ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เยอรมนีหวั่นภัยอาวุธนิวเคลียร์ปากีสถาน​

​

เบอร์ลิน 29 ธค - นายฟรังค์-วัลเตอร์ ชไตน์มัยเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวแสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองหลังนางเบนาซีร์ บุตโต อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกลอบสังหาร ซึ่งส่อเค้าบานปลายว่า หากสถานการณ์ยังคงเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ อาวุธนิวเคลียร์อาจตกไปอยู่ในมือของพวกหัวรุนแรงได้

เยอรมนีจะนำเรื่องสถานการณ์ในปากีสถานเข้าหารือในที่ประชุมสหประชาชาติร่วมกับสหรัฐ และสหภาพยุโรป เพราะสถานการณ์ในปากีสถานครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่า อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของปากีสถาน พร้อมกันนั้นได้เรียกร้องให้นักการเมืองปากีสถานผนึกกำลังกันหาทางอย่าให้พวกหัวรุนแรงฉวยโอกาสท่ามกลางความวุ่นวายเข้าครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ได้สำเร็จ. -สำนักข่าวไทย

2007-12-29 18:28:13

สหรัฐมั่นใจอาวุธนิวเคลียร์ปากีสถานยังปลอดภัยแม้มีเหตุจลาจล

​

นิวยอร์ก 28 ธ.ค.-นักวิเคราะห์สหรัฐมั่นใจว่า ปากีสถานมีระบบการรักษาความปลอดภัยอาวุธนิวเคลียร์ในระดับที่เชื่อมั่นได้ว่าจะไม่ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มก่อการร้ายหรือกลุ่มหัวรุนแรง แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศจะยังคงรุนแรงหลังการสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเบนาซีร์ บุตโต

นายลีโอนาร์ด สเปคเตอร์ รองผู้อำนวยการศูนย์เจมส์ มาร์ติน เพื่อกิจการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ระบุว่า อาวุธนิวเคลียร์ของปากีสถานนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพในระดับที่เชื่อถือได้ แม้ว่าสถานการณ์จลาจลอาจบานปลายจนกระทั่งรัฐบาลควบคุมไม่ได้ ขั้นตอนการบังคับบัญชาและการควบคุมของกองทัพจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ปากีสถานยังใช้ระบบการแยกเก็บหัวรบนิวเคลียร์ออกจากอุปกรณ์อื่นเป็นการป้องกันไว้อีกชั้นหนึ่ง

ทางด้านนายแดเนี่ยล มาร์คีย์ จากสำนักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุว่า การจลาจลในรอบ 24 ชม.ที่ผ่านมา เป็นเพียงการชุมนุมของชาวปากีสถานที่ไม่พอใจเหตุการณ์สังหารนางบุตโต ภัยคุกคามที่แท้จริงต่ออาวุธนิวเคลียร์ปากีสถานจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อเหตุการณ์ลุกลามจนควบคุมไม่ได้ และรัฐบาลจำเป็นต้องให้ทหารใช้ความเด็ดขาดควบคุมสถานการณ์ อันอาจทำให้กองทัพเกิดความแตกแยกด้านความคิด

ปากีสถานเป็นชาติหนึ่งในภูมิภาคเอเชียที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง ประมาณการว่ามีหัวรบนิวเคลียร์ในคลังอาวุธปากีสถานประมาณ 50 ลูก ประชาคมโลกแสดงความเป็นห่วงเรื่องการรักษาความปลอดภัย เกรงว่าอาวุธอาจตกไปอยู่ในมือเครือข่ายก่อการร้ายหากสถานการณ์รุนแรงภายในประเทศลุกลามจนควบคุมไม่อยู่.-สำนักข่าวไทย

2007-12-29 12:30:27

จลาจลทำเมืองใหญ่ของปากีสถานกลายเป็นเมืองร้าง

​

การาจี 29 ธ.ค.

 

บ้านเมืองเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลอยู่ คงไม่ถึงกับมีเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างที่ว่าไว้ทั้งหมดเป็นแน่

แค่คิดก็ประมาทแล้ว
พระพุทธองค์สอนว่าให้คิดว่าความตายมาถึงได้ทุกวัน...

 

สร้างพลังบุญ...อันเป็นพลังงานอนันต์
เสริมพลังจิต...อันเป็นพลังงานอมตะ
ง่ายๆ ด้วยการ
คิดดี(อธิษฐานภาวนา) พูดดี ทำดี ต่อ
ทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่ง ทุกภพภูมิ ทุกจักรวาลอนันต์
(kiss) (kiss) (kiss)
ขอความสวัสดี มีชัย แด่ ทุกสรรพสิ่งเทอญ

 

พระเจ้ากับชาวยิว
โดย ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์​

โมเสส(Moses)​

เหตุที่ผมนำเอาเรื่อง

 

​

เรื่อง"พระเจ้า"นี่จริงๆมีปัญหาตั้งแต่ที่มนุษย์ตีความหมายของคำว่าพระเจ้าแล้วครับ ในความรู้ใหม่ๆนี่พระเจ้าไม่ได้มีตัวตนที่น่าเกรงขามแบบที่มนุษย์ในอดีตคิดกัน (จริงๆมนุษย์ที่ใส่สีสันเข้าไปเองให้ดูยิ่งใหญ๋เพื่อการเป็นศูนย์รวมและครองอาณาจักร) แต่แท้จริงแล้วพระเจ้านั้นเป็นอยู่ในทุกอณูของทุกสรรพสิ่ง เป็นองค์รวมของระบบเครือข่ายความรู้ที่อยู่ในจิตของมนุษย์ทุกคน เป็นพลังงานอันหลากหลายคลื่นความถี่อันเป็นสากลที่ละเอียดยิ่งกว่าพลังคอสมิก ทั้งหมดสอดประสานกันอย่างลงตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งมีแต่ความรัก ความอบอุ่นซึ่งมนุษย์ที่ปรับตัวเองให้อยู่แนวเดียวกับพลังงานนี้ สามารถเข้าถึงได้ทุกคน

พวกเราศึกษาทางพุทธมากันอย่างลึกซึ้ง อาจมองได้ชัดเพราะไม่ได้ยึดที่ตัวตน ถ้าเราเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จุดประสานหรือสื่งที่พ้องกันของศาสนา ล้วนมีที่มาจาก"แก่นธรรม"เดียวกัน ซึ่งในสภาวะของธรรมชาติเองก็ล้วนแฝงความหมายเหล่านี้บอกเป็นนัยไว้มากมาย เหมือนเช่น สายน้ำลำคลองที่เป็นล้วนหนึ่งเดียวกับมหาสมุทร หรือ กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ที่มาจากรากลำต้นเดียวกัน

สิ่งที่เป็นสากลมีอยู่จริงย่อมเป็นสิ่งที่พูดได้และไม่ขัดแย้งกันนะครับ ความดีงาม ความรัก ความสงบ ล้วนเป็นจุดประสานของแต่ละศาสนา เป็นความรู้ซึ่งปราศจากเส้นแบ่งของศาสนา ถึงแม้ความเชื่อทางศาสนานี้จะเป็นเรื่องล่อแหลมต่อความเชื่อส่วนตัวเพราะเหตุจากความยึดมั่นถือมั่นที่รุนแรง..ว่าศาสนาของฉัน เหนือกว่า-ดีกว่า อะไรพวกนี้ จนโลกปั่นป่วนวุ่นวายเพราะความไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน..พระศาสดาหรือครูทั้งหลายท่านคงไม่เห็นด้วยเป็นแน่ที่มนุษย์คิดเข่นนั้น..ทางที่ดีเห็นว่ามนุษย์เราควรมองหาจุดที่เป็นกลางโดยการปรับเปลื่ยนความเชื่อให้กลมกลืนกันไว้ดี่ที่สุด โลกจะมีสันติสุขอย่างยั่งยืนครับ

ดังนั้นภัยธรรมชาติต่างๆนั้น ล้วนเกิดจากพลังงานรวมที่ไม่สมดุลย์ของโลกเอง เหมือนการตัดสินใจรวมกันไปในทิศทางไหนก็ตาม..คล้ายๆว่ามีรูปธรรมที่เค้าดูแลรักษากฎประชุมร่วมกันเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า ถึงเวลาต้องปรับสมดุลย์โลกใหม่ซะทีตามกฎของความสมดุลย์ของจักรวาล ปล่อยไว้ก็เหมือนเฟืองขิ้นนึงที่สะดุดชำรุดแล้วส่งผลใหญ่โตทำให้เอกภพเสียสมดุลย์ตามไปหมด
เราคงไม่ต้องไปโทษพระเจ้าหรอกครับ มนุษย์ต่างหากที่ต้องเปลื่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้และเปลื่ยนจิตสำนีกเสียใหม่ให้ทันท่วงที ทุกอย่างยังพอจะแก้ไขได้ถ้ามนุษย์พบคำตอบสำคัญ ที่หมายถึงความรักหรือความเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในที่สุด +

 

​

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ bassate
คับ เมื่อนานมาแล้วนับเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมา ผมได้รับสื่อข้อมูลบางอย่าง ขอสงวนนะคับว่ามาจากไหน รับรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังนอกจากพี่สาวคนนึงที่ผมนับถือในนี้ เนื้อความมีอยู่ว่า ด้วยคำถามเดิมที่ผมสื่อถามไปว่า ทำไมผมรู้สึกว่าไทยเรามีความสำคัญมากๆบางอย่างในอนาคตต่อชาวโลก คำตอบนั้นคือ ในอนาคตอีกไม่นาน จะมีเพื่อนต่างดาวเลือกประเทศไทยในการเป็นแผ่นดินแม่ในการสื่อสารอย่างเป็นทางการ และความสำคัญหลัก การทำงานต่างกับต่างดาวกลุ่มอื่นๆจะใช้ไทยเราเป็นดินแดนหลัก สิ่งต่างๆจะเกิดขึ้นก่อนภัยใหญ่จะมาถึง ช่วงที่เกิดภัยใหญ่นั้นทั้งโลกจะเกิดโกลาหลอย่างมาก และเราชาวไทยจะได้เห็นการปรากฎตัวของเพื่อนต่างดาวอย่างเป็นทางการเป็นชาติแรกของการเปิดตัวต่อชาวโลก และอีกมากมายคับที่จะเกิดขึ้นในช่วงนั้น พอผ่านมาเรื่อยๆ ผมลืมนึกไปว่า มันได้เกิดขึ้นจิงแล้ว ซึ่งคนกลุ่มนั้นก็คือ กลุ่มเขากะลานั่นเอง เป็นกำลังใจให้คับ อย่าท้อ เพราะทุกอย่างได้รับการวางแผนมาก่อนอย่างเนิ่นนานมาแล้วคับ แต่เมื่อทุกอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว หมายความว่า ภัยใหญ่ได้ใกล้เข้ามาแล้ว


</TD></TR></TBODY></TABLE>

http://palungjit.org/showthread.php?p=890765#post890765

 

ได้ไปอ่านเจอบทความที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง เห็นว่าแปลกดีเลยนำมาให้อ่านกัน ถ้าผู้ดูแลเว็บเห็นว่าไม่เหมาะสม ก็ลบทิ้งไปได้เลยครับ

​

เรื่องน่าคิดจากคัมภีร์ไบเบิ้ล พระเจ้าคือมนุษย์ต่างดาว
(บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ)

1. ในคัมภีร์ไบเบิ้ล นักบุญมัธธิว บันทึกไว้ว่า ในวันที่พระเยซูประสูติ ได้มีดวงดาวสุกใสดวงหนึ่งปรากฎเหนือหมู่บ้านเบทเลแฮม แต่ในปัจจุบันยังไม่มีนักดาราศาสตร์คนใดยืนยันได้ว่าดาวดวงนั้นคือดาวอะไร เป็นไปได้ไหมในวันที่พระเยซูประสูติดาวดวงนั้น แท้จริงคือ ยาน UFO ที่กำลังเฝ้าดูผลงานการส่งพระเยซูประสูติ

2. พระนางมารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซูเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ตั้งครรภ์ได้เอง มีความเป็นไปได้ไหมทางวิทยาศาสตร์ แท้จริงแล้วพระนางมารีย์อาจถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปและทำการทดลอง เหมือนในวิทยาการสมัยปัจุบันในการฝากครรภ์ผสมเทียม ฯลฯ แล้วจึงถูกลบความจำส่งตัวลงมาเพื่อให้กำเนิด พระเยซู

3. พระเยซูเป็นบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้าที่ถูกส่งมาเพื่อไถ่ปาปแก่มนุษย์ พระเยซูอาจเกิดจากการโคลนจาก DNA ของมนุษย์ต่างดาว(พระเจ้า) แล้วจึงนำมาฝากไว้ไนครรภ์ของมารีย์ก่อนที่จะลบความทรงจำและส่งมารีย์ลงมา

4. ในวันที่พระเจ้าสร้างโลกตามพระคำภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่าพระเจ้าสร้างโลกขึ้นใน 7 วัน หลังจากนั้นจึงสร้างอดัมขึ้นมาก่อน และจึงสร้างอีฟขึ้นมา พระเจ้าอาจเป็นมนุษย์ต่างดาวดวงใดดวงหนึ่ง ซึ่งมีวิทยาการที่ก้าวไกลและล้ำหน้ากว่ามนุษย์ในปัจจุปัน ได้ขนตัวอย่างพืชและสัตว์ มาทดลองสร้างสิ่งมีชีวิตไว้บนโลก และตรงที่พระเจ้าได้สร้างต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ไว้บนโลกที่แรกก็คือสวนอีเดน ตามในคำภีร์ไบเบิ้ลกล่าวไว้ ในวิทยาการของมนุษย์ปัจจุบันก็มีการทดลองนำสิ่งมีชีวิตอย่างลิง สุนัข และพืชต่างๆ ส่งยานอวกาศขึ้นไป ทดลองในดวงดาวต่างๆ เช่นดวงจันทร์ ดาวอังคาร มนุษย์เราอาจจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวที่เราเรียกว่าพระเจ้าสร้างขึ้น ก่อนที่จะสร้างมนุษย์ พืชและสัตว์ขึ้นมา ดาวโลกของเรามีสิ่งมีชีวิตอยู่ก่อนแล้วคือไดโนเสาร์ พระเจ้าหรือมนุษย์ต่างดาวกลัวว่าจะเป็นภัยต่อสิ่งที่จะทดลองเลยทำการล้างเผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์ก่อน

5. ในวันสุดท้ายที่พระเจ้าได้สร้างโลก พระเจ้าได้สร้างอดัม มนุษย์คนแรกขึ้นมาตามในคำภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่า อดัมถูกสร้างมาให้คล้ายกับพระเจ้า คิดว่ามนุษย์ต่างดางมีหน้าตาคล้ายๆ กับมนุษย์เรา

6. หลังจากสร้างอดัม มนุษย์ผู้ชายคนแรกขึ้นมา พระเจ้าได้สร้างอีฟขึ้นมาจากกระดูกซี่โครงด้านซ้ายของอดัม ในวิทยาการปัจจุบันมีความสามารถใกล้เคียง คือการโคลนนิ่ง

7. พระเจ้าได้ให้อดัมและอีฟเฝ้าสวนอีเดน และสั่งห้ามไม่ให้กินแอฟเปิ้ล แต่อดัมและอีฟถูกซาตานล่อลวง จึงกินแอปเปิ้ล ทำให้พระเจ้าโกรธและขับไล่อดัมและอีฟออกจากสวนอีเดน สวนอีเดนคือสวนทดลองที่มนุษย์ต่างดาวสร้างขึ้นมา และสร้างอดัมและอีฟขึ้นมาเพื่อจะศึกษาว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นสามารถมีชีวิตอยู่ในบรรยากาศโลกนี้ได้หรือไม่ แต่เกิดเหตุผิดพลาดเพราะบรรยากาศของโลก มนุษย์ไม่สามารถมีอายุยืนยาว ได้เหมือนร่างแม่คือมนุษย์ต่างดาว มีอายุเพียงไม่เกิน 100 ปี และซาตานที่พระเจ้าบอกว่าคือปีศาจร้าย ซาตานที่ว่านี้อาจเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือสัตว์ทดลองที่ผิดพลาดมีนิสัยชั่วร้าย หรือเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาด้วยกัน (มนุษย์เรายังมีทั้งคนดีและไม่ดี) และไม่ถูกกัน เพราะในไบเบิ้ลซาตานคือคู่ปรับของพระเจ้า

8. พระเจ้าหรือมนุษย์ต่างดาวยังมีความห่วงและสนใจต่อมนุษย์ทดลองหรือมนุษย์เรา จึงได้ส่งศาสดาต่างๆ ลงมาเพื่อสั่งสอนศีลธรรมให้คนเป็นคนดี ในคำภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่มีใครมองเห็นพระเจ้าได้ แสดงว่ามนุษย์ต่างดาวจับตามองดูเราอยู่

9. ในไบเบิ้ลตอนที่ศาสดาโมเสส เดินข้ามทะเลแดงได้ร้องขอพระเจ้า (ในเวลาเดินทางตามคำภีร์กล่าวว่ามีไฟส่องสว่างจากบนฟ้านำทางให้โมเสสเดินทาง) และพระเจ้าได้แหวกทะเลเพื่อให้โมเสสได้เดินข้าม ลุกไฟที่คอยนำทางให้โมเสสคือยาน UFO ในตอนที่แหวกทะเลยาน UFO น่าจะยิงอาวุธอะไรลงมา

10. ในไบเบิ้ลตอนศาสดาโมเสสแม้แต่พระเยซูเอง เวลาพบพระเจ้าต้องขึ้นไปที่ภูเขาโดยคนอื่นไม่สามารถขึ้นไปได้ (จำชื่อภูเขาไม่ได้) แสดงว่ายาน UFO ของมนุษย์ต่างดาวหรือพระเจ้านั้น จะลงจอดอยู่ในที่สูงและจะปล่อยรังสีอะไรสักอย่างออกมาเพื่อไม่ให้มนุษย์ขึ้นไป หากใครถูกรังสีนั้นจะต้องตาย พระเยซูและโมเสสขึ้นไปได้เพราะได้รับอนุญาติ

11. ในคำภีร์ไบเบิ้ลเวลาที่พระเจ้าปรากฏตัว อย่างในตอนที่ปรากฏแก่ เปาโล กล่าวว่ามีแสงสว่างล้อมรอบตัวเปาโล ลงมาจากฟากฟ้าเป็นแสงสว่างมากพร้อมด้วยเสียงของพระเจ้า แสงที่ส่องส่งมานั้นมาจากยาน UFO เพื่อใม่ให้เปาโลได้เห็นตัวยานและเสียงที่ถ่ายทอดลงมาจากฟ้าก็คือเสียงที่มนุษย์ต่างดาวส่งโทรจิตลงมาคุย

12. ในไบเบิ้ลพระวิญญาญบริสุทธิ์หรือทูตสวรรค์ที่ปรากฏตัวต่อสาวกหรือแม้แต่พระเยซูมีร่างโปรงใส มีแสงสว่างหน้าตาเหมือนมนุษย์คิดว่านั่นคือมนุษย์ต่างดาว และตัวมนุษย์ต่างดาวเองมีรูปร่างเช่นนี้

13. ในตอนที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ ได้แหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้าและร้องว่า "พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย "และกล่าวคำว่า "สำเร็จแล้ว" หลังจากนั้นจึงสิ้นพระชนม์ วันที่พระองค์สิ้นพระชนม์ท้องฟ้ามืดเหมือนกลางคืนทั้งที่ไม่มีเมฆ เพราะนั้นเป็นเงาของยาน UFO ของพระเจ้าบังแสงของพระอาทิตย์ไว้อยู่และพรางตัวไว้เพื่อไม่ให้ใครเห็น พระเจ้าหรือมนุษย์ต่างดาวได้มองดูจากบนยานอยู่ ดังนั้นพระเยซูจึงร้องเรียก เมื่อพระเยซูสิ้นลมพระเจ้าหรือมนุษย์ต่างดาวจึงโกรธยิงอาวุธใส่วิหารแต่ระงับความโกรธเอาไว้ได้จึงเพียงทำให้ผ้าม่านในวิหารขาด

14. พระเยซูพื้นจากความตาย ศพของพระเยซูถูกเก็บไว้ในอุโมงค์โดยมีก้อนหินขนาดใหญ่ปิดไว้ ในวันที่พระองค์ฟื้นก้อนหินถูกกลิ้งออกจากอุโมงค์ ยาน UFO ได้นำร่างของพระเยซูขึ้นไปทำการรักษาและชุบชีวิตด้วยวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า

15.ในวันที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ได้กล่าวสัญญาว่าเราจะกลับมา สาวกทั้งหลายเห็นพระเยซูลอยขึ้นไปบนทองฟ้า ก็คือ UFO ได้ดูดพระเยซูขึ้นไป

PhuketNov 13 2005, 08:57 PM

ที่มา http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=10876&pid=687655&st=0&#entry687655
<!--IBF.ATTACHMENT_166886--><!-- THE POST -->

 

จินตนาการของมนุษย์เราไม่มีวันสิ้นสุดจริงๆนะครับพี่เกษม...เค้าโยงมาเป็นเรื่องเดียวกันจนได้.. เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวหรือรูปธรรมที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์น่ะมีอยู่เหมือนกัน เป็นไปได้ว่ามีการนำเอาสิ่งมีชีวิตที่พัฒนามาแล้วจากดาวอื่นมาพัฒนาต่อโดยใส่รหัสที่เหมาะสมหรือปรับปรุงระบบสมองเข้าไปจนเกิดเป็นมนุษย์ชุดแรกบนโลกใบนี้ อาจเป็นการช่วยกันสร้างระหว่างรูปธรรมชั้นสูงร่วมกัน..เช่นรูปธรรมจากกลุ่มดาวลูกไก่ (Subaru )..หลายคนเวลามองท้องฟ้ายามกลางคืนมักคิดถึงบ้านเกิดหรือเพื่อนต่างมิติเสมอๆ น่าจะมีที่มาที่ไป มีการวางแผน มีเหตุผลที่ตั้งใจไม่ใช่บังเอิญครับ

 

(ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

สำหรับผม ผมเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ที่มีอภิญญาแก่กล้า ผมเชื่อว่าพระองค์มีจริง เพราะเคยเมตตามาให้ผมเห็น(ในรูปของแสงสว่าง) ตอนผมนั้นอายุประมาณ 18 ปี พระเยซูทรงไปโปรดคนยิวและคนยุโรป แต่เนื่องด้วยธรรมชาติของคนยิวและคนยุโรปมักไม่ค่อยมีความลึกซึ้งในธรรมะเหมือนคนเอเชียแถบบ้านเรา พระองค์จึงเรียกศรัทธาคนโดยใช้อภิญญาบ่อยครั้ง และหากมีเรื่องใดที่ยากต่อการทำความเข้าใจของผู้เชื่อ ก็จะสรุปรวบเลยว่า ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากพระเจ้าสร้างทั้งสิ้น ส่วนใครสร้างพระเจ้านั้น พระเยซูสอนว่าไม่ให้คิด เพราะว่าเกินกว่าสติปัญญาของมนุษย์จะเข้าใจได้ เราจะรู้แจ้งทุกอย่างก็ต่อเมื่อไปอยู่กับพระเจ้าแล้วบนสวรรค์

ความข้ดแย้งของคริสต์กับอิสลาม แท้จริงเกิดขึ้นเพราะการยึดมั่นถือมั่นในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทำให้แตกจากหนึ่งกลายเป็นสอง ถ้ามานั่งดูคัมภีร์กันเขาบอกว่ามีความคล้ายกันมาก "สอนคล้ายกันมาก" แต่ที่ขัดแย้งกันทุกวันนี้เพราะมีคนบางกลุ่ม "สอนผิด" เหมือนดังมีคำพยากรณ์บอกว่า "สมัยกลียุคนั้น จะมีลัทธิสอนผิดมากมาย ระวังให้ดี คนดีๆ จะหลงไป" ซึ่งตอนนี้ก็ปรากฏลัทธิสอนผิดอยู่เกลื่อนเมืองแล้ว ไม่เพียงแค่คริสต์กับอิสลาม ศาสนาพุทธเองก็มีการสอนแบบไม่ตรงตามหลักสูตรพระพุทธศาสนาเช่นกัน อย่าให้ list เลยครับ เดี๋ยวกระทู้จะป่วนซะก่อน เอาเป็นว่ามีเยอะแล้วกันครับ

ย้ำนะครับ ความเห็นส่วนตั๊วส่วนตัวนะครับ
จาก เอ็ม เด็กอนุบาล

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=626 align=center border=0 valign="top"><TBODY><TR><TD class=text5 width=626 bgColor=#414141 height=97>แผ่นดินไหวอินโดนีเซีย 2 ครั้งติด</TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=626 border=0><TBODY><TR><TD width=14 bgColor=#414141></TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=599 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=599><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=5 width=599 border=0><TBODY><TR><TD class=text4>16:02 น.

<DD>เมื่อเวลา 10.36 น. ตามเวลาในไทย สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีวิทยาอินโดนีเซียรายงานว่า ได้เกิดแผ่นดินไหวในทะเล ห่างจากเมืองกูนุงซิโตลีบนเกาะเนียส์ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 147 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้ดิน 60 กิโลเมตร และหลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมงได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งที่ 2 ในใต้ทะเลจังหวัดมาลูกู ทางตะวันออกของประเทศ ห่างจากเมืองอัมบอน เมืองหลวงของ จ.มาลูกู ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 340 กิโลเมตร ลึกไปลงใต้ดิน 125 กิโลเมตร
<DD>โดยการเกิดแผ่นดินไหวทั้ง 2 ครั้ง ไม่มีการประกาศเตือนสึนามิแต่อย่างใด
<DD></DD></TD></TR><TR><TD align=middle>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

จะเปลี่ยนเป็นกระทู้ศาสนาเเล้วเหอๆ

 

องค์กรลับฟรีเมสัน ลัทธิบูชาซาตาน?​

​

เท่าที่หาข้อมูลมา องค์กรนี้ ควบคุมทุกอย่างในโลกเรา และ เกี่ยวข้องกับ นโยบายการจัดระเบียบโลกใหม่ ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 3.6 ล้านคน ซึ่งเป็นผู้นำประเทศ เศรษฐี คนมีชื่อเสียง และเจ้าของกิจการใหญ่ๆ ของโลกแต่ที่ลึกไปกว่านั้น สมาชิกระดับสูงๆ ขึ้นไป จะได้รับการให้เข้าร่วมพิธีกรรมคล้ายๆ ศาสนา แต่มันเกี่ยวกับการ บูชาซาตาน​

Throne for every hearts
11 ธ.ค. 50 เวลา 16:19:58​

เป็นองค์กรที่มีหน้าฉาก เป็นผู้ที่บริจาคเงินให้องค์กรอื่นเพื่อการกุศลครับ ทั้งองค์กรศาสนา และ มูลนิธิทั่วไปเกี่ยวข้องกับ ลัทธิ อิลลูมินาติ ,สคัลล์ แอนด์ โบนส์ และ กลุ่มนายทุนระดับใหญ่ของโลก รวมถึงราชวงศ์ของประเทศต่างๆ และ นักการเมือง ผู้มีอำนาจ ในการยึดถือนโยบายการจัดระเบียบโลกใหม่ ​

คริสเตียนต้องระวังให้ดี อย่าได้เข้าไปยุ่งหรือพัวพันเลยครับ องค์กรนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตรกรรมเจ้านาย และบุคคลผู้มีชื่อเสียงของโลกหลายคน
และที่ได้ยินมาว่า มูลนิธิ ฟอร์ด ได้ให้เงินสนับสนุนการสร้างอาวุธสะกดจิตด้วย คล้ายๆ เลฟท์ บีไฮน์ ไปทุกวันแล้วโลกเรา ​

AAA
15 ธ.ค. 50 เวลา 20:28:22 ​

องค์กรลับเหล่านี้ มีอายุการเป็นมายาวนานมากครับ ถ้าจะย้อนความไป ก็สามารถบอกได้ว่า มีมาตั้งแต่สมัยการสร้างหอบาเบลเลย (ปฐก บทที่11 ได้กล่าวถึงความบาปที่มนุษย์ทำ เพื่อที่จะท้าทายอำนาจของพระเจ้า) จนมาถึงสมัย อียิปต์ ​

พวกนี้จะรวมคนเก่งๆ ที่เป็นการก่อสร้าง โดยจะเก็บรักษาความลับของการก่อสร้างสิ่งมหัศจรรย์ใหญ่ หลายที่ทั่วโลก รวมทั้งการวางผังเมืองของแทบทุกเมืองในโลก ที่ประเทศด้วยครับ ​

สัญลักษณ์ของพวกนี้ คือ รูปพีระมิด ที่เราเห็นในธนบัตรดอลล่าร์ และดวงตา ที่หมายถึงการรู้แจ้ง, ดาวดาวิดก็เป็นสัญลักษณ์ของพวกนี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอิสราเอล มีความหมายเกี่ยวกับไสยศาสตร์ และ ซาตาน และ ไม้ฉากกับวงเวียน ​

พวกนี้อยู่เบื้องหลังการก่อปฎิวัติ ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบบกษัตริย์ เป็นระบบคอมมิวนิสต์และประชาธิปไตย เพื่อจะนำไปสู่การจัดระเบียบโลกใหม่ ตามแนวคิด นิว เวิรล์ด ออเดอร์ ​

มีเรื่องเล่าว่า พวกนี้เข้าแทรกซึมในศาสนจักร มีส่วนในการลอบสังหารพระสันตะปาปาหลายพระองค์ เพื่อจะยึดครองอำนาจยุโรป​

องค์กรระดับโลก อย่าง สหประชาชาติ, ธนาคารโลก, กองทุนระหว่างประเทศอย่างไอ เอ็ม เอฟ พวกฟรีเมสัน ก็อยู่เบื้องหลัง​

ทุกวันนี้ โลกเราทุกคนไม่กี่ตระกูลในกลุ่มนี้ ครอบคลุมอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งเราไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่มีใครหยุดพวกนี้ได้ เพราะพวกเขามีอำนาจเหนือทุกสิ่งไปแล้ว ​

คนที่เข้าไปเป็นสมาชิกนั้น จะได้เลื่อนสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไป ซึ่งมีทั้งหมด 32 ระดับ แต่ละระดับก็จะมีการเปิดเผยความลับออกไปที่ละขั้น และจะมีการเปิดเผย พระเจ้า(ซาตาน) ของพวกเขาด้วย โดยที่จะไม่เปิดเผยการบุคคลระดับล่าง ซึ่ง พระของฟรีเมสัน ชื่อว่า เบเฮโมท หรือ ลูซิเฟอร์ ​

ในประเทศเรา มีสำนักฟรีเมสันอยู่แถวๆ คลองจั่น-บางกะปิ ในหมู่บ้านศรีนคร พวกนี้เข้ามาเมืองไทย ตั้งแต่ ร.4 แต่พึ่งมาก่อตั้งสมาคมใน สมัย ร.6 และมีเบื้องหลังในการช่วย คณะราษฎร์ ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในสมัย ร. 7 ​

ในประเทศไทย มีการทิ้งเครื่องหมาย สัญลักษณ์ของฟรีเมสันหลายแห่ง เช่น ผังเมืองของ เขต บางรัก (เป็นรูปสามเหลี่ยม) และ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (เป็นรูปดวงตา) ถ้ามองจากด้านบน ​

มีตระกูลใหญ่ๆ ในประเทศเราเป็นสมาชิก ครับ สังเกตได้ง่าย ว่า ทุกรัฐบาลในทุกสมัย มีคนไม่กี่ตระกูล ที่หมุนเวียน ผลัดเปลี่ยน กันขึ้นมาบริหารประเทศ ​

คนที่เคยเป็นสมาชิกระดับสูงแล้วลาออกมา ได้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสมาคมพวกนี้ เป้าหมายของพวกนี้ คือ ​

1. ล้มล้างระบอบการปกครองในทุกประเทศ และ ตั้งรัฐบาลโลกขึ้นมาให้มีรัฐบาลเดียว เป็นศูนย์กลาง ในการปกครองทั้งโลก​

2. ล้มล้างศาสนาทุกศาสนา​

3. ล้มล้างระบบครอบครัว​

4. สร้างพระวิหารขึ้นใหม่ใน เยรูซาเล็ม (เกี่ยวข้องกับพวก ไซออนิสต์ และ ลัทธิเที่ยมเท็จโบราณของพวกยิว) ​

นั่นแหละ ... โลกเราเป็นของเล่นของพวกนี้ แต่ในที่สุดพระเยซู จะชนะครับ ​

เก็ท
16 ธ.ค. 50 เวลา 22:13:06​

ที่มา http://www.jaisamarn.org/webboard/question.asp?QID=3725​

หมายเหตุ ท่านที่สนใจจะหาข้อมูลเพิ่มเติม หาอ่านได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ​

http://www.procons.info/index.php?lay=show&ac=article&Id=35696​

 

ขอบคุณสำหรับคำสอนครับ(คุณเกษมกับคุณหนุมาน) ผมอยากรู้ว่าภัยพิบัติมันจะเกิดขึ้นจริงรึแล้วคำทำนายต่างๆเช่น นอสตราดามุส พุทธทำนาย มันเป็นจริงหรือเท็จครับ เพื่อนผมมันบอกว่าเขาได้รับคำพยากรณ์จากหลวงพ่อพระราชพรหมยานว่าเป็นบุคคลในคำทำนายของนอสตราดามุสเขาเป็นของจริงหรือของปลอมเพราะเขาต้องการล้มล้างการปกครองโดยมี King เป็นประมุข
เขาบอกว่าคำทำนายต่างๆๆเข้าตัวเขาทั้งหมดครับ
เขายึดแนวตามแนวทางของ ส.....เป็นนักคิด นักปราดฉลาดมากผมไม่รู้ว่าของใครถูกหรือผิด
แล้วในข้อเขียนของคุณหนุมานผมอ่านเจอในพลังจิตนี้แหละครับเกี่ยวกับพระยาธรรมิกราชกับพระเถระสององค์มันน่าจะเป็นในสมัย ร.4 นะครับแล้วก็มีสมเด็จกรมวชิรณานอะไรนี้ครับเขียนไม่ถูก กับสมเด็จโตนะครับ
ผมว่าเขียนไปในทางเดียวกันดีกว่านะครับเอาความจริงมาบอกกันไม่ใช่จับแพะชนแกะ จับคนมาชนกันมันจะงงมากยิ่งขึ้นครับผิดถูกขออภัยเพราะไม่รู้ครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=930 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=625><!-- Start Detail -->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=615 border=0><TBODY><TR><TD class=default13 vAlign=top>น้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบเดือนภายหลังการเสียชีวิตของบุตโต
สิงคโปร์ 28 ธ.ค.- นักค้าน้ำมัน กล่าวว่า ราคาน้ำมันโลกปรับเพิ่มไปที่ 97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียวันนี้ นับเป็นระดับสูงสุดในรอบเดือน ภายหลังนางเบนาซีร์ บุตโต แกนนำฝ่ายค้าน ถูกคนร้ายสังหารระหว่างหาเสียงเลือกตั้งที่ปากีสถานเมื่อวานนี้
ในการซื้อขายน้ำมันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ขยับเพิ่ม 22 เซนต์ ไปอยู่ที่ 96.84 ดอลลาร์สหรัฐ หลังปิดตลาดปรับขึ้น 65 เซนต์ ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ทะยาน 84 เซนต์ ไปอยู่ที่ 94.78 ดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราะห์ กล่าวว่า การที่ความตึงเครียดทางการเมืองในปากีสถานรุนแรงขึ้น ยิ่งผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดทะยานขึ้นตามไปด้วย และการเสียชีวิตของนางบุตโตยิ่งเท่ากับเน้นย้ำถึงความรุนแรงในระดับภูมิศาสตร์การเมือง แม้ว่าพื้นที่นี้จะไม่ได้เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ แต่ก็มีความสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อด้านภูมิรัฐศาสตร์ได้ .-สำนักข่าวไทย
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=930 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=625><!-- Start Detail -->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=615 border=0><TBODY><TR><TD class=default13 vAlign=top>เกิดแผ่นดินไหวปานกลาง 2 ระลอกที่อินโดนีเซีย
จาการ์ตา 30 ธ.ค. – เกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.5 ริกเตอร์ สองระลอกทางตะวันออกและตะวันตกของอินโดนีเซีย แต่ไม่มีรายงานคลื่นสึนามิตามมา
แผ่นดินไหวระลอกแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.36 น. ในทะเลห่างจากเมืองกุนุงสิโตลีบนเกาะเนียสทางชายฝั่งตะวันตกของเกาะชวาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 147 กิโลเมตร และมีศูนย์กลางลึกลงไปจากผิวโลก 60 กิโลเมตร ถัดมาประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงเกิดแผ่นดินไหวระลอกที่สองที่จังหวัดโมลุกกะทางตะวันออก ห่างจากเมืองอัมบอนเมืองเอกของจังหวัดไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 340 กิโลเมตร โดยมีศูนย์กลางลึกลงไป 125 กิโลเมตร

ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์แถลงว่า แผ่นดินไหวทั้งสองระลอกไม่ได้ทำให้เกิดคลื่นสึนามิ และเบื้องต้นยังไม่มีรายงานทรัพย์สินเสียหาย. -สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2007-12-30 14:14:37 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ซากมนุษย์ต่างดาวที่พบในนิวแม็กซิโก สหรัฐอเริกา หลังจากที่ทหารได้ลำเลียง
ศพมนุษย์ต่างดาวไปเก็บ ไว้ภายในตึกลับในสนามบินกองทับทหารอากาศ แหล่ง
ข้อมูลหลายแห่งเปิดเผยว่า ทางการทหารมีศพ มนุษย์ต่างดาวอาจจะถึง สามศพ
นำไป โรงพยาบาลเพื่อผ่าศพพิสูจน์

​

เกลนน์ เดนนิส รู้จักผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าศพมนุษย์ต่างดาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็น
พยาบาลอยู่ที่นั่น เธอได้เล่าว่า ในวันที่มีการผ่าศพมนุษย์ต่างดาว เธอลงเวร
ขณะที่เดินไป ภายในห้องปฎิบัติการใกล้กับห้องโถง เพื่อจะหยิบเอาสิ่งของบางอย่าง
ทันที่เปิดประตูเข้าไป ได้พบแพทย์ชายสองคน คนหนึ่งคือนาวาอากาศเอกนายแพทย์
สแตนฟอร์ด โฟลน ได้บอกให้เธอหยุดและขอให้เธอช่วย เธอเดินตามไปในห้อง จำได้ว่า
กลิ่นน้ำยาฉุนมาก สิ่งที่เห็นคือ แพทย์ทั้งสองคน กำลังผ่าศพมนุษย์ต่างดาวสามศพ
อีกคนคือนายแพทย์เจซซ์ จอห์นสัน จูเนียร์ ได้เคยเห็นภาพ สไลด์การผ่าศพมนุษย์ต่างด่าว
ในระหว่างการประชุม
ส่วน เลน สตริงฟิลด์ เล่าว่า แพทย์หลายคนที่เคยเห็นศพมนุษย์ต่างดาว
พวกเขาเล่าว่า ศพทั่งสาม สูงราวสามฟุตครึ่ง มีน้ำหนักประมาณ สี่สิบปอนด์ ​

​

ศีรษะใหญ่กว่ามนุษย์โลกมาก ดวงตากลมสองดวงคล้ายตาของชาวเอเซียหรือ
พวกมองโกลอยด์ ลึกและใหญ่มาก จมูกมีสันชัดเจนปากบางเฉียบ ไม่มีฟัน
ผิวเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือเทาอมชมพู มีเกล็ดเล็ก ๆ ขรุขระไม่มีกล้ามเนื้อเป็นริ้ว
บนศีรษะไมม่มีเส้นผม แต่มีขนบาง ๆ ลำคอเล็ก แขนยาวมาก ในร่างกายม
ีของเหลวไม่มีสี ไม่มีเม็ดเลือดแดง ไม่มีเซลล์น้ำเหลืองหรือเม็ดเลือดขาว
ไม่มีตัวนำออกซิเจน ไม่มีช่องกลืนอาหารไม่มีระบบย่อย ​

​

ภาพมนุษย์ต่างดาวที่ถูกเผยแพร่ ตรงกับคำให้การของผู้พบเห็นหลาย ๆ ท่าน
ที่ถูกผ่าพิสูจน์ จริงหรือไม่.....และคุณเชื่อหรือไม่ !

http://www.geocities.com/welcome2pjcool/mystery/atlantis.html​

 

หลังปี 2012 - สู่มิติที่ห้า

1 เมษายน 2544 กองบรรณาธิการ
ระยะหลังๆ นี้ เขียนเรื่องของวิสัยทัศน์ ของคนและกระบวน ทัศน์ทางสังคมซ้ำซาก บ่อยครั้งไปสักหน่อย นั่นคือเรื่องของสังคม โดยรวมที่กำลังเปลี่ยนแปลง ไปอย่างรวดเร็ว




<DD>ในประเทศอุตสาหกรรม ทางตะวันตก ที่หลายๆ คนชอบเรียกว่าเป็นประเทศ ในโลกที่หนึ่ง อย่างที่อเมริกานั้น ดังที่เคยเอามาเล่าถึงงานวิจัยของ พอล เรย์ ที่พบว่า ในปี 1995 มีชาวอเมริกันที่เป็นกลุ่มซีซี (cultural creatives) กลุ่มที่มีการเปลี่ยนย้าย กระบวนทัศน์แล้วประมาณ 44 ล้านคน แต่การสำรวจโดย พอล เรย์ และเชอร์รี แอนเดอร์สัน ในห้าปีต่อมา พบว่าจำนวนได้เพิ่ม เป็นมากกว่า 50 ล้านคน หรือร่วม 30 เปอร์เซ็นต์ของคนอเมริกัน ที่เป็นผู้ใหญ่ เพราะไม่ต้องการให้คนไทยตกข่าว หรือตกรถถูกลอยคอเดียวดาย อยู่กับกลุ่มล้าหลัง ของสังคมโลก ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง นำรูปแบบหรือข้อมูล ของการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่เกิดเป็นรายการประจำวัน มาเสนอให้ติดตามกัน ทัศน์ของมนุษย์ และสังคมต่อโลก และความจริงนั้น ได้เปลี่ยนแปลงไปมากและเร็วจริงๆ โดยเป็นทางด้านบวก และด้านจิตวิญญาณอันเป็น ผลพวงจากการมองโลก และความจริงของมนุษย์ ได้อย่างรอบด้าน และล้ำลึก แทนที่จะมองอย่างแคบลึก และแยกแบ่งแต่เพียงเฉพาะทางด้าน ของกายภาพแต่ประการเดียว เช่นเมื่อไม่กี่ทศวรรษก่อนหน้ามานี้



<DD>จะเห็นได้ว่า ผู้เขียนได้นำเสนอรูปแบบหรือทัศน์ที่อยู่เบื้องหลัง และที่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงจากมุมมองหรือความคิดเห็นของนักคิดนักวิทยา ศาสตร์ในสาขาวิชาต่างๆ ไปตามความถนัดของแต่ละท่านนั้นๆ ไม่ว่ามุม มองหรือสาเหตุจะเกิดจากสภาพความล่มสลายหายนะของสิ่งแวดล้อมที่ มากระทบตัว หรือเป็นการสำนึกจากการสะท้อนจากภายใน หรือว่าเป็น วัฏจักรของจักรวาลที่ต้องเป็นไปเช่นนั้นตามทฤษฎีเคออส หรือกฎความไร้ ระเบียบของธรรมชาติ ดังที่เขียนจากมุมมองของนักจักรวาลวิทยาที่มีชื่อเสียง เช่น ไบรอัน สวิมม์ ที่มองจากบนลงมาหาล่าง จากหนึ่งสู่ความหลาก หลาย สรรพสิ่งทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงกันอย่างแยกจากกันไม่ได้ อันตรงกัน ข้ามกับความจริงที่ยอมรับกัน ตามที่นักวิทยาศาสตร์กายภาพมองจากล่างไป หาบน อันเป็นการมองทุกอย่างบนหลักการแยกส่วน หรือที่ผู้เขียนนำเสนอ ความคิดเห็นของ พอล แฮร์ลิช นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่แม้ว่าจะเป็น ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เชื่อว่าสรรพธรรมชาติเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน การทำลายธรรมชาติคือการทำลายตัวเอง ซึ่งในอดีตเราเพียงแต่ทำอย่างนั้น อย่างเดียวแบบไร้สติตราบปัจจุบัน เช่นเดียวกันที่นำเสนอมุมมองของ เจมส์ เลิฟล็อค นักชีวเคมีชาวอังกฤษเจ้าของทฤษฎีไกย่า หรือกาย่า ที่บอกว่าโลกคือสิ่งมีชีวิตหรือองค์กรชีวิตที่กำลังป่วยหนัก เจมส์ เลิฟล็อค พูดประกาศเมื่อกลางปี 1989 ว่า การป่วยเจ็บของโลกจะแสดงออกด้วย ความล่มสลายของสังคมมนุษย์ โดยกล่าวว่า

 

เเล้วตอนนนี้คาดกันว่า จะเกิดตามคำทำนายประมาณเดือนอะไรหรอครับ

 

การทำนายและข้อมูลทั้งหมดที่คุณเทวตาได้มามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภัยอย่างมาก<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_892061", true); </SCRIPT>

 

ผมว่าคุณ doodee1 จะไปเหมารวมหมดว่าเป็นเรื่องจับแพะชนแกะ มันก็ไม่ถูกนะครับ เพราะเรื่องการหยั่งรู้อนาคตให้ถูกต้อง 100% นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่สามารถเห็นอนาคตท่านนั้น มีญาณทัศนะสูงส่งระดับไหน? ผมจึงขออนุญาตนำคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ท่านได้กล่าวถึงเรื่องการหยั่งรู้อดีตและอนาคต ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรดังนี้ครับ

อภิญญามีสภาพไม่เหมือนกัน​

เรื่องของอภิญญา คนส่วนใหญ่เมื่อฟังว่าอภิญญาแล้วก็มักจะคิดว่าท่านที่ได้อภิญญาจะต้องมีความรู้แจ่มใสเหมือนพระพุทธเจ้าเสียทุกอย่าง เป็นการเข้าใจผิดถนัด พระพุทธเจ้าทรงเป็น สัพพัญญู คือมีบารมีเป็นจอมอรหันต์ ย่อมทรงอภิญญาดีเลิศเป็นพิเศษ สำหรับพระสาวกที่ได้มีกำลังไม่เท่ากัน และไม่มีทางจะไปเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้เลย จะเปรียบให้ฟังเอาเพียงทิพย์จักขุญาณอย่างเดียว อย่างอื่นให้เข้าใจว่าเหมือนกัน​

1. ทิพจักขุญาณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสว่างคล้ายพระอาทิตย์ส่งแสงจัด ไม่มีเมฆบัง ไม่มีเผลอ ไม่มีพลาดในการเห็น

2. ของพระปัจเจกพุทธเจ้า มีความสว่างเหมือนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง มองเห็นคนกลางคืนเมื่อเดือนหงายมีสภาพอย่างไร ต่างกับกลางวันอย่างไร พิสูจน์เอาเอง

3. พระอัครสาวกทั้งสอง มีความสว่างเหมือนแสงตะเกียงดวงใหญ่

4. ของพระอรหันต์สาวก สว่างเหมือนแสงตะเกียงดวงน้อย

5. ของท่านที่ได้ฌานโลกีย์ สว่างเหมือนอากาศเมื่อพระอาทิตย์ลับแล้ว กำลังมัวตามองดูอะไรก็ไม่เห็นถนัดนัก​

ข้อเปรียบเทียบนี้ยังไม่ละเอียดพอ แต่เกรงว่าลูกหลานจะเบื่อฟัง เอามาเปรียบเทียบเพียงย่อๆ ท่านที่ได้ฌานและอภิญญาไม่ใช่รู้อะไรหมด ยิ่งเป็นฌานโลกีย์ด้วยแล้วยิ่งมีจังหวะพลาดง่ายเหลือเกิน เพราะมีอุปาทานมาก ต้องระวังให้มาก ถ้าไม่ประมาทคิดว่าตัวดีไม่เป็นไร ถ้าประมาทเมื่อไรเจ๊งเมื่อนั้น สำหรับพระอริยะท่านรู้ว่าท่านไม่ดีเสมอ ไม่มีความประมาท เรื่องเจ๊งไม่มี ทีนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องที่เล่ามาแล้ว ที่ฉันบอกเห็นอะไร ไปไหน คิดอะไร แล้วหลวงพ่อปานรู้เรื่องที่บอกมา ไม่ใช่ฉันอวดตัวฉัน ที่บอกก็เพื่อให้ทราบว่าหลวงพ่อปานท่านรู้อภิญญา ที่เราเรียกว่าทิพจักขุญาณ แต่ที่แท้แล้วญาณต่างๆ ของอภิญญามีชื่อหลายอย่าง ​

​

(หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท)
หน้า 45-46​

<!-- / message --><!-- sig -->
ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=81317

หมายเหตุ

อภิญญา คือการได้ฤทธิ์วิสัยที่เหนือมนุษย์ อันมาจากการฝึกจิตด้วยสมถกรรมฐาน หรือฌาน

1.ตาทิพย์ เห็นทุกอย่างทั้งอดีตและอนาคต แม้กระทั่งเทวดา
2.หูทิพย์ ได้ยินทุกเสียงที่จิตน้อมไป
3.ทายใจผู้อื่นได้
4.ระลึกชาติได้ (โยคีนอกศาสนาพทธจะสามารถระลึกได้เพียง 40 กัปป์ แต่ในศาสนาพุทธทำได้เป็นแสนกัปป์ ส่วนของพระพุทธเจ้าท่านได้ไม่มีจำกัด)
5.ทำปาฏิหารย์ เช่น เดินบนน้ำ ดำดิน เหาะ หายตัว
6.ทำกิเลสให้สิ้นไป จัดว่าเป็นฤทธิ์ชั้นพิเศษ ที่บุคคลผู้ศรัทธาและปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะทำได้

ที่มา http://www.budpage.com/budboard/show_content.pl?b=1&t=4396

 

ถ้าเข้าใจนิพพาน ก็เข้าใจพระเจ้า