พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

รูปภาพ ที่หลวงปู่ฯ วาดให้ศิษย์ฯ ดู นั้น

เท่าที่ทราบโดยเคล้า ๆ ศิษย์คนนั้น เป็น อาจารย์ ที่เชียงใหม่ มั๊ง..
ชื่อว่า "ปฐม" หรือ "ประถม" อันนี้ ก็ไม่แน่ใจ

ในหนังสือ เล่มนั้น อาจจะมีบอกไว้ น่ะครับ....

..................................................................................

 

คุยเรื่อง หลวงปู่ฯ เสียตั้ง 2 วัน....

เลยลืม เรื่องนี้ ไปเลยครับ....

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ maiyasan
พี่มหาหิน ครับ
ขออนุญาติ ตอบไปเลยนะครับ ว่าใช่แน่นอนครับ เป็นอดีตของหลวงปู่ฯท่าน พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ ต่อมา คือ กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ซึ่งมีศักดิ์ เป็นพี่ชายของพระปิยมหาราช
(หลวงพ่อฤาษีเคยบอกว่า หลวงปู่วงศ์เป็นพี่ชายท่านไงครับ)

ส่วนตัวผมเองนั้น เมื่อเกิดมีปัญหาใดๆ ก็ตามที่คิดไม่ตก ส่วนมากผมจะเข้าไปที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ(วังหน้า) และเดินภาวนาและไปเรื่อยๆๆ หลายครั้งมากครับ ซึ่งก็บอกไม่ได้เหมือนกันครับว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ ซึ่งบางครั้งเกิดปีติน้ำตาไหล บอกไม่ถูกครับ ที่นั่น


</TD></TR></TBODY></TABLE>

..................................................................................

จากโพส ที่ 10219

พี่มหาหิน ครับ
ขออนุญาติ ตอบไปเลยนะครับ ว่าใช่แน่นอนครับ เป็นอดีตของหลวงปู่ฯท่าน พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ ต่อมา คือ กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ซึ่งมีศักดิ์ เป็นพี่ชายของพระปิยมหาราช
(หลวงพ่อฤาษีเคยบอกว่า หลวงปู่วงศ์เป็นพี่ชายท่านไงครับ)

.....................................................................................

เอ.. แล้วยังนี้ วังหน้าวิชัยชาญ ก็ คือ หลวงปู่ฯ....
แล้ว พระปิยะมหาราช อยู่ที่ไหน ครับ นี่....

...................................................................................

เรื่องนี้แหละครับ....

เอ.. แล้วยังนี้ วังหน้าวิชัยชาญ ก็ คือ หลวงปู่ฯ....
แล้ว พระปิยะมหาราช อยู่ที่ไหน ครับ นี่....

ท่าน ไปอยู่ไหนครับ นี่..
เทวดา พรหม หรือพระนิพพาน....

ผมว่า.. เรื่องนี้ ก็น่าที่จะเป็นที่สนใจกันอยู่มาก ทีเดียวเชียว ล่ะครับท่าน....

...................................................................................
<!-- / message --><!-- sig -->

 

คำตอบครับ

 

แต่ไม่ทราบนามสกุลหรือเปล่าครับ

อีกเรื่องก็คือ ไม่ทราบว่าการพิมพ์หนังสือ ผู้ที่เขียนจากคำบอกเล่ามานั้น เขียนมาตรงกับที่ครุบาวงศ์ท่านบอกหรือเปล่า หรือมีการจดกระโดดข้ามมาหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ทราบได้ครับ

.

 

ผมขอถามคุณมหาหินนะครับว่า หนังสือที่พิมพ์ขึ้น รู้ได้อย่างไร พิสูจน์ได้อย่างไรว่า ครุบาวงศ์ท่านบอกเช่นนั้น และมีการจดบันทึกไว้ทุกๆคำพูดนั้นจริง

และจริงๆแล้ว จะพิสูจน์เรื่องต่างๆได้อย่างไร

ผมก็เชื่อในความรู้,ความคิดเห็นของครูบาอาจารย์ผม
คุณมหาหิน ก็เชื่อในความรู้,ความเห็นของครูบาอาจารย์ของคุณมหาหิน

เรื่องนี้ ถ้าจะพิสูจน์กันจริงๆแล้ว ผมว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ก็คือการพิสูจน์ด้วยตนเอง รู้เอง เห็นเอง ชัวร์ที่สุด อย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ กาลามสูตร 10 อย่างครับ

และที่สำคัญไปกว่านั้นอีก ก็คือ รู้แล้วได้อะไร ได้ตัดกิเลสลงมากแล้วหรือ ได้ตัดความโลภ โกรธ หลง ลงได้มากแล้วหรือ

ด้วยความรักในคุณมหาหิน ,พี่ๆ ,เพื่อนๆ และน้องๆ ชาวพลังจิตที่เข้ามาอ่านทุกท่าน

โมทนาสาธุครับ

.

 

<TABLE class=tborder id=post731614 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 10:26 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #536 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ตามดูจิต<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_731614", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:31 PM
วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 45 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 245 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 455 ครั้ง ใน 44 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_731614 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ขออภัยคุณ sithiphong และ เพื่อนๆ ทุกท่าน หากผมใช้คำพูดแรงเกินไป


ตามคุณ sithiphong ได้ post ไว้ดังนี้ :

เรียนคุณมหาหิน ,พี่ๆ ,เพื่อนๆ และน้องๆทุกท่าน
รูปที่วาดนั้น น่าจะเป็นน้องชายของรัชกาลที่ 5 (เป็นองค์ที่รัชกาลที่ 5 ท่านรักและห่วงใยมากที่สุด)
องค์กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ปัจจุบันพระองค์ท่านเป็นครูฝึกของคณะพระโลกอุดร
พระองค์ท่านยังไม่มรณภาพจริง อายุของพระองค์ท่าน ประมาณ 150 ปีแล้วครับ เป็นองค์ที่ผมได้พบ
ได้เห็นด้วยตาเนื้อ และมีพระกับฆารวาส รับรองการที่ผมได้พบ ได้เห็น ได้สนทนาธรรมกับ
หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ
ในเรื่องนี้จะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่นะครับ แต่ขอยืนยันข้อมูลนี้ครับ


ข้อมูลที่จริง

กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเป็นพระเจ้าลูกเธอพระองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
เจ้าคุณจอมมารดาเอมเป็นเจ้าจอมมารดา
ประสูติในรัชกาลที่ ๓ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๑๐ แรม ๒ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๐๐ (พ.ศ. ๒๓๘๑)

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
พระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396

กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ จะเป็น น้องชายรัชกาลที่5 ได้อย่างไร??????
</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post731659 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 10:48 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #537 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_731659", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:56 PM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 15,483 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 18,670 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 86,806 ครั้ง ใน 11,775 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 10258


</TD><TD class=alt1 id=td_post_731659 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตามดูจิต
ขออภัยคุณ sithiphong และ เพื่อนๆ ทุกท่าน หากผมใช้คำพูดแรงเกินไป


ตามคุณ sithiphong ได้ post ไว้ดังนี้ :

เรียนคุณมหาหิน ,พี่ๆ ,เพื่อนๆ และน้องๆทุกท่าน
รูปที่วาดนั้น น่าจะเป็นน้องชายของรัชกาลที่ 5 (เป็นองค์ที่รัชกาลที่ 5 ท่านรักและห่วงใยมากที่สุด)
องค์กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ปัจจุบันพระองค์ท่านเป็นครูฝึกของคณะพระโลกอุดร
พระองค์ท่านยังไม่มรณภาพจริง อายุของพระองค์ท่าน ประมาณ 150 ปีแล้วครับ เป็นองค์ที่ผมได้พบ
ได้เห็นด้วยตาเนื้อ และมีพระกับฆารวาส รับรองการที่ผมได้พบ ได้เห็น ได้สนทนาธรรมกับ
หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ
ในเรื่องนี้จะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่นะครับ แต่ขอยืนยันข้อมูลนี้ครับ


ข้อมูลที่จริง

กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเป็นพระเจ้าลูกเธอพระองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
เจ้าคุณจอมมารดาเอมเป็นเจ้าจอมมารดา
ประสูติในรัชกาลที่ ๓ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๑๐ แรม ๒ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๐๐ (พ.ศ. ๒๓๘๑)

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
พระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396

กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ จะเป็น น้องชายรัชกาลที่5 ได้อย่างไร??????
</TD></TR></TBODY></TABLE>

หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ พระองค์ท่านไม่ได้เป็นน้องชายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแน่นอน

แต่จะเป็นอะไร อย่างไร ผมจะลองค้นหาข้อมูลให้ดูครับ

.
<!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อาหมวยขายน้ำส้มคั้นครับ ...อดีตรักคลองถมน่ะ อยากฟังมั้ย ขอร้องผมสิ...คิคิ ไม่เล่าให้ฟังหรอก ไม่ใช่กาทู้ศาลาคนเศร้าซักหน่อย(ping) (ping)

 

ผมเปลี่ยนใจแล้ว คงไม่ค้นข้อมูลมาลงครับ

ผมจะปล่อยให้เป็นวาสนา เป็นบุญและกรรมของแต่ละท่านดีกว่า

ใครทำอะไร ต้องได้เช่นนั้น เป็นธรรมดา

ถึงแม้จะมาด่าผม ผมก็ไม่ตอบโต้แน่นอน จะให้เป็นกรรมของแต่ละท่าน แต่กรรมนั้น ขอให้ไม่มาผูกพันกับผม กรรมนั้นเป็นกรรมอะไรและมีผลอย่างไร ลองไปสอบถามครูบาอาจารย์เองครับ

สิ่งที่โลกมนุษย์ได้เรียนรู้นั้น จะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องกับสิ่งที่เป็นจริงของเบื้องบนนั้นอีกเรื่อง

โมทนาสาธุครับ

.

 

อาจจะมีหลายท่านที่แย้งว่า

ถ้าข้อมูล,ความคิดเห็น,ประสบการณ์ของผมผิด(นั่นก็หมายความว่า ครูบาอาจารย์ผมต้องผิดตามไปด้วย)
ผมเองยินดีรับผลกรรม(ไม่ดี) ที่ผมได้เผยแพร่ความรู้ที่ผิดพลาด

แต่ถ้าข้อมูล,ความคิดเห็น,ประสบการณ์ของผมถูกต้อง(นั่นก็หมายความว่า ครูบาอาจารย์ผมต้องถูกตามไปด้วย)
ผมเองยินดีรับผลกรรม(ดี) ที่ผมได้เผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้อง

และกรรมต่างๆที่ได้กระทำกันไว้ ต้องรับกันไปเองในทุกๆกรรมทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี
และขอกรรมที่ท่านใดๆที่ต้องรับกรรมนั้น ไม่มีผลผูกพันธ์กับผม ไม่ต้องรู้จักผม และผมต้องไม่รู้จักครับ

มหาโมทนาสาธุทิพย์
มหาโมทนาสาธุทิพย์
มหาโมทนาสาธุทิพย์

.

 

......................................................................................

โอ๊ะ.. โอ๋.. ต้องขอโทษด้วยครับ ที่ผมเอาข้อมูล ที่กระโดดได้มาโพส....

แต่ เอ.. ก็ยังดีใจอยู่ที่ว่า....
ถ้าหากกระโดดได้ นี่.. คงเป็นข้อมูลที่มีชีวิต เป็นของจริง ใช่ไหมครับ.

หุ.. หุ.. ล้อเล่น นะครับ....

แต่ต้องขอโทษ ขออภัย จริง ๆ หากคิดว่า เป็น ข้อมูลกระโดด
(แต่ก็อดสงสัยในตัวเองไม่ได้ว่า.. ทำไมผมจึงกระโดด อยู่ฝ่ายเดียว ก็ไม่รู้)

ไม่เป็นไรหรอกครับ.. ที่โพสมา ก็เพื่อเป็นความรู้ ในอีกด้านหนึ่ง
เพื่อผลในการพิจารณา ตามกาลามาสูตร ของพระพุทธเจ้า
เท่าที่อ้างถึง นั่นแหละครับ

...................................................................................

 

[FONT=&quot]หนุ่ม เรื่องบางเรื่องปล่อยให้กาลเวลาเป็นผู้เผยดีกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

 

http://www.baanjomyut.com/library/thai_important/06.html

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=600 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#e1e1ff>

<BIG><BIG><BIG>บุคคลสำคัญของไทย</BIG></BIG></BIG>​

</TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=600 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD width=200></TD><TD width=400>

เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์
กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี ประสูตเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2402 พระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระองค์ได้ทรงงานสำคัญอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ไว้มากมาย ดังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระองค์ท่านว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 มีพระราชดำรัสสรรเสริญ "ทรงเป็นหลักเมือง ของพระบรมราชวงศ์จักรี" ทรงได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์ และโทรเลขเป็นพระองค์แรกของประเทศไทย ทรงเสด็จทิวงคต เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471.​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>

<SMALL>เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี </SMALL><SMALL>สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต </SMALL><SMALL>หลวงวิจิตรวาทการ
</SMALL><SMALL>สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศร์ </SMALL><SMALL>พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรวรฤทธิ์
</SMALL><SMALL> เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช </SMALL><SMALL> เจ้าพระยายมราช </SMALL><SMALL>พระยาเฉลิมอากาศ
</SMALL><SMALL>เจ้าพระยาบดินทรเดชา </SMALL><SMALL>สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ </SMALL><SMALL>จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี </SMALL>
<SMALL> </SMALL><SMALL>พระยาศรีสุนทรโวหาร </SMALL>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<!--webbot bot="HTMLMarkup" startspan --><IFRAME marginWidth=3 marginHeight=3 src="http://www.baanjomyut.com/banner.html" frameBorder=0 width=750 height=260 scorlling="yes"><!--webbot bot="HTMLMarkup"endspan -->​

<!--webbot bot="HTMLMarkup" startspan --></IFRAME>

 

สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

(เปลี่ยนทางมาจาก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช)
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
<!-- start content --><TABLE class=toccolours><TBODY><TR><TH style="BACKGROUND: orange">สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช</TH></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%; TEXT-ALIGN: center"><CENTER>
</CENTER>

</TD></TR><TR><TD><TABLE style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%; MARGIN: 0px auto; WIDTH: 22em"><TBODY><TR><TH style="BACKGROUND: orange" colSpan=3><CENTER>ข้อมูล</CENTER></TH></TR><TR><TD vAlign=top>วันประสูติ</TD><TD colSpan=2>11 มกราคม พ.ศ. 2402</TD></TR><TR><TD vAlign=top>วันทิวงคต</TD><TD colSpan=2>13 มิถุนายน พ.ศ. 2471</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พระราชบิดา</TD><TD colSpan=2>พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พระราชมารดา</TD><TD colSpan=2>สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี</TD></TR><TR><TD vAlign=top>ชายา</TD><TD colSpan=2>หม่อมเลี่ยม
หม่อมแม้น
หม่อมสุ่น
หม่อมลับ
หม่อมเล็ก ยงใจยุทธ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top>ราชวงศ์</TD><TD colSpan=2>ราชวงศ์จักรี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช หรือพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี ประสูติเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๒ ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดกิจการไปรษณีย์ไทย ทรงเสด็จทิวงคต เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๑ ทรงเป็นต้นราชสกุลภาณุพันธุ์
<TABLE class=toc id=toc summary=เนื้อหา><TBODY><TR><TD>เนื้อหา

[ซ่อน]

• <LI class=toclevel-1>1 หนังสือค๊อตข่าวราชการ <LI class=toclevel-1>2 กิจการไปรษณีย์ <LI class=toclevel-1>3 พระโอรส พระธิดา
  • <LI class=toclevel-2>3.1 หม่อมเลี่ยม <LI class=toclevel-2>3.2 หม่อมแม้น <LI class=toclevel-2>3.3 หม่อมสุ่น <LI class=toclevel-2>3.4 หม่อมลับ
  • 3.5 หม่อมเล็ก ยงใจยุทธ
  <LI class=toclevel-1>4 แหล่งข้อมูลอื่น
• 5 อ้างอิง

</TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[ if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>
[แก้] หนังสือค๊อตข่าวราชการ

สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงประทับอยู่ ณ ตำหนักหอนิเพทพิทยาคม ริมประตูศรีสุนทร ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทรงศึกษาภาษาอังกฤษร่วมกับเจ้านายที่เป็นพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์อื่นๆ เมื่อยังทรงพระเยาว์ ต่อมาแม้การสอนภาษาอังกฤษที่นั่นจะยกเลิกไป แต่เจ้านายก็ยังเสด็จไปชุมนุมกันที่ตำหนักหอนิเพทพิทยาคม
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้ทรงชักชวนพระเจ้าน้องยาเธอบางพระองค์ ช่วยกันจดข่าวในพระราชสำนักแต่ละวันมาพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือพิมพ์ข่าวรายวัน เจ้านายที่ทรงร่วมจดข่าวในครั้งเริ่มแรกมี ๖ พระองค์ คือ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ หนังสือข่าวเล่มแรกพิมพ์ออกเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๑๘ ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า "COURT" ซึ่งแปลว่า พระราชสำนัก ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๑๙ จึงใช้ชื่อภาษาไทยว่า ข่าวราชการ ในเวลาต่อมาจึงเรียกว่า หนังสือค๊อตข่าวราชการ
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงดำริให้มีคนเดินส่งหนังสือแก่ผู้รับหนังสือทุกๆ คน ทุกๆ เช้า โดยคิดเงินค่าสมาชิก และเมื่อคนส่งหนังสือไปส่งหนังสือที่บ้านสมาชิกผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะฝากจดหมายส่งถึงสมาชิกผู้หนึ่งผู้ใดก็ได้ โดยจะต้องซื้อแสตมป์ปิดจดหมายของตนที่จะฝากไปส่งและลงชื่อของตนเองทับแสตมป์แทนตราเพื่อให้เป็นแสตมป์ที่จะนำไปใช้อีกไม่ได้ แสตมป์นั้นทำเป็นพระรูปเหมือนอย่างที่พิมพ์ไว้ข้างหน้าหนังสือ COURT ขายดวงละอัฐและให้ซื้อได้จากโรงพิมพ์หนังสือข่าวราชการ ราคาค่าจ้างส่งจดหมายมีอัตราต่างกัน ถ้าอยู่ในคูพระนครชั้นใน ติดแสตมป์หนึ่งอัฐ ถ้านอกคูพระนครออกไป ผู้ส่งต้องติดแสตมป์ ๒ อัฐ

[แก้] กิจการไปรษณีย์

การจัดส่ง หนังสือ COURT และ หนังสือข่าวราชการ ของคนส่งหนังสือที่ทำหน้าที่รับส่งจดหมายระหว่างสมาชิกด้วย นับเป็นจุดเริ่มของการมี บุรุษไปรษณีย์ และการใช้แสตมป์ติดบนจดหมายที่สมาชิกของหนังสือ COURT และหนังสือข่าวราชการส่งถึงกัน จึงเป็นจุดเริ่มของการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศไทย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้มีการไปรษณีย์และโทรเลขขึ้นในประเทศไทย ทรงเห็นว่าสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช มีพระทัยใส่ในเรื่องการไปรษณีย์ จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ตั้งกรมไปรษณีย์ และกรมโทรเลข ขึ้นเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๖ ทรงได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์ และกรมโทรเลข เป็นพระองค์แรกของประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๔๑ ทั้ง ๒ กรมนี้ได้รวมเป็นกรมเดียวกัน มีชื่อใหม่ว่า กรมไปรษณีย์โทรเลข

http://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จ...ภาณุรังษีสว่างวงศ์_กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช

 

[แก้] พระโอรส พระธิดา


[แก้] หม่อมเลี่ยม

• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทิพยสัมพันธ์ (พ.ศ. ๒๔๒๘-๒๔๕๑) เษกสมรสกับ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

[แก้] หม่อมแม้น

• พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านิพันธุ์ภาณุพงศ์ กรมหมื่นภาณุพงศ์พิรพยเดช (พ.ศ. 2428-2477) เษกสมรสกับหม่อมแผ่ว และหม่อมเจ้าหญิงวิไลกัญญา เทวกุล
• พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริวงศ์วัฒนเดช (พ.ศ. 2432-2451)
• พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล (พ.ศ. 2435-2500) เษกสมรสกับ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์

[แก้] หม่อมสุ่น

• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยนเยี่ยมพยับ (พ.ศ. 2437-2455)

[แก้] หม่อมลับ

• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพัลลัภดนัย ในหม่อมลับ (พ.ศ. 2442-2444)

[แก้] หม่อมเล็ก ยงใจยุทธ

หม่อมเล็ก ยงใจยุทธ เป็นพี่สาวของร้อยเอกชั้น ยงใจยุทธ บิดาของพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ

• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า (ไข่มุก) (พ.ศ. 2446-2450)
• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา (พ.ศ. 2450-2522) เษกสมรสกับ หม่อมเจ้าธานีเสิกสงัด ชุมพล
• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า (เล็ก) (พ.ศ. 2451)
• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ (พ.ศ. 2452-2525) เษกสมรสกับหม่อมมณี บุนนาค และหม่อมอำไพ แสงสุข
• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช (พ.ศ. 2457-2528) เษกสมรสกับหม่อมซีริล เฮคอค
• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านรเศรษฐสุริยลักษณ์ (พ.ศ. 2458-2497) เษกสมรสกับ หม่อม สาลิกา หม่อมอรุณี และหม่อมชวนชม
• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต (พ.ศ. 2460-2485) เษกสมรสกับ หม่อมมณี บุนนาค
• พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแดง (พ.ศ. 2470 เสียชีวิตพร้อมกับหม่อมเล็ก ขณะคลอด)

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

• หนังสือ COURT ข่าวราชการ : ความเชื่อมโยงสู่การก่อกำเนิดไปรษณีย์ไทย

[แก้] อ้างอิง

• Jeffy Finestone. 2542. สมุดพระรูป พระราชโอรส พระราชธิดา พระราชนัดดาใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. ปรียนันทนา รังสิต,ม.ร.ว. โลมาโฮลดิ้ง

http://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จ...ภาณุรังษีสว่างวงศ์_กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช

 

http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=996

คำนำพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์​

คำนำพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์เป็นคำที่มีความหมายให้ทราบถึงความสัมพันธ์กับองค์พระมหากษัตริย์หรือเป็นพระประยูรญาติชั้นใดในพระมหากษัตริย์ ดังนั้น คำนำพระนามจึงมีการเปลี่ยนแปลงตามรัชกาล ราชบัณฑิตยสถานมักได้รับคำถามบ่อยครั้งถึงความหมายของคำนำพระนามต่าง ๆ ของพระบรมวงศานุวงศ์ จึงขอนำคำนำพระนาม ซึ่งพบและใช้บ่อยครั้งมาเสนอผู้อ่าน ทั้งนี้ ได้ประมวลจากหนังสือราชาศัพท์ซึ่งสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้จัดพิมพ์เผยแพร่ ดังนี้
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เป็นคำนำพระนามพระประยูรญาติผู้ใหญ่ในพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระราชโอรสธิดาในรัชกาลก่อน มีพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้า และพระองค์เจ้า ซึ่งทรงกรมเป็น กรมพระยา
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เป็นคำนำพระนามพระประยูรญาติในพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระราชโอรสธิดาในรัชกาลก่อน และมีพระอิสริยยศชั้นพระองค์เจ้า
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เป็นคำนำพระนามเจ้าฟ้า พระราชโอรสในพระมหากษัตริย์
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เป็นคำนำพระนามเจ้าฟ้า พระราชธิดาในพระมหากษัตริย์
สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เป็นคำนำพระนามพี่ชายพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้า
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เป็นคำนำพระนามพี่สาวพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้า
พระเจ้าพี่นางเธอ เป็นคำนำพระนามพี่สาวพระมหากษัตริย์
สมเด็จพระภาติกาเธอ เป็นคำนำพระนามลูกพี่ลูกน้องชายของพระมหากษัติรย์ มีพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้า
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เป็นคำนำพระนามลูกพี่ ลูกน้องหญิงของพระมหากษัตริย์ มีพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้า
พระเจ้าน้องยาเธอ เป็นคำนำพระนามน้องชายพระมหากษัตริย์
พระเจ้าน้องนางเธอ เป็นคำนำพระนามน้องสาวพระมหากษัตริย์
พระเจ้าวรวงศ์เธอ, พระวรวงศ์เธอ เป็นคำนำพระนามพระเจ้าหลานเธอ ในรัชกาลก่อน
นอกจากนี้ ยังมีธรรมเนียมการออกขานพระนามพระราชวงศ์ โดยมีการลำดับดังนี้
๑. พระราชวงศ์องค์ใดทรงรับราชการแผ่นดิน มีพระยศทางทหาร ต้องเชิญพระยศทางทหารขึ้นก่อน
๒. คำนำพระนาม เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระราชวงศ์พระองค์นั้นเป็นพระประยูรญาติที่ใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์เพียงใด
๓. พระอิสริยยศ หรือสกุลยศ ซึ่งพระราชวงศ์พระองค์นั้นถือกำเนิดมามีพระยศชั้นใด เช่น เจ้าฟ้า พระองค์เจ้า หรือ หม่อมเจ้า
๔. พระนามเดิม
๕. หากพระราชวงศ์พระองค์นั้นได้ปฏิบัติราชการแผ่นดิน มีความดีความชอบได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็นเจ้าต่างกรม จึงต่อพระนามกรมไว้ท้ายพระนามเดิม
ตัวอย่างของการเรียงลำดับ ดังนี้
จอม<SUP>๑</SUP>พล สมเด็จพระราชปิตุลา<SUP>๒</SUP>บรมพงศาภิมุข เจ้า<SUP>๓</SUP>ฟ้าภาณุรังษี<SUP>๔</SUP>สว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุ<SUP>๕</SUP>พันธุวงศ์วรเดช
อย่างไรก็ดี พระนามของพระราชวงศ์ดังกล่าวสามารถเขียนโดยย่อได้ คือย่อที่คำนำพระนามและพระนามเดิม โดยใช้เครื่องหมายไปยาลน้อยแทน เช่น
จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เขียนโดยย่อว่า จอมพล สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เขียนโดยย่อว่า สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
นอกจากนี้ ราชบัณฑิตยสถานมักได้รับคำถามเสมอว่าในการเขียนคำนำพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย ตลอดจนพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์มีหลักในการเขียนเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร
คำนำพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธยและพระนามซึ่งแสดงถึงพระอิสริยยศ เช่น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช้ว่า His Majesty King และสมเด็จพระนางเจ้า ใช้ว่า Her Majesty Queen และสามารถเขียนโดยย่อว่า H.M. แล้วตามด้วย King หรือ Queen เช่น พระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเขียนเต็มว่า His Majesty King Bhumibol Adulyadej เขียนโดยย่อว่า H.M. King Bhumibol Adulyadej ส่วนพระนามาภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเขียนเต็มว่า Her Majesty Queen Sirikit เขียนโดยย่อว่า H.M. Queen Sirikit
ส่วนพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีพระอิสริยยศและสกุลยศชั้นเจ้าฟ้า จนถึงพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า His/Her Royal Highness Prince/Princess และใช้คำย่อว่า H.R.H. เช่น พระนามาภิไธยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมาร เขียนเต็มว่า His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn เขียนโดยย่อว่า H.R.H. Crown Prince Maha Vajiralongkorn พระนามาภิไธยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เขียนเต็มว่า Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhon เขียน H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงจุไรรัตนศิริมาน ใช้ว่า H.R.H. Princess Churairatana Sirimarn
ส่วนพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ใช้คำว่า His/Her Highness Prince/Princess และใช้คำย่อว่า H.H. เช่น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ ใช้ว่า H.H. Prince Sukhumabhinanda
ส่วนหม่อมเจ้าใช้ว่า His/Her Serene Highness Prince/Princess และใช้คำย่อว่า H.S.H. เช่น พระนามหม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล เขียนเต็มว่า His Serene Highness Prince Subhadradis Diskul เขียนโดยย่อว่า H.S.H. Prince Subhadradis Diskul และสามารถใช้ทับศัพท์ว่า Mom Chao ได้ โดยใช้คำย่อว่า M.C. เช่น M.C. Subhadradis Diskul หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวง ใช้ทับศัพท์คือ หม่อมราชวงศ์ ใช้ว่า Mom Rajawongse ใช้คำย่อว่า M.R. และ
หม่อมหลวง ใช้ว่า Mom Luang ใช้คำย่อว่า M.L.
ผู้เขียน : นางสาวกนกวลี ชูชัยยะ
ที่มา : จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๕๒, กันยายน ๒๕๓๘

 

http://www.rta.mi.th/history/rta_history.htm

นอกจากกรมมหาดเล็กฯ แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงทำนุบำรุง กรมทหารหน้า และกรมทหารปืนใหญ่ ซึ่งเป็นกรมทหารที่มีระเบียบและยุทธวิธีอย่างใหม่มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ เช่น โปรดให้ตั้ง "โรงเรียนคะเด็ตทหารหน้า"ขึ้นที่วังสราญรมย์ ในปีเดียวกันกับ "โรงเรียนทหารมหาดเล็ก" โรงเรียนทั้งสองนี้เป็นสถานที่วางรากฐานให้แก่วิชาชีพทหาร และเป็นแหล่งเตรียมบุคลากรเพื่อการปฏิรูปการทหารในระยะต่อมา สำหรับที่ตั้งของโรงทหารหน้า จากตำนาน กรมทหารบกราบที่ ๔ ได้กล่าวไว้ว่า "ระเบียบการปกครองในกรมทหารหน้าดีขึ้น และตั้งอยู่ในความเจริญรุ่งเรืองทั้งกำลังและวิชา เพราะเหตุว่าได้รับพระบรมราชูปถัมภ์และความสามารถของผู้บังคับการ ได้เริ่มสร้างโรงทหารหน้าขึ้นเป็นตึกใหญ่ ซึ่งภายหลังปรากฏนามว่า ศาลายุทธนาธิการ ที่เป็นศาลาว่าการกลาโหมในปัจจุบันนี้"




​

จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ท่ามกลางผู้บังคับการกองทหารบก
ที่ศาลายุทธนาธิการ ประมาณ พ.ศ.๒๔๓๗​

พ.ศ.๒๔๓๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงหารือกับพระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดี ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจัดการทหารอย่างใหม่เป็นระเบียบแบบแผนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนั้น ในวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๐ จึงได้มี "ประกาศจัดการทหาร" ขึ้น โดยตั้ง "กรมยุทธนาธิการ" มีลักษณะเป็นกรมกลางของทหารบก และทหารเรือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระราชอิสริยยศตำแหน่ง "จอมทัพ" สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็น "ผู้บังคับบัญชาการทั่วไป" และเพื่อให้หน่วยทหารได้รับการบังคับบัญชาดูแลได้ทั่วถึง จึงทรงแต่งตั้งตำแหน่งผู้ช่วยเหลือผู้บังคับบัญชาทั่วไปอีก ๔ ตำแหน่ง คือ

๑. เจ้าพนักงานใหญ่ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก​

๒. เจ้าพนักงานใหญ่ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ​

๓. เจ้าพนักงานใหญ่ ผู้บัญชาการใช้จ่าย​

๔. เจ้าพนักงานใหญ่ ผู้บัญชาการยุทธภัณฑ์​

 

http://www.nabia10.com/sara/bukonsumkun.html

เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์
กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช

ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี ประสูตเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2402 พระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระองค์ได้ทรงงานสำคัญอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ไว้มากมาย ดังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระองค์ท่านว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 มีพระราชดำรัสสรรเสริญ "ทรงเป็นหลักเมือง ของพระบรมราชวงศ์จักรี" ทรงได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์ และโทรเลขเป็นพระองค์แรกของประเทศไทย ทรงเสด็จทิวงคต เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ประวัติไปรษณีย์ไทย

​

ในปี พ.ศ. 2423 เจ้าหมื่นเสมอใจราชได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ให้ทรงจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศสยาม พระองค์จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษี สว่างวงศ์ฯ ทรงเตรียมการจัดตั้งการไปรษณีย์ตามแบบอย่างในต่างประเทศ และทรงแต่งตั้งให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ฯ ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์เป็นพระองค์แรก และได้เปิดรับฝากส่งหนังสือ(จดหมาย)ในเขตพระนครและธนบุรีเป็นการทดลองเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ที่ทำการแห่งแรกตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนปากคลองโอ่งอ่าง เรียกว่า "ไปรษณียาคาร"
ในปี พ.ศ. 2429 กรมไปรษณีย์โทรเลขได้รับโอนกิจการโทรศัพท์จากกระทรวงกลาโหมมาดำเนินการ และขยายบริการ เปิดให้ประชาชนได้เช่าใช้เครื่องโทรศัพท์ภายในกรุงเทพและธนบุรี เป็นครั้งแรก
ใน ปี พ.ศ. 2441 ได้ทรงให้รวมกรมโทรเลขซึ่งได้ก่อตั้งมาก่อนหน้านี้เข้ากับกรมไปรษณีย์ ใช้ชื่อใหม่ว่า "กรมไปรษณีย์โทรเลข" ดำเนินกิจการไปรษณีย์และโทรเลขและได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่ถนนเจริญกรุง กรมไปรษณีย์โทรเลขในขณะนั้น ดำเนินกิจการหลัก ๆ อยู่ 3 กิจการ คือ กิจการไปรษณีย์ กิจการโทรเลข กิจการโทรศัพท์
ในปี พ.ศ. 2472 ได้รับโอนคลังออมสินจากกรมพระคลังมหาสมบัติ มาดำเนินการรับฝากเงินจากประชาชนเมื่อ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2472
ในปี พ.ศ. 2489 ได้แยกกองคลังออมสินออกจากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาจัดตั้งเป็นธนาคารออมสิน มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ และเปิดดำเนินการรับฝากเงินจากประชาชนตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2490 เป็นต้นมา
ในปี พ.ศ. 2497 ได้โอนกิจการโทรศัพท์กรุงเทพฯและธนบุรีให้องค์การโทรศัพท์แห่งประทศไทย
ในปี พ.ศ. 2520 ได้มีการจัดตั้ง การสื่อสารแห่งประทศไทย โดย พรบ.การสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2519 เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม โดยรับมอบกิจการด้านปฏิบัติการและกิจการให้บริการไปรษณีย์จากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาดำเนินการ เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2520 และได้ปรับปรุงพัฒนาบริการมาตลอด
ในปี พ.ศ. 2546 ได้แปรสภาพเป็น บริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2546 ใช้ชื่อใหม่ว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตามนโยบายของรัฐบาล แต่ยังคงสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่เหมือนเดิม และได้เปลี่ยนมาสังกัดกระทรวงเทคโนโลยี่สารสนเทศและการสื่อสารและได้พัฒนาปรับปรุงบริการโดยนำระบบเทคโนโลยี่สารสนเทศมาใช้ในการให้บริการและยังได้พัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ในปี พ.ศ. 2423 เจ้าหมื่นเสมอใจราชได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ให้ทรงจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศสยาม พระองค์จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษี สว่างวงศ์ฯ ทรงเตรียมการจัดตั้งการไปรษณีย์ตามแบบอย่างในต่างประเทศ และทรงแต่งตั้งให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ฯ ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์เป็นพระองค์แรก และได้เปิดรับฝากส่งหนังสือ(จดหมาย)ในเขตพระนครและธนบุรีเป็นการทดลองเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ที่ทำการแห่งแรกตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนปากคลองโอ่งอ่าง เรียกว่า "ไปรษณียาคาร"
ในปี พ.ศ. 2429 กรมไปรษณีย์โทรเลขได้รับโอนกิจการโทรศัพท์จากกระทรวงกลาโหมมาดำเนินการ และขยายบริการ เปิดให้ประชาชนได้เช่าใช้เครื่องโทรศัพท์ภายในกรุงเทพและธนบุรี เป็นครั้งแรก
ใน ปี พ.ศ. 2441 ได้ทรงให้รวมกรมโทรเลขซึ่งได้ก่อตั้งมาก่อนหน้านี้เข้ากับกรมไปรษณีย์ ใช้ชื่อใหม่ว่า "กรมไปรษณีย์โทรเลข" ดำเนินกิจการไปรษณีย์และโทรเลขและได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่ถนนเจริญกรุง กรมไปรษณีย์โทรเลขในขณะนั้น ดำเนินกิจการหลัก ๆ อยู่ 3 กิจการ คือ กิจการไปรษณีย์ กิจการโทรเลข กิจการโทรศัพท์
ในปี พ.ศ. 2472 ได้รับโอนคลังออมสินจากกรมพระคลังมหาสมบัติ มาดำเนินการรับฝากเงินจากประชาชนเมื่อ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2472
ในปี พ.ศ. 2489 ได้แยกกองคลังออมสินออกจากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาจัดตั้งเป็นธนาคารออมสิน มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ และเปิดดำเนินการรับฝากเงินจากประชาชนตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2490 เป็นต้นมา
ในปี พ.ศ. 2497 ได้โอนกิจการโทรศัพท์กรุงเทพฯและธนบุรีให้องค์การโทรศัพท์แห่งประทศไทย
ในปี พ.ศ. 2520 ได้มีการจัดตั้ง การสื่อสารแห่งประทศไทย โดย พรบ.การสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2519 เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม โดยรับมอบกิจการด้านปฏิบัติการและกิจการให้บริการไปรษณีย์จากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาดำเนินการ เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2520 และได้ปรับปรุงพัฒนาบริการมาตลอด
ในปี พ.ศ. 2546 ได้แปรสภาพเป็น บริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2546 ใช้ชื่อใหม่ว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตามนโยบายของรัฐบาล แต่ยังคงสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่เหมือนเดิม และได้เปลี่ยนมาสังกัดกระทรวงเทคโนโลยี่สารสนเทศและการสื่อสารและได้พัฒนาปรับปรุงบริการโดยนำระบบเทคโนโลยี่สารสนเทศมาใช้ในการให้บริการและยังได้พัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ภาณุรังษี สว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์พระองค์แรก

ไปรษณียาคาร ที่ทำการไปรษณีย์แห่งแรกของไทย​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

http://www.pakxe.com/home/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=194


10/01/05 21:00 <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=9 height=106></TD><TD vAlign=top width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%" colSpan=2><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="49%"><DD>สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดีในชื่อ