ในที่สุดเรื่องจริงก็แดงออกมา บั๊งไฟพญานาค

ผมชวนคุณสมภพที่ facebook ของเค้า แต่อ.เจษฎายังไม่ได้ติดต่อ คิดว่าเค้ารู้จักกันคงคุยกันได้ แต่ดูแล้วกลับกลายเป็นไม่รับฟังเหตุผล(เพราะเค้ามองว่าคนเชื่อเรื่องพญานาคเป็นพวกงมงายไร้เหตุผล) และยืนยันจะไปพิสูจน์ตรงที่ชาวบ้านบอกว่ามีบั้งไฟขึ้นเยอะๆตามความคิดของเค้า ก็ไม่เป็นไร ใครสะดวกที่ไหนก็ไป ช่วยกันคนละเล็กคนละน้อยคงจะทำให้ความจริงกระจ่างขึ้นมาได้

ใครรู้จักหมอมนัสก็เชิญมาด้วยละกัน ผมยังติดต่อไม่ได้ ส่วนเรื่องที่บอกเป็นก๊าสติดไฟอะไรนั่นผมก็ยังไม่เห็นมีใครสามารถทดลองให้มันเป็นลูกไฟลอยขึ้นฟ้าได้ มีแต่ติดเป็นเปลวแล้วหายไป ถ้ามีโอกาสก็จะไปหาข้อมูลว่าบั้งไฟเป็นลูกไฟ หรือมีแค่แสงสว่างไม่มีความร้อน จะได้ใช้กล้องจับความร้อนมาเป็นตัวแยกว่าบั้งไฟไม่ได้เกิดจากก๊าซที่ลุกเป็นไฟ และจะได้ตัดประเด็นที่คิดว่ามีคนดำน้ำไปยิงมาจากใต้น้ำด้วย ปัญหาคือจะไปหากล้องจับความร้อนมาจากไหน คงหายากอยู่ - -" ใครพอหามาได้จักเป็นพระคุณยิ่ง

 

ขอนุญาตนอกเรื่อง แต่จะเล่าให้ฟังเป็นอุทธาหรณ์

มีนักศึกษามข.ที่ศรัทธาหลวงปู่รื่น เค้าเก็บน้ำเลือดน้ำเหลืองหลวงปู่ไว้ตอนที่ท่านไปพักรักษาตัวที่รพ.ศรีนครินทร์ พอท่านมรณภาพได้ 2 วัน น้ำเลือดน้ำเหลืองที่เก็บไว้ก็กลายเป็นพระธาตุ นักศึกษาคนนั้นก็ได้นำไปให้ที่วัด ได้ถ่ายภาพลงหนังสือประวัติท่านแจกในงานศพ และนักศึกษาก็โพสต์ลงเวบบอร์ดให้ผู้อื่นได้เห็นพระธาตุ ปรากฎว่าโดนอาจารย์ที่สอนเรื่องศาสนาพุทธจากคณะหนึ่งเรียกตัวไปพบ แล้วตักเตือนว่าเป็นถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยแต่ทำไมยังเชื่อเรื่องงมงายอยู่ได้...

เฮ้อ แล้วที่อ.เค้าสอนเรื่องศาสนาเนี่ยเค้าสอนอะไรบ้างหนอ เป็นอ.มหาวิทยาลัย สอนเรื่องศาสนาแท้ๆ ก็ใช่จะมีสัมมาทิฎฐินะ

ศาสนาพุทธเค้าพิสูจน์กันมามากว่า 2500 ปีแล้ว แต่จะต้องพิสูจน์ด้วยหลอดทอลองเท่านั้นเหรอถึงจะเชื่อ จะรอให้ถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปนรกสวรรค์ได้ก่อนหรือยังไงถึงจะเชื่อเรื่องบุญเรื่องบาป ผมเห็นคนที่ด่าว่าศาสนาพุทธงมงายก็มีแต่พวกที่ไม่ปฏิบัติภาวนาแล้วจะไปรู้จริงเห็นจริงตามพระพุทธเจ้าได้ยังไง พอตัวเองไม่รู้ไม่เห็นก็ไปบอกว่าไม่จริง ไม่มี นี่แหละนะอำนาจของอวิชชา ผมไม่เถียงว่าประเทศเรามีเรื่องงมงายอยู่มากแต่ก้ควรแยกแยะได้ไม่ใช่เหมารวมไปหมดเพียงเพราะความไม่รู้ของตัวเอง

 

เพราะจะเป็นการพอสูจความจริงได้ซิครับ แต่ละปี มีเงินหมุนเวียน
งานบังไฟพญานาค เป็น 1000 ล้านบาท ถ้าเรื่องจริงออกมาว่า
เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น มีหลายคนที่ขาดผลประโยชน์ อย่าง ITV
ถ้าจำไม่ผิดเพราะเรื่องนี้มั่ง ทำให้ช่วงนั้นมีปัญหาเลยด้วยซํ่า
ถ้าติดตามทาง1000ทิพ จะรู้เรื่องนี้ดี ผิดพลาดประการใดก็ขอโทษนะที่นี้ด้วย

 

จะไม่อ่านอะไรซะหน่อยหรือครับเรปบน อุตส่าห์พิมพ์ - -" นี่ล่ะคนไทย อ่านน้อยแล้วก็รีบปักใจเชื่อ แค่ดูว่าเค้าใช้หลักการเป็นวิทยาศาสตร์ดีก็เชื่อ ไม่เห็นข้อบกพร่องของการสรุปผลเลย

ถ้าไปที่อาฮงไม่ต้องลงเรือก็ได้ มีเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ด้วย แต่ไม่รู้ถือเป็นของลาวรึเปล่า

ปล. เอาเถอะผมเข้าใจ ตราบใดที่มีแต่พยานบุคคลก็คงไม่มีใครเชื่อ ยังไงก็รบกวนท่านที่สะดวก และมีโอกาสไป ช่วยๆกันเก็บหลักฐานมาละกัน ผมกลัวว่าต่อไปพยานบุคคลก็จะไม่เหลือ ทีนี้ล่ะจะกลายเป็นแค่ตำนานจริงๆ
ปล.2 ไม่มีใครกลัวการพิสูจน์หรอก ช่วยๆกันพิสูจน์แหละยิ่งดี เท่าที่เห็นดราม่าที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการท้วงติงว่าวิธีการทดลองสรุปผลมันผิดหลักการ ยังมีข้อบกพร่อง และการไม่รับฟังคำบอกเล่า เลือกจะเชื่อข้อมูลตาม bias ของตัวเอง ไม่ใช่ท้วงติงเพราะไม่อยากให้พิสูจน์ซะหน่อย
ปล.3 ผมอยากให้พวกคุณสมภพไปพิสูจน์ด้วยตัวเองจะตายจะได้ไม่มาหาว่าคนอื่นตัดต่อภาพ แต่ทิฏฐิสูงเหลือเกิน ถ้าพลาดปีนี้ผมว่าน่าเสียดายเพราะโอกาสพิเศษหลายอย่างดังที่กล่าวไปแล้วซึ่งคิดว่าบั้งไฟก็น่าจะพิเศษด้วย แต่สุดท้ายมันก็คงจะขึ้นกับบุญวาสนาของแต่ละคนด้วยจริงๆ

 

มีคนถามว่าจะไปวัดอาฮงยังไง
- ขับไปตามเส้นมิตรภาพจนถึงตัวเมืองหนองคาย(ที่เป็นรูปพญานาคหลายเศียร 2 ตัวพันรอบประตู) จะมี 4 แยกใหญ่ ให้ไปทางขวาเพื่อไปจังหวัดบึงกาฬ ขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 กม.ก่อนถึงอ.บึงกาฬ(จะถึงบ้านอาฮง) สักพักจะเห็นถนน 4 เลนส์จะเจอวัดอยู่ทางซ้ายมือ(ก่อนจะถึงทางโค้ง) มีก้อนหินใหญ่หลายก้อนตรงทางเข้าวัด น่าจะหาไม่ยากนะ จากหนองคายก็ตรงมาอย่างเดียว

ปล. ถ้าใครมีเวลาแนะนำไปกราบหลวงปู่ทุยวัดป่าดานวิเวก หลวงปู่ทองพูลวัดภูกระแต หรือหลวงพ่อลายวัดสุดเขตแดนสยามด้วยนะครับ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวบึงกาฬนี่ไม่รู้ครับเคยไปแต่วัด

 

เราเชื่อว่าพญานาคมีจริง
พระอาจารย์ของเรา ท่านก็เล่าเรื่องพญานาคให้ฟังบ่อย
และถามลูกศิษย์ว่าจะดูไหม
ท่านจะให้พญานาคมาทำ(บั้งไฟพญานาค)ให้ดู ที่.....
และเราก็มีประสบการณ์หลายๆอย่างที่...ถ้าเป็นการบังเอิญละก็
อะไรจะบังเอิญได้บ่อยขนาดนั้น

ไม่ได้ว่าคลิปนั้นจริงหรือไม่จริง น่าเชื่อถือหรือไม่...เพียงใด
ไม่ได้ว่าบั้งไฟพญานาคจริงหรือไม่จริง
เพราะเราไม่ทราบ

 

สำหรับผมเชื่อว่าที่เค้าไปถ่ายมามีแต่กระสุนส่องแสงจริง ซึ่งก็สอดคล้องกับที่มีคนบอกว่า 2 ปีที่ผ่านมาบั้งไฟมีน้อย ยิ่งปีก่อนทำไม่ให้คนเห็น

แต่ไม่เจอของจริงก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีของจริง เพราะจากคำบอกเล่าของคนที่เชื่อถือได้ก็มีอยู่มากมาย

ช่วงปลายปีก่อนผมก็เลยตั้งใจว่าจะต้องถ่ายของจริงมาให้ได้ ก็ได้แค่บอกว่าให้ทุกๆคนช่วยกันถ่าย อยู่ที่ไหนก็ตามช่วยๆกัน คงจะติดของจริงมาบ้าง (ก็ไม่รู้ของจริงจะขึ้นที่ไหนเวลาไหน มันก็ต้องสุ่มๆเอา) แต่ตอนนี้มั่นใจว่าไปที่อาฮงจะเจอของจริงแน่ๆ (ที่อื่นก็คงมีแต่ผมชัวร์ที่นี่) แถมยังอัญเชิญพระเจ้าศรีสุทโธและพญานาคทั้งหลายเป็นประธานกฐินอีก มีพระที่บารมีมากไปจำพรรษาอีก และยังทอดกฐินหลังดูบั้งไฟอีก ผมเลยมั่นใจว่าบั้งไฟต้องไม่ธรรมดา ผมเองก็ทำบุญอธิษฐานให้สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ให้สำเร็จ จึงขอร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินด้วย หลังจากนั้นก็ได้มีเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาคให้ได้รับรู้รับทราบ รวมถึงรู้จักผู้ที่เกี่ยวข้องกับพญานาค

ติดที่ว่าผมยังภาวนาไม่ก้าวหน้ายังไม่เคยเห็นหรือแม้แต่ฝันถึงพญานาค แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้รับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีจริง งงหน่อยนะ แต่อธิบายยากจริงๆ

 

รบกวนคุณติงติงช่วยแชร์ข้อมูลเรื่องพญานาคด้วยครับ ผมว่าจะหาคนภาวนาที่รู้เรื่องนี้ยากจริงๆ ถึงจะได้เจอครูบาอจารย์ผมก็ไม่กล้าถามท่านมากแล้วแต่ท่านจะเมตตาเล่า

 

ตอนเป็นเด็กขึ้นที่ จ.หนองบัวลำภู ชาวบ้านแห่กันไปดู จนเรียกบ้านนั้นว่า บ้านบั้งไฟเทพคีรี
ขึ้นหนองน้ำ ลานบ้านยังขึ้น แต่เดียวนี้ไม่เห็นแล้ว สงสัยคนลาวกลับบ้านเลยไม่มีบั้งไฟหรือเปล่า เขาเรียกบั้งไฟลาวครับ หากพญานาคทำเป็นบั้งไฟพญานาค หากฝรั่งทำเรียกบั้งไฟฝรั่ง พูดเล่นครับ

 

มันไปถ่ายกระสุนส่องแสงก็ต้องติดกระสุนส่องแสงดิ
คนเชื่อทีวีนี่งมงายสุด ๆ แล้ว

 

มันคงบอกเรื่องนี้ยาก เพราะถ้าจะให้เขารู้ว่าจริงไม่จริง คงต้องให้เดินจงกรม นั้งสมาธิ เป็นวันๆเดือน เป็นปี เขาคงไม่ทำกันแน่น เพราะด้วยความคิดของเขาคือ เชื่อจากหนังสือ เชื่อจากนักวิทยาสาตร์ ซึ้งนักวิทยาสาตร์เองก็ไม่รู้ว่าที่ตนวิจัยออกมานั้นมันผิดหรือถูก เจอกับตาในสิ่งที่เขาไม่เชื่อ แต่ก็ยากที่เขาได้เห็น เพราะความหลวงผิดปิดตัวเขาอยู่

 

ระหว่างบังไฟพญานาค กับ กระสุนส่องแสง มันเหมือนกันมากเลยหรือครับ และในรูปถ่ายมันมีบังไฟให้เห็นไหม เพื่อเอามาเทียบความแตกต่างกัน ไม่ได้ลบหลู่ แต่เอาหลักฐานที่มันชัดเจน ดีกว่า จะให้มาทำสมาธิเพื่อพิสูทธ์คงไม่น่าเชื่อถือหรอก วิทยาศาสตร์มีคำอธิบายที่ชัดเจน สามารถอธิบายหรือพิสูทธ์ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ก็ยังได้ ไม่ว่าอีกกี่สิบปี หรือ อีกร้อยปี การพิสูทธ์ ก็ยังคงเหมือนเดิม

 

ผมบอกแล้วว่ารูปที่เขาถ่ายมามีแต่กระสุนส่องแสง ส่วนในอินเตอร์เน็ตก็ยังไม่เห็นมีใครเอาของจริงมาโพสต์ พยายามหาก็ยังไม่เจอของจริง(ถ้าใครมีก็โพสต์หน่อย) ไม่งั้นจะต้องมาเหนื่อยพิสูจน์กันทำไม ผมถึงได้บอกว่าตอนนี้พวกที่เจอของจริงมีแต่พยานบุคคลยังไม่มีพยานด้านวัตถุ ก็หวังว่าปีนี้ที่อาฮงน่าจะทำให้ทุกคนถ่ายมาได้ หรือใครชัวร์ว่าที่ไหนมีแน่ ใครติดต่อกับพญานาคได้ก็ช่วยๆกันเก็บภาพมา ยิ่งขึ้นตามบ่อตามบึงยิ่งดีจะได้ตัดปัญหาคนลาวยิงด้วย

ลักษณะลูกไฟที่ผมเคยเห็นมันคล้ายกับกระสุนส่องแสงนั่นแหละ แต่จะขึ้นแนวดิ่ง ความเร็วคงที่ และไม่ได้พุ่งมาจากจุดเดียวแบบในคลิปหรือภาพที่เขาถ่ายมา คาดเดาไม่ได้ว่าจะขึ้นจากจุดไหน นานๆเห็นทีไม่ได้ขึ้นติดกันเป็นชุดๆ

อย่างในคลิป itv ชาวบ้านก็บอกแต่ก่อนบั้งไฟมันขึ้นไม่สูง ประมาณยอดต้นตาล แต่เดี๋ยวนี้(กระสุน)ขึ้นไปหลายร้อยเมตร

เรื่องพิสูจน์ซ้ำๆได้เสมอถ้ามันเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายก็ดีอยู่หรอก แต่บางอย่างมันทำได้ยาก พบยาก เจอยาก โอกาสต้องเหมาะสม จะให้มาบอกว่าถ่ายปีนี้ตรงนี้แล้วถ่ายปีหน้าตรงนี้ต้องเห็นเหมือนกันมันทำไม่ได้หรอก มันไม่ได้ง่ายเหมือนกับการทดลองในหลอดทดลอง

เรื่องศาสนาพุทธเองก็มีวิธีพิสูจน์คือพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติภาวนา ซึ่งเขาก็พิสูจน์กันมาได้กว่า 2500 ปี ทำตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็บรรลุตามท่าน แล้วจะมาบอกว่าเรื่องศาสนางมงายพิสูจน์ไม่ได้อีกเหรอ มันแค่พิสูจน์ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าพิสูจน์ไม่ได้ หรือคุณคิดว่าวิญญาณไม่มีจริงเพียงเพราะยังหากล้องถ่ายวิญญาณไม่ได้งั้นหรือครับ

 

เหมือนอยู่กันคนละโลกเลยครับ

ไม่รู้ว่าคนที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาได้เคยไปดูด้วยตาตัวเองบ้างหรือเปล่า ?

ส่วนตัวผมก็ไม่เคยไปหร๊อก แต่มีน้องที่ทำงานที่เดียวกัน บ้านเค้าอยู่ใกล้ กับแม่น้ำโขงตรงจุดที่คนไปดูบั๊งไปพญานาค เขาเล่าให้ฟังว่า มีลูกไฟลอยขึ้นมาจากกลางน้ำด้วย
ถ้าเป็นอย่างที่ จขกท.ว่าไว้ แสดงว่าต้องมีมนุษย์กบลงไปยิงปืนจากใต้น้ำด้วยหรือเปล่า ?

 

ก็ฟังเค้ามาอีกที แล้วดูวีดีโอหรือยังครับ ภาพบังไฟโผล่ขึ้นกลางน้ำก็มี แต่เป็นกระทง เอาไว้ให้มีความตั้งใจจริง ยอมทุมทุ่นหาหลักฐานมายืนยันดีกว่า ค่อยมาพูดครับ

 

โห.... บังไฟเหมือนกับ กระสุนส่องแสง แล้วแนวการขึ้น ให้ไปดูวีดีโออีกรอบนะครับ มุมมองมันต่างกัน การเห็นก็ต่างกัน อย่ามาอ้างว่าปีนี้ บังไฟของจริงมีน้อย มันไม่ใช่เพราะว่าเราหลงผิดหรือเปล่าที่คนมีปัญญาพิสุทธ์ได้ ทำให้บังไฟของจริงมันหายไป ตามพระไตยปิฏกเขียนไว้ว่า นาค มีอยู่ แต่จริงหรือที่ไฟที่เราเห็นมันคือ บังไฟพญานาค

 

สรุปว่า จขกท.แนะนำให้ ดูวิดีโอแล้วต้องการให้เชื่อตาม อย่างงั้นใช่หรือเปล่า ?

 

เรื่องมุมมอง ถ้าอธิบายตามอ.เจษฎาจะเห็นขึ้นตรงกรณีที่คนมอง คนยิง กระสุนอยู่ในแนวเดียวกัน แต่ที่ผมเคยเห็นไม่ว่าหันซ้าย หันขวา ก็ขึ้นตรงๆ และคนที่เห็นขึ้นเฉียดหน้าไม่ถึงเมตรก็มี พวกที่เห็นขึ้นจากปลักควายก็มี(คงไม่ลึกพอให้คนไปนอนยิงได้หรอก) ผมถึงบอกว่าพวกที่พิสูจน์และพวกที่เชื่อตามเนี่ยเคยได้เห็นของจริงกันบ้างมั้ย ผมเคยเห็นตอนเด็กทีเดียวพอมาดูภาพ/คลิปที่อยู่ในอินเตอร์เน็ตก็บอกได้ว่าไม่จริง

ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วว่าต่อให้พยานบุคคลน่าเชื่อถือแค่ไหนก็ไม่มีใครเชื่อ ขนาดอ้างคำพูดพระอรหันต์ว่าบั้งไฟพญานาคมีจริงก็ยังไม่เชื่อ เดี๋ยวนี้ต้องใช้ภาพใช้คลิปกันอย่างเดียว คนบางคนจึงได้มีมุมมองคับแคบแบบกบในกะลา

ยังไงออกพรรษาปีนี้คงจะตอบคำถามอะไรได้หลายๆอย่าง แต่ยังไงจขกท.ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปเพราะฝ่ายผมยังไม่ได้พิสูจน์เลย ถ้าสรุปว่าบั้งไฟไม่มีจริง มีแต่กระสุนส่องแสง ก็เหมือนฟังความข้างเดียว แล้วถ้าจะรอให้ทีมนั้นถ่ายของจริงมาให้ดูก็ยิ่งยากเพราะ bias แต่แรกว่าไม่มีจริง ก็คงได้แต่ไปตามถ่ายกระสุนมาเหมือนเดิม เพราะเมื่อไม่เชื่อก็ย่อมไม่แสวงหาของจริง

ปล. ผมอยากให้คนที่ไม่เชื่อไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง ถ้าได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ผมว่ามันย่อมดีกว่ามาดูคลิปหรือภาพที่คนอื่นเค้าถ่ายมา บางอย่างมันไม่ใช่แค่ตาเห็นเท่านั้น
ปล.2 บางคนที่ไปดูเขาใช้วิธีอธิษฐานถึงจะได้เห็น บางคนไม่เชื่อแต่ถ้ามีวาสนาก็ได้เห็น แต่ถ้าไม่เชื่อแล้วยังไม่มีวาสนา ขนาดชวนให้ไปยังไม่ไปแบบนี้จะได้เห็นมั้ย ถ่ายมาให้ดูแล้วจะเชื่อรึเปล่าก็ยังไม่รู้

 

ผมจะยกตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง
- เรื่องรอยพญานาค : คนทำก็ได้แค่เอากาบมะพร้าวมาแปะๆเป็นรอย แต่จะมาสรุปว่ารอยพญานาคไม่มีจริงเป็นคนทำขึ้นมาทั้งหมดได้หรือไม่ ในเมื่อยังหาคนทำไม่ได้ หรือควรสรุปเพียงว่ารอยพญานาคอาจเกิดจากคนทำ(รอยจริงก็มี รอยที่เกิดจากคนทำก็มี) จะบอกว่ารอยที่เกิดขึ้นมีทั้งทราบสาเหตุและไม่ทราบสาเหตุก็ได้

แต่ถ้ามีอคติแต่แรกว่าพญานาคไม่มีจริง แถมยังรวบรัดตัดตอน(ตอบไม่รู้สาเหตุก็อายเขา) ก็ย่อมสรุปว่ามีแต่คนทำเท่านั้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่า bias ส่งผลกับการทดลอง แต่คนที่ทดลองจะรู้ตัวรึเปล่าว่ามี bias เกิดขึ้น

วิทยาศาสตร์มันไม่จำเป็นต้องรีบหาคำตอบหรือฟันธงเสมอไป บางอย่างก็บอกได้เพียงแค่มีความเป็นไปได้อะไรบ้าง ความเป็นไปได้ไหนที่มีโอกาสเกิดมากกว่า และฝากอีกเรื่อง นักวิทยาศาสตร์ที่อื่นเค้าพยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง อย่างเทคโนโลยีในหนังฮอลลีวู้ดที่เกิดจากจินตนาการเขาก็ทำออกมาให้เป็นจริงได้ แต่ทำไมคนไทยเราเจอของจริงกลับบอกว่าเป็นไปไม่ได้ นี่ถ้านักวิทยาศาตร์บ้านเราสนใจศึกษาเรื่องฌาณแล้วนำความรู้มาใช้ผมว่าไม่เป็นรองใครแน่ (ยิ่งถ้าไขความลับมาได้ว่าคนลอยได้ยังไง หายตัวได้ยังไงคงเอาไปสร้างเครื่องวาร์ปได้ก่อนคนอื่น)

 

วิทยาสาตร์ไม่ได้ถูกเสมอไป เพราะวิทยาสาตร์ก็ไม่มีเครื่องมือหรืออะไรที่ชี้ได้ว่า ที่บอกในหนังสือ หรือ ที่เขาค้นคว้ามาจริง 100% น่ะครับ