่มไปซื้อซุงที่ชัยนาท ได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเพิ่ม ท่านจึงโชคดีได้วิชาจากหลวงปู่ศุข

เมื่ออุปสมบทในพรรษาแรกก็ไปขึ้นพระกรรมฐานกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และเดินทางไปเรียนวิชากับหลวงพ่อจงอยู่เป็นเวลาหลายปี

นอกจากนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สหธรรมิกหลวงพ่อเพิ่มมาพำนักที่วัดโคกทอง หลวงพ่อเชิญจึงฝากตัวเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ แล้วติดตามพายเรือไปส่งและพักเรียนวิชาที่วัดบางนมโคเป็นประจำ

พ.ศ. ๒๔๗๓ หลวงพ่อเพิ่มพาท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์อีกรูปหนึ่งของท่าน คือ "หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ" ซึ่งขณะนั้นท่านชราภาพมากแล้ว

ต่อมา พ.ศ. ๒๔๘๒ หลวงพ่อเชิญเกิดอาพาธด้วยโรคตาอักเสบจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพักรักษาตัวอยู่กับหลวงปู่กล้าย วัดหงส์รัตนาราม บางกอกใหญ่ ได้รับการแนะนำวิชาจากหลวงปู่กล้ายอีกรูปหนึ่ง

มรณภาพเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๓ สิริอายุ ๙๓ ปี พรรษา ๗๓

www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5ESXdOalExTlE9PQ==