พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ตั้งจิต, narongwate, sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
    อืม... มีผมคนเดียว ยังเยาวชนอยู่เลย
    (b-deejai)
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมขออนุญาตหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ขอนำเรื่องราวที่ผมได้เกี่ยวข้องกับพระองค์ท่าน นำมาลงให้ได้อ่านกันครับ

    กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ

    เป็นเพราะเรื่องที่ผมได้เจอกับหลวงปู่ท่านเจ้า กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญองค์นี้แหละครับ จึงทำให้เป็นเหตุสุดท้ายในการที่ผมเชื่อเรื่องหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ซึ่งเชื่อเต็มครบ 100 % และการได้อยู่ใกล้กับพระอริย รู้สึกได้เลย ผมยังไม่เคยเห็นดวงตาของพระสงฆ์ที่มีความเย็นได้มากขนาดนี้ ปกติเมื่อก่อนผมจะชอบเดินทางไปกราบพระตามที่ต่างๆ ผมได้เห็นดวงตาของพระสงฆ์,พระเกจิ มาหลายองค์มาก แต่ยังไม่เคยเห็นดวงตาที่เย็นมากๆๆๆๆเหมือนดวงพระเนตรหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเลย

    ผมได้สนทนาธรรมกับพระองค์ท่าน น่าจะประมาณไม่น้อยกว่า 20 นาที แต่ผมสนทนาธรรมกับพระองค์ท่านด้วยเรื่องอะไร ขอไม่แจ้งนะครับ แต่เรื่องนึงที่เคยบอกไปก็คือเกี่ยวกับพระพิมพ์ของวังหน้าและวังหลวงครับ


    โมทนาสาธูครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 10 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, เชน, kaicp+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    บุคคลภายนอกเยอะจริงๆครับ

    .
     
  6. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    วันอังคาร ที่ 14 สิงหาคม 2550
    หุ่นวังหน้า : ชุดรามเกียรติ์

    Posted by สอนสุพรรณ
    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>[​IMG]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]หุ่นตัวพระ[/FONT]
    หุ่น เป็นการแสดงในงานมหรสพของไทยที่มีมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา เอกสารฝ่ายไทยและบันทึกของชาวต่างชาติ กล่าวถึงการแสดงหุ่นที่มีควบคู่มากับการแสดงโขนและละคร ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลางสืบเนื่องมาถึงอยุธยาตอนปลาย โดยในสมัยอยุธยาตอนปลายมีหลักฐานแสดงว่า มีการแสดงหุ่นไทยและหุ่นต่างภาษา คือ หุ่นลาว หุ่นมอญ และหุ่นพม่า

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงฟื้นฟูการมหรสพของหลวง รวมทั้งการแสดงหุ่น โดยโปรดให้ฝึกหัดการแสดงหุ่นขึ้นในวังหลวง ซึ่งหุ่นหลวงที่ได้รับการฟื้นฟูในครั้งนั้นได้ออกแสดงในงานสมโภชวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๒๗

    [​IMG]
    หุ่นตัวนาง


    ต่อมา ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดให้ระดมช่างฝีมือสร้างหุ่นหลวงขึ้นสำหรับเล่นเรื่องรามเกียรติ์ และได้ทรงแกะหัวหุ่นพระยารักใหญ่และพระยารักน้อย ซึ่งมีความงามเป็นเลิศด้วยพระองค์เอง การแสดงหุ่นไทยในสมัยนั้นนอกจากเรื่องรามเกียรติ์แล้ว ยังนิยมเล่นเรื่องละครนอกอื่นๆ เช่น สังข์ศิลป์ชัย และพระอภัยมณี เป็นต้น

    การแสดงหุ่นได้รับความนิยมสืบเนื่องในรัชกาลต่อ ๆ มา นอกจากหุ่นหลวงซึ่งเป็นหุ่นแบบไทยแล้ว ยังปรากฏมีหุ่นจีนและหุ่นของชาติอื่น ๆ ด้วย การแสดงหุ่นเป็นที่นอยมในงานมหรสพที่จัดขึ้นเนื่องในงานพระราชพิธีและเทศกาลต่าง ๆ อาทิ งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีโสกันต์ งานเฉลิมพระราชมณเฑียร งานพระบรมศพ งานพระศพ งานสมโภชช้าง และงานวัด เป็นต้น หลักฐานการแสดงหุ่นยังคงปรากฏให้เห็นในภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๓ ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่วัดทองธรรมชาติ วัดโสมนัสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร และวัดมัชฌิมาวาส จังหวัดสงขลา

    [​IMG]
    ทศกัณฐ์


    ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ซึ่งมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ายอดยิ่งประยูรยศบวรราโชรสรัตนราชกุมาร ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าคุณจอมมารดาเอม ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๑๐ แรม ๒ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๐๐ (พุทธศักราช ๒๓๘๑) ได้พระราชทานอุปราชาภิเษกเป็นพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เถลิงพระราชมณเฑียรในพระบวรราชวังหรือวังหน้า ในพุทธศักราช ๒๔๑๑ เมื่อพระชันษา ๓๑ ปี

    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทรงโปรดการช่างและศิลปะแขนงต่าง ๆ โดยทรงให้การอุปถัมภ์ช่างฝีมือเอก ทรงตั้งโรงละครและคณะงิ้วผู้หญิงที่เรียกกันว่า งิ้ววังหน้า ทั้งทรงมีฝีพระหัตถ์ถนัดในทางศิลปะและประณีตศิลป์ของไทย ทรงมีฝีพระหัตถ์ในการเขียนเครื่องถ้วยที่รู้จักกันดี คือ กระโถนวังหน้า เป็นกระโถนเล็ก ๆ ที่เรียกว่า กระโถนค่อม ซึ่งทรงเขียนเป็นภาพรามเกียรติ์ปิดทองสวยงามมาก วังหน้าในสมัยของพระองค์จึงเป็นแหล่งศิลปวิทยาการด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ และงานประณีตศิลป์แห่งวังหน้าซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอีกประการหนึ่ง คือ งานการสร้างหุ่น มีทั้งหุ่นจีนและหุ่นไทย ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ

    [​IMG]
    เขนลิง


    หุ่นวังหน้า ที่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทรงสร้างขึ้นนี้ มีหลักฐานว่าได้เคยเล่นถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัวทอดพระเนตร ในงานสมโภชช้างเผือกที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ ดังมีปรากฏในหนังสือข่าวราชการ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๑๙ ตอนหนึ่งว่า

     
  7. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840

    แกะรอยรากเหง้า
     
  8. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    [b-wai] ณ วันนี้พอมีเวลาได้รวบรวมจิต ตั้งจิต พิจารณาคำตอบในคำถามของพ่อหนุ่มใหญ่ ที่ว่าด้วย คนเราทุกวันนี้.... กระจกหกด้าน
    อ่านจากประวัติ ธรรมที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ก็หาคำตอบตรงๆมีไม่ คงได้แต่รวบรวมหลัก ที่สมเด็จได้ทรงให้ชำระล้างจิตใจ จึงติดใจในเรื่องจิตนี่เองมาน้อมพิจารณา และก็พบว่าจิตมีสะพาน/ทางเชื่อมต่อที่ทำให้เกิดอารมณ์ อันเกิดจาก การรับรู้ผ่านอายตนะ6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จึงว่านี่เอง คือกระจก 6 ด้านที่เราควรส่อง สำรวจ สำรวม พิจารณา ซึ่งเมื่อได้พิจารณาตัดผ่านอารมณ์ตัดช่องทางเชื่อมต่อแล้ว และนี่เองก็คือวิธีการชำระล้างจิตใจ จิตก็จะตั้งมั่น สดใส(เพราะไม่ม่อารมณื มากระทบ กิเลสไม่เกิดก่อ) เราก็จะรวมจิตได้ ปัญญาก็จะเกิด ส่วนที่ว่าส่องกันแต่กระจกด้านเดียว ก็มัวดูกันแต่หน้าตา ทรงผม หล่อมั้ย สวยมั้ย นำไปสู่อารมณืต่างๆ กิเลสก็ตามมา กระเจิดกระเจิงครับ (ส่องนอกไม่ส่องใน)
    แค่นี้ละครับ คิดเอาว่าใช่ แต่ถึงไม่ใช่ วันนี้ก็ทำให้ผมได้ธรรมมาสอนเตือนตนเองอีกหนึ่งขยัก จากการพิจารณานี้นั่นเอง
    ขอบคุณครับ
    โมทนามหาสาธุ

    เพิ่มเติมข้อมูลสำหรับผู้อ่านคำตอบครับ
    ปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นโลกเป็นชีวิต จึงเป็นแค่ จิตรู้อารมณ์ เท่านั้น! อนึ่ง ทั้งพุทธะกับปุถุชนล้วนมีช่องทางรับรู้โลกและชีวิต 6 ทางไม่ต่างกัน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ส่วน แดนเชื่อมต่อ หรือ แดนเกิดของความรู้ที่อยู่ภายในร่างกาย เรียกว่า อายตนะภายใน 6 ทั้ง จิต และ อารมณ์ เป็นสิ่งรู้ได้โดยตรงด้วยอายตนะ 6 เหล่านี้

    ด้วยเหตุนี้ การฝึกฝนอบรมพัฒนาอายตนะ 6 ให้เป็นฐานที่ตั้งแห่งความรับรู้ที่เฉียบคม ชัดเจน และถูกต้อง จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญของการเรียนรู้เรื่องโลกและชีวิต และการกลายเป็นพุทธะ

    จิต "รู้" รูป ที่เป็น อายตนะภายนอก หรือ อารมณ์ ผ่าน ตา ที่เป็น อายตนะอายตนะภายใน หรือ ทวาร

    จิต "รู้" เสียง ที่เป็น อายตนะภายนอก หรือ อารมณ์ ผ่าน หู ที่เป็น อายตนะอายตนะภายใน หรือ ทวาร

    จิต "รู้" กลิ่น ที่เป็น อายตนะภายนอก หรือ อารมณ์ ผ่าน จมูก ที่เป็น อายตนะภายใน หรือ ทวาร

    จิต "รู้" รส ที่เป็น อายตนะภายนอก หรือ อารมณ์ ผ่าน ลิ้น ที่เป็น อายตนะอายตนะภายใน หรือ ทวาร

    จิต "รู้" สัมผัส (สิ่งต้องกาย) ที่เป็น อายตนะภายนอก หรือ อารมณ์ ผ่าน กาย ที่เป็น อายตนะภายใน หรือ ทวาร

    จิต "รู้" ธรรมารมณ์ ที่เป็น อายตนะภายนอก หรือ อารมณ์ ผ่าน ใจ ที่เป็น อายตนะภายใน หรือ ทวาร

    จักรวาฬ นั้นยิ่งใหญ่กว้างขวางไร้ขอบเขตทั้งในกาละและเทศะเป็น ความว่าง ที่เป็นที่ปรากฏของโลกและชีวิต หรือให้จิตได้รู้อารมณ์ คนเราจะ "รู้" ได้ก็ต่อเมื่อมันเข้ามาเป็น อารมณ์ของจิต แล้วเท่านั้น โดยที่ จิต เป็นสิ่งที่คนเราสามารถรู้ได้โดยตรง
    ข้อมูลเพิ่มเติม อ้างอิงจาก
    http://www.suvinai-dragon.com/buddhabucha35.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2007
  9. เชน

    เชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,037
    ต้องศึกษาค้นคว้าอย่างจริงๆจังๆ ไม่ใช่ไปลอกมาหรือนั่งเทียน ดีหน่อยก็ทั้งลอกและทั้งนั่งเทียน

    คำพูดโง่ๆแบบนี้ อย่าไปพูดกับใครเขา เดี๋ยวจะหาว่าเราโง่จริงๆ


    และจะแนะนำพระสมเด็จปัญจสิริ แบบเก๊ทั้งนอกและใน ให้เด็ก ป.4 ยังดูออก เชิญทัศนา

    [​IMG]


    นี่หรือ คือคำพูดของคนที่คิดว่ามีการศึกษาเพียงพอแล้ว คำพูดที่ไร้สติการยั้งคิด เด็ก ป 4 ดูพระเป็นแล้วเหรอ
     
  10. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    บัวสี่เหล่าคนสี่ประเภท
    [​IMG]
    ในที่สุด พระผู้มีพระภาคได้อุปมาว่า คนมีสี่จำพวกซึ่งเปรียบได้กับบัวสี่เหล่ากล่าวคือ ๑. บัวประเภทบานแล้ว ได้แก่คนเข้าใจง่าย พูดนิดเดียวก็เข้าใจสว่างไสว ๒. บัวที่กำลังปิ่มน้ำจะบานจะโผล่ขึ้นมา หมายถึงคนที่จะจูงพร่ำสอนกันหลายเที่ยวหลายครั้ง ๓. บัวที่ยังอยู่ลึกไปกว่านั้น หมายถึงคนที่ได้รับฟังหลายครั้งหลายหนแล้วก็ยังจะต้องอาศัย เพื่อนฝูงที่ดีคอยกระตุ้นเตือน และ ๔. บัวที่อยู่ใต้น้ำ หมายถึงคนที่สอนเท่าไรก็ไม่รู้เรื่อง พยายามจะโต้แย้ง จะเถียงจะรั้น จะดันทุรังไปก่อน
    ท่านอยู่ประเภทไหน หรืออาจจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นเหล่าที่ห้า หุบๆบานๆพอฟังพอรู้เรื่อง อะไรดีก็สว่างไสวขึ้นแวบหนึ่ง แล้วก็กลับไปมืดมนต่อไปอย่างนั้นหรือ?

    อ้างอิงจาก http://www.rmutphysics.com/charud/scibook/buddhist1/index/indexpic50.htm

    ขออารธนาพระพุทธธรรมมาเพื่อพิจารณาครับ พิจารณาให้มากๆนะครับ

    เอ่อ...ยังเป็นห่วงอยู่หน่อยครับเลยจะบอกให้นิดก็ได้ คือคำว่าเด็ก ป.๔ นั้นไม่ใช่หมายถึงเด็กป.๔ จริงๆนะครับ เป็นคำเปรียบเปรยนะครับ(เข้าใจนะครับ) แล้วก็ต้องพยายามนะครับสงบจิตสงบใจ อย่าคิดแค้นฝังหุ่นเลย มันเผาไหม้ตัวเองน่ะ อย่าไปคิดเล่นคำเล่นอักษรอะไรเลย ยิ่งเล่นยิ่งเปิดเผยน่ะ หาเพื่อนดีๆซักคนนะให้เขาช่วยคิดให้ อ้อ...ผมไม่มาบอกอะไรแล้วนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2007
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948


    ภาษาไทย ยังวิเคราะห์ไม่เป็น แล้วจะไปคิดเรื่องอะไรต่อได้ละ
    แล้วเรื่องกรรมที่เคยบอกไป เตือนไป ก็ไม่เคยรู้เรื่อง เฮ้อ บัวเหล่าที่ 4 จริงๆน๊อ

    .
     
  12. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,558
    vn,แล้ววว
     
  13. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    จริงๆแล้วผมไม่ค่อยอยากนำเรื่องของผมมาออกอากาศเท่าไหร่ อาจจะมีใครมาว่าได้ว่าโม้ อุตริ เกินจริง ...เพียงแต่ผมไม่อยากให้ประมาทความสามารถของเด็ก โดยเฉพาะเมื่อคุณได้สอนวิธีให้เขาได้ดูพระพิมพ์ที่ถูกต้อง ผมขอแนะนำสั้นๆรึกัน ครับและไม่ใช่ผมจะเข้าข้างคุณ sithiphong แต่มันเป็นความจริง
    ปัจจุบันลูกผมอยู่ ป.3ครับน้อยกว่าป.4ตั้งปี
    1.ลูกชายผมสามารถสัมผัสพลังของผู้เสกพระพิมพ์ตั้งแต่อายุเพียง2ปี แต่ในปัจจุบันความสามารถเริ่มลดลง ซึ่งคงเป็นเพราะความบริสุทธิ์ของเด็ก เมื่อก่อนผมสบายมากเลยครับ เพียงแต่นำพระพิมพ์มาให้เขาดู องค์ที่เขาหยิบจะเป็นเณร องค์ที่เขาไม่มองและร้องไห้นั่นคือพระ ยิ่งร้องไห้ดังมากยิ่งแสดงถึงอิทธิคุณที่สูงมากครับ
    2.พระพิมพ์ปิดตาของหลวงปู่โต๊ะในพิมพ์ที่ผมมี ลูกผมสามารถแยกได้ว่าองค์ไหน พระองค์ไหนเณร และบอกได้ว่าพิมพ์ไหนมีพลังสูงกว่า
    3.พระพิมพ์ปัญจสิริ และสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ก็สามารถแยกได้ และบอกพลังได้เช่นกันกับข้อ2.ครับ
    4.พระพิมพ์ของครูบาคำเป็งที่แรงจัดมาก ลูกผมก็สามารถบอกได้เช่นเดียวกันครับว่าองค์ใดแรงร้อนหรือ เย็น
    ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ ผมไม่ต้องการให้ใครเชื่อ แต่ความจริงคือความจริงครับ เพราะฉะนั้นจะว่า เด็กป.4แยกพระพิมพ์ว่าเป็นพระหรือเณรไม่ออกไม่เป็นความจริงครับ ลูกผมเพิ่งป3.เอง
    nongnooo...
     
  14. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- start content -->[​IMG] [​IMG]
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ


    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ (พ.ศ. ๒๓๘๐ - ๒๔๒๘) พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ หรือ พระองค์เจ้ายอดยิ่งประยุรยศบวรราโชรสรัตนราชกุมาร เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ใน พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าคุณจอมมารดาเอม
    บางตำรากล่าวว่า พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ ทรงพระนามว่า พระองค์เจ้ายอร์จ วอชิงตัน ตามชื่อของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรก จอร์จ วอชิงตัน (พ.ศ. ๒๒๗๕ - ๒๓๔๒) <SUP class=reference id=_ref-0>[1]</SUP>
    <TABLE class=toc id=toc summary=เนื้อหา><TBODY><TR><TD>เนื้อหา

    [ซ่อน]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[ if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>
    [แก้] การแต่งตั้งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้นดำรงตำแหน่งวังหน้า เพราะขณะนั้นพระราชโอรสองค์โต คือ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ยังทรงพระเยาว์เพียง ๑๒ พรรษา ทำให้เสี่ยงต่อการถูกแย่งชิงราชบัลลังก์ และทรงตั้งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ฝ่ายสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ซึ่งถูกสงสัยมาตั้งแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงพระชนม์ ว่าคิดจะชิงราชสมบัติ จึงได้เสนอให้ทรงแต่งตั้งพระองค์เจ้ายอดยิ่ง เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งพระองค์เจ้ายอดยิ่ง เป็น กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๐ แต่ไม่ได้ตั้งให้เป็นวังหน้า
    ก่อนหน้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะสวรรคต ๑ วัน ได้มีการประชุมพระญาติวงศ์และขุนนาง ที่ประชุม อันมีสมเด็จเจ้าพระยามหาสุริยวงศ์ (่ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน เป็นประธาน ตกลงที่จะแต่งตั้งกรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ตามคำเสนอของพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศร์วัชรินทร์ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นมติเอกฉันท์ของที่ประชุม เพราะพระองค์เจ้าปราโมช กรมขุนวรจักรธรานุภาพ ทรงคัดค้านว่า การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลนั้น ตามโบราณราชประเพณีเป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของที่ประชุม ซึ่งทำความไม่พอใจให้แก่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ท่านจึงได้ย้อนถามว่า "ที่ไม่ยอมนั้น อยากจะเป็นเองหรือ" กรมขุนวรจักรธรานุภาพ จึงตอบว่า "ถ้าจะให้ยอมก็ต้องยอม" จึงเป็นอันว่าที่ประชุมเห็นสมควรที่จะแต่งตั้งกรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล <SUP class=reference id=_ref-1>[2]</SUP>

    [แก้] กรณีวิกฤตการณ์วังหน้า

    ดูเพิ่ม วิกฤตการณ์วังหน้า
    เนื่องจากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เป็นผู้สนับสนุนให้ได้เป็นแต่งตั้งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ จึงทรงเกรงพระทัยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เป็นอันมาก
    ในช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณ พ.ศ. ๒๔๑๗-๒๔๑๘ ทรงริเริ่มปฏิรูปปรับปรุงการปกครองประเทศให้ทันสมัย โดย โยงอำนาจเข้าศูนย์กลาง ทรงตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ (Auditing Office ปัจจุบันคือ กระทรวงการคลัง) เพื่อรวมรวมการเก็บภาษีมาอยู่ที่เดียวกัน ซึ่งกระทบกระเทือนต่อการเก็บรายได้ สร้างความไม่พอใจแก่เจ้านายและขุนนางเก่าแก่เป็นอันมาก โดยเฉพาะกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งเดิมมีรายได้แผ่นดินถึง ๑ ใน ๓ มีทหารในสังกัดถึง ๒๐๐๐ นาย และมีข้าราชบริพารเป็นจำนวนมาก และเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ มีการสะสมอาวุธ มีความขัดแย้งระหว่างวังหลวงกับวังหน้า จนเกือบจะเกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเรียกเหตุการณ์ขัดแย้งนี้ว่า วิกฤตการณ์วังหน้า <SUP class=reference id=_ref-2>[3]</SUP><SUP class=reference id=_ref-3>[4]</SUP>
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ทรงมีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี และเข้าไปคบค้าสนิทสนมกับนายโทมัส น็อกซ์ กงสุลอังกฤษ ประกอบกับในสมัยนั้น อังกฤษคุกคามสยาม ถึงขั้นเรียกเรือรบมาปิดปากแม่น้ำ ทางวังหลวงจึงหวาดระแวง เชื่อว่ามีแผนการจะแบ่งดินแดนเป็นสองส่วนคือ ทางเหนือถึงเชียงใหม่ ให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าครอง ทางใต้ให้กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญครอง นัยว่าเมื่อแบ่งสยามให้เล็กลงแล้วจะได้อ่อนแอ ง่ายต่อการเอาเป็นเมืองขึ้น
    เหตุการณ์บาดหมางเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง เกิดระเบิดขึ้นที่ตึกดินในวังหลวง ไฟไหม้ลุกลามไปถึงพระบรมมหาราชวัง ทางวังหลวงเข้าใจว่าวังหน้าเป็นผู้วางระเบิด และไม่ส่งคนมาช่วยดับไฟ ส่วนกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ก็เสด็จหลบหนีไปอยู่ในสถานกงสุลอังกฤษไม่ยอมเสด็จออกมา เหตุการณ์ตึงเครียดนี้กินเวลาถึงสองสัปดาห์ จนกระทั่งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เดินทางกลับจากราชบุรี เข้ามาไกล่เกลี่ย โดยฝ่ายอังกฤษและฝรั่งเศสถือว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นการเมืองภายในของสยาม และไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ทรงเป็นเจ้านายที่มีความสามารถหลายด้าน ด้านนาฏกรรม ทรงพระปรีชา เล่นหุ่นไทย หุ่นจีน เชิดหนัง และงิ้ว ด้านการช่าง ทรงชำนาญเครื่องจักรกล ทรงต่อเรือกำปั่น ทรงทำแผนที่แบบสากล ทรงสนพระทัยในแร่ธาตุ ถึงกับทรงสร้างโรงถลุงแร่ไว้ในพระราชวังบวรสถานมงคล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๖ ทรงได้รับประกาศนียบัตรจากฝรั่งเศส ในฐานะผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาช่าง <SUP class=reference id=_ref-4>[5]</SUP>
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เสด็จทิวงคตเมื่อวันศุกร์ เดือน ๙ แรม ๓ ค่ำ ปีระกา จุลศักราช ๑๒๔๗ (๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๘) พระชนมายุ ๔๘ พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใด ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลว่างลง จนถึงปีจอ พ.ศ. ๒๔๒๙ จึงทรงสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เป็นมกุฎราชกุมาร และยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราช ตั้งแต่นั้นมา

    ....................................................................................

    อ้างอิงจาก....

    http://th.wikipedia.org/wiki/กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ

    ....................................................................................
     
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786

    [​IMG]

    หลวงปู่ฯ ท่านเมตตา กล่าวแก่บรรดาสิษย์ว่า....
    ท่าน คือ "..วังหน้า องค์สุดท้าย"

    ....................................................................................

    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เสด็จทิวงคตเมื่อวันศุกร์ เดือน ๙ แรม ๓ ค่ำ ปีระกา จุลศักราช ๑๒๔๗ (๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๘) พระชนมายุ ๔๘ พรรษา

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใด ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ว่างลง

    จนถึงปีจอ พ.ศ. ๒๔๒๙ จึงทรงสถาปนา สมเด็จพระบรมโอรสธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เป็น มกุฎราชกุมาร

    และ ยกเลิก ตำแหน่งพระมหาอุปราช ตั้งแต่นั้นมา

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2007
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เรียนคุณ sithiphong
    วันนี้เวลา 13.16น. ผมได้ฝากเงินผ่าน adm ktb central bangna บัญชี 1890131288 จำนวนเงิน 1000บาท เพื่อทำบุญสร้างเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตามที่ได้บูชาพระพิมพ์ไว้ และยังมียอดเหลือคงค้างจำนวน 8933บาทครับ
    ขอบคุณและโมทนาสาธุครับ
    nongnooo...
     
  17. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
  18. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    ....................................................................................................................................

    [​IMG]
    ....................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เสด็จทิวงคตเมื่อวันศุกร์ เดือน ๙ แรม ๓ ค่ำ ปีระกา จุลศักราช ๑๒๔๗

    วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๘ พระชนมายุ ๔๘ พรรษา

    ......................................................................

    หลวงปู่ฯ เกิด 22 เมษายน 2456
    มรณะภาพ 17 พฤษภาคม 2543

    .......................................................................
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องหลวงปู่ท่านเจ้ากรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ก็แล้วแต่ความคิดเห็น ,ความเชื่อ และความศรัทธาของท่านผู้อ่านครับ

    [​IMG]

    รูปหลวงปู่ท่านเจ้า กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญครับ

    รูปลักษณ์ที่ผมได้พบกับหลวงปู่ท่านเจ้า ผมก็เจอหน้านี้ครับ เป็นรูปที่ผมติดไว้หน้ารถผมด้วยครับ

    ท่านเดินจากผมมาไม่ถึง 10 วินาที ผมตามออกมาก็ไม่เห็นท่านแล้วทั้งๆที่เป็นลานจอดรถกว้างๆ และผมยืนในที่สูงครับ

    .

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0020.jpg
      DSC_0020.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.5 KB
      เปิดดู:
      2,845

แชร์หน้านี้

Loading...