ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

คนแก่ต้องหาเรื่องแหย่ แล้วก็มีเรื่องมาเล่า 5555 ล้อเล่นนะ เค้าเรียกหนุ่มใหญ่ อิอิ

สมัยก่อนพ่อผมต้มเหล้าขาย ผมก็ช่วยมาตลอดครับ ต้มได้เด็ดมาก รสดี ล่ำลอไปไกล ทดสอบด้วย เอานิ้วจุ่มเหล้าแล้วจุดไฟที่มือ สีเขียวๆติดไฟเป็นใช้ได้ ต้องหลบตำรวจด้วยนะ หนีตำรวจก็มี ถีบตำรวจตกน้ำก็มี 5555

หาบข้ามน้ำข้ามท่าไปต้มในป่าก็มี

มีอยู่ครั้งหนึ่ง เอาเหล้าไว้ในบ้าน เต็มห้องเลย กลิ่นคลุ้งเลย สรรพสามิตร ตำรวจมาเต็มบ้าน ผมก็ตกใจ พอดีเกี่ยวข้าวอยู่ในนากันอยู่ นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานได้เอารูปหลวงพ่อคูณไปติดไว้หน้าห้องเก็บเหล้า ก็ระลึกถึงบอกกล่าว

เรื่องแปลกเกิดขึ้น ตำรวจเข้าไปในห้องมองไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น หาอยู่นานเลย ครั้งนี้เลยรอดครับ

ตอนผมเรียนที่บางมด ผมก็ได้ใช้ความรู้การหมักเหล้านี่แหละ ทำสาโท น้ำขาว เลี้ยงงานขันโตกชมรมล้านนา 5555

จะว่าผมเรียนจบเพราะเงินขายเหล้าก็ไม่ว่ากัน 55555
ตอนนี้เลิกทำแล้วครับ 5555

 

เดี๋ยวจะลองทำดู โดยไม่มีคาถา ผมว่าเป็นหลักการถ่วงดุลกัน แตละคนก็กลัวล้มจึงดึงไว้ และดันลงด้วย ต้องพิสูจน์ก่อนครับ

 

อมว่านแล้วไม่เป็นไรไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีไหมเคยได้ยินแต่อมเพชรหน้าทั่งแล้วไม่ค่อยหิวน้ำแต่ว่านที่กันไฟได้มีจริงแต่คิดว่าต้องปลูกเป็นกอใหญ่แบบขึ้นในป่า ว่านนั้นคือว่านนกคุ้ม ต้นแจ้ใบปรกดินๆก็ชื้นเป็นธรรมดาที่ไฟจะไห้มไม่ถึงครับ

 

คาถา ลป.โอภาสี

อิติ สุขะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภูมิมะเทวา ขมามิหังฯ

วิธีใช้ในการป้องกันคุณไสย หรือขับไล่สิ่งอัปมงคลในพื้นที่อยู่อาศัย ครูอาจารย์ ผมท่านบอกว่า ให้หาภาชนะสำหรับจุดไฟได้(ผมใช้ปี้บ/กระป๋องใส่สีเก่าๆ)มา ๔ ใบ ใส่น้ำมัน ดีเซลผสมน้ำมันเครื่อง(เพื่อให้ลุกไหม้นาน)

จากนั้น ตั้งนะโม ๓ จบ ระลึกถึงพระรัตนตรัย ระลึกถึงท่าน ลป.โอภาสี ว่าขอให้ท่านช่วยขับไล่สิ่งอัปมงคลในสถานที่แห่งนี้ให้หมดสิ้นไป หรือ อธิษฐานขออย่างอื่นก็ได้เช่นกัน (ขอให้การงานสำเร็จ ไม่ติดขัด รุ่งโรจน์ดั่งไฟ) จากนั้นก็จุดไฟที่เตรียมไว้ทีละจุด จุดทิศตะวันออกก่อน เวียนขวา จุดแต่ละครั้งให้ว่าคาถา ๓ จบ ครับ...

ผมไปตั้งฐานทหารที่ไหน ถ้าตั้งใหม่ ผมจะใช้วิธีนี้ตลอดเพราะว่าเราไม่รู้ว่าจะมีสิ่งใดบ้างในพื้นที่ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ได้ผล เพราะผมเชื่อมั่นในพุทธานุภาพของ ลป.โอภาสี ครูอาจารย์ผมบอกว่า ท่านสำเร็จกสินไฟ..ต้องสื่อท่านด้วยไฟ

 

ไม่ใช่ว่านครับแต่เป็นปิดตาแร่บางไผ่....ตอนหลังให้คุณเชิดวุธไปแล้ว

 

อันนี้หาได้ตามหัวลำโพงครับ 5555+

 

สวัสดีครับอาจารย์คำรณและเพื่อนชมรมไสยศาสตร์ทุกท่าน
อาจารย์ครับกริ่งน้ำเต้านี่ของเกจิท่านไหนครับ พอมีประวัติมั๊ยครับ

 

กริ่งน้ำเต้า ก้ไม่แน่ใจว่าองค์นั้นของใครสร้างแต่

เป็นของเก่าน่าจะทำมาแต่โบราณแล้ว สมัยก่อนนักเลงโบราณนิยม เชื่อว่ากันปืนดีนัก บางคนก็ว่า สามารถอาราธนาตัดสายรุ้งกินน้ำขาด.(ผมก็ยังไม่เคยลอง)

ปัจจุบันก็ยังมีสร้างกัน อยู่บ้าง..ไม่ทราบเหมือนกันว่า สำนักไหนดี

 

ใครรู้จักวิชาบัวพันชั้นบ้างครับ

 

พญาช้างเจ็ดเศียร เป็นช้างคู่บารมีพระโพธิสัตว์(อินทธกุมาร)ซึ่งสำเร็จเป็นพระเจ้าจักรพรรตราธิราชชื่อ “ พญาธัมมสมันตเอกมหาราช” ช้างมงคลนี้เป็นของคู่กับ “ดอกบัวพันชั้น”ในตำนานล้านนาโบราณ ใช้เพื่อเอาชนะศึก คู่แข่งขัน วิชาดอกบัวพันชั้นยังพอหาผู้สืบได้แต่ช้างเจ็ดหัวนิสิหาคนทำได้จริงยากนัก ทั่วลานนามีช้างเจ็ดเศียรเดิมเป็นเครื่องรางที่เหล่าขุนศึกในแถบลานนาและไทเขินใช้ติดตัวเพราะทรงพลานุภาพทางป้องกันทรงอำนาจตบะเดชะตลอดจนค้ำคูน

ผมมีพญาช้าง7เศียรอยู่2ตัว เลยอยากรู้ว่าดอกบัวพันชั้นเป็นอย่างไร
จะเอาไว้คู่กันตามตำรา

 

มีคาถาดีมาบอกครับ
นะโมพุทธายะ นะมัตสิตตะวารัง หะนุมานัง อะระหังกันโต นะโมพุทธายะ วิงวังกังหะกันโต ยะทาพุทโม นะหะทัพหน้า นุทัพขวา มาทัพซ้าย นะทัพหลัง ตังเมสะทิโกมังสุเรโส อะปะนาปะสุสุปิอะธะสิติ ปุวิเสเวสะโกกะโค นะมามิหัง
คาถาหนุมานยกทัพ
(ก่อนเดินทางสวดบทนี้เสียก่อน เเล้วเอามือซ้ายลูบบ่าขวานึกในใจของเราว่า หนุมานอยู่ประจำที่บ่าขวาของเราเป็นประจำ คุ้มภัยได้ทุกชนิด เป็นคาถาที่คุณปู่ทัน รุจิเรขใช้เป็นประจำครับ)ผมขอท่านที่นำคาถาบทนี้ไปใช้โปรดอุทิศบุญมอบให้เเด่ครูทัน รุจิเรขด้วยครับเพื่อเป็นกุศลเเก่ท่านต่อไปครับ

 

อยากเห็นพญาช้าง7เศียร พอมีรูปให้ชมมั๊ยครับ

 

แม่ยายของผมเป็นคนเชียงใหม่ ช่วงที่มาเยี่ยมหลาน นอนป่วยด้วยพิษไข้
หลายวัน คงจะผิดอากาศ วันหนึ่งฝันว่ามีพระผู้อาวุโสรูปร่างผอม ถือไม้
เท้าเดินเข้ามาหาและสอบถามว่า "เอ็งเป็นอะไร มา...ข้าจะรักษาให้"
พระรูปนั้นได้ใช้ไม้เท้าวางบนศีรษะและจากไป ท่านหายป่วยในวันนั้นเลย
แปลกที่ไม่รู้จักหรือเคยพบกับหลวงพ่อโอภาสีมาก่อน ท่านนอนอยู่ชั้นล่าง
ของบ้าน ที่ชั้นบนมีแต่รูปขาวดำที่ผมตัดจากหนังสือพิมพ์ข่าวสดติดไว้ที่
ตู้พระ ช่วงที่ตื่นขึ้นมาใหม่ๆ มาเล่าให้ฟัง ผมก็นึกว่าเป็นหลวงปู่แหวน
หรือหลวงปู่บางรูปที่ท่านนับถือ ผมหยิบภาพหลวงปู่ต่างๆ ให้ดูก็หลายรูป
ท่านบอกว่า "ไม่ใช่ แม่จำได้" มาสะดุดกับรูปหลวงพ่อโอภาสีที่ท่านดู
และยืนยันว่า "หลวงพ่อองค์นี้แหละ ใช่แน่นอน"

 

สวัสดีครับพี่คำรณ เพื่อนๆ พี่ๆ สมาชิกชาวไสยศาสตร์ทุกท่าน

 

ขอแจมบ้าง

คาถาหมวดรักษาโรค

ของครูบาน้อย วัดศรีดอนมูล จังหวัดเชียงใหม่เมตตาให้ไว้

ใช้บรรเทาแก้เวทนาต่างๆ เช่น ปวดเข่า ปวดขา ปวดหัวไมเกรน ปวดท้อง

ตัวคาถาว่าดังนี้

อิ ติง อิ ตาย (หายใจเข้า)

อิ ติง อิ ฮาย (หายใจออก)
ภาวนาให้เป็น วสี

แล้วเป่าไปที่ส่วนต่างๆของร่างกาย
ใช้เสกไม้เกาหลังก็ได้เอาไว้เคาะตามตัว
เอาไปใช้กันนะ

 

ขอแจม2

เอาอีกบท

หมวดรักษาโรค

เป็นวิชาสายหลวงพ่อปานวัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา

ผู้ได้รับถ่ายทอดรุ่นปัจจุบัน คือ หมอจำลอง เป็นฆราวาสอยู่จังหวัดพิจิตร

บทนี้เหมาะกับผู้ที่มีอาชีพเป็นหมอนวดจับเส้น
ตัวคาถาว่าดังนี้


โอม โส โส ปิลา ยาน หย่อน เส้นเอ็นของ (ชื่อบุคคลที่จะรักษาถ้าไม่รู้นึกหน้าเอาก็ได้) จงหย่อน จง ยาน


ภาวนาในใจแล้วบีบนวดหรือเป่าไปที่ส่วนต่างๆในร่างกายใช้สำหรับคลายเส้นเอ็นไขข้อต่างๆในร่างกายผู้ป่วย
ลองดูครับ

 

อ่านสนุกแถมได้ความรู้ครับกระทู้นี้ขอขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่านที่ลงความรู้ไว้ให้อ่านเป็นวิทยายุทธ....เอ้ย....วิทยาทานครับ ขอบคุณครับ

 

สวัสดีในสายๆ ของวันหยุด วันนี้วันอาทิตย์ สมาชิกส่วนใหญ่คงหยุด แต่ พวกผมตะหารชายแดนยิ่งหนักกว่าวันธรรมดา ๕๕๕ ก็เพราะวันหยุดคือวันที่เหมาะสำหรับ คนบางกลุ่มที่ชอบใช้วันหยุดในการลักลอบทำงานผิดกฎหมาย...ไม่เป็นไรครับ ถือว่ารับเงินภาษีของชาวบ้านมาแล้วทำให้เต็มที่ไป..คิดเสียว่าสมัยก่อนยุคก่อนเขาลำบากกว่าเราเยอะยังปกป้องบ้านเมืองไว้ได้ สมัยนี้ไฟฟ้าก็มี น้ำแข็งก้ได้กิน..สมัยก่อนสงสัยต้องกินน้ำตามลำห้วย หรูหราที่สุดคงน้ำฝนในคนโฑหม้อดินเผาลอยดอกมะลิ.

ท่านที่ลงคาถาจับเส้นไว้ก็ขอขอบคุณ ผมเคยเจอลุงแก่ๆคนหนึ่งบนรถไฟเดินทางไปหาดใหญ่ บอกว่ามีอาชีพจับเส้นให้กับชาวมาเลย์ แกบอกว่าเป็นคนพิจิตร แต่ไม่ได้ถามไถ่ชื่อแซ่..รู้แต่ว่า จับเส้นให้มาเลย์ทีนึงก็ คนละพันสองพัน ผมถามแกว่าจับแบบไหนทำไมแพงจัง..แกบอกว่าจับเส้นด้วยครูไม่ได้เรียนวิชานวดแผนโบราณแบบสมัยนี้ เรียนวิชาจับเส้นอย่างเดียว คือ ว่าคาถายกครูก่อนจับ บีบนวด ในวิชาจะมีบอกไว้หมดว่าเจ็บตรงไหนจะนวด/จับเส้นไหน เพียงแค่นวดเบาๆ...แต่ครูเขาจะลงมานวดเอง ท่านว่างั้นนะ.บางคนนวดครั้งเดียวหาย บางคน ๒ ครั้ง ไม่เกิน ๓ ถ้าเกิน๓ท่านว่าเกิดจาก กรรม ..นวดไม่หาย เลยคิดว่า สายนี้หรือเปล่าไม่ทราบได้ แต่ วิชานี้มีจริง เพราะถ้าไม่ดีจริงแกคงไม่นั่งรถไฟไปถึงหาดใหญ่และนอนพักโรงแรมอย่างดีที่มีคนจองไว้ให้ อยู่ครั้งนึงประมาณ ๑ เดือน..กลับมาทีก็หอบเงินหมื่นกลับบ้าน...
มาเล่าสู่กันฟังครับ..

 

พูดถึงวิชาหมอพื้นเมืองไทยนั้น มีหลายแขนงครับ ไม่ว่าจะรักษาด้วย คาถา ยาสมุนไพร น้ำมัน แต่ต่างก้มีครู

สมัยก่อนมักจะเชื่อถือได้จริงบ้าง/ไม่จริงบ้างเหมือนกัน ยุคผมยังทัน ตัวผมเองสมัยก่อนอยู่บ้านนอกบอกตรงๆว่าโรงพยาบาลยังไม่รู้จักเลย หมายถึงไม่กล้าไปครับเพราะไม่มีตังค์อีกอย่างคนบ้านนอกจะดูกลัว ระบบข้าราชการมาก จึงไม่นิยม

เจ็บป่วยก็รักษากันเองภายในหมู่บ้าน มานึกทุกวันนี้รอดปากเหยี่ยวกามาได้ยังไงหนอ จำได้ว่า เรียนมัธยมต้น เป็นงูสวัส เกือบรอบเอว คนโบราณบอกว่าถ้ารอบแล้วตาย๕๕ เราก็กลัวตายสิเขาให้ทำไรก็ทำตามหมด รักษาไป ๓ หมอพอดี หายกับหมอคนสุดท้าย คนแรกนี่สุดยอดบอกว่าให้เอาน้ำครำที่เขาเทครัวมาทาด้วยขนไก่ คนที่๒เอา แป้งดินสอพองเสกมาทา ไม่หายทั้ง ๒ คน คนที่ ๓ ให้เอาดอกมะลิ ใบมะลิผสมแป้งดินสอพองเสก ทาอยู่ ๓ วันหาย แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะว่ามันคงจะหายจากอายุโรคมากกว่านะ๕๕๕ เพราะโรคนี้เกิดจากไวรัส รักษาไม่หายมันจะหายไปเอง

มาครั้งหลังสุดที่กระดูกหน้าแข้งหักผ่าตัดด้วยหมอมือดีที่สุดของโรงพยาบาล รักษาไป ๕ เดือนกระดูกก็ไม่ยอมต่อ หมอกำหนดเส้นตายว่าถ้าเข้าเดือนที่ ๖ กระดูกไม่ติดขอปผ่าซ้ำเดวจะใช้วิธีโรยกระดูกโดยขูดกระดูกจากสะโพกไปโรยบริเวณที่หัก เพื่อล่อมัน..จ้าก..ฟังแล้วขนพองสยองเกล้า ไม่รู้ทำไง เพราะหมอน้ำมันที่ดังๆก็เสกน้ำมันทามาให้แล้วก็ไม่ติด..

สุดท้ายพึ่งการบนบานสานกล่าว..พอดีไปกราบเจดีย์พระธาตุจอมกิตติ บนด้วยมาลัยดอกมะลิ๙พวง...แล้วไปหาซื้องาดำถุงชนิดซองมาชงกินติดต่อกัน๔๕วันพอดี ถึงยอมไปเสี่ยงเอ็กเรย์..
ผลว่ารอดจากการผ่าใหม่ ๕๕๕ เลยสรุปว่า สมัยนี้ หมอพื้นเมืองก็ไม่ใช่จะดีเหมือนก่อนๆ เช่นกัน..แต่ผมก็ยังเชื่อในพุทธานุภาพ อยู่ เพราะที่ไปบนนั้นไปบนกับพระธาตุที่มี พระบรมสารีริกธาตุ อธิษฐานเอาเอง..โดยขออนุเคราะห์ท่านว่า ถ้าลูกไม่หายลูกก็ไม่สามารถทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองได้ปกติจะทำให้เสียเวลาต่อทางราชการ..

ท่านก็คงเห็นใจ...ใครจะนำวิธีไปใช้มั่งก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะ ๕๕๕ .