เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

พิธีนี้มีอะไรที่พิเศษๆ ไหมครับ
ของที่นำเข้ารวมเหรียญลป.ศุข(คุณอ๊อด) ด้วยไหมครับ และตอนนี้ผ่านISO ยังครับ ขอบคุณครับ

 

รวมเหรียญของคุณอ๊อดด้วยครับ ตอนนี้ที่นำเสกอยู่ก็เพราะมีเหรียญของคุณอ๊อดนี่แหละที่ทำให้พี่นิ่มยังไม่ยอมหยุด และคุณอ๊อดก็ยังไม่ได้ทดสอบ ISO

คุณอ๊อดยังทำธุระในกิจการของตัวเองอยู่ มูลค่าหลายสิบล้าน กิจการไปได้ดีมากหลังจากทำพระฯถวายวัดป่าแดงกับพี่นิ่ม ทั้งสองคนแถบจะไม่ต้องทำอะไรเองเลย มีเงินวิ่งเข้ามาหาตลอด แต่พี่นิ่มไม่ฟิตเหมือนเก่า อยู่แต่บ้านรอให้เงินวิ่งมาชน ต่างจากคุณอ๊อดที่ยังหนุ่ม วิ่งชนเงินง่ายกว่า

พระฯของคุณอ๊อด(จริงๆก็ของพวกเราด้วย เพราะผมเอาตังค์เพื่อนสมาชิกลงขันไปครึ่งนึง) มีกำหนดจะไปขอรับการอธิฐานจิตองค์สำคัญอีก3องค์+2ฆราวาส ถ้าครบแล้วจึงจะเข้าห้องแล็ป

ส่วนพระฯของพี่นิ่ม แกเข้ากรรมฐานทุกคืนหลังรับพระฯกลับมาจากงานพิธี แกดูก่อนว่าดีพอจะเอาออกมารึยัง

ใครเก่งกรรมฐานลองดูครับ อย่าเชื่อใครมากไปกว่าตัวเอง หรือไม่มั่นใจตัวเอง ให้ไปหาครูอาจารย์เก่งๆ เอาพระฯพี่นิ่มให้ท่านดู

ถ้าพระฯที่เสกมาหลายพิธีฯแล้วยังใช้ไม่ได้ ก็เลิกห้อยของใหม่เถอะครับ ไปขุดกรุมาห้อยมั่นใจกว่าเยอะ!

...........

พิธีฯที่จะไปร่วมนี้ เน้นสายหลวงปู่ศุขครับ
มีหลวงพ่อประทวน วัดปากคลองมะขามเฒ่า
หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้
หลวงปู่นิ่ม วัดพุทธมงคล
หลวงปู่สงฆ์ วัดบ้านทราย
หลวงปู่เพิ่ม วัดป้อมแก้ว

หลวงพ่อประทวน ท่านสนิทกับหลวงปู่ฯดี เป็นศิษย์หลวงพ่อเก็บ วัดสวนลำใยมาเหมือนกัน เมื่อแรก งานพิธีฯครั้งนี้จะนิมนต์หลวงปู่ฯไปร่วมด้วย แต่เมื่อไม่ทันหลวงปู่ฯ จึงได้นิมนต์หลวงปู่สงฆ์ วัดบ้านทรายเป็นองค์แทน... ดูจากในรูป ไม่ธรรมดา!

 

ปัจจุบันอายุ ๒๓ ปี ๕ เดือน อายุไทย ๒๔
๓ เสวยอายุ ๗ เสวยแทรก ๕ เสวยแทรกต่อ(๒๒ ก.ย. ๒๕๕๗)
ภูมิปี ๗-๕ จรปี มกร-กุมภ์ ชันษาจร มกร-กุมภ์

ช่วงนี้พระ ๓ เสวยอายุแทรกด้วย ๗(อริ+จรปี+ชันษา) มีปัญหาค่อนข้างกดดันและเครียดพอดู ภาระรับผิดชอบมาก
ทั้งจากเพื่อนร่วมงานและลูกน้องในที่ทำงานโดยเฉพาะที่อายุมากกว่า(๗อริ+๓กัมมะ) ร่วมมือกันงัดข้ออยู่(๗๘+๙)
ขอให้ปรับตัวยอมรับกับสภาพไปซักระยะ เนื่องจากมีจุดเน้นร่วมกันในดวงมากพอสมควรในช่วงปีมะเมียนี้
หัวหน้าผู้ใหญ่ในที่ทำงานคอยดูห่างๆ และพิจารณาผลงาน ดังนั้นขอให้ตั้งใจพิสูจน์ตัวเองไปเดี๋ยวก็ผ่านได้(๕เล็ง๗)
อายุช่วงนี้ยังเป็นช่วงอินเลิฟขนาดหนัก(๖ในเรือน๘) เหนื่อยวุ่นวายกับคนรักยังไงก็ยอม มีปัญหาก็อดทน(๗เกษตร)
เขาเรียกอยู่ในช่วงเพื่อรักพี่ยอมโม๊ดเลย....(เอิ๊ก) เรื่องความรักถ้ามีปัญหาเครียดๆ ก็ทนนิด ผ่านกลางเดือนไปได้ก็จะดี
กลับมาหวานกันอีกพักใหญ่ ต้องเข้าใจว่ารักมันมีขึ้นๆลงๆ ชันษาจร อริ(๗เกษตร) มุมตนุลัคน์(วินาสน์) ก็ย้ำเรื่องเดิม
ในเรื่องการงานที่มีคลื่นใต้น้ำจากลูกน้อง(อริ)ที่ไม่ค่อยพอใจเราอยู่ลึกๆ(วินาสน์) บวกกับเป็นช่วงเสาร์แทรกอยู่
เรื่องก็เลยจะรุมเร้า ให้รอ๕เสวยแทรก อดทนรับมือด้วยสติและปัญญาไปก่อน ผู้ใหญ่จะมาช่วยเบื้องหลัง(๕วินาสน์กำเนิด)
ถึงตอนนั้นก็น่าจะจัดการได้ดีขึ้น เจ้าชะตาอายุยังน้อยขอให้ฝึกและหาประสบการณ์ต่อไปก่อนนะครับ ความเปลี่ยนแปลงใหญ่
จะเข้ามาหลังจาก ๗ จรเข้าเรือนพันธุ(เรือนวัย) ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย และสภาพการงานก็จะเปลี่ยนไปด้วย

ดูปัจจุบันไปแล้ว ก็มาถึงปัญหาที่ฝากถามเอาไว้เรื่องต้องการเรียนต่อปีหน้า สนใจไปถึงเมืองนอกเมืองนาเชียว

พระ ๕ จะเสวยแทรกต่อ(หลัง๒๒ก.ย.) เจ้าชะตาได้รับอิทธิจากวัยต้องการศึกษาต่อ(๕แทรก) และมีอยากไปเรียนไกล
อยากไปเรียนต่อเมืองนอก(๕อุจและวินาสน์) ๕ จรก็ทับ ๕เดิมอยู่ ช่วงตุลาแล้ว เจ้าชะตาคงจะดิ้นรนหาลู่ทางศึกษาต่อ
ดูในช่วงหลังวันเกิด(ปี๕๘)ชันษาจรย้ายเข้ากุมภ์เรือนปัตนิ ปัญหามันชักจะเกิดว่าจะเอาเรื่องรักก่อนหรือไปเมืองนอกดี
มองผ่านทางศุภะกำเนิด(๓)ก็เป็นดาววัยพอดี ๗ จรเข้าพิจิกก่อนสิ้นปีนี้จะเล็ง ผลักดันให้เจ้าชะตาดิ้นรนศึกษาต่อเมืองนอก
เนื่องจากดาวเสาร์ให้ผลก็ต้องเหนื่อยกันพอสมควรกว่าจะได้ไป อาจจะต้องถึงขั้นกู้ยืมกันมาก่อน(๗เดิมอริ) เพื่อเป็นทุน
๗ในพันธุยังบอกถึงการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย ทำให้มีแนวโน้มสูงที่จะได้เรียนต่อสมใจเพียงแต่มันต้องเหนื่อย
มองทาง๖ ศุภะชันษาปี ก็ได้กระแส๓ดาววัยในเรือนพันธุปีช่วย อีกทั้ง๖อยู่ในเรือนชันษาปี เรื่องยันกันในเรื่องการเรียนต่อ
๘ตนุชันษาปี ตกเรือนอริเป็นมุมวินาสน์จากตนุลัคน์ บอกถึงได้ไปเมืองนอก(๘๙วินาสน์ตนุลัคน์) โดยใช้ความพยายาม
อย่างต่อเนื่อง(๗เกษตร) อาจจะต้องเป็นหนี้กู้ยืม กว่าจะได้ไปก็อาจจะล่าช้าไปบ้างแต่ถ้าพยายาม(ตนุลัคน์ทำงาน)
การเรียนต่อเมืองนอกไม่เกินความสามารถ หลังสงกรานต์๕๘ ภูมิปีจะเปลี่ยนเป็น๕ ซึ่งหนุนต่อเรื่องการศึกษา
๕เป็นปุตตะ+มรณะเดิม ได้กระแส ๐ ที่จรในราศีมีน กระตุ้นให้เจ้าชะตาผลักดันตัวเองเพื่อการศึกษาอย่างสูง(๐)
๕ จรในปีหน้าก็จะย้ายจากวินาสน์มาทับลัคนา ถ้าคิดจะไปศึกษาต่อเมืองนอกก็น่าจะสำเร็จหลัง ๕ ทับลัคนาแล้ว(กลางปีู๕๘)

ปัญหาที่พอจะมองเห็นมีอยู่ ที่ควรจะต้องพูดถึงเอาไว้
ประการแรก ๕อุจเรือนจันทร์สลับเรือนกัน เป็นคู่ธาตุดินและหนี้สิน จะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ และน่าจะต้องหยิบยืมมา
๕ ยังเป็นกดุมภะชันษาเรื่องการเงินในปีหน้า จึงต้องหมุนกันขนานใหญ่ วางแผนการใช้จ่ายให้รอบคอบ จะเป็นผลดีกับเจ้าชะตามาก(เริ่มได้เลย)
ประการถัดไป จรปีและชันษาเข้าปัตนิ ชนดาวความรักเต็มๆ มันมีแนวโน้มว่าต้องเลือกระหว่างรักหรือเรียน(น่าสงสารไหมนี่)
ถ้าจะเอาทั้งเรียนและรักก็อาจจะหัวปั่นกันเลยทีเดียว คิดแผนการชีวิตวางอนาคตให้รอบคอบละกันครับ
เดี๋ยวแทนที่จะไปเมืองนอก จะได้แต่งงานเสียก่อน(ฮา)

สรุป เป็นช่วงที่ต้องเหนื่อยกับปัญหาที่รุมเร้าในที่ทำงาน รับมือกับลูกน้อง ผู้ใหญ่ก็ต้องความหวังกับเราไว้สูงในที่ทำงาน
ความรักก็ขึ้นๆลงๆ ทำเอาเจ้าชะตาเกาไม่ถูกที่คันในหัวใจซักที แต่ยังหนุ่มอยู่ก็ลุยกันไปนะครับ ปรับตัวกันไปฝึกใจไป
เรื่องการศึกษาต่อ มีแนวโน้มจะได้ไปสูง แต่ต้องแลกกับต้องเหนื่อยหาเงิน มีแววต้องเป็นหนี้หรือขอยืมเงินมาเพื่อการนี้
และปัญหาที่เจ้าชะตาอาจจะต้องเลือกระหว่างชีวิตรักหรือการศึกษาต่อ ขอให้มีสติปัญญา รับมือกับปัญหาดีๆ
พื้นดวงมีแนวโน้มศึกษาต่อเมืองนอกสูง อย่างช้า ๐จรเข้าเมษและ๘จร ทับลัคน์ ในปี๕๙ ก็คงจะหาทางไปตามวัย


ป.ล. รับคำทำนายไว้พิจารณาอย่างมีสตินะครับ ผมก็ฝึกหัดทำนายอยู่เหมือนกัน
สงสัยเรื่องอะไรเป็นกรณีพิเศษก็ถามไว้ได้ครับ ถ้าต้องตอบยาวพรุ่งนี้กลับบ้านแล้วจะมาตอบให้ครับ

 

ขอบคุณครับ มาเฉลยกันดีกว่า
เรื่องงานที่ทายมาบอกเลยว่าตรงครับ เพราะปัญหาด้านอายุที่ยังน้อย เเต่ลูกน้องอายุเยอะกว่ามากเลยทำให้บางครั้งต้องงัดข้อกัน อีกทั้งผมเป็นคนตรงพูดเเรงเลยเป็นส่วนประกอปด้วยมั้งครับ ผู้ใหญ่เริ่มตั้งความหวังครับเพราะจากที่เคยคุมหนึ่งแผนกก้อทาบทามให้ไปคุมอีกแผนก สรุปคุมคนเดียวสองแผนก เเต่เงินเดือนเท่าเดิม555 เรื่องเรียนกับเรื่องรักยังงัยคงต้องให้ไปคู่กันครับคงทิ้งอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ถ้าจะไปเรียนเเล้วต้องมีหนี้ก้อคงต้องคิดหั้ยหนักครับ วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ถ้าเห็นดวงเเล้วสงสัยเรื่องใดถามเพิ่มได้เลยนะครับถ้าไม่รบกวนเด่วจะส่งดวงคุณเเฟนไปให้ทายด้วย รายนั้นก้ออยากจะไปเรียนต่อเหมือนกัน ขอบคุณครับ

 

คิดอยู่ว่า ถ้ารอกลับบ้าน จะไม่ทันคุณghostlinux
เพราะถ้าปล่อยให้ทายก่อน จะหาช่องแทรกไม่ได้....

ดวงนี้ปีหน้างานช้างเลย.. โดยเฉพาะเรื่องเงิน ถ้าเป็นคนอื่นคงถอดใจ แต่เจ้าชะตาคุ้นเคยความลำบากอยู่ และเป็นคนอึดทน อะไรที่ทำแล้วได้ผลตอบแทน ยอมหมด

เรื่องเรียนคงวางแผนแล้ว แต่ให้เตรียมเรื่องรักให้ดี ตามที่คุณghostlinuxทักไว้

ช่วยโน๊ตไว้ละกัน ว่าหลังวันเกิดไปเจออะไรเข้าบ้าง ถือว่าช่วยบันทึกให้พวกรักโหราศาสตร์เขาได้ศึกษา หลังวันที่ 22มีนาคม58 จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง (รายจ่ายเป็นเงินก้อนโต วางแผนให้ดี)

ผมไม่ละเอียดเท่าคุณghostlinux แต่จดไว้สั้นๆอย่าได้ลืม ว่า

ปีนี้(2558) เจ้าชะตาจะพบกับความยากลำบากที่คาดไม่ถึง
กับคู่ครองหุ้นส่วน การศึกษา และความราบรื่นในครอบครัว และการวิ่งเต้นเจรจาการงาน ครอบครัวทางบ้านมีเรื่องเดือดร้อน บริวารหลานน้องสร้างปัญหาการเงิน จะมีปัญหากับคู่ครองหุ้นส่วนรุนแรง

ช่วงสร้างตัวก็ลำบากแบบนี้แหละ พอ๔เข้าเสวยอายุ โยกย้ายไปมีครอบครัว ก็จะมั่นคงขึ้น อีกไม่นาน สู้ๆ

 

ดวงนี้ มี ๑๔๖ อยู่ในเรือนปัตนิ แถมเจ้าเรือนปัตนิ๘ ยังกุมกับ๗ตนุเศษคู่มิตร
เรื่องรักก็เอา เรื่องเรียนก็รัก ก็ขอให้โชคดี

ถ้าเอาดวงหญิงมาทาย บอกไปด้วยว่า คนทายเค้ารู้ความลับหมดน่ะ....

* ช่วง15มีนา-13เมษา นอกจากระวังเรื่องที่เตือนแล้ว ให้ระวังอุบัติเหตุในการเดินทางด้วยครับ

 

สวัสดีน้านิ่ม ป่าแดง (ขออนุญาตเรียกนะครับ)

ขอน้อมนำเอา คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ขอให้น้านิ่มมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง จิตใจเบิกบาน แจ่มใจ คิดสิ่งใดทำสิ่งใด ขอให้สำเร็จดังปรารถนาทุกประการ สุขสันต์ วันเกิดครับ

ขอบคุณครับ

ข้อมูลจากทาง FB

 

ขอให้สุขภาพ แข็งแรงครับ พี่นิ่ม ป่าแดง

 

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้พี่นิ่มจงมีแต่ความสุขกายสบายใจ ปราศจากโรคภัยต่างๆ นานา สุขสันต์วันเกิดครับพี่นิ่ม
ข้อมูลจาก face book

 

ผิดเดือนครับ เลยมาแล้ว
สงสัยadmin ลงบันทึกประวัติผิด จะเข้าไปแก้ไขครับ ขอประทานโทษ

จะอย่างไร จะฝากบอกพี่นิ่มให้ครับ แกจะได้ดีใจ

วันเกิดผมกับวันเกิดพี่นิ่มเหมือนกันอยู่อย่าง เหมือนตรงที่ไม่เคยเห็นเป็นวันสำคัญเลย....

 

อัพเดท 1 ส.ค. 57

ขอบคุณครับ

 

เรื่องเล่า : เอามาจากหมอดูบ่นฯ (ตอนที่ 1)

ตอน : ทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างก็อาศัยดวงและพึ่งพาดวงเป็นเครื่องนำพาชีวิตฯ

บ่อยครั้งที่หมอดูหนุ่มทิพย์มาเยี่ยมเยือนผมที่บ้าน มักจะมีคนส่งดวงมาให้ดูหรือโทรฯมาสอบถาม และหนุ่มทิพย์ก็จะรีบตรวจหรือดูเพิ่มเติมให้ ผมจะได้ยิน

เขาบ่นเป็นประจำจนชินหูอยู่ 2 เรื่องคือ.-

1. ไม่รู้เป็นอย่างไร เวลาดูดวงให้ใครต้องจดโน่นโน๊ตนี่อยู่ประจำ บางคนเขาไม่เห็นต้องจดแบบนี้เลย ; ผมไม่มีความรู้เรื่องหมอดูก็ตอบไม่ได้และไม่เคย

คิดจะตอบในสิ่งที่ผมไม่รู้ ได้แต่คิดในใจว่า"ก็น่าจะจดโน่นจดนี่บ้าง"เพราะจะทำให้ไม่ผิดพลาด และทำให้ชินหู,ชินตา,ชินมือฯ

2. ไม่รู้ทำไมหมอดูสมัยก่อนถึงดูกันแม่นยำนัก "ใช้แต่ยามอย่างเดียว" ดูได้ทุกอย่างและแม่นยำมาก ผมก็ตอบไม่ได้เพราะไม่มีความรู้เรื่องหมอดู และก็ไม่

คิดจะตอบ ได้แต่คิดในใจว่า ก็หมอดูสมัยก่อนเขามีแต่ยามนี่ เขาไม่มีดวง(รายละเอียดของดวง)ที่จะดู แล้วจะให้เขาใช้ดวงดูได้อย่างไร เขาก็ได้แต่จับ

ยามดูเท่านั้นแหละ หมอดูโบราณเขามีเรื่องดวงเหมือนกัน แต่มันเป็นดวงอันไกลโพ้น ส่วนใหญ่ใช้เพื่อเป็นเครื่องนำพาชีวิตฯ



3. ผมบ่นเอง บ่นแบบไม่ค่อยเชื่อถือ แต่ไม่ได้ลบหลู่ เช่นผมไม่เชื่อเรื่องซินแสทำนายทายทักสมเด็จพระเจ้าตากกับสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯสมัยที่ยังทรง

ผนวชอยู่ และผมไม่เชื่อว่าศรีปราชญ์ จะแต่งโคลงได้ในวัยหรืออายุเพียงแค่นั้น เพราะเนื้อหามันมีเรื่องเชิงโลกีย์วิสัย ผมว่ามันน่าจะเกินไปกว่าที่เด็กยุค

สมัยนั้นจะเข้าใจ ขนาดเรื่องจันดาราผมได้อ่านตอนลงในสยามรัฐขณะที่ผมเป็นวัยรุ่นแล้ว ยังมีคำเข้าใจยาก แล้วคนเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อน ไม่มีหนังสือ

ปกขาว ไม่มีวิดีโอ x ให้ดู หรือภาพยนตร์ก็ยังไม่มี จะเอาอะไรไปเป็นฐานในการจินตนาการเพื่อแต่งโคลงออกมา ผมคิดแบบนี้ตั้งแต่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องศรี

ปราชญ์แล้ว และเมื่อต้นปี 2556 ผมคิดจะเขียนเรื่องดวง ก็เลยคิดถึงศรีปราชญ์ คิดถึงโปสเตอร์เก่าๆ ที่เคยเห็น ก็เลยไปโหลดรูปเก็บไว้ บังเอิญเหลือเกินที่

ผมเคยมีความเชื่อว่าไม่เชื่อ ก็มีอยู่ คือ นักประวัติศาสตร์บางท่านที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือ ท่านก็มีความเชื่อคล้ายๆ ผมว่า เรื่องของศรีปราชญ์ น่าจะไม่จริง

แบบที่เขียนหรือเล่ากันมา ผมก็พอใจในความดื้อของตัวเองเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อนว่า ยังมีผู้รู้คิดอย่างที่ผมเคยคิดฯ

ในตอนผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ก็ได้เรียนเรื่องการคำนวนดาราศาสตร์ของ ร.4 ก็มีความทึ่งในความรู้ความสามารถของพระองค์ท่าน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจเลย

สักนิด พอมาเป็นทหารเรือปีแรกก็ทำให้รู้ว่า บางอย่างที่เราคิดว่าพอจะรู้หรือเข้าใจ แท้ที่จริงเราไม่รู้หรือเข้าใจพอ เช่น เคยคิดว่าเข้าใจคำว่าขนบ

ธรรมเนียมประเพณี เพียงอาทิตย์แรกเท่านั้นก็ได้รับรู้ว่า ขนบก็อย่างหนึ่ง ธรรมเนียมก็อย่างหนึ่ง ประเพณีก็อย่างหนึ่ง และก็มีที่มาที่ไป เพราะหนังสือที่เขา

เอามาแจกให้เรียนรู้เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีของทหารเรือ ตำราเขาแจกแจงไว้อย่างละเอียด พอเริ่มเรียนวิชาเดินเรือ ก็ต้องเรียนรู้เรื่องของโลกอย่าง

ละเอียด เพียงสองสามเดือนแรกก็รู้วิธีหาเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นดวงอาทิตย์ตก หาเวลาดวงจันทร์ขึ้นและตกได้ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่คิดว่าเข้าใจมาก่อน

ก็มาถ่องแท้ตอนนั้น เรื่องดาราศาสตร์ที่ว่ายากก็รู้สึกไม่ยาก เพราะยุคนี้มันมี Table ให้เปิดหาง่ายมาก ก็ทำให้พบสัจธรรมบางอย่างจนทำให้เลิกพูดว่า"รู้

แล้ว"......ขอเวลาพักอีกที....มีธุระฯ

ผมจำได้ว่า ผมถูกบังคับให้ต้องสนใจดาราศาสตร์เพราะว่าอาชีพของผม ในสมัยโน้นการเดินเรือไกลฝั่งยังต้องใช้การวัดแดดวัดดาวเพื่อหาตำแหน่งที่

เรือ เมื่อปี 2521 เป็นปีแรกที่ผมออกไปทำมาหากินกับการเดินเรือต่างประเทศ บุคคลแรกที่มีบุญคุณกับผมในเรื่องดาราศาสตร์ชื่อกัปตันจรูญ รัตน

พันธ์ ท่านบอกให้ผมเรียนการหาที่เรือด้วยดาราศาสตร์ ผมตอบท่านว่าผมไม่มีพื้นฐานกลัวว่าจะเรียนไม่รู้เรื่อง ท่านถามว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้น ผม

ตอบตรงๆ ว่า ดาวมันเยอะศัพท์อะไรต่อมิอะไรมันมากผมกลัวว่าจะจำไม่ได้ ท่านถามผมว่า รุ่นเดียวกับคุณที่เรียนจากโรงเรียนชุมพลฯ มีกี่คน ผมตอบ

ท่านว่า 352 คน ท่านถามว่าจำชื่อเพื่อนได้สักกี่คน ผมตอบว่าน่าจะเกือบทั้งหมด ท่านหยิบ Nautical almanac มาเปิดให้ผมดูและชี้ให้ดูว่า จริงๆ

แล้วเราใช้ดาวฤกษ์แค่ 58 ดวง บวกกับดวงอาทิตย์และดาวเหนือ ดาวเคราะห์ก็มีไม่กี่ดวง และการหาที่เรือให้แม่นยำเขาใช้ดาวฤกษ์เป็นหลัก ดาว

เคราะห์ใช้น้อยมากเพราะขาดความแม่นยำเนื่องจากอยู่ใกล้โลกมาก และท่านก็แนะนำให้ผมหมั่นแหงนหน้ามองท้องฟ้าบ่อยๆ ให้ดูดาวจนจำหน้าได้

เหมือนจำหน้าเพื่อน นี่เป็นครูคนแรกที่สอนผมเกี่ยวกับดาว และท่านก็มีพื้นฐานทางเรื่องดูดวงอยู่ด้วยเลยช่วยให้ผมเข้าใจง่ายขึ้น ครูคนต่อมาท่านเป็น

อดีตนักเรียนตัวอย่างของโรงเรียนอำนวยศิลป์ ท่านชื่อกัปตันอดิศัย พลายานนท์ ท่านพูดก่อนสอนว่า ไอ้ดำ...พี่จะสอนให้แกมองดาวให้เป็น เห็นก็

ให้รู้เหมือนว่าแกไปนั่งอยู่ที่ศูนย์กลางโลกอันโปร่งใส มองผ่านผิวโลกออกไปจนถึงดวงดาว แล้วลากเส้นจากดวงดาวมาถึงตัวแก จะทำให้รู้จักมันอย่าง

ถ่องแท้ ไม่ใช่แค่มองหรือแค่เข้าใจแบบใช้ Star Finder ผมได้เรียนรู้กับท่านเกือบ 2 ปี เลยทำให้รู้จักดวง สรุปรวมๆ ที่ได้จากท่านนอกจากการเรียนรู้

ดาราศาสตร์ เรื่องสินค้า การจัดระวางสินค้า แล้วก็ยังได้รู้อีกว่า ดวงที่หมอดูเขาพูดกัน มันมาจากคำว่าดวงดาว แต่ถ้าพูดว่าดวงเฉยๆ ก็เป็นอันว่ารู้กัน ทำ

ให้รู้ว่าไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ต่างก็อาศัยดวงเป็นที่พักพิงทำมาหากินเอาชีวิตรอดมาได้ตามอายุขัย ก็ดวงที่เราเรียกว่าโลกนี้ยังไงล่ะ ดวงดาวโลกนี้ เราเรียก

กันสั้นๆ ว่าโลก ก็เป็นดวงดาวที่มนุษย์และสัตว์อยู่อาศัยและทำมาหากินดำรงชีวิตกันมาโดยตลอด และดวงที่หมอดูใช้ก็เป็นดาวเคราะห์ทั้งหลาย ส่วนดวง

ที่มนุษย์และสัตว์ใช้นำพาชีวิตก็จะเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ไกลโพ้น เช่น ดาวเหนือ หรือกลุ่มดาวหมีใหญ่ หรือดาว จรเข้,ดาวกระบวยอะไรก็แล้วแต่จะเรียกกัน

หรือดาวหมาใหญ่ ดาวหมาเล็ก ดาวโจร คนโบราณใช้เป็นเครื่องนำพาชีวิต เช่น เอาดาวเหนือเป็นหลักใช้ในการเดินทางยามค่ำคืน ใช้ดาวกลุ่มดาวนาย

พรานเป็นการกำหนดฤดูทำการเกษตรเป็นต้น ส่วนสัตว์ก็อาศัยดวงดาวเป็นเครื่องนำทางในการอพยพ จากรายการสำรวจโลกโลกเมื่อต้นปี 2557 นี้ ทาง

สถาบันอนุรักษ์สัตว์ของสวนสัตว์ที่อังกฤษแห่งหนึ่ง กำลังหาวิธีจะรักษาพันธ์นกชนิดหนึ่ง ด้วยการเลี้ยงแบบไม่ให้มันเห็นดวงดาว เพราะเขาป้องกันไม่ให้

มันทำแผนที่ดวงดาว ถ้ามันเห็นดวงดาวแล้วมันจะทำแผนที่ไว้ในสมองของมัน และมันก็จะอพยพ การอพยพของมันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันสูญพันธ์

ตัวอย่างเช่น นกเป็ดน้ำอพยพมาที่ จ.สุพรรณบุรี เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เหมือนกัน(นกบางชนิดใช้สัมผัสกับอำนาจของเส้นแรงแม่เหล็กโลก ซึ่งก็ดวงดาว

โลกอีกน่ะแหละ)สรุปง่ายๆ ก็คือทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างก็อาศัยดวงเป็นเครื่องอาศัยและนำพาชีวิต...ไว้ต่ออีกสักตอน

 

อยู่กับหลวงปู่มั่น จนวาระสุดท้าย

หลวงตาแตงอ่อน เล่าถึงเหตุการณ์ช่วงสุดท้ายของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ว่า “หลวงตาอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น จนปีท่านมรณภาพ ช่วงสุดท้ายหลวงตาอยู่จนถึงตอนท่านเคลื่อนไปสกลนคร แต่ออกไปบ้านภู่นั้นหลวงตาไม่ได้ออกไป เขามอบให้แต่ง (จัด) บริขาร หลวงตาแต่งบริขารแล้วก็ตามท่านออกมา แวะวัดป่าบ้านภู่ไปเฝ้าท่านอยู่ ท่านออกไปแล้วสองวันหลวงตาจึงตามไป ตอนที่จะเคลื่อนท่านออกจากวัดป่าบ้านหนองผือนั้น วันนั้นหลวงปู่เทสก์เข้ามาเป็นเพราะท่านพระอาจารย์มั่นป่วยโซมากแล้ว ได้กราบเรียนท่านพระอาจารย์มั่นว่า “ขอนิมนต์อาราธนาออกไปข้างนอก มันลำบากลูกศิษย์ลูกหาจะมาคารวะ”

ท่านกล่าวว่า “ออกไปไม่ลำบากเหรอ ไม่ลำบากก็หามเอา” รถก็ไม่มี มีแต่เกวียนก็ออกจากบ้านหนองผือ อยู่วัดป่าบ้านภู่ไม่กี่วัน ลำบากเสนาสนะ ฝนมันตกเดือนสิบสองฝนยังไม่หยุด ภิกษุสามเณรลำบากหาที่อยู่ไม่ได้
หลวงปู่เทสก์ท่านก็มากราบขออาราธนาท่านพระอาจารย์มั่นว่า “เสนาสนะไม่พอ ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ขออาราธนาไปวัดป่าสุทธาวาส ที่โน่นกว้างขวาง” ท่านก็เคลื่อนไปวัดป่าสุทธาวาสในวันนั้น ไปวันนั้นก็มรณภาพวันนั้น หลวงตาก็ตามไป
แต่ก่อนนั้นรถไม่มี รถที่มารับนั้นมีโยมนุ่ม ชุวานนท์ คันเดียวเที่ยวขนพระขนเณร กลับไปกลับมาอยู่จนค่ำกว่าจะครบ จนไปถึงวัดป่าสุทธาวาส ช่วงนั้นหลวงปู่เทสก์ เป็นพระผู้ใหญ่ เคยอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น มีความชอบกับท่าน หลวงปู่เทสก์เป็นคนจริง เชี่ยวชาญในการพูดด้วย ศิษย์ผู้อื่นไม่กล้ากราบเรียนอาราธนาท่านพระอาจารย์มั่น”

หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม

 

สวัสดีครับ
วันนี้ 2 ส.ค.57 โอนเงินจำนวน 1300 บาท ให้แล้วครับ เวลา 11.34 ฝากผ่านตู้เลยไม่มีเศษสตางค์นะครับ รีบมาก

 

โอนให้แล้ววันนี้ รายละเอียดครับ
..................................
<table cellpadding="" cellspacing=""><tbody><tr><td>วลาที่สั่งทำรายการ</td><td colspan=""> :</td> <td>02/08/2014 09:05</td></tr><tr><td>วันที่ทำการโอนเงิน</td> <td colspan=""> :</td> <td>2/8/2014</td></tr><tr><td>หมายเลขอ้างอิง</td><td colspan=""> :</td> <td>2714775440201482</td> </tr><tr><td>บัญชีที่โอน </td><td colspan=""> :</td><td>นาย...... </td> <td>A/C No.</td><td colspan=""> :</td><td>30.....</td></tr> <tr><td>บัญชีผู้รับโอน </td><td colspan=""> :</td><td>KBNK: MR. MANCHAI PENGJAMSRI </td> <td>A/C No.</td><td colspan=""> :</td><td>6042XXXXX2</td></tr> <tr><td>จำนวนเงินที่โอน</td><td colspan=""> :</td> <td>THB 500.05</td></tr></tbody></table>

 

พรุ่งนี้พี่นิ่มติดภาระกิจชุมชน ไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานพิธีฯได้ และผมก็ตั้งใจว่า ถ้างานไหนไม่มีพี่นิ่ม ผมก็จะไม่นับงานนั้น จึงต้องขอเสียโอกาส แต่จะหาโอกาสเข้าไปขอบารมีอธิฐานจิตเดี่ยวทดแทนมาให้เพื่อนสมาชิกในโอกาสหน้า

พรุ่งนี้แพ็คของจัดส่ง ทุกรายการพี่นิ่มจัดเตรียมให้พร้อมแล้ว

ขอให้ทุกท่านมีความสุขสวัสดี

 

อัพเดท 2 ส.ค. 57

ขอบคุณครับ

 

ลำดับที่16ครับ
แจ้งโอนเงินครับ
โอนแล้ว2460.16บาทวันที่3/8/57 เวลา 14.47น.ครับ
ที่อยู่เดิมครับ
ขอบคุณครับ

 

รบกวนถามพี่ทิพย์ กับ พี่ ghostlinux หน่อยนะครับ
ดวงนี้ถ้าออกมาทำธุรกิจส่วนตัว กับทำงานประจำต่อไป เเต่ละดาวจะให้ผล
อย่างไรครับ รึทำทั้งสองอย่างคู่กันไป(แอบโลภ)

พี่ทายได้ตรงตามที่กำลังประสบครับ ถ้าดูตรงไหนเเล้วยังติดใจถามได้เลยนะครับ
ขอบคุณมากครับ

 

เรื่องเล่า : เอามาจากหมอดูบ่นฯ (ตอนที่ 2)

ตอน : ทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างก็อาศัยดวงและพึ่งพาดวงเป็นเครื่องนำพาชีวิตฯ

ในหน้าที่ 624 #12473 ตามที่กล่าวมาแล้ว พอสรุปได้ว่าคำว่าดวงก็มาจากการใช้ดวงดาวในการทำนายทายทัก หรือจะเรียกว่าหมอดูใช้วิธีการดูดวง ผม

เคยเขียนเล่าไปนานแล้วว่า ผมเคยทำปากกาหมึกซึมหล่นหาย พี่เขยผมบอกว่าไม่หาย เหตุผลเพราะยามมันบอกว่า"ของไม่หาย" ผมเคยเห็นปุ่ตรวจดูเกี่ยว

กับเรื่องวัวควายหาย จะหาเจอหรือไม่เจอ ปู่ก็ใช้วิธีจับยามอย่างที่ลิเกเล่น ก็ได้ยินข่าวเสมอๆ ว่า ปู่ดูได้แม่นยำ อ่านเรื่องสามก๊กก็มีการดูดวง คือมีเรื่องที่

เกี่ยวกับขงเบ้งดูดาว แต่ขงเบ้งดูดาวใช้ตาเนื้อดู ไม่ได้เปิดคอมพิวเตอร์ดู ดูแบบขงเบ้งกลางวันดูไม่ได้เพราะมองไม่เห็นดาว และขงเบ้งก็คงจะดูแบบมอง

ทิศและความสุกสว่างของดาว ดูแบบอื่นๆ คงไม่ได้ เดาเอาว่าคนรุ่นขงเบ้งยังมีความคิดว่า ดาวบนท้องฟ้าห่างจากโลกเท่าๆ กัน คนรุ่นขงเบ้งยังไม่มี

ปฏิทินทางดาราศาสตร์ คงใช้เพียงแค่การจดจำหรือว่าเอามาจากบันทึกอย่างธรรมดาของคนรุ่นก่อนๆ ผมเริ่มเรียนดาราศาสตร์ ผมได้รับคำแนะนำให้อ่าน

หนังสือต่วยตูน พิเศษ เพราะในนั้นมันมีที่มาที่ไปของชื่อดาวต่างๆ ได้อ่านข้อเขียนของ โฮเมอร์ เรื่อง อภิมหากาพย์อีเลียดมากขึ้น ได้ตามอ่านการเขียน

เรื่องของโหรมากขึ้น(แต่ไม่รู้เรื่อง)สุนทรภู่แต่งเรื่องพระอภัยมณี 64 ตอน 94 เล่ม หมื่นสองพันกว่าบรรทัด(ขอโทษจำเศษไม่ได้พยายามนึกอยู่แต่นึกไม่

ออก : แก่แล้ว)โฮเมอร์ แต่งมหากาพย์อีเลียดก็ยาวหมื่นสองพันกว่าบรรทัดเหมือนกัน แต่สั้นกว่าพระอภัยมณีอยู่นิดหน่อย(จำไม่ได้ว่าเศษหมื่นสองพัน

กว่าบรรทัด:เท่าไร) นี่เป็นสิ่งที่คนไทยน่าจะภูมิใจ นิทานไทยกับของคนแถบตะวันออกก็ได้เรื่องดาวแบบตะวันออก หนักไปทางดาวพระเคราะห์ หรือกลุ่ม

ดาวใกล้โลก มีอิทธิพลกับโลกมากเพราะอยู่ใกล้ เช่นน้ำขึ้นน้ำลง,เดือน,ปี,กระแสน้ำในมหาสมุทร ก็ได้จากดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เป็นต้น หรือเอามาใช้ใน

ทางพยากรณ์ นิทานนิยายของฝรั่งคนตะวันตกจะได้ดาวแบบคนตะวันตก ส่วนใหญ่เป็นดาวฤกษ์หรือกลุ่มดาวไกลโพ้น เช่นกลุ่มดาวต่างๆ ก็เอามาใช้ใน

ทางที่เป็นเครื่องนำพาชีวิต เช่นใช้กลุ่มดาวเหนือทั้งเดินทางบนบกหรือว่าเดินเรือสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ใช้กลุ่มดาวนายพรานเพื่อสังเกตุการเปลี่ยน

แปลงฤดูกาลต่างๆ เป็นต้น แต่ฝรั่งในยุคโน้นก็ยังไม่มีการทำตารางที่แม่นยำ ยังไม่มี Star Finder/ยังไม่มี Norrie's nautical table/ยังไม่มีTable

of computed altitude and azimuth H.O.214 /ไม่มี Sight reduction tables PUB.NO.229 PUB.No 249 ฯลฯ มีกันก็เป็นแต่เพียง

บันทึกยังหยาบอยู่ เราเอาไปเปรียบเทียบง่ายๆ ได้กับเรื่องของแผนที่ ไม่ว่าจะเป็นแผนที่แบบเมอร์เคเตอร์/แบบโนโมนิก/แบบโพโลโคนิค ล้วนแล้วแต่เพิ่ง

จะมามีความแม่นยำเมื่อประมาณ 200 กว่าปีมานี้ นั่นก็แสดงว่า ข้อกำหนดในการทำแผนที่บนโลกยังไม่มีความแม่นยำพอ(ไม่เกี่ยวกับการตกสำรวจ)หรือ

พูดง่ายๆ ก็คือจุดกำหนดเส้นรุ้งเส้นแวงหรือฝรั่งเรียก แลตติจูต/ลองติจูต ยังไม่แม่นยำพอ ดังนั้นเส้นเวลาก็ยังไม่แม่นยำ เวลาที่ใช้ก็ยังไม่ถูกต้องแม่นยำ

แล้วมนุษย์เราจะเอาอะไรไปคำนวนมุมสูง,ทิศทาง,จักรราศี แห่งดวงดาวได้ถูกต้องแม่นยำ แค่ให้เห็นหน้าก็ยังอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดาวอะไร มันจะขึ้นตอน

ไหน ตอนเช้าหรือตอนเย็น ตกเมื่อไร ยังไม่นับว่า...ยังไม่นาฬิกาใช้อีกต่างหาก ที่ผมไปเปิดดูเรื่องของศรีปราชญ์ก็เพราะจะเขียนเรื่องแบบนี้หรอก เพราะ

อยากรู้ว่าเรื่องศรีปราชญ์ที่ผมเคยดูลิเกบ่อยๆ ดูหนังมาบ้างนั้นน่ะ มันเกิดเมื่อ พ.ศ. อะไร จะได้เอามาเปรียบเทียบดูว่า มันก่อนหรือหลังกันกี่ปี ที่ฝรั่งมังค่า

เขาคิดเขาทำเขากำหนดเส้นแลตติจูต/ลองติจูต ได้แม่นยำหรือยัง ประเทศไทยมีปฏิทินใช้หรือยัง มีนาฬิกาหรือยัง มีการกำหนดเวลาแบบมาตรฐานหรือยัง

ถ้ายัง??? แล้วโหราจะเอาอะไรไปกำหนดนับมุมนับองศาเพื่อตรวจดูดวง ยิ่งสมัยโหราธิบดี สามร้อยกว่าปีมาแล้ว ถ้าใครไปเจอแผ่นดวงก็ต้องบอกว่าของ

ปลอมหรือของทำขึ้นมาใหม่ แต่ก่อนโน้นเรายังใช้คำว่าเวลาย่ำรุ่ง ก็หมายถึงเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น เวลาย่ำค่ำก็หมายถึงเวลาดวงอาทิตย์ตก ดวงอาทิตย์ตรง

หัวก็คือเที่ยงวัน มีการยิงปืนเที่ยงวัน เรามาเริ่มใช้เวลานาฬิกาแดดมาตรฐานก็ตอน ร.5 นี่เอง ทำไว้ที่ลานหน้าพระอุโบสถ์วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ บางปะอิน

อยุธยาฯ และเริ่มมีมาตรฐานก็ตอนที่เรามีกรมอุทกศาสตร์(ของทหารเรือ อยู่ที่วังเดิมหรือ ที่ตั้งกองทัพเรือปัจจุบัน) รัชสมัยของ ร.6 จึงได้ใช้เวลา

มาตรฐานกรีนิต Greenwich Mean Time ร.4 พระองค์ท่านก็ได้เรื่องดาราศาตร์จากเพื่อนฝรั่ง และปฏิทินในสมัยนั้นก็มีการบอกไว้ด้วยว่าจะเกิด

สุริยุปราคาเมื่อไหร่ แล้วพระองค์ก็ไปคำนวนเพิ่มเติมได้อย่างแม่นยำว่า ถ้าจะเห็นเต็มดวงจะต้องไปอยู่ตรงไหน? แต่หมอดูทั่วไปยัง!!! และอันที่จริงแล้ว

ดวงดาวต่างๆ บางดวงก็มีการเปลี่ยนตำแหน่งและระยะทางจากโลก อย่างเช่น ในอนาคตดาวเหนือก็ไม่ใช่ดาว Polaris ดวงที่ใช้ในปัจจุบัน หรืออย่างดวง

จันทร์ก็เคลื่อนห่างออกจากโลกออกไปทุกปี เพราะฉนั้นที่หมอดูหนุ่มทิพย์มาบ่นว่าโหรสมัยก่อนใช้แค่ยามเท่านั้น ก็เป็นเพราะเขามีข้อจำกัดในเรื่องข้อมูล

ของดวงดาว พวกท่านจะรู้ได้ก็เฉพาะการสังเกตุได้ในเวลากลางคืน จะให้มองเห็นดาวในเวลากลางวันเหมือนหมอดูในปัจจุบันคงไม่ได้ เพียงแค่ออกไปยืน

กลางทุ่งกลางนาหรืออยู่กลางทะเลรู้ว่าดวงไหนเป็นดาวอะไรก็พอเป็นเครื่องนำทางชีวิตแล้ว หรือรู้เพียงแค่ดาวอะไรขึ้นทิศไหน เป็นดาวเช้าหรือดาวเย็น

ดาวอะไรอยู่ซีกโลกไต้/ซีกโลกเหนือก็ไม่หลงทางหรือหาทางกลับบ้านถูก เด็กๆ ที่เคยเรียนกับผม เอะอะก็คว้าเครื่องคอมพิวเตอร์ พอถามและชี้มือไปว่า

ไอ้ดาวดวงนั้นมันชื่ออะไร...เงียบ...เหลว...เรื่องคำนวนน่ะ...มันไม่ยาก...แต่เห็นแล้วจำได้...หรือยิ่งตอบได้แบบเทพปกรณัมกรีกก็ยิ่งดี...และ...วัดได้

แม่นยำ...นี่ซิยาก...เครื่องมืออีเลคทรอนิคส์ที่ใช้เสีย...แบตเตอรี่หมด...ก็ยังทำได้นี่ก็สำคัญ และที่สำคัญท่านโหราธิบดี บิดาของศรีปราชญ์ ดูได้แม่นยำ

และก็ดูศรีปราชญ์ไว้อย่างแม่ยำ ทำไม...จึงเป็นไปตามคำทำนาย ทำไมแก้ไม่ได้ องคุลีมาล ทำไมจึงต้องตั้งชื่อว่า อหิงสกะ ก็มาจากคำทำนาย เปลี่ยนชื่อ

ตั้งชื่อแก้เคร็ดแล้วแก้ได้ไหม? ถ้าได้...ก็ไม่มีหนังเรื่อง องคุลีมาล ให้ดู เห็นที่เขาแนะนำให้ทำการแก้กรรม ผมเห็นด้วย ไม่ต่อต้าน เพราะส่วนใหญ่ก็แนะนำ

ให้ทำความดี เสียสละและทำบุญทำทาน ก็เป็นเรื่องดีอย่างมากเหมือนกัน อย่างน้อยก็ได้สร้างบุญใหม่ ภูตผีเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์(ถ้ามีความศักดิ์สิทธิ์

จริง)อาจจะช่วยเบี่ยงเบนจากกรรมหนักๆ ให้เบาลงได้ ก็ไม่เสียหายเพราะแนะนำให้ทำดี

ผมอยากให้เจ้าของดวงทุกดวงประสบแต่ความสุขและความโชคดี ถ้าถูกทำนายว่าดี ก็ขอให้อย่าประมาท ถ้าคำทำนายที่ทำให้เราต้องระวัง ก็ให้คิดเหมือน

กับว่าเราได้รับสัญญาณเตือนภัย จะทำอย่างไรให้พ้นจากจากภัยหรือลดภัยลงได้ด้วยการกระทำของเราเอง ก็เร่งกระทำ สวดมนต์ภาวนาสามารถทำให้พ้น

ภัยหรืออย่างน้อยก็ทำให้เบาบางลงได้ ขอขอบคุณ และขอบคุณมากครับ...สวัสดี...โชคดีครับ