เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    จดหมายน้อยถึงแม่ต้อย

    (^)HBDs(^)
    ระยะ 2-3 วัน มานี่หายไปเลย สงสัยสว.จะงอนหรือเปล่าน๊อ!

    ขอให้ร่างกายแข็งแรง เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
    เจริญในธรรมยิ่งขึ้นไป...

    นี่มีภาพเด็ดๆมาให้แม่ต้อย โดยเฉพาะด้วยนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2012
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,852
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    =======================================
    กราบสวัสดีอาจารย์ค่ะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ ขอน้อมรับพร เพื่อจะได้มาี่ี่ที่นี่ทุกๆวัน เมื่อวานอยู่ๆมีฟ้าแลบโดยไม่ทราบสาเหตุ Battery จากคอมเกลี้ยงเลยทันที ขณะที่คิดจะทําบุญบํารุงเวปในวันเกิด นี่เป็นคร้งที่สองค่ะ ที่ฟ้าแวปมาแบบนี้ คนเรานี่นะพอจะทําความดีก็ยังมีอุปสรรคเลย อนุโมทนาสาธุสําหรับข้อความดีๆและมีประโยชน์ทั้งทางโลกทางธรรมค่ะ(แถมตลก อ่านทีไรสะอึกทุกที ต่ออายุคนแก่):z10;aa57
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,852
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    คงหลับฝันดีเวลาฝนตก เกือบ๗โมงเช้าแล้วววว ก๊อกๆๆrabbit_sleepyหวัดดีï¿
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,852
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    Subject: FW: มหัศจรรย์แห่งกระดูก...สุดท้<wbr>ายแล้วลูกเดือยคือยาวิเศษ




    <hr>






    มหัศจรรย์แห่งกระดูก...สุดท้<wbr>ายแล้วลูกเดือยคือยาวิเศษ

    องค์ประกอบหลักของกระดูกคือ แคลเซียมฟอตเฟส เพราะฉะนั้น เรารับประทานแคลเซี่ยมคาร์บอเนต (บวกวิตามินดีหรือไม่ก็ตามที่นิ<wbr>ยมกัน) เพื่อบำรุงกระดูก รักษาโรคกระดูกพรุน ได้จริงหรือ? มาหุงข้าวผสมลูกเดือยรั<wbr>บประทานดีกว่าครับ มีฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูกตรงกับองค์<wbr>ประกอบหลักของกระดูก


    มหัศจรรย์แห่งกระดูก

    ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งซับซ้<wbr>อนมหัศจรรย์ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยั<wbr>งศึกษาได้ไม่จบสิ้น วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์จึ<wbr>งนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับกระดู<wbr>กมนุษย์มาฝาก

    องค์ประกอบหลักของกระดูกคือ แคลเซียมฟอตเฟส ที่ทำให้กระดูกแข็งและมี<wbr>คอลลาเจนเป็นโปรตีนเส้นใยที่ช่<wbr>วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกระดูก ในร่างกายเด็กจะมีกระดูก 300 ชิ้น แต่เมื่อโตขึ้นกระดูกบางชิ้<wbr>นจะรวมกัน ทำให้เหลือ 206 ชิ้น เมื่อเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว รวมเป็นน้ำหนักร้อยละ 20 ของร่างกาย

    กระดูกทุกชิ้นจะเชื่อมต่อกัน ยกเว้นกระดูกโคนลิ้นที่จะยึดอยู<wbr>่บริเวณส่วนบนของคอหอยด้วยเอ็<wbr>นและกล้ามเนื้อ

    กระดูก ชิ้นที่เล็กที่สุดคือ กระดูกรูปโกลนในหูชั้นกลาง ซึ่งมีความยาวประมาณ 0.28 เซนติเมตร ส่วนกระดูกที่ใหญ่ที่สุดคือ กระดูกต้นขา ยาวประมาณ 48 เซนติเมตร

    และน่ามหัศจรรย์ที่เมื่อกระดู<wbr>กหัก มันจะสามารถเชื่อมต่อกันได้เอง บางชิ้นใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนก็<wbr>เชื่อมต่อกันสนิท.


    ทีมเดลินิวส์ออนไำลน์

    http://www.dailynews.co.th/<wbr>newstartpage/index.cfm?page=<wbr>content&contentId=119497&<wbr>categoryID=424


    "ลูกเดือย" ธัญพืชเพื่อสุขภาพ

    "ทำไมคุณย่าถึงชอบต้มลูกเดือยร้<wbr>อนๆ ไว้ทานทุกเช้าล่ะครับ"
    เจ้าหลานชายตัวน้อยเอ่ยถามคุณย่<wbr>า เพราะถึงแม้เขาจะคุ้นเคยดีกั<wbr>บการกินลูกเดือย ทั้งลูกเดือยต้มหรือลูกเดือยที่<wbr>เป็นส่วนผสมหนึ่งในน้ำอาร์.ซี. ที่คุณย่าชอบทานก็ตามที แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าลู<wbr>กเดือยเมล็ดกลมๆ นี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง คุณย่าจึงเล่าถึงสรรพคุณดีๆ ของลูกเดือยว่า

    - คุณค่าทางอาหาร ลูกเดือยมีฟอสฟอรัสอยู่ในปริ<wbr>มาณสูง จึงช่วยบำรุงกระดูก รองลงมามีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา และมีวิตามินบีหนึ่งมาก ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเหน็บชา อีกทั้งเป็นอาหารที่ให้พลั<wbr>งงานแก่ร่างกายสูง จึงมีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง และเหมาะสำหรับคนไข้พักฟื้น
    - คุณค่าทางยา ใช้ชงป็นยาเย็น ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน บำรุงไต กระเพาะอาหาร ม้าม รวมทั้งบำรุงเลือดลมในสตรีหลั<wbr>งคลอด รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง
    นอกจากนี้ ในตำรายาจีนยังใช้ลูกเดื<wbr>อยบดผสมข้าว ต้มเป็นข้าวต้มกินทุกวันเพื่<wbr>อบำรุงกำลัง ช่วยหล่อลื่<wbr>นกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้บวมน้ำ ปวดข้อเรื้อรัง ทั้งยังเชื่อว่าการรับประทานลู<wbr>กเดือยต้มน้ำตาลสามารถที่จะแก้<wbr>ร้อนในได้อีก
    "นอกจากลูกเดือยจะทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้านแล้ว ยังเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้สู<wbr>งอายุและคนทุกวัยอีก รู้อย่างนี้ ผมต้องขอเติมอีกชามแล้วล่ะครับ" หลานชายตัวน้อยพูดพร้อมยื่<wbr>นชามใบเดิมให้คุณย่าทันที

    ขอขอบคุณ : นิตยสารชีวจิต
    http://variety.mcot.net/V3494


    ลูกเดือย ยาอายุวัฒนะ


    ฉบับนี้ ‘ป้าบัว’ มีเรื่องของ ‘ลูกเดือย’ มาฝากกันค่ะ เพราะธัญพืชเมล็ดกลมๆเล็กๆนี้ อัดแน่นด้วยคุณภาพของสารอาหารที<wbr>่มีประโยชน์ บำบัดโรคได้สารพัด จนชาวจีนยกให้เป็น ยาอายุวัฒนะอีกชนิดหนึ่งทีเดียว

    ในตำรายาจีนบอกไว้ว่า ลูกเดือย ซึ่งมีรสจืดนั้นมีฤทธิ์เป็<wbr>นยา เย็น ช่วยบำรุงกำลัง หล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ บำรุงปอด ม้าม ตับ ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้ท้องเสีย แก้ทางเดินหายใจ เหน็บชา แก้ปวดเข่า ปวดข้อ ไขข้ออักเสบ แก้ชักกระตุก บวมน้ำ ปอดอ่อนแอไอเป็นเลือด ฝีที่ลำไส้ แก้อาการ ตกขาวผิดปกติ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงเส้นผมและผิวหนัง แก้ร้อนในกระหายน้ำ ลดการเกิดกระ รักษาโรคหูด ลดการ เกิดมะเร็ง เพราะมีสารคอกซีโนไลด์ (coxenolide)ที่มีสรรพคุ<wbr>ณในการยับยั้งการเกิดเนื้องอก

    ซึ่งสอดคล้องกับข้อมู<wbr>ลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ว่าสารคอกซีโนไลด์ในเมล็ดเดื<wbr>อยมีสรรพคุณในการยับยั้งการเจริ<wbr>ญของเนื้องอก และพบว่าสารสกัดด้วยน้ำหรือตั<wbr>วทำละลายอินทรีย์ จากรากหรือเมล็ดเดือยมีฤทธิ์<wbr>ทำให้การหมุนเวียนของเลือดที่ผิ<wbr>วหนังดีขึ้น ทำให้เส้นผมงอกงามดี

    ผลการทดลองการรักษาโรคหูดที่มั<wbr>กจะเป็น เรื้อรัง ก็ช่วยยืนยันสรรพคุณของลูกเดือย โดยการทดลองในคนไข้ 23 ราย ให้กินลูกเดือย 60 กรัม ต้มรวมกับข้าวรับประทานวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันจนกว่าจะหาย หลังจากกินลูกเดือยติดต่อกัน 7-76 วัน ได้ผลหายขาด 11 ราย อาการดีขึ้น 8 ราย ไม่ได้ผล 6 ราย ซึ่งอาจเป็นเพราะสารจากลูกเดือย มีฤทธิ์ ทำให้เลือดมาเลี้ยงที่ผิวหนังดี<wbr>ขึ้น หรือจากฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติ<wbr>บโตของเนื้องอกนั่นเอง

    เหตุที่ลูกเดือยมีคุณค่<wbr>าทางอาหารสูง เพราะมีปริมาณโปรตีน 13.84% คาร์โบไฮเดรต 70.65% เยื่อใย 0.23% ไขมัน 5.03% แร่ธาตุต่างๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยบำรุงกระดูก มีอยู่ในปริมาณสูง รวมทั้งวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 โดยเฉพาะวิมามินบี 1 มีในปริมาณ มาก (มีมากกว่าข้าวกล้อง) ซึ่งช่วยแก้โรค เหน็บชาด้วย

    ยังค่ะ..คุณค่ายังไม่หมดเท่านี้ เพราะลูกเดือยยังมีกรดอะมิโนทุ<wbr>กชนิดที่สูงกว่าความต้<wbr>องการตามมาตรฐานขององค์การอนามั<wbr>ยโลก ยกเว้นเมทไธโอนีนและไลซีน เช่น มีกรดกลูตามิกในปริมาณมากตามด้<wbr>วยลูซีน, อลานีน,โปรลีน วาลีน, ฟินิลอลานีน, ไอโซลูซีน และอาร์จีนีนลดหลั่นลงมา

    แถมลูกเดือยยังมีกรดไขมันจำเป็<wbr>นชนิด ที่ไม่อิ่มตัวด้วย เช่น กรดโอเลอิค และกรดลิโนเลอิก รวมแล้วถึง 84% และเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัว คือ ปาล์มิติ และสเตียริก เพียง 16% เท่านั้น

    เห็นมั้ยคะว่า ลูกเดือยเป็นอาหารคุณภาพคับเมล็<wbr>ดจริงๆ เพราะให้ทั้งพลังงาน ไขมัน แร่ธาตุ และกรดที่จำเป็นต่อร่างกายอย่<wbr>างยอดเยี่ยม

    ลูกเดือยจึงเป็นอาหารบำรุงกำลั<wbr>งชั้นดี เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย เด็กๆที่รับประทานลูกเดือยเป็<wbr>นประจำ จะช่วยบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร สตรีหลังคลอดควรรับประทานลูกเดื<wbr>อยเพื่อบำรุงเลือด และผู้สูงอายุที่รับประทานลู<wbr>กเดือยจะช่วยบำรุงการทำงานของไต

    เหตุที่ลูกเดือยมีคุณค่<wbr>าทางโภชนาการสูงดังกล่าวแล้ว คนจีนส่วนใหญ่ จึงนิยมนำมาบดผสมข้าวต้มกินทุ<wbr>กวัน

    นอกจากนี้ ลูกเดือยยังนำมาประกอบอาหารได้<wbr>หลากหลายชนิด รวมไปถึงทำเป็นอาหารเสริมหรื<wbr>อเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อีกด้วยค่ะ

    ลูกเดือยเป็นธัญพืชที่หาซื้อได้<wbr>ง่าย มีขายกันทั่วไป ใครใคร่รับประทานแบบไหนก็เลื<wbr>อกซื้อหากันตามชอบใจนะคะ
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,852
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    อาจารย์ จขกท หายไปใหนเอ่ย ?เดี๋ยวนึกก่อน.....อ๋อ... ระหว่างเรานั่งรอก็อ่านอะไรๆไปพลางๆก็แล้วกันนะคะ ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ

    Phra Sombat Summapalo

    แนะนำมงคลชีวิตในพระพุทธศาสนา
    ม ง ค ล ที่ ๒ ๗ มี ค ว า ม อ ด ท น
    หญ้าแม้เป็นพืชต้นเล็กๆ แต่เพราะมีความทนทรหด
    จึงสามารถแพร่พันธุ์ไปได้ทั่วโลกฉันใด
    คนเราแม้กำลังทรัพย์ กำลังความรู้ ความสามารถจะยังน้อย
    แต่ถ้ามีความอดทนแล้ว ย่อมสามารถฝึกฝนตนเอง
    ให้ประสพความสุขความสำเร็จในชีวิตได้ฉันนั้น

    ค ว า ม อ ด ท น คื อ อ ะ ไ ร ?
    ความอดทน มาจากคำว่า ขันติ หมายถึง การรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้ ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันเป็นที่พึงปรารถนาหรือไม่พึงปรารถนาก็ตาม มีความมั่นคงหนักแน่นเหมือนแผ่นดิน ซึ่งไม่หวั่นไหว ไม่ว่า จะมีคนเทอะไรลงไป ของเสีย ของหอม ของสกปรกหรือของดีงามก็ตาม
    งานทุกชิ้นในโลกไม่ว่าจะเป็นงานเล็กงานใหญ่ ที่สำเร็จขึ้นมาได้นอก จากจะอาศัยปัญญาเป็นตัวนำแล้ว ล้วนต้องอาศัยคุณธรรมข้อหนึ่งเป็นพื้นฐานจึงสำเร็จได้ คุณธรรมข้อนั้นคือ ขันติ
    ถ้าขาดขันติเสียแล้ว จะไม่มีงานชิ้นใดสำเร็จได้เลย เพราะขันติเป็นคุณธรรมสำหรับทั้งต่อต้านความท้อถอยหดหู่ ขับเคลื่อนเร่งเร้าให้เกิดความ ขยัน และทำให้เห็นอุปสรรคต่างๆ เป็นเครื่องท้าทายความสามารถ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ความสำเร็จของงานทุกชิ้น ทั้งทางโลกและทางธรรม คืออนุสาวรีย์ของขันติทั้งสิ้น
    โดยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า
    ยกเว้นปัญญาแล้ว เราสรรเสริญว่าขันติเป็นคุณธรรมอย่างยิ่ง

    ลั ก ษ ณ ะ ค ว า ม อ ด ท น ที่ ถู ก ต้ อ ง
    ๑. มีความอดกลั้น คือเมื่อถูกคนพาลด่า ก็ทำราวกับว่าไม่ได้ยิน ทำหูเหมือนหูกระทะ เมื่อเห็นอาการยั่วยุก็ทำราวกับว่าไม่ได้เห็น ทำตาเหมือนตาไม้ไผ่ ไม่สนใจใยดี ไม่ปล่อยใจให้เศร้าหมองไปด้วย ใส่ใจสนใจแต่ในเรื่อง ที่จะทำความเจริญให้แก่ตนเอง เช่น เจริญศีล สมาธิ ปัญญาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
    ๒. เป็นผู้ไม่ดุร้าย คือสามารถข่มความโกรธไว้ได้ ไม่โกรธ ไม่ทำร้ายทำอันตรายด้วยอำนาจแห่งความโกรธนั้น ผู้ที่โกรธง่ายแสดงว่ายังขาดความ อดทน มีคำตรัสของท้าวสักกะเป็นข้อเตือนใจอยู่ว่า
    ผู้ใดโกรธตอบผู้ที่โกรธก่อนแล้ว
    ผู้นั้นกลับเป็นคนเลวกว่าผู้ที่โกรธก่อน
    ผู้ที่ไม่โกรธต่อบุคคลผู้กำลังโกรธอยู่
    ย่อมชื่อว่า เป็นผู้ชนะสงครามอันชนะได้ยากยิ่ง
    สํ. ส. ๑๕/๘๓๕/๓๒๕
    ๓. ไม่ปลูกน้ำตาให้แก่ใครๆ คือไม่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือเจ็บแค้นใจจนน้ำตาไหล ด้วยอำนาจความเกรี้ยวกราดของเรา
    ๔. มีใจเบิกบานแจ่มใสอยู่เป็นนิตย์ คือมีปีติอิ่มเอิบใจเสมอๆ ไม่พยาบาท ไม่โทษฟ้า โทษฝน โทษเทวดา โทษโชคชะตา หรือโทษใครๆ ทั้งนั้น พยายามอดทนทำการงานทุกอย่างด้วยใจเบิกบาน
    ลักษณะความอดทนนั้น โบราณท่านสอนลูกหลานไว้ย่อๆ ว่า
    ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง
    ปิดปากเสียบ้าง นอนนั่งสบาย
    คนบางคนขี้เกียจทำงาน บางคนขี้เกียจเรียนหนังสือ บางคนเกะกะ เกเร พอมีผู้ว่ากล่าวตักเตือนก็เฉยเสีย แล้วบอกว่าตนเองกำลังบำเพ็ญขันติ บารมี อย่างนี้เป็นการเข้าใจผิด ตีความหมายของขันติผิดไป ขันติไม่ได้หมายถึงการตกอยู่ในสภาพใดก็ทนอยู่อย่างนั้น
    พวกที่จนก็ทนจนต่อไป ไม่ขวนขวายทำมาหากิน จัดเป็นพวกตายด้าน
    พวกที่โง่ก็ทนโง่ไป ใครสอนให้ก็ไม่เอา จัดเป็นพวกดื้อด้าน
    พวกที่ชั่วแล้วก็ชั่วอีก ใครห้ามก็ไม่ฟัง จัดเป็นพวกดื้อดึง
    ลักษณะที่สำคัญยิ่งของขันติ คือตลอดเวลาที่อดทนอยู่นั้น จะต้อง มีใจผ่องใส ไม่เศร้าหมอง
    เราสรุปลักษณะของขันติโดยย่อได้ดังนี้
    ๑. อดทนถอนตัวหรือหลีกเลี่ยงจากความชั่วให้ได้
    ๒. อดทนทำความดีต่อไป
    ๓. อดทนรักษาใจไว้ไม่ให้เศร้าหมอง

    ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง ค ว า ม อ ด ท น
    ความอดทนแบ่งตามเหตุที่มากระทบได้เป็น ๔ ประเภท คือ
    ๑. อดทนต่อความลำบากตรากตรำ เป็นการอดทนต่อสภาพธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ ความหนาว ความร้อน ฝนตก แดดออก ฯลฯ ก็อดทนทำงานเรื่อยไป ไม่ใช่เอาแต่โทษเทวดาฟ้าดิน หรืออ้างเหตุเหล่านี้แล้วไม่ทำงาน
    ๒. อดทนต่อทุกขเวทนา เป็นการอดทนต่อการเจ็บไข้ได้ป่วย ความไม่สบายกายของเราเอง ความปวด ความเมื่อย ผู้ที่ขาดความอดทนประเภทนี้ เวลาเจ็บป่วยจะร้องครวญคราง พร่ำเพ้อรำพัน หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย ผู้รักษาพยาบาลทำอะไรไม่ทันใจหรือไม่ถูกใจ ก็โกรธง่าย พวกนี้จึงต้องป่วยเป็น ๒ เท่า คือนอกจากจะป่วยกายที่เป็นอยู่แล้ว ยังต้องป่วยใจแถมเข้าไปด้วย ทำตัวเป็นที่เบื่อหน่ายแก่ชนทั้งหลาย
    ๓. อดทนต่อความเจ็บใจ เป็นการอดทนต่อความโกรธ ความไม่พอใจ ความขัดใจ อันเกิดจากคำพูดที่ไม่ชอบใจ กิริยามารยาทที่ไม่งาม การบีบคั้นทั้งจากผู้บังคับบัญชาและลูกน้อง ความอยุติธรรมต่างๆ ในสังคม ระบบงานต่างๆ ที่ไม่คล่องตัว ฯลฯ
    คนทั้งหลายในโลกแตกต่างกันมากโดยอัธยาศัยใจคอ โอกาสที่จะได้อย่างใจเรานั้นอย่าพึงคิด เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มเข้าหมู่คนหรือมีคนตั้งแต่ ๒ คน ขึ้นไป ให้เตรียมขันติไว้ต่อต้านความเจ็บใจ
    ๔. อดทนต่ออำนาจกิเลส เป็นการอดทนต่ออารมณ์อันน่าใคร่น่า เพลิดเพลินใจ อดทนต่อสิ่งที่เราอยากทำแต่ไม่ สมควรทำ เช่น อดทนไม่เที่ยวเตร่ ไม่เล่นการพนัน ไม่เสพสิ่งเสพย์ติด ไม่รับสินบน ไม่คอร์รัปชั่น ไม่ผิดลูกเมียเขา ไม่เห่อยศ ไม่บ้าอำนาจ ไม่ขี้โอ่ ไม่ขี้อวด เป็นต้น
    การอดทนข้อนี้ทำได้ยากที่สุด โบราณเปรียบไว้ว่า
    เขาด่าแล้วไม่โกรธ ว่ายากแล้ว
    เขาชมแล้วไม่ยิ้ม ยากยิ่งกว่า

    วิ ธี ฝึ ก ใ ห้ มี ค ว า ม อ ด ท น
    ๑. ต้องคำนึงถึงหิริโอตตัปปะให้มาก เมื่อมีความละอายและเกรงกลัว ต่อบาปอย่างเต็มที่ ความอดทนย่อมจะเกิดขึ้น ดังตัวอย่างในเรื่องของพระ- เตมีย์ใบ้
    เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ มีอยู่ชาติหนึ่ง พระองค์เกิดเป็นโอรสกษัตริย์นามว่าพระเตมีย์ ขณะอายุได้ ๖-๗ ขวบ ได้เห็นพระราชบิดาสั่งประหารโจรโดยใช้ไฟครอกให้ตาย ด้วยบุญบารมีที่ทำมาดีแล้ว ทำให้พระเตมีย์ระลึกชาติได้ว่าภพในอดีตพระองค์ก็เคยเป็นกษัตริย์ และก็เคยประหารโจร ทำให้ต้องตกนรกอยู่ช้านาน จึงคิดว่า ถ้าชาตินี้เราต้องเป็นกษัตริย์อีก ก็ต้องฆ่าโจรอีก แล้วก็จะตกนรกอีก
    ตั้งแต่วันนั้นมา พระเตมีย์จึงแกล้งทำเป็นใบ้ ทำเป็นง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย พระราชบิดาจะเอาขนมเอาของเล่นมา ล่อ ก็ไม่สนใจ จะเอามดมาไต่ไรมากัด เอาไฟมาเผารอบตัวให้ร้อน เอาช้างมาทำท่าจะแทงก็เฉย ครั้นถึงวัยหนุ่ม เอาสาวๆ สวยๆ มาล่อ ก็เฉย เพราะคำนึงถึงภัยในนรก หิริ โอตตัปปะเกิดขึ้นเต็มที่ จึงมีความอดทนอยู่ได้
    นานวันเข้าพระราชบิดาเห็นว่า ถ้าเอาพระเตมีย์ไว้ก็จะเป็นกาลกิณีแก่บ้านเมือง จึงสั่งให้คนนำไปประหารเสียนอกเมือง เมื่อออกมาพ้นเมืองแล้ว พระ-เตมีย์ก็แสดงตัวว่าไม่ได้พิการแต่อย่างใด มีพละกำลังสมบูรณ์พร้อม แล้วก็ออกบวช ต่อมาพระราชบิดา ญาติพี่น้อง ประชาชนก็ได้ออกบวชตามไปด้วย และได้สำเร็จฌานสมาบัติกันเป็นจำนวนมาก
    ๒. ต้องรู้จักเชิดอารมณ์ที่มากระทบนั้นให้สูงขึ้น คือนึกเสียว่าที่เขาทำแก่เราอย่างนั้นน่ะดีแล้ว เช่น เขาด่าก็นึกเสียว่าดีกว่าเขาตี เขาตีก็นึกเสียว่า ดีกว่าเขาฆ่า เมียที่มีชู้ยังดีกว่าเมียที่ฆ่าผัว ผัวมีเมียน้อยก็ยังดีกว่าผัวที่ฆ่าเมียเพราะเห็นแก่หญิงอื่น ถ้าเปรียบกับการชกมวย การสู้แบบนี้ก็คือการหลบหมัดของคู่ต่อสู้ โดยวิธีหมอบลงต่ำให้หมัดเขาคร่อมหัวเราไปเสีย เราไม่เจ็บตัว ตัวอย่างในเรื่องนี้ ดูได้จากพระปุณณะเถระ
    พระปุณณะเดิมเป็นชาวสุนาปรันตะ ไปค้าขายที่เมืองสาวัตถี ได้ฟังเทศน์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดความเลื่อมใสศรัทธาจึงออกบวช
    ครั้นบวชแล้วการทำสมาธิภาวนาไม่ได้ผล เพราะไม่คุ้นกับสถานที่ ท่านคิดว่าภูมิอากาศที่บ้านเดิมของท่านเหมาะกับตัวท่านมากกว่า จึงทูลลาพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสถามว่า
    เธอแน่ใจหรือปุณณะ คนชาวสุนาปรันตะนั้นดุร้ายมากนัก ทั้งหยาบ-คายด้วย เธอจะทนไหวหรือ
    ไหวพระเจ้าข้า
    นี่ปุณณะ ถ้าคนพวกนั้นเขาด่าเธอ เธอจะมีอุบายอย่างไร
    ข้าพเจ้าก็คิดว่าถึงเขาจะด่าก็ยังดีกว่าเขาตบต่อยด้วยมือพระเจ้าข้า
    ถ้าเผื่อเขาต่อยเอาล่ะ ปุณณะ
    ก็ยังดีพระเจ้าข้า ดีกว่าเขาเอาก้อนดินขว้างเอา
    ก็ถ้าเขาเอาก้อนดินขว้างเอาล่ะ
    ข้าพระองค์ก็จะคิดว่า ก็ยังดีพระเจ้าข้า ดีกว่าเขาเอาไม้ตะพดตีเอา
    เออ ถ้าเผื่อเขาหวดด้วยตะพดล่ะ
    ก็ยังดีพระเจ้าข้า ดีกว่าถูกเขาแทงหรือฟันด้วยหอกดาบ
    เอาล่ะ ถ้าเผื่อคนพวกนั้นเขาจะฆ่าเธอด้วยหอกด้วยดาบล่ะ ปุณณะ
    ข้าพระองค์ก็จะคิดว่า มันก็เป็นการดีเหมือนกันพระเจ้าข้า
    ดีอย่างไร ปุณณะ
    ก็คนบางพวกที่คิดอยากตาย ยังต้องเสียเวลาเที่ยวแสวงหาศัสตราวุธมาฆ่าตัวเอง แต่ข้าพระองค์มีโชคดีกว่าคนพวกนั้น ไม่ต้องเสียเวลาไปเที่ยวหา ศัสตราวุธอย่างเขา
    ดีมาก ปุณณะ เธอคิดได้ดีมาก เป็นอันตกลง เราอนุญาตให้เธอไปพำนักทำความเพียรที่ตำบลสุนาปรันตะได้
    พระปุณณะกลับไปเมืองสุนาปรันตะแล้ว ทำความเพียร ในไม่ช้าใจก็หยุดนิ่ง เข้าถึงพระธรรมกายไปตามลำดับ จนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
    นี่คือเรื่องของพระปุณณะ นักอดทนตัวอย่าง ซึ่งอดทนได้โดยวิธีเชิดอารมณ์ที่มากระทบนั้นให้สูงขึ้น
    ๓. ต้องฝึกสมาธิมากๆ เพราะทั้งขันติและสมาธิเป็นคุณธรรมที่เกื้อ-หนุนกัน ขันติจะหนักแน่นก็ต้องมีสมาธิมารองรับ สมาธิจะก้าวหน้าก็ต้องมีขันติเป็นพื้นฐาน ขันติอุปมาเหมือนมือซ้าย สมาธิอุปมาเหมือนมือขวา จะล้างมือ มือทั้งสองข้างจะต้องช่วยกันล้าง จึงจะสะอาดดี
    มีตัวอย่างของผู้มีความอดทนเป็นเลิศอีกท่านหนึ่ง คือพระโลมสนาคเถระ
    พระโลมสนาคเถระ เป็นพระที่ทำสมาธิจนสามารถระลึกชาติได้แต่ยังไม่หมดกิเลส วันหนึ่งท่านนั่งสมาธิอยู่กลางแจ้ง พอถึงตอนเที่ยงแดดส่องเหงื่อไหลท่วมตัวท่าน พวกลูกศิษย์จึงเรียนท่านว่า
    ท่านขอรับ นิมนต์ท่านนั่งในที่ร่มเถิด อากาศเย็นดี
    พระเถระกล่าวตอบว่า
    คุณ ฉันนั่งในที่นี้ เพราะกลัวต่อความร้อนนั่นเอง
    แล้วนั่งพิจารณาอเวจีมหานรกเรื่อยไป เพราะเคยได้ตกนรกมาหลายชาติ เห็นว่าความร้อนในอเวจีที่เคยตก ร้อนกว่านี้หลายร้อยหลายพันเท่า ท่านจึงไม่ลุกหนี ตั้งใจทำสมาธิต่อไป จนในที่สุดได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
    พวกเราก็ควรนำมาเป็นข้อคิดเตือนใจว่า
    ที่อ้างร้อนนักหนาวนัก ขี้เกียจภาวนา ระวังจะไปร้อนหมกไหม้ในอเวจี หนาวเสียดกระดูกในโลกันต์

    อ า นิ ส ง ส์ ก า ร มี ค ว า ม อ ด ท น
    ๑. ทำให้กุศลธรรมทุกชนิดเจริญขึ้นได้
    ๒. ทำให้เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่รักของคนทั้งหลาย
    ๓. ทำให้ตัดรากเหง้าแห่งความชั่วทั้งหลายได้
    ๔. ทำให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกอิริยาบถ
    ๕. ชื่อว่าได้เครื่องประดับอันประเสริฐของนักปราชญ์
    ๖. ทำให้ศีลและสมาธิตั้งมั่น
    ๗. ทำให้ได้พรหมวิหารโดยง่าย
    ๘. ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย
    ฯลฯ

    บุคคลอดทนต่อคำของผู้สูงกว่าได้ เพราะความกลัว
    อดทนถ้อยคำของผู้เสมอกันได้ เพราะเหตุแห่งความแข่งดี
    ส่วนผู้ใดในโลกนี้ อดทนต่อคำของคนเลวกว่าได้
    สัตบุรุษทั้งหลายกล่าวว่า ความอดทนนั้นสูงสุด
    (สรภังคชาดก) ขุ. ชา. จตฺตาฬีส. ๒๗/๒๔๖๐/๕๓๘
     
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    มาจะช่วย..
    แม่ต้อยนี่ท่า จะขยายตัวใหญ่ไม่เป็นจริงๆแฮะ
    เอ.. หรือว่า แม่ต้อยจะแกล้งทำเป็นเด็กดื้อหรือเปล่า..ก็ไม่รุ๊?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2012
  7. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    กระทู้นี้มีคนอ่านจะ แสนห้าแล้ว ถ้าออกหนังสือ รับรองรวยแน่ครับ เอาสักเล่มละสิบบาทก็เป็นล้านแล้ว
     
  8. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ขอบคุณนะครับคุณญาณธรรม

    ....ถ้าให้ออกหนังสือ งั้นขอออก 2 เล่มเลยนะ อิ อิ...

    เรื่องยังเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งเลย ก็มัวแต่โอ้เอ้..โน่นนี่ๆ (อยู่นั่นแหละ)
    ตามประสาคนอารมณ์ติสๆ..แล้วเรื่องมันจะไปไหนไกลได้ไงล่ะ...

    แล้วตอนนี้ก็กำลังง่วนกับการศึกษาเรื่องทดสอบพลังจิตกับอาการป่วยบางอย่างอยู่
    เพื่อความชัวร์อีกครั้งแล้วจะเล่าให้ฟัง..รับรองเด็ด!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2012
  9. ภิศรณ์

    ภิศรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +1,495
    ระหว่างรอเรื่องใหม่ ก็เลยอ่านเรื่องเก่าๆ รอไปเรื่อยๆ ค่ะ (ไม่เป็นไรค่ะ รอได้ เพราะเป็น FC กันนี่นา) อย่างไรก็รักษาสุขภาพกันบ้างนะคะ ระยะนี้อากาศยามเช้าเริ่มเย็นๆ บ้างแล้ว
     
  10. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    อ๊อด อ๊อด ... เจ้าของบ้านคน โคราชาอยู่ไหมครับ

    ดวงจิตน้อยๆดวงนี้ แวะมาให้กำลังใจเด้อ ...

    ทำต่อไปครับท่านพี่ ... ช่วยกันจ้วง ช่วยกันพาย
    เรือของเราพายไป สุดท้ายก้อถึงท่าครับ

    ด้วยจิตรคารวะ

    จบ.๑๑
     
  11. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><THEAD><TR><TD class=tcat>[​IMG] สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ toplus99 ในข้อความที่เขียนด้านบน </TD></TR></THEAD><TBODY id=collapseobj_post_thanks_6880754><TR><TD class=alt1><TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1>crane (22-10-2012), Linda2009 (เมื่อวานนี้), lomdadbaimai (22-10-2012), pegaojung (22-10-2012), sakkamol (22-10-2012), supatorn (เมื่อวานนี้), suwipha satraphai (22-10-2012), ton344 (เมื่อวานนี้), vizardoss (เมื่อวานนี้), ภิศรณ์ (เมื่อวานนี้)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    นี่ถึงว่ายังไม่ได้คลอดผลงานออกมาใหม่ๆ มาเล่ากันยังตามมาเชียร์กันเย้วๆ

    แหมน่าชื่นใจนักเจ้า

    ขอบคุณหลายๆ ...ที่ส่งฮักคอยนำพา
    ตราบวันข้างหน้า จะกอดสัญญาใจไว้
    เฝ้าภาวนา อย่าแปรเปลี่ยนเมื่อวันผ่านไป
    เก็บรักอุ่นเป็นต้นทุนใจ อยู่ในหัวใจเสมอ..


    ...โอกาสงามๆ คงต้องหาเรื่องตอบแทนน้ำใจกันซะบ้างแหล่ว!
     
  12. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    หูผึ่งงงงงง ....
    ได้ยินแว่วๆ จะแจกอะไรน๊อออออ ....

    มาชะเง้อดูด้วยคน เผื่อส้มหล่น อิอิ

    ลมพัดผ่าน น้ำไหลริน
    ผีเสื้อโบยบิน แดดส่องรำไร ....
     
  13. ภิศรณ์

    ภิศรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +1,495
    นี่ถึงว่ายังไม่ได้คลอดผลงานออกมาใหม่ๆ มาเล่ากันยังตามมาเชียร์กันเย้วๆ

    แหมน่าชื่นใจนักเจ้า

    ขอบคุณหลายๆ ...ที่ส่งฮักคอยนำพา
    ตราบวันข้างหน้า จะกอดสัญญาใจไว้
    เฝ้าภาวนา อย่าแปรเปลี่ยนเมื่อวันผ่านไป
    เก็บรักอุ่นเป็นต้นทุนใจ อยู่ในหัวใจเสมอ..


    ...โอกาสงามๆ คงต้องหาเรื่องตอบแทนน้ำใจกันซะบ้างแหล่ว!<!-- google_ad_section_end -->

    ไม่อยากได้เรื่องนะคะ แต่รางวัลรับค่ะ

    ได้อ่านกระทู้อีกห้อง เค้าพูดถึงการโพสท์ของสมาชิกในเว็บบอร์ดต่าง ๆ ว่า รู้สึกเงียบเหงาไป ก็อาจจริงตามนั้นไหมคะ ซึ่งภิศรณ์เอง นั้นกลับคิดว่าห้วงเพลานี้ควรจักต้องเตรียมการ ควรมีการสื่อสาร ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ทั้งในทางโลกแลทางธรรมต่อกันของมวลสมาชิก แม้ว่าบางครั้งเป็นข้อมูลเดิมๆ ที่มองข้ามไป ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นเตือนกันได้บ้าง หากท่านอื่น ๆ เห็นต่าง ก็อย่าเพิ่งเพ่งโทษกันนะคะ
    และเมื่อเย็นวานนี้ ท้องฟ้าช่วงพลบค่ำด้านทิศตะวันตก ดวงอาทิตย์ตกแล้วท้องฟ้าก็ยังมีสีแดงฉานไปทั่ว มองแล้วให้ความรู้สึกสะพรึงอยู่มิใช่เบาเทียวค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF0238.JPG
      DSCF0238.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      32
    • DSCF0239.JPG
      DSCF0239.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      35
  14. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ลมพัดผ่าน นำไหลริน
    ผีเสื้อโบยบิน แดดส่องรำไร
    .....................

    พลบค่ำ ย่ำคืนฝนพรำๆ เขียดร้องแอ๊บๆ

    กินข้าวอิ่ม หนังท้องตึง เดินเล่นกินลมชิวๆ
    อาบหน้ำแล้วปะแป้ง ไหว้พระ สวดมนต์..

    ปฏิบัติตน พรำบ่นภาวนา กรรมฐานสมาธิ แผ่เมตตา
    กินนมอุ่นๆ แล้วก็นอนหลับปุ๋ย ..น้ำลายไหลย้อย

    สบ๊าย สบาย...Z.. Z.. Z.. Z

    เหรอครับ!ผมเผลอปาก หลุดออกไปเรื่องอะไรหรือ?
    ท่านครู..จิตเกาะพระ
     
  15. lomdadbaimai

    lomdadbaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,379
    คุณภิศรณ์คะ ดิฉันก็ยืนแถวริมแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นท้องฟ้ายามเย็นเป็นสีแดงแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่เป็นช่วงเดียวไม่มากค่ะ

    แต่รู้สึกว่าอากาศในแต่ละวันแปรปรวนแปลก ๆ นะคะ บางทีรู้สึกซึม ๆ บางทีแดดก็แรงมาก ๆ บางทีก็ฟ้าแดงแบบนั้นเลยค่ะ แตกต่างจากเพลาก่อนมาก

    แล้วก็ เห็นด้วยกับคุณ ภิศรณ์ นะคะว่า "ไม่อยากได้เรื่องนะคะ แต่รางวัลรับค่ะ" (ขอน้อมรับการบ้านด้วยค่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,852
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    <table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> supatorn
    อยู่คนเดียวอีกแล้ววววว เฮ้อ ปูเสื่อนอนรอก็ได้rabbit_sleepy
    </td></tr></tbody></table>
     
  17. ภิศรณ์

    ภิศรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +1,495
    เย้! สองเสียงแล้ว บอกเลย บอกเลย บอกเจ้าของกระทู้เลย ว่านี่เป็นการข่ม..ขู่.. ให้มาเสียโดยดี (คร้าบ...บบบ ปะเดี๋ยวจัดให้) ล้อเล่นนะคะ อย่าเครียดอีกหล่ะคะ

    คุณlomdadbaimai คะ ธรรมชาติดูเหมือนว่าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หลายวันก่อนได้คุยกับชาวบ้านที่ทำนา ได้ฟังดูออกจะน่าขำ แต่ขำไม่ออกจริงๆ เขาเล่าว่าเคยมีวันหนึ่งที่ฝนตกหนัก ท้องฟ้ามืดครึ้ม มองไปที่ทุ่งนาไม่ไกลกันนักก็เลยคว้าจอบเตรียมไปปิดน้ำ แต่เปล่าเลยที่ทุ่งนาไม่มีฝน ต้นข้าวยังยืนต้นรอฝนอย่างแห้งแล้งเช่นเดิม นี่คืออู่ข้าวอู่น้ำของที่ราบลุ่มภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบน ส่วนท้องฟ้าอากาศก็แปลกๆ ตามนั้น ท้องฟ้าช่วงเย็นจะแดงฉานทั้งที่ไม่มีแสงอาทิตย์ ซึ่งก็ต้องคอยสังเกตการณ์กันต่อไป

    ไม่ทราบว่าออกนอกแนวทางของเจ้าของกระทู้ไปไกลหรือยัง ขออนุญาตแล้วกันนะคะ (คั่นรายการระหว่างรอฉายเรื่องใหม่) คุณsupatorn อยู่คนเดียวอีกแหละ วันหน้าจะแอบมาคอยอยู่เป็นเพื่อน(เป็นน้องถึงจะถูก) ตกลงไหมคะsleeping_rb
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,852
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    เป็นน้องถึงจะถูก

    ===============================
    ขอบพระคุณค่ะ ด้วยความยินดีและดีใจอย่างยิ่งค่ะ....สงสัยคุณน้องต้องตื่นแต่เช้าแล้ว เอ...หรือพี่ต้องนอนดึกเพราะเวลาเราตรงข้ามกัน กลางวันกับกลางคืน
    (กําลังหาแว่นตาจุลทัศน์ให้อาจารย์อยู่ เดี๋ยวจะบ่นว่าเขียนตัวเล็กอีก (o-o)....)(f)_Friend_
     
  19. lomdadbaimai

    lomdadbaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,379
    คณ ภิศรณ์ คะ

    เผอิญว่ารูปที่คุณเอามาลง กับที่ดิฉันเห็นน่าจะเป็นวันเดียวกันเลยค่ะ (วันอังคารที่่ผ่านมา) เผลอ ๆ จะเป็นเวลาเดียวกันด้วย ดิฉันไปยืนอยู่ริมน้ำค่ะ และยืนอยู่นานเป็นสิบ ๆ นาทีเลยค่ะ

    ดิฉันสังเกตนะคะ แดดเปลี่ยนแบบชัดมาก ๆ ช่วงประมาณเดือน ธันวาคม ปี 2553 ค่ะ แดดเดิมของกรุงเทพฯนั้น จะไม่จัด ขาว ขนาดนี้ค่ะ เข้าขั้นแสบตาในบางวัน เดิมที แดดทางนี้ ร้อนจริง อะไรจริงนะคะ แสบผิวบ้าง แต่ช่วงหลัง ๆ มานี่เข้าขั้นแดดเผาผิวเลยค่ะ

    ต่างชาติ (ในแถบเอเชีย) บางคนเขาแปลกใจ ไทยเราไม่พกร่ม อิฉันเป็นอีกคนที่ไม่ชอบพกร่มค่ะ แต่ช่วงนี้จำใจ เพราะแดดแรงโหดเลยค่ะ

    ปรากฎการณ์ที่คุณได้แบ่งปันไว้ ขอบคุณนะคะ ลักษณะบางประการแต่ละที่อาจจะได้เห็นแตกต่างกัน


    คุณ supatorn

    ราตรีสวัสดิ์ค่ะ นอนค่ำเหมือนกันนะคะ ได้โปรดอย่าเหงาค่ะ หากวันไหนมีโอกาส จะขอมาอยู่เป็นเพื่อนนะคะ ยินดีที่ได้พบค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  20. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ป๊าดดดด ... หลับตาพริ้ม น้ำลายหยดกับกลอนของท่านพี่

    นอกจากรูปหล่อ คารมยังดีอีก อิอิ ...

    ผ้มไม่ใช่ครูเด้อ.... เป็นแค่นักการก้อพอครับ อิอิ

    สู้ๆนะท่านอาจารย์ อิอิ

    สู้เว้ยยยยย ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...