แม่ชีสามารถรับการถวายผ้าป่า กฐิน และสังฆทานได้หรือไม่ค่ะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย kha_sur, 1 มกราคม 2008.

  1. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ขออนุญาตนะครับ

    การถวายสังฆทาน
    สังฆทานคือทานที่อุทิศแก่พระสงฆ์ มิได้เจาะจงบุคคล การถวายสังฆทานหมายถึงการจัดภัตตาหารถวายพระสงฆ์ไม่เกี่ยวกับการถวายทานวัตถุอื่นๆ ครั้งพุทธกาลปรากฏว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแก่พระอานนท์ตอนหนึ่งว่า การถวายสังฆทานคือการขอต่อพระสงฆ์ให้ส่งภิกษุไปรับของถวาย ผู้ถวายสังฆทานต้องตั้งใจว่าถวายต่อพระอริยสงฆ์ ไม่ว่าผู้รับจะเป็นภิกษุรูปใดก็ตาม ถือว่าอุทิศถวายเป็นของสงฆ์
    ในปัจจุบันนี้นิยมทำเป็น ๒ อย่างคือถวายแก่หมู่ภิกษุอย่างหนึ่ง ถวายแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ที่สงฆ์จัดให้อีกอย่างหนึ่ง ในการถวายสังฆทานดังกล่าว นิยมตั้งพระพุทธรูปเป็นประธานซึ่งอนุโลมเข้าในประเภทถวายแก่สงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขและทานวัตถุที่จะถวายเป็นสังฆทานมีภัตตาหารเป้นหลัก นอกจากนั้นจะมีของเป็นบริวารอื่นๆ อีกตามสมควร หรือจะไม่มีเลยก็ได้

    เมื่อตั้งใจจะถวายสังฆทาน พึงเตรียมภัตตาหารใส่ภาชนะให้เรียบร้อย จะถวายกี่รูปก็ได้ตามศรัทธา การนิมนต์พระสงฆ์นิยมกัน ๒ วิธี คือ วิธีแรก. นิมนต์พระที่ออกบิณฑบาตในตอนเช้าผู้มาถึงเฉพาะหน้าในขณะนั้นให้ครบตามจำนวนที่ต้องการ
    วิธีที่สอง. สถานที่ถวายถ้าเป็นในบ้านควรจัดห้องใดห้องหนึ่งที่เรียบร้อย ถ้ามีพระพุทธรูป ควรตั้งที่บูชาด้วยพอสมควร เมื่อพระสงฆ์ที่นิมนต์โดยวิธีใดวิธีหนึ่งมาพร้อมแล้ว นำภัตตาหารที่จัดเตรียมไว้มาตั้งตรงหน้าพระสงฆ์ อาราธนาศีล แล้วรับศีล ต่อจากนั้นกล่าวนโม ๓ จบ พร้อมกันแล้วจึงกล่าวคำถวายสังฆทาน ถ้าถวายรวมกันหลายคน ให้ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวนำเป็นวรรคๆ ผู้อื่นกล่าวตามทั้งคำบาลีและคำแปล เมื่อจบคำถวายแล้วภิกษุทั้งนั้นรับ
     
  2. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ขออุญาตนะครับ

    ผ้าป่า คือผ้าที่ผู้ถวายนำไปวางพาดไว้บนกิ่งไม้เพื่อให้พระชักเอาไปเอง โดยไม่กล่าวคำถวายหรือประเคนเหมือนถวายของทั่วไป
    ผ้าป่า เรียกดังนี้เพราะถือคติโบราณ คือสมัยพุทธกาลผ้าหายาก ภิกษุต้องแสวงหาผ้าที่เขาทิ้งไว้ตามป่าช้าบ้าง ตามทางเดินในป่าบ้างมาทำจีวรนุ่งห่ม คนใจบุญสมัยนั้นจึงนำผ้าไปแขวนไว้ตามต้นไม้ข้างทางที่พระเดินผ่าน ทำนองว่าทิ้งแล้วพระไปพบเข้าจึงหยิบไปทำจีวร โดยถือว่าเป็นผ้าไม่มีเจ้าของ ผ้าชนิดนั้นเลยเรียกว่า ผ้าป่า
    กริยาที่พระหยิบผ้าไปใช้แบบนั้น เรียกว่า ชักผ้าป่า
    ทอดผ้าป่า คือกริยาที่ถวายผ้าแบบนั้น และนิยมจัดของใช้เป็นบริวารผ้าป่าเหมือนบริวารกฐินด้วย

    พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
     
  3. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ขออนุญาตครับ

    ผ้าป่า ผ้าที่ทายกถวายแก่พระโดยวิธีปล่อยทิ้งให้พระมาชักเอาไปเอง อย่างเป็นผ้าบังสุกุล, ตามธรรมเนียมจะถวาย
    หลังเทศกาลกฐินออกไป; คำถวายผ้าป่าว่า
     
  4. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ขออนุญาตด้วยนะฮะ(ขอบคุณครับ)

    ข้อความจาก-สถาบันแม่ชีไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์

    ประเพณีทอดผ้าป่า
    นิยมทำกันในเดือนยี่ การทอดผ้ามี ๓ ลักษณะ คือ
    ผ้าป่าหางกฐิน คือ เมื่อทอดกฐินแล้วก็เลยทอดผ้าป่าตามไปด้วย
    ผ้าป่าโยง เป็นผ้าป่าเจ้าภาพเดียวบ้างหรือหลายเจ้าภาพบ้าง จัดทำรวมกันหลายกอง
    ผ้าป่าสามัคคี เป็นการแจกฎีกาบอกบุญไปยังที่ต่าง ๆ ให้ร่วมทำบุญตามแต่ศรัทธา มักจัดขึ้นเพื่อหาทุนเพื่อสร้างเสนาสนะในวัด ปัจจุบันผ้าป่าบางครั้งก็ไม่มีการทานผ้า อาจเป็นสิ่งของอื่น เช่น หนังสือ ข้าว ตามแต่สะดวกหาได้

    หลักสำคัญของการถวายทานเป็นการสงฆ์ จะต้องตั้งใจถวายแก่ภิกษุสงฆ์จริง ๆ อย่างเลือกว่าเป็นผู้ใด มิฉะนั้นจะเกิดความยินดียินร้ายไปตามบุคคลผู้รับ ซึ่งจะเสียพิธีสังฆทานไป
    การเตรียมทานวัตถุ ที่ต้องการถวายให้เสร็จเรียบร้อยตามศรัทธา และทันเวลาถวาย ถ้าเป็นภัตตาหาร จีวร และคิลานเภสัช ซึ่งเป็นของยกประเคนได้ จะเป็นของถวายเนื่องด้วยกาลหรือไม่ก็ตาม ต้องจัดให้ถูกต้องตามนิยมของทานชนิดนั้น ๆ แต่ถ้าเป็นเสนาสนะหรือเครื่องเสนาสนะ ซึ่งต้องก่อสร้างกับที่ และเป็นของใหญ่ใช้ติดที่ต้องเตรียมการตามสมควร
    การเผดียงสงฆ์ คือแจ้งความจำนงที่จะถวายทานนั้น ๆ ให้สงฆ์ทราบ ถ้าเป็นภัตตาหาร จีวร คิลานเภสัช ซึ่งมีจำนวนจำกัดไม่ทั่วไปแก่สงฆ์ทุกรูปในวัด ก็ขอให้เจ้าอธิการสงฆ์ จัดพระสงฆ์ผู้รับให้ตามจำนวนที่ต้องการ และนัดแนะสถานที่กับกำหนดเวลาให้เรียบร้อย ถ้าเป็นเสนาสนะหรือเครื่องเสนาสนะ ซึ่งปกติจะต้องก่อสร้างภายในวัดอยู่แล้ว ก็ขอผู้แทนสงฆ์ตามจำนวนที่ต้องการ และกำหนดวันเวลารับ สำหรับสถานที่รับ ควรเป็นบริเวณที่ตั้งเสนาสนะ หรือเครื่องเสนาสนะนั้นๆ
    ในการถวายทานถ้ามีพิธีอื่น ๆ ประกอบด้วยก็เป็นเรื่องของพิธีแต่ลำอย่างๆ ไป พิธีถวายทาน ฝ่ายทายกพึงดำเนินพิธี ดังนี้
    ๑) จุดธูปเทียน หน้าที่บูชาพระ
    ๒) อาราธนาศีล และรับศีล
    ๓) ประนมมือกล่าวคำถวายทานนั้น ๆ ตามแบบในการกล่าวคำถวายทุกครั้งต้องตั้งนโม ก่อนสามจบ ถ้าถวายรวมกันมากคน ควรว่านมโมพร้อมกันก่อน แล้วหัวหน้ากล่าวคำถวายให้ผู้อื่นว่าตามเป็นตอน ๆ ทั้งคำบาลี และคำแปลจนจบ ต่อจากนั้นถ้าเป็นของควรประเคนก็ประเคน แต่จะประเคนสิ่งของประเภทอาหารหลังเที่ยงไม่ได้ เสนาสนะหรือวัตถุที่มีขนาดใหญ่ ไม่สามารถยกประเคนได้ ใช้หลั่งน้ำลงบนหัตถ์ของพระสงฆ์ผู้เป็นประธานในพิธี ก็ถือว่าได้ประเคนแล้ว
    พระสงฆ์ที่ได้รับอาราธนา เมื่อรับสังฆทานในขณะที่ทายกกล่าวคำถวายทาน จะประนมมือเป็นอาการแสดงถึงการับทานโดยเคารพ เมื่อทายกกล่าวคำถวายทานจบแล้ว เปล่งวาจาสาธุพร้อมกัน บางพวกเมื่อทายกกล่าวคำถวายทานจบแล้ว จึงประนมมือเปล่งวาจาสาธุพร้อมกัน เมื่อเสร็จการประเคนแล้ว พึงอนุโมทนาด้วยบท
    ๑) ยถา...
    ๒) สพฺพีติโย...
    ๓) บทอนุโมทนาโดยควรแก่ทาน
    ๔) ภวตุ สพฺพมงฺคลํ ...
    ขณะพระสงฆ์อนุโมทนา ทายกพึงกรวดน้ำ เมื่อพระสงฆ์เริ่มบทยถา... พอถึงบท สพฺพีติโย... เป็นต้นไป พึงประนมมือรับพรไปจนจบ แล้วกราบสามหน เป็นอันเสร็จพิธีถวายทาน
    การถวายสังฆทาน
    สังฆทาน คือทานที่อุทิศให้แก่สงฆ์ มิได้เจาะจงแก่บุคคล โดยนิยมที่เข้าใจกันทั่วไปก็คือ การจัดภัตตาหารถวายพระสงฆ์ไม่เกี่ยวกับการถวายทานวัตถุอย่างอื่น การจัดภัตตาหารถวายพระสงฆ์อย่างนี้เรียกว่าสังฆทาน มีแบบแผนมาแต่ครั้งพุทธกาล แต่ในครั้งนั้นท่านแบ่งสังฆทานไว้ถึงเจ็ดประการด้วยกันคือ
    ๑) ถวายแกหมู่ภิกษุ และภิกษุณี มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
    ๒) ถวายแก่หมู่ภิกษุ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
    ๓) ถวายแก่หมู่ภิกษุณี มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
    ๔) ถวายแก่หมู่ภิกษุ และภิกษุณี
    ๕) ถวายแก่หมู่ภิกษุ
    ๖) ถวายแก่หมู่ภิกษุณี
    ๗) ข้อร้องต่อสงฆ์ให้ส่งใคร ๆ ไปรับแล้วถวายต่อผู้นั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2008
  5. ไผ่สีทอง

    ไผ่สีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +120
    คุ้นๆ ว่า หลวงพ่อมีเรื่องเล่า แม่ชีรับสังฆทาน หรือ รับกฐิน
    ตายไปลงนรก ประมาณนี้

    ขออนุญาต เอาเรื่องเบาๆ มาให้อ่านกัน

    " ถอยหลังไปกัปนี้เองสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธกัสสป" เวลานั้นบรรดาประชาชนทั้งหลายตั้งใจถวายอาหารแก่พระสงฆ์ สมัยนั้นเขาจะถวายพระองค์ไหนเขาก็รับบาตรจากท่านไป เมื่อชาวบ้านเขารับบาตรจากพระเถระไปแล้ว ก็นำอาหารที่มีรสเลิศหมายความว่าอาหารที่ทำดีแล้วใส่บาตร ในขณะที่ใส่อาหารลงไปในบาตรนั้น ยังไม่ทันจะถวายพระ ก็มีกาตัวหนึ่งจับอยู่บนยอดไม้มองเห็นอาหารในบาตรเป็นที่ชอบใจ จึงได้โฉบลงมาคาบเอากับข้าวในบาตรไปเต็มปากตามกำลังที่จะนำไปได้ แล้วก็ไปยืนกิน
    พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า กาทำบาปเพียงเท่านี้เมื่อตายจากความเป็นกาก็ไปเกิดเป็นกากะเปรต มีหัวเป็นคนตัวเป็นกายาว ๒๕ โยชน์ มีไฟไหม้ก่อตัวทางหัวพุ่งไปถึงหาง ไฟไหม้ก่อตัวทางหางพุ่งมาทางหัว ไฟไหม้ก่อตัวตรงกลางลามไปทั่วตัว ต้องไหม้อยู่อย่างนี้นับเป็นพุทธันดร
    และพระองค์ตรัสอีกว่า อาการที่กาขโมยอาหารเขากิน ถึงแม้ข้าวนั้นยังไม่ได้เป็นของสงฆ์คือยังไม่ได้ประเคนพระ ยังเป็นเจตนาที่จะถวายพระอยู่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ของบุญ ยังไม่เป็นอาหารของสงฆ์ จึงได้มาเกิดป็นกากะเปรตอยู่ในแดนของเปรต
    พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่าอาหารที่ถวายสงฆ์แล้ว ถ้าขโมยกินอย่างนี้เป็นขโมยข้าวสงฆ์ จะมีโทษมากกว่านี้มาก จะไปเกิดแค่เปรตไม่ได้ จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรกก่อนในอเวจีมหานรก หรือข้าวที่เขาถวายพระเสร็จแล้ว เขาจะนำไปเลี้ยงคน ตอนนั้นถ้าฉกฉวยเอาไปกินเป็นส่วนตัวก็ถือว่าเป็นขโมยของสงฆ์เหมือนกัน แต่ถ้าพระท่านอนุญาตว่ากินได้อันนี้ไม่มีโทษเพราะพระให้แล้ว มีหลายท่านถามว่า "กินข้าววัดต้องชำระหนี้สงฆ์ไหม"
    ถ้าขโมยกินต้องชำระหนี้สงฆ์ ถ้าพระให้กินไม่ต้องชำระหนี้สงฆ์ คือพระให้ไม่เป็นหนี้
    รวมความว่าการที่จะเกิดมาเป็นคนได้ต้องอาศัยศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐
    จะมีทรัพย์สินบ้าง ก็เพราะผลของทาน
    จะมีปัญญาบ้าง ก็เพราะการอบรมธรรม
    และการเกิดมาเป็นคนแล้วกลับทำความชั่ว ก็จะต้องกลับไปเกิดเป็นสัตว์นรก กว่าจะมาเกิดเป็นคนใหม่ก็ยํ่าแย่ใช้เวลาอีกนานเป็นการถอยหลัง ทางที่ดีควรจะก้าวหน้าต่อไป อย่างน้อยจากการเป็นคนแล้วก็ไปเกิดบนสวรรค์เป็นเทวดาหรือนางฟ้า ไปเป็นพรหมก็ยิ่งดีกว่า ไปพระนิพพานดีถึงที่สุด.."
    "

    ที่มา http://www.luangporruesi.com/792.html
     
  6. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ข้อความจาก-สถาบันแม่ชีไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์

    ข้อความจาก-สถาบันแม่ชีไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์

    การถวายสังฆทาน
    สังฆทาน คือทานที่อุทิศให้แก่สงฆ์ มิได้เจาะจงแก่บุคคล โดยนิยมที่เข้าใจกันทั่วไปก็คือ การจัดภัตตาหารถวายพระสงฆ์ไม่เกี่ยวกับการถวายทานวัตถุอย่างอื่น การจัดภัตตาหารถวายพระสงฆ์อย่างนี้เรียกว่าสังฆทาน มีแบบแผนมาแต่ครั้งพุทธกาล แต่ในครั้งนั้นท่านแบ่งสังฆทานไว้ถึงเจ็ดประการด้วยกันคือ

    ๑) ถวายแกหมู่ภิกษุ และภิกษุณี มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
    ๒) ถวายแก่หมู่ภิกษุ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
    ๓) ถวายแก่หมู่ภิกษุณี มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
    ๔) ถวายแก่หมู่ภิกษุ และภิกษุณี
    ๕) ถวายแก่หมู่ภิกษุ
    ๖) ถวายแก่หมู่ภิกษุณี
    ๗) ข้อร้องต่อสงฆ์ให้ส่งใคร ๆ ไปรับแล้วถวายต่อผู้นั้น
     
  7. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    เหรอ ไปก๊อปมาจากไหนล่ะ
     
  8. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    คิดถึงจังเร้ยยยย พวกมือถือสาก ปากถือศีล ก๊อปเตือนตัวเองเหรออออ
     
  9. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
  10. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ไงบ้างขอรับ บอกบุญไปถึงไหนแล้วขอรับ built อารมย์หน่อยนะตัวเอง ยังมีงานบุญรอสร้างอีกเยอะ หิหิหิหิ
     
  11. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
  12. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ว้าแย่จัง ถ้าเขียนเองต้องแก้ไขข้อความบ่อย ก็อปซะเลย หนุกหนาน
     
  13. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ใช่...เตือนตัวเองว่าถวาย"สังฆทาน" หรือ "ผ้าป่า" ต้องถวายกับพระภิกษุสงฆ์-พระภิกษุณีสงฆ์ ไม่ใช่กับแม่ชี
     
  14. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    อ๋อเหรอ เนี่ยตั้งใจจะถวายผ้าป่า ซัก 100,000 บาทอยู่พอดี ที่สนส..... เปลี่ยนใจแระ เจอแบบนี้ หิหิหิหิ
     
  15. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ภาพพจน์สำคัญนะตัวเอง ทำอะไรอย่าทะเร่อทะร่า เดี๋ยวคนหนีหมดนะตัวเอง กลับที่ที่ควรอยู่เถอะตัวเอง
     
  16. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เข้าใจอะไรผิดหลือปล่าว? ....การที่เราออกมาบอกบุญใครอยากจะทำก็ทำใครไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ คนที่เค้าทำบุญเค้าให้กับ"บวรพุทธศาสนา" ไม่ได้บังคับใคร ไม่เชื่อก็ไปถามคุณWeb Snow หรือ คุณ MBNY ดูสิ.....อีกอย่างสมาชิกใน web palungjit.org หลายคนก็รู้จักผมดี หลายคนก็เคยเห็นบ้านของผมแล้ว คงจะทราบว่า"คนอย่างผมไม่จำเป็นต้องอาศัยข้าววัดกินหลอก" ที่ผมอาจจะร่วงเกิดแม่ชีไปผมก็ขอโทษแล้วในถานะที่อายุน้อยกว่าแม่ชีอายุมากกว่า.... แต่ไม่ทราบว่าถ้าผมจะเอาข้อความดีๆมาให้ได้อ่านกัน มันผิดหลอ? ผมเสนออีกแง่มุมนึงที่ไปตรงกับแม่ชี ผมผิดหลอ?
     
  17. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    เหรอ ถือว่าพี่สอนน้องแล้วกันนะขอรับ ในฐานะที่ข้าพเจ้าเคยสนับสนุนร่วมบุญกับคุณ

    ภาพแห่งศรัทธาอาจจะเลือนลาง ถ้าเราไม่มีสติ
    ปล่อยจิตถามตอบกระทู้โดยเผลอไผล
    ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีฐานะ ไม่เป็นไร
    บอกกล่าวกันด้วยใจในฐานะน้องนุ่งเอย
    ขอบคุณ
     
  18. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    นิสัยอ้างคนโน้นอิงคนนี้ ถามคนนั้น นี่เป็นนิสัยเด็กนะขอรับ ทีหน้าทีหลังมีความมั่นใจด้วยนะขอรับ เพราะจริงๆแล้วไม่มีใครมายันใครได้เสมอไปดอก

    (good) ​
     
  19. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    มันจำเป็นจริงๆครับ ...เพราะเหตุว่าแบบแผนเค้ามีอยู่ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของพระพุทธเจ้า พระธรรมวินัยต่างๆเปลียบเหมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้า ถ้ายังมีความเคารพในพระศาสนาก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้าพระธรรมวินัยที่มีอยู่ ในเมื่ออ่างตัวเป็นพระภิกษุสงฆ์-พระภิกษุณี-สามเณร-สามเณรี-อุบาสก-อุบาสิกาในบวรพุทธศาสนา จำเป็นที่จะต้องเชื่อพระพุทธเจ้า "ไม่ใช่เชื่อตัวเอง" หลือถ้าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าก็ต้องตั้ง"ศาสนา"เองขึ้นมาใหม่ อยู่ใต้กานบันญัตของตัวเองจึงจะไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยว...ขอบคุณ
     
  20. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    เหรอ มาถึงขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวเองอีกหรือ
     

แชร์หน้านี้

Loading...