ก้อนหิน

นึกถึงก้อนหิน นึกถึง การยึดเกาะกันของละอองเล็กๆ รวมกันเป็นก้อน จากเป็นผง รวมกันเป็นก้อน

เป็นผลึกแข็ง เกิดเหลี่ยมมุม ผุกร่อน กลายเป็นผง สะสมแล้วรวมเป็นก้อนใหม่

คล้ายๆ ไข่ ถูกต้มให้แข็ง ถูกเเกะเปลือก

 

เมื่อกำหนดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาแล้ว..คุณคิดว่า จะเอาอะไรมาเป็นส่วนประกอบสำหรับทำอาหาร ที่มีลักษณะเข้ากันได้กับลักษณะต่อไปนี้...
1. มีรูปร่าง สามเหลี่ยม....ใช้วัตถุดิบอะไรมาทำ หรืออยากจะเอาอะไรมาทำให้อาหารมีรูปร่างเช่นนี้
2.รูปร่าง สี่เหลี่ยม....ใช้วัตถุดิบอะไรมาทำ หรืออยากจะเอาอะไรมาทำให้อาหารมีรูปร่างเช่นนี้
3.รูปร่าง หลายเหลี่ยม...(คำถามเหมือนกันกับที่ขีดเส้นใต้)
4.รูปร่าง กลม...(คำถามเหมือนกันกับที่ขีดเส้นใต้)5.รูปร่างแบน
6.มีสี หลายสี...(คำถามเหมือนกันกับที่ขีดเส้นใต้)
7.มีกลิ่น ......(คำถามเหมือนกันกับที่ขีดเส้นใต้)
8.มีลักษณะเป็นฝุ่น...(หลายคนคงนึกถึงแป้ง ที่จะเอามาเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบอาหาร..
9.มีเล็ก-มีใหญ่......(คำถามเหมือนกันกับที่ขีดเส้นใต้)

เอาล่ะครับ...ถ้าคุณเอาลักษณะวัตถุดิบที่มีดังข้อต่างๆที่คุณคิดไว้นี้ มาจัดทำเป็นอาหารรวมกันเข้าแล้ว คุณจะทำออกมาได้เป็นอาหารชนิดไหน หน้าตาจะเป็นอย่างไร....ลองจินตนาการกันดูสิครับ...

 

ลองนึกถึงวัตถุดิบ ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ครับ...
1. เป็นละออง เล็กๆ
2.รวมกันได้เป็นก้อน
3.เป็นผลึกแข็ง
4.มีเหลี่ยม
5.เป็นผง
6.รวมเป็นก้อนใหม่ได้

เมื่อนึกถึงวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหารที่มีลักษณะแต่ละข้อข้างต้นแล้ว ถ้าคุณวัตถุดิบที่ว่านี้มาประกอบกันเข้าจะทำเป็นอาหารอะไรออกมา แล้วรูปร่างหน้าตาอาหารเมนูใหม่ ก็จะเกิดขึ้น...ลองดูสิ..

 

เป็นคำตอบที่ทำให้คนคิดหาทางจินตนาการไปทางอาหารได้ยากทีเดียว เพราะลักษณะที่ว่านี่เป็นลักษณะที่จะเอามาทำอาหารได้ลำบาก...แต่ ความยุ่งยาก ลำบาก ในการคิดไม่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความคิดสร้างสรรค์ กลับกัน คือจะกลายเป็นว่า สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆได้สลับซับซ้อนลึกซึ้่งขึ้นไปเสียอีก...
นั่นคือ..คุณคิดว่า วัตถุดิบอะไรดี ที่จะนำมาใช้ประกอบอาหาร ที่มีลักษณะดังนี้ครับ
1.มีความแข็ง....(คุณจะเลือกวัตถุดิบชนิดไหน...คุณอาจเรียกคำว่าแข็ง กับคำว่ากรอบ เป็นแบบเดียวกันก็ได้)
2.ซับซ้อน...(วัตถุดิบชนิดไหน ที่คุณคิดว่า มีลักษณะซับซ้อน ที่คุณจะเลือกเอามันมาประกอบอาหาร)
3.ลึกลับ....(องค์ประกอบสำคัญทีเดียว คุณคิดว่า มีวัตถุดิบ ชนิดไหนที่เข้าลักษณะนี้...แน่นอนว่าคุณอาจจะคิดเลยไปถึง ลูกอมผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม...ซึ่งก็ไม่ได้มีใครว่าคุณผิดปกติสักหน่อยนะ...อย่างน้อยก็ในกระทู้นี้แหละครับที่ไม่ว่า...)
4.ต้องใช้เวลายาวนาน...(จะเป็นวัตถุดิบ ที่มีลักษณะดังว่านี้ หรือจะเป็นกรรมวิธีในการทำที่มีลักษณะนี้ครับ...คุณเลือกได้เสมอ...)

จะสังเกตไหมครับว่า ลักษณะเหล่านี้ คุณต้องงัดเอาความรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านๆมา แล้วคิดว่า มันจะเอาอะไรมาทำเป็นวัตถุดิบที่มีลักษณะนี้ได้ ประสบการณ์ที่คุณมีนี่เราเรียกได้อีกอย่างว่า ข้อมูล ซึ่งการจะคิดสร้างสรรค์ได้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ ต้องมีข้อมูล ข้อมูลยิ่งมีอยู่มาก ย่อมมีประโยชน์มาก...
ที่ห้ามคิดก็คือ การไปคิดว่า เป็นไปไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้า เพ้อเจ้อ...พวกนี้เป็นอุปสรรคในการขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ทั้งนั้น...
มาลองคิดดูต่ออีกครับว่า จากวัตถุดิบที่คุณคิดได้ว่ามีลักษณะดังข้อข้างต้นนั้น เอามาประกอบอาหาร คุณจะประกอบเป็นอาหารอย่างไร ออกมาเป็นอาหารแบบไหนกันครับ..
เมนูใหม่ ของครอบครัว...กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว...

 

จริงจังนะ

เอาหล่ะ ได้อ่านวิธีการเล่นจากการตอบกระทู้ข้างบนมาแล้ว จริงจังนะ ก็พอจะเข้าใจวิธีการแล้วว่า เราจะเลือกวัตถุดิบ จากลักษณะที่ระบุไว้ เพื่อเอามาประกอบอาหารกัน...วัตถุดิบแต่ละอย่างก็จะมีลักษณะดังนี้
1.ก้อนกลมมน ... (คุณนึกถึงอะไรบ้าง ที่จะเอามาเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหาร...หลายคนก็คิดเหมือนผมแหละ ลูกชิ้นไง...แต่จริงจังนะ จะคิดถึงอะไรดี ที่ไม่ใช่ลูกชิ้นก็ได้...)
2.เป็นก้อนผิวขรุขระ...(นี่ก็อีกวัตถุดิบหนึ่งที่จะมาใช้ประกอบอาหาร ... คุณนึกถึงวัตถุดิบอะไร...)
3.มีลักษณะคมสามารถทำให้เราเลือดตกยางออกได้...(อันนี้ยากแล้วสินะ...วัตถุดิบอะไรนะ...เอ้า..)

เมื่อได้วัตถุดิบในการประกอบอาหารเหล่านี้แล้ว ลองบรรยายลักษณะและวิธีการทำอาหารนี้ว่าจะทำออกมาอย่างไร...แล้วลองดูสิว่า...เย็นนี้จะมีเมนูใหม่สำหรับคนที่บ้าน...
และนี่ไง เมนูสร้างสรรค์ จากไอเดียสร้างสรรค์...เราทำได้...

 

เมนูอาหารของ Pegaojung

อ่านเอาจากกระทู้ข้างต้น ก็นึกออกแล้วเหมือน จริงจังนะ ว่าจะเล่นอย่างไรต่อ...นั่นคือวัตถุดิบอะไรที่เราจะเลือกมาประกอบอาหารที่มีลักษณะดังที่ว่ามานี้...

1. เป็นก้อนๆหลายก้อน มีใหญ่ มีเล็ก ... (แหม..เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหารที่ไม่ธรรมดาจริงๆ...คิดออกไหมว่ามันคืออะไร...)
2.ไม่กลมมน มีผิวขรุขระ...(อันนี้จะเป็นวัตถุดิบอะไรดีที่จะเอามาประกอบอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของเมนูสร้างสรรค์นี้)
3.มีเหลี่ยมมีมุม...(วัตถุดิบอะไรดีนะ...ที่แอนตาซิลไม่จ่ายเข็มละครึ่งพันด้วยสิ...)
4.มันช่วยเพิ่มความชื้น...(อันนี้ก็ต้องหาแล้วว่าวัตถุดิบอะไร ที่มีลักษณะเช่นนี้แล้วเราจะเอามาทำอาหารกัน)
5.ดูเหมือนจะแข็ง แต่ทุบแล้วแตก กรอบ...(จะใช้วัตถุดิบอะไรที่มีลักษณะเช่นนี้ครับ...)

เมื่อได้วัตถุดิบทั้งหมด ซึ่งมีหลายอย่างด้วยกันนี้ มาประกอบเป็นอาหาร คุณจะได้เมนูอาหารเมนูใหม่ ที่สร้างสรรค์ขึ้น จากไอเดียสร้างสรรค์ของคุณ ...
แล้วคุณจะรู้ว่า ความคิดสร้างสรรค์สร้างกันได้ ฝึกกันได้ และคุณก็มีมันอยู่แล้วในตัวคุณนั่นแหละ...ผมน่ะ เป็นแต่เพียงผู้ชี้บอกคุณว่า นี่ไง...แล้วที่เหลือคุณก็ทำได้...

 

ดิฉันคิดถึงความแข็ง ความหยาบ(นึกถึงตอนลับมีด) ปะจุไฟ(นึกถึงที่คนสมัยก่อนเอามากระทบกันให้มีประกายไฟ) มีน้ำหนัก และสีเฉพาะตัวค่ะ

คุณสมบัติของก้อนหิน มีสี มีลาย เรียบ ขรุขระ เย็น สวย มีหลายรูปแบบ แข็ง หนัก

ขอเล่นด้วยค่ะ ส่วนตัวนึกถึงหินสีขาวขุ่น ไม่ใส ไม่กลมเกลี้ยง
พื้นผิวขุระขระ หยาบเหมือนหินทราย ตรงกลางมีรอยบุบเหมือนโดนทุบ
เป็นหินที่พบได้ทั่วไป ดูเผิน ๆ เหมือนนิ้วหัวแม่โป้งแบบที่งอนิ้วนะค่ะ


มันมีสีหม่นๆ...ไม่เรียบ ทรงเหมือนก้อนชิ้นเนื้อหมูที่โดนปาดออก


ผมคิดได้แค่นี้อ่ะพี่...

ก้อนหินแบนราบ นำไปเผาให้ร้อนจัด นำหมูหมัก กุ้ง ปลาหมึก มาวางบนก้อนหินร้อน
เหมือนย่างบนเตาถ่าน นั่งล้อมวงทานกันในครอบครัว
เป็นการประหยัดไม้ที่ต้องมาเผาเป็นถ่าน ดีมั้ยคะ

คิดไม่ออก คิดได้แค่นี้จริงๆ หรือจะลองคิดดูก็เห็นแต่พวกพลอยสีสวยๆ ไม่ก็เป็นพระธาตุพ่อแม่ครูบาอาจารย์ไปเลย

อันนี้รวมมิตร...ความจริงผมนี่เป็นชอบเล่นพรรคเล่นพวกนะครับ..ผมชอบพวกมาก เฮฮาดี...การเล่นพรรคเล่นพวกนี่ดียังไงใช่ไหม...มันดีตรงที่ว่าเป็นพรรคพวกเรานี่แหละครับ...ผมชอบพรรคนี้พรรคเดียวแหละครับ...คือพรรคพวกเรา..
เพราะพรรคพวกเรานี่แหละ จะมาช่วยกันระดมความคิด ที่ว่าคนนี้คิดได้นิด คนนั้นคิดได้หน่อย เอามารวมๆกันเข้า จะเข้ากันเป็นไฉน...

1. แข็ง...
2. หยาบ...
3. มีน้ำหนัก...
4. มีสีเฉพาะตัว...
5. มีลาย...เรียบ..
6. มีลาย..ขรุขระ...
7. เย็น...
8. สีขาวขุ่น..ไม่กลมเกลี้ยง...
9. มีสีหม่นๆ ไม่เรียบ...
10. แบนราบ...
11. มีหลายๆสี...

ลองดูว่า แต่ละข้อที่เป็นลักษณะของวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ ในการปรุงอาหาร คุณคิดถึงอะไร..แล้วจะลองเอามาประกอบเข้ากันเป็นเมนูใหม่..เราอาจจะไม่จำเป็นต้องเอาวัตถุดิบทั้งหมดมาทำก็ได้ เอาเพียงบางรายการ แล้วคิดว่าจะนำมาผ่านกระบวนการวิธีอย่างไร จะออกมาเป็นเมนูที่ต้องการ ที่สร้างสรรค์...

นี่เป็นเบื้องต้นที่จะแสดงว่า ความคิดสร้างสรรค์ มีอยู่แล้วในตัวพวกเราทุกคน...เพียงแต่ว่าเราไม่เคยรู้วิธีที่จะนำมันออกมาใช้...วันนี้ มาลองงัดมันออกมากันครับ...

 

ของท่านที่เหลือเดี๋ยวขอติดไว้ก่อนแป๊บนึงนะครับ...
โดยเฉพาะของท่านคมสันต์นี่ เดี๋ยวต้องขอไปจิบโอเลี้ยงสัก2เฮือก กับพาราเซตตาม่องสัก2เม็ด ค่อยมาต่อ...
ใครจะเอาไปทำเป็นเมนูใหม่แล้วลองโพสภาพมาโชว์ก็ได้นะครับ...

 

เห็นเฉลยคุณระมิงค์แล้ว นึกถึงคำตอบตัวเอง ไหงไม่มีอะไรให้สร้างสรรค์เลย บื้อสนิท คิดได้แค่ ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว หรือคอหมูย่าง วางกุ้งทะเลอบซีอิ๊วตัวโตๆซักตัวที่ด้านบน มีมันฝรั่งย่าง หั่นเป็นก้อนๆ เล็กๆใหญ่ๆ ไม่ต้องเท่ากัน โรยพริกไทย หรือพาเมซานป่น มะเขือเทศราชินี แตงกวาหั่นชิ้น ขนมปังฝรั่งเศษ ขนมปังแข็งก้อนกลมทาเนย

เมนูเดิมๆ แต่ขอเปลี่ยนบรรยากาศ ไปทานที่ริมหน้าผา ใต้ร่มไม้แดดร่ม ลมตกยามเย็น จิบน้ำเป-ล่าเย็นธรรมชาติ (เข้าพรรษานะเนี่ย ยังอยากทานอาหารรสชาดอร่อยๆ เคล้าบรรยากาศอีกต่างหาก *~* งั้นเปลี่ยนเป็นยามสายๆกะด้ายค่ะ ^^)

 

ยกตัวอย่างที่ผมคิดบ้างครับ...
ถ้าผมนึกถึงก้อนหิน ผมจะนึกถึงว่า...
1. เป็นอะไรที่แข็ง..
2. กลมๆ
3. มีเหลี่ยมๆหลายเหลี่ยม
4.โดนทุบแล้วแตกได้
5. มีหลายสี
6.อยู่กันเป็นกองๆ

พอได้ลักษณะเช่นนี้แล้ว เอามานึกว่าจะใช้วัตถุดิบอะไรที่มีลักษณะแบบที่ว่านี้...
1. แข็งๆ...ผมนึกถึงเมล็ดธัญพืช พวกถั่วแดง ถั่วลิสง ลูกเดือย มันแข็ง
2. กลมๆ ผมจะนึกถึง ลูกชิ้น เม็ดสาคู ไข่ไก่
3. มีเหลี่ยมหลายๆเหลี่ยม ผมนึกถึง โป๊ยกั๊ก , เกลือเม็ด, น้ำตาลทราย
4.โดนทุบแล้วแตกได้ ผมนึกถึง กระเทียม, พริก , พริกไท, รากผักชี
5.มีหลายสี ผมนึกถึง พริกหวาน(มีสีเขียว เหลือง แดง) ข้าวกล้อง
6.อยู่กันเป็นกองๆ ผมนึกถึง มะเขือเทศ , แตงกวา , ส้ม , มะนาว

ถ้าเป็นวัตถุดิบเหล่านี้แล้ว เราจะมาทำเป็นเมนูอะไรดีนะครับ...
ผมว่า ผมจะเอาข้าวกล้อง มาแช่น้ำรวมกับ ถั่วแดงและลูกเดือย ค้างคืนไว้ แล้วไปหุงเข้าด้วยกัน โดยใช้โหมดหุงธัญพืชในหม้อหุงข้าว...

ผมจะเอากระเทียม พริกไท รากผักชี มาโขลกเข้าด้วยกัน แล้วผัดเข้ากับลูกชิ้น ...
มะเขือเทศ ผมจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกเปลือกส้มหั่นชิ้นเล็กผสมเข้ากับไข่แล้วคนๆทำเป็นเหมือนออมเล็ต...
เสร็จแล้วครับ ผมจะตักผัดลูกชิ้นนี้ไว้ข้างนึงของจานข้าวหุงธัญพืช...อีกข้างจะเป็นออมเล็ต..
น้ำตาลทรายจะเอามาเคี่ยวกับพริกที่โขลกแล้ว เสร็จแล้วมาผสมกับน้ำมะนาว ทำให้ข้นๆ เอามาราดที่ออมเล็ตอีกทีนึง....
หั่นแตงกวา กับมะเขือเทศ ใส่ชามวางไว้ข้างจาน แช่ในน้ำแข็งเย็น...
ส้มนั้นจะคั้นเป็นน้ำส้มคั้น ดื่มกลั้วคอเวลาทานข้าวธัญพืชแล้วติดคอ...

เมนูนี้จะเรียกว่าอะไรดีครับ...
ไม่เคยทำเหมือนกัน...
ไม่รู้จะออกมาเป็นอย่างไร...
แต่มันก็จะเป็นเมนูใหม่...สักอย่างนึง...

 

คั่นเวลาด้วยเรื่อง....

ขี้ข้า...ที่รัก...​

คำว่า"ขี้ข้า"นี้ เป็นคำพูดที่ไม่สุภาพ ออกแนวประชดประชัน ให้คนเรารู้สึกเจ็บลึกๆ...แต่คำว่าที่รัก กลับกลายเป็นสิ่งที่จะบอกคุณว่า ขี้ข้า ไม่ใช่คำพูดที่ดูถูก และไม่ดีเสมอไป มันอยู่ที่วิธีคิด ที่ทำให้แนวทางการดำเนินชีวิตของเรา เป็นที่รักของ เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และลูกน้องได้...

คนที่มีความหมายและบทบาทในที่ทำงาน หลีกเลี่ยงที่จะคิดถึงไม่ได้คือ เจ้านาย ...
ทำอย่างไรให้เจ้านายรัก โดยไม่ต้องเลียแข้ง เลียขา ประจบประแจง ให้ขยะแขยงใจ...
ให้ได้รับความไว้วางใจ มีเรื่องอะไรก็นึกถึง คนนี้นี่แหละ....

ในชีวิตผมเคยเป็นลูกจ้าง....
เคยเป็นที่ปรึกษาบริษัทฯ....
เป็นเจ้าของกิจการในประเทศ...
เป็นเจ้าของกิจการต่างประเทศ...

ดังนั้นจึงเหมือนคนที่หยิบก้อนหินก้อนหนึ่ง ขึ้นมา หมุน มองไปรอบๆด้าน ...
มุมมองต่างๆ ได้สอนเราให้คิด ให้เห็น ในแง่มุมต่างๆกัน...
ไม่มีเรื่องใดไม่มีประโยชน์...นอกเสียจากเราจะไม่เคยเห็นประโยชน์และคุณค่าของมัน...
และข้อเท็จจริงอย่างนึงของก้อนหินนั้นคือ ไม่ว่าหินก้อนนั้นจะมีกี่แง่กี่มุมก็ตาม...
มันก็ยังเป็นก้อนหินอยู่ดี...

ความเป็นก้อนหินอยู่ดี สำหรับ นายจ้าง...ที่ปรึกษา...ลูกจ้าง...ก็คือ...

"การเอาใจเขามาใส่ใจเรา"​

นี่เป็นสิ่งง่ายๆ ที่เราทุกคนรู้ได้ด้วยตัวเอง...อะไรที่เราอยากให้ใครทำให้เรา..ก็ทำให้เขาก่อนสิ...รับรองว่า เขาเหล่านั้น ย่อมจะพอใจ เหมือนอย่างที่เราเองก็จะพอใจเช่นกัน หากมีใครทำเช่นนั้นกับเรา...

แน่นอนว่า ด้วยความที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา...เมื่อเราเป็นลูกจ้าง...ย่อมต้องคิดไปว่า ถ้าเราเป็นนายจ้างแล้ว เราต้องการให้ลูกจ้างเราทำอย่างไร...

ถ้าคุณเป็นผู้จัดการ...คุณจะรู้สึกอย่างไร เวลาลูกน้อง เดินเข้ามาปรึกษาปัญหาเรื่องงาน เขารายงานเรื่องปัญหาทั้งหมดให้คุณฟัง แล้วนำเสนอวิธีแก้ปัญหา มาให้คุณ 2-3 วิธี เพื่อให้คุณช่วยเลือกว่า วิธีไหน ที่คุณเห็นว่าดี...พร้อมทั้งเปรียบเทียบให้คุณฟังว่าแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร...

เมื่อคุณตัดสินใจให้เขาว่า เอาวิธีไหนแล้ว เขาก็เอาไปทำตามนั้น และรายงานให้คุณทราบเป็นระยะๆ...จนเสร็จสิ้นขั้นตอน...

ถ้าคุณเป็นผู้จัดการคุณจะชอบลูกน้องแบบนี้ไหมครับ...ถ้ามีงานที่ต้องทำ เป็นงานที่ยาก และต้องการคนที่ละเอียดอ่อน เข้าถึงปัญหาได้ คุณจะเลือกใช้เขาซ้ำอีกครั้งไหมครับ...

ลองดูสิครับ...นับแต่นี้เป็นต้นไป...เวลาคุณมีปัญหาเรื่องงาน...จะไปปรึกษาเจ้านาย...
ให้มองเห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง ที่ติดไว้ที่หน้าห้องเจ้านายคุณ...
มันเขียนว่า...

"อย่ามาพร้อมกับปัญหา....ให้มาพร้อมวิธีแก้ปัญหา"​

นี่เป็นวิธีคิดสร้างสรรค์อีกแบบหนึ่ง...เป็นการมองกลับข้าง...
แล้วตอนต่อไป เราจะมาว่าถึง วิธีการมองกลับข้าง เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์นั้น..
มีวิธีการอย่างไรได้อีกบ้าง...

 

ป๊ะป๋าให้การบ้านยากจัง อิิอิ ปกติจริงจังนะ ไม่ชอบเข้าครัว ทำอาหารอ่ะค่ะ ให้นึกเมนูอาหาร ที่ทำจากวัตถุดิบที่คล้ายหินยิ่งนึกไม่ออกเลยค่ะ ยอมแพ้แต่โดยดี อิอิ
ขออ่านจากของเพื่อนๆ กับป๊ะป๋าแล้วกันนะคะ

 

ได้ข้อรวมมิตรเลยเรา งั้นมาทำกับข้าวกันเหอะ
ปกติชอบกินยำสดใหม่ รสเปรี้ยวนำ งั้นจะขอทำยำสายรุ้งให้ทานกันนะคะ

1. เอาเอ็มแอนด์เอ็มไปแช่เย็นให้จัด ๆ
2. นำถั่วฝักยาว ไปล้างให้สะอาด หั่นพอดีคำ ไปแช่ในน้ำเย็นที่เตรียมไว้ ถั่วจะได้กรอบ ๆ สด ๆ
3. หั่นเห็ดหูหนู เห็ดฟองน้ำ ตีนไก่ ปะการังเขากวาง ผ้าขี้ริ้ววัว พริกหวานหลากสี แมงกะพรุนเป็นชิ้นให้สวยงาม
4. หั่นหอมแดง หอมใหญ่ เป็นชิ้นตามความยาว
5. โขลกกระเทียมและพริกขี้หนูสวนให้ละเอียด
6. ตั้งไฟต้มน้ำให้เดือด หากระชอนอันใหญ่มาลวกผักกะหล่ำ ผ้าขี้ริ้ววัว เห็ดหูหนู เห็ดฟองน้ำ ตีนไก่ ปะการังเขากวาง พริกหวาน แมงกะพรุน ลวกเสร็จแล้วพักไว้
7. ขั้นตอนทำน้ำยำนี้สำคัญ หากะละมังใบใหญ่สะอาดมา ใส่พริกกับกระเทียมที่ตำแล้วลงไป
ใส่น้ำปลา ใส่น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และน้ำกระเทียมดองลงไป คนให้เข้ากัน แล้วชิมรส ให้ถูกใจ
8. ใส่หอมแดงซอย หอมหัวใหญ่ คนให้เข้ากัน
9. ใส่ผักลงไปก่อน ใส่ตีนไก่ เห็ดหูหนู เห็ดฟองน้ำ ปะการังเขากวาง พริกหวาน แมงกะพรุน ผ้าขี้ริ้ว แล้วคนให้เข้ากัน (อย่าคนมากเดี๋ยวเละ)
10. นำแพนเค้กมาวางในจาน จัดให้อยู่ตรงกลาง ราดยำใส่หน้า โรยถั่วลิสงและเอ็มแอนด์เอ็มลงไป วางถั่วฝักยาวไว้ด้านข้างแพนเค้ก เท่านี้ก็จะได้ยำสายรุ้งแล้วค่ะ แต่จะกินได้ไหมเนี่ย?

 

ผมอยากให้นึกถึงก้อนหินก้อนหนึ่ง...
ลองบรรยาย ลักษณะของก้อนหิน ว่ามีคุณลักษณะสมบัติอย่างไรบ้าง เท่าที่นึกได้...
แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามคิดว่าคุณสมบัติที่คุณคิดนั้น ผิด เป็นไปไม่ได้ หรือจะมีใครว่าคุณว่ามันซ้ำ เชย ใครๆก็รู้...ให้คิดเอาแต่ว่า รูปร่าง ลักษณะ คุณสมบัติของก้อนหิน มีอะไรบ้าง?...
เขียนทุกอย่างลงไป...
แล้วมาลองดูกันว่า มันจะไปเกี่ยวอะไรกับการทำอาหารเมนูใหม่ๆ...

ตอบ

๑. หินมีสถานะเป็นของแข็ง ต้องการที่อยู่ มีน้ำหนัก เคลื่อนที่เองไม่ได้ ไม่มีชีวิต มีรูปร่างแน่นอน ผิวอาจขรุขระ หรือเรียบ มีหลายสี มีหลายชนิด มีถิ่นที่อยู่แทบทุกที่ในโลก ภูเขาหิน หินภูเขาไฟ หินแม่น้ำ ก้อนกรวด หินสีๆ ที่นำมาทำสวนถาด สวนแก้ว หินก้อนใหญ่ๆ ที่นำมาทำสวนหิน คิดถึงปราสาทหิน เช่นนครวัดนครธม ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง ปราสาทหินพิมาย สร้อยหิน เครื่องประดับต่างๆ ที่ทำจากหิน บ้านสมัยใหม่ ที่ทำจากหินแปลกๆ สะพานหินที่สกลนคร เสาหิน ทัชมาฮาล กองหินสโตนเฮนช์ฯลฯ
๒. หินนำมารับประทานไม่ได้ (๕๕๕ ติงฟันเกือบบิ่น เพราะเคี้ยวหินที่แอบมาแทรกตัวอยู่ในข้าวเหนียว)
๓. หินอาจสึกกร่อนได้ ไม่ว่าจากน้ำ จากลม จากความร้อน ความเย็น จากน้ำมือมนุษย์ จากเวลาที่ผ่านไป จากหินก้อนโตๆ เป็นขนาดเล็กๆ
๔. คิดถึงต้นข่อยหิน ที่ชอบขึ้นบนภูเขาที่มีหิน ข่อยหินมีทรงต้นสวย ดอกสีขาว กลิ่นหอมหวาน
๕. คิดถึงคนจีนที่ยากจนในอดีต ทำข้าวต้มใส่ก้อนหินลงไป ใส่ข้าวเพียงเล็กน้อย เวลารับประทานก็เอาก้อนหินมาดูดทานรสหวานของข้าว และรสเค็มจากเกลือ
๖. คิดถึงสิ่งก่อสร้าง ทั้งสมัยอดีต และปัจจุบัน ที่ทำจากหิน เอ๊ะ! แปรงสีฟันที่ทำจากหิน จะใช้ดีหรือเปล่านะ เคยเห็นแต่ไม้สีฟันที่ทำจากกิ่งข่อยค่ะ
๗. คืดถึงมนุษย์ยุคหิน อาวุธสมัยก่อน ที่ทำจากหิน
๘. คิดถึงก้อนเส้า หินสามก้อน ที่ทำเป็นเตาสำหรับหุงต้ม
๙. คิดถึงนิทาน เรื่องเจ้าอาวาสกับอิฐสองก้อน
๑๐. คิดถึงสุภาษิต พกหินดีกว่าพกนุ่น ที่ติงไม่เห็นด้วย ๕๕๕ ก็หินมันหนักนี่นา ยกเว้นเจ้าหินนั้นมันเป็นเพชร ^^
๑๑. คิดถึงสมัยเด็กๆ หน้าหนาว ที่อากาศหนาวเย็น แล้วติงเดินไปสะดุดก้อนหิน รู้สึกโกรธตัวเองมาก ก็มันเจ็บนี่คะ
๑๒. เอ๊! ถ้าท่านระมิงค์ ถูกสาปเป็นหิน จะหนักเป็นกี่เท่าของน้ำหนักเดิมนะ

ติงตอบนอกเรื่องนะคะท่านระมิงค์
ติงไม่อยู่ในกรอบ เพราะไม่ใช่พระสมเด็จค่ะ
ตอบไม่ค่อยตรงกับที่ท่านถาม
จะตอบมากกว่านี้ แต่มีงานค้างเยอะค่ะ บ๊าย...บาย...

 

อย่าลืมพระสมเด็จพิมพ์นิยม ด้วยล้ะ เพราะ จะทำพระสมเด็จได้ก็ต้องใช้บริการจาก ครกหิน มาโขกตำมวลสารผงและว่านต่างฯ ให้ละเอียด เล็กลง 
ฉนั้น ที่เรามีพระสมเด็จกัน ก็ต้องผ่านครกหินมาทั้งนั้น แต่ใครจะหาครกหินไปแขวนขึ้นคอ
ก็ถือว่าไม่ผิดกติกา ครับ๕

 

หากเป็นครกหิน ที่ทำจากหินที่เรียกว่าเพชร ก็น่ารับไว้พิจารณาค่ะท่าน
แต่หากเป็นครกหินอ่างศิลา ติงขอเอ่ยคำว่า ครกจ๋า ติงลาก่อน...

 

พอเอ่ยถึงเมนูอาหารงานถนัด
เตรียมข้าวผัดจัดมาขึ้นหน้านั้น
ผัดกะปิทอดกุนเชียงหั่นเฉียงพลัน
ทอดลงนั้นให้พอกรอบไว้ขอบจาน

ซอยมะม่วงหั่นแตงกวาคอยท่าก่อน
กะทะร้อนใส่หอมแดงพริกแดงฝาน
ข้าวร้อนฯใส่กระทะกะพอจาน
มีหมูหวานผสมลงคงจุใจ

ผัดแพนงแกงหอยขมต้มปลาย่าง
ลาบเห็ดฟางยำหนังหมูทอดปูนิ่ม
ยำวุ้นเส้นยำหมูยอหมอชอบจริง
ปลาดุกปิ้ง ไก่ผัดขิง วิ่งลงครัว

ไก่สามอย่างเล็บมือนาง วางไว้ก่อน
ทั้งตัวหนอนทอดรถด่วนขบวนไหน
ปาทังก้าทอดแมงดาใส่พริกไทย
ลืมยำใหญ่ ยกใส่จาน เลือกทานดู

 

ตอนที่ไปเขาแก้วเสด็จ
แวะทานอาหารที่ปั๊มน้ำมัน
มีเมนูแกงคั่วหอยขม แกงส้มชะอมชุบไข่ทอดใส่กุ้ง หมูมะนาวคะน้ากรอบ
จะเพราะหิวหรือเปล่าไม่ทราบค่ะ
รู้สึกว่าอาหารรสชาติถูกปากมาก
สัญญากับตัวเองว่า ถ้าผ่านไปทางปราจีนอีก ต้องแวะทาน

 

ดันกระทู้ ขึ้นหน้าหนึ่งหน่อยครับ 5555