พบหลักฐานมนุษย์ล่าสัตว์กินเนื้อเป็นอาหารมานานกว่า 2 ล้านปีแล้ว !!!

พบหลักฐานมนุษย์ล่าสัตว์
กินเนื้อเป็นอาหารมานานกว่า 2 ล้านปีแล้ว ​

ภาพกะโหลกของโฮโมอิเร็คตัส ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน โดยนักวิทยาศาสตร์ได้พบหลักฐานเก่าแก่ที่สุดของการล่าสัตว์เป็นอาหาร
และเชื่อว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้รูปร่างและขนาดสมองมนุษย์เปลี่ยนไปอย่างมาก
แต่ยังไม่แน่ชัดว่าบรรพบุรุษของมนุษย์โบราณสปีชีส์ไหนล่าสัตว์ที่พวกเขาพบซากมากว่า 10 ปีแล้ว (Thomas Roche)


นักโบราณคดีขุดพบหลักฐานที่น่าจะเป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดในการล่าและชำแหละสัตว์ของบรรพบุรุษมนุษย์โบราณ

โดยพวกเขาได้พบกระดูกสัตว์และเครื่องหินนับหลายพันชิ้น ที่ถูกใช้โดยต้นกำเนิดของมนุษย์

ซึ่งบ่งชี้ว่าบรรพบุรุษของมนุษย์ในยุคแรกๆ นั้นรู้จักการชำแหละและแยกเอาเนื้อออกมากินอย่างน้อยๆ 2 ล้านปีแล้ว

การค้นพบดังกล่าวตีพิมพ์ลงวารสารพลอสวัน (PLOS ONE) ซึ่งสนับสนุนแนวคิดว่าการกินเนื้อมนุษย์โบราณนั้น

ได้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แก่มนุษย์สปีชีส์ โฮโม (Homo) นับแต่นั้น

นายโจเซฟ เฟอร์ราโร (Joseph Ferraro) นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ (Baylor University) สหรัฐฯ ผู้ร่วมวิจัย

กล่าวว่า ข้อมูลฟอสซิลเผยให้เราเห็นว่า มนุษย์เมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อนนั้น มีขนาดสมองและขนาดตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

และโฮมินิน (มนุษย์โบราณ) ก็ย้ายจากแอฟริกาไปยูเรเซีย (Eurasia) ซึ่งการกินเนื้อนั้นเป็นพลังงานสำหรับการแปลงโฉมดังกล่าว

นายเฟอร์ราโรยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้มีหลักฐานของการกินเนื้อที่เก่าแก่ที่สุดในออลดูไว จอร์จ ในแทนซาเนีย

ซึ่งคำนวณอายุได้ 1.8 ล้านปีมาแล้ว แต่ข้อมูลของฟอสซิลก็ไม่ได้ชี้ชัดถึงการล่าและแยกเอาเนื้อมากิน

กระทั่งเจออีกหลักฐานที่อายุอ่อนกว่า 1 ล้านปีหลังจากนั้น

สาเหตุที่แท้จริงในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของมนุษย์โบราณเมื่อ 1.9 ล้านปีก่อน ยังคงเป็นปริศนาอยู่

ย้อนไปไกลกว่า 10 ปีแล้วที่นักวิจัยขุดหาพบเครื่องมือยุคหินนับพันในกองโครงกระดูกสัตว์

บนตะกอนดินเหนียวปนทรายของหาดทะเลสาบวิคตอเรียในเคนยา โดยสิ่งประดิษฐ์จากที่พบนั้นรู้จักกันในชื่อ เคนเยรา (Kanjera)

และมีอายุประมาณ 2 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งให้หลักฐานอันเก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ที่น่าจะอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้ามากกว่าอยู่ในป่า

ในจำนวนหลักฐานที่พบนั้นมีสัตว์จำพวกละมั่งตัวเท่าแพะอยู่หลายสิบชิ้น และกระดูกส่วนใหญ่ถูกพบในพื้นที่ขุดค้นดังกล่าว

แสดงให้เห็นว่า ซากสัตว์ถูกนำมารวมไว้บริเวณดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งเฟอร์ราโรยังบอกแก่ไลฟ์ไซน์ที่รายงานเรื่องนี้ว่า

ทีมของเขาพบร่องรอยบนกระดูกที่ถูกเครื่องมือหินหยาบๆ ขุดเอาเนื้อ และแยกเอาเนื้อกับเครื่องในออกไป

เมื่อนำหลักฐานของทั้งหมดมารวมกันแล้วจึงพบร่องรอยว่าสัตว์เหล่านั้นถูกล่า และไม่ได้ถูกคุ้ยซาก

และในแอฟริกาทุกวันนี้อีแร้งก็ไม่กินสัตว์เหล่านั้น เนื่องจากผู้ล่าชั้นแรกอย่างสิงโตและไฮยีนานั้นจะกินเหยื่อทั้งหมดไม่เหลือซากไว้

และบริเวณขุดค้นยังพบกะโหลกร้าวๆ ของละมั่งขนาดเท่าวัว ซึ่งนักวิจัยสรุปว่ากะโหลกเหล่านี้ถูกแซะโดยมนุษย์โบราณ

เนื่องจากในปัจจุบันนี้ยังพบหัวของวัวป่าเกลื่อนทุ่งหญ้าเซเรนเกติ (Serengeti)

"การแทะซากอย่างไฮยีนานั้นจะกินซากทั้งหมด แต่จะเหลือหัวเหยื่อไว้ เพราะไม่อาจทำให้แตกเพื่อแยกเอาสมองได้” เฟอร์ราโร กล่าว

ทีมวิจัยได้ตั้งสมมุติฐานว่า พวกเขาพบหัวของสัตว์ทิ้งไว้ในทุ่งหญ้า จึงได้ทุบให้แตกเพื่อเอาสมองที่อุดมด้วยไขมัน

สารอาหารและพลังงานออกมา ซึ่งอาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พบได้ต่อมา

ในบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบันอย่าง โฮโม อิเร็คตัส (Homo erectus)

อย่างไรก็ดี ทีมนักวิจัยก็ไม่ได้พบหลักฐานว่ามนุษย์โฮมินินเป็นผู้ล่าสัตว์ที่พบในแหล่งขุดค้นดังกล่าว

ถึงนักวิจัยจะไม่แน่ใจว่าใครคือบรรพบุรุษมนุษย์โบราณเหล่านั้น แต่เฟอร์โรรากล่าวว่า มนุษย์โบราณเหล่านั้นจะต้องเดินตัวตรง

และปรับตัวที่จะใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งหญ้า ซึ่งอาจจะเป็น โฮโมอิเร็คตัส หรือบรรพบุรุษที่พวกเขาสืบต่อพันธุกรรมมาอย่างใกล้ชิด


Science - Manager Online - พบหลักฐานมนุษย์ล่าสัตว์กินเนื้อมานาน 2 ล้านปีแล้ว

 

มนุษย์ไม่ว่าสมัยไหนๆ ก็มีทั้งกินสัตว์และไม่กินสัตว์ ........ถ้าไม่ชอบให้ใครมาเบียดเบียนตนก็อย่าไปกินเขา ถ้าไปกินเขา เวลาใครมากินตนบ้างก็ อย่าว่าโหดร้ายก็แล้วกัน

มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ มีสมองปัญญาเข้าใจอะไรดีไม่ดี แต่บางคนยังไม่ได้ยกระดับให้สูงขึ้นมา ย่อมไม่เข้าใจ......555555