อภิญญาพาให้หลง.. อาจารย์มิซูโอะ(สะเทือนพุธจักร)

...เมื่อท่าน ตัดสินใจดีแล้ว ว่าจะห่มผ้ากาสวพักร์

เพื่อทำไห้แจ้งซึ้งพระนิพพาน

ท่านเป็นปูชนีย์บุคคล เป็นผู้นำชุมชน เป็นผู้ห่มผ้าธงชัยของพระอรหันต์

ท่านเป็นปูชนีย์บุคคล เป็นครูบาอาจารย์ สอน ให้บรรดาเหล่าสาวก

ละ วาง ปล่อยความยึดมั่นถือมั่น สอนไห้คนหลุดพ้นจาก กิเลสตัณหาและอุปทาน

สุดท้าย ท่านบอก ท่านพบเจอคู่บารมี ท่านก็เลยต้องสึกขาลาเพศ

เหล่าบรรดาสาวกพวกเค้าจะว่้าเหว่ สักเพียงใด

ถ่าท่าน เป็นพระบวช แบบธรรมดา บววชแล้วก็สึก ก็คงไม่มีอะไร

แต่ท่าน เป็นผู้นำจิตวิญาณ

สุดท้าย ท่านโชว์ ใบทะเบียนสมรส สมรัก

แววตาเปี่ยมไปด้วยควมาสุข ประดุจหนุ่มสาว เข้าประตูวิวาห์

ท่าน??????

ท่านแก่จะเข้าโรงอยู่แล้ว

ท่านยังจะมาหาความสุข กับกิเลสกามาอีกหรอ??

ท่านบอกท่านเจอคู่บารมี...

 

ความว่างเปล่า

สุกสว่างกลางนภาเพียงใด ก็หาได้พ้นผ่านการดับสูญ
คอยแต่เก็บสิ่งไม่เที่ยงมาเพิ่มพูน แล้วเมื่อสูญสลายไปใจร้าวราน
มนุษย์หนอเที่ยวตามหาพระเป็นเจ้า อย่างไรเล่าอรหันต์ที่ฝันหา
ตราบสิ้นแล้วก็ไม่พ้นซึ่งเงินตรา ก็พากันห่างนิพพานกันไปไกล
อริยเจ้าเป็นได้ด้วยปล่อยวาง มีความว่างเป็นสุขทุกสถาน
มีมากหนักมากยากอีกนาน กิเลสมารลวงไว้ "เกิดต่อไป"

 

น่าจะมองเป็นบทเรียนมากกว่า
ศิษย์ของพระอาจารย์ดัง ไม่แน่ว่าจะแท้
พูดเหมือนคำสอน จิตอาจจะไม่ได้เข้าถึงแก่นคำสอน นกแก้วนกขุนทอง แม้ว่าจะได้ช่วยเผยแผ่ศาสนาบ้าง
ยึดว่าครูแน่ พอครูหงายศิษย์ก็เงิบ พระศาสนาสอนให้พึ่งตนเอง ปฎิบัติเห็นเอง
สุดท้ายก็คงพอได้เห็นกิเลสตน พอคนอื่นไม่เป็นไปตามที่ตนหวังก็เป็นเดือดร้อน
ไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์

ซึ่งที่จริงแต่ละคนก็ต้องรับผลการตัดสินใจของตนเอง กรรมของตนเต็มๆอยู่แล้วครับ

 

พระสงฆ์ที่ทำไม่ถูก ไม่ดี พุทธบริษัทติเตียนได้นะครับ ไม่ต้องกลัวเราติเพื่อก่อด้วยใจกุศล เราไม่อเจนด้าเคลือบแฝง ความชั่วแม้น้อยเราไม่มี เรามีใจพิทักษ์รัษาพุทธศาสนา สืบอายุพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าในมือพุทธบริษัทคนดีๆอย่างพวกคุณๆสืบไป

จิตไม่กุศล มีเคลือบแฝงอะซวยครับมากๆเลย บางคนเราก็ไม่รู้วาระจิตเค้านิครับ

 

..........(good)..........

 

..........(good)...........

 

..................

 

การณ์ นี้ไพร่พลองค์ชินสีห์ช่างชอบกลนัก

ต่างจากครั้งอโยธยามากแสน

ยามนั้นพระธรรมราชาเสียทีให้ข้าศึกต่างแดน

ยังมีแถนอิสตรีเข้ารั้งพล

บัดเดี๋ยวนี้กลายเปน .ชาย อีกทั้งพระ

กลับหันคมหอกเข้าซัดแม่ทัพตนเหมือนสุขแสน

ลืมสิ้นศัตรูคือตัณหาที่ลำ้แดน

น่าชำ้แทนแม่หญิงสรีสุริโยและยาเธอ

คงไม่เหลือพลลิงที่ภักดีที่เดินตาม รักษาเปน

 

นี่นะหรือ??

ทหารแก้ว ขององค์สมเด็จพระทศพล ผู้ที่ไม่เคยปราชัยให้กับ

อริราชศัตรู แม้ชีวิต จะดับดิ้นสิ้นไปก็ตามที (กิเลส ตัณหา อุปทาน)

ท่านมิซูโอะ ตะเกียงชีวิตท่าน มันริบหรี่เต็ม.....

เปรียบดัง ไม้ ที่ใกล้ฝั่ง ถูกคลื่นลมพัด ก็จะลอยเข้าหาฝั่งได้ทุกเวลา..

ไหนละ? จงดำรงค์ ชีวิต อยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิดบรรดาผู้ใฝ่ในธรมทั้งหลาย.....

 

เอาเถอะครับ ท่านสึกไปแล้วก็เป็นเรื่องของท่าน...

ท่านสึกเป็นทิด จะไปมีภรรยาก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรเป็นสิ่งที่เขาสามารถจะทำได้.....เพียงแค่เราหวังว่าแกจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และอาจติดในภาพเก่าๆของแกเท่านั้นเอง.....อย่าไปตามว่าอะไรกันเลย.....

 

นับตั้งแต่ได้รับทราบข่าวแล้ว รู้สึกว่า "งง" ....

ขนาดคนที่ได้บวชศึกษาพระธรรมและรักษาพรหมจรรย์มาตั้ง 38 พรรษา ยังพ่ายกับกิเลส แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ปุถุชนเช่นเราๆ ท่านๆ .....

pig_cryy2

 

พสภัธ
สมาชิก



วันที่สมัคร: Nov 2005
สถานที่: //////////////
ข้อความ: 6,962
Groans: 29
Groaned at 91 Times in 47 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,319
ได้รับอนุโมทนา 60,554 ครั้ง ใน 6,451 โพส
พลังการให้คะแนน: 4747
...................................................................................................................................................................


มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นอยู่คนหนึ่ง อายุ15-16 เกิดมีความรักpuppy love อีแม่ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย กลัวลูกชายจะเสียคน เสียการเรียนเลยจับเด็กหนุ่มน้อยไปหักดิบกับคุณมิซูโอะ เด็กหนุ่มมันก็น่ารักตามใจแม่เชื่อแม่ ในที่สุดก็เห็นว่าเลิกpuupy loveเรื่องก็จบไป แต่ถ้าครั้งหน้าเด็กหนุ่มคนนี้เกิดมีpuppy loveอีก มีหวังอีแม่ได้อุ่มหลานแน่ๆ นี่เรื่องจริง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับญาติผู้พี่...ทำไมไม่ทำตัวเงียบๆแล้วหายไปจากวงการเลย ออกมาประกาศตัวแแบนี้ทำไม? ไอ้พวกแก่รู้แก่เรียนก็คงไม่น่าเป็นห่วง เพราะคงจะหาเหตุหาผล108พันประการมาหักล้างได้ แต่ไอ้คนที่เค้าเป็นชาวบ้านตาสีตาสาตาดำๆและเด็กๆ มันจะรู้สึกยังไง แบบนี้มันเหมือนเขียนด้วยมือ แล้ว ลบด้วยเท้าไม่มีผิด เรื่องไปมีเมียเป็นเรื่องส่วนตัวของทิด แต่ที่ไม่ควรทำเลยคือออกมาประกาศความรักของตัวเองออกสื่อแบบนี้ เชื่อว่าผลเสียน่าจะมากกว่าผลดี คนโบราณเค้าถึงว่า คนไม่พร้อมที่จะเป็นครูอย่าเป็น

 

ผมว่าทางที่ดีที่สุดสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตัวเองจะมีความหวังและผูกติดกับครูบาอาจารย์จริงๆ....ก็ให้ผูดติดกับครูบาอาจารย์ที่ท่านมรณะภาพแล้วนั่นหละ เพราะว่าแน่นอนแน่ชัดและมั่นใจได้ว่าท่านมั่นคงขนาดใหน ท่านดีขนาดใหน....เพราะความคาดหวังถ้าผิดพลาดมาจะได้ไม่เสียกำลังใจ.....นอกนั้นอะไรมันก็ไม่แน่นอน....เห็นด้วยนะที่จะมองเป็นบทเรียน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเราเองหรือเปล่าที่ไม่มองตัวเราเอง ที่เอาใจไปฝากความหวังไว้กับคนอื่น.....

 

วันนี้, 11:39 AM #8
หัว-หอม
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2011
ข้อความ: 141
Groans: 0
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 16
ได้รับอนุโมทนา 1,284 ครั้ง ใน 85 โพส
พลังการให้คะแนน: 894
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////


แต่ผมก็ว่าไม่น่าจะใช่คู่บารมี เพราะว่าถ้าเป็นคู่บารมีน่าจะต้องส่งเสริมกันไปในทางที่ดี แต่ว่า ผญ คนนี้เข้ามาแบบนี้ เหมือนว่าจะมาทำพังเสียมากกว่า เฮ้อ ก็ขอให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี...ฯลฯ

 

ไปเจอในเฟสบุค ลองอ่านกันดู


จากการบอกเล่าของลูกศิษย์คนสนิทของท่าน
-----------------------------------------

มีโยมที่วัดบอกว่า ผญ คนนี้วันวันเอาแต่นั่งจ้องพระอาจารย์มิตซูโอะ เป็นชั่วโมงชั่วโมง ใครเข้าไปกราบท่าน หล่อนก็ไม่ถอยออกมา นั่งจ้องอยู่เช่นนั้น และต่อมา ผญ ก็เสนอให้การรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการทำ chelation โดยต้องไปทำที่ clinic ทองหล่อ ซอย 4 อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
2ครั้งแรก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เดินทางไปด้วย แต่ตัว ผญ ไม่ได้ไป และหลังจากนั้นก็เพิ่มเป็นทุก 2 วัน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ติดตามไปด้วย และผญ เสนอว่า เนื่องจากต้องไป clinic บ่อยอยู่แล้ว จึงให้คนขับรถของหล่อน มารับไปกิจนิมนต์ด้วยเลยทุกวัน ซึ่งรถที่มารับ เป็นรถตู้ สีขาว ติดฟิล์มดำสนิท มีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับห้องโดยสาร ไม่สามารถมองเห็น และได้ยินห้องโดยสารได้
ในชั้นแรก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ แจ้งท่านว่ารถคันนี้ไม่เหมาะสม จึงให้ ผช ในวัดติดตามไปด้วย 1 คน แล้วมารู้ทีหลังว่า โดน ผญ สั่งให้ไปนั่งกับคนขับรถ บางครั้งไปนั่งด้านหน้า 3 คน รวมคนขับเป็น 4 คน ตอนลงรถ เราคิดว่ามากันหลายคน มาทราบภายหลังว่าทุกคนโดน ผญ สั่งให้ไปด้านหน้าทั้งหมด

พระอาจารย์ฯ มีกิจนิมนต์ที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 2 – 17 พฤษภาคม (ผญ ไม่ได้ไป)
ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ผญ คนนี้ก็มารับพระอาจารย์ฯ ที่มูลนิธิฯ ไปทำ chelation ทุกวัน เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามว่าทำไมต้องไปทุกวัน ผญ ตอบว่ามีการทำ stem cell ร่วมด้วยจึงต้องไปทุกวัน และโดยปกติพระอาจารย์ฯ จะต้องมีการตรวจสุขภาพที่ รพ วิชัยยุทธ แต่ท่านปฏิเสธการตรวจสุขภาพทั้งหมด
เจ้าหน้าที่มูลนิธิ เห็นสิ่งผิดปกติ ของ ผญ คนนี้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างไร พอมาคิดย้อนหลังจึงพบว่า พระอาจารย์ฯ ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นั่งเหม่อ เก็บตัว มีอาการโมโห โกรธ บางครั้ง ซึ่งท่านไม่เคยเป็นแบบนี้เลย เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นรวดเร็วมาก โดยไม่มีใครคาดคิดว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ จนกระทั่งเย็นวันที่ 8 พระที่วัดได้โทรฯ คุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่ามีคนในครอบครัวของ ผญ แจ้งไปที่วัดป่านานาชาติ ว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ เช้าวันอาทิตย์ที่ 9 และครอบครัวได้ห้ามแล้ว แต่ด้วยนิสัยของ ผญ ที่จะเอาอะไร ต้องเอาให้ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เราก็สงสัยว่า ครอบครัว ผญ รู้ได้อย่างไร จึงสอบถามไปที่ครอบครัวของหล่อน และได้คำตอบว่าพวกเขากลุ้มใจกันมาก แต่ไม่กล้าแจ้งทางมูลนิธิฯ ว่าหล่อนมาขอร้องให้ช่วยดำเนินการเรื่องวีซ่า ไปประเทศญี่ปุ่น จึงได้รู้ความจริง
การติดตามของเราที่จะให้ได้พบตัวท่าน เพียงเพื่อจะได้เห็นกับตาว่าท่านสึกแล้ว จริงหรือไม่ และจากกล้อง CCTV เราจึงบอกกับทางมูลนิธิฯ ว่า สึกจริงแล้ว เรายืนยันได้ และเราก็ปรึกษากัน ตัดสินใจไปดักรอพบท่านที่สุวรรณภูมิ เพราะได้รับแจ้งจากวัดป่านานาชาติ จากแหล่งข้อมูลเดิม ว่าจะเดินทางออกนอกประเทศ ไปฮ่องกง เช้ามืดของวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน ซึ่งผมตรวจสอบแล้วว่ามี สายการบิน ฮ่องกงแอร์ไลน์ เช้าที่สุดคือเวลา ตี2:15 เราจึงไปถึงสนามบินในเวลาเที่ยงคืน และเราก็ได้พบกับท่าน
เราได้เข้าไปคุยกับท่าน ถามถึงเหตุผลที่สึก ท่านตอบว่า เป็นพระสอนได้แค่คนที่เคารพผ้าเหลือง ถ้าเป็นคนธรรมดาจะสอนคนได้ทุกชาติ ศาสนา และเราก็ขอให้ท่าน อยู่ที่มูลนิธิฯ ต่อซัก 2-3 วันแล้วค่อยตัดสินใจใหม่ ท่านปฏิเสธ และเราถามอีกว่า ท่านสึกแล้วทำไมถึงมากับผู้หญิง ท่านตอบว่า ด้วยเหตุและปัจจัย
สิ่งผิดปกติที่เราสังเกตุเห็นคือมือของท่านทั้งสองข้าง คล้ำแบบดำเขียว เหมือนกับช้ำมาก เฉพาะที่มือทั้งหน้ามือและหลังมือ เราจึงถามท่านว่า ทำไมมือของท่านดำมาก ท่านไม่สบายหรือเปล่า ท่านเก็บมือใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วบอกว่าสบายดี ไม่เป็นอะไร แต่เราไม่ยอม จึงขอให้ท่านเอามือออกมาเทียบกับมือของผม ก็พบว่ามือของท่านผิดปกติ แต่ท่านก็ยังยืนยันว่า สบายดี
ในระหว่างที่ถาม ท่านแสดงอาการไม่พอใจ ที่มาพบท่าน และพูดไล่เรากลับไป ซึ่งอาการเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน ท่านไม่เคยปฏิเสธใคร ดูเหมือน เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

วันนั้น เรายืนมองท่านเดินจากไป
เห็นท่าเดินที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เป็นท่าเดินที่ลากเท้า เหมือนคนอ่อนแรง โดยปกติท่านจะเป็นคนที่เดินแบบยกเท้าพ้นพื้น แล้วจรดเท้าลงแบบเดินจงกรม
เห็นท่ายืนรอ ผญ แลกเงิน อย่างเหม่อลอย
เป็นภาพที่เรารู้สึกว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะช่วยท่าน …แต่จะด้วยอะไรก็ตาม วันนั้น เราทำเพียงยืนดูท่านจากไป
คืนนั้น เรากลับมาหาข้อมูล ผญ คนนี้ต่อ พบว่า ใน website เขียนถึงหล่อนว่า แต่งงานมาแล้ว และหย่ามาแล้วหลายครั้ง มีหนี้สินมากกว่าพันห้าร้อยล้าน มีคดีที่ต้องขึ้นศาลตลอดเวลา ค่าเช่าคลีนิคไม่จ่ายมาแล้ว 3 เดือน ใน web มีคนเขียนว่า ไม่จ่ายค่ายา ไม่จ่ายค่าหมอ และเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่ทำไว้ เปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายชื่อ เปลี่ยนแม้กระทั่งชื่อเล่น
และต่อมา เราได้คุยกับผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับยา ว่าคนที่มีอาการแบบนี้ เป็นไปได้ที่จะโดนยากล่อมประสาท แต่เนื่องจากต้องเดินทางไกล จึงต้องสเน็ปยาเข้าไปที่ข้อมือมากกว่าปกติ มือจึงดำ ประกอบกับอาการเหม่อลอย และเดินลากขา เป็นเพราะยากล่อมประสาท เช่น dormicum
จากการปล่อยข่าวของ ผญ ทั้งรูป และวิดีโอ สร้างภาพให้เป็น สึกด้วยความรักหล่อน
ทำให้ สงสัยว่าด้วยเวลา ปลายเมษายน ถึง 8 มิถุนายน 2556 สามารถสึกพระ 38 พรรษาได้ จริงหรือ ถ้าไม่มีตัวช่วย
ความรู้สึกของผมจากการหาข้อมูลด้วยตัวเอง และการติดตามใน 3 วันนั้น ทำให้ผมคิดตลอดเวลาว่าจะช่วยท่านได้อย่างไร
และ ผญ คนนี้ จงใจกระทำทุกอย่าง อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด และผมเชื่อว่า ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่ใช่คู่บุญบารมีอะไรหรอกครับท่าน
และผมตัดสินใจในวันนี้ว่า จะต้องเล่าสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมด ในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่ศรัทธาท่านและระลึกถึงบุญคุณที่ท่านทำไว้ให้กับชาวไทยอย่างล้นเหลือ
ผมมีคำถาม ใครช่วยตอบผมที
ผญ ที่สร้างภาพ ดี รวย สวย เก่ง และมีความรักที่สวยงาม คนนี้ ยักยอกเงินทำบุญ จากญาติโยม ที่นิมนต์เทศน์ที่วัดเบญจมบพิตร เพียง 30,000.- บาท เพราะเหตุผลอะไร
จบครับ

 

พระ ที่ออกมาเทศนาสอนคนอื่น..มี 2ประเภท..ครับ

1.เรียนตำรามา และ เข้าใจธรรมตามที่เรียนมา บางองค์ลึกซึ้ง บางองค์ เข้าใจมั่วๆ..แต่อยากสอน ทั้ง แบบลึกซึ้งและ แบบมั่วๆ

2.พระ ที่ผ่านการปฎิบัติมา แบบเข้มงวด ผ่านการลำบาก ทรมานสังขารมาจนจิตยอม ศิโรราบ..จิตท่านวาง ได้แล้ว..จึงออกมา สอนคน

พระที่เทศนาแบบไม่เคยผ่านบททดสอบความลำบาก ทรมานสังขาร..พอลงจากธรรมมาสน์ ก็ เดินเข้าห้องส่วนตัวเปิดแอร์ พักผ่อน..สบาย อยากน้ำร้อน ก็ ได้น้ำร้อน อยากน้ำเย็นก็ ได้น้ำเย็น

พระที่ ผ่านการปฎิบัติ แบบ แลก ชีวิต ไม่กลัวตาย แต่ ผ่านมาจาดการ ทรมานสังขาร..ออกมาสอนธรรมบ้าง พระ แบบนี้วางได้จริง เห็นได้จริงเพราะตนผ่านการทดสอบมา.....

แต่เชื่อมั้ยว่า...พระ ทั้ง 2 แบบมี คำเทศนา ที่ไม่ต่างกันเท่าไรเลย..เพราะ พระ ที่เทศนา แล้วนอนฟุก นอนห้องแอรื ท่านอ่านมาเยอะ เข้าใจคำสอน เพราะ อ่าน และเข้าใจธรรม แต่....จิต ท่านไม่เคยลิ้มรสชาติ ความทรมานจากการขาด ปัจจัยที่สนอง กายใจ ท่านอยู่แต่วัด พอดัง ยิ่งมีคนแห่แหนส่งให้แต่ของดีๆ
พระ ที่ปฎิบัติ จริง เขา ชนะใจ ตนเองแล้ว เขาทนทานต่อทุกๆกิเลสแล้วเขาไม่ ไหล ไม่ยึด เขาผ่านมาด้วยการปฎิบัติ เขาจึงเข้าใจธรรมและ ซาบซึ้งธรรม เหมือน คำสอนในตำรา...

พระ 2 แบบจึงเทศนาเหมือนกัน....แต่ สุดท้ายไม่เหมือนกัน แบบ ที่เห็นอยู่ มิตซูโอะ เควสโก.......หุหุหุหุ

 

มีหลายองค์ ที่แม้ไม่ได้สึกและ มีสาวมาแต่งงาน..ด้วย

แต่....ขี้โม้ และ ต้ม พุทธบริษัท เยอะแยะ..เพราะ ว่า อ่านตำรามาและ เข้าใจธรรม ตามตำรา..เทศนา จนคนหลงเชื่อกันทั้งประเทศลูกศิษย์มากมาย..ไป ดูได้ พระ องค์ไหน ยังจับเงินจับทอง หรือมีอะไรก็ ยังเรียกหา เงินทอง เอาไปสร้างโน่นสร้างนี่ เอาไปทำโน่นทำนี่...

พระ พวกนี้ แอบแฝงมาหลอกลวงทั้งนั้น....ความสิ้น อาสวะ ไม่มีเงื่อนไข ความเป็น อริยเจ้าไม่มีเงื่อนไขใดๆในการ เล่นกับ กิเลส..ความสิ้นไปแห่งโลก คือ พังหมด ไม่ติด ไม่ยึด ไม่สน ใครจะเกิด ใครจะตาย บ้านใครจะพัง ชาติไหนจะล่ม ไม่มีอะไรสำคัญแล้ว

เพราะ ทุกๆอย่างในโลก มี แต่ สมมติ ทั้งนั้น..ไม่มีอไะร มีอยู่จริง ทุกสิ่งทุกอย่าง มีแบบมายามีแต่ไป ยึด ไปสมมติกันทั้งนั้น ดังนั้น พระ องค์ไหน ที่คุยว่าเป็น อรหันต์ หรือ ชอบเทศนาเรื่อง ความพ้นทุกข์ ชอบเทศนาสอนคนปฎิบัติธรรม..นั้น เขา มา สอน ตีกิน หา ลาภสักการะทั้งนั้น

ยังดี ที่พอ มีประโยชนืบ้าง หาก ใครฟังพระอริยะ เก๊พวกนี้เทศนา แล้ว เกิดศรัทธาไป ศึกษา ธรรมจริงๆ บางคนก็ ได้แนวทางจริง ปฎิบัติ จริง ละ อุปาทานได้...แต่พระ ที่แอบแฝงมาสอนหากิน..ยังลอยหน้าลอยตาหาเงินต่อไป...

 

อริ แปลว่า ศัตรู
ยะแปลว่า ห่างไกล หรือ ออกจาก

อริยะจึงแปลว่า ออกห่างจากศัตรู หรือ ห่างไกลจากศัตรู....
สรรพสิ่งในโลก ล้วยแต่มายาสมมติ..ลองคิดดุสิ พระที่เป็น อริยะเจ้าแล้ว เขาจะมามั่วกับเงินๆ ทองๆทำไม อย่ามาอ้างอะไรทั้งนั้น เพราะ เงิน และ ทอง คือ ตัว แม่ ของกิเลส เลย....

ผู้ มีปัญญา พึง พิจารณาให้ถ้วน ถี่

 

กิเลส อยู่ห่างไกล ยังมีโอกาส พบเจอ มันยังมากดหัวเราได้ แต่ถ้าฆ่า!

ฆ่ากิเลสให้ตายได้ไม่ผิด

พระอรหันต์แปลว่าผู้ไกลจากกิเลส

แนวทางการปฏิบัติ ต้องฆ่ากิเลส หรือฆ่าใจ..

ใจท่ีชอบคบกิเลส ฆ่ามันทิ้งซะ

ศีล ทำไห้เราหยุด

สมาธิ ทำไห้เรามีกำลัง

ปัญญา ประดุจดังมีดคมกริบ

กิเลส เปรียบดังต้นไม้ใหญ่ มีรากเหง้า

จะใช้มีดโค่น ฆ่าต้นไม้

จะต้องขุดรากถอนโคน

ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องมาพร้อม

มีดคมโค่นต้นไม้ไม่ได้

จะต้องมีกำลังดี คือสมาธิ

 

แล้วใช้ปัญญาพิมพ์กันมาบ้างหรือเปล่านี่
แล้วจะช่วยให้พระดีคงอยู่หรืออย่างไร
ไม่ไปบวชเสียล่ะ จับผิดอยู่ได้
ไม่เอาข่าวดี ๆ สร้างสรรค์มาเสนอบ้าง ทำเป็นพวกนักข่าวขายข่าวแง่ลบ แล้วบอกว่าพิทักษ์พระพุทธศาสนา มุสาเบ้อเร่อ ไม่อย่างนั้นก็...บรม
ช่วยบอกหน่อยเถิดว่าสรรค์สร้าง จรรโลงพระพุทธศาสนาแค่ไหนกัน

เอ้อ ไม่ได้เคารพท่านที่สึก แต่เราพูดตามตรงเฉย ๆ