รวมธรรมคำสอนสั้นๆ ของพ่อแม่ครูอาจารย์ของผม "หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย paron_pun, 24 เมษายน 2012.

  1. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    [​IMG]

    "สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่ในโลก ย่อมเป็นของควรแก่การรักษาบำรุง แต่สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่ในโลก ถึงแม้จะเป็นของที่ควรรักษาบำรุงก็ตาม ก็ไม่เท่ากับการรักษาใจของตัวเราเอง เพราะจิตใจเป็นสมบัติของเรา เป็นของควรรักษาควรบำรุงมากยิ่งกว่าสมบัติใดๆ ในโลก เพราะสมบัติใดๆ ในโลกย่อมมีค่าได้ก็ต่อเมื่อมีใจ ความมีใจนั่นเองจึงมีทุกอย่างทั้งหมด ความไม่มีใจคือความไม่มีทุกอย่าง เหมือนหนุ่มและสาวมีใจให้กันก็มีซึ่งกันและกัน ถ้าหนุ่มและสาวไม่มีใจให้กันก็ไม่มีซึ่งกันและกัน คำว่ามีใจ ใจถึงมีกัน สมบัติพัสถานทั้งหลาย ข้าวของ เงินทอง อาคารบ้านเรือน ลูก ผัว เมีย สิ่งทั้งหมด เพราะใจของเรามี ถ้าใจของเราไม่มีสิ่งเหล่านี้เสียแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เป็นอะไรกับเรา เราก็ไม่เป็นอะไรกับเขา..."

    - พระธรรมเทศน โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มีนาคม 2013
  2. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    "... เราเดินทุกก้าวทุกก้าวก็คือเดินไปหาความตาย เรานอนทุกชั่วโมงทุกเวลานาที เรานอนเพื่อไปหาความตาย เรานั่งที่ใดก็นั่งเพื่อเคลือบคลานไปหาความตาย ... พูดคุยก็พูดคุยไปสู่ความตาย รับประทานอาหารก็ทานไปเพื่อความตาย ทุกคำก็สั้นลงๆๆ เหมือนกับว่าเชือกที่มีความยาวแล้วก็ถูกตัดไปทุกวินาที เหมือนหั่นผักเหมือนหั่นแตง ซอยแตงเร็วเท่าไหร่แตงก็หมดไปจากลูกเท่านั้น เหมือนหั่นพริกซอยพริก หั่นเร็วเท่าไหร่ไวเท่าไหร่พริกก็หมดเม็ดไวเท่านั้น ชีวิตของคนและสัตว์เป็นอย่างนั้น ... ไม่ใช่ความตายเข้ามาหาเรา เราเข้าไปหาความตายต่างหาก ... ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเป็นผู้อย่าประมาท ชีวิตของเราไม่เที่ยง วันนี้ พรุ่งนี้ นาทีนี้ โมงนี้ ยามนี้ อาจตายก็ได้ อย่าคะนองในอายุ ในวัย ในเพศ ในที่อยู่ ในที่อาศัย ในการสนุกสนานร่าเริงบันเทิง จนเกินประมาณไม่รู้จักว่าท่านหัวเราะไปสู่ความตาย ยิ้มย่องไปสู่ความตาย เราต้องตาย เราต้องตาย เราต้องตาย ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่ ตายจริงๆ ตายจริงๆ ตายจริงๆ ต่อแต่นี้ขอให้ตั้งใจกรวดน้ำรับพร... "

    พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน

    [​IMG]
     
  3. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    "...การประพฤติการปฏิบัตินั้น ก็ต้องเลือกให้ถูกต้องในเรื่องของกรรมฐาน เช้าขึ้นมานี้มีกรรมฐานแบกออกมาจากที่พักที่ปฏิบัติของตนมั้ย จากบ้านเรือนที่พักที่อาศัยของตนมั้ย ไม่ใช่มาแต่ตัวเปล่าล่อนจ้อน เปรียบเเสมือนบุคคลไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เดินในที่สาธารณะ น่าเกลียดขนาดไหน เป็นสิ่งที่ไม่น่าดูน่าชมเอาเสียเลย บัณฑิตทั้งหลายที่เขาทราบวาราะจิต เขาจะรู้ทันทีว่าบุคคลผู้นี้เปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ่อนท่อนสไบมาเลย น่ารังเกียจอุจาดที่สุด น่าอาย คือไม่มีกรรมฐานปกคลุมจิตใจมาเลย กรรมฐานทั้งหลายเหมือนอาภรณ์ของจิต ถ้าจิตไม่มีกรรมฐาน ไม่ต่างอะไรกับคนเดินเปลือยกายล่อนจ้อนไปในที่สาธารณะทั้งหลาย คนไม่มีกรรมฐาน ไม่มีสติควบคุม ไม่ต่างกับนางโสเภณี นอนถ่างขาให้คนอื่นเขาทำอยู่กลางถนน ข้างเรี่ยราดทั่วไปไม่ต่างกับโสเภณี นี้คงเข้าใจด้วยว่า นักกรรมฐานขาดกรรมฐานไม่ได้ ไม่งั้นจะเรียกว่านักกรรมฐานได้ยังไง ตื่นแต่เช้าขึ้นมาหัวยังไม่ทันลุกถึงหมอน มีสติรู้สึกตัว ยกกรรมฐานขึ้นมาเดินมาพร้อมกับกรรมฐาน เข้าห้องน้ำก็พร้อมกับกรรมฐาน ทำอะไรมีกรรมฐานติดตัวตามตัวตลอด จนกว่าจะถึงเวลาที่ถึงเวลาจะหลับนอนอีกครั้งนั่นแหละ ... "

    หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน แสดงธรรมเทศนายามเช้า วันที่ 5/12/54

    รูปถ่าย: หลวงพ่อขณะท่านบิณฑบาต เช้าวันงานทอดผ้าป่า 22 มค. 55

    [​IMG]
     
  4. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    ประมาทได้ชื่อว่า "ตายไปแล้ว"

    มีแต่คนบ่นว่าครูบาอาจารย์องค์นั้นมรณาพแล้ว องค์นู้นก็มรณะแล้ว ไม่ได้พบ ไม่ได้เห็นท่าน ไม่ได้คุยกับท่าน เมื่อก่อนก็รู้สึกสงสารคนพวกนั้น แต่ถ้ามาพิจารณาเอาจริงๆ แล้ว ไม่น่าสงสารเลย เพราะคนพวกนั้นประมาท แม้กระทั่งท่านยังอยู่ก็ไม่เคยไปใส่ใจกับท่าน ไม่เคยถามไถ่ ไม่เคยมาอุปัฏฐากดูแลท่าน หรือเคยติดขัดข้องในเรื่องของการปฏิบัติธรรมก็ไม่เคยได้มาถามไถ่ ก็เลยไม่ได้รับมรดกอันสูงค่าจากท่านไป มันก็เลยเรียกว่าไม่น่าสงสาร ยังมีคนหลายคนอีกมากนะ...

    เมื่อก่อนเราก็ดูในประวัติหนังสือสมัยครูบาอาจารย์ท่านนั้น สมัยครูบาอาจารย์ท่านนี้ ทำให้เราอยากจะเกิดทันท่าน "ถ้าเกิดทันท่านก็ดีหนอ" เราก็คงจะเป็นเหมือนอย่างองค์นั้น เราก็เป็นเหมือนอย่างองค์นู้น มันเป็นความเพ้อฝัน แท้ที่จริงสิ่งปัจจุบันลอยอยู่ตรงหน้า ตั้งอยู่ตรงหน้า แต่เราไม่ขวนขวาย เรียกว่า ประมาท ได้ชื่อว่า "ตายไปแล้ว" พากันพิจารณาดู มาเหละหละ กินๆ นอนๆ เหละๆ หละๆ เอาแต่สนใจนอกเรื่อง จะเรียกว่าเป็นพุทธบุตรก็ไม่ได้ จะเรียกว่าคนดีสาวกของพระพุทธฑเจ้าก็ไม่ได้ เราไม่ใส่ใจ เราไม่ตั้งใจ เหมือนเราเป็นโรคร้าย หมอบอกให้กินยาตรงเวลา ขาดแม้แต่เวลาหนึ่งไม่ได้ กินใหม่ก็ไม่มีผล คนๆ นั้นจะปฏิบัติตนอย่างไร แน่นอน... มนุษย์และสัตว์ต้องกลัวตาย ต้องกินตามที่หมอสั่งตรงเวลาทุกวัน เพราะกลัวว่าจะตาย ...

    แต่คนไม่เห็นประโยชน์ในการภาวนาจิต ในการมีสติ ในการสำรวมระวังในตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถือว่า มันไม่สำคัญ เห็นเรื่องอื่นเป็นเรื่องสำคัญมากกกว่า แต่พอเรานั่งปฏิบัติเวลากลางคืน จิตไม่สงบ "นี่เป็นเพราะอะไร" เพราะว่าเวลาปกติของเรา เราไม่ได้สำรวมไม่ระวัง แล้วเราจะปฏิบัติดีได้อย่างไร เท่ากับเรากำลังปรามาสคำสอนของ พระุทธเจ้าว่าเป็นของง่าย...

    จากหนังสือ ก้าวลงสู่กระแสธรรม ๓ โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
     
  5. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    "จำนวนเงินมากน้อยไม่มีความสำคัญ ความคำคัญอยู่ที่กำลังใจ คนเราเมื่อมีกำลังใจแล้ว เรื่องทรัพย์ไม่ใช่เป็นปัญหา มีบาทสิบบาทก็ทำได้ มากพอทีเดียวสำหรับศรัทธา ศรัทธาเป็นของสำคัญนะ ... คนเราถ้าทำบุญแล้วไม่ศรัทธาอย่าไปทำเลย เพราะทำแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร ... ปลูกศรัทธา ความตั้งใจเป็นของสำคัญ เพราะเป็นการดูแลต้นทุนของตัวเอง แต่ถ้าขาดความศรัทธาแล้วต้นทุนก็ขาด หมายถึงคือบุญที่เราทำไม่คุ้มกับเงินที่เราจ่าย... ปัจจัยเงินทองทั้งหมดเป็นเพียงกระดาษ เผาก็ไหม้ไฟ แต่บุญนี้เผาให้วอดวายไม่ไหม้ไฟ เป็นของอยู่คู่กับจิต ตายไปแล้วไม่อยู่กับกาย แต่อยู่กับจิต แต่เงินทองทรัพย์สมบัติ ไหม้ไฟ วอดวาย ถูกโจรปล้น ถูกลักได้ ถูกโกงได้ ไม่แน่นอน แต่บุญในจิตในใจนี้ใครเอาไปไม่ได้ ทำลายไม่ได้ พระราชายึดก็ไม่ได้ บุญนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ... ซื้อขายกันก็ไม่ได้ ... ได้แต่โมทนาร่วมกัน ... " - พระธรรมเทศนา หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน ณ บ้านธรรมยอดไกรศรี 8/1/55

    [​IMG]
     
  6. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    "...กายเป็นประตูพระนิพพาน เมื่อพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว อนาคามีก็จะมีแก่ท่านได้เพราะการพิจารณากาย โสดาบันก็ต้องพิจารณากาย สกิทาอนาคาก็ต้องพิจารณากาย เพราะกายเป็นสิ่งที่จิตติดอยู่ หลงอยู่ ติดผูกพันธ์อยู่ กายเรากายเขา เห็นกายเขาหน้าตาดีสวยก็ติด รูปร่างดีก็ติด เป็นทุกข์เพราะกายกัน ก็ก้อนขี้ก้อนเยี่ยวทั้งนั้น..."

    พระธรรมเทศนา ณ บ้านธรรมยอดไกรศรี โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
    [​IMG]
     
  7. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    "...ตั้งใจเลย มาที่นี่จะเอาพุทโธให้ได้ เดินไปก็พุทโธ นั่งอยู่ก็พุทโธ กินข้าวอยู่ก็พุทโธ เข้าห้องน้ำอยู่ก็พุทโธ พุทโธตลอด ไม่ให้ทิ้งพุทโธ ดูสิว่ามันลงไม่ลง ก็ให้มันรู้ไป จิตนี้... มันลงงง! อันนี้คือเราไม่เอาจริง เขาเรียกว่าอะไร? นักรบดีแต่ปาก ตอนอยู่ในค่าย โหย... ถือดาบเขย่าใหญ่เลย พอออกรบจริงๆ น่ะ เสียงเขาโห่มาเท่านั้นแหละ ดาบหลุดจากมือไม่รู้ตัว เนี่ย.. พอเวลาเวทนาเกิดขึ้นก็ผวาเฮือก เผ่นแล้ว ป่าราบ ไม่เอา ไม่รบล่ะ... ถ้าไม่รบจะได้เป็นวีระบุรุษได้อย่างไร จะเป็นนักรบผู้แกล้วกล้าได้อย่างไร จะเป็นทหารเอกของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร มันเป็นไม่ได้ อย่างนั้นน่ะ ทำต้องทำจริงๆ ภาวนาต้องภาวนาจริงๆ ทำเล่นๆ ไม่ได้อะไร ไม่เกิดประโยชน์เลย ... "

    ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา เรื่อง จิตอย่าทิ้งพุทโธ พุทโธให้เต็มหัวใจ โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน

    [​IMG]
     
  8. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    ...จับจิตได้ ภาวนาสบาย...

    "ถ้าคนมีปัญญาในขณะแยกก็ต้องมี "พุทโธ" กับมีลมหายใจอยู่ พอรู้ว่าจิตมันเป็นผู้รู้อยู่เท่านั้น ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้เป็นอะไร ก็จ่อตรงที่จิต ได้จิตแล้วคราวนี้ภาวนาง่าย คราวนี้ไม่ยาก รักษาเอาไว้ รักษาผู้รู้ไว้โดยมีองค์บริกรรม "พุทโธ" อย่าขาด "พุทโธ" ถ้าขาด "พุทโธ" จับผู้รู้ไม่ได้ หาผู้รู้ไม่เจอ คือจุดเริ่มต้นของนักภาวนาที่ว่าจะเจริญขึ้นในอนาคต ถ้าขาดผู้รู้เมื่อไหร่ปัญญาก็เกิดยาก ต้องเอาผู้รู้ไว้

    คราวนี้ถ้ามาเทียบผู้รู้ในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้รู้ ก็คือสัมปชัญญะนั่นเอง ผู้ไปกำหนดรู้ก็คือสตินั่นเอง ผู้ไปกำหนดรู้ก็คือสติ สติไปกำหนดรู้ที่ผู้รู้ สัมปชัญญะ แปลว่า ความรู้ตัว เหมือนเรานั่งกำหนดภาวนา "พุทโธ" เรารู้ลมหายใจเข้าออก รู้องค์บริกรรมภาวนา "พุทโธ" แต่เรานั่งหลับ แสดงว่าเราขาดสัมปชัญญะ คือขาดความรู้ตัว ... เอาความรู้ตัวนั้นเข้ามากำหนดภายในใจ โดยมีองค์บริกรรมภาวนา "พุทโธ" กับลมหายใจเข้าและออก แล้วมีผู้รู้อยู่"

    จากหนักสือ ก้าวลงสู่กระแสธรรม ๓ โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน

    [​IMG]
     
  9. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน ช่วงเช้า ณ บ้านธรรมฯ 11-3-55

    “คำว่าบุญเป็นเครื่องหมายของความสุข เป็นความร่าเริงบันเทิงใจ แก่ผู้ที่ได้ทำบุญ เพราะบุญนี้เป็นของจรรโลงใจแก่บรรดาสัตว์โลกทั้งหลาย และบุญนี้ก็เป็นเสบียงแก่บรรดาสัตว์โลกทั้งหลายที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด บุญคือความร่าเริงบันเทิงใจ เมื่อมนุษย์ทั้งหลายได้กระทำบุญกุศลอยู่ เหล่าชาวเทพและเทวดาเมื่อได้ทัศนาการเห็นก็ได้เกิดความบันเทิงร่าเริงใจ ร้องรำทำเพลงด้วยความแช่มชื่นเบิกบานใจ เพราะเหตุแห่งว่าบุญที่ได้บังเกิด ณ สถานที่ใด สถานที่แห่งนั้นมักเป็นสิริมงคล คำว่าสถานที่นี้มีด้วยกัน 2 อย่าง อย่างแรกคือภายนอกได้แก่อาคารบ้านเรือนสถานที่ที่จัดงานบุญนั้น อย่างที่สองได้แก่จิต จิตนี้ก็เป็นสถานที่ ที่ประกอบบุญศล และเป็นสถานที่สำคัญมากกว่าสถานที่ๆ เรียกว่า บ้านหรืออาณาบริเวณที่จัดงานบุญนั้น วันนี้ก็เช่นเดียวกัน นี่ก็จัดว่าเป็นบุญใหญ่ เป็นอานิสงส์ใหญ่ จัดเป็นมหาอานิสงส์ก็ว่าได้ เพราะมีการร่วมจิตร่วมใจกันประกอบการบุญการกุศล ได้แก่การจัดตระเตรียมอาหารการรับทานมาถวายจังหันแก่พระภิกษุ และการได้ประกอบอาหารจังหันนั้น ก็ต้องอาศัยความพิถีพิถัน ละเอียดละออ ความพยายามที่จะกระทำให้อาหารเหล่านั้นดูน่ารับประทาน รสชาติก็ดูน่าลิ้มลอง ประกอบไปกับการเสียสละเวร่ำเวลา ในการที่จะประกอบปรุงอาหารนั้น และด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในการทำอาหารด้วย รวมไปถึงทรัพย์ที่จะต้องเสียสละไปซื้อสิ่งของมาปรุงเป็นอาหารอีก บางท่านก็ต้องเดินทางมาไกล เพื่อจะมาถวายจังหัน สิ่งเหล่านี้เกิดได้ยากกับคนที่ตระหนี่ถี่เหนียว เกิดได้ยากกับบุคคลที่มีบาปมากกว่ามีบุญ ฉะนั้นคนที่ทำบุญประเภทนี้มักเป็นคนบุญมากกว่าคนบาป ถึงได้มีความขวนขวายในการประกอบการจัดตระเตรียมอาหาร การประดิบประดอยอาหารต่างๆ ให้ดูสวยงามตา สิ่งเหล่านี้ท่านทั้งหลายทำเพื่อพระ แม้เพื่อพระองค์เดียวก็ตาม แต่ก็เพื่อเพื่อท่านทุกคน ... แม้ทุกคนทำเพื่อพระองค์นี้องค์เดียวก็ตาม แต่บุญกุศลนั้นไม่ใช่เพื่อพระองค์เดียว แต่เพื่อเราทุกภพทุกชาติ เพื่อตัวของเราเอง เพื่อความสุขของเราเอง เพื่อความเจริญในภพชาติทั้งหลายที่เราจะต้องเวียนตายเวียนเกิด สิ่งเหล่านี้ไม่มีหมด ไม่มีจบ ไม่มีสิ้น เป็นบุญเป็นกุศลที่เกิดจากน้ำจิตน้ำใจที่ประกอบไปด้วยความเลื่อมใสความศรัทธา และความเลื่อมใสความศรัทธานี้ไม่ได้มาด้วยการบังคับ การขู่เข็น หรือการบีบคั้นแต่ประการใด แต่มาด้วยความเต็มอกเต็มใจ เหมือนฝนที่ตกลงมามิใด้มีใครสั่ง ตกลงมาตามความธรรมชาติ ฝนที่ตกลงสู่ดินง่ายอย่างไร น้ำจิตน้ำใจความเลื่อมใส ก็ตกลงสู่ความปรารถนาที่จะกระทำบุญกุศลง่ายประหนึ่งฉันนั้น ความเป็นที่ผู้ประกอบไปด้วยความตั้งอกตั้งใจ ความทำความรู้สึกในบุญกุศลของตนเองนี้ จัดว่าเป็นการตามระลึกถึงความดีที่เราได้กระทำแล้ว แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม เมื่อเราได้ระลึกถึงบุญเหล่านั้นเป็นประจำ ย่อมเกิดความแช่มชื่นเบิกบานใจ บุญได้มีการขยายผล ขยายอานิสงส์ต่อเนื่องไปๆ เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง เมื่อเรานึกถึงคราวใด นี่เรียกว่าบุญครั้งเดียวที่เราได้กระทำ กุศลอันนี้ และอีกเช่นเดียวกัน ข้าวน้ำทั้งหลายที่บรรดาญาติโยมนำมาถวายแก่พระผู้รับจังหันนี้ เมื่ออาหารนี้ได้ลำเลียงออกไป ท่านทั้งหลายได้รับทานอาหารแล้วก็ตาม อย่าพึงตำหนิอาหารเหล่านั้นว่า เค็มจัด ว่าจืดจัด ว่าเปรี้ยวจัด ว่าไม่อร่อย ว่าไม่ดีอย่างนี้อย่างนั้นเป็นต้น เพราะการตำหนิอาหารที่คนนำมาถวายแก่พระแล้วนั้น อาหารเหล่านั้นย่อมเป็นทิพย์เป็นกุศลของบุคคลที่ถวาย และเป็นสิ่งที่เรียกว่าเกิดแต่ศรัทธา เมื่อเราไปตำหนิอาหารของเขา ได้ชื่อว่าทำลายศรัทธาของเขา บุคคลที่ตำหนิอาหารที่เขานำมาถวายทานแล้ว บุคคลนั้นเมื่อเกิดชาติใดก็ย่อมมีกรรมตรงกันข้ามกับกุศลนั่นเอง ก็คือต้องเกิดเป็นขอทาน ห้าร้อย ห้าพัน ห้าแสนชาติ และต้องขอเศษอาหารที่เหลือเขากิน กินอาหารบูด กินอาหารที่ตกพื้นนั่นเอง ถ้าเราเห็นใครที่มีชะตากรรมในโลกปัจจุบันนี้ มีลักษณะอย่างนั้นจงเข้าใจเถิดว่าคนเหล่านั้นเป็นได้ 3 ประการ หนึ่ง เป็นคนอยู่วัด สอง เป็นพระผู้ตำหนิรสชาติอาหารของคนอื่นเขา สาม เป็นคนร่วมบุญและมารับทานอาหารแล้วตำหนิอาหารสิ่งเหล่านั้น เป็นได้สามประการ ... ฉะนั้น ท่านทั้งหลายอย่าพึงตำหนิอาหารที่เขานำมาร่วมบุญร่วมกุศลไม่ว่าจะเป็นงานใดก็ตาม งานบุญ งานศพ งานถวายทาน งานทำบุญบ้าน งานกินเลี้ยง หรืองานอะไรก็ตามที่ประกอบไปด้วยบุญกุศลนั้น ไม่ควรตำหนิ และ วันนี้ก็เป็นวันที่เป็นบุญเพราะว่าไม่มีอาหารเป็นโทษเช่น คือการฆ่าสัตว์มาปรุงอาหาร และก็ไม่มีอาหารที่ได้จากทรัพย์ที่มาด้วยการผิด คือการลักขโมยเขามา และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ทุกคนเป็นบุคคลที่มีกำลังใจปราราถนาจะได้ทำทานนั่นเอง ฉะนั้นขอให้ท่านจงตั้งกุศลของท่าน อย่าได้เสื่อมอย่าได้หายไปจากจิตจากใจ คือคอยตามระลึกถึงบุญประเภทนี้อยู่ตลอด บุญประเภทนี้เป็นกรรมฐาน พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า จาคานุสติกรรมฐาน คือกรรมฐานแห่งการให้ทานนั่นเอง และเมื่อเราระลึกถึงอยู่บ่อยๆ ใจจะสงบเป็นสมาธิ เกิดความอิ่มอกอิ่มใจในที่สุดนี้ ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ตามคอยระลึกถึงบุญนั้นเทอญ ต่อแต่นี้ขอให้ท่านทั้งหลายพึงตั้งใจกรวดน้ำรับพรโดยพร้อมเพรียงกัน”

    [​IMG]
     
  10. nut5467

    nut5467 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +164
    อนุโมทนาบุญ ในคำสอนของหลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2012
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,064
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    www.kubajaophet.com

    อนุโมทนาสาธุค่ะ มีเทปที่ท่านเทศน์ ท่านเจาะ"กิเลส"พังเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2012
  12. i คนพิการ

    i คนพิการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +172
    อนุโมทนากับคำสอนของครูบาอาจารย์นะค่ะ
    และขออนุญาตินำคำสอนบางส่วนไปอัดเสียงเป็นคำสอนของครูบาอาจารย์นะค่ะ สาธุๆค่ะ
     
  13. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    [​IMG]
     
  14. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    [​IMG]

    "โอวาทสอนลูก"
    (ตอนหนึ่งของเทศน์ช่วงท้าย วันเสาร์ที่ 1 ก.ย.55)
    หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชรวชิรมโนแสดงเทศนาธรรม

    ฝากไว้นะทุกคนนะ อย่าปล่อยให้ตัวเองเละเทะเปะปะอยู่ เราก็เหนื่อยสอน...

    เพราะสอนมาหลายปีแล้ว สอนมามากแล้ว สอนแล้วลูกศิษย์กูก็เละเทะอยู่ทุกวันนี้ มันไม่ตั้งใจ ทั้งๆที่มันไปพ้นทุกข์ได้แต่มันไม่เอาดี คนมาปฏิบัติอย่างนี้ต้องเคยฝึกธุดงค์มาก่อน มีภูมินิสัยแห่งมรรคผลนิพพานมาก่อน อัธยาศัยใจคอไปทางพอใจในการพ้นทุกข์มาก่อน แต่ตัวเองไม่เข้มแข้ง อ่อนไปตามกิเลสทั้งนั้นเอง ถ้าคิดว่าตัวเองเห็นกิเลสมันดีกว่าธรรม เราก็จะปล่อย เอาละมึงก็คบกิเลสไปก็แล้วกันมึงคิดว่ามึงสวยสง่ามันยิ่งกว่านางงามจักรวาลใช่มั๊ยกิเลสเนี่ย หลงไหลใฝ่ฝันนะ จะตัดก็ไม่ขาด จะละก็ไม่ได้ โอ้ย..มันสวยงามขนาดนี้ มันให้ทุกอย่างทั้งหมดปรนเปรอทุกอย่างทั้งหมด ความสุขทุกอย่างในโลกนี้ ถ้าไม่มีกิเลสมันอยู่ไม่ได้ จะละจะวางมันทำใจไม่ได้ขอเวลาหน่อย เวลามันทำทุกข์ให้ก็ถือว่ามั้นจั๊กกี้เรา เป็นความสุข เหมือนสามีภรรยาล้อเล่นกัน จั๊กจี้ๆกัน มึงไม่เจอวันมามาก ถ้าวันมามากมึงรู้เลยว่าวันนั้นมึงจี้ไม่ได้เลย ให้มาทางธรรมไม่ค่อยจะเอากัน ไม่มีเวลา ไม่ว่าง ก็นั่งไม่สงบ มันเหนื่อยกลับมาจากงาน เพลีย ไม่มีเวลาทั้งนั้นแหละ โห..นี่ถ้าเอางานกลับมาทำที่บ้านนะ เนี่ย..

    งานค้างโลกมึงทำกันได้ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน อี่แค่นั่งกัมมัฏฐานแค่สองชั่วโมงต่อวันมึงทำไม่ได้ ของสมบัติติดจิตไปมึงไม่พยายามสร้าง ไม่พยายามขนขวาย มึงสร้างแต่สมบัติค้างโลกค้างจักรวาล เอาไปไม่ได้สักสิ่งสักอัน บ้าอยู่กับหอบฟาง กินก็กินไม่ได้ฟาง ทำอะไรก็ทำไม่ได้ฟาง มากเข้าก็คันตัวอีกต่างหาก บ้าหอบกันอยู่นั่น บุญกุศล นิพพานไม่บ้าหอบกันมั่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมาหอบแต่บุญกุศลอย่างเดียว ฟางไม่ต้องหอบ มันก็ต้องหอบตามสังขารโลก ตามสมมุติของโลก แต่ให้มันพอดีหน่อย เอาทางธรรมบ้าง มันจะได้เวลาเป็นทุกข์ ครูบาอาจารย์ตายแล้วมึงก็มีที่พึ่งของตัวเอง ครูบาอาจารย์มรณภาพไปแล้วมึงก็ได้ที่พึ่ง เพราะครูบาอาจารย์สอนที่พึ่งเอาไว้แล้ว เวลามึงทุกข์ขนาดไหนมึงไม่ต้องกลัว วิชาการต่างๆครูบาอาจารย์ประสิทธิไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สมบูรณ์แบบทุกอย่างทั้งหมด ไม่ขาดตกบกพร่อง เรานี่ให้ไม่เคยขาดตกบกพร่องแม้แต่แผ่เมตตา ข้าพเจ้านั่งมีความสุข ขอบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุขอย่างข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้ามีเสนาสนะอันละเอียดปราณีต ด้วยเค้าจัดถวายให้ ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีที่อยู่อันปราณีตละเอียดอย่างเช่นข้าพเจ้าได้รับนี้เถิด ข้าพเจ้าได้รับอาหารอันปราณีตและถูกอัธยาศัยใจคอ ก็ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงได้รับอาหารอันประณีตถูกอัธยาศัยใจคอและเป็นที่รื่นรมย์ในอาหารนั้นเถิด ข้าพเจ้านอนมีความสดชื่น สบายใจมีความสุขใจในการนอนเพราะทุกขเวทนาไม่เกิดกับข้าพเจ้า ขอสัตว์ทั้งหลายจงเป็นผู้มีความสุขในการนอนเถิด เจริญธรรมมีความอิ่ม ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความอิ่มใจเฉกเช่นข้าพเจ้ามีนี้ด้วยเถิด เราแผ่ให้เกือบทุกวรรคทุกตอน ให้หมด ให้หมด สอนกัมมัฏฐานก็สอนให้เต็มหัวใจทั้งหมด ให้กันถึงขนาดนี้แล้วนะจะบอกให้ เมตตาขนาดนี้ จนไม่รู้จะเอาส่วนไหนที่ว่าตรงนี้ไม่มีเมตตาเลย ทั้งร่างนี้ ตลอดทั้งร่าง แม้กระทั่งขี้เหยี่ยวก็ยังเป็นเมตตา ไม่เคยคิดว่าจะขาดความเมตตาต่อศิษย์ ไม่เคยคิดว่าขาดความเมตตาต่อสัตว์โลกเลยนะ เสมอไม่เคยขาด มีความสุขก็จะระลึกถึงหมู่สัตว์ทั้งหลายให้หมู่สัตว์มีความสุขด้วย ความรู้อะไรที่เรามีอยู่เผยให้หมดไม่เคยปิดบังอำพราง แม้กระทั่งสรรพวิชาต่างๆที่ร่ำเรียนมาก็ถ่ายทอดใส่ลงไปในของที่ไว้ติดตัวได้ เอาไปติดเนื้อติดตัวได้จะได้ไปกันเหตุกันเภทกันภัยได้ เตือนสติตัวเองได้อีกต่างหาก ให้จนหมดเนื้อหมดตัวแล้ว พวกเธอให้ฉันบ้างไม่ได้เหลอ ฮึ ให้เวลาสักสองชั่วโมงในวันๆหนึ่ง ให้ฉันบ้างไม่ได้เลยหรือ นี่ฉันให้เธอมาตลอดไม่เคยพัก แม้หลับสดุ้งตื่นมาก็ยังให้ บางทียังเข้ามาในความฝันฉันอีก พวกเธอหนะ หลวงพ่อขอนั่นหน่อย แหม ความฝันกูก็ยังหนีมึงไม่พ้น แม้ขนาดความฝัน..
    “พ่อทำให้ลูกมาทุกอย่าง ลูกทำให้พ่อสักเรื่องหนึงไม่ได้เชียวหรือ” นั่งให้พ่อบ้างสิ วันละชั่วโมงก็ยังดี ขอให้นั่งทุกวันเถอะ ตอบแทนคุณ

    ช่วยถึงขนาดนี้ เข้าใจไหม แล้วนั่งมันก็เป็นของตัวเจ้าเองนั่นแหละ ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2012
  15. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    [​IMG]
     
  16. paron_pun

    paron_pun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +532
    [​IMG]

    “... ถ้ามีการสังเกตแล้วเราจะทราบทันทีเลยว่า นี้กิเลสเกิด นี้กิเลสดับ นี้ธรรมเกิด นี้ธรรมดับ นี้สิ่งนี้มี นี้สิ่งนี้ไป เมื่อสังเกตอยู่เรื่อยๆ ที่เขาเรียกว่าเห็นการ "เกิดดับ" นั่นเอง แต่การเห็นการเกิดดับก็เป็นของเหมือนกับว่า เป็นคำพูดเฉพาะเฉยๆ คือ ดูแต่เกิดดูแต่ดับๆ แต่การสังเกตนี้ไม่ใช่ดูการเกิดการเกิดการดับเท่านั้น คือดูเหตุอีกต่างหากว่ามันดับเพราะอะไร? มันเกิดเพราะอะไร? ดูการแค่เกิดแค่ดับเท่านั้นยังไม่ถือว่าเป็นมรรคนะ เหมือนกับว่าทหารมันยืนดูคนเข้าคนออกประตูเมือง ก็ยืนดูอย่างนั้นมันไม่ได้สาวหาว่าคนนี้มาจากไหนและเข้าไปจะเข้าไปทำอะไร อย่างนี้เรียกว่า "ดูการเกิดดับนี่ยังถือว่าหยาบ ยังไม่ถือว่าละเอียด" การปฏิบัติแบบมรรคที่มีความละเอียดลออนั้นก็คือการสังเกต คนนี้มาทำอะไรหนอ? เข้าไปแล้วเอาอะไรออกมาไหมหนอ? นี่เรียกว่าสังเกต อาการสังเกตนี้แหละให้หัดสังเกตจิตใจของตนเป็นสำคัญที่สุดนะ ไม่ต้องสังเกตุอย่างอื่น ...” – ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา เรื่อง ฝึกสังเกตจิตใจตน โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
     
  17. ชมพนา

    ชมพนา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +5
    ไปกราบหลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน ได้ที่ไหนค่ะ
     
  18. หนามเตย007

    หนามเตย007 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +95
    ข่าว: งานเทศนาธรรม และการสอนปฏิบัติกัมมัฏฐาน
    ๏ ทุกวันอาทิตย์ท่ี ๑ ของเดือน เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. ณ บ้านธรรมยอดไกรศรี ๑๒๘/๖๘ หมู่บ้านคาซ่าวิลล์ พระราม ๒-๒ ถนนพระรามท่ี ๒ ซอย ๕๐ (ซอยวัดกําแพง) เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
    ๏ ทุกวันเสาร์ที่ ๒ ของเดือน เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. ณ ชมรมรักษ์พระบรมธาตุแห่งประเทศไทย อาคารศูนย์พลอยเอเชีย ๒๔๒ - ๒๕๐ ถนนมเหสักข์ ซอย ๒ สีลม กรุงเทพฯ
    ๏ ทุกวันอาทิตย์ท่ี ๒ ของเดือน เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๓๐ น. ณ บ้านคุณหมอศรุตา ฟักนวม จังหวัดนครปฐม
    ๏ทุกวันศุกร์ถึงอาทิตย์ที่ ๓ ของเดือนมีการเก็บกัมมัฏฐาน ภาคปฏิบัติ ณ สํานักปฏิบัติ อัญญาวิโมกข์โ์พธิรังษี (วัดป่ากล้วยไม้ดิน) บ้านหนองฟักทอง ตําบลปากช่อง อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
    ๏ แสดงธรรมงานบวชเนกขัมมะประจําปี ณ ศูนย์พุทธศรัทธา บ้านหมอ จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา, วันวิสาขบชูา และวันพ่อ-วันแม่แห่งชาติ (ถ้าธาตุขันธ์องค์หลวงพ่อไม่อาพาธ ก็จะไปมิได้ขาด)
    สอบถามรายละเอียดเพ่ิมเติมได้ท่ี คุณสายพิณ โทร. ๐๘-๙๙๐๐-๗๓๙๙ หรือ www.kubajaophet.com
    หมายเหตุ : ตารางเวลาอาจมีการเปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสม

    สถานปฏิบัติอัญญาวิโมกข์โพธิรังษี
     
  19. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ภาพนี้เก่าแต่งดงามมาก ดูแล้วได้ความรู้สึกที่ดี อนุโมทนาสาธุทั้งภาพและคำกล่าว
     
  20. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ธรรมนี้ งามในท่ามกลาง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...