ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. nununo

    nununo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,096
    ถึงคุณ ChaYut นะครับ ขอบคุณครับ ผมเคยได้อ่านกระทู้อันเก่าเรื่องเวลาที่คุณ Chayut อธิบายแล้วครับ แต่ผมแค่อยากถามว่า ข้อความจากต่างมิติในปีนี้มีนำหนักและความชัดเจนถึงความเข้มข้นที่จะเกิดขึ้นกว่าที่เคยบอกไว้เมื่อปีก่อนหน้าโน้นไหมครับ พอดีผมพึ่งได้มาอ่านกระทู้ของคุณ ChaYut เมื่อปลายปี 2013 นี้เองอะครับ เลยไม่รู้ว่าปีก่อนๆนั้นมีข้อความเรื่องอะไรบ้าง คือ ขี้เกียจกลับไปอ่านแล้วอะครับ เพราะมันเยอะมากเลยอะ ก็เท่านี้อะครับผม
     
  2. nununo

    nununo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,096
    ผู้แปล : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านข้อความแปลข้างล่างนี้

    SaLuSa, January 3, 2014

    หมายเหตุ 5 Jan 2014: ขอบคุณคุณ ชยุต ที่รีบมาแก้ตรงที่แปลผิดให้นะครับ แหม่ ผมแปลไม่ตรงไปหลายประโยคเลยอะ ขอโทษด้วยนะครับ หวังว่าทุกท่านจะได้ลองอ่านบทความนี้ใหม่ด้วยนะครับ เพื่อความถูกต้อง โดยผมได้แก้แต่ละประโยคที่คุณ ชยุต แปลให้ใหม่แล้วครับ

    We join you at an exciting time as you

    enter the vibrations of a New Year.


    เราได้ร่วมฉลองช่วงเวลาแห่งการสั่นสะเทือนที่น่าตื่นเต้นในช่วงงานปีใหม่

    Across the world there is anticipation of

    a coming time that brings wonderful

    changes.


    ท่ามกลางความคาดหวังว่าในเวลาไม่นานนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สวยงามเกิดขึ้น

    They are going to be ones that will give a

    clear signal that a new era has got under

    way.


    และมันก็จะมี “การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง” ที่จะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ายุคใหม่

    กำลังจะเริ่มขึ้น

    Outwardly the chaos would still seem to be

    present, yet it is clearing to reveal long

    awaited changes.


    ข้างนอกนั้น ความโกลาหลวุ่นวายดูเหมือนว่า ยังจะคงมีต่อไปอีกอยู่
    แต่ว่ามันคือการเคลียร์เส้นทางเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เฝ้ารอคอยมานาน

    It is now a time of taking opportunities

    as they present themselves, to reveal the

    new way of bringing people together so that

    harmony can be restored.


    และตอนนี้ มันถึงเวลาแล้วที่จะใช้ช่วงโอกาสนี้ แสดงให้เห็นถึงวิถีทางใหม่ที่จะนำผู้คนมา

    ร่วมกัน เพื่อสร้างความสอดประสานกลมกลืนขึ้นมาใหม่

    Love will become seen as the energy that

    will remove all traces of the old ones that

    have held you back for millennia of time.


    พลังแห่งความรักจะลบล้างพลังงานยุคเก่าที่ครอบงำคุณมาเป็นเวลายาวนานออกไป

    Throughout your world cleansing is taking

    place, and the old energies are slowly

    being dissipated as they no longer serve

    any purpose.


    ในขณะที่โลกกำลังถูกชะล้าง พลังงานยุคเก่าจะค่อยๆเจือจางรีบหรี่ลงเรื่อยๆ โดยไม่มี

    ความจำเป็นต้องให้บริการอีกต่อไป

    They will soon be unable to interfere with

    the changes that are taking place, that

    will show you beyond doubt that the new era

    is here to stay.


    ในอีกไม่ช้า พลังงานยุคเก่าจะไม่สามารถแทรกแทรกการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อีกต่อไป, ซึ่ง

    ยุคใหม่ก็จะแสดงให้คุณเห็นกับตาว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วอยู่ที่นี่แล่ะ

    For quite a long time you have been

    promised major changes, and the work that

    has been done to bring them about is now

    going to bear fruit.


    ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานแล้ว ที่พวกคุณได้ทำตามคำสัญญาที่จะช่วยเปลี่ยนแปลง

    ครั่งยิ่งใหญ่นี้ และก็ทำมันได้สำเร็จด้วย

    This year will mark the turning point in

    many lives, and there will be no doubt in

    your minds that the days of the cabal are

    numbered.


    ปีนี้จึงจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของหลายๆชีวิต และมันก็จะไม่มีอะไรที่น่าสงสัยค้างคาใจพวกคุณอยู่อีกเลย ว่าวันเวลาของ “กลุ่มคนฝ่ายมืด” นั้น ได้ถูกนับถอยหลังลงไปเรื่อยๆแล้ว

    They know it and are ready to concede

    defeat, but there are always certain

    individuals that know no other way than to

    fight to the bitter end.


    พวกเขารู้และพร้อมที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ แต่มันก็จะมีบางคนเสมอ
    ที่จะรู้แต่เพียงว่า ตัวเองต้องต่อสู้ไปให้ถึงที่สุดแห่งจุดจบอันขมขื่นอันนั้นเท่านั้น

    There will be many revelations that will

    help clear up some of the questions you

    have, and indicate the new path to the

    Light that is opening up.


    จะมีการเปิดเผยหลายอย่าง ที่จะช่วยตอบคำถามต่างๆของพวกคุณ และจะชี้บ่งว่า เส้นทางสู่แสงกำลังถูกเปิดขึ้นมาแล้ว

    Be assured that all of the necessary

    changes are in hand that will ensure your

    future.


    โปรดจงมั่นใจเถิดว่า การเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นทั้งหลายแหล่เหล่านี้ จะรับประกันอนาคตของพวกคุณเอง

    The parting of the ways has never been

    more clear, and for many souls it is a time

    of decision affecting their future.


    การแยกออกจากกันของยุคเก่าและยุคใหม่ได้เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแบบไม่เคยมีมาก่อน

    และจิตวิญญาณมากมาย ก็มาถึงช่วงเวลาที่จะต้องตัดสินใจถึงอนาคตกันแล้ว

    We send our love to all those that are not

    ready to move into the Light.


    พวกเราได้ส่งความรักไปให้พวกเขาทั้งหลาย ที่ยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ความเป็นแสง

    Each one treads the path they have set up

    for themselves, and go with our blessings

    as they experience exactly what is

    necessary for their progress.


    แต่ละคนล้วนก้าวเดินไปบนเส้นทางที่ตัวเองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง และจะก้าวเดินไปพร้อมๆกับคำอวยพรจากพวกเรา ในขณะที่พวกเขากำลังประสบกับสิ่งที่มีความจำเป็นจริงๆต่อพัฒนาการทางจิตวิญญาณของพวกเขาเองอยู่

    It is no wonder that your history is full

    of encounters between people of different

    beliefs, as at times they clash because

    they have not found the common land between

    them.


    ไม่แปลกใจเลย ที่ประวัตศาสตร์ของคุณ เต็มไปด้วยการเผชิญหน้าระหว่างผู้คนที่ต่าง

    ความเชื่อ, พวกเขาขัดแย้งกันเพราะพวกเข้าไม่เจอทางสายกลางที่อยู่ระหว่างความขัด

    แย้งของพวกเขา

    However, time is on their side and they

    can take as long as they like on their way

    to completion.


    อย่างไรก็ตาม, พวกเขาสามารถใช้เวลาเพื่อการแข่งขันนานเท่าที่พวกเขาต้องการ

    However, time is on their side and they

    can take as long as they like on their way

    to completion. Outside of your dimension time does not

    exist as you know it, All is in the Now.


    แต่ในมิติที่สูงกว่ามิติที่สาม อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า เวลาจะไม่มีอยู่จริง จะมีเพียงเวลา

    ปัจจุบันขณะเท่านั้น

    It means that you can go back in "time"

    and even into the future although it is a

    projection of all possibilities.


    หมายความว่า คุณสามารถกลับไปในอดีต และแม้แต่ไปในอนาคต ถึงแม้มันจะเป็นการ

    ฉายภาพของความเป็นไปได้ทั้งหมดก็ตาม

    You will realise that once you leave the

    "time" dimension, it will no longer be the

    way that you will account for your actions

    or experiences.


    คุณจะตระหนักได้ทันทีที่คุณออกจากมิติแห่งเวลา (มิติที่สาม) ,ว่ามันจะไม่มีอะไรที่เป็น

    ไปในแบบเดิมๆ ที่คุณเคยทำ หรือมีประสบการณ์มาจากมิติที่สามเลย

    You will be free without constraints

    providing you understand that you must not

    interfere with another souls journey, but

    can help if so requested.


    คุณจะเป็นอิสระ ปราศจากข้อจำกัดที่เหมือนถูกคุมขัง แต่จะเข้าใจได้เองด้วย ว่าคุณต้อง

    ไม่ไปแทรกแทรงการเดินทางของจิตวิญญาณอื่นๆ แต่สามารถช่วยได้ถ้าหากได้รับการร้องขอ

    Dear Ones, your journey through Duality as

    you know it is almost at an end, and it

    will become easier to put distance between

    yourselves and the old vibrations.


    ที่รักทั้งหลาย, การเดินทางของพวกคุณใน “ความเป็นทวิภาวะ” (Duality) ที่พวกคุณคุ้นเคยนี้ ใกล้จะมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของมันแล้ว และมันจะเริ่มง่ายขึ้น ต่อการทำให้ตัวเองอยู่ห่างจากความสั่นสะเทือนแบบเก่าทั้งหลาย

    You will be surprised at how quickly you

    will be able set aside your old memories of

    your lives in Duality.


    คุณจะรู้สึกประหลาดใจ ว่ามันง่ายและรวดเร็วมาก ที่คุณจะสามารถปล่อยวางความทรงจำเก่าๆ ที่เกิดขึ้นในภพชาติต่างๆของตัวเอง ที่อยู่ในความเป็นทวิภาวะนี้ทิ้งไปได้

    The joy and happiness that you will feel

    in the higher vibrations will be far more

    exhilarating and satisfying than any

    earlier experience.


    คุณจะสังเกตุได้ว่า คุณจะรู้สึกมีความสุข เบิกบานใจ และมีชีวติชีวามากกว่า

    ประสบการณ์ก่อนหน้านี้

    Many of you are still weighed down by the

    old ones, and will need to lift yourselves

    up out of them to ensure smooth and ongoing

    progress.


    หลายๆคนที่กำลังจมดิ่งสู่พลังงานแบบเก่า ก็จำเป็นที่จะต้องรีบยกระดับตัวเองขึ้นมา เพื่อความพร้อมต่อกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น

    You are in exciting times and have spent

    many lives preparing for such an occasion

    as now.


    คุณได้ใช้เวลามาหลายภพชาติ เพื่อเตรียมการเพื่อโอกาสนี้ เวลานี้ ที่เป็นเวลาที่น่าตื่นเต้น

    มากๆ

    You knew that you would be ready to take a

    great leap forward, and now you have a

    great future ahead of you.


    พวกคุณรู้มาตลอดว่า คุณจะพร้อมเพื่อข้ามผ่านไปข้างหน้า และตอนนี้ คุณกำลังมี

    อนาคตที่ยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้า

    Many will eventually return to their home

    planet having completed their time in the

    lower dimensions.


    ในท้ายที่สุดแล้ว หลายๆคนก็จะได้กลับดาวบ้านเกิดของตัวเอง เพราะว่าได้เสร็จสิ้นช่วงเวลาที่จะต้องอยู่ในมิติที่ต่ำๆกว่าแบบนี้เรียบร้อยแล้ว

    The experience that they have gained will

    then be shared with others so as to benefit

    the whole.


    แต่ประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับมา จะถูกแบ่งปันแก่ผู้อื่นต่อไปอีก และดังนั้น มันจึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมทั้งหมด
    (หมายเหตุ: เขาพูดถึงประสบการณ์จากการลงมาเกิดในมิติที่ต่ำๆนี้ของจิตวิญญาณกลุ่มที่กลับไปดาวบ้านเกิดหนะครับ และในมิติของพวกเขา มันจะเป็นมิติแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ ใครคิดอะไร รู้สึกอะไร หรือได้รับประสบการณ์อะไรมา มันก็จะถูกรับรู้โดยรูปธรรมชีวิตทุกๆรูปธรรม ที่อยู่ในมิตินั้น ทั้งหมด และในทันทีทันใดเลยหละครับ)

    Some have become so insular having spent

    so long on Earth, that they have almost

    forgotten that life abounds everywhere in

    the Universe.


    บางคนที่ใจยังแคบ เพราะใช้ชีวิตในโลกสามมิตินี้มานานเกินไป, พวกเขาได้ลืมไปว่า

    สรรพชีวิตยังคงมีในทุกๆที่ในจักรวาล

    There is so much to see and so much to do,

    that you will never tire of having new

    experiences.


    ในจักรวาลนี้ยังมีอะไรอีกมากมายให้ดูและให้ทำได้ ซึ่งคุณจะไม่รู้สึกเหนื่อยกับมันเลย

    กับประการณ์ใหม่นี้

    Your eyes are being opened to the

    understand that you are great Beings, and

    are destined to regain all of your chakras

    and suppressed abilities.


    ดวงตาของพวกคุณกำลังจะถูกเปิดขึ้นมาสู่ความเข้าใจที่ว่า
    พวกคุณคือรูปธรรมชีวิตที่ยิ่งใหญ่ และถูกกำหนดไว้เอาล่วงหน้าแล้วว่า
    จะต้องได้รับการฟื้นฟูระบบจักระของตัวเองให้เต็มเปี่ยมสมบูรณ์ขึ้นมาใหม่
    และจะต้องได้รับการฟื้นฟูความสามารถต่างๆของตัวเอง
    ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกยับยั้งเอาไว้ ให้กลับคืนมาใหม่ทั้งหมดด้วย

    Only then will you understand the

    potential of a fully developed Being moving

    in the higher dimensions.


    แล้วเมื่อนั้น และก็เฉพาะหลังจากนั้นแล้วเท่านั้น พวกคุณก็จะเข้าใจถึงศักยภาพที่แท้จริง ของการเป็นรูปธรรมชีวิตที่วิวัฒน์อย่างเต็มที่แล้ว ที่กำลังเคลื่อนที่ไปมาอยู่ในมิติที่สูงๆกว่าทั้งหลายได้

    At present you are being prepared for a

    great leap forward. It will return you to a

    state that you were in prior to your

    journey through the lower dimensions.


    ในขณะนี้ พวกคุณกำลังถูกเตรียมการสำหรับการก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่, มันจะนำคุณไป

    สู่สภาวะที่คุณเคยอยู่มาก่อน ก่อนที่จะเดินทางผ่านมิติที่สามนี้ไป

    These are very testing times for you, but

    with your experience you should be able to

    move through them with ease.


    ตอนนี้แล่ะ เป็นเวลาที่น่าทดสอบของพวกคุณแล้ว ด้วยประสบการณ์ของพวกคุณ น่าจะ

    สามารถเคลื่อนย้ายไปสู่มิติที่สูงกว่าไม่ยาก

    Follow your intuition if you feel any

    doubt and you surely will not go wrong.


    เมื่อคุณรู้สึกสงสัย ให้ทำตามสัญชาตญาณของคุณ แล้วคุณจะไม่หลงทาง

    Remember that many souls are experiencing

    your journey through you, and at the same

    time helping you where they can. Remember

    also that your Guides do not interfere in

    your life unless asked to do so.


    จำไว้ว่า มีจิตวิญญาณมากมากที่จะมีประสบการณ์ร่วมกับคุณในการเดินทางของคุณ ใน

    ขณะเดียวกัน ก็จะช่วยเหลือคุณเมื่อพวกเขาทำได้ แต่ก็จำไว้ด้วยว่า จิตวิญญาณที่เป็นผู้

    นำทางทั้งหลาย จะไม่รบกวนหรือไปแทรกแทรงคุณ ยกเว้นคุณขอให้ช่วยเท่านั้น

    They will however use their influence to

    point you in the right direction at all

    times.


    จิตวิญญาณผู้นำทางจะช่วยชักจูงและส่งคุณไปในทิศทางที่ถูกต้องเสมอ

    I am SaLuSa, and ask you to be ready to

    accept the changes and give help to those

    who may not be so well informed. We are

    with you and giving of our love and

    blessings for a successful journey.


    ฉันคือ SaLuSa, และกำลังถามคุณถึงความพร้อมของพวกคุณ ที่จะยอมรับการ

    เปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนอื่นๆอืกมากมายที่ยังไม่ได้รับข้อมูลที่ดี

    เพียงพอ. เราอยู่กับคุณเสมอ และกำลังให้ความรักและคำอวยพรกับพวกคุณ เพื่อความสำเร็จใจการเดินทางครั้งนี้.

    Thank you SaLuSa.
    Mike Quinsey
    Website:

    Messages from Spirit by Mike Quisney

    หมายเหตุ 5 Jan 2014: ขอบคุณคุณ ชยุต ที่รีบมาแก้ตรงที่แปลผิดให้นะครับ แหม่ ผมแปลไม่ตรงไปหลายประโยคเลยอะ ขอโทษด้วยนะครับ หวังว่าทุกท่านจะได้ลองอ่านบทความนี้ใหม่ด้วยนะครับ เพื่อความถูกต้อง โดยผมได้แก้แต่ละประโยคที่คุณ ชยุต แปลให้ใหม่แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2014
  3. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    [​IMG]

    THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2014
    January 5-12, 2014
    วันที่โพสท์ Mon Jan 6/1/2014

    ผู้แปล: ชยุต-อจิตตะ

    การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มกระชั้นเข้ามาแล้วในช่วงเวลานี้
    และยังเป็นชั่วโมงแห่งข้อมูลข่าวสารมากมายที่ต้องนำเสนอกัน
    ซึ่งจะทำให้มนุษย์ปวดเศียรเวียนเกล้า
    ไปกับความพยายามทีจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันหนอ
    อีกทั้งเหล่าสื่อต่างๆ ก็ได้พากันเผยแพร่ช่าวนี้กันมากซะด้วย
    มันเหมือนกับเป็นการปลุกบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกให้ตื่นขึ้น
    เพื่อเปิดรับกับเหล่าแสงสว่างด้วยหัวใจและจิตวิญญาณของเหล่ามนุษย์ที่กำลังตื่น
    ซึ่งก็เป็นเวลาที่คุณแต่ละคนได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว...
    ความสงบและความสมดุลย์ของคุณเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด
    ในการรักษาดุลย์ภาพของพลังงานของโลกไว้
    ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ที่กำลังรับมือกับเรื่องนี้ต้องเข้าใจ...

    หลายคนเริ่มที่จะจำได้แล้วในเหตุผล
    และวัตถุประสงค์ที่มาแสดงตัวอยู่บนโลกใบนี้
    ซึ่งในแต่ละวันคุณก็ยังคงก้าวต่อไปอย่างเงียบๆ
    และไม่ทำตัวโฉ่งฉ่างกับการเป็น Light Worker
    มันเหมือนกับการเป็นลูกเรือบนภาคพื้นดินของพวกเรา
    ทั้งยังช่วยให้แต่ละคนอยู่ได้โดยไม่เป็นที่สังเกตุเห็นหรือพรางตัวได้
    แต่นี่...มันเป็นช่วงเวลาของการเดินไปข้างหน้าแล้วนะ
    ซึ่งการเริ่มต้น ก็คือการเปลี่ยนแปลง “คุณ “
    ผู้ซึ่งเป็น Light worker ของโลกใบนี้
    คุณจะเริ่มโดดเด่นขึ้นด้วยแสงสว่างที่แผ่ออกมาจากตัวคุณเอง
    จนผู้คนรอบตัวคุณอดสงสัยไม่ได้ในความแตกต่างที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของคุณ

    ซึ่งเมื่อคุณคุณได้ส่งคลื่นความถี่ของความรักและความสุขออกไป,
    ถึงแม้เราจะช่วยไม่ได้ในเรื่องของสันติภาพและความสามัคคีของผู้คน
    แต่อย่างน้อยก็ย่อมมีผลกระทบและมีการตอบสนองกลับในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
    ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับระดับ“ความเข้าใจ” ของพวกเขาแต่ละคน...

    การฝึกเล่นมายากลแบบเล่นแร่แปรธาตุด้วยคำพูด
    ซึ่งเป็นผลงานของการโฟกัสด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์
    โดยมีความตั้งใจและพูดซ้ำ ๆ อย่างไม่ย่อท้อ
    จะกลับกลายเป็นเรื่องเด่นขึ้นมากกว่าเก่าก่อน
    และ ณ. ขณะนี้...คุณคุณก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญ
    ในการยึดหลักการนี้มาใช้ในชีวิตประจำวัน
    เพื่อที่คุณจะได้เห็นและมีประสบการณ์
    กับผลของมันอย่างชัดแจ้งของโลกรอบตัวคุณ...

    จงอยู่กับปัจจุบันขณะให้ได้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้
    จงดูแลรักษาร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณของคุณไว้ให้ดี
    คุณต้องดูแลและรักตนเองก่อนจึงจะสามารถนำไปแจกจ่ายให้ผู้อื่นได้
    ทั้ง”ความรู้สึกตัว”ของคุณกับชีวิตที่ต้องหมุนไปกับโลกใบนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง...
    และทำทุกสิ่งให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ในทุกๆขณะ
    และจงมั่นใจว่าคุณจะได้รับคำแนะนำและการกระตุ้นเตือน...
    เพราะนั่นคือสิ่งที่ขาดเสียมิได้ในขั้นตอนต่อไปของคุณ


    ขณะนี้คุณคุณส่วนใหญ่มีความสามารถในการควบคุมพลังได้ดียิ่งขึ้น
    หลังจากที่รูปแบบของการบิดเบือนท้ายสุดได้ถูกปลดปล่อยออกมา
    และเลือนหายไปจากภายในของคุณ
    คุณถึงได้ดูดซับและปรับตัวทั้งผสมผสานกับแสงสว่างได้ดียิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา
    ซึ่งคุณแต่ละคนก็เหมือนโรงไฟฟ้าที่ยิ่งใหญ่
    ที่สามารถนำโลกไปสู่การบรรลุซึ่งเป้าหมาย
    ด้วยการมุ่งมั่นในหน้าที่ของงานที่มีมาก่อนที่คุณจะมา (เกิด=ผู้แปล)

    พวกคุณได้รับการชี้นำทางเสมอมา และก็จะได้รับต่อๆไปอีกด้วย
    จากครอบครัวชาวแสงสว่างของพวกคุณ
    เพื่อให้พวกคุณได้รับ และได้ประสบกับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
    เพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกผู้ทุกนาม
    ไม่มีพวกคุณคนไหนเลยที่จะเดินอยู่บนโลกนี้แต่เพียงลำพัง
    เพราะว่าความจริงแล้ว พวกคุณส่วนใหญ่อาจจะถึงกับช็อก
    เมื่อพบว่ามีรูปธรรมชีวิตจำนวนมากมายเพียงใด
    ที่กำลังเดินไปพร้อมๆกับพวกคุณอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกคุณบนโลกใบนี้
    จงพยายามปรับจูนตัวเองให้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเราในแต่ละวัน
    และจงหาเวลาเพื่อทำสมาธิและภาวนาตามลำพัง
    เพราะว่าในอากาศที่อยู่รอบๆตัวของพวกคุณนั้น
    คับคั่งไปด้วยรูปธรรมชีวิตจากมิติที่สูงๆกว่าทั้งหลาย จำนวนมากมาย (Thanks...)

    ซึ่งในขณะที่คุณปรับตัวให้อยู่กับธรรมชาตินั้น
    คุณจะได้รับความรู้ และเกิดการกระตุ้นให้เกิดกำลังใจ
    และได้รับคำแนะนำที่ดีที่สุดเพื่อก้าวต่อไปของคุณ
    บางทีสิ่งที่คุณต้องการมันก็อยู่ที่ที่คุณอยู่นั่นแหละ
    ซึ่งก็เพื่อให้คุณได้แสดงตัวในพื้นที่ที่สามารถตอบสนองจุดประสงค์ที่สูงยิ่งขึ้นไปได้
    จงทำตัวให้เป็นกลางและสังเกตุสัญญาณ (signs)รอบๆตัวคุณ
    และทำตามแรงกระตุ้นเตือนของหัวใจคุณ...
    คุณจะปลอดภัย...คุณเป็นที่รักและได้รับความคุ้มครองเสมอ

    "จงทำความสงบนิ่งทั้งภายในและภายนอกของคุณดั่งโดนเวทย์มนต์
    ก่อนที่คุณจะสามารถสงบนิ่งได้อย่างอัตโนมัติ...
    ซึ่งจะเกิดขึ้นแน่นอนในเวลาที่ถูกที่ควร..."
    ..


    Until next week…
    I AM Hilarion
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2014
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    สละสลวย ราบเรียบ แต่งดงาม
    นิ่ง แต่ทรงพลัง เหมือนจิตใจของผู้แปล

    ฮิฮิ

    ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

    .....................................
     
  5. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    ประโยคใจความนี้ โดนใจ สะเทือนใจอย่างแรงครับ +++ :cool: :cool: :cool:
     
  6. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    กระทู้เงียบจังครับพี่
     
  7. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    แหม...ขอบคุณที่เน้นให้ดูนะครับ ทำให้นึกถึงอดีต
    หลังสอบวิชา "พุทธะซาเปี๊ยน" ที่สวนโมกข์เสร็จแล้ว เมื่อสิบแปดปีก่อน

    ตอนออกจากวัด หน้าเราเหมือนจะส่องแสงได้ด้วย
    ดูกระจกแล้วตกกะใจ ทำไมหน้าเราเหมือนเปิดไฟจากข้างในได้ล่ะหว่า

    จนมีคนทัก ทำไมหน้าเป็นแบบนี้ อันนี้ไม่ได้โม้นะครับ เรื่องจริง ขอบอก
    แต่ส่วนนึง น่าจะเป็นผลจากการฝึกลมปราณอย่างหนัก และหลากหลาย

    ก็ขอขอบคุณอีกครั้งนึง เดี๋ยวจะกลับไปนั่งคิด แบบไร้นิวรณ์ทั้งห้าดูให้ดีๆ
    บางทีอาจจะมีอะไรสำคัญ ซุกซ่อนอยู่ในช่วงเวลานั้น รู้สึกตะหงิดๆ แฮะ

    ปล.ตอนท่านโพสท์ รู้สึกตัวเป็นปกติไหมครับ สติครบถ้วนรึป่าว
    เราสงสัยว่าบางที ท่านอาจโดนอะไรสิงอยู่รึป่าว
    ถึงโพสท์ได้กระแทกใจดังปังเลย มันมีพิรุธน่ะครับ (ล้อเล่น)



    วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด (สวนโมกข์)

    .
     
  8. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    เอ็งยังอยู่อีกหรือพ่อหนุ่ม ดีใจที่ได้พบกันอีก กระทุ้นี้ลุงว่ามันออกแนวนิวเอจและจับฉ่ายไปมากทีเดียว.....
    เห็นแล้วราวกับย้อนไปในอเมริกายุคปี60-70 ครั้นลุงยังวัยรุ่นตอนปลายๆๆ
    ยุคฮิปปี้ แลยาเสพติดเบ่งบาน แลความกระหายทางจิตวิญญาณในอเมริการะบาดไปเต็มขั้น บวกกบการโหมกระนำจากสุดยอดกูรุสารพัดทั้งเต๋า โยคะ เซน ตันตระ พุทธ เวทานตะ เลยไปจนลัทธิศาสนาพื้นเมืองอเมริกา จนกลายมาเป็นวัตถุนิยมทางจิตวิญญาณไป
    กระทู้นี้ก็ออกแนวควันหลง.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2014
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    และนี่แหละคือสิ่งที่พวกเรายืนหยัดดำเนินไปอยู่หละครับ
    แนวที่ท่านว่าควันหลงนี่แหละครับ..

    ก็เอาเป็นว่า ใครชอบควันและแสงแบบนี้ก็ตามอ่านกันต่อไป
    ส่วนใครที่ไม่ชอบ มันก็ยังมี "ควัน" และ "ไฟ" แบบอื่นๆ
    ให้ท่านได้ตามอ่านอยู่อีกดาษดื่นเวปพลังจิตแห่งนี้อยู่อีกนะครับ

    และเพราะว่า ทุกๆคนล้วนมีสิทธิโดยชอบธรรมมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว
    ว่าจะเลือกชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร..
    เพราะฉะนั้น จึงไม่มีการตัดสินชี้ถูกผิดอยู่ ณ.ที่นี้ครับ

    ขอขอบพระคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็นนะครับ
    .......................................................
     
  10. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529

    ปล. กระทู้ข้างบนท่านSogyal ริมโปเช ผู้นำสายริกปะ ของธิเบตในเวลานี้นะท่านเป็น ลามะธิเบตก็หมายความว่าท่านถือการปฏิบัติตามคำสอนของนิกายมาธยมิกะ แบบปราสังคิกะ ดังนั้นก็หมายความว่า ท่านปฏิเสธเรื่องการมีอยู่ของจิตจักรวาล ซึ่งจริงก็คือปรมาตมันของฮินดู ที่ตอนที่ฝรั่งมาศึกษาศาสนาตะวันออกก็แปลคำนี้ไปว่าจิตสากล จิตจักรวาล นั้นเอง กล่าวคือฝ่ายทิเบตถือตามมติว่า"สรรพธรรมทั้งหลายไม่มีสวลักษณะ(การมีด้วยตัวมันเองอยู่เป็นอยู่)เป็นปฏิจจสมุปบาทธรรม สังสารวัฏกับนิพพาน เมื่อว่าโดยปรมัตถโวหาร ก็เป็นมายาธรรม ทั้งนี้เพราะเหตุว่าเมื่อโลกไม่มีสวลักษณะ เปรียบเหมือนพยับแดด เหมือนฟองน้ำ ความดับไปแห่งโลก กล่าวคือพระนิพพานจะมีสวลักษณะอยู่ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเมื่อโลกเป็นมายา ความดับไปแห่งความเป็นมายานั้นจึงพลอยเป็นมายาด้วย เพราะเนื้อแท้ไม่มีอะไรดับผู้ใดเห็นว่าโลกกับนิพพานเป็นหนึ่ง ผู้นั้นเป็นฝ่ายข้างสัสสตทิฎฐิ ผู้ใดเห็นว่าโลกกับนิพพานเป็นสอง ผู้นั้นเป็นฝ่ายนัตถิกทิฎฐิ โดยแท้จริงพระนิพพานนั้น ไม่เป็นทั้งภาวะและอภาวะ ผู้ใดเห็นพระนิพพานเป็นภาวะ ผู้นั้นเป็นผู้ถือเอาส่วนสุดฝ่ายอัตถิตา ผู้ใดเห็นพระนิพพานเป็นอภาวะ ผู้นั้นถือเอาส่วนสุดฝ่ายนัตถิตา โดยความจริงแล้ว นิพพานว่างจากความมีและความไม่มี(คือความีและไม่มีต่างก็เป็นอนัตตาทั้งคู่คือไม่มีตัวตนอยู่จริงด้วยตัวมันเองเลยเป็นกระแสของปฏิจจสมุปบาทธรรม ล้วนๆๆ คือเป็นมายา "

    ทีนี้จิตสังขารอะไรนั้นจริงๆๆคำว่าจิตสังขาร ก็คือสิ่งที่พระอภิธรรมเรียกว่า เจตสิกนั้นเอง เป็นองค์ประกอบของจิต ซึ่งทำให้จิตแสดงตัวออกมาในแบบต่างๆๆกัน
    แลเจตสิกนี้กับจิตนี้เกิดคู่กันเสมอ เป็นหนึ่งเดียวกันแต่เราแจกแจงเพื่อให้เข้าใจง่ายนั้นเอง ทีนี้ในพุทธศาสนาเราไม่มีการสลายอัตตา เพราะมันไม่มี
    จึงไม่ต้องสลาย อัตตานะมันไม่มี แต่ไปยึดด้วยความไม่รู้ว่ามันมีมันเลยเป็นปัญหา ที่ต้องถอนด้วยหลังอนัตตาก็คือความยึดถือว่ามี อัตตาตัวนี้ไม่ใช่ว่าสลายทำลายอัตตา
    ทีนี้ มันยังไง พุทธศาสนาสอนว่าไอ้ที่เราคิดว่ามีอัตตานะเป็นเพราะอำนาจของความไม่รู้ อัตตาที่แท้จริงนะมันไม่มีอย่างเช่นรถ ความเป็นรถเกิดจากอะไรก็เกิดจาก เพลา ล้อ ประตู โครงต่างๆๆนานๆๆมาประกอบกัน
    ดังนั้น ความเป็นรถแท้จริงไม่มี สักแต่สมมุติขึ้นมาว่ารถ ดังนั้นจึ่งว่าง ไม่มีอัตตาที่แท้สักแต่มีอยู่โดยสมมติ
    ที่นี้พระนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา ปัญหานี้ก็คือหลังอนัตตา นี้มีขึ้นเพื่อป้องกันการยึดถือแม้แต่นิพพาน ด้วยเหตุนี้เราจึ่งว่าพระนิพพานเป็นอนัตตาคือไม่ใชjตัวตนให้ไปยึดในเพื่อที่จะไปจะเข้าถึงเพราะถ้ายึดจิตก็หยั่งลงพระนิพพานไม่ได้
    นี่คือสิ่งที่พุทธศาสนาต่างจากศาสนาฮินดู ไม่ใช่ว่าฮินดูไม่สอนเรื่องอสังขตธรรม

    ถ้าไปดูคำอธิบายพระนิพพานกับปรมาตมันจะพบว่าคืออันเดียวกัน ไปอ่านภควัทคีตา เถิดแล้วเอาพระสูตรเทียบมันคือคำอธิบายเดียวกันเลย ถ้าไม่ยึดกับถ้อยคำนักและเข้าใจว่าเขาพูดอะไร อย่าง

    "อาตมัน(ไม่ใช่จิตไม่ใช่วัตถุนะ) นี้ไม่เกิด ไม่ตาย เป็นสภาวะนิรันดร เที่ยงแท้ไม่มีแปรเปลี่ยน อาตมันนั้นไม่มีอาวุธหรือศาสตราชนิดใดตัดขาด ไฟก็เผาไหม้ให้พินาศ น้ำก็มิอาจพัดพาให้เปียกละลาย กระทั่งลมก็ไม่สามารถกระพือพัดให้แห้งระเหยไป เพราะตัดไม่ขาด เผาไม่ไหม้ ถูกน้ำถูกลมก็ไม่ละลายหรือแห้งเหือด อาตมันจึงชื่อว่าเป็นสภาวะอันนิรันดร แผ่ซ่านอยู่ทุกอณูของจักรวาล ยืนยงไม่รู้จักแปรเปลี่ยนตามกาลเวลา อาตมันนี้ไม่ปรากฏให้เห็นแจ่มแจ้ง คิดตามก็ไม่อาจหยั่งทราบทั้งยังเป็นสภาวะอันเที่ยงแท้ชั่วนิตย์นิรันดร์อาตมันนั้นไม่มีอาวุธหรือศาสตราชนิดใดตัดขาด ไฟก็เผาไหม้ให้พินาศ น้ำก็มิอาจพัดพาให้เปียกละลาย กระทั่งลมก็ไม่สามารถกระพือพัดให้แห้งระเหยไป เพราะตัดไม่ขาด เผาไม่ไหม้ ถูกน้ำถูกลมก็ไม่ละลายหรือแห้งเหือด อาตมันจึงชื่อว่าเป็นสภาวะอันนิรันดร แผ่ซ่านอยู่ทุกอณูของจักรวาล ยืนยงไม่รู้จักแปรเปลี่ยนตามกาลเวลาอาตมันนี้ไม่ปรากฏให้เห็นแจ่มแจ้ง คิดตามก็ไม่อาจหยั่งทราบทั้งยังเป็นสภาวะอันเที่ยงแท้ชั่วนิตย์นิรันดร์"



    แม้แต่ในสูตรของไชนะ(ศาสนาเชน)จะเห็นว่าเขาสอนเรื่องอสังขตธรรมแบบเราแล้วเขาก็เน้นว่าปรมาตมันของฮินดูนะอันเดียวกันกับของเขา และ

    อย่างคำอธิบายเรื่องพรหมแท้ของศังกราจารย์ปราชญ์ฮินดูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือนิพพานของพระพุทธศาสนา มีคนวิจารณ์ว่าท่านไปเอาคำอธิบายในพุทธศาสนามาแปลงเป็นคำอธิบายใหม่ให้กับคัมภีร์อุปนิษัทด้วยซ้ำ ไปดูแนวคำอธิบายเรื่องพรหมมันของท่านเถิด

    แต่ประเด็นก็คือ ศาสนาฮินดูท่านมองหาตัวตนที่แท้คือยึดว่ามีอสังขตธรรมที่จะให้จิตไปถึงไปรวมอะไรทำนองนี้.....
    โยคีท่านเพ่งหาตัวตนที่แท้ จิตจักรวาล หรือภัคดิโยคะ สังเกตว่าสอนสูงขึ้นมาอีกจากศาสนาแบบเทวนิยมธรรมดาที่พระเจ้ายังเป็นชายเครายาวเป็นคน ท่านสอนว่าไม่ใช้คนแล้วเป็นสิ่งหนึ่งที่นิยามไม่ได้อะไรเทือกนี้ ดูคำสอนของพระกฤษณะในคีตา
    แต่พระพุทธเจ้าท่านมองว่ามันยังไม่ใช่ ยังพลาดอยู่ท่านไม่ได้บอกว่ามันผิด แต่เน้นว่ามันยังไม่ใช่ ท่านก็ออกไปค้นจนท่านพบท่านสอนอนัตตาเลย คือตราบใดที่ยังถือว่าพระนิพพานเป็นอัตตา เป็นสิ่ง เป็นอะไรสักอย่างที่จะไปยึดนะมันยังมีอุปทานเหลืออยู่มันยังไม่ใช่ยังไม่หมดทุกข์ตามนี้

    ทีนี้มีอ.บางพวกสอนว่าพระพุทธเจ้าสอนอนัตตาเพื่อให้รู้จักอัตตาที่แท้ อันนี้ไม่ใช่ของใหม่ที่ธรรมกายสอนจริงๆๆ ธรรมกายไปเอาของเขามาเพื่อจะหาประโยชน์เพราะคนมันยังโง่ ยังอยากยึดยังเชื่อเรื่องตัวตนมันก็ง่ายที่จะสอนแบบนี้หาเงิน สังเกตว่านี่แหละที่ทำให้พุทธศาสนาเข้าใจยากและหมดไปจากอินเดีย ทีนี้อันนี้ในสมัยก่อนยุคหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไม่นาน ก็เกิดนิกายวัชชีบุตร ก็สอนแบบนี้ซึ่งพุทธศาสนานิกายอื่นๆๆแม้จะไม่ถูกกัน ก็ถือว่านิกายนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งนั้น กาลต่อมาเป็นว่าพุทธศาสนาวิวัฒนาการไป จนยุคมหายยานในอีก500-700ปีต่อมา กระแสความคิดก็มีสามกระแสใหญ่คือ มาธยมิกะ วิญญาณวาทิน ภูตตถตาวาทิน
    โดยเรื่องจิตสากลนี้ก็พัฒนามาจากฝ่ายภูตตถตาวาทิน ในชื่อต่างๆๆ เช่น ตถาคตครรถ์ ธรรมกาย(แบบที่ไม่ใช้ในความหมายของการเห็นธรรม) เอกจิตธรรมธาตุ เทือกนี้

    พวกนี้แต่งพระสูตรไว้มากโดยเฉพาะ 80%ของพระสูตรมหายานเป็นของพวกนี้ พวกนี้สอนว่า"ธรรมดาภาวะของจิตหรือสมบูรณภาพนั้น เที่ยงแท้ ไม่เกิด ไม่ด้บ เบื้องต้นไม่ปรากฏเบื้องปลายไม่ปรากฏ แต่ที่เห็นเกิดดับนั้นเพียงอาการของจิต ไม่ใช่ตัวจิต เพราะฉะนั้นจิตจึงไม่ใช่วิญญาณขันธ์" เมื่อจิตมิใช่วิญญาณขันธ์ จิตจึงเป็นผู้รู้ขันธ์ ผู้ปล่อยขันธ์ " คือมีจิตสากลเป็นตัวยืนโรงอยู่นั้นเองเป็นมูลการณะ โดยที่นิกายมาธยมิกะ วิญญาณวาทิน นี้ต่างก็ไม่เห็นด้วย

    แลนิกายภูตตถตาวาทินนี้ ก็ได้รับความนิยมในจีนและพุทธศาสนาในประเทศที่รับพุทธศาสนามาจากจีน เช่นนิกายเทียนไท้ของจีน นิกายสุขาวดี นิกายอวตังสก นิกายมิกจง พวกนี้ก็ล้วนแต่อธิบายเรื่องจิตสากลเป็นเป้าหมายทั้งนั้น เมื่อฝรั่งมาศึกษาก็รับพุทธศาสนาจากจีนและญี่ปุ่นก่อน ประจวบกับคุ้นเคยกับการศึกษาศาสนาอินเดียคือฮินดูมาก่อนได้รับอิทธิผลทั้งทั้น ก็เลยมักจะเขียนอธิบายพุทธศาสนาแบบเข้าใจผิดว่าอย่างงี้คือมีจิตสากล จิตจักรวาลและเหมารวมว่าเหมือนกับฮินดู เช่นงานเขียนของนายALDOUS HUXLEY เป็นต้น แต่เดี๋ยวนี้ฝรั่งเข้าใจถูกแล้ว ส่วนหนึ่งก็เพราะพวกอ.เซน อ.ทิเบตในกรณีนี้พวกนี้หลังทิเบตแตกก็ขนคัมภีร์ของปราชญ์จากนาลันทาที่แปลเป็นภาษาทิเบตหลังการกาดล้างของมุสลิมไปด้วย เช่น งานของท่านนาครชุน ท่านอารยเทพ ท่านอสังคะ ท่านจันทรกีรติ ท่านภาววิเวกฝรั่งก็ไปเรียนภาษาทิเบตซึ่งแต่เดิมคัมภีร์นี้ไม่เปิดให้คนนอกดู ตอนนี้ฝรั่งดูได้ก็แปลมาเป็นจำนวนมาก และอีกกรณีหนึ่งก็เพราะ คัมภีร์ของฝ่ายเถรวาทในภาษาสิงหลถูกแปลไปมากนั้นเอง ทำให้เข้าใจพุทธศาสนาได้ถูกขึ้นและแยกสาระออกได้

    ในหนังสือภาษาไทยข้าเห็นว่า ก็มีเล่มที่สรุปและอธิบายได้ดีที่สุดเรื่องนี้ก็คืออนัตตาของพระพุทธเจ้าที่ท่านพุทธทาสแต่งเพื่ออธิบายเรื่องนี้ตอนที่เขาเถียงกันเรื่องอัตตาอนัตตาเถิด จริงๆๆเรื่องอัตตาอนัตตาก้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาเถียงกัน(สำหรับบางคนในหมู่พุทธบริษัท)เลย กล่าวก็คือจิตที่หมดความโลภ ความโกรธ ความหลง หมดอุปทาน ไปพ้นจากของคู่ๆๆ ไม่ข้องในอะไรๆๆ นั้นแหละมันก็หยั่งลงในนิพพานเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นนักเลงวิวาทะทางปรัชญาอันใดเลย เป็นเรื่องของคนที่ดื่มน้ำแล้วเลิกกระหายก็รู้ว่าไม่มีคำอธิบายใดๆๆต่อความสดซื่นนั้นได้มันก็แค่นั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มกราคม 2014
  11. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    ประโยคเดียวของคุณเรียกแขกได้เยอะเลย...
     
  12. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    ยังอยู่สิครับ ท่านที่เคยหนุ่ม ดีใจเหมือนกันครับ ที่ได้เจ๊อะกันอีกครั้ง
    จับฉ่ายก็อร่อยดีนะครับ ถ้าทำเก่งๆ รสชาติดีๆ เราก็ชอบกินแยะๆ

    แหมเห็นท่านเล่าย้อนไปถึงยุค 60-70 สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นตอนปลายๆ
    ทำให้นึกถึงสมัยเป็นเด็กตอนต้นๆ ยังมีขวบไม่มากเลยครับ ตอนนั้น

    เราก็คิดว่าต้นกระทู้อาจจะอยู่ที่เมกาก็เป็นได้นะครับ
    รสชาติของมัน พอได้ชิมแล้ว เลยทำให้ท่านนึกถึงที่นั่นได้ น่าสงสัยเนอะ

    เอ...วัตถุนิยมทางจิตวิญญาน ฟังดูเข้าใจยากจังครับ
    นิยามทางจิต แล้วทำไมยังต้องการวัตถุนิยมอีกล่ะครับ ใช่แน่รื้อ

    ควันหลง เราไม่ค่อยชอบหรอกครับ นอกจากจะเป็นคนทำควันหลงเอง 555

    กระทู้ท่านชยุตต์นี้ ถึงจะมีควัน แต่ก็คงไม่หลงหรอกนะครับ
    เค้าเดินแน่วแน่ มั่นคง ตรงไปตามทาง ย่างด้วยแผนที่ มีหลักการ
    แม้เราจะรับได้ไม่รู้ถึงครึ่งรึป่าว แต่ก็ไม่เคยคิดจะโต้แย้งด้วย

    ก็เค้าน่ารักออก เลยไม่อยากจะขัดคอเค้า ทั้งๆ ที่อยากเถียงจะแย่
    มีหลายประเด็นเหมือนกัน ที่ไม่เข้าตา และไม่เข้าใจ

    แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณเค้าแหละครับ เราก็ได้ความรู้ไปหลากหลาย มิใช่น้อย
    ไปออกดอกออกผล เติบโตทั้งราก ลำต้น และกิ่งก้าน
    จนจิตใจบางส่วน ก็มีต้นชยุตต์เยอะแยะ ชุกชุมเลยครับท่าน 555


    ค้างคาวแห่งแสง / วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  13. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    งั้นอ่านนิทานผ่านเรื่องจริงไปพลาง ๆ ก่อนละกันนะ...

    ณ. ต่างแดน...
    ฉันได้ไปร้านเครื่องเทศกับเพื่อนเพื่อจะไปซื้อ “ยี่หร่า”
    แต่ก็ลืมค้นดูว่าชื่อภาษาอังกฤษเขาเรียกว่าอะไร...
    เมื่อถึงร้าน...เพื่อนจึงได้อธิบายสีสรรของมันให้กับผู้ขาย
    ปรากฏว่า ผู้ขายผายมือไปที่กลุ่มเครื่องเทศที่เป็นสีเหลืองตามที่เพื่อนบรรยายให้เขาฟัง
    ซึ่งก็มีมากกว่าสิบชนิด...และเชิญให้เราไปเลือกกันเอง
    “ตายละซิ”...ฉันคิด..."จะรู้ไม๊นี่ว่าอันไหนคือ “ยี่หร่า”"
    เพราะมันดูเหมือนๆกันหมดเลย...
    สุดท้ายฉันตัดสินใจขอใช้วิธี “ดม”
    ผู้ขายเห็นด้วย จึงตักให้ฉันดมทีละชนิด
    ผ่านไปสามชนิด ...พอชนิดที่สี่ ฉันก็บอกได้ว่าอันนี้แหละที่ต้องการ
    ผู้ขายก็บอกว่า นี่คือ “Cumin(คูมิน)”
    พอฉันได้ยินคำว่า “Cumin”…ฉันก็บอกว่างั้นไม่ใช่
    ฉันไม่ต้องการ”ขมิ้น” (เพราะพอได้ยินคำว่า “คูมิน”
    มันทำให้ฉันคิดว่ามันคือ “ขมิ้น”.)..
    งานนี้คงจบไม่ได้แน่หากลูกค้าคนใหม่ที่เดินเข้ามาในร้านไม่ใช่คนไทย
    และเมื่อเธอได้ยินเรื่องราวของเรา
    เธอจึงเดินมาบอกเราว่า...”ยี่หร่า” คือ “คูมิน” ค่ะ...
    สรุป...ฉันได้ “ยี่หร่า” กลับบ้านจนได้...

    ในขณะที่ฉันยืนรอชำระเงิน
    ฉันก็คิดถึงเรื่องราวของ "คูมิน"ที่ผ่านมา
    และอดขำจนออกนอกหน้าไม่ได้...
    เพื่อนจึงหันมาถามว่า “เธอขำอะไร”
    ฉันจึงบอกเพื่อนไปว่า......
    ” ไปมาฉันซื้อได้ของเพราะ
    ”ดม “ไม่ใช่เพราะ”ชื่อ” “.............


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  14. nununo

    nununo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,096
    ผมเพียงหาในสิ่งที่ทำให้ผมได้กำลังใจในชีวิตที่อยู่ในโลกแห่งความขัดแย้งนี้ ไม่ได้คิดเลยว่าต้องแบ่งแยกเป็นพวกไหนนะครับ อย่างน้อยตอนนี้ข้อความจากต่างมิติก็ไม่ได้บอกให้เราไปทำอะไรไม่ดีกับตัวเองหรือผู้อื่นใช่ไหมครับ ในอนาคตถ้าข้อความต่างมิติบอกว่า ทุกคนต้องฆ่าตัวตายเดี๋ยวนี้เพื่อเข้าสู่ความเป็นแสง เอ่อ รับรองว่าผมไม่ทำตามนะครับ ไม่ต้องห่วง แต่ตอนนี้ผมถือว่าข้อความจากต่างมิติที่อ่านมานี้ช่วยคนที่กำลังจิตตกกับปัญหามากมายในสังคมนี้ได้นะครับ แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับผมนะ ขอบคุณครับ
     
  15. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472

    ชอบค่ะ ให้ข้อมูลได้คมชัดลึกมาก ^ ^

    และโซ่เข้าใจว่า "ควันหลง" ที่ท่านกล่าวถึงกระทู้นี้
    ก็เป็นควันที่หลงมาจากก้านธูปที่จุดอยู่เป็นนิรันดร์และจริงแท้ตามที่ท่านเมตตาให้ความรู้มา
    ซึ่งเข้าถึงความตื้นเขินทางธรรมของผู้คนในยุคดิ้นรนเอาตัวรอดและเห็นแก่ตัวมากมายได้ง่ายกว่า

    หากท่านเมตตากล่าวความรู้แบบนั้นให้กับผู้ที่ไม่มีแม้กระทั่งเวลาให้ความสำคัญกับจิตใจตัวเอง
    ท่านคิดว่ามันจะเข้าถึงเขาเหล่านั้น ได้หรือไม่คะ

    ถึงแม้ว่าเนื้อหาของกระทู้นี้ มันจะมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจให้ผู้คนเข้าหา
    แต่ก็ให้เข้ามาเพื่อสูดควันหลงจากธูปดอกนิรันดร์ที่ท่านเมตตากล่าวให้ฟัง มิใช่หรือคะ

    ครั้นเขาเหล่านั้นจะเข้าถึงได้แต่ไหน และสูดดมตามควันไปจนถึงธูปดอกนั้นหรือไม่
    อันนี้แม้แต่ผู้ทรงมีความเมตตาสูงสุด ก็ไม่สามารถไปบังคับใจผู้ใดได้ ถ้าผู้นั้นไม่ให้ความสนใจและยอมรับ จนนำไปสู่การตระหนักรู้ขึ้นในใจ


    และโซ่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียวที่มีท่านมาเมตตามอบความรู้ที่ชัดเจนแบบนี้ให้ได้อ่านกันในกระทู้นี้แหล่ะค่ะ
    เพราะโซ่คิดว่า มันช่วยเรื่องการทำความเข้าใจภายใน ได้ดีมากทีเดียว

    ขอบคุณนะคะ ^ ^

    ปล.หากท่านมีความรู้เรื่องคัมภีร์ Tanya ของยิวอยู่บ้าง โปรดเมตตาให้ความรู้กับลูกหลานคนนี้บ้างนะคะ ผ่านทางข้อความส่วนตัวก็ได้ค่ะ
    หรือท่านอื่นใดที่รู้จักคัมภีร์นี้ แจ้งมาทางข้อความส่วนตัวโซ่ได้เลยนะคะ ^ ^
     
  16. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    วันนี้ผมเห็นตอง7(777)3ครั้งรวด ขับรถไปทางไหนก็จะเจอ777นำหน้าตลอด(ทะเบียนรถคันหน้าอ่ะคับ) ผมรู้สึกมีกำลังใจและเริ่มจะหายเศร้าแหล่ะ555555
    ปล.เผลอแป๊บเดียว สาระเพียบเลยครับ (สีแดงอ่านแล้วเคืองตาอิๆ)
     
  17. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    อ้าววววววว.กลายเป็นคนเรียกแขกไปซ่ะงั้น 55555(ชมหรือยังไงอ่ะคับ อิๆ)
    ปล.พี่อจิตตะ แปลเก่งจังเลยนะครับ อ่านแล้วสมูธมากๆ (ผมติดตามมผลงานแบบไม่แสดงตัวมานานแล้วล่ะครับพี่)
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ในโลกแห่งมายาการ ซึ่งถูกม่านพรางปิดบังความเป็นจริงอยู่แบบนี้
    ในโลกสามมิติแห่งความเป็นทวิภาวะ ซึ่งมีขาวคู่กับดำ มีชั่วคู่กับดี
    มีสว่างคู่กับมืด ฯลฯ แบบนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ
    ที่คนเราจะมีทำผิดบ้าง ทำถูกบ้าง สลับกันไป

    เพราะฉะนั้น ขอให้เข้าใจ เห็นใจ และให้อภัยกันเถอะนะครับ
    และก็อย่าลืมให้อภัยตัวเองซะด้วยหละ

    และในฐานะที่กระทู้นี้เป็นกระทู้ข้อความจากต่างมิติ
    ผมก็เลยจะขอกล่าวถึงข้อความจากต่างมิติ ที่รูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย
    ได้ย้ำเตือนพวกเราอยู่เสมอก็คือ

    "การไม่ตัดสินชี้ถูกผิด ให้กับใคร หรือสิ่งใด" นั่นเอง

    ประโยคนี้มันฟังเข้าใจได้ไม่ยาก แต่มันทำได้ไม่ง่ายเลย จริงๆสาบานได้
    เพราะว่าตัวผมเองก็กำลังฝึกฝนและปฏิบัติอยู่เช่นกัน
    ก็ล้มลุกคลุกคลานกันไปตามประสา แต่ที่สำคัญคือ เราต้องฝึกฝนครับ
    และต้องตั้งใจว่าจะฝึกฝนจริงๆเท่านั้น เราถึงจะค่อยๆเห็นผลสำเร็จของมัน
    ขึ้นมาได้บ้าง ทีละน้อยๆ ทีละน้อย อย่าเพียงแต่อ่านผ่านๆ
    แล้วเข้าใจในระดับเชาว์ปัญญาเท่านั้น เพราะมันจะไม่ช่วยอะไรเลย

    และอีกประการหนึ่งที่หลายท่านอาจจะลืมนึกถึงไป
    ที่ต่างมิติหลายท่านพูดอยู่เสมอว่า ตอนนี้มนุษย์เราทุกๆคน
    ต่างก็กำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือนกันหมดทั้งสิ้น
    เพราะฉะนั้นแล้ว มันก็จะมีเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ต่างๆ
    ที่จะไปขุด ไปเขี่ย ไปกระทุ้ง ไปกระเทาะ ให้สิ่งที่มันเป็น
    พลังงานเก่า เป็นความทรงจำเก่าๆ เป็นความเชื่อเก่าๆ
    หรือเป็นพลังงานที่อุดตัน และ ขัดขวาง การเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณของเรา
    ให้โผล่ขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิว ให้พวกเราแต่ละคน ได้ตั้งคำถามกับสิ่งเหล่านั้น
    และได้เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้น เพื่อที่จะปลดปล่อยมันไป

    ซึ่งบ่อยครั้ง มันก็จะเป็นพลังงานแห่งความมืด หรือ ความเจ็บปวดเก่าๆ
    ที่สะสมอยู่ในระบบพลังงานของเรา ตั้งแต่หลายภพชาติแล้วด้วยซ้ำไป
    ดังนั้น บางทีเราก็จะพบว่าตัวเองได้ระเบิดอะไรออกมาก็ไม่รู้
    ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเราจะทำเช่นนั้นได้เลย อะไรแบบนั้นหนะครับ

    สรุปว่าทุกๆคนก็กำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
    ด้านจิตสำนึก/ความตระหนักรู้เช่นเดียวกันนี้แหละครับ
    ดังนั้นกระบวนการชำระสะสาง มันจึงกำลังเกิดขึ้นอยู่กับทุกๆคน
    ดังนั้น ขอให้เข้าใจ เห็นใจ และให้อภัยซึ่งกันและกันเถอะนะครับ

    หมายเหตุ: หากเราจะตั้งใจฝึกฝนการไม่ตัดสินชี้ถูกผิดจริงๆ
    เราก็จะมองเห็นอะไรหลายๆอย่างในมุมมองที่กว้างขึ้นมากๆเลย
    เช่น เนื้อหาในกระทู้นี้ก็เหมือนกันครับ ซึ่งหลายคนก็ได้รู้ได้เห็นด้วยตัวเองแล้ว
    ว่า หลักใหญ่ใจความของมันแล้ว ก็สรุปรวมลงไปที่ความสูงส่งดีงามเช่นเดียวกัน
    เผลอๆหลายๆเรื่องหลายๆประเด็น อาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน
    กับที่ศาสนาที่เรานับถือสอนเอาไว้ซะด้วยซ้ำไป
    เพียงแต่เขาสื่อสารมาคนละรูปแบบ คนละสไตน์เท่านั้นเอง

    แล้วก็..บางท่านอาจจะลืมไป หรืออาจจะไม่รู้จริงๆว่า
    เวลาที่ระดับจิตถูกยกขึ้น หรือบรรลุธรรม หรือที่ต่างมิติใช้คำว่า
    "จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ขยายตัวมากขึ้น" นั้น
    ความเป็น "อัตตา-ตัวตน" มันก็จะค่อยๆลดน้อยลง จนสลายไปในที่สุด

    และเพราะฉะนั้น เมื่อไม่มีเรา มันก็ไม่มีเขา ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ ฯลฯ
    อย่างที่ต่างมิติชอบพูดว่า "ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน"
    และ "มันไม่เคยมีการแบ่งแยกใดๆอยู่เลย" แต่ที่เราเห็นว่ามันแบ่งแยก
    ก็เพราะว่าเรากำลังอยู่ในแมตริกของมิติที่สาม
    ซึ่งมีกาลเวลาแบบเป็นเส้นตรงนี้เท่านั้นเอง

    พูดง่ายๆก็คือ คล้ายๆกับว่า เรากำลังอยู่ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์
    หรืออยู่ในโปรแกรมเกมส์อะไรซักอย่างแบบนั้นหละ
    ซึ่งตัวตนตอนนี้ของเรา ก็คือตัวละครในเกม ส่วนผู้เล่นก็คือ
    จิตวิญญาณของเราที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าเรา หรืออยู่นอกจอนั่นเอง

    ดังนั้น ถ้าท่านใดยัง "ยึดและติด" อยู่กับ "การแบ่งแยก"
    อยู่กับการแบ่งฉัน แบ่งเธอ แบ่งพรรค แบ่งพวก แบ่งลัทธิ-ศาสนาอยู่
    และมองเห็นคำสอนของลัทธิโน้นว่าจะต้องไปแนวนี้
    ส่วนลัทธินี้จะต้องไปแนวโน้น ห้ามเอามาก้าวก่ายกัน
    เสมือนว่าแต่ละลัทธิมีลิขสิทธิ์ในคำสอนของตัวเองอะไรแบบนั้นหละก็
    ผมว่า ท่านก็ยังไม่อยู่ในข่ายของ ผู้ที่มี
    "จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ที่ขยายตัวแล้ว" หรอกนะครับ

    เพราะว่าตามคำกล่าวของคุรุผู้รู้แจ้งแล้วทั้งหลาย
    ก็เห็นมีแต่ท่านบอกว่า เวลารู้แจ้งแล้ว การแบ่งแยกมันจะสลายไป
    ไม่มีฉัน-ไม่มีเธอ แล้วอย่างนี้ ท่านกำลัง "เดินตามทาง"
    หรือ "เดินสวนทาง" กับเส้นทางสายนี้อยู่กันแน่หละครับ??

    มันมีด้วยหรือ การรู้แจ้งแบบพุทธ การรู้แจ้งแบบคริสต์หนะ
    มันมีด้วยหรือ การหิวแบบพุทธ การอิ่มแบบอิสลามหนะ
    มันมีด้วยหรือ ที่ใครหรือลัทธิใด จะมาสงวนสิทธิ์เป็นเจ้าของ
    "สัจธรรม" ข้อใดข้อหนึ่ง แต่เพียงผู้เดียวหนะ มันจะเป็นไปได้ยังไง?

    และเพราะฉะนั้น สัจธรรม ก็คือสัจธรรม ใครที่ปฏิบัติได้
    ก็มีสิทธิ์เข้าถึงได้เสมอเหมือนกันหมด ไม่มีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้น
    เพราะว่ามันไม่ได้ถูกสงวนเอาไว้ให้ใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ

    เพราะฉะนั้นแล้ว นิวเอช ก็คือ โลกยุคพลังงานใหม่
    ยุคแห่งความรักและแสงสว่าง ยุคแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    ยุคแห่งการรู้แจ้ง ยุคแห่งความเมตตากรุณา ยุคแห่งอภิญญาใหญ่
    ยุคแห่งมนุษย์โลกในฐานะของสมาชิกของกาแล็กซี่
    ยุคแห่งการมีระดับจิตสำนึกของมิติที่ 5 หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตามแต่

    แต่มันก็คือ..ยุคที่พวกเรากำลังก้าวเข้ามาเหยียบได้ 2 ปีแล้ว นี่แหละครับ

    ..............................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  19. yaya12

    yaya12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +182
    ขอบคุณค่ะคุณชยุต สาธุ สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มกราคม 2014
  20. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    แลคำว่าวัตถุนิยมทางจิตวิญญาณ ก็แปลมาจากคำล้อเลียนของท่านจัมยอง ตรุงป้า Spiritual Materialism ครั้นที่ท่านไปสอนในสหรัฐอเมริกาใหม่ในครั้งที่ความปั่นป่วนสับสนระบาดไปทั่ว มันเป็นจุดที่ผู้คนที่นั่นเริ่มอิ่มกับวัตถุและเริ่มตั้งคำถามต่อวัฒนธรรมของตัวเอง

    ส่วนหนึ่งก็เลยหันไปต่อต้านเสียเลย บ้างก็หันมายังตะวันออกหันมามองที่คุณค่าทางจิตวิญญาณ แล้วก็ก่นด่าวัฒนธรรมตัวเอง

    ทีนี้Spiritual Materialism ก็คล้ายๆๆ การใช้คำสอนอันสูงสงทางจิตวิญญาณเพื่อเสริมสร้างกลไกหลอกตัวเองให้แน่หนาขึ้น แบบว่าฉันก็มีธรรมะนะจ๊ะ ก็สูงส่งเหมือนกัน รอบรู้ปรัชญาตะวันออก ตันตระ โยคะ เต๋า เซน ฮินดู เทือกนี้ ทุกอภิปรัชญารวมเป็นหนึ่งนั้นแหละ แต่ที่จริงฉันก็แค่ร้านรับซื้อของเก่าคลังเก็บข้อมูลเก่าๆๆที่รอการโล๊ะทิ้งเพราะฉันมีเพียงความประสบการณ์ฉาบฉวยไม่ได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อแนวทางนั้นๆๆเลย ในขณะที่ห้องของฉันเริ่มรกรุงรัง ไม่มีพื้นที่เปิดกว้างใดๆๆทั้งสิ้น

    กล่าวโดยสรุปก็คือ แทนที่คำสอนทางจิตวิญญาณจะเป็นอุปายะที่ช่วยให้ตัดทำลายกลไกการหลอกตัวเอง กับเป็นพันธนาการที่แน่นหนาขึ้นมาแทน นี่คือสถานการณ์ในตอนนั้น
    และดูจักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยเวลานี้(ไม่ต่างจากต่างประเทศ) เมื่อธรรมกลายเป็นธุรกิจ เป็นเรื่องการตลาด ประชาสัมพันธ์หวือหวา ขายการตื่นรู้ ผู้คนแสวงหาอรหันต์ ตลอดจนธรรมจารย์นั้นเล่าก็กลายเป็นเพียงพวกแสดงธรรมแบบตีฝีปากกับโลกสมัยใหม่ ใช้กลยุทธ์ทางการทูตเชื่อมสัมพันธไมตรีแบบฉาบฉวย แต่ในใจกลับมีแต่เรื่องผลประโยชน์ การกอบโกย และ ความกลัวอะไรบางอย่างปกคลุมอยู่

    ช่างน่าอดสู

    แลกลับไปที่อเมริกา ที่ว่าเป็นควันหลงก็หมายความว่า บรรดาลัทธิความเชื่อประหลาดๆๆทั้งลายเหล่านี้ก็มาจากยุคนั้นนั้นเอง ผู้คนบางส่วนเข้าสัมพันธ์กับคำสอนทางจิตวิญญาณแบบฉาบฉวย คือไม่ได้ทุ่มจิตทุ่มใจกับมันจริงๆๆ แบบนั้นนิดนี่หน่อย แล้วสุดท้ายก็เอามายำรวมกัน เหมือนเขามีห้องเก็บวัตถุโบราณจากตะวันออก อเมริกาเหนือครั้งอดีต ตะวันตกยุคกลาง เทือกนี้ จนสูญเสียคุณค่าความหมายของมันไป ความงามแบบมันสูญเสียไป แนวทางแบบฉับฉ่ายจึ่งเป็นแนวทางที่น่ากังขาเป็นอย่างยิ่ง ........บางกลุ่มก็พยายามที่จักทำให้มันดูร่วมสมัยก็ได้เริ่มโยงเข้ากับเรื่องความลึกลับ แม้กระทั้งการแปลงคำอธิบายให้ดูเหมือนว่ามีวิทยาศาสตร์รองรับ ซึ่งสักแต่เป็นการกวนคำศัพท์หรูๆๆเข้าใส่ อย่างเช่นการเริ่มโยงเข้ากับปรัชญาของกลศาสตร์ควอนตัม อย่างที่ผิดและคาดเคลื่อนไปจากทั้งตัววิทยาศ่าสตร์และหลักปุราณธรรม ยังไม่นับลัทธิการบำบัดทางเลือกที่อ้างว่าจะสามารถเยียวยาความป่วยไข้ทางกายด้วยพลังเหนือธรรมชาติที่อธิบายได้ตามหลักวิทยาสตร์สมัยใหม่

    เหมือนผู้หญิงคนนี้ตางาม คนนี้จมูกงาม คนนี้ใบหน้ารูปไข่สวย นั้นนี่ จากนั้นก็ตัดเอาส่วนสวยๆๆของผู้หญิงแต่ละคนมาตัดและยำรวมกันเป็นผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งคาดว่าเธอจักสวยกว่าเดิมแต่ ทว่าแทนที่จักได้นางงามจักรวาลกับได้ศพไป.......เป็นเรื่องไร้สาระที่สุดทั้งๆๆที่สายธรรม ควรจะเป็นเรื่องที่ไปพ้นหนังสือ ประเพณี หรือ พิธีกรรมที่ถูกยื่นให้ต่อๆกันมา ธรรมะต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ธรรมะต้องไม่เป็นเพียงเครื่องประดับ ธรรมะต้องเป็นเรื่องของประสบการณ์ตรงของการเปลี่ยนแปลงด้านในของผู้ฝึกฝน แน่นอนว่าตรงนี้ไม่ใช่พุทธ อินดู คริสต์ อิสลามหรืออื่นๆๆ แต่เป็นเรื่องของการบรรลุถึงความเต็มเปี่ยมของภาวะอันอาจหมายความถึงการเป็นมนุษย์ที่ สมบูรณ์ เกี่ยวข้องกับความดีงามอันไม่มีเงื่อนไขในแต่ละบุคคล เป็นประสบการณ์การรู้แจ้งในลักษณะที่ผู้ฝึกเริ่มรู้สึกได้ด้วยตัวของเขาเอง ซึงจะเกิดขึ้นได้เมื่อคนๆๆนั้นหมดทางเลือก ยอมแพ้ ศิโรราบ และยอมให้ได้ยอมให้ธรรมแทรกซึมเข้าไปในเลือดเนื้อ แล้ว “ตื่น” เงยหน้าขึ้นมามองโลกตามที่เป็นจริง ชีวิตที่ตื่นนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความร่ำรวยและพลังสร้างสรรค์ ไม่ใช่การพร่ำถึงโลกพระศรีฝันถึงยุคใหม่ที่จะมาถึงซึ่งเป็นเพียงความฉ้อฉลของการหลอกตัวเอง

    มันก็เลยเป็นปัญหาขึ้นมา

    จริงๆๆไอ้ควันลงเหล่านี้มันก็มีคุณค่าดีอยู่หรอก ตราบเท่าที่รู้เท่าทันมัน มิใช่หลงใหลอย่าเฟ้อคลั่ง เล่นกับพลังบางอย่างสุดท้ายก็ถูกมันทำลายเอาเสียราบคราบ เช่น บางคนพูดถึงการฝึกปราณยามะ จักระ กุณฑลินี เทือกนี้แต่ปราศจากความเข้าใจพื้นฐาน หรือกระทั้งมีกลุ่มที่พูดเรื่องกามมุทรา แต่ไม่มีความเข้าใจเรื่องพื้นฐาน สุดท้ายก็ปลุกพลังนั้นขึ้นมาแลย่อยยับไปกับมัน ......นี่คือปัญหา

    กระนั้นก็ยังดี เพราะบางทีนี่อาจจะมองในมุมกลับกันได้ว่า ในที่สุดศตวรรษนี้ก็อาจจะเป็นศตวรรษแห่งเมล็ดพันธุ์แห่งโพธิที่ผู้นำจิตวิญญาณยุคนั้นได้หว่าโปรยไปได้งอกเงยขึ้นมาก็เป็นได้....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มกราคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...