ชีวิตอิสระ เป็นอย่างไรจ๊ะ

อิสระ แบบอริยชนก็แบบที่แสดงไว้ข้างบน
อิสระแบบปุถุชนก็ตามความหมายนี้

ชีวิตอิสระ คำนิยามมันไม่ตายตัว มันอยู่ที่ใจ อยู่ที่แบบไหนที่คุณเรียกว่าอิสระ

ถ้าต้องการความอิสระชนิดที่ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจใครว่าจะห่วงเราแค่ไหน แบบนั้นไม่ใช่อิสระ แต่เป็นการเอาแต่ใจตัว

สังคม- - ต้องแคร์บ้างก็เป็นเรื่องดี แต่ทำให้เราอึดอัดใจ เราก็ไม่เห็นต้องไปให้ความสำคัญ แค่ใช้ชีวิตแบบที่คุณต้องการ สังคมไม่ได้ให้ชีวิตที่คุณต้องการ แล้วจะไปสนใจทำไม พวกเค้าไม่รู้หรอก ว่าสิ่งที่เค้าคิดว่ามันไม่ดี มันอาจสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข

แต่ก็อีกนั่นแหละ...คนเราไม่ใช่คนป่าคนดง ทำอะไรก็ต้องห่วงหน้าตาไว้ก่อน ครอบครัวคุณก็คงเหมือนกัน เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่

อย่างไรก็ตาม อยากให้คุณไตร่ตรองให้ดี ครอบครัวเรา คือคนที่รักเราและจริงใจกับเราที่สุดในโลก สิ่งที่เค้าตักเตือนหรือห้ามปราม ก็อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกเหมือนกัน

 

ถ้าจะเดินแนวนี้เพื่อให้ประสบความมีอิสระของชีวิต
ต้องมีถั่วทอด แหนมซี่โครงหมู มาประกอบบ้างเพื่อเพิ่ม
อรรถรสในการเสพของหมักดอง!!!ขอโทษที่ทำให้บางคนเปรี้ยวปาก!!!!

 

แสดงว่านิยามความหมายของคำว่าชีวิตอิสระสามารถอธิบายได้เพียงเท่านี้จริงๆแต่หาตัวอย่างได้ยากกว่าเหมือนจะไม่พ้นเงื่อนไขของทางโลกได้เลยนะจ๊ะ

 

โชคร้ายที่ต้องมาเกิดอีก
แต่ยังโชคดีอยู่บ้างที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
แต่ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็เกิดมาตามวิบากกรรม
แต่หนหลังทั้งสิ้น เมื่อกรรมกำหนดให้
เกิดมาใช้กรรม ก็ต้องหาอยู่หากิน
หนักบ้าง เบาบ้าง แร้นแค้นบ้าง สะดวกบ้าง
สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ส่วนนี้ชดใช้ก็ดำเนินไป

ขณะเดียวกัน การสร้างกรรมดีใหม่ๆก็ต้องสร้าง
ไปพร้อมกัน เพื่อให้เป็นปัจจัยในการยุติการเกิดในรอบ
ต่อๆไป เพราะการเกิดมันมาพร้อมกับการไร้อิสระภาพ
(ต้องใช้พระธรรมคำสอนประกอบการพิจารณา)

ดังนั้น การมุ่งสร้างกุศลกรรมเพื่อตัดวงจรการเกิดคือสิ่งที่
ผู้ปรารถนาอิสระภาพแห่งชีวิต ต้องขวนขวายเพียรกระทำ
เพื่อขจัดและป้องกันทุกข์ไม่ให้เกิดขึ้นมากเกินไป
ปฏิบัติเบื้องต้น แล้วขั้นกลาง ขั้นสูงจะเจริญตามๆ กันมาเอง

 

คำว่าอิสระจริงๆ ที่ว่าคืออะไรล่ะ?

ถ้าหมายถึงเป็นอิสระจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย

ข้าพเจ้าว่าคนที่เป็นอิสระอย่างนั้นเค้าไม่มีความเห็นแก่ตัวคิดหวงความอิสระที่แท้จริงนี้ไว้กับตัวคนเดียวแน่ๆ ถ้ามีโอกาสเอื้อเฟื้อแบ่งปันให้ใครได้เมื่อไหร่เค้าต้องทำแน่ๆ เว้นเสียแต่ว่าผู้คนเหล่านั้นไม่อาจเข้าใจและปฏิบัติตัวให้เข้าถึงความอิสระที่แท้จริงเช่นนั้นได้เอง

ฉะนั้นจะเรียกว่า "เห็นแก่ตัวได้อย่างไร"

 

อิสระที่แท้จริงยังไม่รู้
รู้แต่ว่าการเดินตามรอยพระศาสดาทำให้ มีชีวิตที่เป็นอิสระมากขึ้น
เช่นว่า การรักษาศีล 5

หนึ่ง ทำให้อายุยืนปราศจากโรคภัยมาเบียดเบียน

สอง ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความครอบครอง มีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาราวีเบียดเบียนทำลาย

สาม ระหว่างลูกหลาน สามีภริยาอยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผู้มาคอยล่วงล้ำกล้ำกราย ต่างครองกันด้วยความเป็นสุข

สี่ พูดอะไรมีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสน่ห์เป็นที่จับใจไพเราะด้วยสัตย์ด้วยศีล เทวดาและมนุษย์เคารพรัก ผู้มีสัตย์มีศีลไม่เป็นภัยแก่ตนและผู้อื่น

ห้า เป็นผู้มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้า หลงหลัง จับโน่นชนนี่เหมือนคน
บ้าบอหาสติไม่ได้

ผู้มีศีลเป็นผู้ปลูกและส่งเสริมความสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ฉะนั้นผู้เห็นคุณค่าของตัวจึงควรเห็นคุณค่าของผู้อื่นว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน การรักษาศีล 5 จึงทำให้รู้สึกเป็นอิสระจากความคับแค้น ระเเวงภัย วิตกกังวล จากการถูกเบียดเบียนโดยผู้อื่น


ส่วนการปฏิบัติสมาธิและวิปัสนา
เมื่อเรามีสมาธิ สติและปัญญามากขึ้น เราก็แก้ทุกข์ได้เร็วขึ้น เป็นอิสระจากแรงกดดัน เงื่อนไขของสังคม สิ่งแวดล้อม และคนอื่นๆ มากขึ้น เรากำหนดทิศทางของตัวเองและสภาพแวดล้อมรอบกายได้มากขึ้นบนแนวทางที่ไม่เป็นโทษต่อตัวเองและต่อผู้อื่น ไม่เป็นการสร้างอกุศลกรรมเพิ่มขึ้น ใจเป็นอิสระจากความอยากได้ อยากมี อยากเป็น และการแสวงหาความสุขจากปัจจัยภายนอกมากขึ้น

ประมาณนั้นแหละความเป็น "อิสระมากขึ้น" ที่ใจของข้าพเจ้าได้สัมผัส

ว่าแต่กระทู้นี้ฮาดีนะ

 

คำตอบของคุณนี่อ่านแล้วรู้สึกได้เลยนะจ๊ะว่านี่คือความอิสระที่เบาสบายหัวใจของข้าพเจ้าก็พลอยเบาตามไปด้วยเหมือนหัวใจข้าพเจ้าก็ได้สัมผัสในสิ่งที่คุณพูดถึงคำว่าอิสระตามไปด้วยเลยจ้า

กระทู้ฮาดีอิสระดีเบาดีนะจ๊ะว่ามั้ย
โดยเฉพาะคำตอบจากคุณหัวมันนี่สัมผัสได้ถึงความอิสระได้เลยไม่ธรรมดาเลยนะจ๊ะคนคนนี้

 

ถ้ายังเชื่อพระพุทธเจ้าอยู่ ก็ถือว่ายังไม่อิสระครับ

 

ขีวิตอิสระนี่ต้องไม่เชื่อใครเลยหรือจ๊ะถ้าเชื่อธรรมชาติล่ะจ๊ะพอจะได้มั้ยจ๊ะ

 

เชื่อใจเราดีกว่า เทพประจำตัวดลใจเราเสมอ อยากพูดยาวๆ แต่พิมพ์จากมือถือมันค่อนข้างลำบาก เอาไว้ถึงเวลาเหมาะๆ ค่อยมาว่ากัน

 

ผมว่าทุกอย่างเป็นธรรมชาติหมดแหล่ะ ยาแผนปัจุบัน ก็สกัดมาจากธรรมชาติ ไม่ใช่ถ้าอยากใช้วิถีธรรมชาติ ต้องพึ่งสมุนไพรอย่างเดียว รถ ตึก แท็บเล็ต มันก็ของธรรมชาติทั้งนั้น เพราะมันก็มาจากแร่ธาตุธรรมชาติ ไม่ควรเชื่อสิ่งที่เขาเรียกว่าธรรมชาติอย่างเดียว ธรรมชาติยิ่งใหญ่ที่สุด อย่าเชื่อ เพราะถ้าคุณมองลึกๆ มันไม่มีอะไรเลย ที่ไม่เรียกว่ามาจากธรรมชาติ มันแบ่งแยกไม่ได้ว่าของสิ่งนี้มาจากธรรมชาติ สิ่งนั้นไม่ได้มาจากธรรมชาติ ถ้าคิดลึกๆ

 

สรุปว่า คนที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้นานๆ ย่อมรู้ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี มีประสบการณ์ มีความรู้ บางอย่างคนไทยว่าดี แต่ชาวต่างชาติอาจว่าไม่ดีก็ได้ หัดมองโลกให้กว้าง ดูชาวโลกเขาซะบ้าง ผมไม่ได้ว่าคุณนะ ผมพูดทั่วไป

 

ชีวิตอิสระ คนที่จะทำอย่างนี้ได้ คงต้องฉลาดหรือไม่ก็มีความรู้ประสบการณ์พอตัว และถ้าถามสั้นๆว่า ชีวิตอิสระทำอย่างไร มันดูเป็นคำถามที่สั้นมาก คงต้องลงในรายละเอียดว่า อิสระอย่างไร อิสระจากสิ่งไหน อิสระจากทุกอย่างหรือเปล่า ถ้าถามว่าอิสระทุกอย่าง พูดวันเดียวมันก็ไม่หมด แล้วแต่ประสบดารณ์ของแต่ละคน ว่ามาแนวไหน มีความใกล้ชิด ชำนาญสิ่งใด ก็พูดไปในแนวนั้น

 

ที่บอกว่าถ้าจะอิสระ ต้องเลิกเชื่อ พระพุทธเจ้า เพราะท่านไม่ได้สอนทุกอย่าง บางอย่างต้องอิงวิชาตำรับตำราบ้าง อิงศาสนาอื่นบ้าง บางอย่างที่สอนผิดก็มีมากมาย ที่ว่าสอนผิด ผมหมายถึง สอนผิดทางโลก ท่านสอนไปทางธรรมหมด คนที่จะใช้ชีวิตทางโลก สมควรใฝ่หาความรู้ทางโลกด้วย จะเห็นได้ว่าบางคนปฏิบัติธรรม แต่ทำไมชีวิตถึงย่ำแย่ มันก็เพราะเหตุนี้

 

ไม่ให้เชื่อพระพุทธเจ้าแต่ให้เชื่อเทพประจำตัวหรือจ๊ะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นเทพประจำตัวเลยจ้า

 

ยุคอดัมกับเอวาไง อิสระ มีแค่ 2 คน อยากทำอะไรก็ทำ
ไม่ต้องอายใครแล้ว เก้ง ลิง กวาง ช้าง ม้า รู้เห็นเป็นใจ จะเป็นทาร์ซานแล้ว 555

 

ตามที่เข้าใจมานะจ๊ะพระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องทางโลกด้วยนะจ๊ะไม่ได้เน้นทางธรรมทางเดียวนะจ๊ะ

 

ที่คุณพูดมาก็ถูกนะจ๊ะว่าทุกอย่างมาจากธรรมชาติฝีมือมนุษย์ไม่ไช่ธรรมชาติสร้างนะจ๊ะดังนั้นจึงถือว่าไม่ได้มาจากธรรมชาติที่แท้จริงหรอกนะจ๊ะ

 

ต้องถอดจิตได้ก่อนครับจึงจะเห็น แต่ท่านดลจิตดลใจเราตลอดเวลา เช่นบางครั้งอยู่ๆเราก็คิดอะไรขึ้นมาทำนองนี้ หรือรู้สึกอะไรขึ้นมา นั่นแหล่ะเขามาดลใจ ฝรั่งเรียก guardian angel หรือ spirit guide อะไรทำนองนั้นแหล่ะ แต่เขาจะดลใจเราไม่ได้ ถ้าเรายืนหยัดในความคิดตน ซึ่งบางครั้งก็ถูก บางครั้งก็ผิด

 

แล้วมนุษย์มาจากธรรมชาติรึปล่าวล่ะ