ไม้ในสวน

พี่ระมิงค์มีเยออะเลยค่ะ^__^
ติงมีฮว่านง็อก และอ่อมแซบด้วยค่ะ แต่ปลูกไว้เฉยๆไม่ได้ใช้ประโยชน์
หญ้าปักกิ่งก็เคยปลูกค่ะ พี่สาวให้มา
ชมรมปลูกต้นไม้สไตล์คนเมืองของพี่ ติงแอบไปดูเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ
เพราะติงชอบต้นไม้ ^^
แต่ว่าพันธุ์ไม้จีนนี่หาซื้อยากนะคะ ไม่เห็นมีขาย
นอกจากว่าไปพบที่เขาปลูกแล้วขอแบ่งมา
แต่อย่างพลูคาว หญ้าปักกิ่งนี่พอหาได้ค่ะ

จะรอชมภาพจากพี่นะคะ

 

สรรพคุณฮว่านง็อกจาก หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

สรรพคุณของต้นสมุนไพร (จากเอกสาร ฮานอย 2-9-1995 ถ่ายทอดจากต้นฉบับจริง)
1. รักษาคนสูงอายุ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ทำงานหนัก เกิดประสาทหลอน
2. รักษาเป็นไข้หวัด ความดันโลหิตสูง ท้องไส้ไม่ปกติ
3. รักษาอาการมีบาดแผล เคล็ด ขัด ยอก กระดูกหัก
4. รักษาอาการทางเดินอาหารไม่ปกติ
5. รักษาอาการโรคกระเพาะอาหาร โรคเลือดออกในลำไส้เกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ
6. รักษาอาการคอพอก ตับอักเสบ
7. รักษาอาการไตอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่นข้น
8. รักษาอาการโรคมะเร็งปอด มีอาการปวดต่าง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รับประทานต่อไป 100-200 ใบ อาการจะหายขาด
9. รักษาโรคตาทุกชนิด เช่น ตาแดง ตาต้อ ตาห้อเลือด
10. รักษาอาการมดลูกหย่อนของหญิงคลอดบุตรใหม่ ได้ผลดี ช่วยให้มดลูกเข้าอู่
11. รักษาโรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ โรคประสาทอ่อน ๆ (เพื่อเป็นการสนับสนุนเหตุผลโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งผู้เขียนก็เป็น จึงกินเข้าไปครั้งละ 5 ใบ เช้า-เย็น 1 วัน อาการหน้ามืดหนักหัวหายไป รู้สึกสบาย เบาสมอง)
12. สามารถใช้กับสัตว์ได้ จากเอกสารระบุว่าใช้กับไก่ชนหลังจากชนไก่แล้ว ต้องการให้ไก่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ให้ไก่กินใบของต้นสมุนไพรฮว่านง็อก จะฟื้นตัวได้เร็ว
รายละเอียดในการใช้รักษาแต่ละโรค
1. โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้ง รับประทานติดต่อกันไปจนครบ 50 ใบ
2. โรคเลือดออกในลำไส้ รับประทานใบสด 7-13 ใบ หรือคั้นเอาน้ำ วันละ 2 เวลา
3. โรคเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่เป็นบิด รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้ง รับประทานติดต่อกันไปประมาณ 100 ใบ
4. โรคตับอักเสบ คอพอก รับประทานครั้งละ 7 ใบ วันละ 3 ครั้ง รับประทานติดต่อกันไปจนครบ 150 ใบ
5. โรคไตอักเสบ ปวดเป็นประจำ รับประทานครั้งละ 3-4 ใบ วันละ 3 ครั้ง รับประทานไปจนครบ 30 ใบ
6. อาการท้องไส้ไม่ปกติ รับประทาน 7-14 ใบ 2 ครั้ง หาย
7. ปวดเมื่อยตามร่างกาย รับประทาน 7-14 ใบ 2 ครั้ง หาย
8. อาการปัสสาวะแสบ ปัสสาวะเป็นเลือด รับประทาน 14-21 ใบ โดยการคั้นเอาน้ำข้น ๆ รับประทาน
9. โรคตาแดง รับประทาน 7 ใบ และบด 3 ใบ ปิดที่ตา เวลานอน 1 คืน จะหาย
10. โรคความดันสูงจะลดทันทีเมื่อรับประทาน 5-9 ใบ (ผู้เขียนได้ทดลองด้วยตนเองดีสมราคาคุย)
11. แก้โรคเบาหวาน ผู้ชายรับประทานวันละ 7 ใบ ผู้หญิงรับประทานวันละ 9 ใบ ภายใน 90 วัน หาย
12. ใช้กับสัตว์ เช่น ไก่เหงา เป็นอหิวาต์ หรือนิวคาสเซิล ให้ไก่กิน 2-3 ใบ ไก่ชนหลังจากการชนแล้วให้กิน 2-3 ใบ (น่าจะประยุกต์ใช้กับสัตว์อื่น ๆ ได้)
13. สตรีหลังคลอด รับประทานวันละ 1 ใบ รับประทานทุกวันจะทำให้ฟื้นสุขภาพได้เร็ว
14.แก้อาการกรดไหลย้อน รับประทาน 4-5 ใบเคี้ยวแล้วดื่มน้ำตามทันที จะหายภายในไม่เกิน 10 นาที
15.อาการหน้ามืดวิงเวียนศีรษะ รับประทาน 4 ใบเคี้ยวแล้วดื่มน้ำตามทันที จะหายภายใน 10-15 นาที

อนึ่ง การรับประทานหรือกินใบสมุนไพร ให้กินก่อนอาหารเสมอ
ขอขอบคุณ คุณทศทิศ แก่นสุข ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลโดยละเอียดของสมุนไพรฮว่านง็อก

 

สรรพคุณ และวิธีรับประทานจินเจียเหมายี่

สรรพคุณ : โรคที่มีผู้รับรองว่า จินเจียเหมายี่รักษาหายแล้ว ได้แก่ โรคมะเร็งที่ลิ้น มะเร็งในตับ ลำคอ หอบหืด ไอ โรคแผลในกระเพราะ โรคตา ริดสีดวง ตกขาว โรคซิฟิลิด โรคเก๊า ไขข้ออักเสบ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง – ต่ำ เบาหวาน โรคไต (ปัสสวะเหลือง-แดง) โรคทอมซิลอักเสบ เส้นเลือดอุดตัน (เลือดข้น) ***อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมา ดังนั้น การรับประทานสมุนไพรชนิดใดก็ตาม จึงควรต้องหมั่นสังเกตุอาการของตนเองระหว่างที่ทานด้วย เพราะสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกัน***

วิธีรับประทาน :

1.ใช้ใบยา 7 ใบ ต้มกับน้ำเปล่า 2 ชาม ต้มจนเหลือ ¾ ชาม ทานวันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร ก่อนนอนให้ใช้ใบยา 1 ใบ เคี้ยวให้ละเอียด ทานกับน้ำอุ่น ทานติดต่อกัน 12 – 20 วัน จะเริ่มเห็นผล

2.กรณีอาการหนัก ใช้ใบยา 30 ใบ ต้มกับน้ำเปล่า 2 ชาม ต้มจนเหลือ ¾ ชาม ทานเฉพาะมื้อกลางวัน และก่อนนอนใช้ใบยา 3 ใบ เคี้ยวให้ละเอียดทานกับน้ำอุ่น ทานติดต่อกัน 30 วัน จะเริ่มเห็นผล

3.ใช้ใบยา 7 ใบ ล้างให้สะอาดตำให้ละเอียดผสมน้ำอุ่น และน้ำตาลกรวดเล็กน้อย ทานวันละ 1 ครั้ง ทานติดต่อกัน 15 วัน จะเริ่มเห็นผล

***ปริมาณการกิน ของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ขึ้นกับขนาดของใบ และน้ำหนักตัว จึงขอให้คนป่วยเบาหวานทดลองกินจำนวนใบน้อยๆ ก่อนแล้วคอยดูอาการ เพราะในผู้ป่วยเบาหวาน เคยมีบางท่านทานแล้วน้ำตาลลดลงฮวบฮาบ ซึ่งไม่ทราบว่ากินเยอะไปหรือไม่ บางท่านใช้ใบกลมได้ผลดีกว่า แต่บางคนบอกว่าใบยาวลดน้ำตาลได้มากกว่า ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วย ว่าถูกกับตัวไหน


***สิ่งที่ควรระวัง - สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน อาหารแสลงที่ควรระวัง เช่น กุ้ง ปลาหมึก ปู ปลาร้า หูฉลาม กะปิ ข้าวเหนียว หน่อไม้ หัวผักกาด เผือก สาเก ของดอง แอลกอฮอล์ ชา-กาแฟ อาหารที่มีส่วนผสมขันทศกร แซคคาริน หรือน้ำตาลเทียม ของดอง เครื่องดื่มมึนเมา และเครื่องกระป๋องทุกชนิดควรงด


การปลูกใช้เอง ไม่ควรใช้ยาฆ่าแมลง หรือถ้ามีการใช้ปุ๋ยเคมี ควรทิ้งไว้อย่างน้อย 5 วัน ถึง 1 สัปดาห์ ก่อนเก็บใบมาใช้ และควรล้างให้สะอาด ๆ ก่อนนำมาใช้ โดยเฉพาะการพอกตา)

 

ตั้งใจไว้ว่าสักวันหนึ่งจะขยายพันธุ์ไว้แจกจ่ายไปตามวัดต่างๆ เพื่อให้พระ เณร ชี ได้ฉันเพื่อป้องกันโรค หรือรักษาโรคได้
ยังจะมีไคร่หอมที่กลิ่นของดอกจะช่วยแก้โรคภูมิแพ้
กับต้นไม้ที่ปลูกแล้วยุงไม่เข้าใกล้ในบริเวณนั้น เพื่อบรรเทาปัญหายุงกัดเวลานั่งปฏิบัติธรรมหรือเดินจงกรม
เนี่ย...วางแผนไว้หลายอย่าง เพื่อประโยชน์ของนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ที่จะให้ดีทั้งใจ ดีทั้งกาย เพราะทั้งชีวิตเรานี้ ได้จากสังคม ประเทศชาติ ได้ธรรมะจากครูบาอาจารย์มาก็มาก ทำคนให้เป็นคนได้จนทุกวันนี้ จึงได้แต่คิดว่าจะตอบแทนคุณแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองนี้ได้อย่างไรบ้าง สิ่งใดจะเป็นประโยชน์ต่อมหาชนคนหมู่มาก ต่อนักปฏิบัติที่มุ่งหวังมรรคผล ในชาตินี้ เราจะทำอะไรเพื่อเกื้อกูลคนทั้งหลายเหล่านี้ได้อย่างไรบ้างนะ...แบบที่ใครๆเขายังไม่ทำกัน ให้เป็นคุณค่า ที่แม้แต่เงินก็หาซื้อไม่ได้...มากไปหรือเปล่านะเราเนี่ย...

 

กราบอนุโมทนาค่ะพี่ระมิงค์ พี่คิดดี ทำดีมาโดยตลอด สาธุค่ะ

 

ดอกไม้งาม

 

ไปทานมะขามกันค่ะ

 

สมัยก่อนตอนที่ยังเยาวัย .. อยู่อาศัยในพื้นที่ต่างจังหวัด
ต้นมะขามมีมากสารพัด .. เที่ยวทัศนะที่ใดก็มักเจอ

มีทั้งมะขามเปียกมะขามเทศ .. แต่ในเขตเว้นอย่างเดียวมะขามหวาน
มะขามเปียกสุดเปรี้ยวยากจะทาน .. จึงระรานเต็มต้นคนไม่เอา

มะขามเทศแม้หายากอยู่สักหน่อย .. แต่รสนั้นอร่อยมากกว่ากัน
รสหวานนิดติดฝาดปนรสมัน .. คนชอบกันจึงมักหมดและอดกิน

แต่ในรูปครูติงที่นำมา .. โอ้หนา.ทำไมถึงใหญ่ขนาดนี้
มันคือมะขามพันธ์อะไรนี่ .. และบอกทีว่ามันอยู่ที่แห่งใด

 

ดอนย่า ความงามและคุณค่าสำหรับสามัญชน
ดอนย่าเป็นไม้ดอกซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูงในประเทศฟิลิปปินส์ และเป็นไม้ดอกที่ขอพระราชทานพระนามสมเด็จพระบรมราชินีนาถของไทยไปเป็นชื่อของดอนย่า ที่ผสมขึ้นใหม่พันธุ์หนึ่งซึ่งมีความงดงามมาก กลีบดอกซ้อนสีชมพูอ่อนเกือบเป็นสีขาว มีขลิบสีแดงตามขอบนอกของกลีบดอก ดอนย่าพันธุ์นี้ได้รับพระราชทานชื่อว่า ควีนสิริกิตติ์ (Queen Sirikit) มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

 

มะขามเปรี้ยวที่เกษตรกรปลูกขายโดยแปรรูปเป็นมะขามเปียกค่ะ

 

แป่วววว

 

สงสัยว่าจะเข็ดฟัน ^^

ทานส้มตำดีกว่านะคะ

 

ลูกติดพัน ขออีกสักจานค่ะ

 

ข้างๆบ้านมีเจ้าต้นนี้ ไม่มั่นใจว่าเป็นบุกหรือเปล่า

 

น่ารักค่ะ

 

ตะลิงปลิง
ยอดอ่อนและก้านดอกใช้ต้มจิ้มน้ำพริก ในประเทศไทยส่วนที่นิยมใช้กินคือผลอ่อน ผลตะลิงปลิงมีรสเปรี้ยวจัด นิยมใช้แกงส้ม แกงคั่ว ทำน้ำพริก ต้มหมู ต้มเนื้อ ยำต่างๆ สรรพคุณแก้พิษร้อนใน กระหายน้ำ ฝาดสมาน บำรุงกระเพาะอาหาร เจริญอาหาร ฝาดสมานและลดไข้ แก้เสมหะเหนียว