เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. นทีสีทันดร

    นทีสีทันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +1,002
    ขอบคุณและอนุโมทนากับคุณ tjs มากครับที่มาแบ่งปันประสบการณ์และเรื่องราว พอได้อ่านแล้วก็สร้างกำลังใจขึ้นมาให้ไม่ท้อขึ้นมา เพราะในเรื่องราวที่แบ่งปันมา มันก็มีบางประโยคเป็นคำตอบให้กับความคิดที่สับสนวุ่นวายอยู่ ณ ขณะนี้ได้เยอะทีเดียว

    ผลบุญอันได้ที่เกิดขึ้น ขอผลบุญนั้นบังเกิดกลับคืนสู่คุณ tjs ด้วยเช่นกันครับ หากอนาคตมีเรื่องราวใดที่อยากจะปรึกษา ก็อาจจะมาขอรบกวนครับ
     
  2. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    เรียนท่าน tjs ที่เคารพ
    ดิฉันมักพอใจกับการนั่งสมาธิแบบกายสงบ จิตสงบจากอานาปาณสติ ก่อนทำสมาธิ ก็จะสวดมนต์ในใจ อุทิศส่วนกุศลในใจทั้งช่วงต้นและหลังนั่งเสร็จ รู้ตัวว่าไม่ชอบเดืนจงกรมเลย แต่ในยามมีสติ เวลาเดินไปไหน จะสวดมนต์ในใจโดยใช้ความเร็วปกติของการเดินแล้วอุทิศบุญให้ทุกท่านที่อยู่ในบริเวณที่เดินผ่าน ดิฉันไม่ชอบสวดมนต์ออกเสียง สังเกตจิตเหมือนยังไม่ได้เจริญวิปัสสนาเท่าที่ควร ดิฉันเข้าถึงสัมมาสมาธิหรือยังคะ และควรปฏิบัติอย่างไรต่อไปคะ
    กราบขอบพระคุณค่ะ
     
  3. srisansuk

    srisansuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +201
    สอบถามครับผมพาลูกไปทำบุญใส่บาตรแทบทุกวันแต่ไม่เคยกรวดน้ำเลย
    รวมถึงการสวดมนต์ทำสมาธิก็ได้แต่อธิฐานอุทิศส่วนบุญให้ ไม่ทราบว่าเป็นการทำที่ถูกต้องครบถ้วนไหมครับ
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==========

    เขามีเคราะห์หนักครับ มีวิบากกรรมเก่าและปัจจุบันหนักมากครับ คุณช่วยเขาได้ก็จริงแต่ไม่มากครับ ตอนนี้ต้องทุกขเวทนาในนรกครับ พยายามทำบุญให้เขาไปเรื่อยๆนะครับ หากมีงานบุญหนักๆหรืองานบวชพระให้ร่วมบุญและอุทิศให้เขาด้วยครับ เขาจะมีใฝ่ดำอยู่ที่ช่วงคอ ครับ เอาเป็นว่า หากมีบุญใหญ่อุทิศให้เขาก็จะผ่อนหนักเป็นเบาครับ สาธุ
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ากที่ตรวจดูฝึกสมาธิได้ดีพอสมควรแล้วครับ ได้ฌาณ1แล้วครับ สมาธิสงบนิ่งแน่วควรแก่งานดีแล้วครับ

    ตอนนี้ขอให้พลิกการปฏิบัติมาสู่อารมณ์วิปัสสนาแทน ด้วยการฝึก สติปัฏฐาน4ก่อนครับ ให้ฝึกสติโดยการกำหนดสติ ระลึกรู้อยู่กับกาย ดูร่างกาย ของตนเอง ตรวจดูทั้งภายนอกภายในให้เห็นสภาพโดยแท้จริง ให้เกิปัญญาในกาย ค่อยๆฝึกไป การฝึก อสุภะกรรมฐานประกอบด้วยจะดีมากครับ สาธุ
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==========

    ที่อุทิศไปให้นั้น จิตที่อยู่ใกล้ในขณะนั้นจะได้รับบุญกุศล แต่จิตที่อยู่ห่างไกล ตลอดจนญาติที่อยู่ในนรกบางท่านไม่ได้รับครับ
    ต่อไปควรกรวดน้ำสลับกันไปนะครับ

    มีญาติคุณคนหนึ่งเป็นชายผอมผิวดำแดง รูปร่างโปร่งไม่สูงนัก ผมขาวแซมดำหนาสามเหลี่ยมคางแหลม ชอบใส่กางเกงสีดำหรือเทาแบบคนแก่สมัยก่อน ตอนมีชีวิตไม่ค่อยได้ทำบุญ ชอบเบียดเบียนสัตว์ ตายไปจึงตกนรกครับ ขอให้คืนนี้ไหว้พระและขออำนาจพระรัตนตรัย เบิกบุญเก่าและอุทิศบุญให้กรวดน้ำและฝากพระแม่ธรณีไปนะครับ เขาจะได้รับ ครับ สาธุ
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    หัวใจดวงนี้มีเพียงจิตเมตตา ร่วมกันสร้างความดีทางจิตฝึกฝนอบรมจิตให้ดีงามเท่านั้น ไม่ต้องการอะไรใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่รู้จะอยากได้อะไรไปทำไมเพราะมันล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้นครับ เมื่อรู้ว่าทุกข์ อันความอยากและไม่อยากอะไรใดๆ ก็ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ใจ จะไปยึดมั่นยึดติดทั้งสิ้นครับ สาธุ
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เมื่อคืนเจริญสมาธิ และสติ ขออธิบายเรื่องสติดังนี้ว่า
    พอเรารู้สึกตัว คือรู้สึกตื่นตัว[กาย] นั้น สติและจิตมันอยู่กับอาการตื่นตัวรู้สึกตัวอยู่แค่นั้น ขณะนั้น ความนึกคิดอารมณ์ปรุงแต่งก็ไม่มารบกวนจิตได้ ไม่สามารถมาปรุงแต่งจิตได้ เพราะจิตวิ่งไปอยู่กับอาการตื่นตัวรู้สึกตัว นั่นเอง จิตและสติที่ทรงอารมณ์แบบนี้คือเป็นจิตที่ไม่ไปรับอารมณ์อื่น รับเฉพาะแค่การมีสติรู้สึกตัวอาการตื่นตัวเฉยๆแบบว่างเปล่าไม่มีอะไร นั่นเอง ดังนั้น จิตจึงสะอาดบริสุทธิ์เพราะความคิดปรุงแต่งใดๆก็ไม่สามารถวิ่งมาปรุงแต่งจิตใดนั่นเองครับ หัดทำแบบนี้บ่อยๆอารมณ์วางเฉยสงบนิ่งก็จะเกิดแก่จิตได้เอง จิตจะมีเพียงรู้สึกตัวตื่นตัวและวางลงปล่อยว่างเท่านั้นครับ สาธุ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อีกนิดครับ จิตเรามันเดินทางเร็วมาก กลับไปกลับมาเร็วมาก คือว่า หากยังฝึกฝนไม่ชำนาญก็จะไม่เห็นว่า มันวิ่งไปที่ความคิดเสร็จแล้วมันวิ่งมาที่ความรู้สึกตัว แบบวิ่งกลับไปมาแบบรวดเร็ว นั้นคือสภาวะที่ทั้งคิดและรู้สึกตัวไปพร้อมๆกัน ครับ และหากท่านใดที่ฝึกมามากก็จะเห็นสภาวะการวิ่งไปของจิต เมื่อเห็นแล้วจึงรู้ว่า ออ่ อย่างนี้ให้จิตมันอยู่ที่การรู้สึกตัวอยู่แบบนี้เฉยๆนั้นแหละดีแล้ว แต่ไม่ได้ไปบังคับจิตนะครับ แค่บอกให้จิตมันรู้แล้วมันก็จะเข้าใจและจะไม่ยอมวิ่งไปหาความคิดอีกครับ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    กำลังที่เราจะเอาไปใช้ต่อสู้กับ อารมณ์ ความนึกคิด การปรุงแต่ง ต่างๆ ความอยาก ความเพลิดเพลิน ยินดีทั้งหลาย ความกำหนัด อยากและไม่อยากทั้งหลาย เพื่อให้ละปล่อยวาง มันลงให้ได้อย่างแท้จริง นั้น เราจะเอากำลังหรือพลังอะไรไปสู้หรือไปละวางอารมณ์เหล่านั้นลง
    จากการปฏิบัติ นั้นขออธิายว่าเราต้องอาศัยกำลัง3ส่วนดังนี้
    1กำลังของสติ เมื่อสติดีพร้อมแล้ว ย่อมรู้ทันอารมณ์ที่กระทบหรือเกิด
    2กำลังของปัญญา เมื่อปัญญาดีพร้อมแล้ว ย่อมละปล่อยวางอารมณ์ที่กระทบหรือเกิดขึ้นทันที
    3กำลังของความเพียรในการฝึกสติและปัญญาที่ทรงตัวสม่ำเสมอ เมื่อเรามีความเพียร ที่มากและทรงตัวสม่ำเสมอ สติปัญญาก็จะมีกำลังมาก พอเราทำมามากเจอมามากทดสอบมามากแล้วจริงๆ เมื่อนั้นอารมณ์ทั้งหลายน้อยใหญ่เราก็วางลงได้หมดไม่มีเหลือ และไม่มีพลาดครับ สาธุ
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    มีสหายธรรมถามว่า ทำไมพระสาวกบางรูปที่ท่านเป็นครูอาจารย์ บวชมาก็หลายพรรษา ท่านก็รักษาศีลปฏิบัติดีมาตลอด ท่านก็ครองสติสัมปชัญญะดีมาตลอดไม่เคยพลาด คือท่านปฏิบัติดีมาตลอด แต่ด้วยอะไรทำไมท่านถึงต้องลาสิกขาออกไปมีครอบครัว เกี่ยวข้องในกามราคะอีก เพราะอะไร

    กระผมตอบว่า กระผมไม่ทราบเพราะกระผมก็ไม่ใช่ท่าน

    แต่ที่เข้าใจตามความเป็นจริงย่อมกล่าวได้ว่า การละปล่อยวางทุกสิ่ง โดยแท้จริงนั้น มันเป็นเรื่องยาก อาจจะพูดให้ดูง่ายๆ แต่ความจริง มันเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะการฝึกปัญญาและความเพียร หากยังไม่ได้ทำให้เกิดขึ้นที่จิต ที่มากพอ จนจิตยอมรับและปล่อยวางได้อย่างแท้จริงแล้วละก็ การละปล่อยวางย่อมไม่สามารถทำได้ เมื่อเจอของจริงเข้า ก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะไปต่อสู้ ปัญญาก็มีน้อย สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ตกเป็นทาสของกิเลสดังเดิม ไปไม่พ้นสักที

    ดังนั้นการปฏิบัติธรรม ความจริงแล้วเราต้องปฏิบัติให้ถึงจิต และเราปฏิบัติเพื่อไม่ได้คิดที่จะเอาอะไรหรือไม่เอาอะไร แต่เราปฏฺิบัติธรรมเพื่อให้รู้ และวางทุกอย่างลงโดยให้จิตมันยอมรับของมันได้เอง ให้จิตมันวางของมันลงทันที ด้วยปัญญาที่เกิดมีขึ้นตามธรรมชาติของจิตที่เราฝึกฝนนั่นเองครับ

    ขอให้เดินตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้แล้วดีงามแล้วนะครับ สาธุ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    มีสหายธรรมถามว่า แล้วที่เราเรียกว่า จิต นั้น บางสำนักสอนว่า จิตนี้ไม่มีอยู่จริง สรุปแล้วจิต มันมีอยู่จริงหรือไม่ครับ

    จึงขออธิบายว่า หากท่านอื่นสอนว่า จิตไม่มีอยู่จริง ต้องเข้าใจก่อนว่า เขาพูดสภาวะใด แต่หากเป็นการกล่าวโดยทั่วๆไป หรือเป็นจิตปกติทั่วไปนั้น ขอตอบว่า
    จิต นั้นเป็นฝ่ายนาม อย่างหนึ่ง จิตหรือมโน นั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ในธรรมชาติ หาก จิตไม่มีอยู่จริง แล้ว อะไรละที่มีอยู่จริง หรือเป็นเพียงความนึกคิด เท่านั้นหรือที่มีอยู่จริง แล้วจิต ละอยู่ไหน อยู่กับอะไร หรือมันไม่มีอยู่จริง

    ตรงนี้ขออธิบายว่า ก็เพราะจิตคือธรรมชาติของพลังงานที่ละเอียดมาก มีสภาพว่างโปร่งใสนี่คือสภาพของจิตที่บริสุทธิ์ ตรงนี้อธิบายอย่างนี้เพราะอาศัยการฝึกสมาธิเพื่อเข้าไปเห็นสภาพที่แท้จริงของจิต เป็นการเห็นจิตในจิต เพราะอาศัยการฝึกสติและฌาณ6เข้าสู่วิญญานัญจายตนะฌาณ เข้าไปเห็นสภาพตามธรรมชาติของจิตตน ไม่ได้ปรุงแต่งอะไร ส่วนจิตทั่วๆไปนั้น ไม่ได้ว่างโปร่งใส เพราะมีกิเลสหรือสังขาระวิญญาณประกอบอยู่กับจิต

    หากเรากล่าวว่า จิตไม่มีอยู่จริง ก็ถือว่าผิดไปจากที่พระพุทธเจ้าท่านรู้และสอนเอาไว้ และหากพิจารณาให้ดี จะพบว่า หากจิตไม่มีอยู่จริง แล้วเมื่อเราตายไปแล้ว สังขารและความนึกคิดของเราก็ตายไปด้วยกับกายหรือเปล่า หรือมันยังคงอยู่กับจิต และพาจิตท่องไปในโลกทิพย์ จึงมีจิตวิญญาณหลายหลายรูปชนิดมากมาย บางส่วนเป็นจิตที่เป็นเทพเทวดา พรหม อรูปพหรมก็มี หรือสัมภเวสีเร่ร่อนก็มีหรือที่ไปตกนรกก็มี อื่นๆก็มีอีกมากมาย
    เพราะนี้คือธรรมชาติของจิตที่ไม่บริสุทธิ์จึงต้องเป็นไปอย่างนี้
    หากกล่าวว่าจิตไม่มี นั่นย่อมแสดงว่า ตายไปแล้วทุกอย่างก็จบสิ้นกันไป กรรมและวิบากกรรมที่จะให้ผลก็ดับลงไปเช่นกันไม่มีให้ผลอย่างนั้น ย่อมแสดงว่าเป็นสิ่งที่เห็นผิดแตกต่างไปจากที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเอาไว้ครับ

    ส่วนจิตรู้หรือจิตอรหันต์นั้น เมื่อละวางทุกอย่างได้แล้ว ย่อมมีสภาพว่างโปร่งใส เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้น เพราะไม่รับอะไรอีก ไม่มีอะไรเจือปนประกอบร่วมกับจิตอีก จนบางครั้งอาจเรียกว่าเป็นความไม่มีก็ได้ ดังนั้น เมื่อพูด ถึงจิต จึงต้องระวังให้ดีว่า เรากำลังพูดถึงจิตในสภาวะใด เพราะจิตแต่ละสภาวะ ย่อมมีลักษณะที่แตกต่างกันตามปัจจัยสภาวะนั้นที่ปรุงแต่งนั้นเองครับ สาธุ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    มีสหายธรรมถามว่า คำว่า รูปและนาม นั้น แท้จริง มันเป็นอย่างไร

    กระผมจึงช่วยอธิบายให้ฟังว่า
    ความจริงแล้วสรรพสิ่งทั้งจักรวาล มีเพียงสองส่วนคือฝ่ายรูป และฝ่ายนาม พระพุทธเจ้าท่านแบ่งแยกให้แล้ว การแบ่งแยกนั้นเพราะอาศัยว่า

    1ฝ่ายรูปหมายถึง สิ่งใดที่เราสามารถสัมผัสได้ เห็นได้ รู้ได้ ว่าสิ่งนั้นมีรูปร่างมีตัวตนเห็นได้บอกได้ชัด อย่างนี้เรียกว่าฝ่ายรูป ซึ่งหมายถึง ธาตุทั้ง4นั่นเอง

    2ฝ่ายนาม หมายถึง สิ่งใดที่เราไม่สามารถสัมผัสได้โดยตรงคือไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เพราะไม่มีรูปร่างให้เห็นได้ว่าเป็นอย่างไร แต่เป็นสิ่งที่มีตัวตนอยู่จริงสามารถสัมผัสได้ รู้ได้ด้วยความรู้สึกที่ไปกระทบนั่นเอง
    ฝ่ายนามแท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่มีตัวตนและสามารถสัมผัสรู้สึกได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ หรือยกตัวอย่างเช่น พลังงานความร้อน เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา ไม่มีรูปร่าง แต่เราสามารถสัมผัสได้และรู้ว่าร้อน หนาว เป็นต้น

    แต่ในทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า สรรพสิ่งทั้งจักรวาล มีเพียงสองส่วนคือ
    1 สะสาร อันหมายถึง ฝ่ายรูป
    2 พลังงาน อันหมายถึง ฝ่ายนาม
    พลังงานในทางวิทยาศาสตร์ ที่ค้นพบ ยังเป็นเพียงฝ่ายนามเพียงส่วนหนึ่ง แต่ยังมีพลังงานที่วิทยาศาสตร์ไปไม่ถึงหรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ยังมีอีกมากที่เป็นฝ่ายนามที่ยังไม่สวามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นพลังงานที่มีความละเอียดมากๆเกินเครื่องมือที่ทางวิทยาศาสตร์จะตรวจสอบได้ อย่างดีวิทยาศาสตร์ทำได้แค่การตรวจคลื่อนสมองเท่านั้น แต่พลังงานฝ่ายนามที่ละเอียดยิ่งกว่าเช่น พลังงานจิต หรือ พลังงานเจตสิก ที่ปรุงแต่งจิตนั้นเป็นส่วนที่ละเอียดมากๆนั่นเอง ซึ่งเป็นพลังงานฝ่ายนามที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจวัดได้ และมีเพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ทรงรู้และสามารถอธิบายได้อย่างดีเยี่ยมไม่มีใครยิ่งกว่าครับ สาธุ
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    วิชาจิตเกาะพระ นี้แหละ ดีเยี่ยมที่สุดแล้ว เราท่านทั้งหลายอย่ามัวหลงทางอยู่เลย วิชาจิตเกาะพระนี้แหละ คือทางเดินมรรคที่สั้น ง่าย และรวดเร็ว มั่นคง พลาดพลั้งได้ยากหากตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจังและมีความเพียร
    วิชาจิตเกาะพระนี่แหละคือแก่นแท้แห่งจิตพุทธะ เพื่อความเข้าถึงพุทธะ คือพระนิพพาน จะมีวิชาใดดีเยี่ยมไปกว่าวิชานี้ไม่มีอีกแล้ว และที่สำคัญมากที่สุดคือ เพราะท่านคือสมเด็จพ่อ เพราะท่านคือพุทธะ ท่านย่อมทราบในวิถีแห่งพุทธะ ท่านจึงได้เมตตาสอนวิชานี้ให้แก่พวกเราผู้มีกิเลสหนา ให้ชำระกิเลส ชำระจิตของเราให้เป็นเหมือนดั่งท่าน
    หากท่านเพียง มีสติ ระลึกรู้อยู่กับพระ ทุกลมหายใจเข้าออก เกาะพระอยู่อย่างนั้น อันความรู้่สึกตัว กายที่สงบหรือเคลื่อนไหว จิตก็รู้วางไม่ไปยึดติดในกองรูปกาย ในขณะเดียวกัน อันความคิดที่เกิดทั้งหลายมันก็ดับไปเพราะจิตเราอยู่กับพระไม่ไปนึกหรือรับเอาความนึกคิดอารมณ์อะไรมาปรุงแต่ง เมื่อทำจนชำนาญจิตย่อมเกิดปัญญาเห็นสภาพความเป็นจริง ในความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ความเป็นอนัตตา ทุกอย่างปล่อยวางลงได้หมด การมีสติรู้ในกายที่เป็นไปก็รู้วางแยกรูปออกไป การมีสติในความนึกคิดที่กำลังเกิด ก็รู้วางออกไป แยกนามออกไป คงเหลือแต่เพียงจิต ที่อยู่กับพระ จิตที่อยู่กับพระ ก็คือพระ เพราะมีสภาพเหมือนกันคือว่างจากกิเลสเครื่องปรุงแต่ง
    จงทำจิตของเราให้เป็นเหมือนพระที่เราเกาะอยู่คือ ว่าง สะอาด บริสุทธิ์
    อุตสาห์ร่ำเรียนมา อย่าปล่อยให้มันลงหม้อหายจมลงไปในทะเลจนหมดสิ้น วันนี้จิตท่านเกาะพระ หรือยังครับ เมื่อก่อนเคยเกาะอย่างไร วันนี้ ท่านไปเกาะอะไรอยู่ เราเกาะพระเพื่อให้จิตเรามีที่พึ่งอันเกษมบริสุทธิ์ เพื่อวันหนึ่งจิตเราจะเป็นดั่ง พระพุทธเจ้า นั่นเองครับ สาธุ
     
  15. นทีสีทันดร

    นทีสีทันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +1,002
    สาธุกับคุณ tjs ครับ จิตตั้งมั่นกับพระ ก็คือ สติอยู่กับจิตนั่นเอง รู้ทันความคิดที่เกิดขึ้น จึงปล่อยวางลงได้ คุ้นๆเหมือนกับเคยอ่านเจอว่า โยมถามหลวงปู่พระอริยะองค์หนึ่ง ว่าพระอรหันต์ยังมีอารมณ์โมหะ โทสะ บ้างหรือไม่ หลวงปู่ตอบว่า มี แต่ไม่เอา ประมาณนี้ครับ

    อ่านประสบการณ์ฝันหลายๆท่าน ฝันว่าไปโน่นนี่กัน นึกขึ้นได้เหมือนกันว่า สมัยเด็กๆก็เคยฝันว่า มีผู้ชายมาชวนไปไหนซักที่ เราไม่รู้จักเค้าเลย แต่กลับไม่กลัวแถมยังเรียกอย่างสนิทสนมด้วย เรียกเค้าว่า น้ายมๆ เค้ามาชวนไปแต่ตอนนั้นตอบไปว่า ยังอ่ะ น้ายมไปก่อนเลย แล้วค่อยตามไปทีหลัง จากนั้นก็ตื่น

    ปัจจุบันทุกวัน จะสวดมนต์อิติปิโส พาหุง ยันทุน กรณีย แล้วก็คาถาเงินล้าน แล้วจึงสวดแผ่เมตตาตัวเอง แผ่เมตตาสรรพสัตว์ บางครั้ง ระหว่างสวดแผ่เมตตา รู้สึกเหมือนว่าเป็นกระแสออกไปจากตัว แบบนี้สรรพสัตว์หรือเจ้ากรรมนายเวร จะได้รับบ้างหรือไม่ครับ ทั้งที่เราไม่ได้กรวดน้ำ
     
  16. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    กราบขอบพระคุณท่าน tjsมากค่ะ ก่อนอื่นขอนำบุญมาฝากท่านtjsและทุกท่านทั้งในกระทู้นี้และเวปนี้นะคะ วันนี้มาเชียงใหม่กับสามีและลูกและได้ไปทำบุญถวายสังฆทาน เทียน และปัจจัยและมหาจุลกฐินกับท่านพระครูบาน้อยวัดศรีดอนมูล ขอน้อมนำกุศลต่างๆสู่ทุกๆกท่านนะคะ ขออธิษฐานให้ทุกท่านเข้าสู่มรรคผลตามที่ตั้งจิต ขอให้ทุกท่านข้ามฝั่งทุกข์ได้สำเร็จ สาธุค่ะ

    เรื่องการปฏิบัติเข้าสู่วิปัสนาตามที่ท่านชี้แนะ ดิฉันจะทำต่อเนื่องค่ะ แอบดีใจที่สิ่งที่ปฎิบัติเจริญก้าวหน้าถึงฌาน1 แม้จะเชื่องช้าอยู่มากเนื่องจากมีภาระทางการงานค่อนข้างมากแต่ก็มีกำลังใจค่ะ ขณะนี้เข้าใจอสุภฯ อยู่บ้างจากการอ่านจากเวปนี้และหนังสืออื่นๆ แต่ยังต้องศึกษาอีกมาก อธิษฐานขอความสำเร็จในชาตินี้ค่ะ กราบขอบพระคุณท่านtjsมากค่ะ สาธุค่ะ
     
  17. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    กราบขอบพระคุณดวงจิตที่เมตตาให้แนวทางค่ะ ดิฉันเป็นหนึ่งตัวอย่างของสัตว์โลกที่ยังหาคำชี้แนะจากท่านผู้เดินทางมาก่อน คำแนะนำมากมายหรือกรณีตัวอย่างจากหลายๆท่านในเวปนี้ล้วนแต่มีส่วนช่วยให้ดิฉันเห็นทางทีละเล็กทีละน้อย สาธุค่ะ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เทศกาลเข้าพรรษานี้ขอทุกท่านร่วมกันทำบุญ สวดมนต์ถือศีลปฏิบัติธรรมด้วยจิตท่านด้วยตัวท่านเอง นะครับ
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกันครับ สาธุ
     
  19. peeyapa

    peeyapa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +107
    สวัสดีค่ะคุณก้องช่วยไปตอบคำถามที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนของคุณให้หน่อยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
     
  20. atta454

    atta454 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +263
    เรื่องบางเรื่อง ก็เล่าไม่ได้


    โมทนาสาธุครับ
    ขอศึกษาเพื่อเป็นแนวทางนะครับ
    ผมอาจจะห่างใกลเรื่องแบบนี้มากเหลือเกิน
    น้อยคนนักที่จะได้รับโอกาสและความเมตตาเช่นนี้
    แต่ต่อนี้ไปจะหมั้นสร้างบุญบารมี และความดีตามกำลังครับ
    ตอนนี้ยังมีภาระ ถ้าหมดภาระคงได้ปฏิบัติอย่างเต็มกำลัง

    แนะนำด้วยนะครับ.........
     

แชร์หน้านี้

Loading...