จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

พี่ภูสอนน้อง(ทางธรรม)

พี่ภูสอนน้อง(ทางธรรม) คัดลอกบางส่วนมาจากในเมลการบ้าน ใครอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ ส่งคำถามขึ้นบนกระดานถามพี่เพ็ญ อย่าไปเก็บสงสัยไว้นะคะ ปัญญาต้องทำให้แจ้ง จดหมายฉบับนี้พี่ภูตอบการบ้านได้กระจ่างแจ่มแจ้งในการเดินจิตเกาะพระ แต่ถ้าใครยังมีสงสัยการเดินจิตในแนวทางจิตเกาะพระ โปรดตั้งคำถามขึ้นกระดานทันที สุดท้ายกราบขอบคุณพี่ภูที่สละเวลาซึ่งควรจะพักผ่อนธาตุขันธ์มาตอบการบ้านค่ะ ขอให้พี่ภูหายป่วยไวที่สุด ขอบารมีท่านพ่อแผ่เมตตาให้พี่ภูจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดเวลาค่ะ

เพ็ญ จบ.3

สวัสดีครับ คุณตุ๊กและครูผู้สอนทุกท่าน

ผมขอเสริมนิดนึงว่า แต่ถ้ายังไม่มีอะไรพัฒนาก็ไม่เป็นไรนะ อย่าเครียดกับมัน นึกถึงพระไปเรื่อยๆให้ต่อเนื่องเท่านั้น เดี๋ยวคุณตุ๊กจะเข้าใจธรรมชาติแห่งจิตตนเองในไม่ช้านี้ หรือจะสามารถเข้าไปให้ถึงกระแสจิตตนเองได้

แต่ขอให้คุณมีสติ และอย่าได้นำสติไปนำจิต ขอให้สติตนเองแค่ตามดูห่างๆ แค่ให้สติตามรายงานจิตของแต่ละวันเท่านั้นก็พอ

สมมุติว่า เมื่อวานนี้จิตมันเฉย ขอให้สติรายงานกับเราว่า จิตมันเฉย แค่นี้เองนะ อย่าไปแตะกับจิตเด็ดขาด

แต่พอมาวันนี้ ดูอาการหรือดูอารมณ์ของจิตมันเป็นอย่างไร จิตมันสุขก็ให้รู้โดยสติของเราเป็นผู้รายงาน

เพราะจิตเป็นนาม มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากรู้ว่าจิตกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหนนั้น เราจะต้องเอานามเหมือนกันตามเข้าไปดู ไปรู้ได้ นั่นก็คือ สติของเรานี่เอง

เพราะฉะนั้นแล้วผู้ปฎิบัติจึงจำเป็นที่จะต้องมีสติให้มากๆ จึงจะเห็นดวงจิต เหตุที่เห็นดวงจิตของตนเองได้ ก็เพราะว่าจิตของท่านพอจะนิ่งแล้ว ตราบใดที่จิตยังไม่นิ่งพอ ก็เป็นเพราะสติของเรามีน้อยเกินไป ตามปรกติสติของคนเรานั้นก็มีอยู่ด้วยกันทุกๆคน แต่ถ้าเรามาฝึกดูจิตหรือมาปฎิบัติธรรมนั้น เราจำเป็นจะต้องสร้างสติเพิ่มมากขึ้นกว่าเพราะ สติมากนั้นจะทำให้จิตคนเรานิ่ง เมื่อจิตนิ่งนานๆ จิตเขาก็จะทรงฌานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

คุณตุ๊กอย่าไปดูจิตคนอื่น หรืออย่าไปกังวลคนอื่นทำไม จิตยกไวนะ เพราะของเดิมเราสร้างมาไม่เท่ากัน คือบุญบารมีไม่เท่ากัน ขอให้นึกคนเตี้ย คนสูงโย่ง คนสูงจึงได้เปรียบกว่าคนเตี้ย แต่ก็ไม่เสมอไปนะ แต่ถ้าเข้าที่แคบๆ คนเตี้ยก็มักได้เปรียบ เพราะฉะนั้นแล้วคุณจะต้องมีวินัยตนเอง อย่าได้ไปเปรียบเทียบกับผู้ที่เขามาทีหลัง แล้วทำไมถึงยกเร็วกว่าเรา ไม่ไปเปรียบเทียบกับใครเขานะ ให้ดูจิตตนเองเป็นงานหลัก เพราะถึงคนนั้นยกไวหรือช้ากว่าเรา หรือคนนั้นจะดีหรือเลวกว่าเรา ก็ไม่เกี่ยวกับการปฎิบัติเพื่อมรรคผลของตนเอง เพราะฉะนั้น ผู้ปฎิบัติก็อย่าไปทำลายตนเองเลยนะ

ถึงวันนี้ไม่มีอะไรรายงานก็ไม่เป็นไรนะครับ แต่ถ้าวันพรุกนี้ จิตเขาเป็นทุกข์ ก็ขอให้คุณมีสติรู้ว่า ในขณะนี้จิตเขาเป็นทุกข์ก้แค่นั้นเอง นี่เรากำลังเรียนเรื่องจิตตนเอง มิใช่ไปเรียนจิตของผู้อื่น ขอให้คุณทำใจเป็นกลาง และก็เน้นจิตสบายๆในขณะที่นึกถึงพระ แต่ถ้าเวลานึกถึงพระแล้ว จิตมันเบื่อก็ให้รู้ว่าเบื่อ แต่ในขณะที่จิตเขาเบื่อนั้น คุณก็อย่าไปบังคับให้จิตต้องนึกถึงพระให้ได้ในตอนนั้นนะครับ ปล่อยไปเลย ไปฟังเพลง ไปนอน หรือไปทำกิจกรรมอย่างแทนก่อน หรือเปลี่ยนมาดูที่ลมหายใจ(อานานปาน)ก็ได้นะ ตามใจแต่จิตเขา แต่ห้ามไปบังคับ ขู่เข็นจิตเด็ดขาด ห้ามนำจิต สติแค่ตามจิตหรืออย่างมาก ก็แค่สติกับจิตจะต้องไปด้วยกันทุกครั้งไป แต่มิให้สตินำจิตนะ อันนี้คุณจะต้องทำความเข้าใจให้ดี

เพราะการปฎิบัติธรรมทั่วๆไป เขาก็ให้กระทำกันแค่ ๓ อย่างเท่านั้น ก็คือ


๑.สติตามดูจิต (เห็นจิต หรือเห็นพระบ้าง ไม่เห็นบ้าง ก็แค่นี้เท่านั้น เมื่อจิตไม่เห็นพระ หรือสติไม่เห็นจิต คุณอย่าไปเค้นมันนะ)

๒.สติตามรู้จิต(รู้แค่สุขหรือทุกข์เท่านั้น ห้ามไปช่วยจิตปรุงแต่งต่อ เช่น เห็นก็สักแต่เห็น)


๓.ทำใจตนเองให้เป็นกลาง (ห้ามใช้สตินำจิต หรือคุณลงไปเล่นกับมัน ขอให้คุณเป็นเสมือนผู้ดูหนัง ดูละคร)

แต่ถ้าคุณสังเกตให้ดีๆว่า ทั้งสติ ทั้งจิตก็ไม่เที่ยง บางวันสติเกิดมาก บางวันจิตทุกข์ บางวันจิตสุข ร่าเริง เป็นต้น
แต่ถ้าจิตคุณนิ่งมาก หรือฌาน คุณก็จะเห็นธรรมได้เด่นชัดกว่านี้ ตราบใดที่จิตยังไม่นิ่งพอ เราก็จะไม่มีทางรู้เท่าทันจิต หรือจิตรู้ไม่เท่าทันการเกิดกิเลส หรือเรา(จิต)รู้ไม่เท่าทันการเกิด-ดับของธรรมเหล่านั้น

เมื่อจิตคุณนิ่งดีแล้ว เราก็เป็นสุขเมื่อนั้น และเราก็รู้เมื่อนั้น จิตผู้ใดนิ่งมาก หรือจิตทรงฌานสูงมาก ก็จะทำให้ผู้นั้นมีปัญญามากเท่านั้น หรือมีภูมิธรรม ภูมิปัญญามากเท่านั้น

แค่นี้ก่อน ทำท่าจะยาวอีกแล้ว แต่ถถ้าคุณตุ๊กชอบอ่านธรรมของผมยาวๆ ขอให้บอกมา แต่อย่าตอบเอาใจผมนะ เพราะผมจะเน้นเรื่องจิตของผู้ปฎิบัติเป็นหลัก โปรดเข้าตามนีด้วย อย่าไปตามจิตใคร เพราะการเดินมรรคจะต้องนำจิตของผู้ปฎิบัติเดินเอง ครูเดินแทน หรือปฎิบัติแทนก้ไม่ได้ งานนี้ไม่มีเส้นสายใดๆทั้งสิ้น แต่ถ้าจิตคุณยกเมื่อไหร่ นั่นแหล่ะเป็นฝีมือของตนเองล้วนๆ หรือประมาณ 80% เพราะจิตของผู้ปฎิบัติจะต้องทำเอง เห็นเอง แล้วก็ชอบเอง เหมือนผู้ที่ปฎิบัติสำเร็จ ดูจิตผู้ที่เข้าถึงธรรมนั้น ดูง่ายที่สุดก็คือ ภายในจิตของผู้ปฎิบัติเท่านั้น สำเร็จทางธรรมก็จะหมายถึง จิตใจนั้นจะต้องมีเมตตานำ ต่อมาภายหลังแล้ว จิตใจจะเยือกเย็น และสงบสงัด เป็นสุขมากกว่าทุกข์ หรือไม่มีทุกข์ปรากฎที่ใจของผู้ปฎิบัติเอง

นี่ขนาดผมทานยานะ กายอยากจะหลับแทบตาย แต่จิตมันมานั่งพิมพ์ให้คุณตุ๊กได้ คุณก็ลองกลับไปคิดดูเอาเองนะจ๊ะ แต่ไม่ต้องเอาอกเอาใจผมนะ ไม่ต้องมาปลอมใจผมด้วย แต่ผมขอให้คุณตุ๊กอย่าท้อแท้นะ ผมจะส่งผลบุญทั้งหมดนี้ ให้กับคุณทุกวัน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่ถ้าคุณสงสารผมจริงๆละก้อ ขอให้คุณตุ๊กสร้างสติตนเองให้มากให้บ่อย โดยการนึกถึงพระบ่อย ถี่อย่างต่อเนื่อง เพราะจิตจะนิ่งได้ก็เพราะสติ และถ้าจิตจะทรงฌานได้ ก็ต้องอาศัยความนิ่งของจิตนานๆ หรือขยันสร้างสติบ่อยๆถี่ๆ แต่คอยดูที่จิตของตนเองเป็นหลักด้วยว่า ในขณะนึกถึงพระอยู่นั้น จิตตนเองนั้นร่าเริงดีไหม๊ แต่ถ้าจิตเบื่อ จิตตึง ขอให้พักเบรคก่อน อย่าไปอัด เดี๋ยวจิตจะเกิดความท้อแท้

ตอนนี้ขอให้คุณตุ๊ก เลี้ยงลูกตัวน้อยๆ เราคอยดูห่างๆ เพียงแค่มิให้เขาตกน้ำตาย หรือมิให้ถึงอันตรายแก่ชีวิตก็พอ เด็กจะเดิน เราก็อย่าไปช่วยจูงให้เขาเดิน

ขอให้ทำแค่สามอย่างข้างต้นนั้น แต่อย่าลืม อย่าไปตั้งใจเกิน ไปคาดหวังกัลผลการปฎิบัติของตนเองมากนัก

การปฎิบัติมัชฌิมาปฎิปทานี้ เราจะต้องนำจิตเดินสายกลางให้จงได้ อย่าได้เดินซ้ายที ขวาที ตัวสติของเราก็จะเป็นพี่เลี้ยงให้จิตเดินให้ตรงทางนั่นเอง ครูก็เหมือนกัน มิให้ศิษย์ของตนเองเดินออกนอกหลู่เส้นทาง แต่ถ้าเห็นว่าผู้ปฎิบัติเริ่มจะเดินออกนอกเส้นทาง ครูทุกท่านก็จะต้องคอยตบซ้ายตบขวา มิให้ผู้ปฎิบัติเดินตกข้างทางซ้ายหรือขวา นั่นเอง

ช่วยจนกว่าจิตจะเดินตรงทางแรก ก็คือ จิตเกิดปิติ(หรืออุปจารสมาธิ) และจุดตรงนี้นี่เอง ที่จิตเริ่มเกาะพระติดแล้ว ขอให้ผู้ปฎิบัติหมั่นสร้างสติบ่อยๆ ทำให้ต่อเนื่อง อย่าหยุด จิตจะพัฒนาได้ไวนั้น จะต้องป้อนสติให้ได้ต่อเนื่อง เหมือนรถที่วิ่งก็เพราะมีน้ำมัน แต่ถ้าตราบใดน้ำมันหมด รถก็จะหยุดวิ่งทันที เพราะฉะนั้นจิตก็เหมือนกับรถ แต่จิตต้องการอาหารหรือเชื้อเพลิง นั่นก็คือ สติ

สรุปอย่างหยาบแบบจิตเกาะพระ ก็คือ

๑.จิตเกิดปิติสุขก่อน

๒.ก่อนจิตจะเข้าสู่ฌานสูงขึ้นไปตามลำดับ

๓.เมื่อจิตสามารถทรงฌาน ทั้งวันทั้งคืนได้ จิตก็จะเข้าเส้นตรงสู่การวิปัสสนา และจุดตรงนี้อาจจะขยัน หรือรถที่กำลังจะขึ้นเขาสู่บนดอย จะต้องใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงมาก จิตก็เหมือนกัน จิตจะเข้าสู่โหมดวิปัสสนาได้ ก็จะต้องอาศัยกำลังฌานสูงอย่างต่อเนื่อง จิตจึงจะมีกำลังสอบผ่านวิปัสสนาญาณไปได้ และเมื่อจิตสอบผ่าน เรา(จิต)ก็จะปล่อยวางกับที่เราเรียกกันว่า สิ่งสมมุติทั้งปวงได้มาก จนอาสวะสิ่งทั้งปวงนั้น
เพราะผู้ที่ปราศจากกิเลสทั้งปวงกันได้นี้ จะต้องนำจิตผ่านมรรคมีองค์๘นี้ แทบทั้งสิ้น ทางอื่นไม่มี ทางอื่นดับทุกข์ได้นั้น ไม่มี เห็นแต่คนเอาธรรมเข้าข่มใจทั้งสิ้น แต่ทำได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น จิตก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เพราะฉะนั้นแล้วผู้ปฎิบัติจะต้องไม่ฝืนธรรมชาติ ไม่ฝืนจิตใจตนเอง เพราะมันทำได้แค่ ชั่วคราวเท่านั้น

จบแร๊ะ....ผมไม่ค่อยอยากพิมพ์ เพราะมันยาวทุกทีไป
ผมขอเอาใจช่วยเต็มที่นะครับ
ขอให้โชคดีครับ

ภูทยานฌาน

 

อดีต ปัจจุบัน อนาคต ... เอาไงดี

ข้าพเจ้าของเน้นย้ำกับผู้ฝึกทุกท่าน ทั้งจิตเกาะพระ จิตบำเพ็ญ รวมถึงจิตบุญที่สิตหลุดอยู่นะ ...

พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทางธรมมทั้งหลายก้อกล่าวกันเสมอๆ ว่า ... "ให้อยู่กับปัจจุบัน"

แต่ข้าพเจ้าพบว่า หลายคนกำลังวางกำลังใจผิดๆอยู่นะครับ ... อยู่ใกล้ๆจะจับเรียงแถวให้ครูดัช กะ ครูลินดา หวดจิตสักป้าบ สองป้าบ เหอะๆๆ ...

อดีต คือ สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ... เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว จบไปแล้ว ไม่สามารถไปทำอะไรในสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว แต่ทำไม ชอบกันจริงๆ ไปจมอยุ่กับอดีต ไม่ว่าอดีตมันจะหอมหวาน สุขมากมาย ประสบความสำเร็จสุดยอด หรือ โคตรทุกข์ โคตรเศร้า ไม่มีอะไรดี ล้มเหลวสุดๆ ...
นั่งนิ่งๆ แล้วตั้วสติถามตัวเองดีๆสิ ว่า มันเป็นสิ่งที่เที่ยงไหม มันควรยึดไหม ยึดแล้วมันมีประโยชน์อะไรกับเราไหม ... ไม่มีเลยใช่ไหมครับ แล้วจะไปสนใจ ไปเก็บมันมาทำไมให้หนัก ให้คอยฉุดรั้งดวงจิตของเรา
... ผู้ฝึกหลายท่าน เครียด โทษตนเอง ไม่เข้าใจตนเอง ว่า ... ทำไมเราเกาะพระแล้วหลุด ทำไมเวลาเราไปทำงานเราถูกกินตับ เกาะพระไม่ได้เวลาทำงาน จิตล่องลอยไปกับกระแสของกาย ไม่สามารถแยกกายแยกจิตได้ ... เก้บเอาคิด เอามาเครียด เอามากดดันตนเอง มาทำให้เราไม่มีความมั่นใจในการเดินมรรค การกระทำเช่นนี้ ไม่ควรที่จะมีในผุ้ที่มีปัญญา
... เพียงท่านเกาะพระแล้วหลุด เพียงแค่ผ่านมา 1 วินาที มันก้อหกลายเป็นอดีตไปแล้วนะ เราจะไปเอามาคิดทำไม หลุดก้อเกาะใหม่ อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับพระ ไม่ต้องไปสนใจ มีสิตอยู่กับปัจจุบันว่าเรากำลังทำสิ่งใด
จิตอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับพระ แค่นี้พอนะ ไม่ต้องเก้บเอาอดีตมาทำให้เรากำลังใจถดถอยนะครับ ...

อนาคต คือ สิ่งที่ยังไม่เกิด ยังมาไม่ถึง ...
อนาคต มันก้อสื่อเป็นนัยๆอยุ่แล้ว ว่า คต ก้อคือ มันไม่ตรง มันไม่แน่นอน ถ้ามันแน่นอน เค้าคงใช้คำว่า อนาตรง หรือ อนาแน่ แล้วสิ
เมื่อเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิด มันไม่แน่นอน เราก้อยังไม่เข็ด ชอบอยู่กันจริงๆ กับความฝันเนี่ย ฝันกันไปต่างๆนาๆ อยู่ในโลกแห่งความฝัน มันสุขแค่ช่วงนั้นแหละ หรือ จินตนาการล่วงหน้าแบบเลวร้าย มันทำให้เราตื่นเต้น เลือดลมสูบฉีดได้ดีจริงๆ ...
ครูขา ครูครับ ฝึกแล้ว ผมจะเป็นยังไง ต่อไป ผมจะยังไง อีกกี่วันผมจะ ....
เมื่อไหร่หนูจะโสดา ... โสดาแล้วจะเป็นยังงัย ..... จิตยกแล้วพิศดาร อัศจรรย์พันลึกแค่ไหน ...
... เราถามนิดนึงนะ อยากรู้ไปแล้ว ได้อะไร รู้แล้วจิตคุณจะยกเลยไหม รู้แล้วคุณจะก้าวหน้าเร็วขึ้นไหม ...
อยากรู้ ... เห็นคำนำหน้าไหม "อยาก" บอกอยู่เสมอๆว่า อย่าอยากนะ

อดีต อนาคต ไม่มีผลต่อการเดินมรรคเลยนะ มีแต่จะล่อหลอกให้จิตไม่อยุ่กับสมาธิ ไม่อยู่กับปัจจุบัน เป็นกับดักที่แนบเนียนมากๆเลยนะครับ ระวังให้ดี ...

ถ้าเปรียบเทียบกับ "งู กับ เชือกกล้วย"
งู ... เปรียบเหมือน อดีต/อนาคต
เชือกกล้วย ... ก้อคือ สติ

สติ สติ สติ .... ท่องให้ขึ้นใจ เมื่อไหร่ที่เราหลุดไปจับกับ อดีต หรือ อนาคต
สติต้องรีบทำงานทันที
ดึงจิตมาอยุ่กับปัจจุบันให้เร็วที่สุด
แรกๆอาจจะช้า แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก้อจะตามมากับดวงจิตที่ละเอียดขึ้นเองนะ ...

อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบัน ฉันรักเธอ .... เอ้ยยยย อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันอยู่กับพระ

สติกับจิตต้องทำงานร่วมกัน เคียงบ่าเคียงไหล่กัน
จิต ... อยู่กับพระ อยู่กับปัจจุบัน
สติ ... ประคองจิต คอยตรวจสอบจิตว่าหลงไหม มีสิ่งกระทบไหม ไม่ใช่ไปบังคับจิตนะ

เป็นอันเข้าใจตรงกันนะผู้เดินมรรคและจิตบุญทั้งหลาย ...

อยู่กับปัจจุบัน แบบ มีสติ

สติ มา ปัญญาเกิด ...


อดีต / อนาคต ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ควรยึด ไม่ควรนำมารบกวนการเดินมรรคของเรา ปล่อยมันไปตามกฏไตรลักษณ์


ขอให้ดวงจิตอยู่กับพระได้แนบแน่น และเจริญสมาธิได้ต่อเนื่อง จนฌาณละเอียดขึ้นเรื่อยๆ ...
แล้วท่านจะได้พบสิ่งที่ควรอยุ่ด้วย ...พบธรรมแท้ ... พบพุทธะ

บอกแล้ว ขอให้นำไปพิจารณาด้วยดวงจิต มิใช่พิจารราด้วยดวงตา
ดูจนตาบอดก้อไม่แจ้ง ถ้าไม่ใช้จิตดูและพิจารณา


ขอเอาใจช่วยทุกคนครับ


จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

 

ท่านนี้ช่างกล้าหาญเสียนี่กระไร พี่เพ็ญอยากจะบอกยังงี้มั่งแต่ไม่กล้า กลัวกระทู้ที่ภูขายไม่ออก ฮ่าๆ

ไม่มีไร แค่จะมาบอกว่า มันตรงใจครูเพ็ญสุด ๆ

สมเด็จพ่อ.. ไม่เอาควาย.. ไปนิพพาน..

พวกหลงอวิชชาดูไว้ ข้าดี ข้ารู้ ข้าเก่ง ข้าปฏิบัติมานาน ข้าเหนือกว่า(ทั้งเครื่องแบบ ทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ สมบัติอาวุธ) ข้ายุ่งกับทางโลกอยู่นะ ครูอย่ามายุ่งกะฉ้าน ครูมีหน้าที่เป็นเรือจ้างสอนก็สอนไป ฉันจะเดินตามใจฉันใครจะทำไม

โปรดทราบ โปรดทราบ โปรดทราบ

สมเด็จพ่อ.. ไม่เอาควาย.. ไปนิพพาน..

55555555555555

 

ง่าๆๆ ไม่ทันแล้วพี่ภู หนูลงเรือลำเดียวกับคุณจุ๋ม(เยอรมัน)ไปเรียบร้อยแล้วง่ะ

 

ก็อก ก็อก ... รอผมด้วยยยย ไปด้วยคนได้บ่อเจ๊าาา ...
อยากไปดูบุนเดสลีกาอะก้าบบบบบ ...

พี่ภูปล่อยให้ดู คนชนคนไปละกันครับ 5555


จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

 

โมทนาสาธุค่ะ คุณพี่ปุ๋ม ขอบคุณสำหรับเคล็ดไม่ลับในการรักษาสุขภาพนะค่ะ นกก็เคยทำ Detoxค่ะ ที่นี้มีเป็นไวตาิมินแบบเม็ดให้กินติดต่อกัน
มีให้เลือก ๗ วัน ๑๔ วัน หรือ ๒๑ วันค่ะ แต่มีข้อห้ามเรื่องอาหารด้วยค่ะ ตั้งใจไว้ว่าจะทำอีกเร็วนี้ค่ะ ;k06

 

พี่ต้อยขา ที่ไหลออกมานั่นน่ะ เพราะตัวเองโดนมาเต็มๆเลย เลยเอามาเผยแพร่เป็นธรรมทาน
บทสุดท้ายนั้นน่ะ "จำติดจิตเลย" เพราะท่านมาพูดให้ฟัง..

 

โมทนาสาธุค่ะ คุณTPC, ถูกต้องที่สุดเจ้าค่ะ

 

ขออนุญาตประกาศจิตบุญดวงที่ ๙๗ ณ วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๕

ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา
กับจิตบุญดวงที่ ๙๗
ของกลุ่มจิตบุญเทอญ
สาธุ สาธุ สาธุ

​

 

อ้าว!! กลอนนี้หนับหนุน กระทู้ครูภูนะเนี่ย! แต่ถ้าแรงไปต้องกราบขออภัยนะคะ อ้าว แล้วครูภูจาปายหนาย วิ่งฝุ่นตลบเยย กลับมาก่อนนนนนน....55555555

 

คุณตรี ศิษย์ครูเพ็ญ และครูเอ็ง(สายภูเก็ต)
จบกิจจิตเกาะพระเป็นจิตบุญ 97 ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2555
คุณตรีเริ่มฝึกจิตเกาะพระวันที่ 24 ตุลาคม 2555 เวลา 16.30 น.
สำเร็จวิชาจิตเกาะพระ ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2555 เวลา 13.33 น.
รวมเวลาฝึกจิตเกาะพระ 1 วัน

คุณตรีเคยปฏิบัติมานานแล้ว แต่ติดสายเดิม พี่เอ็งแนะนำให้ปฏิบัติจิตเกาะพระ
เธอสนใจจึงโทร.มาเรียนกับครูเพ็ญ
นาทีแรกครูเพ็ญเปิดจิตปรับจิตให้ เธอเกาะพระได้ทันทีโดยเริ่มจากปฐมฌาน
แต่จิตยังติดกรรมอยู่ ครูเพ็ญไม่เร่ง ให้เวลาเธอปรับจิตให้ตรงก่อน แต่ก็คิดว่าใช้เวลาไม่นาน
หลังวางสายจากครูเพ็ญปรากฎว่ากรรม(ความยึด)ในสมบัติ บุพการี สามี ลูกหลาน
ทำให้เธอจิตตก ถึงกับบอกพี่เอ็งว่าจะไม่ส่งการบ้านครูเพ็ญสัก 2-3 วัน ขอเวลาปรับจิตก่อน
ครูเพ็ญก็ฝากฆ้อนไปกับพี่เอ็งบอกว่าถ้าเธอไม่ส่งการบ้านวันนี้เธอไม่ต้องมาเรียนกับครูเพ็ญอีก
ปรากฎว่าด้วยจิตที่กำลังจะหมดวาระกรรม พี่เอ็งโทร.ไปเตือนสติเธอจึงโทร.มาส่งรายงานเมื่อตอนเที่ยงกว่า ๆ
ครูเพ็ญได้ทีตีกิเลส(ตัวโลภ)ของเธอจนแตกกระจุย
จิตเธอวิ่งตามครูเพ็ญทุกคำพูด แถมมีการบอกว่าจิตหนูวิ่งแซงหน้าคำพูดครูเพ็ญไปแล้ว
ครูเพ็ญก็งงหน่อย ๆ มันวิ่งแซงไปได้ไงฟ๊ะ เอ้ย อย่างนี้มันชักจะยังไงอยู่นา
ครูเพ็ญบอกให้เธอกำหนดจิตถามท่านพ่อว่าตอนนี้วิมานของเธออยู่ที่ไหน
เธอบอกว่ารู้แต่บอกไม่ได้
ครูเพ็ญก็งับไม่ปล่อยจิ ให้ถามอีกว่าสภาวะตรงนั้นเรียกว่าอะไร
เธอบอกว่าเรียกว่า "บริสุทธิ์"
ครูเพ็ญร้องอ้ายหย๋าอยู่ในใจ ไปไงหว๋า
ครูเพ็ญย้ำถามอีกบอกให้เธอกำหนดจิตถามท่านพ่อว่าตรงนั้นเรียกว่า "พระนิพพาน" ใช่ไหม
เธอตอบว่า "ใช่"
ครูเพ็ญโล่งอกเลย เปล่งวาจาว่า "โมทนา สาธุ ท่านจบกิจแล้ว ครูเพ็ญขอแสดงความยินดีด้วย"
ครูเพ็ญโทร.บอกพี่เอ็ง พี่เอ็งบอกว่าปีติมากจนน้ำตาไหลเลย
จิตใครยกก็ไม่ปีติเท่าจิตคุณตรียก
เฮ้อ จบกิจไปอีกหนึ่ง
เหลืออีก 3 ดวงจิตนะคะพี่ภู
รู้สึกว่าช่วงหลังสายนอกเมลกับนอกกระทู้จะมาแรง

อารมณ์จิตหลังจิตยกของคุณตรี เธอบอกว่ามันไม่มีอะไรเหลือเลย
มันสว่าง มันโล่ง ครูเพ็ญถามว่าอารมณ์จิตมีขึ้นมีลงอีกไหม
เธอตอบว่าไม่มีขึ้นไม่มีลง มันนิ่งอยู่อย่างนั้น
ครูเพ็ญถามย้ำว่ามันเป็นกลางใช่ไหม เธอตอบว่า ใช่
สุดท้ายท่านพ่อให้โอวาทเธอในจิตว่า "ทำให้มั่นคง"
จบกิจ

โมทนา สาธุ

พี่เพ็ญ จบ.3

ปล.ขอเวลาพี่ตรีตั้งหลักทรงอารมณ์พระนิพพานสักระยะนะคะลูกหว้า แล้วพี่เพ็ญจะขอข้อมูลมาส่งให้ทำเนียบจิตบุญ

ลืมบอกไปว่าคุณตรีเคยฝึกมโนมยิทธิสายหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมาก่อน พี่เพ็ญจึงให้ทำจิตเกาะพระต่อยอดจากมโนมยิทธิเลย ปรากฏว่าเธอทำได้ค่ะ จิตเกาะพระติดตั้งแต่นาทีแรกจนถึงจบกิจเลย

 

ขอกราบอนุโมทนาบุญ กับจิตบุญดวงที่ ๙๗ และครูผู้สอนทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ..สาธุ..สาธุ

 

_/\_ สาธุ
ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๙๗ และคุณครูจิตบุญทุกท่านด้วยครับ

 

โมทนาสาธุกับจิตบุญ ๙๗ และครูผู้สอนด้วยครับ ... สาธุ สาธุ สาธุ


จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

 

ก๊ากกกก วิ่งที่ไหนท่านพี่ ...
ท่านพี่หมีภู ไม่ได้วิ่ง ... บินเลยแหละคร้าบบบบบบ 55555

เราจะบาปไหมเนี่ย แซวคนกำลังนอน 55555
สงสัยป่านนี้ นอนไม่สนิทแน่ๆเล้ยยยยย ...

ผมไม่รู้เรื่องนะ อิอิ .... วิ่งไปแอบหลังครูเพ็ญดีก่า ปลอดภัยที่สู้ดดดดด


จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

 

ขอแสดงความยินดีและโมทนาสาธุกับจิตบุญดวงที่ 97 พร้อมครูผู้สอนด้วยนะค่ะ สาธุ.......

 

โอยยยยย มันผุดมาพอดี .... เลยขอเอามาล่อปลาหน่อย

ยิ่งทำ ยิ่งวาง ยิ่งว่าง ยิ่งสบาย ... ไม่กลับมาตาย
ยิ่งอยาก ยิ่งถือ ยิ่งบื้อ ยิ่งเป็นค(ต่อเอาเองเด้ออออ 5555) ... อยู่กันต่อไปกับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย


ไปดีกว่า เดี๋ยวคงมีคนมาต่อ .... เฟี้ยววววววววววววววว


จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

 

ท่านพี่กี เป็นอย่างไรบ้างครับ สุขกาย สบายจิตดีไหม
พบสภาวะธรรม หรือ ผ่านวิปัสสนาสิ่งใด
นำมาเผยแผ่เป็นธรรมดาด้วยนะครับ


จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

 

ประกาศ .... โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทุกท่านเตรียมตัว

วันที่ 17 พย นี้ จะมีการจัดอบรมจิตเกาะพระ ที่กทมครับ(สถานที่จะแจ้งให้ทราบภายหลัง)

ขอเชิญทุกท่านที่อยากกลับบ้าน ทั้งจิตเกาะพระ จิตบำเพ็ญ แลครูจิตบุญทุกท่านนะครับ

ใครจะไป ขอให้แจ้งมาที่ผมด้วยนะครับ จะได้จัดเตรียมสถานที่และอื่นๆเพื่อรองรับ

ฟรีนะครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เอาแค่ใจมาครับ กับศรัทธาที่อยากไปนิพพาน
การแต่งกาย ตามสะดวกครับ

เราเน้นแก่น ไม่เอากระพี้ เอาเปลือก ....

ไม่มีกำหนดสเปกผู้เข้าร่วมอบรม

ถ้ามีใจ มาได้เลยครับ

แล้วท่านจะได้ทราบ จะได้รู้ จะได้แจ้ง ...




จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

ปล. ท่านจะได้พบกับ ท่าน ผอ.JKP International School คนจ๋วยแห่งเมืองผู้ดีด้วยเด้ออออ อิอิ (จากผม...ครูตัวน้อยๆคนนึง แหะๆ)

 

ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาจิตบุญดวงที่97และคุณครูทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ(deejai)