อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    เพิ่งจะรู้ครับ..ขอบคุณครับพี่วรรณ..
    ถ่ายเองรูปก็ออกมาชัดเจนดีนี่ครับคุณเอ็ม..:cool::cool::cool:
     
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    สวัสดียามเย็นครับคุณเอ็ม

    :) :) :) :);););)

    [​IMG]
     
  4. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ขอบคุณครับพี่วุฒิ

    คืออยากลองให้ร้านถ่าย เผื่อจะสวยถูกใจเก็บๆ ใว้โชว์บ้างนะครับ แต่ไม่โดนใจเลย

    เหรียญหลวงพ่อกลั่น หลวงปู่ดู่ ผมให้ร้านที่แปดริ้วถ่ายให้ ถูกใจมากๆ


    [​IMG] [​IMG]
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093

    สวัสดีครับคุณเหน่ง

    วันนี้ไปดูหนังสือพระเล่มนึงที่ ซีเอ็ดบุ๊ค มีลงหลวงพ่อจ้อย ด้วยครับ นึกถึงคุณเหน่งเลย จำไม่ได้ว่า หนังสืออะไร
    :cool::cool:
     
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093
    [​IMG] [​IMG]

    พระกรุวัดสุวรรณฯ จ.อ่างทอง แตกกรุครั้งแรก เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๐ โดยการถูกลักลอบขุดเจดีย์ ได้ทรัพย์สินมีค่าไปเป็นจำนวนมาก รวมถึงพระเครื่องพิมพ์ต่าง ๆ...
    ...วัดสุวรรณฯเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดอ่างทอง แต่ได้ชำรุดทรุดโทรม และปรักหักพังจากการทำลายของข้าศึกไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ในคราวการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ในปี พ.ศ.๒๓๑๐ ดังนั้นถาวรวัตถุต่างๆจึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ภายหลัง กล่าวว่าผู้บูรณะวัดสุวรรณฯขึ้นมาใหม่คือเศรษฐีทองคำ คหบดีผู้มีถิ่นฐานอยู่ทางทิศเหนือของวัด เมื่อบูรณปฏิสังขรณ์จนสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ยังได้สร้างพระเจดีย์ทรงลังกาขึ้นมาอีกหนึ่งองค์ ฐานล่างขององค์เจดีย์ใช้ซุงสองต้นวางกากบาท ภายในแบ่งเป็นห้อง 4 ห้อง มีภาพวาดพุทธประวัติ หลังจากสร้างเสร็จได้รวบรวมเอาพระพุทธรูป พระพิมพ์ ที่ยังพอหลงเหลืออยู่บ้างตามวัดเก่าในละแวกนั้นเข้าบรรจุอยู่ภายในองค์เจดีย์และได้สร้างพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ด้วยเนื้อชินตะกั่วนำเข้าบรรจุกรุรวมอยู่ด้วย ซึ่งพระพิมพ์ต่างๆ ที่สร้างขึ้นนั้นล้วนแต่เป็นพระพิมพ์ที่ล้อพระกรุพระเก่าทั้งสิ้น เช่นพิมพ์พระรอด พิมพ์พระลำพูน พระปิดตา พระลีลา พิมพ์กลีบบัว พระนาคปรก พระสมเด็จ เหล่านี้เป็นต้น...
    ...ตามประวัติว่า ได้นิมนต์หลวงพ่อเนียม วัดน้อย สุพรรณฯ มาร่วมเป็นเจ้าพิธีสร้างในครั้งนั้นด้วย....และ วงการก็นิยมว่าพระกรุวัดสุวรรณฯ เป็นพระของหลวงพ่อเนียม อีกด้วยครับ....และ อายุก็ประมาณรัตนโกสินทร์ตอนกลางๆ ก็ต้องมีราวๆร้อยปีขึ้นไปครับ
     
  8. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
    ไม่มีศิษมาดันหลวงพ่อจ้อยมั้งเลย อิอิ
     
  9. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [FONT=Tahoma,]"พระ ครูคงคนครพิทักษ์" หรือ "หลวงพ่อคง ฐิติปัญโญ" วัดตะคร้อ อ.คง จ.นครราชสีมา เป็นพระเกจิ อาจารย์เรืองวิทยาคมรุ่นเก่าอีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคกลาง



    ชาติภูมิ หลวงพ่อคง เดิมชื่อ คง เทพนอก เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ค.2453 ปีกุน ณ บ้านคอนเมือง หมู่ 2 ต.เทพาลัย อ.คง จ.นคร ราชสีมา บิดา-มารดา ชื่อ นายพูน และนางแย้ม เทพนอก ประกอบอาชีพทำนาทำไร่



    ท่านเป็นลูกคนโต จึงต้องทำงานหนักตรากตรำมากกว่าคนอื่นตั้งแต่เด็กจนโต หัดไถนา ปักดำ ถอนกล้า เกี่ยวข้าวและหาบข้าว ช่วยบิดา-มารดา ทำงานทุกอย่าง เพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่



    ต่อมาบิดาได้นำไปฝากกับหลวงพ่อหมั่น ที่วัดบ้านคอนเมือง จ.นครราชสีมา



    หลวง พ่อหมั่นเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เชี่ยวชาญวิทยาคม ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของคนแถบนั้น โดยวัดบ้านคอนเมืองนั้นไม่ห่างไกลกับบ้านของท่าน ด้วยบิดา-มารดาต้องการให้ท่านได้เล่าเรียนหนังสือ อ่านออกเขียนได้และมีวิชาติดตัว



    ชีวิตเด็กวัดเป็นคนหนักเอาเบาสู้ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานและมีเมตตา



    อายุ 16 ปี บรรพชาเมื่อปี พ.ศ.2470 แต่บวชได้เพียง 2 ปีก็ต้องลาสิกขา เหตุไม่มีคนเลี้ยงดูบิดามารดา



    พ.ศ.2474 เมื่อน้องของท่านโตพอที่จะรับภาระหน้าที่ได้จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ขณะนั้นอายุ 21 ปี โดยความตั้งใจแต่ทีแรกท่านเพียงต้องการบวชเพื่อทดแทนคุณ และเป็นไปตามค่านิยมของท้องถิ่นที่ผู้ชายทุกคนต้องได้เคยบวชเรียนมาก่อนครอง เรือน อุปสมบท ณ วัดบ้านวัด ต.เทพาลัย อ.คง จ.นครราชสีมา มีหลวงพ่อทุย (พระครูศีล วิสุทธิพรต) เจ้าอาวาสวัดเดิม อ.พิมาย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ทองสุข สุชาโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ทิม สุมโน เป็นพระอนุสาวนาจารย์



    ได้รับฉายาว่า ฐิติปัญโญ มีความหมายว่า ผู้มีปัญญาตั้งมั่น



    หลัง อุปสมบทพระภิกษุคงได้มาศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่อทุย วัดเดิม อ.พิมาย พระอุปัชฌาย์ของท่าน ซึ่งหลวงพ่อทุยเป็นพระภิกษุเรืองวิทยาคม เป็นที่นับถือมากของชาวพิมายและโคราช และเมื่อมีเวลาว่างพระภิกษุคงได้ปรนนิบัติอุปัฏ ฐากหลวงพ่อทุย



    พ.ศ.2480 หลวงพ่อทุยได้แนะนำให้พระภิกษุคงได้ไปศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่อเขียว เจ้าอาวาสวัดบัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อทุยเช่นกัน โดยหลวงพ่อเขียวท่านมีวิชาที่เชี่ยวชาญด้านแคล้วคลาดปลอดภัย



    พระ ภิกษุคงได้รับการถ่ายทอดวิชาที่เข้มขลังทั้งหมด อีกทั้งในขณะที่อยู่จำพรรษาที่วัดบัวใหญ่ ท่านขึ้นชื่อว่าเป็นพระที่เทศน์ได้เก่งมาก ได้รับกิจนิมนต์ให้ไปเทศน์ในถิ่นทุรกัน ดารเสมอๆ ซึ่งเป็นการฝึกตนเองให้กับพระภิกษุหนุ่ม ในช่วงนั้นพระภิกษุคงยังได้มีโอกาสออกท่องธุดงค์ไปทั้งลาวและเขมร ซึ่งการเดินทางในยุคนั้นยากลำบากมาก ภาคอีสานเต็มไปด้วยป่าดงดิบ ดังนั้น พระภิกษุที่ออกธุดงค์ได้จะต้องมีวิชาที่เก่งกล้า



    พ.ศ.2493 ครั้นเมื่อตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ อ.คง จ.นครราชสีมา ว่างลง หลวงพ่อเขียวเห็นว่าพระหนุ่มรูปนี้มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ได้ จึงสนับสนุนให้พระหนุ่มได้มีโอกาสดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ



    กล่าวได้ว่าวัดตะคร้อในยุคนั้นเป็นวัดยากจน แถบอำเภอคงจัดได้ว่าเป็นอำเภอที่ทุรกันดารที่สุดในยุคนั้น



    หลวง พ่อคงต้องบริหารปกครองพระลูกวัด ท่านได้สร้างเสนาสนะ อุโบสถ โรง เรียนพระปริยัติธรรม ฯลฯ จนกระทั่งได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของกระทรวงศึกษาธิการ



    หลวง พ่อคง วัดตะคร้อ เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงามน่าเลื่อมใส หลวงพ่อท่านมีวิชาอาคมที่เข้มขลัง ท่านรับกิจนิมนต์โดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทุกคนที่มากราบนมัสการหลวงพ่อท่านจะมอบวัตถุมงคลให้คนละกำมือ



    แม้ กระทั่ง หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ พระเกจิดังแห่งวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นคร ราชสีมา ยังได้เข้ากราบนมัสการหลวงพ่อคง ณ วัดตะคร้อ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 7 รอบ เมื่อปีพ.ศ.2537 เนื่องจากเป็นสหธรรมิกกัน

    [/FONT]ปัจจุบันหลวงพ่อละสังขารแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2548
    แต่หลังจากหลวงปู่ละสังขารปรากฏว่าสังขารท่าน
    ไม่เน่าไม่เปื่อย นอกจากนั้นเกศาและเล็บของท่าน
    ยังงอกยาวขึ้นทุกปี สังขารของท่านเก็บรักษาที่วัดตะคร้อ
    ให้ญาติโยมที่เคารพศรัทธาท่านได้กราบนมัสการ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2014
  10. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
    ดูขลังมาก
     
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093
    โดย... อำพล เจน

    โคราชทุกวันนี้เห็นจะมีแต่วัดบ้านไร่ นั่นจึงเป็นเหตุให้ต้องคิดถึงวัดกุดเวียนอย่างกลั้นไม่ไหว
    อาจบอกได้ว่า ถ้าถูกจริตกับวัดดอนยายหอมมาก่อน วัดกุดเวียนก็ดูจะคล้ายกัน
    มีทั้งเรื่องของคนอัธยาศัยใจคอดีกับอีกทั้งเรื่องขลัง ซึ่งยังเร้าใจอยู่ได้ทุกวัน
    ถามผู้การสมชาติจะได้คำตอบว่า เร้าใจมานานกว่า 30 ปี เริ่มตอนสงครามเวียดนาม ตลอดทั้งตัวท่าน คือ "ขลังแห่งวัดกุดเวียน"
    เป็นหนึ่งในหลายสำนักขลังที่เอาชีวิตรอดมาได้อย่างผึ่งผาย
    เรียกได้ว่า ชีวิตหลังความขลังในเวียดนามนั้น มีคุณค่าพอที่จะอยู่กับความเร้าใจจนปัจจุบัน
    ผู้การสมชาติ เป็นคำเรียกติดปาก แท้จริงแล้ว ท่านมียศนายพล เข้าใจว่าตอนนี้ คือ พลตรีสมชาติ อนันตพงศ์ เคยเป็นทส.ของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้วายชนม์สมัยที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ท่านนี้มีศรัทธา สร้างพระถวายวัดสันติกาวาส อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2533 ผู้การสมชาติ ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้การจริงๆคือ มียศพันเอกฝ่ายเสนาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้เป็นแม่งาน ดำเนินการสร้าง และจัดพิธีพุทธาภิเษก
    พระที่จัดสร้างในคราวนั้น เรียกง่ายๆให้ติดปากว่า "เหรียญหลวงพ่อหัวตะพาน" ข้างหน้าทำเป็นรูปพระประธานในพระอุโบสถ ข้างหลังคือพระนามย่อ ญสส.ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีครูบาอาจารย์มาร่วมพิธีพุทธาภิเษก 9 รูป คือ หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน, หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่, หลวงพ่อหนูอินทร์ วัดป่าพุทธมงคล, หลวงปู่ศรี วัดประชาคมวนาราม, หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ, หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ, หลวงปู่เสาร์ วัดกุดเวียน และอีก 2 รูปที่ผมจำไม่ได้
    พิธีนี้แหละที่ผมรู้จักชื่อหลวงปู่วัดกุดเวียน เป็นครั้งแรก
    รู้ความจริงว่า ผู้การสมชาติมีหลวงปู่เสาร์ คุ้มตัวตลอดเวลาในเวียดนาม
    อะไรที่ผู้การสมชาติถือไว้ตลอด สงครามของสำคัญนั้นคือ "น้ำมัน" บรรจุไว้ในขวดเล็กๆพกใส่ในกระเป๋าเสื้อ น้ำมันนี้มีคุณลักษณะพิเศษ สามารถพยากรณ์เหตุร้ายเหตุดีที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อใด จะออกปฏิบัติการ จะลาดตระเวน หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ผู้การสมชาติจะเอาน้ำมันมาอธิษฐานดู ถ้าหากน้ำมันเดือดเป็นฟองพล่านเป็นอันแน่ใจได้ว่า มีการปะทะแน่ ถ้าไม่เดือด ขึ้นฟอง คงสภาพอยู่ตามปรกติ ก็แปลว่าปฏิบัติการเที่ยวนี้ปลอดโปร่ง
    ผู้การสมชาติบอกว่าทุกครั้งที่น้ำมันเดือดขึ้นฟอง ต้องมีเรื่องปะทะกับเวียดกงทุกที
    ซึ่งเมื่อเตือนลูกน้องให้ระวังตัวจงดี ลูกน้องเชื่อถือกันทุกคน ด้วยเห็นจริงมาตลอด กลายเป็นพระร่วงวาจาสิทธิ์แห่งเวียดนามไป
    ว่ากันว่า หลวงปู่เสาร์สำเร็จน้ำมัน ซึ่งนอกจากจะบอกเหตุล่วงหน้า ทั้งร้ายหรือดี แล้วก็ยังมีคุณลักษณะคุ้มกันเภทภัย เช่นเดียวกับตะกรุดอีกด้วย การสร้างเสกน้ำมันแบบนี้มองย้อนหลังไปไกลๆ ยังคิดไม่ออกว่ามีใครทำได้ เหมือนอย่างนี้ ความสำเร็จ ในการสร้างเสกเครื่องมือเตือนภัยเห็นจะมีอยู่ที่วัดกุดเวียนเท่านั้น
    สำนักอื่นๆ หากจะมีเช่นนี้บ้าง ก็เป็นรูปแบบที่แตกต่างออกไปไม่ใช่น้ำมัน อย่างเช่น สำนักสวนหินผานางคอย ของหลวงปู่พรหมา เขมจาโร อิสีขลังผู้ชาญพระเวทรูปนั้น จะฝังของแปลกๆไว้ที่ใต้ท้องแขน ทั้งเม็ดแร่, ตะกรุด หรือพลอย หรือแม้แต่พระปิดตาองค์เล็กๆ ของพวกนี้คุณสมบัติบอกเหตุร้ายดีได้เหมือนน้ำมันวัดกุดเวียน การฝังของเหล่านี้ดูเหมือนจะมีลูกศิษย์ ไม่กี่คนที่ท่านฝังให้ท่านเรียกการฝังนี้ว่า "เข้าของ"
    ผมรับการ "เข้าของ" จากหลวงปู่พรหมา โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ดูเหมือนจะเป็นระหว่างฤดูหนาวของ ปี 35 กำลังนั่งเหลาไม้เท้า ถวายท่านเพลินๆอยู่กุฏิหลังที่ 4 ท่านให้เณรมาตามบอกว่า พ่อจะเข้าของให้ลูก
    ของที่ท่านจะเข้าให้นั้นเรียกว่า เหล็กเปียก ท่านใช้คีมตัดแบ่งออกมาจากชิ้นใหญ่ คะเนว่าขนาดเท่ากับหัวแม่มือแบ่งแล้วชิ้นโตเท่าเม็ดถั่วเขียว ท่านว่าเหล็กเปียกนี้ พ่อ ปู่ฤาษี ผู้เป็นอาจารย์ของท่านมอบให้ก่อนลงจากภูเขาควาย ให้ท่านอมไว้ในปากระหว่างเดินทาง จะช่วยให้ไม่หิวข้าว หิวน้ำ ท่านว่า 2-3 วัน ที่เดินจากพ่อปู่ฤาษี ไม่ได้บิณฑบาต ไม่ได้ฉันน้ำ ก็ไม่รู้สึกหิวกระหายจริงๆ
    "นี่ถ้าไม่ใช่ลูก พ่อไม่ให้หรอกนะ"
    ท่านกล่าวเมื่อเห็นผม ออกอาการกลัวเข้าของ
    เวลาจะเอาของเข้า แทบลืมหายใจก็ถึงกับต้องดึงหนังใต้ท้องแขนยืดออกมาพาดกับเขียงไม้แล้วเอา สิ่วทองเหลืองตอกโป้งทะลุ เปิดรูหนังเพื่อยัดของเข้าไปไว้ใต้หนัง ยังงั้นไม่กลัวได้ไงไหว
    "ของ" ซึ่งก็คือ "เหล็กเปียก" ที่ท่านเข้าให้ผม มีคุณสมบัติบอกเหตุ ได้จริง
    ถ้าคันจี๊ดขึ้นมาแสดงว่า จะมีคนมาหาเป็นคนที่เราไม่คาดว่าจะมา คนที่ไปมาหาสู่ประจำธรรมดา จะไม่แสดงอาการคัน
    ถ้ากระตุกแรงๆ อย่าไปข้างหน้า หรือให้รีบหนีจากที่ตรงนั้น เพราะว่ากำลังจะมีอันตราย
    ผมเลยกลายเป็นคนมีฌานหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ทุกครั้งที่จะมีคนมาหาอย่างน่าแปลก ส่วนกระตุกอันตราย ไม่เคยเกิดขึ้น
    ทุกวันนี้ผมผ่าเอาเหล็กเปียกที่ท่านฝังให้ออกแล้วครับ
    ถือยาก
    ข้อห้ามเยอะเกินไป
    เจอกับรณธรรม ธาราพันธ์ เมื่อเดือนที่แล้ว พี่แกอ้อนจะเอาเหล็กเปียก ที่ผมผ่าออกจากตัวไปเข้าตัวพี่แกเองให้ได้ ขู่ว่า ข้อห้ามมีมากหลายนะ ก็ว่าสบายมาก ขู่อีกว่า ผมเป็นเอดส์นะโว้ย ก็ไม่กลัว
    เอ้า...เอาไปเลย
    ตกลงกับหมอจิมมี่ คงเจริญ หมอมือเซียนแห่งโรงพยาบาลสมเด็จพระศรีราชา หรือยังว่าหมอท่านจะยอมลงมีดผ่าตัดฝังให้หรือเปล่า
    เกี่ยวกับน้ำมันเตือนภัยของหลวงปู่เสาร์นี้ ทราบว่าทำจากเมล็ดงาดำ เก็บเอาตามป่าช้า เวลามีพิธีศพ เดี๋ยวนี้ภาพของป่าช้าเปลี่ยนไป พิธีศพทันสมัยมากขึ้น น้ำมันก็ทำยากขึ้น เข้าใจว่าจะไม่ได้ทำอีกแล้ว ถ้าใครได้รับในสมัยหลัง เชื่อได้ว่าเป็นของเก่าที่ทำไว้ นานเนแล้ว
    ศาสตร์วิชชาแปลกๆแบบนี้เป็นความฉลาดของครูบาอาจารย์โบราณ เป็นเครื่องมือเตือนภัยอยู่ในโลกที่วิทยาศาสตร์ เอื้อมไม่ถึง เป็นของมีคุณค่าควรแก่การทะนุถนอม แต่เหตุใดหนอวันหนึ่งก็จะเสื่อมสูญไป ทั้งไร้ผู้สืบทอด ทั้งไร้ผู้ทำได้เหมือน ทั้งยังจะถูกวิทยาศาสตร์เข้ามาไล่ที่ ทั้งยังมีความงมงาย คอยยิ้มเยาะ
    ผมจึงเห็นว่า ควรอ้างเอาสิทธิมนุษยชนคือ "กูจะนับถือของกู ใครจะทำไม" นี่พูดแบบคนข้างวัดบ้านไร่ ที่ใครได้ยินสำเนียงแล้วเพราะจับใจ ไม่เห็นหยาบคายตรงไหน
    คนพูดมึง กู ได้ไพเราะ น่าฟังที่สุดในยุคนี้ คือ หลวงพ่อคูณ นี่แหละ ท่านพูดออกมาจากใจ ยืนยันศิลาจารึกพ่อขุนรามว่า คนรุ่นเก่าเขาพูดกันอย่างนี้ทั้งบ้านทั้งเมืองท่านคือผู้สืบทอดมึง กูได้สมบูรณ์แบบตามตำรับโบราณ ซึ่งคนรุ่นนี้ไม่อาจทำได้เหมือน
    ลองเลียนแบบการขึ้นมึงกูซิครับ รับรองได้ว่านั่นกำลังจะตีกัน
    แต่หลวงพ่อคูณขึ้นมึงกูกับคนแปลกหน้าวันหนึ่งหลายร้อยหน้าโดยไม่มีปัญหา
    เรียกว่าคนละฝีมือ
    ลูกๆขึ้นมึงกูเมื่อไรพ่อแม่ได้ยินเข้า อาจโดนตีแผะ เพราะคนรุ่นใหม่เขาไม่พูดกันแล้ว มึงกูยุคนี้เป็นคำไม่สุภาพ
    เหมือนกันกับศาสตร์ วิชาทางขลังโบราณ ซึ่งวันนี้ต้อองระวังตัวแจว่าเป็นวิชางมงาย คนรุ่นใหม่ ไม่มาเสียเวลากับเรื่องที่เห็นว่าไร้สาระนี้หรอก
    ศาสตร์วิชาเหล่านี้ แม้ถ่ายทอดให้กันยังนับว่าสืบทอดยาก ถึงชั้นลูกศิษย์ แล้วจะเหมือนอาจารย์เลยก็หาไม่
    ชั้นอาจารย์ยิงโป้งไม่เข้า ชั้นลูกศิษย์แค่เฉี่ยวๆอาจถึงหัวใจวายตายไปเอง
    สาระที่เคยมีเคยเป็น ก็กลายเป็นไร้สาระ
    เมื่อครูบาอาจารย์ยังอยู่ ผมขออนุญาต แนะว่าผู้ถือสิทธิมนุษยชน แบบเดียวกับผมจงขวนขวายเถิด
    ตัวอาจารย์เองย่อมเคยเป็นศิษย์มาก่อน อาจเป็น 1 ใน 100 ศิษย์ที่สืบทอดได้เหมือน จึงเป็นหนึ่งเดียวที่อยู่บนความล่อแหลมแห่งการเสื่อมสูญของสาระ คือหมดท่านเมื่อไร "ไร้สาระ" จู่โจมทันที
    หลวงปู่เสาร์ วัดกุดเวียน คือ สาระแห่งขลังที่ยังมีชีวิตอยู่
    อายุท่านวันนี้ 93 ปีแล้วครับ
    ยัง สงเคราะห์ญาติโยม ได้เป็นอย่างดี
    "ทุกข์ไม่ทำ ทำไม่ทุกข์ ทำ พูด คิด ไม่ติดทุกข์"
    คำพูดของท่านที่เมื่อฟังแล้วจับใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นคำพูดของพระอย่างแท้จริง ปุถุชนไหนเลย จะรู้จักพูดเยี่ยงนี้
    93 ปี ของหลวงปู่เสาร์อุทิศให้พระพุทธศาสนามาแล้ว 75 ปี คือ บวชตั้งแต่อายุ 18 ปี มีพระอุปัชฌาย์องค์เดียวกับหลวงปู่เครื่อง วัดสระกำแพง คือ พระอุปัชฌาย์ฉิม วัดบ้านเมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ท่านเกิดที่บ้านลิ้นจี่ ตำบลบ้านเมืองหลวง เป็นคนบ้านเดียวกันกับหลวงปู่เครื่อง คือเป็นคนศรีสะเกษด้วยกัน แต่ไม่ทราบว่า ทั้ง 2 ท่านรู้จักมักจี่กันหรือไม่แค่ไหน บวชแล้วได้นามฉายาว่า ติสฺสปญฺโญ
    หลวงปู่เสาร์เดินธุดงค์ไปทั่ว ทั้งเมืองกาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม ลพบุรี นครสวรรค์ กำแพงเพชร และอีกหลายจังหวัดที่จำไม่ไหว
    สังเกตไหมครับว่า พระที่ธุดงค์เก่ง มักจะเก่งด้วย
    เพราะธุดงค์นั้นมีโอกาสพบพระธุดงค์ด้วยกันเยอะแยะ หรือแม้แต่พบครูบาอาจารย์ที่ไม่ได้คาดหวังตั้งใจ
    หลวงปู่บอกว่า ท่านมีอาจารย์หลายคนแต่ที่ท่านเอ่ยชื่อออกนามคือ อาจารย์คูณ
    คนละคูณกับวัดบ้านไร่
    อาจารย์คูณของหลวงปู่เสาร์ เป็นชาวขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เชื้อสายเขมร เดาว่า ศาสตร์วิชาน่าจะมาจากเขมร ซึ่งแม้ทุกวันนี้ยังเป็นที่คร้ามเกรง ของมวลชนชาวขลัง เป็นไสยวิชช์ที่หลากหลาย ดุจสายน้ำถ่ายทอดกันได้ แม้ชาวบ้านทั่วไปใช่แต่พระ
    ขึ้นชื่อลือชาว่า เก่งในสายวิชชาทำร้ายคน แม้ทุกวันนี้ยังพอจะเห็นได้ ตามแถบชายแดนไทย-เขมร ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ เป็นของเล่นของชาวบ้าน ที่ล้อเล่นไม่ได้เพราะว่าทำให้ถึงเป็นถึงตายได้ไม่ยาก
    เมื่อเก่งในวิชชาทำร้ายคน แล้วไหนเลย จะไม่เก่งในวิชชาช่วยคน
    นี่แหละเขมรแท้
    เมื่อถ่ายทอด ทั้งดีทั้งร้ายแล้ว ก็เป็นเรื่องที่จะเลือกกรรมดี หรือกรรมชั่ว ศีลของพระ ย่อมนำไปทางดี กิเลสตัณหาของปุถุชน ย่อมนำไปทางชั่วได้ง่าย
    อาจารย์คูณถ่ายทอดไสยวิชช์ให้หลวงปู่ ตั้งแต่หลวงปู่มีอายุได้ 20 กว่าปี หลวงปู่ได้นำมาช่วยคนจนทุกวันนี้
    ไม่ ได้ถามหลวงปู่ว่าน้ำมันเตือนภัยนี้เป็นอาจารย์คูณถ่ายทอดหรือเปล่า หลวงปู่เสาร์ ติสฺปญฺโญ กับหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปญฺโญ เหมือนกันตรงที่มีอาจารย์เป็นฆราวาส
    เก่งทั้งคู่เลย
    ทั้ง 2 ท่าน เป็นเยี่ยงเสือ ไม่ขอเนื้อใครกิน ถ้าสร้างเองแล้วย่อมเสกเอง ไม่พึ่งใคร
    อยาก บอกว่า ถ้าเป็น ผู้ที่ชอบความสงบเงียบกริบ ไม่กระโตกกระตาก ให้เลี้ยวเข้าวัดกุดเวียน ต.บุ่งขี้เหล็ก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา จะไปตามล่าหาของขลัง หรือจะไปปลีกวิเวกแบบไหน ก็ตามใจ
    บางทีถนนขลัง สายใหม่ อาจตัดเข้าสู่วัดกุดเวียน เมื่อไหร่ก็ได้ใครจะรู้....


    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2014
  12. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448


    ;aa44 สวัสดียามเย็นครับพี่วรรณ
     
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093

    เรื่องดันราคา คงต้องเป็นกลุ่มใหญ่ๆ นะครับคุณเหน่ง



    ขอบคุณมากครับ รอคิวเลี่ยมงามๆ ครับ
     
  14. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    สวัสดียามเย็นครับพี่วรรณ...
     
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2014
  16. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    เพราะบทความของอาอำพลชิ้นนี้ครับ ผมถึงใด้รู้จักหลวงปู่ และเมื่อมีโอกาสไปโคราชผมจึงไม่พลาดที่จะแวะเข้าไปกราบท่าน ช่วงนั้นพอว่างจากทำนาก็จะออกขายของตามงานครับมีโอกาสใด้กราบท่านครั้งเดียวมีโอกาสไปอีกครั้งท่านก็ละสังขารไปแล้ว...กราบหลวงปู่เสาร์ด้วยความเคารพครับ
     
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ยินดีกับพี่วุฒิด้วยครับ ที่มีโอกาสได้กราบท่าน เพิ่งรู้ว่าพี่ก้อนับถือท่านเหมือนกัน

    พี่ตี๋ เล่าให้ผมฟังทางโทรศัพท์บ่อยมากๆ สมัยแกไปกราบหลวงปู่ท่านบ่อยๆ แต่เพิ่งเคยได้อ่านบทความนี้ครับ มิน่า พุทธคุณเหรียญนี้ มีบางคนนำไปจับพลัง ถึงบอกว่า แคล้วคลาด ยิ่งนัก

    ว่าแต่พี่มีวัตถุมงคลท่านบ้างหรือป่าวครับ
     
  18. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    พักหนึ่งเกมส์เล่นสองเกมส์....อย่างโหดครับ...
     
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,047
    ค่าพลัง:
    +53,093

    สวัสดียามเย็นครับพี่โญ
     
  20. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    กราบหลวงพ่อวัดดอนตัน...งาช้างดำเหรียญประจำจังหวัดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...