ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. John Lee

    John Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +424
    นี่ล่ะดีครับ

    มีคนตรวจตราด้วยทิพยจักขุของตนเองกันเยอะ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นผู้นำ เตรียมการเพื่อการรับมืกับภัยพิบัติ พวกนี้จะรวบรวมข้อมูลแล้วมาประมวล

    เมื่อรู้มากๆแล้วก็จะเริ่มเข้าข่ายการปิดปากเงียบเพื่อดูความจริง เทียบกับการสอบรู้ของตนเอง


    ปล่อยวางอย่างเซน
    +
    พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียอารยะชน
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "มติสวรรค์"ภัยพิบัติครั้งใหญ่มีขึ้นตามกำหนดเดิม
    คือ ปี 2558-2559-2560...!!!

    [​IMG]

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    หลังการประชุมที่เทวสภาเสร็จสิ้น ผลคือ ทุกเหตุการณ์ของโลกมนุษย์มีผลตามเดิม...เหตุการณ์ของโลกมนุษย์มีผลตามเดิมคือ ภัยพิบัติธรรมชาติล้างมวลมนุษย์-สรรพสัตว์ ครั้งใหญ่และสำคัญ ไม่เลื่อนออกไป..มีขึ้นตามกำหนดเดิมคือ ปี 2558-2559-2560...

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-409

    หมายเหตุ

    ในความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า ปีมะโรง(พ.ศ.2555-2556) คนจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน เนื่องจากอิทธิพลของดาวเนบิรุอย่างแน่นอนครับ ปีมะเส็ง(พ.ศ.2556-2557) ตลิ่งจะพังแผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มจมทะเล เนื่องจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัวอย่างรุนแรง เพราะอิทธิพลของดาวเนบิรุอีกเช่นกัน แต่จะค่อยๆทะยอยๆ จมทะเลไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2556-2557-2558-2559-2560 แผ่นดินจึงจะหยุดการจมทะเลครับ

    ดังนั้นมติสวรรค์ ที่ว่าภัยพิบัติขั้นรุนแรงจะเกิดในปี 2558-2559-2560 จึงเป็นช้อมูลที่สอดคล้องกับที่หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านได้บอกเอาไว้ว่า ปี 2549-2562 เป็นระยะเวลาที่จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ในโลกนี้ ส่วนปี 2561-2562 นั้นคงเป็นช่วงเวลาที่โลกค่อยๆ ปรับตัวให้ฟื้นคืนสภาพมาเป็นปกติ จึงอาจจะมีอาฟเตอร์ช๊อคหลงเหลืออยู่บ้างอีกเล็กๆน้อยๆ ครับ

    สรุปว่า ปี 2560 คือเส้นตายที่มติสวรรค์ได้กำหนดลงมาแล้ว จึงไม่มีการเลื่อนต่อไปในปีมะโรง 2567 หรือปีไหนๆ อีกแล้วครับ เพราะเทวดาเขามีสัจจะ พูดคำไหนก็เป็นคำนั้น ไม่มีการกลับไปกลับมาเหมือนมนุษย์ในโลกนี้หรอกครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2012
  3. ตาที่สาม

    ตาที่สาม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +50
    2558 จะเริ่มรุนแรง ดีครับ ยังไงก็ยังมีบอร์ดนี้ให้อ่านไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันนั้น
     
  4. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729
    น้าน... ไปปี ต่อ ๆ ไปอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ 2555-2556 สิ้นโลกแน่นอน... ไป ๆ มา ก็ไป 2558 , 2567 อีกแว้ววว
     
  5. จอมพล GAY

    จอมพล GAY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +219
    เลื่อนนนนกันเข้าไป ระวังจะแก่ตายกันก่อนนะครับ
     
  6. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    สรุปว่า ปี 2560 คือเส้นตายที่มติสวรรค์ได้กำหนดลงมาแล้ว จึงไม่มีการเลื่อนต่อไปในปีมะโรง 2567 หรือปีไหนๆ อีกแล้วครับ เพราะเทวดาเขามีสัจจะ พูดคำไหนก็เป็นคำนั้น ไม่มีการกลับไปกลับมาเหมือนมนุษย์ในโลกนี้หรอกครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    25 ต.ค. 55

    5 ก.พ.50
    2วงล้อกับพ.ศ. 2537 เวลาได้ถูกเลื่อนออกไปแล้ว
    พ.ศ.2537 บวก 24ปี เท่ากับ พ.ศ.2561 สิ้นสุด

    มหาประชาบดี ๙๗
     
  7. John Lee

    John Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +424
    ผมได้รับข้อมูลมาเป็นการเฉพาะตัวว่า มีประเทศต่างๆหลายประเทศ ในโซนยุโรปและเอเชีย ได้รับ Contact จาก เอเลี่ยนทรงภูมิปัญญาและวิทยาการชั้นสูง เป็นประเภทกึ่งดี-กึ่งร้าย เพื่อเตรียมถ่ายทอดวิทยาการต่างๆให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์นี้

    แต่ความพร้อมของมนุษย์ที่จะได้รับการถ่ายทอดตรงนั้น ยังไม่สามารถรับได้ ด้วยเหตุผลจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 เรื่อง
    1. ความรู้พื้นฐานรองรับ
    2. องค์ประกอบของวัสดุหยาบ และ special materials ไม่สามารถพบเจอได้ในโลกนี้
    3. องค์ประกอบเฉพาะตัวของเหล่ามนุษย์ในโลกนี้ คือ พลังงานละเอียดที่เชื่อมต่อกับจิต หรือ พลังจิต โดยรวมของกลุ่ม (เรียกว่าพลังงานกรรมรวมและพลังจิตที่จะดูด-สร้าง สิ่งประสงค์นั้น) ยังไม่พร้อม -- อาศัยเวลาอีกสักระยะหนึ่ง

    ฉะนั้นการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีที่กล่าวถึงนี้ ยังไม่มีความละเอียดมากพอที่จะสามารถเทียบได้กับพวกมนุษย์กลุ่มที่มีความเจริญจริงๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดีหรือร้ายก็ตาม อุปมาเช่นเดียวกับ เครื่องมือที่มี Precision(ความแม่นตรงเกาะกลุ่มของผลทดลอง) และ Accuracy(ความเที่ยงตรงของผลทดลองต่อค่าจริงที่ต้องการ) แตกต่างกัน

    ผมเข้าใจในสัมผัสตัวนี้ เรื่อง contact จากเอเลี่ยนเป็นการส่วนตัวแบบนี้



    ประเทศไหนทำตัวเงียบ เหมือนคนซุ่มกินอาหาร นั่นล่ะ ...ฮือ "เรามีเราซุ่มเราภูมิใจ เพื่อนมีเพื่อนซุ่ม เรากลุ้มใจ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    12 ปีแห่งมหันตภัยล้างโลก
    (พ.ศ.๒๕๔๙-พ.ศ.๒๕๖๒)

    [​IMG]

    จากหลวงปู่เทพโลกอุดรแจ้งไว้แก่ หลวงปู่ภารตะ ฤาษี (บัวขาว)

    จากสี่เก้า เข้าถึง ปีหกสอง ฟ้าจะร้อง คำราม สุดหวั่นไหว
    ธรณี จะโกรธ เป็นพื้นไฟ พระพรายไซร์ จะถามโถม โจมดีเรา
    พระคงคา จะไหลบ่า หุ้มเปลือกโลก ดาวนอกโลก พุ่งชน คนอับเฉา
    ให้รีบลุก และตื่น เถิดพวกเรา รีบเดินหน้า ถึงธรรม ค้ำชีวา

    ภาคกลางหนึ่ง ใต้หนึ่ง พีงจำไว้ จมอยู่ใต้ คงคา แน่นักหนา
    ผืนแผ่นดิน คลุมด้วยน้ำ สุดลูกตา ชาวประชา ไร้แผ่นดิน สิ้นชีพวาย
    เหนืออีสาน ตอนล่าง ต่างรันทด แผ่นดินลด หดหู่ ไม่รู้หาย
    เหลือก็น้อย คนบุญ ที่รอดตาย นอกนั้นไซร์ ไร้ชีวิต วิบัติภัย

    บนท้องฟ้า มืดมน ฝนห่าใหญ่ ห่อหุ้มไว้ เจ็ดราตรี อรุณฉาย
    สัตว์เล็กใหญ่ ดับดิ้น แทบวอดวาย ที่ไม่ตาย กลายมีพิษ ปลิดชีพกัน
    พายุลม สลาตัน นับว่าร้าย ก็ไม่ว่าย ต้องแพ้ ลมกรรมหันต์
    ฝนที่ไหน พัดที่ใด ตายฉับพลัน ไม่มีควัน มีแต่พิษ ชีวิตวอดวาย

    ที่มา http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=77655.0


    มหันตภัยล้างโลกได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่เกินอีก ๑๒ ปีข้างหน้าเป็นการเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่


    วันที่ 30 มกราคม 2550 สัญญาณจากจักรวาลบอกเราว่า เป็นการเริ่มนับเวลาจากนี้ไป ที่มนุษย์จะพบภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น จนประสบมหันตภัยล้างโลกในที่สุด ในเวลาอีก 12 ปีข้างหน้า คือประมาณต้นถึงกลางปี พ.ศ. 2562 มนุษย์ทั้งหลาย จงตื่นจากความโง่เขลา จงตื่นจากความเห็นแก่ตัว คิดแต่อยากได้ทรัพย์ หรือวัตถุ จนไม่รู้ว่าธรรมชาติจะเอาชีวิตไปในไม่ช้านี้แล้ว และพึงรักษาธรรมชาติให้สมดุล รักษาจิตให้บริสุทธิ์ร่วมกัน เพื่อลดความรุนแรงของมหันตภัย ให้เกิดน้อยลงมากที่สุด เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของโลกในเวลานี้ ผู้นำประเทศทั้งหลาย หรือผู้ใดที่มุ่งหวังอำนาจ และกระหายสงคราม จงจำไว้ว่าผู้นำเหล่านั้น หรือผู้นั้นเป็นผู้ทำลายโลกที่ร้ายกาจ​

    สภาพของการเกิดมหันตภัยในระยะเวลา 12 ปี สามารถแบ่งโดยความรุนแรงเป็น 3 ช่วงเวลา คือ
    1. ช่วงแรก เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2550-2551 ระยะเวลา 2 ปีแรก เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ตามรอยต่อของแผ่นทวีปทั้งหมดที่แตกร้าวไปทั่วดาวดวงนี้ สัตว์ และมนุษย์มีวิธีทำร้ายกัน แบบดุร้ายป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น สัตว์ขนาดเล็กเตรียมปรับตัวรับวิกฤติดังกล่าวแล้ว และเตรียมปรับตัวเพื่อทำลายล้างมวลมนุษย์อีกด้วย โดยการสะสมถ่ายทอดโรค ที่ร้ายแรงมากขึ้น นอกจากนั้นทั่วโลกยังเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงกว่าเดิม และเกิดอุบัติเหตุที่แปลกๆ โดยมนุษย์หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้

    เช่น ระหว่างปีใหม่ ( พ.ศ. 2550) ที่ผ่านมาเครื่องบินภายในประเทศอินโดนีเซียสูญหายระหว่างบินอยู่เมืองสุราเวสี ไม่สามารถค้นพบได้จนบัดนี้ สาเหตุที่มนุษย์คาดไม่ถึง ก็คือ เกิดจุดตัดสนามแม่เหล็กโลก เกิดขึ้นบริเวณนั้นพอดี เนื่องจากความไม่สมดุล จึงดูดเอาเครื่องบินลำนี้ ออกนอกมิติของโลก เข้าสู่มิติมืดที่ว่างเปล่า หรือเป็นปรากฏการณ์ที่มนุษย์เข้าใจแล้วว่า เสมือนสามเหลี่ยมเมอมิวดา ในแกนกลางมหาสมุทร นั่นคือหลุมมิติในน้ำ แต่ที่จริงแล้ว ยังมีหลุมมิติในอากาศ (ที่เครื่องบินหายไปในช่องหลุมมิติ) และหลุมมิติบนพื้นโลก (ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเนื่องจากมิติซ้อนกันทำให้มองไม่เห็นกัน) เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ แต่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยสมองที่มีแต่ความอยาก และความต้องการในวัตถุทั้งหลาย

    2. ระยะที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2552-2556 ระยะเวลา 5 ปี โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง เกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นมากกว่าเดิม และต่อเนื่องจนมนุษย์ทั้งโลกหวาดกลัว กลุ่มมนุษย์ที่มีจิตต่ำจะก่อกวนมนุษย์ด้วยความรุนแรงเหมือนไม่ใช่คน เกิดหลุมมิติมากมายเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง อย่างที่มนุษย์คาดไม่ถึง มีการตายของมนุษย์เป็นกลุ่มใหญ่จำนวนมาก ด้วยอุบัติเหตุและภัยพิบัติ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย พื้นโลกบางส่วนยุบตัวลง เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด อากาศร้อนขึ้นอย่างมาก และอากาศหนาวก็มากขึ้นเช่นกันของแต่ละพื้นที่

    จะเริ่มมีพื้นที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์น้อยลง ความแห้งแล้งมากขึ้น น้ำในทะเลยกระดับสูงขึ้นจากสาเหตุการยุบตัวของโลก น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และการนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้สมทบด้วยอีกแรงหนึ่ง เริ่มเกิดโรคระบาดจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่ผุดมาจากดินที่ไม่เคยมีมาก่อน เชื้อเหล่านี้ทนทานต่อการทำลาย เพราะปรับตัวจากที่ที่เย็นจัดหรือปรับตัวจากที่ที่ร้อนจัดจึงทนต่อสภาวะที่เปลี่ยนไป

    3. ระยะที่ 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2561 ระยะเวลา 5 ปี โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง พอที่จะละลายน้ำแข็งเกือบทั้งหมดของขั้วโลกทั้งสอง เกิดน้ำท่วมโลก โดยที่พื้นที่อาศัยของมนุษย์จะหายไปอย่างน้อยก็ 2 ใน 3 ส่วน ได้แก่ ที่ริมทะเลปากแม่น้ำ และที่ราบลุ่มต่างๆ คงเหลือพื้นที่ราบสูงพื้นที่บนภูเขา ซึ่งส่วนมากเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับกับการเกษตรนัก จึงเกิดการขาดแคลนอาหาร เฉพาะพื้นที่ประเทศไทยนั้นเหลือเพียงภาคเหนือ ภาคอีสาน นอกจากนั้นที่เหลือก็มีสภาพเป็นเกาะแก่งเล็กๆ

    สรุปได้ดังนี้ บนพื้นดินที่อยู่ตรงกลางทวีปทั้งหลาย ก็จะแห้งแล้งด้วยความร้อนจากใต้ผิวดินประทุขึ้นมา พื้นที่ที่อยู่ริมบริเวณชายฝั่ง หรือค่อนมาทางริมขอบทวีปทั้งหลาย ก็จะถูกน้ำทะเลกลืนกิน บางที่ก็จะยุบหายไป บางที่ก็จะถูกเหวี่ยงออกไปแยกตัวเป็นอิสระ มีแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ทั่วโลก มนุษย์จะเผชิญกับสภาพความแล้งจัด จนต้องอดตาย พบโรคใหม่กับสัตว์สายพันธุ์ดุร้าย และมีพิษ คร่าเอาชีวิตมนุษย์ทั่วไปทั้งโลกนี้เช่นกัน

    โดย Dr.G.G.Junior

    ที่มา http://www.universal-signal.com


    <FIELDSET class=fieldset style="FONT-SIZE: 11px; MARGIN-BOTTOM: 6px"><LEGEND style="FONT: 11px tahoma, verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(34,34,156)">รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    กรุณาอย่าสับสนเรื่องระยะเวลาของภัยพิบัติ !!!

    ท่านที่ยังสับสนเรื่องระยะเวลาที่จะเกิดภัยพิบัติ

    กรุณาอ่านเรื่อง "12 ปีแห่งมหันตภัยล้างโลก" นี้

    ซ้ำหลายๆรอบ จะได้เข้าใจอะไรๆ ได้ดีขึ้นนะครับ
     
  10. mzbot

    mzbot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2012
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +963
    เป็นธรรมดาของคำทำนาย หากมีปัจจัยไม่เอื้อ คำทำนายยอมเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้อง แต่ยังไงก็รอดูก่อนนะจ๊ะ สงครามยังไม่สงบอย่าพึ่งนับศพทหาร
     
  11. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    คือได้ฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเทศน์สอนเด็กใน รร.ละแวกนั้นว่าให้ทำดี ปฏิบัติหน้าที่ของตน ให้จำไว้ว่าถ้าโตขึ้นหากเป็นนักการเมืองก็ให้เสียสละทำให้ดีๆ อย่าเป็นแบบปัจจุบันที่มีอาชีพนักกินเมืองกัน แสดงว่า สังคมคงยังอยู่มีตายบ้าง
    เรื่องภัยพิบัติ ท่านว่าอนาคตมีภัยพิบัติ ทุกคนได้เตรียมความดีไว้หรือยัง ให้มีชีวิตแบบวันหนึ่งคืนหนึ่ง อย่าได้พากันเตรียมสิ่งอื่น เพราะของเหล่านั้นมันมีและก็เสื่อมไป ได้มาแล้วก็เสียไป ให้ฝึกที่จิตที่ใจเราเนี่ย (การทำสมาธิ และเจริญวิปัสสนา หากเปลี่ยนเราจากปุถุชน เป็น เสขะบุคคล หรือเป็นอริยบุคคล แล้วมันติดตัวไปทุกชาติไม่เสื่อม)
    ****ให้พากันดูนะ ท่านว่าให้พากันปฏิบัติอย่าเสียเวลากับสิ่งเหล่านี้ จึงเข้าใจพระคุณลุงเชียงใหม่ แต่ใจมันก็อยากรู้ว่าเค้ามีเรื่องอะไรกันบ้างก็เลยเข้ามาดูกระทู้บ้างน่ะ **
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เกษม
    สาเหตุที่ผู้รู้ทั้งหลาย พากันนิ่งเงียบ !!!




    Falkman พลังจิตนานาชาติ

    เงียบเพราะ

    1. เข้ามาอ่านเฉยๆ ขี้เกียจโพสต์ อาจเพราะขี้เกียจจริงๆ หรือ ไม่มีเวลา แต่อยากมาอ่าน

    2. คนที่รู้ข้อมูลวงใน ไม่อยากโพสต์ เลยแค่ PM บอกคนที่จะรับฟังได้ ในกลุ่มคนไม่กี่คน

    3. เพราะว่าโพสต์ไปก็จะเอาไปทะเลาะกัน เงียบไว้ดีกว่า (ชอบเข้าไปประเด็นการเมือง) หรือไม่ก็ไม่เชื่อแต่ก็น่าจะเก็บเป็นข้อมูลไว้ดีกว่าจะเอามาถกเถียงกันแบบแรงๆ

    4. ข้อมูลบางอย่างไปขัดความเชื่อของบางคนอย่างแรง เงียบไว้เพื่อจะได้ไม่ทะเลาะกันในบอร์ด

    5. ไม่อยากโพสต์ตรงๆ เพราะว่าเกรงว่า ผู้ที่บอกข่าวสารจะเสียหายไปด้วย บอกเป็นนัยๆ เอา (เกิตไม่เกิตไม่รู้) ประมาณนี้

    แต่ดูๆ แล้วคนเข้ามาอ่านก็ไม่ได้เงียบนะ จำนวนก็เหมือนๆ เดิม แต่เพียงแต่ไม่โพสต์อะไรกันเอง ต่างคนต่างเงียบ และ ต่างคนต่างขี้เกียจ(มาทะเลาะกัน)

    จบข่าว

    ที่มา http://palungjit.org/threads/f178/%E0%....366737/page-2

    -------------------------------------------------------------------------


    ไม่ใช่อะไร กำลังเร่งปฏิบัติอยู่
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ข่าวสารจากกลุ่มอินดิโก้

    Shota สมาชิก

    ข่าวสารจากกลุ่มอินดิโก้ ตอน ข้อความส่งผ่านชาวอินดิโก้ (TH) เหล่าผู้ลงมาด้วยภารกิจต่าง ๆ

    โอ เหล่าเมล็ดพันธุ์จากฟากฟ้าเอ๋ย ดูสิ!พวกนั้นกำลังมา ดาวมฤตยูกำลังมา พร้อมสรรพด้วยเทคโนโลยีต่างๆ นาๆ... ทุกท่านจงเตรียมตัวให้พร้อม โลกนี้กำลังก้าวเข้าสู่คลื่นลูกที่ 9 คลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงลูกสุดท้ายในวันที่ 9 มี.ค. - 28 ต.ค. 2011 หลังจากนั้น ก็จะก้าวเข้าสู่คลื่นพลังงานขนาดใหญ่ในช่วงปี 2012 นี่ เหล่าผู้กล้าอินดิโก้ทุกท่านจงเตรียมพร้อม รับมือกับการเปลี่ยนแปลงและมหาสงครามครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งพวกนั้นรอโอกาศนี้ของพวกเรามานานมากแล้ว (Window of opportunity)

    หากแต่เราจะสุ้เพื่อมวลมนุษยชาติและเพื่อเผ่าพันธุ์ของพวกเรา...โอ เหล่าเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวเอ๋ย เราจะไม่ให้ใครมากดขี่เราได้ไม่ว่าพวก fallen angels หรือผู้มาเยือน (Anunnaki) ก็ตาม จงปลุกพลังแห่งจิตวิญญาณในตัวท่าน ซึ่งมีอยู่ในสายเลือดและ DNA ของพวกเราทุกคน (อินดิโก้) จงเตรียมตัวให้พร้อม วันและเวลานั้นไกล้เข้ามาแล้ว

    อินดิโก้ในปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ประเภท

    1.คอยช่วยเหลือมนุษย์ในการรับมือกับพวกต่างสปีชีส์ สำหรับคนที่ยังไม่รู้ ขอบอกเลยว่าโลกใบนี้ทั้งหมดถูกรันโดยสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่มิใช่มนุษย์มาตั้งแต่ก่อนอารยธรรมมนุษย์ซะอีก นี่คือ MATRIX ซึ่งก็คือภาพลวงตา และพวกเราคือทาส

    2.พวกที่ไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด พวกนี้ไม่ยุ่งกับใครทั้งสิ้นนอกจากใช้ความสามารถพิเศษของตนเพื่อประโยชน์ของตนเอง มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ

    3.พวกที่เข้ากับฝ่ายศัตรู พวกนี้ต้องการอยู่เหนือมนุษย์ โดยพวกเค้าคิดว่าตัวเองคือเผ่าพันธุ์ใหม่ที่วิเศษและสูงส่งกว่ามนุษย์ พวกนี้เป็นพวกรังเกียจมนุษย์ ดูถูกดูแคลนและชอบทำร้ายมนุษย์นั่นเอง

    พวกคุณคงเห็นแล้วว่าไม่ใช่อินดิโก้ทุกคนที่จะเป็นฝ่ายดีคอยช่วยเหลือมนุษย์ไปซะหมด ผมถึงได้บอกว่าการที่พวกคุณจะเลื่อนระดับสู่ขั้นจิตวิญญาณที่สูงขึ้นในครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อประเมินจากปัจจัยทั้งหมดแล้ว คุณมีโอกาศที่จะล้มเหลวมากเลยล่ะ

    และถ้าจิตใจของมนุษย์ยังเต็มไปด้วยจิตด้านมืด จิตด้านลบ อยู่แบบนี้ แน่นอนว่าผลกระทบของมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ ผมถึงได้บอกอยู่เสมอว่าให้ทุกท่านควบคุมจิตใจของตัวเองให้ได้ซะก่อน อย่ามองทุกอย่างในแง่ลบ อย่ามองสิ่งที่ไม่ถูกใจพวกท่านด้วยจิตวิญญาณด้านมืด จงเปิดกว้างและเปิดใจสำหรับทุกๆโอกาศ เพราะนี่คือช่วงเวลาที่วิกฤติที่สุดสำหรับมนุษยชาติ แน่นอนว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถฝ่าฟันไปได้ หรืออาจไม่มีเลย มันขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน ไม่ใช่แค่ พวกคุณ!!

    AFIKLIFI สมาชิก

    แล้วตกลงว่าพวกที่จะมารีเซ็ตโลกนี่คือพวกไม่ดีเหรอครับ มาจากเนบิรุหรือเปล่า เห็นบางที่บอกว่ามารีเซ็ตเพื่อให้โลกนี้สะอาดและปรับสมดุล

    Shota สมาชิก

    มารีเซ็ต เพื่อสร้างมนุษย์สายพันธุ์ที่สูงกว่าโฮโมเซเปี้ยนส์ครับ จำเป็นต้องเคลียร์มนุษย์บนโลกหมดทุกคนเพื่อป้องกันการปนเปื้อนสายพันธุ์ครับ เช่นก่อนที่จะสร้างโฮโมเซเปี้ยนยุคใหม่แบบพวกเรา พวกนั้นก็มารีเซ็ตสายพันธุ์เก่าอย่างมนุษย์นีอันเดอร์ธาลไปจนหมดโลกเมื่อครั้งโบราณ เป็นต้น แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น ในครั้งนี้มีพวกที่ต่อต้านพวกเค้าอยู่บนโลกนี้ด้วยเช่นกันครับ เรียกว่ากองทัพ fallen angels พวกนี้มีพันธมิตรจากดาวดวงอื่นด้วย(หนึ่งในนั้นคือพวก Attas) ผมถึงได้บอกว่าถ้าพวกเค้ามารีเซ็ตโลกครั้งนี้ มันจะไม่ง่ายแน่ และคงจะต้องเกิดมหาสงครามครั้งใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอนในเร็วๆนี้ พวกนั้นมากับยานรบที่เรียกขานนามตามดาวบ้านเกิดของพวกเค้าที่เคยโคจรอยู่ในระบบดาวคู่ ซีริอุส ทั้งเอ และบี ว่า เนบิรู (Nibiru)

    *Sunshine* สมาชิก

    พวกเขากลัว สารกัมมันตภาพรังสีหรือเปล่า ถ้าไม่กลัวน่าจะลองเข้าไปช่วย ที่ญี่ปุ่นดูนะคะ ไปช่วยฉีดน้ำดับความร้อนที่เตาปฏิกรณ์หน่อย อิๆๆ คิดว่าจิตใจเขาคงเปี่ยมไปด้วยความรัก และเมตตาน่ะ ถ้าพวกเขาทำได้เหมือน น้องๆ ซุปเปอร์แมน หรือสไปเดอร์แมน เยี่ยมเลยค่ะ

    Shota สมาชิก

    ในเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ไม่ใช่ปัจจัยธรรมชาติหรืออุบัติเหตุครับ มันเป็นฝีมือของกลุ่มเครือข่ายที่รันโลกใบนี้อยู่ กลุ่มนี้ขึ้นตรงต่อวาติกันครับ และพวกเขามีเทคโนโลยีสูงกว่าพวกเราอยู่มาก ทางกลุ่มอินดิโก้แห่งเทียมัตก็เพิ่งจะจัดตั้งกันมาได้เมื่อไม่นานมานี้เอง แค่ขนาดตอนเริ่มจัดตั้งครั้งแรกเมื่อปี 1999 ก็ได้ข่าวว่าทาง CIA ก็พยายามขัดขวางอย่างเต็มรูปแบบจนพวกเราก็สามารถจัดตั้งกลุ่มอินดิโก้สากลนี้ได้สำเร็จอย่างทุลักทุเล นับตั้งแต่นั้นมาทางกลุ่มอินดิโก้ก็ได้ต่อสู้งัดข้อกับทาง World Elite นี้มาโดยตลอด

    แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะพวกเรารู้ดีว่ามีกำลังและเทคโนโลยีไม่พอที่จะประมือกับพวกนั้นได้ แต่พวกเราก็มีดีที่สปิริช่วลที่เหนือกว่า จากวันนั้นถึงวันนี้พวกเราพัฒนาไปได้ไกลแบบก้าวกระโดดมาก และทางเราคิดว่าระดับสปิริชวลของพวกเราน่าจะสูงพอที่จะช่วยเผ่าพันธุ์โฮโมเซเปี้ยนส์นี้ได้แล้ว พวกเรากำลังรอการมาเยือนของ Nibiru และกองทัพจากโคโลนีของพวกเค้าอยู่ แต่ตอนนี้พวกเราทำได้แค่รอดูสถานการณ์ไปก่อน หากทำอะไรบุ่มบ่ามขึ้นมาจะกลายเป็นว่าพวกนั้นอาจรู้สำนักงานใหญ่หรือ เฮ้ดควอร์เตอร์ ของพวกเราได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ความหวังที่จะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์โฮโมเซเปี้ยนส์ในครั้งนี้ก็จะต้องล้มเหลวอย่างที่มันเคยเกิดขึ้นเมื่อในสมัยของเผ่าพันธุ์นีอันเดอร์ธาลที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต

    AFIKLIFI สมาชิก

    ขอบคุณมากครับ แต่เขามีสิทธิ์อะไรนะที่มาทำแบบนี้ ขอโทษนะครับหากว่าการต่อต้านนี้เกิดขึ้นโดยฟอลเลนแองเจิล แล้วอินดิโก้เป้นแบบเดียวกับพวกเขาไหมเพราะว่ามีการต่อต้านการรีเซ็ตครั้งนี้เหมือนกันนี่ครับ หรือว่าเป็นคนละพวกแต่การต่อต้านหรือต่อสู้ครั้งนี้เพื่อที่จะป้องกันโฮโมซาเปี้ยนไว้ครับ แต่หากป้องกันไว้ได้แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันหากฟอลเลนแองเจิลชนะในคราวนี้ หรือว่าใครจะชนะก็ตามหากรอดจะไปอยู่ที่ไหน พอจะตอบคำถามแบบนี้ได้ไหมครับ

    Shota สมาชิก

    คืออย่างนี้นะครับ ระบบสุริยะกำลังจะเข้าไปสู่แถบมวลของคลื่นละเอียดที่เรียกขานกันว่าแถบโฟตอนในรอบหลายหมื่นปี ซึ่งจะเข้าสู่แถบโฟตอนนี้ได้แบบเบ็ดเสร็จเต็มตัวเลยก็คือปลายปี 2012 คำนวนเวลาแบบแม่นยำเลยก็คือ 21 ธันวาคม 2012 ซึ่งโฮโมเซเปียนส์ถ้าสามารถอยู่จนถึงตอนนั้นได้จะกี่คนก็ตามจะีมีโอกาศสามารถวิวัฒนาการระดับจิตวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์เป็นไปได้สูง แต่ต้องเป็นคนที่จิตใจสะอาดและเต็มไปด้วยคลื่นละเอียดด้วย(ความรัก) ข้อนี้สำคัญ!

    แต่การมารีเซ็ตของพวกเขาจะต้องมาก่อนเวลานั้น ก่อนที่โลกจะเข้าสู่แถบโฟตอนอย่างเต็มตัว เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีโฮโมเซเปี้ยนส์เหลือรอดได้หรือส่วนใหญ่ก็ตาม ถ้าจะมีรอด เช่น การแร็พเจอร์จาก ET กลุ่มอื่นๆก็ตาม(ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเทคโนโลยีด้อยกว่าที่มาจาก Nibiru) จะต้องไม่นำโฮโมเซเปี้ยนส์มาเพาะไว้ที่โลกของพวกเขาอีกต่อไป!! ซึ่งสามารถอ้างได้ว่า พวกเขามาทวงโลกใบนี้คืนนั่นเอง ...ช่วงนี้อาจมีการแร็พเจอร์คนไปบ้างของกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งช่วงเวลานี้การที่จะแยกแยะว่าพวกไหนเป็นใครบ้างนั้นทำได้ยากแล้วเพราะช่วงนี้มีการแร็พเจอร์มนุษย์ไปเป็นจำนวนมากจากทั่วโลกโดยผู้มาเยือนกลุ่มอื่นก็มี โดยโครงการโนอาห์ของรัฐบาลโลกก็มี โดยหน่วยเคลื่อนที่เร็วของฝ่ายจาก Nibiru ก็มี Etc...

    พวกเราไม่อยากให้เกิดการรีเซ็ตขึ้นครับ เพราะพวกเรารักโลกใบนี้ เพราะพวกเรารักมนุษย์ทุกคน และอยากจะให้ทุกๆคนถ้าเป็นไปได้ ได้วิวัฒนาการสปริริช่วลไปพร้อมๆกันเหมือนที่มันควรจะเป็นครับ ! และหากเกิดการรีเซ็ตสำเร็จ หลังการรีเซ็ตคาดว่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่จะถูกเซ็ตให้วิวัฒนาการบนโลกใบนี้อีกครั้ง และเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผลออกมาจะเป็นรูปแบบใด ทั้งนี้โฮโมเซเปี้ยนมีสิทธิ์ที่จะวิวัฒนาการก้าวขึ้นสู่ระบบแห่งสปิริช่วลเวิร์ลหรือที่เรียกว่าจิตวิญญาณ ผมไม่คิดว่าฝ่าย FAs จะชนะในสงครามครั้งนี้หรอกนะครับ แต่ถ้าฝ่าย FAs ชนะจริง สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกันครับ โฮโมเซเปียนส์อาจถูกทำลายหลังจากสงครามครั้งนี้เพียงเพราะพวกเราเป็นเพียงแค่หมากล่อตัวนึงเท่านั้น หรืออาจจะต้องถูกทำให้กลายพันธุ์ในด้านฟิสิคคัลเพื่อผลประโยช์ในด้านเผ่าพันธุ์ทาสและจะต้องเป็นทาสของฝ่าย FAs อย่างแน่นอนครับ

    AFIKLIFI สมาชิก

    งั้นจะหมายความว่า หากมีการรอดชีวิตของโฮโมซาเปี้ยนแล้วหล่ะก็จะไม่สามารถดำรงค์ชีวิตอยู่บนดาวโลกได้อีกต่อไปซินะ คงต้องไปอยู่ที่ดาวอื่นกันอย่างกระจัดกระจายเพราะว่าแต่ละที่ที่มาช่วยก็น่าจะมาจากต่างที่ต่างถิ่นกันทั้งหมด แล้วที่ทางอินดิโก้บอกว่ามีเทคโนโลยีที่ไม่ขึ้นกับสภาะอากาศ รังสี ฯหรือที่เรียกว่าextra space นี่มีอยู่จริงและมีใช้ไหมครับและเหนือกว่าหรือเท่ากับNibiru หากบางคำถามตอบไม่ได้ในตอนนี้หรือว่ามันเป็นความลับที่อาจจะเป้นช่องทางสำหรับคนไม่ดีก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ ผมสงสัยในเรื่องเหล่านี้เพื่อนำมาประติดประต่อ ยังไงต้องขอโทษด้วยนะครับ

    Shota สมาชิก

    ใช่ครับทางเราก็มีเทคโนโลยีนั้นเช่นกัน ส่วนเรื่องฝ่ายช่วยเหลือที่ว่ามากมายนั้น ..ผมไม่ทราบว่า เอ่อ ในทางช้างเผือกของเรานี้จะเหลือดาวที่ไม่เป็นโคโลนีของอันอันนากิอยู่ซักกี่ดวงกันนะครับ!! แต่คาดว่าคงน้อยมาก

    เป็นที่รู้ๆกันอยู่ในทางสากลครับว่าแกแลคซี่ของเรานี้ อันอันนากิ คือ Number one ครับผม... เพราะพวกเค้าเจริญอารยธรรมมาก่อนใครเพื่อนในสภาพที่เหมาะสมยิ่งยวด พวกเขาวิวัฒมาพร้อมๆกับไดโนเสาร์นั่นแหละครับ และน่าจะก่อนกว่าด้วยซ้ำ ลองนึกสภาพที่ว่า "ถ้า ..ไดโนเสาร์ไม่สูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้" ดูซิครับ อะไรจะเกิดขึ้น! ใช่แล้ว ..พวกเขาจะมีวิวัฒนาการที่เหนือกว่าเรามนุษย์ถึงกว่าหลายร้อยล้านปีเลยทีเดียว

    *Sunshine* สมาชิก

    การที่เราต้องรอการมาเยือนของ Nibiru และกองทับโคโลนี เขาจะมาช่วยเรากระนั้นหรือ แล้วเผ่าพันธ์ อันเดอร์ธาล คือ มนุษย์เชื้อพันธ์ไหนอ่ะ หรือเป็นพวกแอตแลนติส อย่างไรก็แล้วแต่ ฉันจะเอาใจช่วยพวกคุณก็แล้วกันนะ น่าตื่นเต้นดีจังค่ะ สงสัยอีกอย่าง พวกแอนนูนากิ เนี่ยพวกเดียวกับพวก อิลูมินาติหรือเปล่า

    Shota สมาชิก

    Niburu ไม่ได้มาเพื่อช่วยเราครับ แต่ ..ตรงกันข้าม มนุษย์ดั้งเดิมของโลกใบนี้ ก็คือ นีอันเดอร์ธาล ครับ พวกอิลลูมินาติ (พวกนี้ปรากฎในหลายชื่อ ไม่แค่อิลลูมินาติ อย่างเดียว) ก็คือfallen angels และมนุษย์ที่ขายจิตวิญญาณให้ความชั่วร้าย พวก fallen angels ก็คือ "กบฎ" ของอันอันนากิ พวกนี้คือกลุ่มนักวิทย์ศาสตร์ชั้นสูงและนักรบที่พ่ายแพ้เพราะโค่นล้มบัลลังไม่สำเร็จ และได้หนีลงมายังโลก ไม่เท่านั้น พวกเขายังได้ขโมยสิ่งที่สำคัญของอันอันนากิมาอีกด้วย

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...าด้วยภารกิจต่าง-ๆ-จงเตรียมพร้อม.282221/page-6
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2012
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ข่าวสารจากกลุ่มอินดิโก้ (ต่อ)

    Crystal DNA สมาชิก

    บอกหน่อยดิ ผมก็อยาก มี 12 strand DNA เหมือนกัน ผมก็อยากรู้่เหมือนกัน ว่ามนุษย์ใครสร้างมา แล้วเพื่อจุดประสงค์อะไร ทำไมต้องสร้างเราขึ้นมา สร้างเสร็จก็จะมาทำลายกันอีก แล้วจะสร้างไปหาวิมานอะไร อิอิ สงสัยว่างงานกันน่าดู

    Shota สมาชิก

    12 strand DNA คุณก็มีครับแต่โดนปิดตายไปแล้วไงล่ะครับ ตอนนี้โลกของเรากำลังเคลื่อนเข้าสู่แถบพลังงานโฟตอน มันเป็นคลื่นพลังงานที่ละเอียดมากและทรงพลัง เด็กที่เกิดใหม่จะมีโอกาศสูงกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า ที่คลื่นนี้จะไปกระตุ้นต่อมไพนีลในสมองแล้วทำให้ DNA ในส่วนที่ปิดตายสามารถเข้ารหัสได้นั่นเอง ช่วงนี้เด็กเกิดใหม่จะเป็นอินดิโก้กันเยอะขึ้นทุกๆวัน

    คนที่สร้างโฮโมเซเปียนส์ขึ้นมา ได้ใช้หลักแห่งพันธุวิศวกรรมควบรวมระหว่าง มนุษย์ดั้งเดิมของโลกนี้ ก็คือ นีอันเดอร์ธาล ผสมกับของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งจากกลุ่มดาวโคโลนีของพวกเขา เพื่อให้ได้มนุษย์ที่ฉลาดขึ้น และเข้าใจอะไรง่ายขึ้นเพื่อประโยชน์ "ในการควบคุม" ยังไงล่ะครับ และพวกเขาสร้างเราขึ้นมาก็เพราะ้้เป็นเครื่องมือในการช่วยขุดและระดมหาทองคำ

    ซึ่งในช่วงนั้นมีการวิจัยเกี่ยวกับสายแร่ทองคำบนโลก ที่ประโยชน์ของมันนั้นมหาศาล ทองคำบริสุทธิ์ที่สกัดแล้วกับสารสกัดสังเคราะห์ชนิดหนึ่งของพวกเขา สามารถสร้างอุปกรณ์ดักจับ-เก็บกัก และ แปรสภาพพลังงานอีเธอร์ในอวกาศได้ ซึ่งมันเป็นเครื่องมือที่ทรงอาณุภาพเป็นอย่างมาก ในสมัยที่มนุษย์โฮโมเซเปียนส์ถูกสร้างขึ้นมานั้น อยู่ในช่วงทดลองโครงการนี้ครับ และก่อนที่โครงการนี้จะสำเร็จซึ่งการวิจัยทำได้ถึงกว่า 80% แล้ว

    แต่จู่ๆก็ได้มีข่าววงในหลุดออกมา เกี่ยวกับการที่ฝ่ายปกครองจะนำเครื่องมือนี้ ไปใช้ในทางที่ไม่พอใจกับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และทหารบางคน ทำให้เกิดการปฏิวัติโค่นอำนาจผู้ปกครองขึ้นซะก่อน แต่ไม่สำเร็จ ทางกลุ่มกบฎจึงได้ลี้ภัยลงมายังโลก และนำแบบแปลนและผลการวิจัยของเจ้าเครื่องนี้มาด้วย และได้ซ่อนเอาไว้ ณ สถานที่หนึ่งบนโลก [เครื่องนี้ถูกเรียกว่า Al Jal Ja หรือ แสงแห่งอีเธอร์ ซึ่งสามารถทำลายดาวฤกษ์ดวงบิ๊กๆได้สบายๆ] หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดสงครามอามาเกดด้อนขึ้น และกองทัพของฝ่ายกบฎก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อกองทัพของมิคาเอลอีกครั้ง พวกกบฎที่ก่อการปฏิวัตินั้นนำโดยจอมพล เซ็มยาซา ซาทัน และลูซิเฟอร์

    หลังจากปูพรมค้นหาเจ้าแบบแปลนนี้ทั่วโลกอยู่ได้ระยะเวลาหนึ่ง ทางเนบิรุจึง ได้ถูกเรียกตัวกลับกลุ่มดาวอัลฟา ซึ่งเป็นโคโลนีที่ใหญ่ที่สุดของพวกอันอันนากิ ซึ่งตอนนี้คาดว่าเทคโนโลยีนี้คงสำเร็จลุล่วงไปเรียบร้อยแล้ว !!!! และหลังจากที่พวกเขาจากโลกไปเป็นเวลาหลายพันปี พวกคุณน่าจะสังเกตุได้ดีถึงความเปลี่ยนแปลงแบบซุปเปอร์ก้าวกระโดดของพวกเรา อีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเรา!! พวกเราถูกมอบเทคโนโลยีให้เพื่อขยายจำนวนและขยายเผ่าพันธุ์ให้ได้จำนวนมากมาย พอที่พวกเขาจะสามารถศึกษาระบบร่างกายของพวกเราได้มากพอ เพื่อประโยชน์ในการสกัดข้อมูลใน DNA ของพวกเราเพื่อไปสร้างมนุษย์โคลนนิ่ง ที่มีศักยภาพมากกว่ามนุษย์ในปัจจุบัน แต่... ต้องควบคุมได้ นั่นเอง!!!!

    และในขณะนี้พวกนั้นรู้ดีว่า พวกเรากำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่แถบคลื่นพลังงานโฟตอน ไกล้จะสมบูรณ์แล้วในช่วงเดือนธันวาคมปี 2012 นี้ ซึ่งอย่างที่บอกว่าเจ้าคลื่นพลังงานนี้เป็นคลื่นพลังงานที่ละเอียดมากพอๆกับ คลื่นพลังงานความรักที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตเลยทีเดียว แต่มีอานุภาพมากกว่าและจำนวนมโหฬารมาก [แค่คลื่นพลังความรักยังมีปฎิกริยากับพวกเราอย่างมากแล้ว อย่างเช่น คนเราสามารถยอมสละชีวิตได้เพื่อช่วยคนที่เรารัก หรือว่าเราสามารถปลดปล่อยพลังในตัวออกมาได้ เมื่อเห็นคนรักตกอยู่ในอันตราย อาจจะกระโดดข้ามกำแพงได้สูงเป็นเท่าตัวเพื่อเข้าไปช่วยคนรัก เป็นต้น]

    เจ้าคลื่นโฟตอนนี้มันก้เช่นเดียวกัน มันจะไปทำปฎิกริยากับกล่องแห่งจิตใต้สำนึกของพวกเรา เรียกว่าต่อมไพนีล ทำให้รหัสของดีเอ็นเอ 12 strand เปิดจากการปิดตายได้ และทำให้สมองสามารถเข้ารหัส DNA พิเศษได้นั่นเอง พวก Fallens จึงได้รีบเร่งมือเพื่อสกัดรหัส DNA ของพวกเราให้ครบ 100% โดยเร็วเพื่อจะสร้างมนุษย์โคลนที่สมบูรณ์แบบ และชำระมนุษย์โลกรุ่นเก่าที่ควบคุมไม่ได้และอ่อนแอให้หมดก่อนธันวาคม ปี 2012 ยังไงล่ะครับ

    นี่คือข้อมูลลับที่แทบจะไม่มีใครได้รับรู้มาก่อน ที่กลุ่มอินดิโก้ให้นำมาเผยแพร่ได้บางส่วนนะครับ ย้ำ นี่คือข้อมูลลับเล็กน้อยบางส่วนนะครับผม สำหรับคราวหน้าผมจะนำข้อมูลที่เจาะลึกกว่านี้มาลงให้นะครับ ถึงมันจะไม่สลักสำคัญหรือไม่อาจช่วยใครได้ก็ตาม แต่ก็อยากให้พวกเราได้รู้กันว่า อะไรเกิดขึ้นและอะไรกำลังจะเกิดบนโลกใบนี้ของพวกเรา

    อย่างที่บอก เหล่าอินดิโก้ในโลกนี้นั้นมีอยู่ 3 แบบ คร่าวๆกล่าวคือ
    1.พวกยึดมั่นในความดีเป็นหลัก
    2.พวกยึดมั่นในความเกลียดชังเป็นหลัก
    3.พวกเป็นกลาง ไม่สนฝ่ายใด สามารถทำดีได้หรือทำเลวได้ โดยขึ้นอยู่กับอารมณ์ตัวเอง

    พวกอินดิโก้กลุ่มของผมจะคัดและขัดเกลาเอาแต่แบบแรกครับ ไม่ได้เรียกว่าอินดิโก้เฉยๆนะ กลุ่มของเราเรียกว่า Indigo Of Tiamat (ย่อว่า IOT หรือ INT) โดยแปลว่า เหล่าชาวอินดิโกแห่งเทียมัต เทียมัตก็คือชื่อของโลกใบนี้ในสมัยก่อนอาณาจักรแอตแลนติสครับ เมื่อประมาณล้านปีมาแล้ว ส่วนข้อมูลของพวกเราไม่อณุญาติให้ปรากฎอยู่ในสารบบของอินเตอร์เน็ตบนโลก ฉะนั้นถึงใช้ Google เพื่อหาข้อมูลไปก็ไร้ประโยชน์

    "ความดีมันก็เป็นสิ่งเดียวกับความเลวร้าย เพียงแต่มันอยู่คนละด้านกัน" ฉะนั้น นี่แหละกุญแจสำคัญของคำว่า จงรักผู้อื่นและสรรพสิ่งทั้งปวงไม่ว่าเขาจะดีหรือเลวร้ายก็ตาม ....จำไว้นะครับ

    และสุดท้ายนี้ ก่อนที่ผมจะไปดูอุโมงค์ที่ออสเตรเลียนี้ ขอบอกไว้ว่า ให้ทุกคนที่ได้มาอ่านข้อความของผมนี้ ขอให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีและความรัก เพราะเวลานั้นไกล้เข้ามาแล้ว เพียงตุลา พฤศจิกานี้ พวกเราก็คงต้านทานไว้ไม่อยุ่แล้ว อุบัติภัยจึงต้องเกิดขึ้น!! ในที่นี้ขอให้ทุกคนที่ทั้งเป็นคนธรรมดาๆหรือเป็นอินดิโกก็ตาม จงนึกคิดไคร่ครวญไว้เป็นนิสัยเลยว่า ความอยู่รอดและความตายนั้นไม่ใช่เป้าหมาย แต่สำคัญที่การเปลี่ยนแปลงเพื่อเลื่อนระดับจิตวิญญาณและตัวตนของเราเองต่าง หาก และการจะทำได้สำเร็จนั้นต้องมีความรัก ความเมตตา และความดีงาม ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่หรือตายไม่ต้องกังวล แต่ให้จงระลึกถึงสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ เพียงเท่านี้พวกคุณก็จะได้รับกุญแจอันล้ำค่านี้กันทั่วทุกคน

    "ขอให้โชคดีครับ"

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ด้วยภารกิจต่าง-ๆ-จงเตรียมพร้อม.282221/page-13
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ข่าวสารจากกลุ่มอินดิโก้ (ต่อ)

    Shota สมาชิก

    สวัสดีเพื่อนๆ สหายที่รักทุกท่าน สบายดีกันมั้ย.. หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา เชื่อว่าพวกท่านคงได้สัมผัสกับการทดสอบเล็กๆน้อยๆของเศษเสี้ยวหนึ่งแห่งความทุกข์ยากไปบ้างแล้ว ดังนี้ผมใคร่ขอส่งข้อความแห่งสันติภาพมายังพวกท่านทุกคน ..วันนี้ผมกลับมาจากอัฟริกาแล้วล่ะ แต่จะมาชั่วคราวนะครับ เพราะได้ลงประจำการที่ศูนย์ใหญ่แล้ว ยังไงก็ต้องกลับไปอีก ตอนนี้สถานการณ์บนโลกยังคงปกติดี แต่นอกอวกาศก็ตึงเครียดมากเลยล่ะ อีกไม่นานสถานการณ์บนโลกก็คงตึงเครียดพอกัน...

    เอาล่ะ ตอนนี้ผมมาพร้อมกับการอัพเดทเรื่องที่ผมติดค้างไว้ว่าจะนำข้อมูลในกลุ่มผม เกี่ยวกับเรื่อง Nibiru และพวกแอนอันนากิ จากแฟ้มของดี เอ็ม มาบอกกันครับ ซึ่งเคยเป็นข้อมูลลับเมื่อเกือบสิบปีก่อนในสมัยอินดิโกรุ่นแรกๆ แต่ตอนนี้เป็นข้อมูลเปิดเรียบร้อยแล้ว.. สำหรับผู้ที่รอชมอยู่ ต้องขอประทานโทษจริงๆที่ต้องรอนานมาก ก็นะ ภารกิจมันเยอะจริงๆครับ

    การทำงานและรวบรวมหลักฐานพวกนี้ เป็นการหาข่าวจากการสอดแนมพวกแอนอันนากิที่อยู่ฐานลับใต้ดิน และหนึ่งในข้อมูลส่วนสำคัญเป็นการกู้มาจากซากข้อมูลในห้องเครื่องลับใต้ทุ่งทะเลเกลือ

    Credit : ขอขอบคุณอินดิกัสทุกท่านที่สละเวลาในภารกิจเหล่านี้..

    เรื่องของ Anunnaki

    ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ปรากฏซึ่งเผ่าพันธุ์แสนทรงพลานุภาพ มีความก้าวหน้าสูง ชื่นชอบการทำสงครามและการยึดครอง มนุษย์โลกแห่งโบราณกาลเรียกนามของเผ่าพันธุ์นี้ว่า แอนอันนากิ แต่ด้วยเหตุหลากหลายอย่างแอนอันนากิปัจจุบันกำลังถูกบั่นทอนอำนาจให้ลดลง ต่อไปนี้ คือ เรื่องราวของเนบิรู และชาวแอนอันนากิ

    ผู้คนที่ติดตามเรื่องดังกล่าวอาจรู้จัก เนบิรู ในหลากหลายชื่อมาก เช่น แพลเนตเอ็กซ์,เดอะ ทแวล์ฟ แพลเนต,มาร์ดุ๊กพาราไดซ์,เฮฟเว่น (ที่แปลว่าสรวงสวรรค์) หรือ คิงด้อม ออฟ เฮฟเว่น (อาณาจักรแห่งสรวงสวรรค์),ฯลฯ โดยเรียกต่างกันไปตามวัฒนธรรมและประเพณีความเชื่อของตน อย่างไรก็ตาม ถึง เนบิรูจะถูกเรียกว่า ทแวล์ฟ แพลเนต (ดาวดวงที่สิบสอง) หากว่ากันตามจริงแล้ว เนบิรู มิใช่สมาชิกลำดับที่สิบสองในระบบสุริยะของพวกเรา หากแต่มาเป็นสมาชิกของระบบสุริยะคู่ขนานกับระบบสุริยะของเรา ระบบสุริยะแห่งดวงอาทิตย์ที่สิ้นอายุขัยและมืดดับลงไปแล้ว

    ดาวเนบิรูไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลก แต่ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะที่เนบิรูโคจรรอบๆนั้น สามารถมองเห็นได้จากโลก ลักษณะวงโคจรของเนบิรูซึ่งเป็นดาวเคราะห์วงนอกสุดของระบบสุริยะคู่ขนานกับของพวกเรา ทำให้ชาวแอนูนาคิ ได้ใช้ประโยชน์จากการใช้ดาวเคราะห์ดวงดังกล่าวสอดแนมดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะของพวกเขาอีกหลายดวงรวมไปถึงโลกด้วย

    ชาวสุเมเรียน (สุเมเรีย) เป็นคนแรกที่ตั้งชื่อ เนบิรุ ขึ้น ในขณะที่ชาวบาบิโลเนียน (บาบิโลเนีย) เรียกว่า มาร์ดุ๊ก ส่วนชาวเมโสโปเตเมียเชื่อว่า ดาวเนบิรูนั้นเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สิบสอง ของระบบสุริยะของพวกตนและเป็นสรวงสวรรค์สถานที่ซึ่งบรรดาเทพเจ้าของพวกเขาพำนักอยู่

    ชาวเนบิรู มักถูกเรียกว่า แอนอันนากิ, เนฮิลิม (อ่านแบบฮิบรูว่า เนฟิลิม), อิโรฮิม (เป็นพหูพจน์ของ เนฮิลิม), มาดุ๊กเคี่ยนส์ (ชาวมาร์ดุ๊ก)เป็นต้น ผมจะขออนุญาตเรียกว่า แอนอันนากิ ซึ่งชาวสุเมเรียนรู้จักกัน หมายความคร่าวๆว่า "ผู้ซึ่งมายังโลกจากสรวงสรรค์"ในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับเก่าหรือเล่มต้นของคริสต์ศาสนา (คัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ) เรียกผู้ซึ่งมายังโลกจากสรวงสรรค์เหล่านี้ว่า "แอนาคิม" (ไม่ใช่อนาคิน สกายวอคเกอร์นะ)

    ประชากรบนดาวเคราะห์เนบิรู ประกอบไปด้วย ชาวเรปทิเลี่ยน(คือพวกที่วิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลาน ไม่ใช่จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนมนุษย์) ที่ชาญฉลาด และปกครองโดยแอนอันนากิชนชั้นสูง นั่นคือพวกเนฟิลิม หมายความว่า ผู้ซึ่งมายังโลกจากสรวงสรรค์ ในภาษาฮิบรู ชาวแอนอันนากิมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสูงมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ หลายเผ่าพันธุ์ในจักรวาล ณ เวลานั้น ชาวแอนอันนากิ เรียก ดาวบ้านเกิดของพวกเขาว่า เซออส (เนบิรู)

    แอนอันนากิเป็นเผ่าพันธุ์ที่รุนแรง นิยมการทำสงคราม พวกเขาก้าวร้าว ชั่วร้าย มีความต้องการทางเพศสูง มีค่านิยมแต่งงานกันเองในเครือญาติ กระหายเลือด หลอกลวง อิจฉาริษยา และชื่นชอบการยึดครอง บริโภคเนื้อเป็นอาหาร บางครั้งบริโภคพวกเดียวกันเอง นอกจากนี้ยังนิยมให้มีพิธีกรรมบูชายัญต่อพวกตน ด้วยหญิงสาวพรหมจารีย์ทั้งจากอารยธรรมที่พวกตนยึดครองได้หรือแม้แต่พวกชนชั้นทาสจากพวกเดียวกันเอง ชาวแอนอันนากิมีความสามารถพิเศษในการควบคุมจิตใจ ความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมเศรษฐกิจ โดยผ่านระบบความเชื่อทางศาสนาและเงินตรา นอกจากนี้ชาวแอนอันนากิยังโดดเด่นด้านเทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรม

    ชาวเรปทิเลี่ยนซึ่งถูกแอนอันนากิชนชั้นปกครอง นำมาปรับปรุงพันธุ์ผ่านเทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรมจนเป็นผลสำเร็จนั้นถูกเรียกว่า "ดูคาซ" พวกดูคาซถูกใช้เป็นหน่วยรบในการทำสงคราม ตลอดจนควบคุมประชาชนบนดาวเนบิรู (เซออส) และบรรดาชาวอาณานิคมจากอารยธรรมอื่นที่พวกตนเข้ายึดครองไว้ได้ให้อยู่ในร่องในรอยตามที่พวกตนต้องการ ดังนั้น ดูคาซ คือ เรปทิเลี่ยน แต่เรปทิเลี่ยนไม่จำเป็นต้องเป็นดูคาซทั้งหมดอย่างไรก็ตาม ในเรปทิเลี่ยนเองนั้นมีหลายประเภท เช่น ประเภทผู้ปกครอง ซึ่งพวกนี้มิใช่ดูคาซ เป็นต้น ซึ่งก็เป็นไปตามกมลสันดารของแอนอันนากิที่ชอบแบ่งชนชั้นวรรณะ

    ชาวเรปทิเลี่ยนที่เป็นพวกดูคาซจะถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจต่างๆตามคำสั่งเจ้านายของพวกตน เนฮิลิม หรือ อิโรฮิม ทั้งในฐานะทหารที่เข้าทำการรบกับเผ่าพันธุ์ต่างดาวอื่นๆ หน่วยสืบราชการลับ ทหารองครักษ์ส่วนตัว และตำรวจ ในขณะที่ชาวแอนอันนากิเองนั้นก็แบ่งเป็นหลายเผ่า โดยมีเผ่าหนึ่งซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเผ่าดูคาซ เผ่าดังกล่าวเรียกตัวพวกเขาเองว่า เพอร์ส-ซายเรส์ (พวกเราเรียกพวกนี้ว่า วูลเจอไรท์ส แต่ไม่ใช่เพราะรูปร่างเหมือนอีแร้งหรอก) ทั้งสองเผ่ายังคงเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาจนถึงปัจจุบัน

    ลูกหลานผู้สืบทอดจากทั้งสองเผ่าดังกล่าวนี้ยังคงอาศัยอยู่บนโลกของพวกเรา และต่างต่อสู้แข่งขันเพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองอารยธรรมบนโลกกันอย่างเข้มข้น ลูกหลานของพวกนี้ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในตำแหน่งที่มีอิทธิพลทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ ศาสนา กฏหมาย การแพทย์ (โดยเฉพาะในธนาคารเลือด) วงการบันเทิง อุตสาหกรรมการค้าประเวณี เกษตรกรรม ธุรกิจใหญ่ๆ และกองทัพ ซึ่งส่วนใหญ่มนุษย์เหล่านี้มักไม่รู้ตัวว่าตนสืบเชื้อสายมากจากมนุษย์ต่างดาว

    ชาวแอนอันนากิมีลักษณะทางกายภาพที่มีเลือดเนื้อ มีบุคลิกภาพที่จองหองและหยิ่งยโส มีความต้องการทางเพศที่รุนแรงและควบคุมไม่ได้โดยไม่สนว่าคู่ของตนจะอยู่ในวัยเด็กหรือวัยเจริญพันธุ์ มีความต้องการที่จะเป็นผู้ควบคุมและยึดครองสูง เผ่าพันธุ์จักรกลสงครามที่ดุร้ายนี้มีความกระเหี้ยนกระหือรืออย่างมากในการล่าและเข้าปกครองอารยธรรมอื่นๆ ไปจนถึงชนชั้นที่ต่ำกว่าในพวกเดียวกันเอง นอกจากนี้ชาวแอนอันนากิยังมีระบบวรรณะของเพศโดยถือว่าเพศหญิงเป็นเพศที่ต่ำกว่าเพศชาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่แอนอันนากิพยายามที่จะทำลายศาสนาซึ่งบูชาพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ ของมนุษย์โลกโบราณ

    แต่แอนอันนากิต้องพบกับการต่อต้านอย่างหนักจากมนุษย์โลกโบราณที่ไม่ยอมรับการกระทำของพวกแอนอันนากิ จนในที่สุดแอนอันนากิต้องเปลี่ยนวิธีจากการใช้กำลังเป็นการบ่อนทำลายทางความเชื่อด้วยการสร้างศาสนาใหม่ ความเชื่อใหม่ที่บูชาพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น เอิร์ธมาเทอร์ (พระแม่ธรณี) มาเธอร์ เนเจอร์ (พระแม่แห่งธรรมชาติ) เป็นต้น ซึ่งภายหลังแอนอันนากิก็ได้บ่อนทำลายภาพลักษณ์ของพระแม่เหล่านี้ลงด้วยการยัดเยียดลักษณะและบุคลิกเลวๆ ให้ อาทิเช่น อิจฉาริษยา สำส่อน และอาฆาตแค้น ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดได้แก่ เจ้าแม่กาลี เป็นต้น

    เนื่องด้วยการชนครั้งใหญ่ บรรดาโลก ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ต่างๆ ในระบบสุริยะของพวกเราได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่เว้นแม้แต่ดาวเนบิรูก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นกัน นี่คือสาเหตุหลักทำให้แอนอันนากิเดินทางมายังโลกเพื่อหาที่อยู่ใหม่ แต่ไม่ได้มาเพื่อขุดหาแร่ทองคำตามสมมติฐานของ เซคาเรีย ซิดชินส์ เลย เนื่องจากแร่ทองคำนั้นมิใช่แร่โดยธรรมชาติของโลก ดังนั้นชาวแอนอันนากิจึงไม่ได้คาดหวังที่จะเจอแร่ดังกล่าวบนโลก และไม่ได้มาเพื่อขุดหาแร่ทองเพื่อนำไปใช้ในเทคโนโลยีการแก้ไขปัญหาชั้นบรรยากาศบนดาวเนบิรูแต่อย่างใด (หากมาเพื่อขุดทองไปแก้ไขชั้นบรรยากาศจริงก็แสดงว่าพวกแอนอันนากิล้มเหลว เพราะดาวเนบิรูนั้นถูกทำลายไปแล้วในขนะนั้น) อย่างไรก็ตามหลังจากแอนอันนากิค้นพบทองคำบนโลก พวกเขาก็นิยมที่จะนำมาทำเป็นเครื่องประดับ โดยใช้บรรดาชั้นทาสทั้งพวกเดียวกันและจากอารยธรรมอื่นเป็นผู้ขุดหาแร่ดังกล่าว

    เนื่องจากดาวเนบิรู บ้านเกิดเมืองนอนของชาวแอนอันนากิถูกทำลาย บรรดาแอนอันนากิชั้นนำและประชาชนที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์นั้นต้องกลายเป็นเผ่าพันธ์เร่ร่อน โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในยานอวกาศขนาดใหญ่ซึ่งภายในจำลองเมืองต่างๆของพวกตน ไว้มากมาย ณ ขณะนั้น ยานดังกล่าวโคจรอยู่รอบโลก ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งหนีไปอยู่ตามดาวเคราะห์อาณานิคมของพวกตน เช่น ดาวอังคาร โลก และกระจัดกระจายไปอยู่ตามกลุ่มดาวพลีอาเดส (ลูกไก่) กลุ่มดาวโอไรออน (นายพราน)

    เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ย่อมแสดงถึงขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของแอนอันนากิซึ่งเป็นที่หวั่นเกรงของเผ่าพันธุ์ต่างดาวอื่นๆมากมาย บรรดาแอนอันนากิชั้นผู้นำ และแอนอันนากิที่ได้รับอนุญาติให้เดินทางออกนอกยานแม่ของพวกเขาได้ต่างขึ้นกระสวยเล็กๆลงมายังโลก ทั้งยังมีกระสวยเพื่อภารกิจทางการค้าและภารกิจทางทหาร โดยการค้าที่มีให้เห็นได้อยู่เป็นปกติในตอนนั้น คือ การค้าแรงงานและทาสต่างดาว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมนุษย์โลกโบราณถึงได้เกรงกลัวเทพเจ้าของพวกเขา ซึ่งพวกเขาบันทึกไว้ว่า พำนักอยู่บนท้องฟ้า

    ในปัจจุบันสิ่งมีชีวิตบนโลกโดยส่วนใหญ่เป็นเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นจากการตัด ต่อพันธุกรรมโดยชาวแอนอันนากิทั้งสิ้น เป็นทั้งมรดกที่ตกทอดมาจากแอนอันนากิและผลผลิตจากอาณาจักรที่ล่มสลายของพวกเขา

    ชาวแอนอันนากิชั้นปกครองเป็นผู้เชี่ยวชาญการตัดแต่งพันธุกรรม โดดเด่นในด้านการสร้างสิ่งมีชีวิต พวกเขาภาคภูมิใจในความรู้และความสามารถของตน จนถึงขั้นพยายามที่จะเล่นบทพระเจ้า ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และขนาดของกองทัพที่มากมายมหาศาลของชาวแอนอันนากิ ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์โลกโบราณมองว่าชาวแอนอันนากินั้นแกร่งกล้าราวกับเทพเจ้า เห็นเป็นที่เคารพสักการะบูชา มนุษย์โลกโบราณบ้างเรียกพวกแอนอันนากิว่า นอร์ดิกส์ หรือ บรอนด์ส พวกเขาตัวสูง แข็งแรงกำยำ และรูปร่างดี มีตราสัญลักษณ์ประจำเผ่าพันธุ์เป็นรูปวงกลมตรงกลางแล้วมีปีกสองข้าง โดยวงกลมแทนดาวบ้านเกิดของพวกเขา ดาวเคราะห์เซออส โดยภายหลังชาวแอนอันนากิได้รับการรู้จักในนาม อิโรฮิม หรือ เนฮิลิม ซึ่งเนฮิลิมผู้ชั่วร้ายนี้ ไม่ใช่ อิโรฮิมผู้สร้างแต่อย่างใด

    ชาวแอนอันนากิชั้นปกครอง เป็นผู้สร้างศาสนามากมาย เพื่อที่จะถูกบูชาสรรเสริญในฐานะเทพเจ้า ซึ่งสร้างความพึงพอใจอย่างมากให้กับพวกตน พวกเขาสร้างพัฒนาศาสนาใหม่ขึ้นบนโลกแทนที่ความเชื่อเดิมของมนุษย์โลกโบราณ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุม โดยแต่ละศาสนาที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นจะมีหลักคำสอนที่ตรงกันข้ามหรือขัดแย้งกันเพื่อสร้างความวุ่นวาย ความแตกแยก และสงคราม

    ชาวแอนอันนากิสร้างเผ่าพันธุ์ผสมขึ้นและนำมาไว้ที่โลก ไม่นานหลังจากที่พวกเขามาถึง แอนอันนากิได้เพิ่มจำนวนและขยายเผ่าพันธุ์ของพวกตนเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนต่างๆ และบีบบังคับให้มนุษย์โลกโบราณยอมแพ้และนำมาเป็นทาส แอนอันนากิใช้มนุษย์โลกโบราณเหล่านี้ ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เกี่ยวกับการผสมพันธุ์ ซึ่งในปัจจุบันแอนอันนากิกลุ่มดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์ลักพาตัวมนุษย์โลก เพื่อนำไปใช้ในการทดลองทางด้านพันธุกรรม นอกจากนั้นพวกเขายังทำการกลายพันธุ์สัตว์ชนิดต่างๆ เพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของพวกตนอีกด้วย แอนูนาคิกลุ่มดังกล่าว คือ ชาวแอนอันนากิผู้อาศัยอยู่บนโลก (พวกเราเรียกพวกนี้ว่า พวกก็อปปี้ เหตุผลนั้นอ่านได้ตอนท้ายๆ)

    ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น ชาวแอนอันนากิชนชั้นปกครอง เข้ายึดครองอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์บนโลก และจับมนุษย์โบราณเหล่านั้นมาเป็นทาสรับใช้ของพวกตน บางคนมีความเชื่อว่า พระเยซู แท้จริงแล้วเป็นลูกผสมต่างดาวมาจากเนบิรู ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่าท่านเป็นชาวแอนอันนากิด้วย ความเชื่อดังกล่าวเป็นความเชื่อที่ผิด ในความเป็นจริงแล้วพระเยซู คือ สิ่งมีชีวิตในระดับที่มีสติปัญญาและพลังงานจิตในขั้นที่สูงกว่าและได้อวตารมาเกิดในร่างมนุษย์ เพื่อมาสอนและทำให้มนุษย์โลกตระหนักถึงการพัฒนาพลังงานทางจิตของตนในทางที่ สูงขึ้น คล้ายๆกับภารกิจของอินดิโก

    พวกเราทราบว่าพระเยซูได้พยายามที่จะยกเลิกคำสอนที่บิดเบือนของพวกแอนอันนากิออกในพระคำภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเก่า แต่กลับถูกท่าน xxx (ขอเซนเซอร์ละกัน มันหมิ่นเหม่มากหากมีคริสเตียนที่เคร่งครัดได้อ่าน) บิดเบือนคำสอนขององค์พระเยซูเอง นั่นคือการนำเสนอ การกลับมาของ "พระเจ้า" แห่งความน่ากลัวและทรงพลังในอำนาจ เมื่อกล่าวถึงตำนานการสร้างโลกจากทั่วโลกนั้นมีความคล้ายคลึงกันในภาคผนวกสำคัญๆของแต่ละที่ เป็นเพราะอะไร? นี่เพราะว่าตำนานการสร้างโลกต่างๆนั้นถูกเผยแพร่ออกไปโดยกลุ่มของพวกแอนอันนากิที่กระจายไปอยู่ทั่วโลกนั่นเอง

    ศาสนาต่างๆได้ถูกกำหนดขึ้นมาโดยพวกเขาเพื่อที่จะใช้ควบคุมและจัดการประชากรมนุษย์ ศาสนาเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรักเลย แต่เพราะความหวาดกลัวต่างหาก!ที่ใดก็ตามที่พวกแอนอันนากิไปถึง พวกนี้จะรวบรวมมนุษย์และตั้งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อจะสามารถควบคุมประชากรได้ดีกว่าในการใช้ให้คนเหล่านั้นให้ทำงานให้พวกเขา และเพื่อประโยชน์ในการควบคุมมนุษย์ในด้านต่างๆ - กายภาพ, อารมณ์, จิตใจ, จิตวิญญาณ และ การค้า เฉกเช่นทาส พวกเขาจะปลูกฝังความกลัวและรักษาให้มนุษย์อยู่ในความไม่รู้-ความโง่เขลาอยู่เสมอ และรูปแบบเหล่านี้ยังคงมีอยู่ในทุกวันนี้

    ดังนั้น มนุษย์เป็นทาสของพวกแอนอันนากิในอดีตอย่างไร พวกเราก็ยังคงเป็นอยู่ในทุกวันนี้อยู่.. ชาวแอนอันนากินิยมตบแต่งร่างกายด้วยอัญมณีต่างๆ พวกเขายังส่งเสริมรสนิยมราคาแพงๆ โดยการบังคับให้คนเป็นทาสทางเศรษฐกิจ พวกเขาส่งเสริมการมีภรรยาหลายคน การร่วมประเวณีในพี่น้องเครือญาติ และการเจ้าชู้สำส่อน และทั้งหมดนี่ คือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นแอนอันนากิโดยแท้จริง และมันยังคงถูกบันทึกไว้อยู่ในวัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมแม้กระทั่งวัฒนธรรมในราชวงศ์ของอิยิปต์โบราณ และในพระคำภีร์คำสอนภาคพันธสัญญาเก่าของพวกแอนอันนากิอีกด้วย

    ในหลายๆประสาทสัมผัส พวกเราซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ทางเทคโนโลยี ต่างก็ตกเป็นทาสของวัตถุฟุ่มเฟือยต่างๆ รัฐบาล ระบบเศรษฐกิจ วัตนธรรม ศาสนา เครื่องแต่งกาย และอีกมากมาย.. ที่สำคัญคือพวกเราต่างก็ตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น ความเป็นจริงเหล่านี้ได้ถูกปิดกั้นด้วยกำแพงบางๆแต่แยบยลด้วยการล่อลวงโดยสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ขึ้นมาและอ้างว่าความศิวิไลเหล่านี้แหละเป็นตัวแทนของอาณาจักรสวรรค์อันแสนสุขสบายที่ทุกๆคนต่างก็ขวนขวายให้ได้มา..

    พวกแอนอันนากิ ได้มาเยือนโลกครั้งแรกเมื่อครั้งนานมาแล้ว คาดว่าช่วงนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 ปีก่อนปัจจุบัน และก่อนหน้านั้นพวกเขายังสามารถเอาชนะชาวดาวอังคาร ,ชาวพลีอาดีส และเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในกาแลคซี่อีกด้วย ชาวแอนอันนากิได้ทดทองตัดแต่งพันธุกรรมของหลายๆเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาปราบมาได้ โดยการผสมปนเปกันเพื่อให้ได้เผ่าพันธุ์ที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า โดยพวกเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ออกไปทำสงครามกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ และกลับมาพร้อมด้วยทรัพยากรต่างๆ พวกทาส

    และที่สำคัญ ยังนำยีนส์และ DNA จากพวกนั้นเพื่อมาทดลองยังดวงดาวสีฟ้าแห่งนี้ด้วย ในที่สุดพวกเขาก็ได้สายพันธุ์ที่ลงตัว และแล้ว มนุษย์ดัดแปลงรุ่นแรกก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณกว่า 300,000 ที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ พวกแอนอันนากิได้นำสายพันธุ์พิเศษที่มีลักษณะเป็นเพศหญิงมาไว้บนโลกก่อน ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์แห่งเพศหญิง พวกเธอต้องทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ชาวแอนอันนากิได้ทำกับพวกเธอ

    ส่วนเผ่าพันธุ์อื่นๆที่ด้อยค่าชาวแอนอันนากิได้นำมาใช้เป็นทาสรับใช้ให้แก่พวกชั้นสูงของตน บ้างก็ถูกค้าไปเป็นทาสแรงงานที่ต้องทำงานอย่างหนักและทารุณ บ้างก็เพื่อกามบำเรอ บ้างก็ใช้เป็นกองกำลังทหารทาส และอีกมากมาย... พวกเขาตัดต่อพันธุกรรมให้ผู้หญิงมีสัดส่วนที่ดูบอบบางกว่าผู้ชาย ด้อยกว่าทั้งด้านพละกำลังและความว่องไว ซึ่งส่วนใหญ่เพศหญิงจะไว้ใช้ในด้านงานที่ไม่ต้องใช้พละกำลัง เช่น ใช้ในด้านกฎหมาย,นักบุญ ,การแพทย์,การเมือง, การค้า, วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ดังนี้ผู้หญิงจึงเป็นเพศที่ด้อยโอกาสเป็นอย่างมาก และยังคงเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบัน

    สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงขอบเขตและอิทธิพลในความเป็นชาตินิยมของชาวแอนอันนากิอย่างแท้จริง นอกเหนือจากการทำพันธุวิศวกรรมในมนุษย์แล้วพวกเขาก็ยังมีการพันธุวิศวกรรมในสายพันธุ์อื่นอีกด้วย เช่น นกและสัตว์ปีก พวกสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ และพืชต่างๆ พวกเขาได้สร้างสัตว์ประหลาดต่างๆมากมายขึ้นมาและก็ฝึกพวกมันให้เชื่อง สัตว์ประหลาดเหล่านี้เองที่ได้ปรากฎอยู่ในตำนานและพงศาวดารต่างๆทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ไฮบริด นั่นคือพวกครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์นั่นเอง

    ในพระคำภีร์ไบเบิลภาคปฐมกาลได้จารึกเกี่ยวกับการทำลายล้างและชำระมนุษย์รุ่นแรกโดยชาวแอนอันนากิ และชนที่ได้บันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้นั่นก็คือชน "สุเมเรีย" ดังนี้ชาวสุเมเรียนจึงเป็นผู้ที่เก่าแก่ที่สุดที่ได้จารึกบรรทึกประวัติศาสตร์ของชาวแอนอันนากิบนโลกเอาไว้ โดยพวกเขาได้บรรทึกตามสิ่งที่แอนอันนากิได้บอกแก่พวกเขา

    ประมาณ 35,000 ปีที่แล้ว มนุษย์โครมันยองได้ครอบครองโลกใบนี้ต่อจากมนุษย์นีอันเดอร์ธัล ในความเป็นจริงพวกมนุษย์นีอันเดอร์ธัลได้ถูกทำลายล้างหมดสิ้นโดยชาวแอนอันนากิ ภายหลังจากที่พวกเขาได้เสร็จสิ้นกระบวนการสร้างตัวอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มนุษย์นีอันเดอร์ธัลจึงหมดประโยชน์ไป และสร้างรุ่นใหม่ที่ดีเยี่ยมกว่าเดิมขึ้นมาแทนนั่นคือ มนุษย์โครมันยอง และนี่ก็คือมนุษย์รุ่นแรกที่เกิดจากกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม แต่หลังจากนั้นมนุษย์รุ่นที่สองก็ได้ถือกำเนิดขึ้น นั่นคือ "โฮโมเซเปียนส์" หรือพวกเราในปัจจุบัน มนุษย์รุ่นที่สองนี้เรียกได้ว่าแทบจะสมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงได้รับอนุญาตให้มีความสัมพันธ์และสืบพันธุ์กับพวกแอนอันนากิได้

    กาลเวลาได้ล่วงเลยผ่านไป ในขณะนั้นสิ่งมีชีวิตที่พวกเขารังสรรตัดแต่งขึ้นมาเริ่มที่จะอยู่เหนือการควบคุมไปเรื่อยๆ พวกไฮบริดครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ต่างๆเริ่มที่จะออกอาละวาดไปทั่ว ในครั้งนั้นเป็นในยุคสมัยที่นครแอตแลนติสกำลังเจริญรุ่งเรือง ชาวแอตแลนติสได้มีความก้าวหน้าในการเดินทางท่องอวกาศ การวาร์ปไปสถานที่ต่างๆนั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขา นั่นทำให้พวกเขามีขีดความสามารถที่พิเศษเหนือกว่าพวกเผ่าพันธุ์ดัดแปลงอื่นๆบนโลก ชนชั้นทาสซึ่งเป็นชาวแอตแลนติสทั้งหมดได้ย่างก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้มีศิลปะวิวัฒนาการสูงและสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว

    พวกเขาเริ่มที่จะไม่เชื่อฟัง "พระเจ้า" ของพวกเขาแล้ว (แอนอันนากิชั้นปกครอง)นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายแย่ลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดบรรดา พระเจ้า ของพวกเขาจึงเห็นว่าสิ่งต่างๆที่พวกเขากระทำไปทั้งหมดนั้นค่อนข้างล้มเหลว พวกเขาจึงสินใจที่จะทำลายอาณาจักรแอตแลนติสทิ้งไป โดยการระเบิดทิ้งและใช้แรงดึงดูดพิเศษของยานอวกาศขนาดใหญ่ของพวกเขาสร้างน้ำท่วมใหญ่เพื่อจมอาณาจักรแอตแลนติสลงไป

    หลังจากนั้นแอนอันนากิก็ได้ออกเดินทางไปล่าอาณานิคมยังที่อื่นๆต่อเพื่อหาวัตถุดิบมาสร้างมนุษย์รุ่นต่อไป พวกแอนอันนากิชั้นปกครองต่างก็คิดว่าตนได้ทำลายพวกชั้นต่ำพวกนั้นทั้งหมดไปแล้วโดยสิ้นเชิง แต่เปล่าเลย ยังมีพวกแอนอันนากิที่เหลือรอดอยู่บนโลกอยู่ไม่น้อย เพราะพวกนั้นได้ทราบถึงแผนการของแอนอันนากิผู้ปกครองที่จะทำลายอาณาจักรแอตแลนติสได้ก่อน บางส่วนจึงได้พากันหลบหนีออกไปโดยได้นำศิลปะเทคโนโลยีและความรู้ชั้นสูงติดตัวไปด้วยบางส่วน และเทคโนโลยีอันก้าวหน้าเหล่านี้ในภายหลังจึงได้แพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆของโลกต่อไป

    ด้วยสาเหตุที่พวกเขาควบคุมทาสของพวกเขาไม่อยู่นั้น ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้พวกแอนอันนากิตัดสินใจละทิ้งโลกใบนี้ไป แต่สาเหตุหลักที่ว่านั้นก็คือ พวกเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างสูงจากพวก อัสทัส (Attas พวกอัสทัสก็คือผู้พิทักษ์แห่งแสงสว่างซึ่งจะคล้ายๆ หน่วยลาดตระเวนอวกาศนั่นล่ะ อย่างที่บอกไป ว่าจักรวาลนี้คือระบบเมตริกซ์และเป็นโปรแกรมประยุกต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับผู้ที่รู้แจ้งจึงจะเข้าใจ ถ้าจะให้พูดถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ก็ยาวมาก ดังนั้นจึงขอไม่พูดถึงละกันนะครับ)

    มาต่อกันที่พวกแอนอันนากิที่เหลือรอดบนโลกกันต่อ หลังจากที่พวกนี้ได้หลบหนีออกจากอาณาจักรแอตแลนติสแล้ว พวกเขาได้กระจายกันอพยพออกไปตั้งรกรากอยู่ที่ส่วนต่างๆของโลกและได้เริ่มต้นสร้างอารยธรรมของตัวเองขึ้นมาใหม่ เช่น แอสเทค Aztecan,อินคา Inca, มายา Mayan, และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็เห็นจะเป็นอาณาจักร อิยิปต์ โบราณ.. ผมบอกได้เลยว่าทุกวันนี้ในปัจจุบัน โลกของเราใบนี้เต็มไปด้วยพวกแอนอันนากิซึ่งมีอยู่มากมายบนโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกหลานของแอนอันนากิพวกนี้แหละ ซึ่งเป็นพวกที่สืบเชื้อสายมาจากชาวแอตแลนติสโบราณก่อนล่มสลายนั่นเอง

    หลังจากที่พวกแอนอันนากิชั้นปกครองไปทำลายแอตแลนติสไปแล้ว คลื่นลูกที่สามของการตัดแต่งทางพันธุวิศวกรรมมนุษย์ก็ได้เกิดขึ้นมาบนโลกเมื่อประมาณ 20,000 ปีที่แล้ว โดยครั้งนี้เป็นการกระทำของพวกแอนอันนากิที่เหลือรอดจากนครแอตแลนติสเอง (มิใช่พวกชั้นปกครองกลุ่มใหญ่ที่จากไป) พวกนี้เป็นกลุ่มพวกพิเศษที่มีวิทยาการสูงกว่ากลุ่มอื่นๆมาก หนึ่งในนั้นเป็นผู้สร้างมหาปิระมิดขึ้นมาโดยใช้เป็นท่าอากาศยานขึ้น-ลงจอดสำหรับยานอวกาศของพวกเขาเอง ผู้ปกครองและกษัตริย์ในหลายๆอารยธรรมได้ถูกตั้งขึ้นโดยพวกแอนอันนากิชั้นปกครองเมื่อครั้งอดีต แต่หลังจากที่พวกแอนอันนากิที่เหลือรอดได้ปกครองโลกใบนี้แทนก็ได้นำรูปแบบการปกครองแบบนี้มาใช้ด้วยเช่นกัน นี่ทำให้หลายอารยธรรมในปัจจุบันยังคงหลงเหลือรูปแบบการปกครองแบบกษัตริย์อยู่จนทุกวันนี้

    พวกแอนอันนากิที่สร้างมหาปิระมิดและสฟิงค์ขึ้นมาก็เป็นแอนอันนากิที่รอดจากแอตแลนติสด้วยเช่นกัน เป็นพวกที่ชาวแอนอันนากิชั้นปกครองตั้งใจที่จะกำจัดทิ้งไปพร้อมกันกับอาณาจักรแอตแลนติสเลย จนในที่สุดชาวแอนอันนากิชั้นปกครองที่หลังจากทำลายแอตแลนติสทิ้งไปก็ได้ย้อนกลับมายังโลกอีกครั้ง และพวกเขาก็ประหลาดใจเมื่อได้เห็นอารยธรรมอันรุ่งเรืองของผู้เผ่าพันธุ์ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาคิดว่าได้กำจัดทิ้งไปจนหมดสิ้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว มันทำให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาได้สูญเสียการครอบครองโลกใบนี้ให้กับอดีต "ทาส" ของพวกเขาไปซะแล้ว

    อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงตัดสินใจเข้ายึดครองโลกใบนี้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง และได้ทำการให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้ก็ได้ทำลายอารยธรรมของบรรดาแอนอันนากิที่เหลือไปแทบหมดสิ้น แต่ก็ยังคงเหลือร่องรอยของอนุสรณ์สถานที่มีความใหญ่โตและแข็งแรงมากพอหลงเหลือให้เห็นอยู่เช่นสฟิงค์, ปิรามิด หรือแม้แต่ มหาวิหารซิกกุรัต พวกแอนอันนากิเกรงว่าพวกไฮบริดที่เหลือรอดหลังจากน้ำท่วมจะสามารถวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วได้อีกครั้ง ดังนั้นพวกแอนอันนากิจึงต้องเสี่ยงอย่างมากในการที่จะต้องเลือกสรรพื้นที่บนโลกเพื่อจะสร้างวัฒนธรรมรุ่นต่อไปให้มนุษย์และจะทำการปลูกฝังวัฒนธรรมใหม่ตามแบบฉบับของตนอย่างเร่งด่วนเพื่อที่จะทำให้วัฒนธรรมใหม่ในครั้งนี้นั้นก้าวหน้าและไปไกลกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆบนโลก แผนเร่งด่วนนี้ได้ข้อสรุปที่ดินแดน "สุเมเรีย"

    พวกเขาได้คลอดโปรเจ็คท์พัฒนาสุเมเรียขึ้นมาเกือบจะทันทีทันใดและเร่งด่วนมาก เนื่องจากกองทัพอัสทัสได้ยกขบวนมายังระบบสุริยะนี้แล้ว และอีกไม่นานก็จะมาถึงโลก ถึงตอนนี้ พวกแอนอันนากิต้นฉบับได้สูญเสียอิทธิพลในการครอบครองโลกไปให้พวกแอนอันนากิไฮบริดไปเรียบร้อยแล้ว (นี่แหละที่พวกผมเรียกมันว่า แอนอันนากิก็อปปี) ซึ่งพวกแอนอันนากิไฮบริดได้กระจายไปทั่วโลก จากแอตแลนติสสู่อเมริกา และอิยิปต์ และเป็นพวกนี้แหละ ที่เป็นผู้สร้างและก่อตั้งอาณาจักรอิยิปต์ แอสเทค มายัน และอินคา จนเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ดังนี้พวกแอนอันนากิต้นฉบับจึงตัดสินใจลงมือทำการเสี่ยงอย่างที่สุดในการที่จะสร้างวัฒนธรรมรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งและก้าวหน้าอย่างมากที่ดินแดนสุเมเรีย ด้วยการถ่ายทอดภาษาที่เป็นลายลักษณ์อักษรและบันทึกต่างๆให้สุเมเรีย

    จนกระทั่งในที่สุดพวกอัสทัสก็ได้มาถึงระบบสุริยะ พวกอัสทัสแห่งแสงสว่างในบรรดากองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดได้เข้าบุกโจมตีและจับกุมพวกแอนอันนากิชั้นปกครองได้เป็นจำนวนมาก และบรรดาพวกแอนอันนากิชั้นปกครองจึงได้ใช้ยานอวกาศเพื่อจมแผ่นดินโลกลงอีกครั้งหนึ่งด้วยน้ำท่วมใหญ่และทั้งหมดที่เหลือจึงรีบหลบหนีไปยังระบบดาวโอไรออนและพลีอาดีสซึ่งเป็นอาณาจักรระบบดาวอาณานิคมของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้ความภาคภูมิใจและหยิ่งทรนงในเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเฉกเช่น "พระเจ้า" ได้จบสิ้นลงพร้อมกับลดสถานะของตัวเองลงไปเป็นเผ่าพันธุ์ที่ประสบภัยและต้องคอยหลบซ่อนตัวเองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...

    กล่าวถึงในสมัยที่แอนอันนากิได้เข้ามายึดโลกใบนี้ใหม่ๆ ในตอนนั้นได้มีหลากหลายกลุ่มของพวกต่างดาวและมีชาวโลกดั้งเดิมอาศัยอยู่บนโลกเป็นจำนวนไม่น้อย และเกิดการปะทะกันขึ้นในส่วนต่างๆของโลกเพื่อจะแย่งความเป็นใหญ่ในการครอบครองโลกที่สวยงามใบนี้ แต่ว่า.. แอนอันนากินั้นแข็งแกร่งกว่ามาก จึงได้ครอบครองโลกใบนี้ตั้งแต่นั้นมา และได้ทำการทดลองต่างๆนาๆกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ในที่สุดมนุษย์รุ่นต้นแบบก็ได้ถือกำเนิดขึ้น พวกชาวสุเมเรียนโบราณได้บันทึกเหตุการณ์ในตอนนั้นว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งการสร้างมนุษยชาติ แต่แท้จริงแล้ว มันคือการสร้างอาณานิคมล่าสุด ณ โลกใบนี้ของพวกเขานั่นเอง แน่นอนว่าการเป็นผู้ชนะจะทำอะไรก็ได้ จะเขียนบันทึกเหตุการณ์เรื่องราวให้เป็นไปในแบบไหนก็ย่อมได้

    ดังนั้นพวกเขาจึงให้ชาวสุเมเรียนเขียนบันทึกให้พวกเขาเป็น พระเจ้า ของมวลมนุษย์ ..แบบนั้นแหละ จากการผ่านประสบการณ์ในการสงครามและยึดครองมาอย่างโชกโชน พวกเขารู้ว่า ศาสนา เป็นเครื่องมือชั้นดีในการจะปกครองเหล่าเชลยและทาสของพวกเขานั่นเอง คำภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาเดิมนั้นเป็นการถวายแด่พระเจ้า แทบทั้งหมดจะเกี่ยวกับเพศชายและความสำคัญของเพศชาย เพราะว่าในตอนนั้นพวกแอนอันนากิหัวเสียอย่างมากกับการเคารพบูชาแม่พระแห่งธรณี (Mother Earth) ของมนุษย์ชาวโลก และพวกเขาต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของนางทิ้งซะ ในปฐมกาลได้บอกเล่าเรื่องราวของการกำเนิดมนุษย์และการแพร่กระจายของมนุษย์ที่ถูกส่งผ่านจากรุ่นของ อดัม และ อีฟ และผู้ที่ทำให้มนุษย์ต้องทุกข์ยากลำบากนั้นก็คือ อีฟ ซึ่งเป็นเพศหญิง นี่จึงเป็นการดิสเครดิตผู้หญิงที่ปรากฎเป็นบันทึกลายลักษณ์อักษรเหตุการณ์แรกๆของโลกเลยล่ะ

    ในข้อความของชาวสุเมเรียนได้มีการกล่าวถึงผู้คนแห่งเชม Shem (หมายถึงชื่อยานอวกาศ)ว่าชาวแอนอันนากินั้นเป็นผู้คนแห่งเชม และได้ลงมายังโลกเพื่อมีสัมพันธ์กับชนพื้นเมืองดั้งเดิมของโลก ซึ่งส่วนหนึ่งยังได้ปรากฏอยู่ในคำภีร์ไบเบิลตอนปฐมกาล "บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้า เห็นว่าบุตร สาวทั้งหลายของมนุษย์สวยงาม และพวกเขารับเธอทั้งหลายไว้เป็นภรรยาตามชอบใจของพวกเขา".. พวกแอนอันนากิยังได้ริเริ่มก่อตั้งมหานครแห่งใหม่ที่มีความทันสมัยสูงอย่าง บาบิโลน อีกด้วย และเช่นเคย พวกเขาได้ทำลายทั้งวัฒนธรรมและผู้คนที่นั่นเสียหมดสิ้นเพียงเพราะว่าพวกเขาเริ่ม "เอาไม่อยู่" แล้วนั่นแหละ และพวกเขาก็ย้ายไปสร้างที่อื่นต่อ.. (ก็นึกว่าเอาอยู่ซะแล้ว..)

    ทุกวันนี้ พวกแอนอันนากิก็อปปี้ได้วางแผนสร้างระบอบผู้ครองขึ้นมาใหม่คล้ายๆกับพวกแอนอันนากิดั้งเดิม และแผนของพวกนี้ก็คือรีสตาร์ทโลกใบซะนี้เองแทนพวกแอนอันนากิดั้งเดิมพวกนั้น แอนอันนากิก็อปปี้มีลูกมือเป็นมนุษย์คอยช่วยเหลืออีกแรง แท้จริงแล้วพวกนี้เป็นร่างอวตารของแอนอันนากิในร่างมนุษย์ และส่วนหนึ่งก็เป็นมนุษย์ที่มีสายเลือดของเผ่าพันธุ์แอนอันนากิอยู่ในตัว

    ความลับที่กำลังจะถูกเปิดเผย..

    ทุกวันนี้ พวกแอนอันนากิก็อปปี้ได้สร้างอุโมงค์และเมืองใต้ดินขนาดใหญ่ พร้อมด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงลิงค์กันอยู่ใต้พื้นโลกที่เรายืนอยู่นี้ เพื่อใช้เป็นที่อาศัยอันแข็งแกร่งใว้ใช้หลบภัยและหายนะครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาเยือนโลกในไม่ช้านี้ พวกเขาทราบมาว่าพวกแอนอันนากิต้นฉบับ กำลังจะมาเยือนโลกใบนี้อีกครั้ง พวกแอนอันนากิก็อปปี้ไม่สามารถออกจากโลกเดินทางไปยังที่ระบบดาวที่อื่นๆได้ เพราะว่าพวกเขามีทรัพยากรที่จำกัด ซึ่งในตอนที่กองทัพแอนอันนากิดั้งเดิมได้พากันหลบหนีออกไปจากโลกในตอนนั้นพวกเขาได้นำทรัพยากรณ์ทั้งหมดที่มีอยู่ไปด้วย ทำให้พวกที่เหลือต้องติดแหง็กอยู่ที่โลกใบนี้ซึ่งส่วนใหญ่ก็อย่างที่ทราบกันดี ว่าเป็นพวกทาส พวกไฮบริด และพวกสายเลือดผสมซึ่งเกิดจากการตัดแต่งพันธุกรรมทั้งสิ้น

    พวกแอนอันนากิก็อปปี มีความคิดว่าพวกเขาสามารถทำอะไรได้พอๆกับบรรพบุรุษของพวกเขา ส่วนหนึ่งในนี้ก็คือการเลือกสรรผู้นำ และตอนนี้ผู้นำของพวกเขาได้อยู่ลึกลงไป ณ อาณาจักรใต้ดิน คอยบัญชาการกองทัพใหญ่ใต้ดิน ที่นั่นมีทั้งทหาร ตำรวจ นักวิทยาศาสตร์ พ่อครัว หมอ สิ่งบันเทิงต่างๆ ฯลฯ แผนเดิมของพวกนี้คือ ควบคุมประชากรโลกด้วยพวกสายเลือดใหม่ของพวกเขา ทั้งหมดเป็นพวกโคลนนิ่ง พวกนี้หวังว่าในวันที่พวกแอนอันนากิต้นฉบับกลับมายังโลกอีกครั้ง จะต้องยินดีในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ และให้แอนอันนากิดั้งเดิมได้รู้ว่าพวกเขาอิทธิพลต่อโลกใบนี้มากเพียงใด

    แต่ท้ายที่สุดแผนของพวกเขาก็ต้องล้มเลิกไป ทำให้ความต้องการที่จะทำลายมนุษย์โลกและวัฒนะธรรมที่อยู่บนพื้นผิวโลกต้องล้มเลิก พวกเขาเปลี่ยนแผนไปเป็นการอพยพออกจากโลก เพื่อหาดาวดวงใหม่อยู่แทนที่ ด้วยจำนวนอันน้อยนิดของพวกเขานั้น พวกเขาตะหนักได้ว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะแอนอันนากิชั้นปกครองได้เลย พวกเขาจึงต้องอาศัยอยู่ใต้ดินเช่นเดิม และรอวันที่พวกต้นฉบับมาถึงและปล่อยให้พวกนั้นรีเซ็ตโลกใบนี้ด้วยตัวเอง โดยมีมนุษย์เป็นเหยื่อล่อและเครื่องบรรณาการ พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งในการมีปฏิสัมพันธ์กับพวกแอนอันนากิต้นแบบที่กำลังจะมาถึง และจะสามารถต่อรองยกโลกใบนี้ให้พวกนั้นปกครองโดยแลกกับข้อเสนอคือการอพยพไปยังดาวดวงใหม่ที่ไกลโพ้น...

    บัดนี้ พวกแอนอันนากิที่เหลืออยู่บนโลกได้ดำรงอยู่ท่ามกลางมนุษย์ พวกเขาคอยชักใยอยู่เบื้องหลังโลกใบนี้และเป็นผู้ที่ควบคุมและชี้นำโลกใบนี้โดยแท้จริง แน่นอน พวกเราไม่รู้! พวกนี้ได้ลักพาตัวมนุษย์ เพื่อการทดลองและโคลนนิงพร้อมกับพืชและสัตว์ต่างๆด้วย แน่นอนว่าเป็นโครงการที่โหดร้ายทารุณมากถ้าหากว่าใครเผลอโดนเข้าไปล่ะก็นะ ผมบอกได้เลยว่าคุณจะสะกดคำว่า นรก ได้อย่างขึ้นใจแน่นอน (พวกเราเคยเห็นมาเองกับตา)

    พวกแอนอันนากิบนโลกกำลังรอกำลังเสริมจากพวกต้นแบบของพวกเขาที่กำลังจะมา พวกแอนอันนากิชั้นปกครองที่หลบหนีไปจากโลกชั่วคราวเมื่อครั้งที่โดนกองทัพอัสทัสเข้าโจมตีเมื่อครั้งอดีตกาล อย่างไรก็ตาม กำลังเสริมพวกนั้นยังคงจะไม่สามารถมาได้ในตอนนี้ เพราะกองทัพอัสทัสยังคงคอยจับตาอยู่แถวๆบริเวณดวงอาทิตย์ของเรา ดังนั้นพวกแอนอันนากิที่อยู่บนโลกจึงติดแหง็กอยู่

    ยานลาดตระเวณรอบดวงอาทิตย์ที่ได้รับการตรวจพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้พิทักษ์แห่งแสงสว่าง (พวกอัสทัส) (พวกนี้ไม่ใช่ต้นกำเนิดของเอริดาเนียนเหมือนอย่างที่ใครบางคนสันนิษฐานหรอกน่ะ).. ยานลาดตระเวณรอบดวงอาทิตย์ยังคงเทียบท่าอยู่ เนื่องจากพวกเขาคาดว่าพวกแอนอันนากิดั้งเดิมกำลังพยายามที่จะกลับมายังโลกอีกครั้ง เพื่อจะมาล้างและครอบครองโลกอีกครั้งหนึ่งเหมือนดั่งในสมัยที่เคยรุ่งโรจน์ และอาจจะสนับสนุนพวกแอนอันนากิที่อยู่บนโลกอีกด้วย และถ้าหากพวกเขาพยายามมาจนถึงที่นี่ได้ พวกเขาจะต้องเจอกับกองทัพพิทักษ์แห่งแสงสว่างอีกครั้งแน่นอน!!

    (พวกเขาเป็นผู้ตรวจตราจักรวาลเหมือนแอนตี้ไวรัสในคอมพิวเตอร์ และพวกนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ยงคงกระพัน แต่อย่างไรก็ดี พวกนี้ไม่ใช่พระเจ้านะครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะประมาณว่า ลูกมือ น่ะ)นั่นทำให้พวกแอนอันนากิก็อปปีที่ติดอยู่บนโลกต่างกำลังสับสนในสิ่งที่พวกดั้งเดิมไม่สามารถผ่านแนวป้องกันของกลุ่มแห่งแสงมาได้ และพวกเขาคงไกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว นั่นจะทำให้สถานการณ์บนโลกเข้าสู่ความตึงเครียดและน่าหวาดหวั่นถ้าหากพวกนี้เผลอทำอะไรที่ไร้เหตุผลขึ้นมาเหมือนอย่างที่ผู้นำโลกของมนุษยชาติได้กระทำอยู่นี้และเคยกระทำไปแล้วในอดีต..

    ยังมีผู้ที่สามารถหันเหวัตถุประสงค์ของแอนอันนากิบนโลกได้อยู่กับคำพูดประมาณว่า "โลกใบนี้ก็เปรียบเสมือนคุกดีๆนี่เอง ..แต่พวกเราสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นสรวงสวรรค์ได้" แอนอันนากิได้อวตารในร่างมนุษย์ในปัจจุบันแล้ว บ้างก็มีร่างกายละเอียดแบบจิตวิญญาณ ชาวแอนอันนากินั้นมีอำนาจมากในโลกของจิตวิญญาณ และข้อความหลายๆข้อความที่เป็นการล่อลวงมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวงจากการสื่อสารผ่านพวกร่างทรงก็เป็นพวกแอนอันนากิด้วยเช่นกัน

    ผมขอประกาศว่า ..กองทัพแห่งกำลังแสงกำลังรอที่จะดำเนินการช่วยเหลือครั้งสุดท้าย สำหรับสรรพชีวิตที่ดำรงประสงค์แห่งแสงสว่าง จากทุกระดับ ทุกชนชั้นแห่งจิตวิญญาณ ผู้ซึ่งติดค้างอยู่และดำรงไปในมิติแห่งความทุกข์ยากนี้ และกระบวนการกำลังดำเนินไปด้วยดี

    จงรับรู้ว่า .. บางสิ่งกำลังมาในไม่ช้านี้ แต่จะไม่ใช่ Nibiru ชื่อที่พวกท่านพากันหวาดกลัว....

    ขอสันติสุข และความรัก จงมีแด่พวกท่านทุกคน

    24-02-2012, 03:22 PM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ด้วยภารกิจต่าง-ๆ-จงเตรียมพร้อม.282221/page-13
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2012
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ข่าวสารจากกลุ่มอินดิโก้ (จบ)

    Shota สมาชิก

    สวัสดีครับมิตรสหายที่รักทุกท่าน

    ห่างหายกันไปเนิ่นนานพอสมควร ตอนนี้ผมได้กลับมาเยือนบ้านเก่าอีกครั้ง ตอนนี้อยู่ที่กรุงเทพ พวกเราชาวอินดิโก้ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้พวกเราได้ดำเนินภารกิจลุล่วงไปได้เป็นบางส่วนแล้ว ขณะนี้พวกเรากำลังเฝ้ารอ เฝ้ารอในอีกไม่กี่เวลาข้างหน้าที่ทุกสิ่งจะเริ่มต้นขึ้น.. "การมาเยือนของยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง" และผู้มาเยือนจากฟากฟ้าอันไกลโพ้น..

    ขณะนี้เป็นเวลากว่าปีมาแล้วนี้แล้ว ที่โลกของเราได้ย่างกรายเข้าสู่ยุคก่อนการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หลังวันที่ 28 ตุลาคม 2011 เป็นต้นมาจนถึงตอนนี้ เรียกได้ว่าเรากำลังดำเนินไปสู่บทสุดท้ายของยุคก่อนการเปลี่ยนแปลง เพื่อจะเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์ ในวันที่ 22 ธันวาคม 2012 ที่จะถึงนี้ และโลกของเรา ระบบสุริยะของเรา ก็จะย่างกรายเข้าสู่แถบคลื่นของพลังงานละเอียดสีทองเป็นครั้งแรก เรียกกันว่าแถบโฟตอน

    ซึ่งเป็นคลื่นแสงสีทองแห่งจักรวาล มันสามารถจะกระตุ้นทุกๆอะตอมของทุกๆดวงดาวที่ย่างกรายเข้าไป ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เริ่มตั้งแต่ระดับอนุภาคไล่ขึ้นไปจนไปถึงระดับมหภาคเลยทีเดียว และตอนนี้ดาวทุกดวงในระบบสุริยะของเรา ก็เริ่มมีปฏิกริยาบ้างแล้วกับการแตะเข้าไปในแถบเส้นแสงสีทองนี้ โดยเฉพาะดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์ที่มีปฏิกริยาเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยตอนนี้เรากำลังจะผ่านขอบของเขตแห่งพลังงานแสงสีทอง จึงเริ่มมีอนุภาคโฟตอนเข้ามาบ้างแล้วประปราย

    จากนี้ไประดับของเหตุการณ์จะค่อยๆใหญ่ขึ้น หลังเดือนธันวาคมนี้ไป ขอให้ทุกท่านทำตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกับคลื่นพลังงานนี้ ซึ่งเป็นคลื่นที่คล้ายๆกับคลื่นพลังงานละเอียดแห่งความรัก และความรู้สึกดีที่เปล่งออกมาจากพวกเรา ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขหรือไม่มีเงื่อนไข ขอให้เป็นความรักและความรู้สึกดีถือว่าได้ทั้งสิ้นโดยละทิ้งพลังงานลบต่างๆ เช่นความเกลียดชัง ความกลัว ความอยาก (และนี่คือระดับอนุภาค) แล้วพวกท่านจะผ่านมันไปได้

    คำเตือนก็คือ อย่าทำตัวให้เป็นประจุลบเด็ดขาด นี่คือข้อเท็จจริงซึ่งอันตรายมาก พวกท่านจะไม่มีวันผ่านมันไปได้เลย จิตวิญญาณที่เป็นแอนตี้โฟตอนจะถูกกระชากอย่างรุนแรง ลงสู่วังวนแห่งมิติที่ต่ำกว่า ถึงตอนนั้นพวกท่านทั้งหลายที่ไม่ผ่านจะรับรู้ได้ว่านรกของจริงเป็นเช่นไร...

    แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีพวกที่คอยขัดขวางมวลมนุษยชาติอยู่ ไม่ให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ พวกนี้จะแพร่กระจายความหวาดกลัวและความเกลียดชังให้กับพวกเรา เช่นในอดีตที่ผ่านมา พวกมันทำทุกรูปแบบเพื่อสร้างโครงข่ายเมทริกซ์ให้เราอยู่ โดยเกิดมาพร้อมกับความศิวิไลซ์ แต่แฝงไปด้วยความโหดร้ายรุนแรง ไม่ว่าจะในรูปแบบของศาสนาต่างๆ สื่อทุกแขนง สงคราม หรือแม้แต่อุบัติภัยต่างๆ พวกท่านจงมองออกไปนอกเมทริกซ์ที่พวกนั้นสร้างขึ้นมา เพื่อเป็นกรอบกักขังและบิดเบือนพวกเราจากความจริงต่างๆ และความรักอันไร้ซึ่งความกลัวและความเกลียดชังเท่านั้น ที่จะเป็นกุญแจนำทุกท่านไปสู่แสงสว่างที่แท้จริง

    จากนี้ไปผมจะต้องกลับไปประจำการแล้ว เพื่อรอคอยวันนั้น..ถ้าโชคอำนวย ผมจะเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับพวกท่าน..อีกครั้ง

    23-10-2012, 10:30 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ด้วยภารกิจต่าง-ๆ-จงเตรียมพร้อม.282221/page-14
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2012
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    วาฬกว่า 40 ตัว เกยตื้นหมู่ บนเกาะอันดามัน


    [​IMG]
    MThai News: สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวการเกยตื้นของวาฬกว่า 40 ตัว บนหาดชายฝั่งทางตะวันตกบนเกาะอันดามัน ในอ่าวเบงกอลของอินเดีย เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเกาะอันดามัน
    ทั้งนี้หน่วยภู้ภัยของหาดที่วาฬเกยตื้นนั้นกล่าวว่า วาฬเหล่านี้มีน้ำหนักมากและตัวใหญ่เกินกว่ากำลังของเจ้าหน้าที่จะพามันกลับลงน้ำได้
    ด้านเจ้าหน้าที่อนุรักษ์สัตว์ป่าของเกาะอันดามันกล่าวว่า ชาวประมงกลุ่มหนึ่งไปพบพวกมันและแจ้งมาที่ศูนย์ ซึ่งการเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเกาะอันดามัน แม้จะเป็นธรรมชาติของวาฬ เพราะพวกมันเกิดอาการช็อคและไม่สามารถว่ายกลับเข้าที่น้ำลึกได้ หรืออาจเกิดจากการบาดเจ็บขณะว่ายขึ้นมาที่บริเวณน้ำตื้นก็เป็นได้
    Photo:: AFP
    Mthai News
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    จะมีการ"เชือดไก่ให้ลิงดู"เพื่อให้หลาบจำ-และเข็ดหลาบกัน !!!

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    ...มาอ่านข่าวดีกันก่อน..จะได้มีกำลังใจที่เต็มและล้น สามารถรับอ่านข่าวไม่หรูกันได้โดยกำลังใจไม่ตก..

    ผลของการประชุมที่เทวสภา เมื่อวันพระที่ผ่านมา 23-10-2555-เป็นผลมติกติกาที่ต่อเนื่องกันมา จากการประชุมเมื่อ 8-10-2555-15-10-2555-และ 23-10-2555..3 นัดซ้อน..ถ้าเราติดตามอ่านต่อเนื่องและจำได้ก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่จำและเข้าใจต้องกลับไปย้อนอ่านซ้ำอีกครั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจและจำได้...

    ..ภัยธรรมชาติครั้งยิ่งใหญ่ของโลกมนุษย์(ภัยกึ่งพุทธกาล)2560 ยืนยันมติกติกาเช่นเดิม.โดยมีมติเป็นเอกฉันท์..และสมเด็จทุก ๆ พระองค์เมตตาประทานพระพรมายังโลกมนุษย์ 3 วันที่ผ่านมา เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกคน-และเป็นการผ่อนกรรมที่หนักให้เป็นเบา..เกิดความสุขสงบ-ความเจริญรุ่งเรืองในกลุ่มบุคคลผู้ที่ศีลดีพอ.และผู้ที่มองเห็น"ธรรม"แล้วให้มีกำลังสูงขึ้นอีก-ในระดับนึง.เพื่อให้คนดีมีศีลมีอำนาจปกครองคนทุศีลได้ สามารถบรรยายธรรม

    เทศนาธรรมที่สมเด็จตรัสไว้แล้วเผยแพร่ต่อไป เพื่อให้มีผู้คนมามองเห็นธรรม ปฏิบัติธรรมกันให้ได้มากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก.. สำหรับประเทศไทย-และบางประเทศในบางพื้นที่ คนที่ศีลดีพร้อมแล้วก็เริ่มออกมาทำหน้าที่กันแล้ว..ภัยธรรมชาติในบางพื้นที่จึงหยุดไป.เบาบางไป.มีความอุดมสมบูรณ์ในโภคทรัพย์-อริยทรัพย์.ให้เป็นแผ่นดินธรรม-แผ่นดินทองต่อไป.

    แต่ในบางพื้นที่ที่ยังมีภัยหนักอยู่ เพราะเป็นการรวมกลุ่มคนทุศีลในระดับเดียวกันให้มาอยู่รวมกัน แล้วรับกรรมนั้นๆ ที่เกิดจากภัยธรรมชาติพร้อมๆ กัน (เชือดไก่ให้ลิงดู)เมื่อเห็นภัยแล้ว ยังไม่เห็นธรรม ก็จะเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นอีก..เพื่อให้หลาบจำ-และเข็ดหลาบกัน..

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    ..ข่าวดี(ต่อ)..
    มีนักปฏิบัติหลาย ๆ ท่านที่ได้รับการรับรองจากสมเด็จว่า "ข้างในเป็นพระ"ตั้งแต่ระดับพระโสดาบันขึ้นไป..และมีอีกหลายท่านได้เลื่อนอิสริยยศสูงขึ้นไปอีก-ตำแหน่งสูงขึ้น เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่..(รู้เฉพาะตน).และผู้ที่มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลที่บริสุทธิ์ อานิสงฆ์ผลบุญที่ได้สร้างสมไว้-ส่งผลให้ได้รับแต่สิ่งดีๆ ให้ได้รับ-ได้เห็นทันที ทั้งทางโลก-ทางธรรม ให้ทุกๆ ท่านสังเกตุในชีวิตประจำวันของตนให้ดีๆ.เดี๋ยวมาต่อข่าวไม่หรูกันต่อ..

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    ..ข่าวไม่หรู ในบางพื้นที่ของไทยและของบางประเทศ..ภัยธรรมชาติจากน้ำ-ลมพายุ-แผ่นดินไหว-ฟ้าผ่า จะเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของไทย คือภาคใต้หนักหน่อย-และยังรวมถึงการรับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศรอบ ๆ ด้วย...

    อิสานบางจังหวัดรวมถึงภาคเหนือและกลางด้วย..
    ภาคใต้ทุกจังหวัด..ภาคอิสาน มีหลายจังหวัดเช่น สกลนคร-เลย-นครพนม-
    ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี-อุดรธานี-หนองคาย.ยังมีความเสี่ยงสูงอยู่..
    ภาคกลางและกรุงเทพ-ปริมณฑล ก็เช่นกัน ยังมีความเสี่ยงสูงไม่ปลอดภัยในเรื่องของน้ำด้วย..ยังมีพายุรออยู่.

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    ..ภัยไฟไหม้-อุบัติเหตุ ที่เกิดจากความประมาทของมนุษย์ มีสูงมาก-มีอันตราย-ความรุนแรง-ในกลุ่มของคนที่ศีลไม่ดีพอ กระจายกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ ทั่วประเทศไทย.

    ..พอภัยธรรมชาติเบาบางลง-ภัยจากน้ำมือของมนุษย์เข้ามาแทน..นี่แหละโลกมนุษย์ มนุษย์เป็นผู้กระทำ.ภัยจากมนุษย์นี่มีทุก ๆ วัน ทุก ๆ พื้นที่ ขอให้ทุกคนอย่าประมาท..เพราะเป็นช่วงที่พญามาร-มาร-มาดลจิตคนที่เป็นมาร-มีกรรมหนัก ให้มาทำลายกันเอง..รบกันเอง-ฆ่ากันเอง.ภัยจากน้ำมือมนุษย์เริ่มมานานแล้ว..แต่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นอีก.

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    ..ที่ใดเกิดภัยจากมนุษย์ "พระธรรม"ช่วยบรรเทาได้ "พระธรรม"อยู่ที่ไหน?..พระธรรม อยู่ที่จิตประทับอยู่ในใจของแต่ละคนนั่นแหละ..

    ..ภัยจากมนุษย์เกิดจากอะไร..โลภ-โกรธ-ไม่พอใจ-ไม่ถูกใจ-อาฆาตพยาบาทนั่นแล..เป็นสาเหตุ..

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-417
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2012
  19. John Lee

    John Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +424
    อินดิโก้ Shota คนนี้เยี่ยมยอดเลย

    1. แล้วคุณ Indigo ทั้งหลายทั้งโลก จะทำสงครามกับพวกมันอย่างไร ?
    - เมื่อตายกลายเป็นเทพแล้ว...กลับมาทำหน้าที่ตามสมควร
    - รับขึ้นไปทำสงคราม ... เรื่องนี้ยากส์ เพราะร่างกายหยาบคุณไม่พร้อม นอกจากกว่า คุณเป็นกลุ่ม Angelic จริงๆ พวกฝ่ายแสงคงมีกรรมวิธีทางพลังจิตต่อไปอีก ซึ่งหมายความว่าคุณต้องเป็นคนดีจริงๆ

    2. โดยปรกติ เราฝ่ายแสงมักจะสู้ฝ่ายมืดทั้งมวลไม่ได้นะครับ อัตราส่วนเต็มที่น่าจะประมาณ 5 : 2 ถึง 5 : 3

    3. Reptilian ชั้นล่าง มีโอกาสเป็นไปได้ที่กลุ่ม Annu จะจับมาเปลี่ยนพันธุกรรม แต่ไม่ใช่ทำได้กับกลุ่ม Reptilians สูง ที่สามารถกระโดดข้าม Universes มาได้ง่ายๆ เมื่อเจ้านายเขาเรียกใช้
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    จะมีระเบิดจากจรวดนำวิถี หลงเข้ามาตกในประเทศไทย 4-5 ลูก !!!

    หนุมาน ผู้นำสาร สมาชิก

    ด้วยเหตุผลบ้านเมือง...ไม่มีสัจจะ ไม่อาจก้าวข้ามกรรม
    จะเกิดศึกประลัยกัลป์ ทะเลาะกันเอง ฆ่ากันตาย
    อยู่ไม่ได้ ข้างบ้านบุก เสียดินแดน เกิดวิบัติ
    ระเบิดจะหลงเข้ามาตกในไทย ๔ ลูก
    เป็นกรรมปรากฏ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    21-03-2011, 05:08 PM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1192

    แหม ๆๆๆๆๆๆ..มาได้ไงตั้ง 5 ลูก.

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    .ที่ใดเกิดภัยจากมนุษย์ "พระธรรม"ช่วยบรรเทาได้ "พระธรรม"อยู่ที่ไหน?..
    พระธรรม อยู่ที่จิตประทับอยู่ในใจของแต่ละคนนั่นแหละ..
    ..ภัยจากมนุษย์เกิดจากอะไร..โลภ-โกรธ-ไม่พอใจ-ไม่ถูกใจ-อาฆาตพยาบาทนั่นแล..เป็นสาเหตุ..รวมถึงระเบิด 30 ล้านเมกกะตันด้วย..
    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    anirutpae สมาชิก

    ผมกำลังคิดว่าภัยที่เกิดจากมนุษย์ ที่จะเกิดจากยักษ์นอกศาสนาที่จะห่ำหั่นกันปลายปีนี้ พวกเขาจะใช้ระเบิดถึง 30 ล้านเมกกะตันใส่กันหรือเปล่าครับ ? ผมเดาเอานะครับ ก็เลยอยากให้อาจารย์อธิบายเพิ่มเติมอีกนิดครับ ขอบคุณครับ.

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    ..ไม่ต้องเดาละ เป๊ะเลย..แต่เป็นต้นปีหน้า ปลายปีนี้ยังไม่ยิง..หยั่งเชิงกันก่อน.
    คิดแล้วหยอง...ลูกเดียวก็ไม่อยากคิด แต่นี่ แหม ๆๆๆๆๆๆ..มาได้ไงตั้ง 5 ลูก..
    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-418
     

แชร์หน้านี้

Loading...