ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เลือกตั้งกับแผ่นดินไหว .... อันไหนจะดังกว่ากัน - -*

 

แต่ผลลัพท์อาจจะคล้ายกัน

 

แต่ผลลัพท์อาจจะคล้ายกัน

หาจุดลงตัวไม่ได้และประชาชนจะแบ่งเป็นสองฝ่าย ประหัตประหารกัน ลุกลามไปทั่ว สุดท้ายพระแม่ธรณีก็...

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=626 align=center border=0 valign="top"><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=626 border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD></TD><TD></TD><TD class=text3 align=right width=319> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text5 width=626 bgColor=#414141 height=97> พายุหิมะถล่มแถบมิดเวสต์ทำรถชนกันกว่า80คัน</TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=626 border=0><TBODY><TR><TD width=14 bgColor=#414141></TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=599 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=599><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=5 width=599 border=0><TBODY><TR><TD class=text4>08:55 น.

<DD>พายุหิมะรุนแรงที่พัดกระหน่ำทั่วพื้นที่แถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯเมื่อวันเสาร์ ทำให้ทัศนวิสัยลดเหลือใกล้ศูนย์ในหลายพื้นที่ มีรถชนกันเป็นจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ต้องปิดทางหลวงหลายสาย
<DD>มีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุรถชนกัน 80 คัน บนถนนอินเตอร์สเตท 41 ในเมืองอามาริลโล รัฐเท็กซัส จนต้องปิดถนนเกือบทั้งวัน ส่วนทางเหนือของรัฐแคนซัส มีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุรถชนกันบนถนนอินเตอร์สเตทสาย 70 ทำให้ต้องปิดถนน ,ที่รัฐมิสซูรี่ รถชนกัน 20-40 คัน จนต้องปิดถนนไอ-29 ที่เชื่อมกับรัฐไอโอว่า และที่รัฐโอกลาโฮม่า มีรถยนต์ลื่นตกถนนหรือชนกัน 15-20 คัน รวมทั้งเหตุรถชนกัน 6 คัน ซึ่งรวมทั้งรถพยาบาลที่กำลังขนผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุอีกรายหนึ่งไปโรงพยาบาล </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width=700 border=0><TBODY><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC][/FONT]
[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC][/FONT]
[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]ดาวดึงสาภูมิ หมายถึง ภูมิอันเป็นที่เกิดของบุคคล ๓๓ คน ที่ได้สร้างกุศลไว้ในอดีต เป็น “สหบุญญการี” ที่มี มาฆมานพ เป็นหัวหน้า เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดเป็นพระอินทร์ พร้อมบริวารอีก ๓๒ รวม เป็น ๓๓ เป็นเทวดาชั้นผู้ใหญ่ในชั้นดาวดึงส์ ดาวดึงสาภูมินี้ เป็นผืนแผ่นดินผืนแรก ที่เกิดขึ้นในโลก หลังจากโลกนี้ถูกทำลายด้วยน้ำ เมื่อน้ำงวดลงแผ่นดินผืนแรก ที่โผล่ขึ้นก่อนแผ่นดินอื่น ๆ ก็คือ ยอดเขาสิเนรุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ นี้เอง[/FONT]
</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff height=60>

​

</TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] เทวดาที่อยู่บนชั้นดาวดึงส์มีอยู่ ๒ จำพวก คือ[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="94%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]๑. ภุมมัฏฐเทวดา (เทวดาที่อยู่บนพื้นดิน)[/FONT]</TD><TD vAlign=top>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]ได้แก่ พระอินทร์และเทวดาผู้ใหญ่ ๓๒ องค์
พร้อมทั้งบริวาร และ เทวอสุรา ๕ จำพวก ที่อยู่ใต้ เขาสิเนรุด้วย[/FONT]</TD></TR><TR bgColor=#f6f6f6><TD vAlign=top>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]๒. อากาสัฏฐเทวดา (เทวดาที่อยู่ในอากาศ)[/FONT]</TD><TD vAlign=top>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]ได้แก่ เทวดาที่มีวิมานลอยไปในกลางอากาศ ตั้งแต่เหนือพื้นดินยอดเขาสิเนรุ ไปจดขอบจักรวาล บางวิมานก็มีเทวดาอยู่ บางวิมานก็ไม่มีเทวดาอยู่[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff height=60>

​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] จักรวาลหนึ่ง ๆ วัดโดยรอบได้ ๓,๖๑๐,๓๕๐ โยชน์ ส่วนที่เป็น พื้นดิน หนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ โดยมี พื้นน้ำ รองรับหนา ๘๔๐,๐๐๐ โยชน์ น้ำนี้ตั้งอยู่บน ลม ซึ่งมีความหนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] เขาสิเนรุ เป็นภูเขาสูงสุดตั้งอยู่ท่ามกลางจักรวาล หยั่งลงสู่ห้วงน้ำ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ และสูงขึ้นไปในอากาศ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ยอดเขาสิเนรุมีลักษณะกลม มีเทือกเขา ๗ เทือก ล้อมรอบอยู่ คือ[/FONT]</TD></TR><TR><TD>

(ภาพสมมุติ)​

</TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>

[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ๑.ยุคันธร ๒.อีสินธร ๓.กรวิก ๔.สุทัสสนะ ๕.เนมินทร
๖.วินัตตถะ ๗.อัสสกรรณ ซึ่งเป็นภูเขาทิพย์ [/FONT]​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] แผ่นดินชั้นดาวดึงส์ ตั้งอยู่บนยอดเขาสิเนรุนี้ มีลักษณะกลม กว้าง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ สุทัสสนะนคร ซึ่งเป็นนครของพระอินทร์ กว้าง ๑๐๐ โยชน์ มี กำแพง ล้อมรอบ ๔ ชั้น มี ประตู ด้านละ ๒๕๐ ประตู รวม ทั้ง ๔ ด้าน มีประตู ๑,๐๐๐ ประตู [/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ในสุทัสสนะนครนี้ มี ปราสาทเวชยันต์ ที่เป็นที่อยู่ของท้าวสักกะ (พระอินทร์) ทิศใต้ของนครมีสวนดอกไม้ชื่อ นันทวัน กว้าง ๑๐๐ โยชน์ ในสวนมีสระโบกขรณี ๒ สระ คือ มหานันทา และจุฬนันทา ขอบสระและรอบ ๆ บริเวณสระปูลาดด้วยแผ่นศิลา เป็นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ[/FONT]</TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ทิศตะวันตก ของสุทัสสนะนคร มีสวนชื่อ จิตรลดา กว้าง ๕๐๐ โยชน์ มีสระโบกขรณี ๒ แห่ง คือ วิจิตรา และ จุฬจิตรา [/FONT]</TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ทิศเหนือ ของสุทัสสนะนคร มีสวนชื่อ มิสสกวัน กว้าง ๕๐๐ โยชน์ มีสระโบกขรณี ๒ แห่ง คือ ธัมมา และ สุธัมมา[/FONT]</TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ทิศใต้ มีสวนชื่อ ผารุสกวัน กว้าง ๗๐๐ โยชน์ มีสระโบกขรณี ๒ แห่ง คือ ภัทรา และ สุภัทรา สวนทั้ง ๔ แห่งเหล่านี้ เป็นรมณียสถาน สำหรับพักผ่อนรื่นเริงของเทวดาในชั้นดาวดึงส์[/FONT]</TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของสุทัสสนะนคร มีสวนอีก ๒ แห่ง คือ สวน ปุณฑริกะ และมหาวัน ที่สวนปุณฑริกะมี ต้นปาริชาติ สูง ๑๐๐ โยชน์ แผ่กิ่งก้านสาขาออกไป ๕๐ โยชน์ เมื่อคราวออกดอกจะส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปไกล ๑๐๐ โยชน์ ที่ใต้ต้นปาริชาติมีแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ กว้าง ๕๐ โยชน์ ยาว ๖๐ โยชน์ หนา ๑๕ โยชน์ มีสีแดงเหมือนดอกชบา ยุบได้เวลานั่ง ฟูขึ้นเมื่อเวลายืนขึ้น หน้าแท่นศิลานี้มีศาลาฟังธรรม ชื่อว่า ศาลาสุธัมมา มีเจดีย์มรกต คือ จุฬามณี สูง ๑๐๐ โยชน์ ซึ่งบรรจุพระเขี้ยวแก้วข้างขวา ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระเกศา ี่ทรงตัดไว้ในตอนเสด็จออกบรรพชา [/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] สวนมหาวัน เป็นที่ประทับสำราญพระอิริยาบถของ ท้าวสักกะเทวราช (พระอินทร์) มีสระโบกขรณี สุนันทา กว้าง ๔ โยชน์ และมีวิมานรายล้อมอยู่ ๑,๐๐๐ วิมาน[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width=700 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD width="79%">

[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]ชีวิตความเป็นอยู่ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ [/FONT]​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ความเป็นอยู่ของเทวดาในชั้นดาวดึงส์ ล้วนแต่เป็นผู้เสวยทิพยสมบัติจากผลบุญ ที่ได้กระทำไว้ อารมณ์ ที่ได้รับในชั้นดาวดึงส์ จึงล้วนแต่เป็นอารมณ์ที่ดีเลิศ เทพบุตร จะมีวัย ๒๐ ปี ส่วน เทพธิดา มีวัย ๑๖ ปี เหมือนกันทุก ๆ องค์ ไม่มีการแก่ เจ็บ ตาย ให้ปรากฏเห็น มีแต่ความสวยงาม เป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ตลอดไปจนกระทั่งตาย[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] เทวดาในเทวโลกนี้ เกิดขึ้นโดยโอปปาติกกำเนิด คือ โตทันที มีอวัยวะครบบริบูรณ์ ถ้าจะเกิดเป็น บุตรเป็นธิดา ก็จะเกิดขึ้น ในตัก ถ้าจะเกิดเป็น บาทบริจาริกา (ภรรยา) จะไปเกิดใน ที่นอน ถ้าเกิดเป็นเทวดา ผู้รับใช้ ก็จะเกิด ภายในวิมาน[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] เมื่อ เทวดาเกิด ขึ้น ในวิมาน ของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งแล้ว ก็จะต้องเป็นบริวารของเจ้าของวิมานนั้น ๆ โดยเทวดาอื่นจะมาแย่งชิงไปไม่ได้ ถ้าเกิดระหว่างแดนวิมานต่อวิมาน ก็ต้องดูว่าใกล้เคียงกับวิมานขององค์ใด ก็จะเป็นบริวารของเจ้าของวิมานนั้น ถ้าเกิดระหว่างกลางวิมานต่อวิมาน ถ้าหันหน้าไปทางวิมานใด ก็ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของวิมานนั้น ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็จะพากันไปให้พระอินทร์เป็นผู้พิจารณา ถ้าผู้เกิดมาไม่หันหน้าไปทางวิมานใด ก็ต้องตกเป็นบริวารของพระอินทร์ไป [/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] เทพบุตรองค์หนึ่ง ๆ อาจจะมีนางฟ้าเป็นบาทบริจาริกา (ภรรยา) ๕๐๐ ถึง ๑,๐๐ หรือมากกว่าขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ตนได้ทำไว้ และเทวดาจำนวนมาก ที่ไม่มีวิมานเป็นของตนเอง บางทีก็เกิดความวุ่นวายทะเลาะวิวาท มีการพิพากษาตัดสินกันเหมือนกับมนุษยโลกของเรานี้[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ความเป็นอยู่ของเทวดาในเทวโลกนี้ ก็เป็นไปเช่นเดียวกับมนุษยโลก มีการไปมาหาสู่ เบียดเบียนกัน มีนักดนตรี นักร้อง เทพบุตร เทพธิดา มีความรักใคร่ปรารถนาเป็นคู่ครองกัน หากขาดคู่ครอง ก็ย่อมจะเกิดความเบื่อหน่าย ในความเป็นอยู่ของตน ไม่เบิกบานรื่นเริงเหมือนเทวดาที่มีคู่ครอง เทวดาในชั้นดาวดึงส์ ทั้งหลาย ต่างก็ไปหาความสุขสำราญในสวนทั้ง ๔ แห่ง พร้อมด้วยบริวารของตน ๆ อย่างสำเริงสำราญ[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ในเทวภูมิ ชั้นดาวดึงส์มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง และเป็นเทวโลกที่มีความเกี่ยวพันกับ พระพุทธศาสนาอยู่มาก โดยเฉพาะพระอินทร์ หรือท้าวสักกะเทวราชซึ่งได้เกื้อหนุนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชาติสุดท้าย ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นพระเวสสันดร และยังได้ตักบาตรแก่ พระมหากัสสปเถระที่ออกจากนิโรธสมาบัติด้วย เป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรมที่ให้ผลในทันที ทำให้รัศมีกายและวิมานที่เคยรุ่งโรจน์แจ่มจรัสน้อยนั้น กลับสวยงามเจิดจ้าขึ้นมาในทันที[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width=700 border=0><TBODY><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] สถานที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา อัน เป็นพุทธศาสนสถานที่สำคัญของเทวโลก คือ[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff height=60>

​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ศาลาสุธัมมา เป็นสถานที่ฟังธรรมในเทวโลก บรรดาเทวดาทั้งหลาย จะมาประชุมกันเพื่อฟังธรรม โดยมีท้าวสักกะเทวราช องค์อมรินทร์เป็นประธาน ศาลาสุธัมมานี้ ประกอบด้วยรัตนะ ๗ สูง ๕๐๐ โยชน์ วัดโดยรอบได้ ๑,๒๐๐ โยชน์ พื้นประกอบด้วยแก้วผลึก เสาเป็นทอง เครื่องบนคือ ขื่อ คาน ระแนง เป็นต้นทำด้วยรัตนะทั้ง ๗ หลังคามุงด้วยอินทนิล เพดาน เสา ประกอบเป็นแก้วระพาฬ ลวดลายต่าง ๆ ช่อฟ้า ใบระกา ทำด้วยเงิน[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ภายในศาลา ตรงกลางเป็นที่ตั้งธรรมาสน์สูง ๑ โยชน์ ทำด้วยรัตนะทั้ง ๗ ปกกั้นด้วยเศวตฉัตรสูง ๓ โยชน์ ข้างธรรมาสน์ เป็นที่ประทับของท้าวโกสีย์เทวราช ถัดไปเป็นที่ประทับของเทวดาผู้ใหญ่ ๓๒ องค์และเทวดาอื่น ๆ [/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ศาลาสุธัมมานี้ ตั้งอยู่ข้าง ต้นปาริฉัตร ซึ่งออกดอกปีละครั้ง เมื่อเวลาใกล้จะผลิดอก ใบปาริฉัตรจะมีสีนวล เวลานั้นเหล่าเทวดา จะมีความยินดีปรีดา ว่าอีกไม่ช้าจะได้เห็นดอกออกสะพรั่ง ฉายสีแดง เป็นรัศมีแผ่ไปในปริมณฑลประมาณ ๕๐๐ โยชน์ ส่งกลิ่นหอมไปตามลมได้ไกล ๑๐๐ โยชน์ [/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ดอกปาริฉัตรนี้ เมื่อต้อง ลมกันตนะ จะหล่นลงมาเอง ไม่ต้องสอยและมี
ลมสัมปฏิจฉนะ รองรับดอกไม้ไม่ให้ร่วงหล่นลงสู่พื้นดินได้
ลมปเวสนะ ทำหน้าที่พัดพาเอาดอกเก่าที่เหี่ยวเฉาออกไป
ลมสันถกะ ก็จะพัดจัดระเบียบเรียบร้อย มิให้ไปกองรวมกัน[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] การฟังธรรมในศาลาสุธัมมานี้ เมื่อถึงเวลาที่จะมาประชุมฟังธรรม ท้าวสักกะอมรินทร์ ก็จะทรงเป่า สังข์วิชยุตตระ ซึ่งยาว ๑๒๐ ศอก ดังก้องกังวานทั่วไปทั้งภายในและภายนอกพระนครสุทัสสนะ เสียงสังข์ที่เป่าครั้งหนึ่งจะดังปรากฏอยู่นานถึง ๔ เดือนมนุษย์[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] เทพบุตร เทพธิดาทั้งหลายในชั้นดาวดึงส์ เมื่อได้ยินเสียงสังข์ ต่างก็พากันมาสู่ศาลาสุธัมมา รัศมีจากร่างกาย และแสงจากเครื่องประดับของเทวดาทั้งหลาย ก็สว่างไสวไปทั่วศาลา ท้าวสักกะเทวราช เมื่อเป่าสังข์แล้วก็เสด็จจากปราสาทเวชยันต์ พร้อมด้วยมเหสีทั้ง ๔ องค์ ทรงขึ้น ช้างเอราวัณ มีเทพยดาห้อมล้อมตามเสด็จ ไปสู่ศาลาสุธัมมา ประมาณ ๓ โกฏิ ๖ ล้านองค์[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] สุนังกุมารพรหม เสด็จจากพรหมโลกมาแสดงธรรมเป็นประจำ แต่บางครั้งท้าวอมรินทร์ก็ทรงแสดงเอง หรือบางทีเทพบุตรผู้มีความรู้ธรรมะดีก็จะเป็นผู้แสดง[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ศาลาสุธัมมานี้ แม้ในเทวภูมิเบื้องบนอีก ๔ คือ ยามา ดุสิต นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัตดี ก็มี ศาลาสุธัมมา เช่นเดียวกัน[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์กับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้ว ๑๐๐ ปี ในมนุษย์เท่ากับ ๑ วัน ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff height=60>

​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>

[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ในทานสูตร กล่าวไว้ว่า ถ้าผู้ใดทำทานโดยไม่หวังผลบุญของการทำทาน แต่ทำทานโดยคิดว่าการทำทานนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม เมื่อตายลงย่อมไปบังเกิดในสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์[/FONT]​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ตัวอย่างของผู้ไปเกิดในชั้นดาวดึงส์ คือ มาฆมานพ พร้อมด้วยสหาย ๓๒ คน ขณะที่เป็นมนุษย์ ได้ช่วยกันทำถนนหนทาง ทางเดินที่ไม่สะดวก ให้สัญจรไปมาได้สะดวก ขุดบ่อน้ำ ที่พักคนเดินทาง เคารพนอบน้อมในผู้ใหญ่ บำรุงเลี้ยงบิดามารดา เมื่อสิ้นชีวิต จึงได้ไปบังเกิดเป็นพระอินทร์ ในชั้นดาวดึงส์สถาน พร้อมด้วยบริการดังกล่าวแล้ว[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff height=60>

​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ได้แก่สวนสวรรค์ซึ่งเป็นอุทยานทิพย์ที่มีชื่อเสียง ๔ อุทยานด้วยกัน คือ[/FONT]</TD></TR><TR><TD>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="96%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD width="35%">[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]๑. นันทวันอุทยานทิพย์ [/FONT]</TD><TD width="65%">[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]ตั้งอยู่ในด้านทิศตะวันออก แห่งดาวดึงส์แดนสวรรค์[/FONT]</TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]๒. จิตรลดาวันอุทยานทิพย์ [/FONT]</TD><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]ตั้งอยู่ในด้านทิศตะวันตก แห่งดาวดึงส์แดนสวรรค์[/FONT]</TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]๓. มิสกวันอุทยานทิพย์ [/FONT]</TD><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]ตั้งอยู่ในด้านทิศเหนือ แห่งดาวดึงส์แดนสวรรค์[/FONT]</TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]๔. ปารุสกวันอุทยานทิพย์ [/FONT]</TD><TD vAlign=top>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]ตั้งอยู่ในด้านทิศใต้ แห่งดาวดึงส์แดนสวรรค์[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ซึ่งเป็นสวนขวัญอุทยานทิพย์ที่มีความรื่นรมย์ สนุกสนาน หาที่เปรียบไม่ได้ในมนุษยโลก ซึ่งเต็มไปด้วยบุปผาชาตินานาพรรณ มีสระโบกขรณีอันทิพย์ มีน้ำใสดั่งแก้ว มีก้อนศิลาที่เป็นทิพย์มีรัศมีรุ่งเรือง มีแท่นที่นั่งอันอ่อนนุ่มมีสีใสสะอาด เหล่าเทพบุตรเทพธิดา ก็จะมาในสวนสำราญเหล่านี้อย่างไม่ขาดสาย [/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] เป็นสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างด้วยแก้วอินทนิลอันเป็นทิพย์ มีความสวยงาม รุ่งเรืองยิ่งนัก ยอดพระเจดีย์เป็นทองคำบริสุทธิ์ ประดับด้วยรัตนะ ๗ ประการ (รัตนะคือแก้ว ๗ ประการ) เจดีย์นี้สูง ๘๐,๐๐๐ วา มีกำแพงทองคำล้อมรอบทั้ง ๔ ทิศ มีความยาว ๑๖๐,๐๐๐ วา ประดับด้วยธงนานาชนิด พระเจดีย์นี้เป็นที่บรรจุสิ่งที่มีค่ายิ่ง ๒ อย่าง คือ[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ๑. พระเกศโมลี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือมวยผมที่ตัดออก ขณะที่เสด็จออก บรรพชา (ภิเนษกรมณ์) และได้อธิษฐานว่า “ถ้าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้มวยพระเกศโมลีจงลอยขึ้นไปบนนภากาศเถิด อย่าได้ตกลงสู่พื้นปฐพีเลย” ครานั้นสมเด็จพระมหาอมรินทราธิราชผู้เป็นใหญ่ในชั้นดาวดึงส์นี้ จึงนำเอาพระผอบทองมารองรับพระเกศโมลีไว้ แล้วนำขึ้นไปบนดาวดึงส์สวรรค์ สร้างเจดีย์สำหรับบรรจุพระโมลีโดยเฉพาะ[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ๒. พระบรมธาตุ เขี้ยวแก้วเบื้องขวา ของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัยที่ถวาย พระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โทณพราหมณ์ซึ่งได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นผู้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ ได้นำเอาพระเขี้ยวแก้วซ่อนไว้ที่ผ้าโพกศรีษะ แล้วจึงได้จัด พระบรมสารีริกธาตุที่เหลือออกเป็น ๘ ส่วน เพื่อถวายแก่กษัตริย์ต่าง ๆ ในครั้งนั้น ท้าวสักกะเทวราช จึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เขี้ยวแก้วจากผ้าโพกศรีษะของโทณพราหมณ์นั้น ลงสู่พระผอบทองคำทิพย์อีกทอดหนึ่ง ด้วยกิริยาอันเลื่อมใสยิ่ง แล้วรีบเสด็จมาประดิษฐานบรรจุไว้ในพระเกศจุฬามณีเจดีย์นี้[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] อยู่ในอุทยานทิพย์ ปุณฑริกวัน มีบริเวณกว้างขวางมีกำแพงล้อมรอบ ๔ ด้าน กลางสวนนั้นมี ต้นไม้ทองหลางใหญ่แผ่สาขาอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งชื่อว่า ต้นปาริชาต หรือ กัลปพฤกษ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ทิพย์ มีแท่นศิลาแก้วนามว่า “บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์” เป็นแท่นสีแดงดังดอกชบา อ่อนนุ่มดังฟูก เมื่อพระอินทราธิราชประทับ พักผ่อนอิริยาบถอยู่เหนือแท่นศิลาอาสน์แล้ว แท่นทิพย์นี้ก็จะอ่อนยุบลงไป และเมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้น แท่นศิลาก็จะฟูขึ้นเต็มตามเดิม เป็นแท่นศิลาที่ประหลาดมหัศจรรย์ ยุบและฟูขึ้นเองโดยธรรมชาติ[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ต้นกัลปพฤกษ์นี้ ๑๐๐ ปี ถึงจะออกดอกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงคราวนั้นดอกไม้ในสวรรค์นี้ก็จะบานสะพรั่ง เหล่าเทพบุตรเทพธิดา ก็จะพากันมารื่นเริง ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาเฝ้า จนกว่าดอกไม้จะบาน ครั้นดอกไม้สวรรค์นั้นบานแล้ว ก็จะปรากฏแสงรุ่งเรือง งดงามยิ่งนัก รัศมีของดอกปาริชาต จะส่องรัศมีรุ่งเรืองไปไกลหลายหมื่นวา เมื่อลมรำเพยพัดพาไปในทิศใด ย่อมส่งกลิ่นหอมไปในทิศนั้น เป็นระยะไกลแสนไกล ดอกไม้นี้จะบานสะพรั่งไปทุกกิ่งก้านทั่วทั้งต้น ถ้าเทพบุตรเทพธิดาองค์ใด ปรารถนาจะได้ดอกปาริชาต ก็จะตกลงมาในมือดั่งรู้ใจ ถ้ายังไม่ได้รับในมือดอกก็ยังไม่ทันตกลงดิน โดยมีลมชนิดหนึ่งจะพัดชูดอกไว้ในอากาศ จนกว่าเทพยดาผู้ใดประสงค์ก็จะมารับเอาไป[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] เป็นเทวสถานที่อยู่ไม่ไกลจากต้นปาริชาตเท่าไรนัก เป็นศาลาทิพย์ที่งามสง่ายิ่งนัก ศาลานี้เต็มไปด้วยแก้วผลึก ประดับไปด้วยแก้วรัตนะ ๗ ประการ มีกำแพงล้อมรอบเป็นทองคำ ที่ศาลานี้มีดอกไม้พิเศษอีกชนิดหนึ่งชื่อว่า ดอกอสาพติ หนึ่งพันปีจะออกดอกครั้งหนึ่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวล เทพธิดาทั้งหลาย ก็จะเปลี่ยนเวรกันมาเฝ้า โดยมีจิตผูกพันรักใคร่ดอกไม้นี้ยิ่งนัก[/FONT]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC] ศาลาสุธรรมานี้ เป็นที่ประชุมฟังธรรม ของเหล่าเทวดาสัมมาทิฏฐิทั้งหลาย ซึ่งได้กล่าวมาแล้วข้างhttp://www.buddhism-online.org/Index1.htm[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ภาพรวมให้บางท่านเพื่อช่วยคลายความกังวล
โดยคุณ เทพ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_879816", true); </SCRIPT> สมาชิก​

ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์ (เป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา)​

ขออนุญาตต่อ ภาพรวม ให้บางท่าน เพื่อช่วยคลายความกังวล ​

คือ หากอ่านจากข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งมีการโพสไว้ในหลายกระทู้ หลายท่านอาจจะเริ่มกังวล กลัวภัยจากพญานาค จนคิดหาครุฑมาติดตัวกันภัย ด้วยคิดว่าเป็นของแก้กันกับพญานาค​

หากได้พบ และได้อ่านข้อมูลที่สอง จะทราบว่าสำหรับคนปฎิบัติดีแล้วนั้น พญานาคไม่ได้เป็นอันตรายดังที่หลายคนกลัวกัน​

ตามระบบ หากนาคราชจะกวาด จะเก็บพื้นที่ใด จะมีบัญชีรายชื่อของผู้ที่จะรอด และ มีทีมงานคอยช่วยเหลือบุคคลตามบัญชีรายชื่อ มิใช่จะเหมาโหลเก็บกวาดทุกคนในพื้นที่​

ภัยพิบัติที่จะเกิดหลายๆอย่างมนุษย์ก็เป็นผู้สร้างขึ้นมา ไม่ใช่จากพญานาค แต่พญานาคกลับมีหน้าที่ี่เข้าช่วยผู้ปฎิบัติธรรมให้รอดจากภัยพิบัติ เพื่อให้อยู่สืบพระศาสนาต่อไป​

ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔
(คือผู้คุ้มครองโลกทั้ง ๔ ทิศ เป็นหัวหน้าของ ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์)​

สิ่งที่ควรทำ คือ การทำความดี การปฎิบัติธรรม และแผ่เมตตาให้มากๆ ไม่ใช่การแสวงหาครุฑมาพกพา ( แต่ใครศรัทธาอยู่แล้ว ก็พกครุฑได้ แต่อย่าพกด้วยความกลัวพญานาค ... นาคราชที่ทำหน้าที่นี้ ไม่มีใครกลัวครุฑซะด้วยสิ )​

เมืองไทยมีกลุ่มพระอริยสงฆ์ผู้คอยดูแลรักษาแบบไม่เปิดเผยตัว เป็นศูนย์กลางของผู้ทรงอภิญญาบนโลก ที่ผ่านมาภัยใหญ่ๆล้วนโดนปัดออกไปให้ห่างจากเมืองไทย และคอยช่วยดึงเวลาเอาไว้ตลอด เพื่อถ่วงเวลาให้พวกเราได้เตรียมตัว​

ในอดีต แม้แต่ในคืนที่จะี่เกิดสึนามิ ก็มีการยิงหมุดเป็นลำแสง ออกไปตรึงหลายๆจุดไว้ทั่วประเทศไทย ป้องกันการเคลื่อนตัวจากแผ่นดินไหว​

การระวังภัย และความไม่ประมาท เป็นสิ่งดี แต่อย่าวิตกจนกลายเป็นความเครียด​

สิ่งหนึ่งที่จะช่วยลดความกังวล คือ การเตรียมการณ์ให้พร้อม โดยเฉพาะเรื่อง ข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรค กำหนดพื้นที่หลบภัย ... ส่วนตัวอาคารที่หลบภัยยังเป็นเรื่องรองลงมา เพราะในกรณีจำเป็นพอสร้างแบบชั่วคราวได้​

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=101189&page=29

 

เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนครับ

เพราะพญานาคส่วนใหญ่ท่านมีหน้าที่พิทักษ์พระพุทธศาสนาให้ครบ ห้าพันปี

ส่วนพญานาคที่ท่านมีหน้าที่กวาดล้างคนชั่วคนไม่ดีออกไป ก็ได้ขอให้ท่านละเว้นคนดีคนมีสัมมาทิษฐิให้ท่านช่วยสงเคราะห์ให้รอดเพื่ออยู่ต่อสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปครับ

ดังนั้นให้ตั้งจิตเป็นคนดี เป็นสัมมาทิษฐิเข้าไว้ จะปลอดภัยจากภัยทั้งปวงครับ


พี่เกษมเป็นผู้เปิดอ่านเป็นท่าน ที่ 400,000 คนในกระทู้นี้พอดีครับ ขอโมทนาด้วย

 

เอ่อ....ผมคงไม่ใช่คนที่ 400,000 หรอกครับเพราะเมื่อตะกี้นี้เปิดหน้าเว็บในห้องเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติ ก็ขึ้นหลักสี่แสนคนอ่านอยู่แล้ว แต่ก็น่าแปลกดี ที่ตัวเลขขึ้นมาเป็น 400,000 ถ้วนๆ ไม่มีเศษเลขให้เห็นเลย....

 

มะเหงมีสึนามิเลย...อุส่ารอ อิอิ

 

เผ่ามายา ที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกากลาง<!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:3--><!--/sizeo-->เมื่อกว่า 2000 ปีล่วงมาแล้ว
เป็นชนเผ่าที่มีอารยะธรรมรุ่งเรืองที่สุด<!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ในบรรดาเผ่าต่างๆร่วมสมัย
วิทยาการต่างๆรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
และเป็นที่น่าแปลกที่อยู่ๆชนเผ่านี้ก็<!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:3--><!--/sizeo-->หายไปจากดินแดนของตน <!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:3--><!--/sizeo-->โดยปราศจากร่องรอย! <!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:3--><!--/sizeo-->คงไว้เพียงซากอารยะธรรม<!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ที่เป็นหลักฐานในการยึนยันว่ามีชนเผ่านี้อยู่บนโลก ....<!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:5--><!--/sizeo-->http://www.proel.org/alfabetos/maya.html<!--sizec--><!--/sizec-->

<!--fonto:MS--><!--/fonto--><!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#cc0000--><!--/coloro--><!--sizeo:6--><!--/sizeo-->ชนเผ่ามายา (MAYAS)<!--sizec--><!--/sizec--> <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#000066--><!--/coloro--><!--fonto:MS--><!--/fonto-->ชาวมายา ผู้อาศัยอยู่ในดินแดนยูคาทาน ในเม็กซิโก<!--fontc--><!--/fontc--><!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#000066--><!--/coloro--><!--fonto:MS--><!--/fonto-->และกัวเตมาลาในราวศตวรรษที่ 3-16 ก่อนคริสตกาล<!--fontc--><!--/fontc--><!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#000066--><!--/coloro--><!--fonto:MS--><!--/fonto-->นับเป็นอีกชนชาติหนึ่งที่มีความก้าวหน้าล้ำยุคจนนักวิชาการต่างๆ พากันส่ายหน้าปวดหัวด้วยความแปลกใจเป็นอันมาก <!--fontc--><!--/fontc--><!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->
<!--sizeo:4--><!--/sizeo-->
<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#000066--><!--/coloro--><!--fonto:MS--><!--/fonto-->กล่าวคือ ชาวมายามีความเป็นเลิศทางด้านการคำนวณและดาราศาสตร์ สิ่งที่ชาวมายาคิดค้นได้ก็คือ ปฏิทินและการคำนวณบางประการที่ไม่น่าเชื่อว่า ชนเผ่าโบราณอันลึกลับนี้ จะสามารถทำได้ <!--fontc--><!--/fontc--><!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#000066--><!--/coloro--><!--fonto:MS--><!--/fonto-->โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์สมัยใหม่อย่าพวกเราเข้าไปช่วยแม้แต่น้อย ปฏิทินของชาวมายาใช้ในระยะวงโคจร 5000 ปี (สงสัยไหมครับว่าทำไมถึงนานขนาดนั้น) และวงโคจรที่ใกล้กับปัจจุบันมากที่สุด จะจบลงในวันที่ 24 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2554 ซึ่งตามความเชื่อของชาวมายาก็คือ พระเจ้า ของพวกเขาจะเสด็จกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้ง <!--fontc--><!--/fontc--><!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--fonto:MS--><!--/fonto-->ชาวมายาดูจะมีความผูกพันคุ้นเคยกับดาวศุกร์เป็นพิเศษ พวกเขาสามารถคำนวณว่า ปีบนดาวศุกร์มีจำนวณ 584 วัน และวันของโลกเรามี 365.2420 วัน ซึ่งตามการคำนวณในปัจจุบันปรากฏว่า มี 365.2422 วัน<!--fontc--><!--/fontc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#000066--><!--/coloro--><!--fonto:MS--><!--/fonto-->นับว่าคลาดเคลื่อนน้อยจนแทบไม่น่าเชื่อ ในเมือง Chichen มีผู้พบหอดูดาวที่ชาวมายาได้สร้างขึ้น นอกจากนี้ชาวมายายังได้คำนวณปฏิทิน ซึ่งสามารถใช้ต่อเนื่องไปในเวลาข้างหน้าถึง 64 ล้านปี <!--fontc--><!--/fontc--><!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#000066--><!--/coloro-->สำหรับเรื่องของวงโคจร การหมุนรอบตัวเอง วันเวลา และแรงกระทำจากดาวศุกร์นั้น นักวิชาการยอมรับว่าเหลือเชื่อมากสำหรับชนเผ่าโบราณพวกนี้ ค่าที่ได้จากการคำนวณน่าจะมาจากอุปกรณ์คำนวณอิเล็คทรอนิคส์ ซึ่งก็ไม่มีหลักฐานปรากฏแต่อย่างใดว่า ชาวมายาสามารถประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาได้<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--sizec--><!--/sizec--><!--sizeo:4--><!--/sizeo-->

<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--fonto:MS--><!--/fonto-->ดังที่กล่าวไปในหน้าที่แล้วว่า ชาวมายามักจะเกี่ยวพันกับดาวศุกร์อยู่เสมอๆ ลองมาดูสูตรคำนวณดาวศุกร์ของชาวมายาสิครับ ว่าสลับซับซ้อนมากขนาดไหน ดาวซอลคิน (ชื่อเรียกดวงจันทร์ของชาวมายา) มี 260 วัน โลกมี 365 วัน ดาวศุกร์มี 584 วัน สามารถจะหารด้วย 73 ได้ 5 ครั้ง ดังนั้นสูตรดังกล่าวจึงเป็นดังนี้ <!--fontc--><!--/fontc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--sizec--><!--/sizec--><!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--fonto:MS--><!--/fonto--><!--coloro:#990000--><!--/coloro-->(ดวงจันทร์) 20 X 13 = 260 x 2 x 73 = 37,960 <!--colorc--><!--/colorc--><!--fontc--><!--/fontc-->
<!--fonto:MS--><!--/fonto-->ดวงอาทิตย์) 8 x 13 = 104 x 5 x 73 = 37,960 <!--fontc--><!--/fontc--><!--sizec--><!--/sizec-->
<!--fonto:MS--><!--/fonto--><!--coloro:#990000--><!--/coloro-->(ดาวศุกร์) 5 x 13 = 65 x 8 x 73 = 37,960<!--colorc--><!--/colorc--><!--fontc--><!--/fontc-->

<!--fonto:MS--><!--/fonto--><!--sizeo:2--><!--/sizeo--><!--coloro:#990000--><!--/coloro--><!--sizeo:4--><!--/sizeo-->ดังนั้นดาวทั้งสาม เมื่อคำนวณแล้วจึงได้ผลเป็น 37,960 วัน ซึ่งตำนานของชาวมายากล่าวไว้ว่า จะครบรอบวันซึ่งพระเจ้าจากห้วงเวหาของพวกเขา กลับมาประทับยังตำหนักใหญ่<!--sizec--><!--/sizec--> <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->
<!--sizec--><!--/sizec--><!--sizec--><!--/sizec-->
<!--fonto:MS--><!--/fonto-->Ref : http://members.thai.net/myth/aastro/aastro4_2.htm<!--fontc--><!--/fontc-->

ส่วนความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนานั้น มีหนังสือให้อ่านขอฟรีได้ที่นี่ครับ

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=61556

<!--fonto:Georgia--><!--/fonto--><!--sizeo:6--><!--/sizeo--><!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->แผนที่ และ จักรแก้วชนเผ่า มายา<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

<!--fonto:Georgia--><!--/fonto--><!--sizeo:6--><!--/sizeo--><!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->ท่านทั้งหลายที่ผ่านมาที่นี่ จงมองจักรแก้วเผ่ามายา <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

<!--fonto:Georgia--><!--/fonto--><!--sizeo:6--><!--/sizeo--><!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->มองสักแต่ว่ามอง มองไปอย่างนั้นอย่างนั้นแหละ <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

<!--fonto:Georgia--><!--/fonto--><!--sizeo:6--><!--/sizeo--><!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->แล้วก็หลับตา สัก 1 นา ที ให้หมุน หรือไม่หมุนก้ได้ อยู่กลางท้องแล้วก็ลืมตา<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--><!--fonto:Georgia--><!--/fonto--><!--sizeo:6--><!--/sizeo--><!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->มามองยั้งๆงั้นอย่างนั้นแหละสักแต่ว่ามอง <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

<!--fonto:Georgia--><!--/fonto--><!--sizeo:6--><!--/sizeo--><!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->สบายๆๆ เหมือนกับกำลังลอยเท้งอยู่กลางน้ำ สบายๆๆ อยู่เบาๆๆ สบายๆๆ นิ่งๆ <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--><!--coloro:#ff0000--><!--/coloro--><!--fonto:Georgia--><!--/fonto--><!--sizeo:6--><!--/sizeo-->แล้วให้ลอยหมุนๆๆ อยู่กลางท้อง แล้วจะเห็นความอัศจรรย์ ครับ<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--> <!--colorc--><!--/colorc--> ....... ​

 

ทำไมบางแห่ง บอกว่าวันสุดท้ายของปฏิทิน คือ 24 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2555(2012) ตกลง 24 ธันวาคม ปี 2011 หรือ 2012กันแน่

 

ผมเชื่อว่า เผ่ามายาเป็นคนที่อพยพออกมาจาก แอตแลนติส ก่อนมันจะล่ม
สลาย แล้วก็มีอีกหลายที่ ที่ชาวแอตแลนติสได้ทิ้งร่องรอยหลักฐานเอาไว้
อย่างเช่น อียิป กรีก และอีกหลายที่ครับ

 

อาจารย์จิตรา องค์ปรีดาเทพสุรทิน
พูดถึงเรื่องภัยพิบัติ จากสิ่งศักด์สิทธิ์สูดสุดแจ้งข่าวมา

ภัยพิบัติเกิดขึ้นแน่ เป็นภ้ยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นรุนแรงเช่นนี้มาก่อนนับแต่มีโลกขึ้นมา อันเกิดจากพลังงานกรรมของมนุษย์ที่สร้างสมกันขึ้นไว้เองและถึงเวลาต้องสะสางให้สะอาดบริสุทธิ์ดังเดิม
อาจารย์บอกว่าถ้าเกิดภัยพิบัติคราวนี้ คนไทยจะเหลือไม่ถึง 1 % ถ้าเป็นเมื่อก่อนเหลือเยอะกว่านี้ ช่วงนี้เลยเวลาที่จะพลิกตัวกลับกันแล้ว เพราะมนุษย์ส่วนมากพิพากษาตัวเองว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง เวลาที่เลื่อนให้ไม่มีประโยชน์สำหรับมนุษย์ที่จะแก้ไขเปลื่ยนแปลงจิตสำนึกเลย ถ้าหากคนไทยทุกคนช่วยกันพลิกจิตสำนึกใหม่ได้กันทั้งประเทศ จะช่วยโลกได้เป็นอย่างมาก

ข่าวดีของประเทศไทย คือประเทศไทยจะถูก Plan ให้เป็นผู้นำในโลกยุคใหม่
แต่ในทางกลับกันฝ่ายเทวทัต (ฝ่ายดำ) ก็รู้แผนการณ์นี้จึงสร้างเหตุการณ์ต่างๆให้ไทยเกิดมีปัญหาอย่างหนักตามไปด้วยเช่นกัน
ผู้ที่จะรอด 1 % ส่วนหนึ่งคือผู้ที่ตระหนักในหน้าที่และมีสัจจะ+มีปณิธาน
อีกส่วนหนึ่งคือชนทั่วไปผู้จิตใจดีมีเมตตา มีความรักเป็นอารมณ์อยู่เสมอ และพวกเศรษฐีใจบุญทั้งหลาย

เมื่อเร็วๆนี้องค์การอวกาศ NASA ได้ถ่ายภาพดาวเคราะห์ใหม่แห่งหนึ่งมีบรรยากาศเหมือนโลกทุกประการ แต่มีขนาดใหญ่กว่าโลกมาก นักวิทยาศาสตร์พากันงงที่จู่ๆก็มาปรากฎขึ้นให้สังเกตเห็น
อาจารย์บอกว่านั่นคือสัญญาณบอกใบ้บางอย่างกับมนุษย์ จะมีใครดูออกบ้างว่า..
ณ ดาวดวงนั้นจะเป็นที่สำหรับการถ่ายโอนมนุษย์และสัตว์โลกในเร็วๆนี้ ด้วยวิธีพิเศษสุด...(ลองเดากันดูครับว่าวิธีไหน?) เบื้องบนเตรียมไว้ให้แล้ว.สำหรับมนุษย์ที่ถูกคัดเลือก

อาจารย์ยืนยันว่า พระผู้กอบกู้โลกพระเมสิอาร์ พระศรีอารีย์ท่านได้มาเกิดบนโลกนี้แล้ว..ในช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติใหญ่นี้..(แต่ไม่ต้องไปตามหากัน) ท่านจะมาทั้งธรรมฤทธิ์และอิทธฤทธิ์..(แต่ให้ระวังคนแอบอ้างให้ดี) ท่านจะเข้ามาช่วยกอบกู้แก้ไขปัญหาต่างๆของโลกให้ลุล่วง และพร้อมดำเนินไปสู่โลกใหม่ที่สดใส และเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของมนุษย์ต่อไปสู่แนวทางที่เหมาะสมยิ่งขึ้น..

วันเวลาที่จะเกิดนั้นเร็วกว่าที่ ดร.อาจองท่านเคยบอกไว้..ข้างบนเค้าประชุมลับ วางแผน และเปลื่ยนแผนได้ ไม่อาจมีใครล่วงรู้วันเวลาได้แน่นอน ช่วงนี้มนุษย์ควรกำหนดจิตให้อยู่บนเส้นทางหรือปรับแนวทางให้ถูกต้อง กล่อมเกลาจิต ปลีกวิเวกอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มากขึ้น
จิตสำนึกที่พลิกกลับไปทางด้านบวกคือ ทางรอดของมนุษย์

ปล.อาจารย์จิตตราได้รับเชิญไปทานข้าวที่บ้านดร.เทพนม..
มนุษย์ต่างดาวฝากบอกมาว่า หลังเลือกตั้งไปแล้ว-จนถึงปลายเดือนมกราคม อันตรายมาก อย่าเข้าร่วมชุมนุมใดๆในช่วงนี้
<!-- / message --><!-- attachments -->
ได้พูดคุยเจาะลึกกันวันเสาร์ที่ผ่านมาแบบส่วนตัว ขออนุญาติอาจารย์ด้วยครับ




<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>





</FIELDSET>

 

อยากให้คนอื่นรอดด้วยทำไงอ่ะ...ถ้าเขาก็ไม่เชื่อเรื่องนี้เเละไม่เตรียมตัวไว้

 

<TABLE class=tborder id=post880447 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sutatip_b<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_880447", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:20 AM
วันที่สมัคร: Aug 2007
ข้อความ: 680 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 7,859 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 12,838 ครั้ง ใน 693 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1345

</TD><TD class=alt1 id=td_post_880447 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ถามท่านผู้เจริญธรรมท่านหนึ่งที่บนเขาวานนี้
ท่านกล่าวว่า "เดี๋ยวเผลอๆ มันก็มา"

ถามท่านที่มีอภิญญาท่านหนึ่งวันนี้
ท่านบอก "มีกรอบเวลาสามวันเจ็ดวัน"

ผู้ไปปรียนันท์สองท่าน เห็นคลื่นสึนามิในนิมิต เมื่อคืน ๒๒ ธค. เวลาสามทุ่ม และ ๒๓ ธค. เวลา ๑๐ โมงเช้า สูงราวๆสามเมตรวิ่งเข้าปะทะฝั่งอย่างน่ากลัว ไม่ทราบสถานที่ จะบอกว่าอาหารทำเอาคงไม่ใช่ เพราะคนหนึ่งกินเจ อีกคนหนึ่งกินสัตว์เล็ก ต่างสำรับกัน

ถ้าวางกำลังใจว่าเฝ้าระวังเพราะอยากช่วย ไม่ได้ติดว่าต้องเกิดเมื่อไร คำทำนายถููุกไหม ใครๆเขาหัวเราะเราหรือเปล่า ก็คงจะได้บุญกุศลในการกระทำครั้งนี้เต็มบริบูรณ์

คนบนเขาคงอยากบอกว่า "เวลาเฝ้าหน้าจออย่าลืมจับลมหายใจ" ค่ะ
อนุโมทนาพี่ๆน้องๆทุกท่าน
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=105271&page=12

 

เรียน ถามพี่มีด

จากในภาพ the lady of all Nation ภาพที่อยู่หลังอ. จิตรา ในภาพเป็น
หญิงสาว และมีพลังแผ่จากฝ่ามือ คือใครกัน อะคะ หรือเป็นพระแม่มารี

 

ใช่ครับรูปใหญ่นั้นคือพระแม่มารี ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่ไร้ตัวตนท่านหนึ่งของอาจารย์ ส่วนบนโต๊ะด้านข้างมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ มีรูปพระอาจารย์ดาราสินารา รูปเทพีนูท(nute)และ สุริยะเทพรา ซึ่งเป็นตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูดสุดของอาจารย์ครับ..ทุกคนจะมีครูบาอาจารย์ตามสายจิตวิญญาณ เป็นระบบเครือข่ายอยู่แล้ว

ส่วนวิธีเข้าสู่มิติของดาวเคราะห์ดวงที่ว่านั้น อาจารย์เฉลยให้ฟังว่า....
เหมือนการนอนหลับแล้วไปตื่นในสถานที่ใหม่ เป็นที่ที่ปลอดภัยกว่า..เป็นเรื่องของ"มิติ"ครับซึ่งอาจารย์เจอมากับตัว..อาจารย์เล่าว่าระหว่างที่ เดินทางไปกาญจน์บุรี..ภูเขาข้างทางอยู่ๆก็เปลื่ยนเป็นภูเขาแบบแกรด์แคนยอนผสมกับสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งไม่เคยพบเห็นในเมืองไทยมาก่อน..และมีหมู่บ้านหนึ่งมีหลังคากลมมนสีขาวไปทั้งหมู่บ้านอยู่ตรงนั้นด้วย อาจารย์ลงไปดูก็มีเสียงบอกว่า "นี่เป็นตัวอย่างการเปิดมิติให้ดู"..ถ่ายรูปก็ไม่ติด
ทราบว่าอาจารย์ท่านมีโครงการจะสร้างปิรามิดขนาดใหญ่ ซึ่งท่านตั้งใจให้ยิ่งใหญ่กว่าที่อียิปต์ด้วย แต่อยู่ในเมืองไทยครับ