เหตุใดท่านจึงลาสิกขา ?

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย เฮียปอ ตำมะลัง, 30 มิถุนายน 2013.

  1. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    เหตุใดท่านจึงลาสิกขา ?
    ___________________________________________

    [​IMG]


    เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นรวดเร็วมาก โดยไม่มีใครคาดคิดว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ จนกระทั่งเย็นวันที่ 8 พระที่วัดได้โทรฯ คุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่ามีคนในครอบครัวของ ผญ แจ้งไปที่วัดป่านานาชาติ ว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ เช้าวันอาทิตย์ที่ 9 และครอบครัวได้ห้ามแล้ว แต่ด้วยนิสัยของ ผญ ที่จะเอาอะไร ต้องเอาให้ได้

    วันนั้น เรายืนมองท่านเดินจากไป..เดินลากเท้า เหมือนคนอ่อนแรง เห็นท่ายืนรอ ผญ แลกเงิน อย่างเหม่อลอย..เป็นภาพที่เรารู้สึกว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะช่วยท่าน …แต่จะด้วยอะไรก็ตาม วันนั้น เราทำเพียงยืนดูท่านจากไป..
    ___________________________________________

    #ข้อความต่อไปนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    พระเป็นเพียงภาชนะพระพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้พระธรรม และทรงบวชพระสงฆ์ เพื่อมอบให้พระสงฆ์เป็นผู้นำส่งพระธรรม ให้กับพุทธศาสนิกชนพระจึงเป็นเพียงภาชนะ

    บางครั้งภาชนะก็เก่าผุพัง แตกร้าว รั่วซึม ใช้งานไม่ได้ แต่พระธรรมในภาชนะนั้น ก็ยังคงเป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่พระพุทธเจ้าประสงค์เผยแผ่กับพุทธศาสนิกชนเช่มเดิม ไม่ว่าจะเปลี่ยนภาชนะไปกี่ครั้งกี่คราก็ตาม

    ผมบวช และจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าสุนันทวนาราม ในปี 2543 เป็นเวลา 2 เดือน ได้มีโอกาสติดตามพระอาจารย์มิตซูโอะ ทุกวัน ทุกสถานที่ ตลอดเวลาที่บวช ผมได้รับคำสอนจากท่านมากมาย ไม่ว่าจากการสอนปฏิบัติธรรม หรือจากการปฏิบัติตัวของพระอาจารย์ฯ ทำให้ผมศรัทธาและยินดีรับใช้ท่านมาถึงทุกวันนี้มาเข้าเรื่องกันเลยละกันเรื่องเดียวกัน รู้ลึกไม่เท่ากัน ความจริงก็จะไม่เหมือนกัน และนี่คือสิ่งที่ผมรู้ลึก

    วันที่ 8 เวลา13:00 ผมนิมนต์ท่านไปเทศน์ที่วัดเบญจมบพิตร และได้นัดหมายเป็นที่เรียบร้อย เช้าวันนั้น ผมโทรฯถามพี่ที่มูลนิธิฯ ว่าผมต้องไปรับท่านจากที่ไหน จึงได้ทราบว่ามี ผู้หญิงคนหนึ่งรับส่งท่านเช้าไปที่เมืองทองธานีแล้วจึงจะไปที่วัดเบญจมบพิตรช่วงบ่าย และจะต้องไปที่วัดยานนาวา และคืนนั้นต้องเดินทางไปสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่ผมจึงรู้ว่าไม่ต้องไปรับท่านเองแต่ต้องโทรฯประสานงานกับ ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อแอน ผมจึงโทรฯไปนัดเวลา สถานที่เป็นที่เรียบร้อย เมื่อท่านไปถึงวัดเบญฯ ผมดันติดงานไปไม่ได้จึงฝากภรรยาของผมดูแลแทน

    หลังจากเทศน์เสร็จเจ้าภาพรวบรวมเงินทำบุญได้ 30,000 บาทใส่ซองขาวมอบให้ผู้หญิงคนนี้ไปจากนั้นท่านก็เดินทางไปวัดยานนาวา ผมจึงไม่ได้พบท่านในวันนั้น จากนั้นเวลา 18:00 ผมได้รับโทรศัพท์จากมูลนิธิฯ ว่ามีข่าวว่าท่านจะสึกในวันอาทิตย์ ผมจึงเดินทางไปสนามบินเพื่อดักท่านไม่ให้ท่านสึก โดยพยายามติดต่อหล่อน แต่ก็ไม่รับสาย จึงโทรฯหาคนขับรถก็พบว่าไม่มีสัญญาณ ไม่สามารถติดต่อได้เลย จนกระทั่ง 20:30 ท่านไม่มาcheck in เราจึงมั่นใจว่าท่านหายตัวไปแน่นอน


    [​IMG]

    จากการสืบถาม ผมได้ที่อยู่ของ clinic และ condo ผมจึงเดินทางไปทองหล่อ ซอย 4 ไปที่clinic ของผญ พบว่าปิด ไม่สามารถเข้าไปสำนักงานได้ จึงเดินทางไปที่ condo ของผญ ผมไปถึงเวลา22:30 พบว่าคนขับรถเป็นคนละคนกับคนเดิมจึงทราบว่ามีการสับเปลี่ยนคนขับรถ โดยไปจ้างคนขับรถ Taxi มาขับแทน เพื่อที่ผมจะได้ติดต่อคนขับรถไม่ได้ จึงรู้ได้ทันทีว่าเหตุการณ์นี้ ถูกวางแผนมาอย่างดี เราไม่ได้เจอกับคนธรรมดาแน่นอนเมื่อถึง condo พบคนขับรถ เขาไม่รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้น เราจึงได้คุยกับคนขับรถซึ่งกำลังรอรับค่าจ้างอยู่ที่ lobby ได้ความว่าหลังจากออกจากวัดยานนาวา ท่านสั่งให้ไปวัดชนะสงคราม ท่านและผญ ลงที่วัดชนะสงคราม และกลับขึ้นมาโดยแต่งตัวเป็นเสื้อขาวกางเกงเล ใส่หมวกไหมพรม พร้อมพระอีกรูป จากนั้นก็สั่งให้ขับรถไปส่งพระอีกรูปที่ central แจ้งวัฒนะ และกลับมาถึงcondo

    เวลาประมาณ 22:00 และทั้ง2 ได้ขึ้นcondo ไปแล้ว24:00 เราพยายามติดต่อขึ้นไปที่ห้อง แต่ไม่รับสาย และไม่ยอมลงมา แต่สั่งให้ยามมาไล่เราออกไปจากอาคาร ไม่งั้นจะเรียกตำรวจมาจับเรา เราจึงออกจากอาคารไป และขับรถตามคนขับรถไปจึงพบว่า ผญสั่งให้รถหลอกเราออกมา มาทราบทีหลังว่า ผญพาท่านออกจาก condo เวลา 1:00 เรากลับมาค้นข้อมูลทาง internetจึงพบประวัติการทำธุรกิจ หนี้มากมายมหาศาล เธอเปลี่ยนชื่อหลายครั้งมากแม้กระทั่งชื่อเล่นจาก อ้อย เป็นแอน และผมไม่เคยเห็น ผญคนนี้ที่วัดมาก่อนนี่คือวิถีของท่านและของวัด วัดไม่เคยมีกฏเข้มงวด วัดไม่เคยกีดกั้นคนที่จะเข้าพบท่าน ทุกคนสามารถเข้าถึงตัวท่านได้ง่ายๆทุกเวลา ท่านใจดีไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น ใครจะถวายอะไรทานก็รับ ใครจะถวายยาอะไรท่านก็ทาน ใครถวายยาอะไรขอให้ท่านเดินทางไปไหน รักษาที่ไหนอย่างไรท่านก็ไป ไม่เคยขัด ใครจะมาขอรับส่งท่านท่านก็เมตตาอนุญาติโดยไม่มีเงื่อนไข

    เช้าวันรุ่งขึ้น6:00 ผมไปวัดชนะสงคราม จับความได้ว่ามีพระท่านหนึ่งที่น่าจะรู้จักกับท่าน เคยเทศน์ด้วยกันที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ได้เดินทางออกจากวัดไป ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบแต่เช้านี้ไม่อยู่ที่วัดแน่ๆ เราจึงกลับไปที่ condo เพื่อไปดักรอเพื่อจะได้เห็นว่าท่านสึกหรือยัง ผมได้ทราบว่าผญ ทำการยักยอกเงินทำบุญจากวัดเบญฯไว้ โดยไม่ได้นำไปมอบให้มูลนิธิ จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อขอเข้าดู CCTV เป็นการพิสูจน์ว่า ผญ คนนี้อาศัยอยู่ในcondo นี้จริง ทางตำรวจให้ความร่วมมือที่ดีมากทำให้เราสามารถดูกล้องใน lift และสิ่งที่ผมเห็นพิสูจน์ได้ว่าท่านสึกจริงแล้ว และไม่ได้อาศัยอยู่ใน condo นี้แล้ว

    เราจึงกลับออกมาหลังจากนั้นผมกลับไปผมได้หาข้อมูลของ ผญ คนนี้เพิ่มได้อีกจากที่ผมสืบถามจากทุกคนในวัดและมูลนิธิฯ จึงพบว่า ผญเริ่มเข้ามาวัดเมื่อประมาณเดือนเมษายนปีนี้ โดยเข้ามาแล้วพยายามติดตามพระรูปหนึ่งในวัด ตามจนคนในวัดเห็นพฤติกรรม แต่ไม่มีใครคิดจะไล่ ผญ คนนี้ออกจากวัด ต่อมาก็มาติดตามโยมคนหนึ่งที่มาปฏิบัติธรรม โยมคนนั้นเล่าว่า เขาโทรฯ ตามให้มานั่งปฏิบัติธรรม ติดกัน โดยจองที่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และชวนเขาไปทำศัลยกรรมที่ clinic ที่ ผญ เป็นเจ้าของอยู่

    แต่เนื่องจากโยมคนนี้ เห็นอาการของ ผญ แล้วตัดสินด้วยความรู้สึกของผู้ชาย ว่าแม้เพียงครั้งเดียว ถ้าไปกับ ผญ คนนี้ ก็มั่นใจว่า ไม่เป็นผลที่ดีแน่ๆ จึงไม่ไปจากการไล่จับ ผช 2 คนในวัด ไม่สำเร็จ สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

    มีโยมที่วัดบอกว่า ผญ คนนี้วันวันเอาแต่นั่งจ้องพระอาจารย์มิตซูโอะ เป็นชั่วโมงชั่วโมง ใครเข้าไปกราบท่าน หล่อนก็ไม่ถอยออกมา นั่งจ้องอยู่เช่นนั้น

    และต่อมา ผญ ก็เสนอให้การรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการทำ chelation โดยต้องไปทำที่ clinic ทองหล่อ ซอย 4 อาทิตย์ละ 1 ครั้ง

    2ครั้งแรก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เดินทางไปด้วย แต่ตัว ผญ ไม่ได้ไป และหลังจากนั้นก็เพิ่มเป็นทุก 2 วัน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ติดตามไปด้วย และผญ เสนอว่า เนื่องจากต้องไป clinic บ่อยอยู่แล้ว จึงให้คนขับรถของหล่อน มารับไปกิจนิมนต์ด้วยเลยทุกวัน ซึ่งรถที่มารับ เป็นรถตู้ สีขาว ติดฟิล์มดำสนิท มีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับห้องโดยสาร ไม่สามารถมองเห็น และได้ยินห้องโดยสารได้

    ในชั้นแรก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ แจ้งท่านว่ารถคันนี้ไม่เหมาะสม จึงให้ ผช ในวัดติดตามไปด้วย 1 คน แล้วมารู้ทีหลังว่า โดน ผญ สั่งให้ไปนั่งกับคนขับรถ บางครั้งไปนั่งด้านหน้า 3 คน รวมคนขับเป็น 4 คน ตอนลงรถ เราคิดว่ามากันหลายคน มาทราบภายหลังว่าทุกคนโดน ผญ สั่งให้ไปด้านหน้าทั้งหมด

    พระอาจารย์ฯ มีกิจนิมนต์ที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 2 – 17 พฤษภาคม (ผญ ไม่ได้ไป)

    ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ผญ คนนี้ก็มารับพระอาจารย์ฯ ที่มูลนิธิฯ ไปทำ chelation ทุกวัน เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามว่าทำไมต้องไปทุกวัน ผญ ตอบว่ามีการทำ stem cell ร่วมด้วยจึงต้องไปทุกวัน และโดยปกติพระอาจารย์ฯ จะต้องมีการตรวจสุขภาพที่ รพ วิชัยยุทธ แต่ท่านปฏิเสธการตรวจสุขภาพทั้งหมด

    เจ้าหน้าที่มูลนิธิ เห็นสิ่งผิดปกติ ของ ผญ คนนี้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างไร พอมาคิดย้อนหลังจึงพบว่า พระอาจารย์ฯ ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นั่งเหม่อ เก็บตัว มีอาการโมโห โกรธ บางครั้ง ซึ่งท่านไม่เคยเป็นแบบนี้เลย

    เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นรวดเร็วมาก โดยไม่มีใครคาดคิดว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ จนกระทั่งเย็นวันที่ 8 พระที่วัดได้โทรฯ คุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่ามีคนในครอบครัวของ ผญ แจ้งไปที่วัดป่านานาชาติ ว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ เช้าวันอาทิตย์ที่ 9 และครอบครัวได้ห้ามแล้ว แต่ด้วยนิสัยของ ผญ ที่จะเอาอะไร ต้องเอาให้ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

    เราก็สงสัยว่า ครอบครัว ผญ รู้ได้อย่างไร จึงสอบถามไปที่ครอบครัวของหล่อน และได้คำตอบว่าพวกเขากลุ้มใจกันมาก แต่ไม่กล้าแจ้งทางมูลนิธิฯ ว่าหล่อนมาขอร้องให้ช่วยดำเนินการเรื่องวีซ่า ไปประเทศญี่ปุ่น จึงได้รู้ความจริง

    การติดตามของเราที่จะให้ได้พบตัวท่าน เพียงเพื่อจะได้เห็นกับตาว่าท่านสึกแล้ว จริงหรือไม่ และจากกล้อง CCTV เราจึงบอกกับทางมูลนิธิฯ ว่า สึกจริงแล้ว เรายืนยันได้ และเราก็ปรึกษากัน ตัดสินใจไปดักรอพบท่านที่สุวรรณภูมิ เพราะได้รับแจ้งจากวัดป่านานาชาติ จากแหล่งข้อมูลเดิม ว่าจะเดินทางออกนอกประเทศ ไปฮ่องกง เช้ามืดของวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน ซึ่งผมตรวจสอบแล้วว่ามี สายการบิน ฮ่องกงแอร์ไลน์ เช้าที่สุดคือเวลา ตี2:15 เราจึงไปถึงสนามบินในเวลาเที่ยงคืน และเราก็ได้พบกับท่าน


    [​IMG]

    เราได้เข้าไปคุยกับท่าน ถามถึงเหตุผลที่สึก ท่านตอบว่า เป็นพระสอนได้แค่คนที่เคารพผ้าเหลือง ถ้าเป็นคนธรรมดาจะสอนคนได้ทุกชาติ ศาสนา และเราก็ขอให้ท่าน อยู่ที่มูลนิธิฯ ต่อซัก 2-3 วันแล้วค่อยตัดสินใจใหม่ ท่านปฏิเสธ และเราถามอีกว่า ท่านสึกแล้วทำไมถึงมากับผู้หญิง ท่านตอบว่า ด้วยเหตุและปัจจัย

    สิ่งผิดปกติที่เราสังเกตุเห็นคือมือของท่านทั้งสองข้าง คล้ำแบบดำเขียว เหมือนกับช้ำมาก เฉพาะที่มือทั้งหน้ามือและหลังมือ เราจึงถามท่านว่า ทำไมมือของท่านดำมาก ท่านไม่สบายหรือเปล่า ท่านเก็บมือใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วบอกว่าสบายดี ไม่เป็นอะไร แต่เราไม่ยอม จึงขอให้ท่านเอามือออกมาเทียบกับมือของผม ก็พบว่ามือของท่านผิดปกติ แต่ท่านก็ยังยืนยันว่า สบายดี

    ในระหว่างที่ถาม ท่านแสดงอาการไม่พอใจ ที่มาพบท่าน และพูดไล่เรากลับไป ซึ่งอาการเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน ท่านไม่เคยปฏิเสธใคร ดูเหมือน เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

    วันนั้น เรายืนมองท่านเดินจากไป

    เห็นท่าเดินที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เป็นท่าเดินที่ลากเท้า เหมือนคนอ่อนแรง โดยปกติท่านจะเป็นคนที่เดินแบบยกเท้าพ้นพื้น แล้วจรดเท้าลงแบบเดินจงกรม

    เห็นท่ายืนรอ ผญ แลกเงิน อย่างเหม่อลอย

    เป็นภาพที่เรารู้สึกว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะช่วยท่าน …แต่จะด้วยอะไรก็ตาม วันนั้น เราทำเพียงยืนดูท่านจากไป

    คืนนั้น เรากลับมาหาข้อมูล ผญ คนนี้ต่อ พบว่า ใน website เขียนถึงหล่อนว่า แต่งงานมาแล้ว และหย่ามาแล้วหลายครั้ง มีหนี้สินมากกว่าพันห้าร้อยล้าน มีคดีที่ต้องขึ้นศาลตลอดเวลา ค่าเช่าคลีนิคไม่จ่ายมาแล้ว 3 เดือน ใน web มีคนเขียนว่า ไม่จ่ายค่ายา ไม่จ่ายค่าหมอ และเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่ทำไว้ เปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายชื่อ เปลี่ยนแม้กระทั่งชื่อเล่น

    และต่อมา เราได้คุยกับผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับยา ว่าคนที่มีอาการแบบนี้ เป็นไปได้ที่จะโดนยากล่อมประสาท แต่เนื่องจากต้องเดินทางไกล จึงต้องสเน็ปยาเข้าไปที่ข้อมือมากกว่าปกติ มือจึงดำ ประกอบกับอาการเหม่อลอย และเดินลากขา เป็นเพราะยากล่อมประสาท เช่น dormicum


    จากการปล่อยข่าวของ ผญ ทั้งรูป และวิดีโอ สร้างภาพให้เป็น สึกด้วยความรักหล่อน ทำให้ สงสัยว่าด้วยเวลา ปลายเมษายน ถึง 8 มิถุนายน 2556 สามารถสึกพระ 38 พรรษาได้ จริงหรือ ถ้าไม่มีตัวช่วย

    ความรู้สึกของผมจากการหาข้อมูลด้วยตัวเอง และการติดตามใน 3 วันนั้น ทำให้ผมคิดตลอดเวลาว่าจะช่วยท่านได้อย่างไร

    และ ผญ คนนี้ จงใจกระทำทุกอย่าง อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด และผมเชื่อว่า ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่ใช่คู่บุญบารมีอะไรหรอกครับท่าน

    และผมตัดสินใจในวันนี้ว่า จะต้องเล่าสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมด ในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่ศรัทธาท่านและระลึกถึงบุญคุณที่ท่านทำไว้ให้กับชาวไทยอย่างล้นเหลือ

    ผมมีคำถาม ใครช่วยตอบผมที ...

    ผญ ที่สร้างภาพ ดี รวย สวย เก่ง และมีความรักที่สวยงาม คนนี้ ยักยอกเงินทำบุญ จากญาติโยม ที่นิมนต์เทศน์ที่วัดเบญจมบพิตร เพียง 30,000.- บาท เพราะเหตุผลอะไร ?


    https://www.facebook.com/photo.php?...619.1073741828.100005827781909&type=1&theater




    .
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    กมฺมุนาวตตีโลโก....
    ความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า นี้เป็นวิบากกรรมของท่าน...
    แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นในคุณธรรมที่ท่านประพฤติปฏิบัติมา...ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...
    ผมยังเคารพในคำสอนท่าน...
    และยิ่งสงสารท่านที่ต้องมาเจอเข้ากับสภาพเช่นนี้...
    .......
    ผมมีข้อสังเกตบางอย่างว่า...
    - ธรรมดาของพระผู้มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ การเดินทางไปไหน จะต้องมีพระอุปฐากและโยมอุปฐาก อยู่ด้วยเสมอ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดที่จะเกิดกับท่าน...
    - การอยู่ด้วยกันในที่ลับหู หรือลับตา 2 ต่อ 2 นั้น ต้องสังฆาฑิเสฑ ทุกคนรู้ดี ดังนั้น ถ้าใครเป็นศิษย์ก็ต้องเข้าไปอยู่ใกล้ท่าน เพื่อให้ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ว่าพูดคุยกันอย่างไร มีปฏิกริยาอย่างไร..

    แต่ก็ด้วยเหตุปัจจัยทั้งปวง ทำให้ไม่มีศิษย์ที่คอยอุปฐากใกล้ชิดคอยอยู่กับท่านตลอดเวลา ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ...
    ผมไม่ได้อยากจะโทษว่าลูกศิษย์ก็มีส่วนผิด เพราะเมื่อผลของวิบากกรรมเข้ามาตัดรอนนั้น เวลานั้นจะคิดก็คิดไม่ออก จะแก้ไขหรือจะทำอะไรอย่างไรก็ทำไม่ได้ กฎของกรรมมันยังเข้ามาบีบรัดอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะหมดกรรมหมดวาระ...
    สมัยก่อนก็เคยมีพระอภิญญาที่สามารถอยู่ในการภาวนาได้โดยไม่ต้องฉันอาหาร เป็นเวลากว่า 20 ปี นั่งสมาธิจนขี้ค้างคาวท่วมตัว ยังต้องสึกไปแต่งงานอยู่กินกับลูกสาวของโยมอุปฐากนั้น...
    แต่การไปกินอยู่ด้วยกันนั้น ท่านก็ไม่ได้ทิ้งการปฏิบัติธรรม ใครจะไปหาท่าน ท่านจะรู้ล่วงหน้า เตรียมน้ำ เตรียมที่นั่งไว้รอ...
    ต่อมาเมื่อหมดวาระกรรมที่เข้ามากระทำแล้ว ท่านก็ขอลาหญิงผู้นั้นไปบวช เมื่อทำความเพียรอยู่ไม่ทันครบพรรษา อภิญญาก็กลับมาฟื้นเหมือนเดิม ไม่ต้องฉันอาหารก็อยู่ได้ เมื่อนั้นแล้วท่านก็ขอออกธุดงค์ไปในป่า ไม่กลับมายุ่งเกี่ยวกับชาวบ้านอีกเลย...

    ผมเชื่อว่าหลายคนก็คิดสงสารพระอาจารย์มิตซูโอะ เช่นผม และยังเคารพในคำสอนท่าน เช่นเดียวกับผม อีกทั้งก็ยังคาดหวังว่า เมื่อผลของกรรมหมดวาระลงแล้ว จะได้เห็นท่านกลับมาอีกครั้งในบวรพุทธศาสนา และก็คงไม่มีความปรารถนาที่จะสาปแช่งให้ด่าว่า หญิงผู้นี้ คงได้เพียงยกไว้ให้เป็นเรื่องกฎของกรรม...
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ในบทความ “ทิดมิตซูโอะถูกอุ้ม” ของผม ผมฟันธงไปแล้วว่า ใน 5 ส คือ สตรี สตางค์ สุรา เสนาสนะ สมณะสารูป นั้น

    ผมว่า “สตรี” มาแรงแซงทางโค้งกว่าสาเหตุอื่น คิดไปคิดมา ผมชักจะมีทฤษฎีใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว หรือว่า ทิดมิตซูโอะแกจะ “อุ้ม” คนอื่นไป

    ตอนนี้ ผมขอประกาศไปเลยว่า “ผมเดาถูก อีกแล้วครับท่าน” ............

    ข่าวก็ได้มาจาก “อีแร้งข่าว” ของพันธุ์ทิพย์ ชื่อกระทู้ว่า “ตกข่าว อยากทราบรายละเอียดเรื่องพระอาจารย์มิตซูโอะสึก ทำไมพระนักปฏิบัติดี ๆ จึงสึก? มีใครทราบบ้าง?”


    เนื้อหาของกระทู้ก็มีสั้นๆ ดังนี้

    มีเหตุมาจากเรื่องใด มีใครพอจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับข่าวนี้บ้าง

    ตอนแรกได้ยินข่าวแว่ว ๆ มาแล้วแปลกใจมาก ไม่น่าเชื่อว่าพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มุ่งตรงพระนิพพานจริง ๆ ไม่เน้นปาฏิหาริย์หรือของปลุกเสกใด ๆ อย่างพระอาจารย์มิตซูโอะ จะสึกออกมาได้ งงมากจริง ๆ

    คุณออมเงินแต่ไม่ออมใจ ตอบกระทู้อย่างเร็วทันใจ ในความคิดเห็นที่ 1 ว่า

    ถ้าวันนี้คุณได้อ่านคอลัมน์ซุบซิบไฮโซของไทยรัฐจะอึ้งกว่าค่ะ ที่มีลูกศิษย์สาวเจ้าของเสริมความงามพาพระรูปหนึ่งไปกำถันอยู่ด้วยกันน่ะค่ะ

    เจ้าของกระทู้ยังไม่ทันได้ทำอะไร คุณ Fernfriend เข้ามาถามอย่างซื่อๆ ว่า

    กำถันคืออะไรคะ

    ผมอ่านแล้ว นึกในใจ “กูอยากจะบ้าตาย” คนถามก็มีถันอยู่ตั้ง 2 ข้าง ยังไม่รู้จักอีก อย่างนี้ก็มีด้วย..

    คุณออมเงินแต่ไม่ออมใจ เลยถ่ายรูปของเนื้อหาข่าวมาลงให้อ่านเลย ดังนี้

    [​IMG]


    ถึงตอนนี้ ท่านผู้อ่านบางคนอาจจะสงสัยว่า ผมรู้ได้อย่างไรว่า ข่าวนั้นเป็นจริง

    เรื่องนี้ ขอเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังสักนิดหนึ่งก่อน

    ผมจบปริญญาตรีวิชาเอกภาษาไทย วิชาโทภาษาอังกฤษ จบปริญญาโทภาษาศาสตร์ เรียนปริญญาเอกสหวิทยากร แต่หัวข้อดุษฎีนิพนธ์เกี่ยวกับการเมือง และต้องใช้สาขาวิชา 4 สาขาวิชา มาช่วยกันทำดุษฎีบัณฑิต

    4 วิชานั้นก็คือ รัฐศาสตร์ ภาษาศาสตร์ ตรรกวิทยา และหนังสือพิมพ์

    ผมต้องการจะศึกษาว่า การอภิปรายทั่วไปในสภานั้น ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน จริงหรือไม่ สมเหตุสมผลหรือไม่ การโต้ตอบของฝ่ายรัฐบาลจริงหรือไม่ สมเหตุสมผลหรือไม่

    และตอนนี้หนังสือพิมพ์นำข่าวไปลง ยังตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาหรือไม่

    สาขาจำนวน 4 สาขานั้น ผมเคยเรียนสาขาเดียวคือ ภาษาศาสตร์ สาขา รัฐศาสตร์ ตรรกวิทยา และหนังสือพิมพ์ ผมนั้น งงเต็ก ต้องศึกษาใหม่หมด

    ผมก็เลยถาม ศ.ดร. สมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์ที่ปรึกษาคนที่ 1 ว่า [อาจารย์ที่ปรึกษามี 3 คน]

    “อาจารย์ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ข่าวที่ลงมันจริงหรือไม่จริง”

    อาจารย์ก็ตอบว่า

    เราต้องตั้งสมมุติฐานก่อนว่า ข่าวนั้นเป็นความจริง และวิเคราะห์ไปตามนั้น ถ้าเมื่อไหร่ มีการแก้ข่าว เราค่อยวิเคราะห์กันใหม่

    ถ้าเรามัวตามไปตรวจสอบข่าวด้วยว่า ข่าวจริงหรือจริง ชาติหน้าก็ทำดุษฎีนิพนธ์ไม่เสร็จ

    อย่างไรก็ดี ข่าวนี้ ผมมีหลักฐานอื่นประกอบอีก อย่างที่ได้เขียนไปแล้ว คือ

    ตั้งแต่สึกไป ทิดมิตซูโอะไม่เคยออกมาแก้ข่าวเลย เก็บตัวเงียบ อย่างนี้ ถ้าไม่ตาย ก็ต้องไปกับผู้หญิง เพราะ การออกข่าวสมัยนี้ ง่ายมาก

    แต่นี่ มีแต่ข่าวปล่อย ที่ไม่ถูกต้องด้วย

    บอกว่าสึกที่วัดชนะสงคราม พระของวัดก็ปฏิเสธ

    บอกว่า เป็นเบาหวาน ป่วย ต้องไปรักษาตัว ก็มีข่าวว่า จะสอนปฏิบัติธรรม ชาวญี่ปุ่น

    สิ่งที่ผมอยากจะวิเคราะห์อีกสักเล็กน้อยก็คือ ความคิดเห็นของคุณ cantona_z ที่เข้ามาให้ความคิดเห็นที่ 2 ว่า

    ไม่มีใครทราบครับ

    เรื่องลูกศิษย์สาวนั่น อดีตหลวงพ่อมิตซูโอะ ท่านอายุเกือบ70ปีแล้ว เตะป๊๊บไม่ไหวแล้วล่ะครับ คงไม่ใช่ท่านหรอกครับ

    ผมขอบอกเลยว่า คุณ cantona_z คนนี้ สมองหมา ปัญญาควายเป็นอย่างยิ่ง ไม่รู้เรื่อง “ห่า” อะไรก็อยากจะแสดงความเห็น

    คนที่บวชมานานๆ อย่างทิดมิตซูโอะนี่แหละ สุดยอด............ ของเรื่องเซ็กซ์ อั้นมานานครับ รับรองเล่นจ้ำจี้กันทั้งคืน ไม่หยุดไม่หย่อน

    อย่างทิดมิตซูโอะ ผมบอกเลยว่า ร้องไห้ยิ่งกว่าน้ำตาเผาเต่าอีก


    แกจะรำพึงรำพันในใจว่า “รู้อย่างนี้ กูสึกเสียนานแล้ว”
    -->
    ทิดมิตซูโอะ: ทิดมิตซูโอะกำถัน


    .
     
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    แถลงข่าว พาทิดซวย

    ผมเล่นข่าวของทิดมิตซูโอะมาพักหนึ่ง จะเห็นว่า ผมเรียกร้องมาตลอดว่า ทิด...แถลงข่าวมาเสียที ข่าวจะได้เงียบลงไป

    ปรากฏว่า วันนี้ มาข่าวลงจดหมายของทิดมิตซูโอะ พร้อมกับวิดิโอแถลงข่าว ผมอ่านข่าวแล้ว ก็นึกในใจว่า “ฉิบหายแล้วพี่ทิด” แถลงข่าวอย่างนี้ พาพี่ทิดซวยเสียแน่ๆ

    ดูจดหมายก่อน

    http://2.bp.blogspot.com/-0e4qj1Bmtbk/UdCog1opR5I/AAAAAAAAUFc/QpnBJE9DdLM/s533/จดหมายมิตซูโอะ.jpg


    เนื้อหาของจดหมายก็ทำนองนี้

    "เมื่อบ่ายวันที่ 28 มิถุนายน 2556 ผม มิตซูโอะ ชิบาฮาชิ และคุณสุทธิรัตน์ มุตตามระ ภรรยา เดินทางไปที่ทำการเขต Shizukuishi จังหวัดอิวาเตะ Iwate บ้านเกิดผม เพื่อจดทะเบียนสมรส

    หลังจากนั้น ต้นสัปดาห์หน้าผม และภรรยาจะเดินทางเข้า Tokyo เพื่อยื่นเรื่องการสมรสของเราต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย กรุง Tokyo

    "เราทั้งสองได้ทำตามกฎเกณฑ์ทั้งทางโลก และมิได้มีการกระทำใดๆ ที่ขัดพระธรรมวินัยในทางธรรม ความรักของเราทั้งสองเกิดขึ้นโดยสุจริต ผมได้ตระหนักดีด้วยสติว่า สมควรละเพศบรรพชิต

    "จากนี้ไปชีวิตของเราก็เหมือนกับชาติใหม่ ให้ชีวิตคู่ของเราเป็นเหมือนซากุระต้นหนึ่งที่สวยงามในสังคม

    "เราจะชีวิตของเราทั้งสองเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่นต่อไป ภาพที่แนบมาด้วยเป็นภาพจากที่ทำการเขตที่เราสองคนไปจดทะเบียนสมรสกัน"

    ลงนาม อาจารย์มิตซูโอะ ชิบาฮาชิ วันที่ 28 มิถุนายน 2556 Shizukuishi Iwate Japan

    วิดีโอของทิดมีความยาว 23 วินาที ซึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

    "จดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว บวชมา 38 พรรษา ไม่เคยคิดจะสึก ไม่เคยคิดจะแต่งงานในชาตินี้ แต่สำหรับแอน น่าจะเป็นเนื้อคู่มาแต่ชาติก่อน เป็นคู่บารมีของอาจารย์"

    ที่ว่าแถลงข่าวพาซวย หรือพาฉิบหายนั้น ก็เพราะ คนเข้ามารุมให้ความเห็นในด้านลบกันอย่างมากมาย แล้วก็ข่าวบอกว่า “กล่าวด้วยรอยยิ้ม” ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วย

    มันเป็นยิ้มแหยงๆ ชอบกล

    ตอนนี้ มาฟังเสียงของคนไม่เห็นด้วยกันก่อน

    ความคิดเห็นที่ 147

    หมดศรัทธาท่านมิตซูโอะตอนพูดว่า "คู่บารมี" นี่แหละครับ

    อาจารย์ครับ ถ้าอจ.กับภรรยาเป็น "คู่บารมี" กันจริง มันต้องหักห้ามใจได้ทั้งคู่ อจ.ก็ต้องมุ่งมั่นทางสายธรรม และคุณแอนก็ต้องละกิเลสที่จะอยากเอาอจ. มาเป็นสามีให้ได้ เพื่อสนับสนุนท่านไปทางหลุดพ้น ไม่ว่ายวนในกามราคะ ถึงจะเป็น "คู่บารมี"

    แบบนี้เรียกว่า "คู่เวรคู่กรรม" ครับ อจ. เพ้อแล้ว เหมือนเด็กหนุ่มแรกรักไงไม่ทราบ

    ความคิดเห็นที่ 192

    ท่านได้เสพเมถุนกับแม่หม้ายในคืนวันศุกร์ที่คลีนิคเสริมสวยของแม่หม้ายเอง และได้สึกเองเพราะปราชิกในเช้าวันเสาร์

    จากนั้นก็เสพกามต่อทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่คอนโดของแม่หม้าย แล้วเช้าวันจันทร์ก็บินไปฮันนี่มูนต่อที่ฮ่องกงและต่อไปฟิลิปปินส์ จากนั้นจึงกลับมาจดทะเบียนที่ญี่ปุ่น

    หล่อนอยากดังมาก จึงปล่อยภาพทั้งหมดออกมาเองทั้งหมด เพราะเรื่องนี้ชักจะเงียบๆไป

    นอกจากจะร่านแล้ว มันเป็นโรคจิตด้วย อาชีพหลักของหล่อนก็คือการเบี้ยวหนี้สิน กำลังจะถูกศาลตัดสินเรื่องหนี้สินเก่ากว่า 100 ล้านบาท ไม่รู้ว่า จะหาตัวมาช่วยหารหรือปล่าวก็ไม่รู้

    หล่อนมีหนี้สินรุ่งรังไปหมด ทั้งเจ้าหนี้ เซลแมนจำหน่ายอุปกรณ์เสริมสวยและยา ค่าจ้างของแพทย์และพยาบาล ตลอดทั้งเงินเดือนของพนักงานของคลีนิคเอง

    นี่เป็นการแต่งงานครั้งที่ 3 ของหล่อนแล้ว ที่ดูสวยก็เพราะมีดหมอทั้งนั้น และเต่งตึงเพราะฉีดสารพัดสารเข้าไปที่ใบหน้า และดึงด้วยไหมทั้งนั้น

    หล่อนเพิ่งเข้าไปเป็นลูกศิษย์ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ก็สามารถเด็ดพระมาเป็นสามีได้ โดยการจัดรถตู้รับ-ส่งพระไปตามกิจนิมนต์ทุกที่ทุกวัน

    โดยหล่อนจะนั่งคู่กับพระที่เบาะหลังด้วยกันทุกๆครั้ง แล้วพาพระมาที่คลีนิดเพื่อนวดคลายเครียด ก่อนนำส่งพระกลับไปวัดทุกครั้ง

    ความคิดเห็นที่ 117

    ไม่ว่าท่านเลยค่ะ ไม่ตำหนิ ขอว่าแต่หญิงผู้นี้คนเดียว เราว่าท่านสึกออกมาแล้วจะทำอะไรคือเรื่องของท่าน ช่วงที่ยังไม่สึกพิสูจน์ไม่ได้ อาจจะเพื่อไม่ให้ต้องผิดศีลเลยสึกออกมาเลยก็เป็นได้ ตรงนั้นเราไม่อยากไปคิดให้เหนื่อย

    แต่สิ่งที่คิดมาก คือ หญิงคนนี้ เป็นแม่คน มีลูกโตแล้ว ทำไมทำตัวไม่ละอาย ทำยังกะสาวรุ่นๆแตกเนื้อสาว สาววัยรุ่นยังอายในกิริยา

    ที่สำคัญเธอคือสาวกธรรมกาย ทำไมไม่พาหลวงพี่ที่วัดนู้นสึกบ้างล่ะ มาพาคนที่ดีๆ สึกทำไมกัน เราว่าพาวัดนู้นสึกคงมีคนหลายล้านสรรเสริญ

    ความคิดเห็นที่ 132

    อะไรบอกว่านี่คือคู่ของเราในชาติที่แล้ว นี่คือคู่บารมีของเรา ท่านครับ ผมว่าท่านชักไกลออกจากฝั่งแล้วนะครับ

    ท่านโกหกว่าลาสิขาเพราะป่วย นี่ก็ไม่น่าจะเคารพท่าน เพราะว่าเรื่องแค่นี้ท่านยังโกหกได้

    อย่างเรื่องการจะแต่งงานมันก็ไม่ใช้ว่าไม่เหมาะ แต่อยู่ๆ ท่านมาแต่งงานทันทีหลังสึก แสดงว่าท่านก็คิดสัมพันธ์กันเชิงชู้สาวตั้งแต่อยู่ในร่มกาสาวพักตร์แล้ว

    ท่านสอนคนได้ พูดให้คนฟังได้ แต่ท่านพาตัวเองออกห่างจากสิ่งดีงามที่ท่านพูด มันจะไปเหลืออะไรครับท่าน บอกได้เลยว่าครั้งนี้ท่านตัดสินใจผิดมหันต์ที่หลงมัวเมากับผู้หญิงที่มีราคีแบบนี้

    ความคิดเห็นที่ 150

    ภูมิใจมั๊ย ที่สึกพระเอามาเป็นสามีได้ การเข้าหาพระต้องสำรวม กาย วาจา ใจ เป็นอย่างมาก แสดงว่าผู้หญิงต้องคิดไม่ดีระหว่างที่เข้าหาอดีตพระรูปนี้

    และอดีตพระก็ไม่ผ่านด่านกิเลสจึงต้องสึกเพื่อมาแต่งงาน ทุกอย่างไม่เที่ยง ธรรมไม่แข็งพอก็ไม่ผ่าน

    ความคิดเห็นที่ 126

    สิ่งที่ท่านรู้อยู่แก่ใจคือเรื่องเงินสมัยตอนบวช กับเรื่องเสพเมถุน ไม่มีใครรู้ว่าท่านทำผิดหรือไม่ นอกจากตัวท่านเอง

    โอเคล่ะ ถึงแม้ท่านจะไม่ผิดทั้งเงินและเมถุน ในขณะบวชอยู่ก็จริง แต่การที่ท่านถ่ายรูปมาโชว์แบบนี้ ท่านคิดถึงจิตใจคนที่เคารพนับถือท่านหรือเปล่า ว่าเขาจะคิดยังไง

    ทำไมท่านไม่อยู่เงียบๆ ภาษาคนแก่สองคน ทำไมต้องให้คนอื่นรู้ เพื่ออะไร

    เมียทิดมิตซูโอะบอกมาก่อนหน้านี้ว่า เดี๋ยวจะให้ทิดออกมาให้ข่าว เพื่อแก้ข้อครหา ผมสงสัยว่า การแถลงข่าวของทิด มันเป็นการเพิ่มข้อครหามากกว่านะ.....

    ทิดมิตซูโอะ: แถลงข่าว พาทิดซวย

    .
     
  5. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน ดิฉันได้เข้าไปหาความรู้กับผู้อาวุโสทั้งหลายในพุทธภูมิ
    ได้ศัพท์ที่แปลกหูมา คือ "วัวเขาอ่อน " ก้ได้รับความเมตตาให้ไปค้นหาประวัติของหลวงปู่ปาน ที่หลวงพ่อฤาษีท่านเล่าไว้ ก็ไปเจออยู่กระทู้หนึ่งก็เลยถึงบางอ้อ ...

    และในเวปฯก็มีข่าวของอดีตพระอาจารย์ที่ลาสิกขามา ทำให้มองกันไปต่างๆนาๆ

    ส่วนตัวแล้วดิฉันเองก็มองไปที่กรรมค่ะ เมื่อตงลงใจว่าเป็นกรรมแล้ว ดิฉันเลยไม่อยากออกความคิดเห็นมาก และได้บอกเตือนเพื่อนๆกัลยาณธรรมทั้งหลายไป เพราะแค่ของตัวเองก็ไม่รู้จะเป็นยังไง เลยไม่อยากสร้างกรรมกันเพิ่มค่ะ

    หลายๆท่านในนี้คงได้อ่านผ่านตามาบ้างแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน ดิฉันขออนุญาตินำมาลงอีกครั้ง เผื่อจะได้เข้าใจมากขึ้น สาธุค่ะ

    http://palungjit.org/posts/8018117
     
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    สำหรับเรา...

    จากการที่เคยได้รับรู้มาจากหลายแหล่งที่น่าเชื่อถือได้

    ..เชื่อว่ามีขบวนการล้มล้างศาสนาพุทธ ด้วยการจ้างวานจากคนนอกศาสนาอยู่ครับ
    และมีเงินสนับสนุนเป็นนับหลักสิบล้าน หรือเป็นร้อยล้านทีเดียว แล้วแต่พระท่านนั้น
    ดังมาก ดังน้อย

    ดังมากหน่อย ก็ใช้การจ้างวานเยอะหน่อยอาจระดับเป็นร้อยล้าน ยังไม่ดังมากก็อาจระดับเงินล้าน สิบล้านบาท
    นายทุนเศรษฐีต่างศาสนา..เงินแค่นี้มันจิ๊บมากเพื่อแลกอุดมการณ์ทางความคิด
    มันก็ไม่ต่างจากพ่อมดนักลงทุนการเงินที่โจมตีค่าเงินบาท จนเศรษฐกิจไทยฉิบหายล่มจมมาแล้วนั่นล่ะ

    หรืออาจจะคล้ายกับในยุคของการล่าอาณานิคมยึดเมืองคนเอเชีย โดยใช้อาวุธที่ลำสมัยกว่าของชาวยุโรปในกาลก่อนนั่นแล

    เพียงแต่งานนี้มันใช่การสร้างบ่อนทำลายศรัทธาทางจิตวิญญาณและสร้างความแตกแยกหวาดระแวงกันเองของคนในชาติได้เป็นเบื้องตนได้แล้ว
    หลังจากที่ชนไทยเราไร้รักสามัคคีแล้ว จะกระทำการสิ่งใดก็ง่ายดายขึ้น

    ++++++

    พวกนี้มีการจัดจ้างวางแผน ลงตัวบุคลกันมาแล้วอย่างดี และใช้เวลาแทรกซึมอยู่ที่วัด
    สำนักปฏิบัติธรรมของครูบาอาจารย์สายปฏิบัติธรรมและสายเกจิอาจารย์ดัง ๆไปทั่ว

    บางครั้งอยู่ฝังตัวนานเกือบนับสิบปีเลยทีเดียว มันก็นับว่าทั้งอึดและอดทนกันน่าดูเหมือนกัน..

    ทำไงได้ก็มันให้ยาดี ใช้เงินหยอดเลี้ยงไว้ตลอดทุกเดือนๆ
    (คนโลภ ใครล่ะมันจะไม่ยอมอดทน)
    จนรู้จังหวะเวลา และพยายามหาช่องว่างสารพัดที่จะจัดการแบบมีขั้นตอน

    วางยานอนหลับบ้าง...แกล้งเปลื้องผ้า แอบถ่ายรูปบนเตียงของพระรูปนั้นบ้าง
    แกล้งกระพือข่าวลือร้ายๆ ออกไปนอกวัดบ้าง

    ยุแหย่ให้คนในวัด ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง โอยสารพัด..แล้วแต่วางแผนกันมาแบบไหน
    อย่าคิดว่า คนกลุ่มนี้มันจะใช้คนโง่ๆ ซื่อบื้อๆทำงานนะครับ..มันคัดสรร เลือกระดับร้ายลึก
    มาดนิ่งแนบเนียน ชนิดที่เราการณ์คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
    ------------------
    เอาว่าเคยมีประวัติว่า....ในงานปริวาสกรรมแห่งหนึ่ง คนชั่วมันถึงกับลงทุนแอบมาทำแกล้งทำบุญเลี้ยงน้ำปานะถวายพระสงฆ์และญาติโยม..ที่มาร่วมงานปริวาสกรรม

    ผลปรากฏว่า...หลังฉันน้ำปานะได้พักใหญ่ ทั้งพระทั้งโยมดิ้นชักตาตั้งกันเป็นเบือ
    ส่งโรงพยาบาลกันวุ่นวายจ้าละหวั่น...

    คิดไปแล้วให้นึก อดสะดุ้งผวากรรมหนักแทนไอ้คนเดนนรกพวกนี้ไม่ได้...
    ว่ามันจะต้องรับกรรมชั่วอันน่ากลัวเพียงใด
    มันกล้ากระทำได้แก่หมู่คณะสงฆ์ที่มุ่งชำระศีลให้บริสุทธิ์และญาติโยมทั้งหลายที่มาร่วมกัน
    ประพฤติปฏิบัติธรรม ที่นับว่าเป็นบุญกุศลสูงสุดของความเป็นมนุษย์ชั้นเลิศ

    คนบาปกลุ่มนี้มันยอมกระทำชั่วหนัก..เพื่อแลกกับเงินรับจ้างจากใครกันแน่?มันน่าคิดจริงๆ


    แต่ก็นั่นแหละครับ ทั้งพระทั้งโยมอุบาสก อุบาสิกา พุทธบริษัททั้งหลาย
    หากหมั่นตรวจสอบคุณธรรมของตนในพระธรรมคำสอนแล้ว...
    ทำนุบำรุงพระศาสนาด้วยจิตอันเสมอด้วยทาน ศีล สติ ปัญญา
    หมั่นศึกษาเลือกเฟ้นธรรมที่เหมาะแก่จริตจิตตน
    โดยมิใช้แต่ศรัทธานำหน้าแต่ผ่ายเดียว
    ...แม้บุคคลท่านนั้นจะเคยได้ชื่อว่าเป็นครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือ
    เพชรแท้..ย่อมเป็นเพชร
    ทองแท้...ย่อมเป็นทอง

    หากแม้เป็นสิ่งใดที่นอกเหนือจากยึดติด..แห่งความบริสุทธิ์ของจิต
    เราจะกังวล สนใจไปใยเล่าว่า..สิ่งนอกกายนั้น จะเป็นเพชรหรือว่าเป็นทอง!


    ก็คงไม่เสียกำลังใจ ต่อข่าวร้ายที่อาจเกิดกับพระดังทั้งหลายเป็นแน่แท้

    เพราะทุกข์ก็คือทุกข์ในใจ สุขก็คือสุขที่ใจ อันเป็นของตนเท่านั้น
    เจ็บปวดทดแทนกันก็ไม่ได้ สุขแทนกันก็มิได้


    เมื่อเป็นดังนี้..โอกาสที่จะพลาดพลั้งต่อหมู่มารทั้งภายนอก มารภายใน ย่อมเป็นได้ยาก
    ก็ย่อมมีเครื่องเลี้ยงจิต ให้อยู่เย็นเป็นสุขในรสพระธรรม มิเคลื่อนคลายไปได้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2013
  7. waritj

    waritj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +3,454
    อย่าไปว่าใครน่าจะดีกว่าไหมครับ ถ้าเราไม่ได้รู้อะไรจริง ๆ
    ดื่มไวน์ไม่ต้องดูขวดมันก็ได้ครับว่าสวยสมบูรณ์ไหม แล้วเราเสพธรรมจะไปสนใจกับตัวคนสอนทำไม
    น้อมใจนำธรรมมาพิจารณาใให้เห็นจริงได้ด้วยตัวเอง น่าจะดีที่สุดแล้วไหมครับ
     
  8. maxcomp

    maxcomp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +874
    อยากทราบว่า ระหว่าง ขบวนการทำลายศาสนา กับ ขบวนการทำลายชาติ เราควรกำจัด ขบวนการไหนก่อนถึงจะดีที่สุด เนื่องด้วยทั้งสองกลุ่มนี้ ดันเป็นคนในชาติเรานี่เอง ที่มุ่งแต่ทำร้าย สถาบันสำคัญของเราเอง ด้วยค่าจ้าง
    และเวปพันธ์ทิพย์ก็ไม่ใช่เวปที่น่าเชื่อถือเลย ซึ่งเป็นเวปที่เป็นเครื่องมือด้านการเมือง และผมก็ไม่เห็นด้วยกับส่วนหนึ่งที่คัดลอกมาเกี่ยวกับการเสพข่าวจาก หนังสือพิมพ์ ที่ให้เชื่อว่าข่าวที่ลงไว้ ให้สมมติว่าเป็นจริง จนกว่าจะมีการแก้ข่าว มันเป็นตรรกะ ของคนโง่ ซึ่งไม่น่าจะเป็นความคิดของคนระดับอาจารย์ ที่ให้เชื่อข่าวโดยยังไม่ต้องใช้ความคิดให้เชื่อแบบโง่ๆ
    ในโลกไซเบอร์จะอุปโลกว่าตัวเองจบ ดร. อย่างไรก็ได้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการกุข่าว หรือพาดพิงให้ร้ายกับให้ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ดังนั้นความเห็นส่วนตัวแล้ว ฟังได้แต่ฟังหูไว้หู จะดีกว่า จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของพวกชั่วช้าได้ และจะได้ไม่ต้องสร้างกรรมให้กับตัวเอง จากการถูกยุยงปลุกปั่นให้เกลียดชังใคร ทั้งๆที่เราเห็นความดีของท่านนั้นมาตลอดชีวิต จะสิ้นสุดลงด้วยข้อความและภาพต่างๆ เพียงเล็กน้อย จากการฟังความเพียงข้างเดียวโดยที่ท่านไม่สามารถออกมาชี้แจงอะไรได้เลย สำหรับบางท่านไม่ทราบว่าตรรกะ แค่นี้จะคิดกันได้รึเปล่า ถ้าคิดได้ก็ อนุโมทนา สาธุ ครับ แต่ถ้ายังคิดกันไม่ได้ ยังโง่เง่าดักดานอยู่สักวันคงได้เจอกัน เหมือนที่คุณเอกพันธ์กล่าวไว้ แล้วเจอกัน นะจ๊ะ สนุกแน่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2013
  9. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    เหลืออย่างเดียวหนูคิดว่า ถ้าตัดกิเลสจริงๆคือหนีเข้าป่าเพื่อหลุดพ้น เพราะกิเลสเต็มไปหมด
     
  10. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    มันแทรกซึมไปทั่วทั้งในวงนักการเมือง วงการสื่อสาร วิทยุโทรทัศน์ นักข่าวเจ้าของโรงหนังสือพิมพ์ ไม่เว้นแม้กระทั่ง..

    ตั้วเฮีย..ในเวปพลังจิตนี้ ที่ตั้งชื่อ ไอดี..เท่ๆหยั่งกับคนที่ลึกซึ้งในศาสนาพุทธ เหมือนช่วยศาสนาพุทธแบบ แกล้งไม่รู้ประสีประสาปัญาญานิ่ม

    ดูเจตนาการตั้งกระทู้การนำเสนอเวลามีข่าวรร้าย..มันจะกระพรือโหมโรงอย่างสนุกสนาน ดูหมิ่น โพสข่อความเหยียดหยาดแบบวิถีพุทธไทยเราอยู่เนืองๆ
    แท้จริงเนื้อในก็มารร้ายแฝงมา ที่จ้องทำลายพุทธเราดีๆนี่เอง
    สังเกตุดีๆ ลองแอบดูโพสย้อนหลังสิครับ..จะเห็นอะไรดีๆ เงาภาคมารร้าย

    และจะรู้ว่าอ้ายพวกนี้นี่แหละตัวร้าย มันดีแต่ชื่อ
    แต่การตั้งกระทู้..นำเสนอเรื่องราวที่แฝงเจตนาแบบบัดซ...เอาไว้

    คุณเชื่อหรือว่า..ไอ้ที่ตั้งชื่อเหมือนคนในสายพุทธ ที่ชอบตั้งกระทู้เขียนยุแหย่ หาแต่ข่าวไม่ดีของพระไทยเรานี่มันคือชาวพุทธจริงหรือเปล่า?
    ชาวพุทธลองสำรวจดูให้ดีเถอะครับ
    ท่านผู้เจริญทั้งหลาย มันมี ID Userหน้าไหนในเวปนี้บ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2013
  11. vangjai

    vangjai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +11
    หลวงปูชาท่านก็เทศไว้ตอนหนึ่งว่า ถ้าไม่มีตัวกันสึกยังไงก็สึกไม่ต่างอะไรกับรองเท้าหรอก.. เสียดายใช้ชีวิตอยู่ในผ้าเหลืองสามสิบกว่าปี อยู่ๆออกมาอยู่แบบฆราวาสก็คงจะยาก ไม่แน่ใจท่านบวชรุ่นเดียวกับท่านสุเมโธพระชาวอเมริกันหรือเปล่า ท่านก็ป่วยแต่ก็ยังอยู่ในผ้าเหลืองเลยสาธุ....
     
  12. maxcomp

    maxcomp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +874
    ผมเชื่อว่าผู้ในที่เนรคุณ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ตายดีแน่นอน ส่วนพวกที่ยังอยู่สุขสบายดี (ไม่รู้ดีจิงรึป่าวนะ) เพราะมันโกงเงินแผ่นดินไว้เป็นเสบียงไว้มาก และทุกวันนี้มันก็ยังคงสูบเลือดสูบเนื้อเราโดยที่บางคนก็ยังไม่รู้เนื้อรู้ตัว คือ ปตท ซึ่งมันกระทบกับค่าครองชีพเราเป็นอย่างมาก เช่น ค่าไฟฟ้าขึ้น ค่าอุปโภคบริโภค ต่างๆ ค่าโดยสาร เพราะเหล่านี้ล้วนใช้น้ำมันกันทั้งสิ้น เมื่ิอผู้บริหารประเทศไม่ได้ช่วยเหลือหรือแก้ไขความเดือดร้อนเหล่านี้ เราๆท่านๆก็ลำบากกันถ้วนหน้า เพราะไม่ได้ควบคุมราคาน้ำมันตามความเป็นจริง อาศัยสื่อและอำนาจทางสังคม บิดเบือนความเป็นจริง เอาราคาน้ำมันไปอิงกับราคาน้ำมันสิงคโปร์ ทั้งที่มันเป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย คนไทยกลับมีทรัพยากรเยอะแยะ แต่กลับไม่มีทรัพยากรสมอง หลงเชื่อคำลวงของพวกมันกันง่ายๆ
    คงต้องรอให้บ้านเมืองถึงขั้นวิกฤต (ชิบหาย) ก่อน หรือไฟลนก้น เมื่อนั่นพวกที่เงียบๆ ก้มหน้าก้มตา จะทนอยู่ได้ก็ให้รู้ไป เมื่อใดที่เกิดเหตุการ์ไม่คาดฝันขึ้นมา ก็อย่างที่บอกไว้ตอนต้น สนุกแน่.... หากตำรวจทาสผู้ซื่อสัตย์ ของพวกสารเลวเพราะพวกเขาก็เลวเหมือนกันเลยต้องยอมทำตามคำสั่ง เพราะมีชะนักติดหลัง ส่วย รีดไถ เลยต้องตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองชั่ว เลยไม่มีอะไรจะต้องเสีย ขนาดอดีตตำรวจกองปราบและเป็น รมต ยังยอมรับว่าตัวเองเป็นขี้ข้าของนักโทษ ต่อหน้าผู้สื่อข่าว กรึ๊บไวน์เป็นว่าเล่น สัมภาษณ์ด้วยอาการเมาแอ๋ หน้าแดงเป็นลูกตำลึง ทั้งๆที่หน้ามันดำคล้ำซะยิ่งกว่าอะไรดี และบ้านเมืองเราก็ฝากการบริหารไว้กับไอ้พวกนี้อ่ะนะ ลูกเมียผมจะอู่ยังไงต่อไป เพราะขณะนี้เป็นแผนการทำลายชาติ ศาสนา ทำให้ประเทศไทยเสียหายให้มากที่สุด ด้วยน้ำมือของคนไทยเอง คงจะสะใจมิใช่น้อย
    วันใดที่ประชาชนลุกฮือพวกนี้ก็หลบหนีออกนอกประเทศไป ส่วนข้าราชการตำรวจก็จะเข้ายุคที่ไม่สามารถสวมเครื่องแบบได้อีก อาจจะโดนเป่า ล่วงเป็นใบไม้เหมือนทางใต้ก็ได้ แต่ไม่ได้เกิดจากพวกโจรใต้แต่เกิดจากประชาชนที่ทนไม่ไหว 1 นัด ต่อ ตำรวจ 1 ตัว จนกว่าคนที่มีธรรมจะขึ้นบริหารและจัดการแทน เรื่องคงจะสงบลงได้
    ในกรณีของอดีตพระอาจารย์ มิตซูโอะ ผมรู้สึกเสียดายท่านและเสียดายระยะเวลา 38 ปีที่ท่านทำมาด้วยดี แต่ผมก็ไม่ติดใจอะไร เพราะเรื่องเป็นอดีตไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว ส่วนกรณีที่ว่าท่านจะทำเสื่อมเสียวงการพระศาสนามั๊ย ก็ต้องมาดูกันอีกที จะมีก็เพียงแต่พวกชอบกระพือข่าวแล้วกุเรื่องใส่สีตีไข่ พวกนี้ให้ระวังจงดี อย่างที่ว่ามีพวกบ่อนทำลายอาศัยอยู่ทุกอณูของสังคมไทย ขอให้พิจารณาโดยยึดหลักธรรมเป็นที่ตั้ง ฟังหูไว้หู อย่าเชื่อซะทั้งหมด และมันจะเป็นบททดสอบสติปัญญาของเรา ได้อย่างดี ดูหนังดูละคร มีดีและไม่ดี ให้ดึงเอาแต่ส่วนที่ดีมาปฏิบัติ ส่วนที่ไม่ดีเก็บไว้เตือนสติ ชีวิตคนก็ไม่ต่างจากละคร กรณีอดีตพระอาจารย์ ก็ไม่ต่างจากละคร ไม่มีใครพ้นคำนินทาไปได้ สาธุ เอวัง

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    พอดีไปเจอบทความใน facebook ลองอ่านดูนะ


    Kitichai Orr Chaiear

    กรณีอาจารย์มิตสุโอะที่สังคมกำลังวิจารณ์อย่างหนัก
    ในฐานะที่ผมเป็นชาวพุทธคนหนึ่งขอกล่าวว่า

    "แทนที่จะเสื่อมศรัทธา ทำไมเราไม่มองอีกด้านว่าเหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้เราเห็นคุณค่าและต้องรักษาพระดีที่ยังมีอยู่?"

    เราเป็นพุทธบริษัท4 เป็นเจ้าของศาสนาด้วย ต้องช่วยกันรับผิดชอบป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ด้วย อย่าบ่นว่าอย่างเดียว แต่ต้องกล้าพูดในสิ่งที่สมควร กล้าปกป้องในสิ่งที่สมควร

    ผมเป็นหมอ เวลาพระมาตรวจแผนกผม ผมห้ามผู้หญิงแตะตัวเลย ยืนช่วยห่างๆหมอบริการเอง
    จนท และพยาบาล ชอบคิดว่าพระป่วยไม่เปนไร
    ผมบอก"ไม่ได้ ถ้าไม่ฉุกเฉิน ต้องให้ผู้ชายทำ" คิดตื้นๆมักง่ายอย่างนี้สิพระถึงทนไม่ไหวสึกกันหมด
    พระที่ไม่เคร่งเรื่องนี้ก็มี แต่เราต้องมีจุดยืนว่าเราไม่อยากรับเศษกรรม เราไม่อยากเป็น 1 ในมือที่ทำลายศาสนา
    ผมเห็นพระอรหันต์หลายองค์ทั้งที่สิ้นกิเลสแล้ว กลับยอมตายในป่า ไม่ยอมมารักษาเพราะกลัวพยาบาลจับตัว
    พวกผมต้องรับประกันมั่นเหมาะว่าจะจัดทีมดูแลอย่างดีไม่ให้ผู้หญิงถูกตัว ท่านจึงยอมออกมารักษา
    ปัญญาระดับท่านยอมตายเพื่อรักษาธรรมวินัย
    ปัญญาพระปุถุชนอาจไม่ถึงขั้นท่าน
    แต่เรารู้แล้วว่านักปราชญ์คิดยังไง
    เราต้องเลือกปฏิบัติตามนักปราชญ์
    หมอผู้หญิงให้ยืนยันไปเลยว่า"ให้ถูกตามธรรมวินัยดีกว่าค่ะ ให้น้องผู้ชายช่วยนะคะ หมอคุมอยู่ตรงนี้ค่ะ"

    พระปฏิบัติหนีสังคมไปเข้าป่ามานาน ถ้ากิเลสยังไม่หมด เห็นแค่ผู้หญิงใส่ยีนส์ รู้ขนาดเรียวขา ก็คิดเตลิดไปถึงไหนแล้ว ถ้าถูกมือนิ่มๆของผู้หญิงสัมผัสตัวจะเตลิดขนาดไหน
    วัดป่าจึงให้สตรีใส่ผ้าถุงดำมิดชิด เสื้อผ้าอย่าใส่คอกว้าง กราบทีเห็นนมหก อย่าใส่รัดรูปเห็นหมดว่าคัพ A B C อย่าใส่ผ้าบางเห็นทะลุถึงชั้นใน พวกนี้เรียกว่า"ชุดสึกพระ"

    จริงอยู่ความรับผิดชอบส่วนใหญ่ต้องอยู่ที่ตัวพระเอง
    แต่ฆราวาสอย่างเราก็มีส่วนใช่ว่าพวกเราจะไม่มีผลเสียเลย
    ต้องทำในส่วนที่เราทำได้ดังกล่าวมา
    ไม่งั้นให้สาวๆนุ่งสายเดี่ยวเข้าวัด เพราะเป็นความรับผิดชอบพระที่ต้องหลับตาเอาเองเหรอ?

    เคยครั้งหนึ่งขณะทำการรักษาหลวงพ่อองค์นึงอยู่ ซึ่งต้องถอดจีวรท่านเปลือยท่อนบน ลูกศิษย์ชักกล้องออกมาถ่าย
    ผมหยุดเลย บอกว่า พี่ลบรูปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมไม่ทำแล้ว
    หลวงพ่อถอดอังสะออก นุ่งแต่ผ้าสบง มันงดงามมั้ย ถ่ายได้ยังไง
    แถมบอกว่าจะอัพเฟสบุค ให้เพื่อนๆโมทนา
    ไม่คิดบ้างว่า สมควรรึเปล่า เอารูปครูบาอาจารย์เปลื้องผ้ากำลังทำการรักษาไปลง social network

    ผู้ชายก็ควรรู้ธรรมวินัยเช่น พระคุยกับสีกาตามลำพังเป็นอาบัติเพราะอาจมีการจีบกันได้ เวลาผมอยู่วัด ถ้าสีกามีธุระคุยกับพระผมต้องตามเข้าไปนั่งข้างๆ เพื่อไม่ให้ท่านอาบัติ และเป็นพยานให้ท่านว่าไม่มีการจีบกัน
    เวลานั่งรถสองแถว หรือนั่งเก้าอี้ในที่สาธารณะอย่างหมอชิต สนามบิน ผู้ชายควรเข้าไปนั่งติดข้างพระเป็นต้น

    การที่ท่านยังไม่บรรลุธรรม ไม่ได้แปลว่าท่านจะไม่บรรลุในอนาคต
    เราในฐานะพุทธบริษัทต้องช่วยกันส่งเสริมป้องกันท่าน
    ไม่ใช่มีส่วนกระชากผ้าเหลืองออกจากท่าน
    เห็นครูบาอาจารย์บางองค์ที่ผมมีส่วนร่วมดูแลจนนาทีสุดท้าย เผาออกมากระดูกเป็นแก้วเป็นเครื่องยืนยันความเป็นพระอรหันต์ เราก็หายเหนื่อย
    อย่าประมาทพระหนุ่มที่ยังไม่บรรลุธรรม
    บางทีท่านจะบรรลุธรรมหรือไม่ อยู่ที่การส่งเสริมป้องกันของพวกเรานี่แหละใครจะรู้

    หลวงปู่รูปนึง หลังจากอาพาธหนักจนเดินไม่ได้ขยับตัวไม่ได้ไข้ขึ้นสูงเกือบช็อค
    พวกเราลากมารักษาที่ศิริราช อาการดีขึ้นมาก ถึงจะยังเดินไม่ได้ แต่หายปวดบวมหายไข้และพ้นจากICU
    มีอาจารย์ผู้มีคุณธรรมท่านนึงกล่าวกับเพื่อนผมว่า
    การที่ท่านทุเลาลงไป ทำให้ท่านตั้งจิตขึ้นมาใหม่และภาวนาต่อได้ พิจารณาความเจ็บปวดทรมานจนสิ้นกิเลสขณะรักษาตัวในศิริราชนั้นเอง
    ที่เล่ามาเพราะอยากจะบอกว่า"ฆราวาสอย่างพวกเรามีส่วนมาก ในการสนับสนุนหรือทำลายพระอริยเจ้าที่กำลังจะเกิดขึ้น"

    จึงอยากให้มองอีกด้านของเหตุการณ์นี้ว่า ถ้าเราไม่อยากให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นก็อย่าแค่วิพากษ์วิจารณ์ แต่ต้องปกป้องดูแลศาสนาของเราด้วย

    ผมคิดว่า"สิ่งผิดพลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลก ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อให้เราก่นด่า หรือท้อแท้ต่อการทำดี
    หากคือประวัติศาสตร์ที่สอนพวกเราอย่าให้ทำผิด และให้เห็นค่าสิ่งดีๆที่เรายังมีเหลืออยู่"

    ความวุ่นวายทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้คนไม่สนใจการเมืองอย่างผมและคนมากมาย ลุกขึ้นมาเห็นค่าของคุณธรรมและเรียกร้องความถูกต้อง

    การนองเลือดทางภาคใต้ทำให้คนไทยใฝ่หาสันติ และเกิดการตื่นตัวของปัญญาชนอิสลาม

    หวังว่าเหตุการณ์อ.มิตสึโอะ จะไม่ทำให้พวกเราเสื่อมศรัทธา
    หากแต่ให้พวกเราเห็นค่าของสิ่งที่มีและควรปกป้อง
    ในฐานะ 1 ในพุทธบริษัท4 พวกเราเป็นเจ้าของศาสนา ไม่ใช่ลูกค้าที่จะคอยติว่าสินค้า

    สุดท้ายนี้ยังไงผมก็ขอบคุณท่านมิตสึโอะที่รีบสึกก่อนจะเกิดเรื่องไม่งามให้ศาสนามัวหมอง
    ใครจะมองว่าศาสนาเสื่อมแต่ผมว่าไม่เสื่อม!!
    คนที่รู้ตัวว่าแพ้ ก็ถอยออกไปเพื่อรักษาผ้าเหลืองไม่ให้มัวหมอง แบบนี้สิศาสนาจึงยังบริสุทธิ์อยู่ได้ !!!!
    "ขอบคุณท่านมิตสุโอะ ขอบคุณที่ยอมถอยออกไป ขอบคุณที่กระตุ้นจิตสำนึกพุทธบริษัทไทย ขอบคุณจริงๆครับ"

    Crd by Sissayanusis Luangta shared Somsagol Piromwaragorn's status update


    www.facebook.com/photo.php?fbid=480...12376473.56260.243798655710312&type=1&theater
     
  14. avatar7

    avatar7 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +116
    ผิดแล้วคับ
    ดื่มไวน์ต้องสนใจขวดด้วยคับ ว่าสมบูรณ์ไหนมีรอยรั่วที่จุก หรือ ขวดแตกราวหรือเปล่ามันจะทำให้อากาศเข้าไปได้แล้วจะทำใหไวน์นั้นเสียคนบริโภคไปจากท้องเสียได้คับ ยิ่งเสพพระธรรมต้องยิ่งสนใจคนสอนครับ ว่ารู้พระธรรมจริงหรือเป่า หรือมีเพื่อนเป็นพระ อิน ไหม ติดต่อกับพระพุทธเจ้าได้ไหน หรือพระนั้งเจต หรือนอนเจ็ตมา หรือ พระที่สอนธรรมะแก่คนทั่วไปควรเอารองเท้าตบหน้าพระพุทธรูป แล้วบอกว่าเป็นแค่รูปสมมุติ เป็นต้น ดังคำสอนขององค์สมเด็จท่านว่า อย่าเชื่อในสิ่งที่ไม่ได้พิสูจน์ อย่าเชื่อเพราะเค้าเป็นครู เราต้อง เชื่อโดยใช้หลัก ศิล สมาธิ ปัญญา เดียวนี้ แค่พระแท้ที่คลองศิลครบ 227 ข้อยังหายาก(มาก) แต่ อรหัน (หันซ้ายที่-ขวาที่) มีอ้างกันดาษเดื่อน มีญาณนู้นี้นั้น ผมว่าเพร้อเจอดูสตาร์วอร์มากไปมั้ง ญาณหรืออภิณญาณนะครับไม่ยานอวกาศ ได้กันง่ายจริงๆ พระปฎิบัตดีปฎิบัติยอมสมัยก่อนกว่าจะได้มากีพรรษาบวชตั้งแต่เด็กกว่าจะสำเร็จแทบจะไม่ทันได้ใช้ญาณที่ว่าเลยก็สระกายภาพหมดแล้วเดียวนี้ ญาณ ลดกระหนำซำเมอร์แซล หรือยังไงไม่ทราบได้กันง่ายจัง อายุไม่เท่าไร ก็ตั้งตัวเป็นเกจิกันแระ ดังนั้นเราเหล่าพุทธบริษัท ต้องใช้หลักธรรมที่แท้จริง วิเคราะห์ พิสูจน์ ปฏิบัติ ตามคำสอนแห่งพุทธองค์ โดยมีเหล่าพาชนะของพระองค์เป็น ผู้ช่วยชีนำ เพราะนิพพานเกิดได้เพราะตัวเองเท่านั้น
     
  15. avatar7

    avatar7 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +116
    แต่ก็ดีใจกับ ท่านด้วยที่รู้ตัวเองยังรักในพระพุทธศาสนา ออกเองดีกว่าปล่อยให้เสียชือเราควรให้ความเครารพท่านในฐานะผู้กล้า กล้าเผชิญ กับความจริง กล้าแก้ไขในสิ่งผิด กล้ายอมรับว่าใช้ สุดท้ายก็เป็นแค่กรรม ที่เป็นกรรรม ของแต่ละบุคลครับ
     
  16. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    อยากจะกดให้สัก 100 Like เรย
    :cool::cool::cool::cool::cool:
     
  17. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ไม่จบซักทีวุ้ย
    บวชได้หลายพรรษาก็ดีกว่าพรรษาเดียว
    บวชพรรษาเดียวสึกปีละไม่รู้กี่คน
    จะอะไรกันนักหนา
     
  18. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +1,072
    - ของแบบนี้ไม่โดนกับตัวเองไม่มีวันรู้ได้นะครับ

    - สมัยหลวงปานวัดบางนมโค หลวงพ่อวัดท่าซุงก็เคยได้บันทึกใน " หนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน " เรื่องพระอภิญญาโลกีย์ถูกวัวเขาอ่่อนขวิด สุดท้ายท่านอยู่กับสภาวะแวดล้อมแบบนั้นนานเข้าก็เบื่อ และออกบวชเข้าป่าเป็นพระอริยะขั้นสูงในพระพุทธศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  19. Pawanrat-jin

    Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,939
    ชอบบทความนี้จัง....

    อยากให้คนไทยมีปัญญาอย่างนี้เยอะๆ :cool:
     
  20. Satu Satu

    Satu Satu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +28
    ผมมองว่า " นี่แหละ คือ ความไม่เที่ยงของจริง" คุณมิตซูโอะเป็นเหมือนอาจารย์สอนธรรมะชั้นครูอย่างหนึ่ง ธรรมะข้อนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว กาลเวลาที่ผ่านมาไม่สำคัญเท่าปัจจุบันขณะ ต่อให้บวชมากี่ร้อยกี่พันกี่แสนชาติ ถ้ายังไม่ตัดกิเลสให้หมดสิ้น อย่างพระอรหันต์ ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่เช่นกัน ท่านก็ทำให้เห็นแล้ว พิจารณากันเถอะครับ ธรรมะ ข้อสุดท้าย พระพุทธองค์สอนว่า "อย่าประมาท" <-- นี่แหละ ท่านเตือนพระมิตซูโอะไว้ล่วงหน้ากว่าสองพันปีแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...