ถึงเวลาที่สยบข่าวภัยพิบัติ  ทางสายเอก

ทำเพื่อตนเองก็ได้บุญ ทำเพื่อคนอื่นจึงได้บารมี

ขออนุญาตครับ

ถ้ามีชาวพุทธคิดเหมือนท่านมากๆ
คือเห็นว่าใครจะสร้างพระเพื่อต้านภัยพิบัติก็สร้างของท่านไป

ท่านก็จะเนะนำเหมือนที่พระสงฆ์เกือบหมดประเทศแนะนำ คือ การปฏิบัติสมาธิภาวนาดีที่สุด ได้กุศลมากที่สุด

แล้วการสร้างพระเพื่อต้านภัยพิบัติ เพื่อให้ชาวพุทธจำนวนมหาศาลพ้นเคราะห์กรรม มีชีวิตยืนยาวขึ้น
ฤๅจะได้บุญน้อยกว่า ท่านที่ปฏิบัติสมาธิภาวนาเพียงด้านเดียว

ถ้าผู้ปฏิบัติ ไม่อาจสำเร็จธรรมชั้นสูงได้ แล้วจะเอาบุญกุศลที่ไหนไปปิดอบายภูมิ

หรือต้องให้ ภัยพิบัติใหญ่ๆมาอีกรอบหรืออย่างไร จึงจะเข้าใจ

แค่คิดว่า "ทำเพื่อตนเอง หรือ ทำเพื่อคนอื่น หรือ ทำเพื่อคนจำนวนมหาศาล"

"บุญ-บารมีที่ได้ มันก็ต่างกับลิบลับแล้ว"

หรือท่านผู้ใดมั่นใจว่า ท่านสามารถสำเร็จชั้น อริยะ ได้ในชาตินี้ ก็ตามใจ

แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าท่านเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน
ท่านก็ยังคงต้องอาศัย การสร้างพระเพื่อต้านภัยพิบัติเพื่อให้ท่านเองรอดอยู่ดี

พวกเทวดาที่สนับสนุนการสร้างพระเพื่อต้านภัยพิบัตินั้น
ไม่ง้อซะด้วย ใจไม่ถึงจริง บุญไม่ถึงจิง ไม่มีวันได้ร่วมสร้างอยู่แล้ว

ทำบุญก็ได้บุญ
แต่การทำบุญเพื่อคนอื่น จึงจะได้ทั้งบุญ จึงจะได้ทั้งบารมี
และการทำบุญ เพื่อคนอื่น จำนวนมหาศาล จึงได้ทั้งบุญ จึงได้ทั้งบารมีจำนวนมหาศาลด้วย

เคยคิดบ้างไหมว่า พระอริยะเจ้าที่มีจำนวนมากนั้น ทำไมท่านไม่ออกมาแก้ไขภัยพิบัติ

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
ลุงมหา

 

ว่ากันตามพระไตรปิฏกก่อนครับ เดี๋ยวค่อยอธิบายอีกครั้ง
อปฺปฎิโม (ไม่มีผู้เปรียบ) ความว่า อัตภาพ ( ความเป็นตัวตน )
เรียกว่ารูปเปรียบ ชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบ เพราะรูปเปรียบอื่นเช่นกับอัตภาพของท่านไม่มี
อีกอย่างหนึ่ง มนุษย์ทั้งหลายกระทํารูปเปรียบใดล้วนแล้วด้วยทองและเงินเป็นต้น
ในบรรดารูปเปรียบเหล่านั้น ชื่อว่าผู้สามารถกระทําโอกาสแม้สักเท่าปลายขนทราย
(แม้เพียงนิ๊ดนึง) ให้เหมือนอัตภาพของพระตถาคต ย่อมไม่มี
พราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบแม้โดยประการทั้งปวง.
อปฺปฎิสโม (ไม่มีผู้เทียบ) ความว่า ชื่อว่าไม่มีผู้เทียบ
เพราะใคร ๆ ชื่อว่าผู้จะเทียบกับอัตภาพของพระตถาคต นั้นไม่มี
รูปเหมือนพระพุทธเจ้าไม่มี เล่ม 32 หน้า 214 บรรทัด 6

 

….ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนําไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดํารงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตดํารงอยู่
ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต......
รูปที่เหมือนพระพุทธเจ้าไม่มี    เล่ม ๑๑  หน้า  ๖๖

 

....ดูก่อนอานนท์ บางที่พวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์ (พุทธพจน์)
มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น
ธรรมก็ดี วินัยก็ดีอันใดอันเราแสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ
ธรรมและวินัยอันนั้นจักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา......
พระธรรมวินัย ที่พระองค์ตรัส คือตัวแทนพระศาสดา เล่ม ๑๓  หน้า ๓๒๐

 

บทว่า อตฺตทีปา ความว่า ท่านทั้งหลายจงทําตนให้เป็นเกาะ เป็นที่ต้านทาน
เป็นที่เร้น เป็นคติที่ไปในเบื้องหน้าเป็นที่พึ่งอยู่เถิด.
อนัญญสรณา นี้ เป็นคําห้ามพึ่งผู้อื่น ด้วยว่าผู้อื่นเป็นที่พึ่งไม่ได้ เพราะคนหนึ่งจะ
พยายามทําอีกคนหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่
สมจริงดังที่ตรัสไว้ว่า ตนนั่นแลเป็นที่พึ่งของตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อนัญญสรณา ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ
ถามว่า ก็ในที่นี้ อะไรชื่อว่าตน ?
ตอบว่า ธรรมที่เป็นโลกิยะ และ เป็นโลกุตตระ (ชื่อว่าตน).
ด้วยเหตุนั้นนั่นแล พระองค์จึงตรัสว่า
ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนัญญสรณา มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ
วัตถุทั้งหลายทั้งปวง พระพุทธเจ้าไม่ให้ท่านทั้งหลายเอาเป็นที่พึ่ง
หรอกนะ เล่ม 27 หน้า 90

 

...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุพวกใดพวกหนึ่งในบัดนี้ก็ดี ในกาลที่ล่วงไปแล้วก็ดี
จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ
มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ภิกษุเหล่านี้นั้นเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา
จักเป็นผู้เลิศ. พระไตรปิฏก เล่ม ๓๐  หน้า ๔๔๔
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

อธิบายครับถ้าท่านได้อ่านข้อความทีได้โพสต์ ๕๙๓  ๕๙๔  ๕๙๕  ๕๙๖  ๕๙๗ 
แล้ว  ถ้าท่านยังคิดว่าจะสร้างบุญและบารมีใหญ่ ที่ท่านเข้าใจเราก็ไม่ว่ากันครับ
ส่วนเราจะสร้างบุญและบารมีในเขตบวรพระพุทธศาสนา ตามพระธรรมวินัย ของ
องค์สัมมาสัมพระพุทธเจ้า ครับ

 

การที่พระพุทธเจ้าสอนธรรมทุกครั้ง ก็ยังยากที่สาวกของท่านจะเข้าใจถูกต้องครบถ้วนทุกครั้ง นับอะไรกับมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาเยี่ยงเรา ความขัดแย้งก็มักเกิดเสมอเนื่องจากคนเรามีอายตนะที่แตกต่างนั่นเองนะ...เอาน่ะ อย่าเอาสิ่งปฏิบัติหรือสิ่งสมมุติใดๆ มาเป็นทุกข์กันเลย

 

ขอบคุณที่เขามาอ่านและให้ความเห็นในกระทู้ครับ พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ก็ต้องช่วยกันทำความเข้าใจ อย่างถูกต้องแม้นอาจจะไม่ถูกใจบ้าง แต่จะได้ประโยชน์
จากการสนทนาธรรม  และที่มีความเห็นที่ต่างกัน เรายังอยู่ในระหว่างการเดินทางกันทั้งนั้น
ขึ้นอยู่แต่ว่าใครจะไปถึงจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยก่อนกันครับ

 

เอ้า เอากันงี้เลยเรอะ ไม่ได้เข้ามาดูพักใหญ่
ลองหาบุญกริยาวัตถุ 10 มาอ่านนะครับ ท่านคมสันต์เขียนไว้แล้วว่า "เราไม่ได้ไปห้ามและขวาง แต่เรื่องบุญและกุศลที่จะได้รับจากการสร้างนั้นเราก็ยังคงยืนยันเช่นเดิม ส่วนใครจะเห็นต่างนั้นก็ไม่เป็นไร" ตามกำลังที่ตนเองทำได้ครับ ไม่ผิด กำลังใจไหว แค่ทานก็ทำทาน ไหวแค่รักษาศีล ก็รักษาศีล ถ้าสมถภาวนาไหว ก็สมถภาวนา ถ้าวิปัสสนาภาวนาไหว ก็เอา ใครไหวแค่ไหน แค่นั้นครับ ไม่ผิด แต่ถ้าเกณฑ์คนทำบุญ หมดเนื้อ หมดตัว เอาภัยพิบัติมาอ้าง ระวังจะกลายมันจะได้ไม่เท่าเสีย

บริจาคทาน ดี
สร้างพระ ดี
สร้างตู้พระธรรม ดี
ถือศีล ดี
บวชพระ ดี
ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระ เป็นยอดแห่งความดี (พระโยคาวจร พระโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์)

"อานนท์ แม้นบุคคลนั้นเกาะสังฆาฏิของตถาคตอยู่ ก็ไม่ได้เป็นผู้ชื่อว่าเห็นเราไม่ แต่แม้นตถาคตปรินิพพานไปแล้ว ร้อยปี พันปี มีผู้ปฏิบัติธรรม ประพฤติตามเช่นนี้ก็ชื่อว่าได้เห็นตถาคตนั้นแล อานนท์ เรากล่าวว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต"

 

อนุโมทนา สาธุ ครับ

 

สำหรับเรื่องภัยพิบัตินั้น ผู้ที่ทรงอภิญญา นั้นก็ช่วยกันอยู่แล้วครับ แต่บางครั้งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปประกาศ ให้วุ่นวาย เพราะทุกท่านล้วนแต่จะสร้างบารมีธรรมกันทั้งนั้น
และทำหน้าที่ต่างกันตามที่แต่ละท่านถนัดในแต่ละด้านครับ เช่นพาฝนให้ไปตกที่อื่นบ้าง
และไม่ให้ฝนตกพร้อมกัน ภายในจุดเดียว ก่อนที่จะช่วยก็ต้องรู้ให้แน่ชัดเสียก่อนว่า
ภัยพิบัติอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งเวลาและสถานที่ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ครับ

 

ท่านพูน ท่านอาจารย์คมสันต์ล้วนกล่าววาจาชอบ กราบอนุโมทนาค่ะ

 

คุณติงติง ไปมาทุกกระทู้เลย นับถือจริงๆครับ :VO

 

ครูติงติงเป็นคนสนใจในพระพุทธศาสนาและขวนขวายในบุญกุศล
และหาความรู้จากข้อธรรมต่างฯ ที่มีอยู่ตามกระทู้ ต้องขอชมในความเพียร
และตั้งใจปฏิบัติ อนุโมทนา สาธุ

 

กลอนเครดิตของคุณดาบหัก ดาบหัก ครับ
25 เมษายน 2556 ครบรอบ 407 ปี วันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
407 ปีพระนเรศวรสวรรคาลัย

ประณตน้อมกรอมหัตถ์ลงแทบบาท
พระหน่อชาติกฤษดาภินิหาร
ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมเกล้าถวายกราน
กราบพระบาทพระทศมาลย์พระเดชา

ขอเดชะสมเด็จพระมหาราช
พระนามพระองค์ทรงผงาดทุกทิศา
ทรงปลดทาสปวงไทยพ้นม่านมา
สี่ร้อยปี..เมื่อไคลคลาจาก แดนไทย

ขอเดชะพระนเรศมหาราช
ชนทั้งชาติซึ้งวิญญาณ์ทุกหน้าไพร่
สี่ร้อยปีผ่านมาจารึกไว้
พระเกียรติไกลปลดแอกแหวกโซ่ตรวน

ซึ่งรบพุ่งทุกเวลาทุกหน้าที่
พระเดชแม้นบารมีนเรศวร
จารึกความตามประวัติชัดทบทวน
สิบห้าพฤษภาไทยล้วนเฉลิมงาน

ฟ้านั้นกำสรดสลดเหลือ
ยามชีพยังทุกเมื่อต้องเรื้อบ้าน
ยามชีพวายสลายจาก..มิพรากงาน
เมื่อถึงวารจะจากโลก..โศกเดียวดาย

ประณตน้อมกรอมหัตถ์ขึ้นเหนือเกล้า
ข้าพระพุทธเจ้า.ก้มกราบ.น้อมถวาย
ลงแทบบาทนเรศวรผู้พลีกาย
สิ้นสลาย...กลางดิน...เมื่อสิ้นใจ
อนุโทนา สาธุ

 

อัพไว้ หน่อย อย่าให้หงอย

 

วันที่สมัคร: Apr 2012
สถานที่: รัศมีแห่งธรรม
ข้อความ: 1,325
Groans: 0
Groaned at 10 Times in 8 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 2,679
ได้รับอนุโมทนา 6,271 ครั้ง ใน 1,257 โพส
พลังการให้คะแนน: 84002

กลับมาไม่ทันพลังการให้คะแนน ๘๔๐๐๐ ค่ะ ท่านคมสันต์
(มาช่วยท่านพูนดันกระทู้ดีๆมีสาระค่ะ)

 

อีกไม่กี่วันถึงเวลาที่ภัยพิบัติจะสยบกะทู้นี้ครับ ทางสายเดียวที่แท้ครับ

 

เมื่อถึงวันนั้แล้วไม่มีอะไรเกิดเรื่อง sompong2560 อย่าหนีหรือเปลี่ยนชื่อซะละ