ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819
    หลวงพ่อทวด รุ่นแรก 2514 วัดทรายขาว.

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      125.5 KB
      เปิดดู:
      5,999
  2. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819
    มีเม็ดสมเด็จ. และมวลสารสีส้มด้วย ครับ 9ล9

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      151.9 KB
      เปิดดู:
      3,332
  3. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819

    วัดปิยาราม ปัตตานี. ก็นาไปนะครับ. แต่ไม่รู้ยังมีวัตถุมงคลเก่าๆเหลืออีกมั้ย. ต้องถามน้องภัทร

    อ ทิม. เสก. มวลสาร97ผสม

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.1 KB
      เปิดดู:
      3,383
  4. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819
    .............

    วัดปิยาราม. ด้านหลัง

    ใช้เนื้อ97. ผสมผงคำภีร์ โบราน. ตามวิธีโบราณเลยครับ.

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      258 KB
      เปิดดู:
      3,433
  5. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819
    สวยมากครับ. ต้องรอสายตรง. น้องภัทร กับ อ จงอางครับ.


    :cool:

    หรือเจ้าแม่ข้อมูล คุณมี่. กับ. ท่านเจ้ากรมน้องนวลครับ

    . (k)(k)(k)
     
  6. ANACON

    ANACON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +679
    หลวงพ่อทวด วัดช้างให้

    หลวงพ่อทวด พิมพ์พระปั้มหลังหนังสือ วัดช้างให้ สร้างปีพ.ศ.๒๕๐๘
    สมัยอาจารย์ทิมเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดช้างให้
     
  7. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,459

    ตอนนี้เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ วัดช้างให้ 53 ... ดังเป็นพลุแตก ราคาขยับไปสูงมากโดยคนทั่วไปรู้จักในนาม เหรียญเลื่อน2

    แต่ ????????????

    ก่อนหน้านี้ในสมัย หลวงพ่อสวัสดิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างให้ เคยสร้างเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ถึง 2 ครั้ง โดย
    ครั้งที่ 1 สร้างในวาระท่านเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นเอก ในสมณศักดิ์ที่ พระครูอนุกูลปริยัติกิจ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 36 รูปแบบเหรียญเสมาหัวโต หลังพัดยศชั้นพระครู ฯล
    ครั้งที่2 สร้างในวาระเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในสมณศักดิ์ที่ พระไพศาลสิริวัฒน์ เมื่อวันที่ 5 ธค. 42 รูปเหรียญรูปพัศยศพระราชาคณะชั้นสามัญ โดยมีหลวงพ่อทวดและพระอาจารย์ทิมซ้อนกันด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปพัดยสพระราชาคณะชั้นสามัญ รูปแบบหลวงพ่อทวดบัวรอบเนื้อนวะ รูปแบบหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ฯล ....
    หากนับกันจริง ๆ หลวงพ่อทวดเลื่อนสมณศักดิ์ ของวัดช้างให้ รุ่น1 สร้าง พ.ศ.2508 รุ่น2 สร้างพ.ศ. 2536 รุ่น3 สร้างพ.ศ.2542 และ รุ่น4 เหรียญเลื่อนปี 53 จึงจะถูกต้อง

    หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดช้างให้ ถือเป็นเจ้าอาวาสที่สานการสร้างหลวงพ่อทวดต่อจากพระอาจารย์ทิม โดยท่านสร้างพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ รุ่นสำคัญๆ ไว้หลายรุ่นครับ อาทิ หลวงพ่อทวด ปี22 (และรุ่น24) หลวงพ่อทวด ปี25 หลวงพ่อทวด ปี26 หลวงพ่อทวด ปี30 หลวงพ่อทวด ปี35 หลวงพ่อทวด ปี36 หลวงพ่อทวด ปี37 หลวงพ่อทวด ปี39 หลวงพ่อ ปี 42 หลวงพ่อทวด รุ่นสร้าง รพ.โคกโพธิ์ ฯล นอกจากนี้ ท่านใช้พระเครื่องหลวงพ่อทวด สร้างถาวรวัตถของวัดช้างให้หลายๆ อย่างครับ ใช้บารมีพระเครื่องหลวงพ่อทวด สร้างโรงพยาบาลโคกโพธิ์ สร้างที่ว่าการอำเภอโคกโพธิ์ .... เหรียญเลื่อนของท่าน ทั้งสองรุ่น ไม่ธรรมดาแน่นอน พิธีกรรมปลุกเสกใหญ่มาก ๆ ใครสู้ราคา เหรียญเลื่อน 53 ไม่ได้ .... มาบูชา เลื่อน 36 กับ 42 แทนได้นะครับ ราคาต่างกันสิบเท่า ... (k)

    โอกาสหน้าจะนำภาพมาลงให้ชมครับ .... ลืมเอาที่ชาร์ตแบตกล้องมา :'(


     
  8. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,459
    วัดปิยาราม ไม่หาญไป :':)'(
     
  9. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,459

    มาต่อกันครับ ... หลังจากค้นพิธีกรรมหลวงปู่ทวดรุ่นกลาง ๆ ที่ว่ารุ่นกลางๆ เพราะ รุ่นนึ้สร้างเมื่อปี 2535 ... หากนับระยะเวลาการสร้างหลวงพ่อทวดตั้งแต่รุ่นแรกถึงรุ่นปัจจุบัน ปี35 นับว่ากลางๆ ครับ ... รุ่นนี้ ชื่อว่ารุ่นกองทุน หนึ่งกล่องมี 3 องค์ ... ในวันประกอบพิธี .. พระเกจิอาจารย์ทุกรูปคลายญาณสมาธิโดยพร้อมเพียงกัน และพร้อมกันนั้นเทียนชัยในพิธีดับลงอย่างช้า ๆ โดยมิถูกดับโดยพระเถระตามปกติๆ ... ทั้งนี้เพราะหากพิจารณาด้วยเหตุและผลแล้ว เทียนชัยได้ถูกติดตั้งในตู้เทียนชัย ซึ่งกันกระแสลมอย่างมิดชิด ไม่ได้ตั้งกลางแจ้งแต่อย่างใด การที่จะถูกลมพัดดับนั้นย่อมเป็นไปได้ยากยิ่ง และด้วยไส้ของเทียนชัยจะใหญ่กว่าเทียนปกติจึงดับยากแม้จะต้องกระแสลมก็ตาม .... จึงมีผู้สันทัดให้ข้อคิดเห็น การนี้ถือเป็นมงคล เพราะเทียนชัยนั้นได้ดับลงตามวาระอันควรแล้ว คือพระเถระ เกจิอาจารย์ ปรกปลุกเสกเป็นที่เสร็จสิ้นแล้ว ..อาจเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อทวดท่าน เสด็จลงมาดับเทียนชัย ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในธรรมโดยทั่วกันก็เป็นได้

    เรื่องโง่ ของผม คือ ผมไปกราบพ่อท่านเพ็ง เจ้าอาวาสวัดทรายขาว รูปปัจจุบันตอนนั้นจำได้พระรุ่นนี้เหลืออยู่ ท่านบอกเอาชุดนี้ไปสิ คุ้มนะได้ตั้งสามองค์ ผมไปเอารุ่นอื่่นหมด :':)':)':)':)':)':)':)':)'(


     
  10. loongtow

    loongtow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2010
    โพสต์:
    677
    ค่าพลัง:
    +1,266
    ขออนุญาตโชว์รูปรุ่นกองทุนครับ แบบกล่อง3 องค์
    แต่จริงๆ จะมีแบบแยกเดี่ยวแต่ละพิมพ์ด้วย แต่ที่ผมบูชามาจากวัดช้างให้ เป็นแบบ 3 องค์นี้ครับ

    [​IMG]
     
  11. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,459
    จัดไปเสี่ย(k)
     
  12. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    ขอบคุณ ขอบคุณหลายๆ เด้อ ท่านมหากำพล

    ได้รับพระเครื่อง เรียบร้อยแล้ว ขอรับ กลับจากที่ทำงาน ตอนเย็นเมื่อวาน

    Happy New Year 2014 ขอรับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.2 KB
      เปิดดู:
      104
  13. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982

    ด้วยความยินดีครับอาจารย์
    ของดี ๆ หายากทั้งนั้นเลยนะครับ:cool::cool::cool:
     
  14. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ฝากหลานไว้นำแหน่เด้อครับผม
    สิพาไปเดินพาเหรดครับผม
    ตื่นมาแต่งตัวตะแต่ตี 5 กะอากาศ 17 องศาครับผม

    [​IMG]
     
  15. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    ฝากน้อง pukajunk

    ถือเป็นเหรียญในฝันอีกเหรียญ ขอรับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      278 KB
      เปิดดู:
      143
  16. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ ทวดครับ
    สวัสดีครับ ท่าน อ.จงอาง และ ทุกๆท่าน รวย รวย รวย ต้อนรับปีใหม่กันครับ***
     
  17. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบสมเด็จหลวงพ่อทวด...

    สวัสดีค่ะ ...

    ศาสนา-พระเครื่อง
    เชื่อมั่นในพุทธคุณ‘พระหลวงพ่อทวด’อธิการบดีมทร.ธัญบุรี

    [​IMG]

    วงการพระเครื่อง ทุกวันนี้มีผู้ให้ความสนใจสะสมพระเครื่องกันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษาสูง หลายท่านสะสมพระเครื่องด้วยความตั้งใจจริง จนมีความรู้ความชำนาญในการพิจารณาพระเครื่องได้อย่างแม่นยำดุจมืออาชีพ ในขณะที่หลายท่านมองพระเครื่องว่าเป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ที่มีทั้ง พุทธศิลป์ ที่น่าศึกษา และ พุทธคุณ ที่สามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้

    รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) คือผู้หนึ่งที่มีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้

    “ผมเริ่มสนใจพระเครื่องตั้งแต่ตอนเรียนชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ซึ่งนครปฐมเป็นเมืองพระอยู่แล้วจึงมีพระเกจิอาจารย์ดังๆ เยอะมาก ทั้งรุ่นเก่าก่อนและรุ่นใหม่ในสมัยต่อมา ช่วงนั้นที่ผมได้ไปกราบไหว้ คือ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ได้ไปเช่าพระของท่านองค์ละ ๑๐ บาท สมัยนั้นถือว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับผม ช่วงนั้นผมจะไปเช่าพระของพระเกจิอาจารย์นครปฐมหลายท่านถึงที่วัดบ่อยๆ ด้วยความเคารพศรัทธาและสนใจจริงๆ อย่างหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา และหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ผมเคารพนับถือท่านมาก...สิ่งที่ทำให้ผมสนใจเข้าวัดทำบุญบ่อยๆ คิดว่ามาจากครอบครัว

    ผมได้เห็นคุณยายและคุณแม่ทำบุญตักบาตรทุกเช้าที่หน้าบ้าน นอกจากนี้คุณแม่ยังได้ทำบุญบริจาคข้าวสารแด่สามเณรที่เรียนหนังสือที่วัดพระปฐมเจดีย์ ทุกปี ส่งเสริมสามเณรได้เรียนหนังสือปฏิบัติธรรมแล้วก็บริจาคปัจจัยต่างๆ ให้ด้วย ทำให้เห็นว่าการที่มีครอบครัวที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลยทำให้เราชอบที่จะไปทำบุญที่วัด ซึ่งผมได้ติดตามคุณยายและคุณแม่ไปทุกครั้ง ซึ่งนอกจากได้ทำบุญแล้วก็ยังได้รับแจกพระเครื่องเป็นของที่ระลึกเสมอ ผมจึงมีพระเครื่องของหลวงพ่อต่างๆ ใน จ.นครปฐม มากพอสมควร ที่ไปกราบไหว้ทำบุญบ่อยๆ คือ หลวงพ่อแตง วัดดอนยอ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นราวคราวเดียวกัน หลวงพ่อเต๋นี่ผมไปนอนที่กุฏิเลย

    สำหรับหลวงพ่อแตงท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในพระวินัย มีวิชาอาคมขลัง แต่พระเครื่องของท่านเล่นกันไม่แพง เพราะคนไม่ค่อยรู้จัก ถ้าผมเจอที่ไหนในตอนนี้จะเก็บหมด ผมเลื่อมใสศรัทธาท่านมาก...ท่านเป็นเพื่อนกับหลวงพ่อเต๋ ผมเชื่อว่าเรียนคาถาอาคมมาเหมือนๆ กัน...อีกท่านหนึ่งที่ผมเก็บพระเครื่องของท่านไว้มาก คือ หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ตอนเรียนชั้นประถม ผมเรียนที่วัดไผ่ล้อม พวกเราเด็กๆ เวลาไม่มีขนมกิน ก็จะวิ่งเข้าไปที่วัด หลวงพ่อจะแจกขนมให้กินกันถ้วนหน้า หลวงพ่อพูลอยู่ที่กุฏิเล็กๆ เป็นพระนักปฏิบัติ สมถะ ไม่สะสมอะไรเลย ท่านจะแจกพระเครื่องให้บ่อยๆ แต่ผมก็เอาไปแจกต่อให้คนอื่นๆ จนเกือบหมด เพราะเห็นว่าได้มาง่าย ส่วนบางวัดที่ต้องทำบุญบูชาก็มีบ้างองค์สององค์ ไม่ได้เช่ามาก เพราะไม่ค่อยมีเงิน” รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ กล่าวถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต

    ท่านอธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวอีกว่า “ต่อมาเมื่อปี ๒๕๒๘ ผมได้รับบรรจุเข้าทำงานที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลภาคใต้ จ.สงขลา พอมีเงินบ้างก็เริ่มสนใจพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ตามกระแสนิยมของท้องถิ่น โดยไปเช่าที่วัดช้างให้ เริ่มจากรุ่นปี ๒๕๒๔ เพราะยังมีราคาไม่แพง ก็ไม่ได้เก็บลึกมากไปกว่านั้น เพราะดูไม่เป็น แต่ได้เห็นพระสวยๆ เยอะมากจากเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน และท่านผู้อำนวยการวิทยาเขต ท่านสะสมพระหลวงพ่อทวดแทบทุกรุ่น ทั้งเนื้อว่านและเหรียญรุ่นต่างๆ ทำให้ได้พบเห็นพระแท้องค์จริงอยู่เสมอ พร้อมกับความประทับใจในพระหลวงพ่อทวดหลายรุ่น ช่วงนั้นผมได้เหรียญรุ่น ๒ พิมพ์ไข่ปลาเล็ก มาเหรียญหนึ่ง ๔๐๐ บาท จากลูกศิษย์ซึ่งเปิดแผงพระเป็นอาชีพ ผมทำงานอยู่ที่สงขลานานถึง ๑๑ ปี ได้ซึมซับประสบการณ์ต่างๆ ของพระหลวงพ่อทวดไว้มากมาย จึงศรัทธาเลื่อมใสพระหลวงพ่อทวดมาก พอมีเงินก็มักจะเช่าพระหลวงพ่อทวดเสมอ โดยเน้นพระเนื้อโลหะ เพราะผมเห็นว่าเนื้อโลหะมีความแข็งแรงคงทนถาวรมากกว่าพระเนื้อว่าน อีกทั้งพระเนื้อโลหะดูง่ายกว่าพระเนื้อว่าน ทุกวันนี้ผมจึงมีพระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ ปี ๒๕๐๕ อยู่หลายองค์ แต่จะแขวนติดตัวอยู่เพียงองค์เดียว เพราะมั่นใจในพุทธคุณ ขณะเดียวกันในฐานะที่เป็นชาวนครปฐมโดยกำเนิด ผมจึงเช่าบูชาพระเครื่องเมืองนครปฐมที่เป็นพระหลักยอดนิยมอีกด้วย”

    เกี่ยวกับประสบการณ์พระหลวงพ่อทวด ท่านอธิการบดี มทร.ธัญบุรี เล่าว่า สมัยทำงานอยู่ที่ จ.สงขลา มีผู้หญิงคนหนึ่งแขวนพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ติดตัวอยู่เป็นประจำ คนที่พบเห็นวิจารณ์กันว่าพระองค์นั้นเป็นของปลอม วันหนึ่งแกไปเดินกลางทุ่งนากับเพื่อน ขณะฝนตกหนัก ฟ้าได้ผ่าลงมายังผู้หญิงคนนั้นกับเพื่อน ปรากฏว่าเพื่อนตาย แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นอะไรเลย เรื่องนี้เป็นที่เล่าลือกันมากในเมืองสงขลา...เชื่อกันว่าพระหลวงพ่อทวดไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนออกที่วัดไหนก็มีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนๆ กัน เห็นได้จากพระหลวงพ่อทวดที่มีผู้วิจารณ์ว่าเป็นของปลอมก็ยังป้องกันฟ้าผ่าได้ด้วย
    สำหรับประสบการณ์โดยตรงของท่านอธิการบดีเองก็มีอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องเมตตามหานิยม ความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ราชการ ตามแต่จะอธิษฐานเอาเอง แต่ต้องเป็นเรืองที่ดีงามเท่านั้น ส่วนเรื่องแคล้วคลาดปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าพระหลวงพ่อทวดมีพุทธคุณโดดเด่นด้านนี้มาโดยตลอด



    “สมัยที่ผมเป็นผู้อำนวยการวิทยาเขตวังไกลกังวล อ.หัวหิน ได้มีโอกาสไปกราบไหว้หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่วัดห้วยมงคลบ่อยๆ ทำให้ได้รู้จักกับพระอาจารย์ไพโรจน์ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ไปคุยกับท่านเป็นประจำ บางวันก็ไปช่วยท่านปั๊มพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน เพื่อแจกให้ผู้ที่ไปวัด ทำให้เรียนรู้ถึงเรื่องของว่านที่นำมาใช้ปั๊มพระหลวงพ่อทวดได้อีกทางหนึ่ง...ชีวิตผมอยู่ที่ไหนมักจะใกล้กับพระเสมอ โดยเฉพาะพระหลวงพ่อทวด ที่ใช้ติดตัวแล้วจะมีแต่ผู้คนรักใคร่ให้ความเมตตาเสมอ ผมมั่นใจว่าพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ หลังเตารีด ปี ๒๕๐๕ ในอนาคตอันใกล้นี้ราคาเช่าหาจะต้องขึ้นหลักล้านอย่างแน่นอน”


    ที่มา
    http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20131215/174857.html]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    บทความน่าอ่านค่ะ
    ชาติหน้ามีจริงหรือบทความโดย หลวงพ่อปราโมทย์

    เรื่องชาติหน้า หรือเรื่องตายแล้วเกิดบ้าง ผู้เขียนเคยเห็นการตายและเกิดมาหลายคราวแล้ว ในที่นี้จะเล่าถึงการตายแล้วเกิดสัก 4 ราย

    การตายแล้วเกิดนั้น ไม่ใช่ว่าพอร่างกายนี้แตกดับลง จิตดวงเดิมก็ออกจากร่างไปเกิดใหม่ เพราะจิตเองก็ตายและเกิดอยู่แล้วตลอดเวลา

    เรื่องนี้ผู้เขียนเคยนั่งดูพ่อแท้ๆ ถึงแก่กรรม ตอนนั้นพ่อป่วยหนักอยู่ที่ศิริราช ในขณะที่จะตายนั้น ต้องนอนหายใจด้วยการขยับไหล่ขึ้นลง เพราะกระบังลมไม่มีกำลังจะหายใจแล้ว ขณะนั้นมีเวทนาทางกายอย่างรุนแรง สลับกับการตกภวังค์เป็นระยะๆ ผู้เขียนก็เพียรแผ่เมตตาให้เรื่อยๆ ไป ถึงจุดหนึ่งจิตของพ่อเคลื่อนขึ้นจากภวังค์ แต่ไม่ได้ออกมาสู่โลกภายนอก เป็นสภาวะคล้ายๆ การฝันไปนั้นเอง จิตของผู้เขียนได้สร้างกายทิพย์ขึ้นในรูปของภิกษุ ส่วนจิตของพ่อก็สร้างกายทิพย์ขึ้นมาประนมมือไหว้พระลูกชาย ผู้เขียนก็เตือนให้พ่อระลึกถึงบุญที่เคยบวชลูกชายหลายคน จิตของพ่อก็เบิกบานอยู่ช่วงหนึ่งแล้วตกภวังค์ พอเคลื่อนจากภวังค์ จิตมีอาการหมุนอย่างรวดเร็ว ที่ว่าตายเป็นทุกข์นั้น จุติจิตหรือจิตที่เคลื่อนที่หมุนนี้ มันก็แสดงทุกข์ออกมาอย่างสาหัส ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับตัวเรานี้เหมือนลูกข่างที่หมุนติ้วๆ จนสลบเหมือด มันเป็นการหมุนอยู่กับที่ ไม่ได้เคลื่อนออกจากกายไปทางไหนเลย จากนั้นก็ตกภวังค์ขาดความเชื่อมโยงกับกาย ขณะเดียวกันก็มีจิตอีกดวงหนึ่ง หมุนขึ้นมาในภพใหม่ แสดงความทุกข์ของการเกิด แล้วตกภวังค์อีกทีหนึ่ง พอจิตถอนขึ้นจากภวังค์ คราวนี้ความปรากฏแห่งอายตนะที่ยึดเป็นชีวิตใหม่ ก็เกิดขึ้นแล้วอย่างสมบูรณ์

    จึงเห็นว่า จิตไม่ได้ออกจากร่างไปเกิด และทันทีที่ตาย ก็เกิดทันที มีภวังค์คั่นอยู่นิดเดียวเท่านั้น

    อีกรายหนึ่งเป็นพ่อของเพื่อน แต่สนิทคุ้นเคยกันดี เพราะที่บ้านของเพื่อนคนนี้ สร้างกุฏิไว้ให้พระป่ามาพัก ในเวลาที่พ่อของเขาเจ็บหนักนั้น เขาได้นิมนต์ครูบาอาจารย์พระป่า 2 รูปไปแผ่เมตตาให้ ผู้เขียนก็ตามไปดูด้วย คนเจ็บนอนหลับๆ ตื่นๆ อยู่ แล้วก็ร้องโวยวายว่า นั่นมดดำเดินเต็มไปหมดเลย ลูกก็ร้องไห้กระซิกๆ บอกว่าพ่อเจอมดดำเดินแถวไม่ได้ จะเอานิ้วโป้งรูดฆ่าทั้งแถวด้วยความสนุกเสนอ ทั้งลูกและพระก็ช่วยกันเตือนสติ ว่าไม่มีมดดำ จิตของแกก็ตกภวังค์ลงอีกครั้งหนึ่ง

    ขณะที่จิตเคลื่อนออกจากภวังค์ มาอยู่ตรงที่เหมือนฝันนั้น แกนิมิตเห็นไก่บ้านตัวหนึ่ง พระทั้งสองรูปและผู้เขียนก็เร่งแผ่เมตตาให้มากขึ้น นิมิตไก่ก็ดับลง เกิดนิมิตของอสุรกาย แล้วจิตก็เคลื่อน พอตกภวังค์ลง ก็ไปเกิดเป็นอสุรกายทันที

    บางคนไม่ทำกรรมดี แต่กะว่าตอนตายจะค่อยตั้งใจตายให้ดี โดยจะท่องนามพระอรหันต์บ้าง พุทโธบ้าง ขอเรียนว่า เป็นความคิดที่เหลวไหลสิ้นเชิง เพราะพอจะตายจริงๆ นั้น จิตจะเกิดนิมิตขึ้นเหมือนกับฝันไป สิ่งที่ตั้งใจท่องไว้นั้น จะลืมจนหมด แล้ววิบากก็จะแสดงนิมิตขึ้นมาให้จิตผูกพันเข้าสู่ภพใหม่ตามกรรมที่ให้ผล

    ถ้าควบคุมความฝันไม่ได้ ก็ควบคุมการเกิดข้ามภพข้ามชาติไม่ได้ รายพ่อของเพื่อนนั้น เมื่อเล่าให้เขาฟังว่าหวุดหวิดจะไปเป็นไก่ เขาก็สารภาพว่าพ่อนั้นตั้งแต่หนุ่มๆ ชอบดื่มเหล้า ตกเย็นจะมีเพื่อนมาชุมนุมที่บ้าน พ่อจะสั่งเชือดไก่เลี้ยงเพื่อนทุกวัน วันละตัว กรรมชั่วที่สะสมจนเคยชินเป็นเวลาหลายสิบปี จึงจะมารอให้ผล แต่อาศัยที่เคยทำบุญมาในช่วงปลายชีวิต ในขณะสุดท้ายนิมิตเกิดเปลี่ยนแปลงไป จึงรอดจากสัตว์เดียรัจฉาน ไปเกิดเป็นอสุรกาย เรียกว่าดีขึ้นขั้นหนึ่ง แต่ยังต่ำกว่าเปรต

    หลังจากตายไม่นาน คืนหนึ่งลูกสาวนั่งภาวนาแล้วนึกถึงพ่อ ขอให้มารับส่วนบุญด้วยตนเอง ทันใดนั้น ทั้งบ้านก็เหม็นเน่าตลบไปหมด ทั้งลูกทั้งหลานกลัวกันลนลาน รีบกำหนดจิตบอกว่า ไม่ต้องมารับเองก็ได้ จะอธิษฐานจิตไปให้ วันนั้นพอดีมีพระเถระรูปหนึ่งมาพักในบ้าน พอรุ่งเช้าท่านก็บ่นขึ้นเองว่า ไม่น่าไปเรียกเขามาเลย

    อีกรายหนึ่งเป็นสุนัขในบ้านของผู้เขียน เป็นหมาไทยธรรมดาไม่มีประวัติและดีกรี ผู้เขียนไปอุ้มมาจากจุฬาฯ เอามาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เล็ก เขาเป็นสุนัขตัวเมียที่มีจิตใจงดงามมาก รู้จักให้ทาน ให้ลูกสุนัขอื่นๆ ดูดนมได้ เวลากินอาหาร จะให้แมวและสุนัขอื่นๆ กินก่อน ตัวอื่นอิ่มแล้วเขาจึงจะกินข้าว และแม้จะถูกสัตว์เล็กกว่ารังแก เขาก็จะเดินหนี ไม่ตอบโต้ทำร้าย ทั้งที่ทำได้ ในเวลาที่เขาตายนั้น เขานอนตาแป๋ว มีความรู้สึกตัวอย่างต่อเนื่อง และไปสู่ภพภูมิที่สูงกว่าพ่อของผู้เขียนเสียอีก

    คนไปเกิดเป็นสัตว์ สัตว์ไปเกิดเป็นเทวดา สังสารวัฏนี้เอาแน่นอนอะไรไม่ได้เลย แต่มีความเที่ยงธรรมอย่างที่สุด

    รายสุดท้ายเป็นยายห่างๆ ของผู้เขียน แกเป็นคนขี้โมโหโทโส แถมเป็นนักเข้าทรงหลวงพ่อทวด เป็นคนที่มีพลังจิตกล้าแข็งมาก แกตายแล้วไปเกิดเป็นอสรุกาย มีผีหลายตัวเป็นบริวาร ทั้งนี้โอปปาติกสัตว์นั้น เขานับถือกันตามพลังอำนาจและบุญวาสนา

    ลูกหลานรู้สึกสงสารแก แต่ที่มากกว่าสงสารคือกลัวแก เพราะญาติบางคนเห็นแกในสภาพที่น่ากลัวมาก ผู้เขียนจึงเป็นต้นคิดจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ นอกเหนือจากการจัดงานศพตามประเพณี โดยนำผ้าไตรไปถวายหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่วัดหินหมากเป้ง เมื่อถวายทานแล้ว ก็กำหนดจิตอุทิศส่วนกุศลให้ พอกำหนดจิตถึง ภาพของแกก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตามีผู้เห็นถึง 3 คน ในภาพนั้นแกยังเป็นอสุรกาย แต่หน้าตาสดใสขึ้นบ้าง ในมืออุ้มผ้าไตรไว้อย่างงงๆ ว่าแกจะเอาไปทำอะไร ทั้งนี้เพราะแกเองไม่เคยทำบุญชนิดนี้ เป็นเพียงบุญที่ผู้อื่นอุทิศให้ จึงขาดความประทับใจเท่าที่ควร

    รุ่งเช้าถวายอาหารต่อพระทั้งวัดโดยนำเงินไปทำบุญที่โรงครัว ให้เขาจัดการให้ แต่ทำบุญแล้วลืมอุทิศส่วนกุศลให้ ตกเย็นก็นั่งรถสองแถวที่จ้างไว้ออกจากวัด สิ่งที่พากันเห็นนั้นน่ากลัวมาก คืออสรุกายยายพร้อมทั้งบริวารพากันติดตามมาจากวัด ตอนขึ้นรถไฟที่หนองคาย ขณะที่รถวิ่งลงมาทางจังหวัดอุดรธานี อสุรกายก็มาโผล่หน้าใหญ่เต็มหน้าต่างรถไฟ เล่นเอาสะดุ้งไปตามๆ กัน ผู้เขียนนึกได้ว่ายังไม่ได้อุทิศส่วนกุศลให้ จึงกำหนดจิตบอกยายว่า เมื่อเช้านี้ได้ทำทานถวายอาหารพระทั้งวัด เพื่ออุทิศให้กับเขา เมื่อบอกกล่าวถึงตอนนี้ อสุรกายก็ระลึกได้ว่า เมื่อสมัยยังสาวนั้น เขาชอบนำอาหารใส่ปิ่นโตไปถวายพระ ภาพพระนั่งฉันอาหารเต็มศาลาก็ปรากฏทางมโนทวารของเขา จิตในขณะนั้นเกิดความร่าเริงเบิกบานในบุญที่ตนเองเคยสร้างไว้ จิตก็เคลิ้มลงเรื่อยๆ ขณะนั้นเกิดกลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นจากเท้าของเขา แผ่ขยายจนคลุมตัวไว้ทั้งหมด พอจิตตกภวังค์ดับวับลง กายอสุรกายก็สลายหายไป เกิดรูปเทพธิดารูปหนึ่งลอยทะลุกลุ่มควันสีขาวนั้นขึ้นไป

    สัตว์ในภพอสุรกาย และภพอื่นๆ จะไม่รับส่วนบุญของผู้อื่น อย่างมากก็เพียงอนุโมทนาบุญ มีเพียงเปรตบางอย่างที่เป็นภพใกล้คนที่สุด จึงจะรับส่วนบุญจากผู้อื่นได้ กรณีที่เล่ามานี้ อสุรกายเพียงแต่อนุโมทนาบุญ และระลึกได้ถึงบุญของตนเอง

    อนึ่ง ธรรมดาสัตว์ตระกูลโอปปาติกะทั้งหลายนั้นมักจะอายุยืน หากไม่มีบุญของตนเองเป็นที่พึ่งอาศัย ก็จะอยู่ด้วยความยากลำบาก เพราะจนลูกหลานเหลนตายหมดแล้ว สัตว์พวกนี้ก็ยังมักจะมีชีวิตอยู่ ดังนั้น ถ้ามีโอกาสทำบุญ ก็ควรจะทำไว้ เพื่อเป็นที่พึ่งอาศัยในการท่องสังสารวัฏต่อไป

    ชาติก่อนมีจริงหรือ

    ที่มา
    http://www.baanjomyut.com/pratripidok/extension-1/the_first_is_true/01.html]
     
  19. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ผู้มีความอดทนอดกลั้น ย่อมเป็นที่รักของเทวดา
    ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นบุคคลถูกท้าทายด้วยบาปทั้งมวลอันกำเนิดจากกิเลสเป็นที่ตั้ง ความอดทนอดกลั้นย่อมเป็นเกราะกำบังให้รอดพ้นจากความลุ่มหลง และ ความหลงผิดใดๆ ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก เขาย่อมเป็นที่รักของเหล่าเทวดาและมนุษย์

    จากพระไตรปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค คิลานสูตร

    ว่าด้วยมีตนเป็นเกาะ


    ............ สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เวฬุวคาม ใกล้เมืองเวสาลี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า มาเถิด ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเข้าจำพรรษาในเมืองเวสาลีโดยรอบ ตามมิตร ตามสหาย ตามพวก ของตนๆเถิด เราจะเข้าจำพรรษา ณ เวฬุวคามนี้แล ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว เข้าจำพรรษาในเมืองเวสาลีโดยรอบ ตามมิตร ตามสหาย ตามพวกของตนๆส่วนพระผู้มีพระภาคทรงเข้าจำพรรษา ณ เวฬุวคาม นั้นแหละ

    เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงเข้าจำพรรษาแล้ว อาพาธกล้าบังเกิดขึ้น เวทนาอย่างหนักใกล้มรณะเป็นไปอยู่ได้ยินว่า ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคทรงพระดำรงสติสัมปชัญญะ ทรงอดกลั้น ไม่ทรงพรั่นพรึง ครั้งนั้นพระองค์ทรงพระดำริว่า การที่เรายังไม่บอกภิกษุผู้อุปัฏฐาก ยังไม่อำลาภิกษุแล้วปรินิพพานเสียนั้น หาสมควรแก่เราไม่ ไฉนหนอ เราพึงขับไล่อาพาธนี้เสียด้วยความเพียร แล้วดำรงชีวิตสังขารอยู่ ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคทรงหายจากพระประชวรแล้ว ทรงหายจากความไข้ไม่นาน ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ในร่มแห่งวิหาร

    ลำดับนั้นพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เห็นพระผู้มีพระภาคทรงอดทน ข้าพระองค์เห็นพระผู้มีพระภาคทรงยังอัตภาพให้เป็นไป กายของข้าพระองค์ประหนึ่งจะงอมระงมไป แม้ทิศทั้งหลายก็ไม่ปรากฏแก่ข้าพระองค์ แม้ธรรมทั้งหลายก็ไม่แจ่มแจ้งแก่ข้าพระองค์ เพราะความประชวรของพระผู้มีพระภาค แต่ข้าพระองค์มาเบาใจอยู่หน่อยหนึ่งว่า พระผู้มีพระภาคยังไม่ทรงปรารภภิกษุสงฆ์ แล้วตรัสพระพุทธพจน์อันหนึ่งอันใด จักยังไม่เสด็จปรินิพพานก่อน

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ก็บัดนี้ ภิกษุสงฆ์จะยังมาหวังอะไรในเราเล่า ธรรมอันเราแสดงแล้ว กระทำไม่ให้มีในภายใน ไม่ให้มีในภายนอก กำมืออาจารย์ในธรรมทั้งหลาย มิได้มีแก่ตถาคต ผู้ใดพึงมีความดำริฉะนี้ว่า เราจักบริหารภิกษุสงฆ์ หรือ ว่าภิกษุสงฆ์ยังมีตัวเราเป็นที่เชิดชู ผู้นั้นจะพึงปรารภภิกษุสงฆ์แล้วกล่าวคำอันใดอันหนึ่งแน่นอน ดูกรอานนท์ ตถาคตมิได้มีความดำริอย่างนี้ว่า เราจักบริหารภิกษุสงฆ์ หรือ ภิกษุสงฆ์มีตัวเราเป็นที่เชิดชู ดังนี้ ตถาคตจักปรารภภิกษุสงฆ์แล้วกล่าวคำอันใดอันหนึ่งทำไมอีกเล่า บัดนี้เราก็แก่เฒ่า เป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่านวัยแล้ว

    วัยของเราเป็นมาถึง 80 ปีแล้ว เกวียนเก่ายังจะใช้ไปได้ก็เพราะการซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่ฉันใด กายของตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกันยังเป็นไปได้ก็คล้ายกับเกวียนเก่าที่ซ่อมแซมแล้วด้วยไม้ไผ่ ฉะนั้น

    ดูกรอานนท์ สมัยใดตถาคตเข้าเจโตสมาธิอันไม่มีนิมิต เพราะไม่กระทำไว้ในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง เพราะดับเวทนาบางเหล่าแล้วอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมผาสุก เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งคือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่างมีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่เถิด

    ลมร้อนยังพัดพาเปลวแดดมาเป็นระยะความร้อนและกระแสลมที่พัดแรงทำให้ผู้คนที่มาทำบุญที่วัดต้องหลบอยู่แต่ในตัวอาคารของวัดที่กระหึ่มไปด้วยเสียงเครื่องปรับอากาศ แต่ญาติโยมบางกลุ่มก็พากันไปนั่งรับประทานอาหารที่ใต้ต้นไม้หน้าวัด บางกลุ่มไปเที่ยวชม “เรือนบังลม” ที่หลังวัดซึ่งติดตั้งระบบน้ำให้ความชุ่มฉ่ำต่อต้นไม้ใบหญ้าทั้งหลาย อันได้แก่ ต้นไผ่ คูน ขี้เหล็ก จำปี ศรีตรัง มะรุม มะกรูด ส้ม กล้วย และ พืชผักสวนครัวต่างๆ เช่น ตะไคร้ พริก มะเขือพวง โหระพา กะเพรา ฟักทอง รวมไปถึงจิงจูไฉ่ซึ่งสามารถรักษา และ ป้องกัน “มะเร็ง” ได้อย่างชะงัด

    ผ้าขี้ริ้วเป็นสรณะ

    “...... ดูกรอานนท์ ก็ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่อย่างนี้แล ...........”

    ธมฺมวฑฺฒโณ ภิกฺขุ

    ที่มา อ่านเพิ่มเติมค่ะ

    ผู้มีความอดทนอดกลั้น ย่อมเป็นที่รักของเทวดา โดย พระอาจารย์ชลินทร์ ปิ่นวัฒนะ
     
  20. pukajunk

    pukajunk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,996
    สวยงามมากครับพี่
     

แชร์หน้านี้

Loading...