<<<<<<<______คนส่องพระ ______>>>>>>>

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย อั๋นวัดสาม, 22 ตุลาคม 2012.

  1. คนอวดพระ

    คนอวดพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +6,598
    แถมให้พี่ลับแลอีกสักเพลง.. ^^


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5HdUKGhhDyw&feature=related]รออยู่ตรงนี้ - Hum - YouTube[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=gR6m_AC5xt4&feature=related"][/ame]
     
  2. ถิรวุษิ

    ถิรวุษิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,685
    ค่าพลัง:
    +7,520
    สวัสดีครับคุณryan boy ผมก็งงเหมือนกันครับ คิดว่าฝนหมดแล้ว ที่ราชบุรี ตกตั้งแต่บ่ายโมง ฟ้ามืดครึม ฟ้าคะนอง ณ.ตอนนี้ฝนยังไม่หยุดตกเลย
     
  3. คนอวดพระ

    คนอวดพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +6,598

    อัตตโนประวัติของ เจ้าคุณสังวรา (ชุ่ม) ท่านเกิดที่บ้าน ต.เกาะท่าพระ อ.บาง กอกใหญ่ จ.ธนบุรี เมื่อวันพุธที่ 16 พ.ย. 2396 ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 ตรงกับปีฉลู จ.ศ.1215 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงประสูติ

    เป็นบุตรของนายอ่อนและนางขลิบ เยาว์วัยได้เรียนอักขรสมัยในสำนักพระอาจารย์ทอง วัดราชสิทธาราม ตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ จนอายุ 13 ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณรในสำนักพระสังวรานุวงษ์เถร (เมฆ) และศึกษาเล่าเรียนในสำนักนี้ตลอดมา

    อายุ 21 ปี เข้าอุปสมบท มีพระสังวรานุวงษ์เถร (เมฆ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านปลัดโต และพระสมุห์กลัด เป็นคู่กรรมวาจาจารย์ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมอยู่หลายปี แต่ไม่เคยสมัครเข้าสอบไล่หรือบาลีในสนามหลวง

    เมื่อแตกฉานแล้วจึงหันมาเรียนและขึ้นกรรมฐานกับพระอุปัชฌาย์ เริ่มจากวิชาธรรมกายจนถึงถอดรูปได้ เรียนอยู่นานจนพระอุปัชฌาย์เชื่อมือ และได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญที่สุดในบรรดาศิษย์ทั้งหมด จนกระทั่งปีพ.ศ.2422 ได้เป็นพระใบฎีกาฐานานุกรมของพระสังวรานุวงษ์เถร (เมฆ)

    หลังพระอุปัชฌาย์มรณภาพ ท่านก็รับหน้าที่เป็นพระอาจารย์สอนและบอกกรรมฐานพระเณรและคฤหัสถ์ทั่วไป และมีโอกาสได้ออกไปรุกขมูลและถือธุดงค์บ่อยครั้ง สถานที่ที่ท่านชอบไปคือแถบพระพุทธบาทห้ารอย จ.เชียงราย ไปจน ถึงเมืองหงสาวดีและย่างกุ้ง ในประเทศพม่า

    ถึงปีพ.ศ.2431 เลื่อนเป็นพระสมุห์ฐานานุกรมในพระสังวราฯ (เอี่ยม) ต่อมาในปีพ.ศ.2451 ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระราชาคณะที่ พระสังวรานุวงษ์เถร ได้เป็นเจ้าอาวาสต่อจาก พระมงคลเทพมุนี (เอี่ยม) รับพระราชทานนิตยภัตเพิ่มอีกเดือนละสามตำลึงเสมอด้วยชั้นราช รุ่งขึ้นอีกปีได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เพิ่มนิตยภัตขึ้นอีกเดือนละสองบาทรวมเป็นสามตำลึงครึ่ง

    เจ้าคุณสังวรา (ชุ่ม) เป็นพระมหาเถระที่มีพรหมวิหารสี่ครบถ้วน จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาในหมู่ชนอย่างมาก เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิต มีอุบาสกอุบาสิกาและประชาชนทั่วไปมาฟังธรรมในวัดและเล่าเรียนทางวิปัสสนาธุระกันมากต่อมาก เพราะท่านมีความรู้ความสามารถจึงอบรมสั่งสอนถ่ายเทความรู้ให้จนหมดสิ้น

    ทั้งนี้ ท่านเป็นพระเถระรูปสุดท้ายที่ได้รับพระราชทานพัดหน้านางงาสานต่อจากเจ้าคุณเฒ่า หรือหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ซึ่งหลังจากท่านแล้วก็ไม่มีรูปใดได้รับพระราชทานอีกเลย อาจจะเป็นเพราะไม่มีพระราชาคณะรูปใดเหมาะสม หรือเพราะวัสดุและชิ้นส่วนงาสานนี้มีราคาแพงและหาได้โดยยาก จึงไม่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นอีก

    นอกจากนี้ ท่านเป็นพระอาจารย์ของ พระเกจิอาจารย์สำคัญทางฝั่งธนบุรีหลายรูป เช่น หลวงปู่นาค วัดระฆัง หลวงพ่อพริ้งวัดบางปะกอก และหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นต้น

    เครื่องรางของขลังที่ถือกันว่ามีพุทธานุภาพ เข้มขลังในด้าน "ป้องกันอัคคีภัยตามเคหสถานบ้านเรือน" ก็คือเครื่องรางของขลังในรูปแบบของ "น้ำเต้า" และน้ำเต้าที่มีชื่อเสียงรู้จักกันแพร่หลายและมีประสบการณ์จนขึ้นชื่อลือชาที่สุดเห็นจะได้แก่ น้ำเต้ากันไฟของ พระสังวรานุวงษ์เถร (ชุ่ม) หรือ ท่านเจ้าคุณสังวรา (ชุ่ม) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 16 ของวัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ

    พระอารามหลวงเก่าแก่แห่งหนึ่งซึ่งมี
    พระกรุ พระเก่ายอดนิยมที่นักสะสมพระเครื่องต่างหมายปอง และมีราคาเช่าหาที่แพงมิใช่น้อย อดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงก็คือ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) เจ้าอาวาสองค์แรก

    ท่านเจ้าคุณพระสังวรา (ชุ่ม) เป็นพระเถระที่เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน และสร้าง
    พระเครื่องที่มีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเครื่องรางอย่าง "น้ำเต้ากันไฟ" ซึ่งท่านได้วิชานี้มาขณะออกเดินธุดงค์ โดยได้ไปพบศาลาพักร้อนกลางป่าหลังหนึ่ง ซึ่งโดยรอบศาลาถูกไฟไหม้เสียหายไปทั้งหมด แต่ตัวศาลากลับไม่ได้รับความเสียหาย เป็นที่น่าอัศจรรย์ จึงเดินดูรอบๆ พบบริเวณอกไก่ มีน้ำเต้าแขวนไว้ลูกหนึ่ง

    เมื่อเทออกดูพบคาถากันไฟบทหนึ่งบรรจุอยู่ภายใน ได้นำติดตัวกลับมาด้วย ภายหลังกลับไปพบว่าศาลาดังกล่าวถูกไฟป่าไหม้เสียหายแล้ว เมื่อประจักษ์ในอภินิหารดังกล่าว ท่านจึงได้สร้างน้ำเต้าบรรจุคาถาแจกจ่ายแก่ศิษยานุศิษย์ จนมีชื่อเสียงถึงทุกวันนี้
     
  4. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,020
    [คนอวดพระ]ผมว่าน่าจะเป็นพระเครื่องชุด"ออกศึก"ของอาเขยอ่ะครับพี่บอย ^^

    ในเส้นนั้น...ผมมีอยู่ 1 องค์.. อิอิ ^^

    [​IMG]

    [​IMG]

    พระอะไรครับคุณนอร์ ^__^
    เซ็งกำลังสองอยู่ๆเว็ปที่ฝากรูปไว้ รูปหายหมดเลย ต้องถ่ายรูปใหม่อีก :':)':)'(
     
  5. คนตลาดพลู

    คนตลาดพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    3,439
    ค่าพลัง:
    +12,519
    ตุณคนอวดพระเป็นกูรูจริงๆครับ นับถือๆ
     
  6. คนอวดพระ

    คนอวดพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +6,598
    พระผู้ทรงเป็นพลังแห่งแผ่นดิน...



    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ขอเกิดเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป....

    ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน....ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2012
  7. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    โชว์สักองค์ก่อนกลับบ้านขอรับ...

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    กราบหลวงปู่ฤาษีลิงดำครับ...
     
  9. คนอวดพระ

    คนอวดพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +6,598

    เป็นพระของหลวงปู่ศรี มหาวีโร ครับพี่บอย... ^^

    [​IMG]


    [​IMG]
    เป็นพระอาจารย์สายกรรมฐานของพระอาจารย์มั่น ครับ..

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร (พระเทพวิสุทธิมงคล) นามเดิมของท่านชื่อ ศรี เกิดในสกุลปักกะสีนัง เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2460 ตรงกับวันศุกร์ เดือนหก ปีมะเมีย ที่บ้านขามป้อม อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม โยมบิดาชื่อนายอ่อนสี โยมมารดาชื่อนางทุม ปักกะสี

    ในช่วงปฐมวัยท่านเข้าศึกษาที่โรงเรียนประชาบาล วัดบ้านขามป้อม ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำท้องถิ่น จบชั้นประถมปีที่ 6 และได้ขวนขวาย เข้ามาเรียนต่อ ที่โรงเรียนสารคามพิทยาคม ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด จนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2480 การศึกษาของท่าน ในยุคสมัยนั้น นับว่าอยู่ในขั้นดี ท่านได้เข้ารับราชการ เป็นครูในปีรุ่งขึ้น หลังจากสำเร็จการศึกษา ชีวิตการเป็นครู ท่านเริ่มที่ โรงเรียนวัดบ้านชาด ตำบลหัวเรือ มหาสารคาม และต่อมาที่โรงเรียน บ้านสวนจิก ตำบลปอภาร จังหวัดร้อยเอ็ด

    ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ในพระพุทธศาสนา ท่านได้บรรพชาอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2488 ณ พัทธสีมาวัดราษฎร์รังสรรค์ บ้านป่ายาง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระโพธิญาณมุนี (ดำ โพธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธรรมยุต) เป็นอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา ทางพระพุทธศาสนา เป็นมคธว่า "มหาวีโร" พรรษาแรก ในชีวิตสมณะผู้ละวาง ท่านได้พำนักศึกษาปฏิบัติธรรม อยู่กับท่านพระอาจารย์คูณ อุตตโม วัดประชาบำรุง มหาสารคาม ปีต่อมา พ.ศ. 2489 ท่านได้จาริกไปจำพรรษ ที่วัดป่าแสนสำราญ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี มีโอกาสศึกษา ปฏิบัติธรรม เจริญวิปัสสนา กับท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ซึ่งเป็นศิษย์สำคัญของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    เมื่อออกพรรษาแล้วพระศรี มหาวีโรในครั้งนั้นได้ออกจาริกแสวงธรรม ไปตามวนาป่าเขาราวไพร อาทิ ภูเก้า ภูผักกูด บ้านห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดนครพนม ซึ่งที่ภูผักกูด หรือภูผากูดแห่งนี้ เป็นสัปปายะสถาน ที่พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เคยธุดงค์จาริก มาพำนัก เป็นแหล่งเจริญธรรม ที่ผู้กล้าแห่งกองทัพธรรม ได้มาประพฤติธรรม บำเพ็ญเพียร ด้วยเป็นสถานที่อยู่ไกลจากชุมชน ขาดแคลนขัดสน ในปัจจัยสี่ แต่มีภูมิทัศน์ ที่เหมาะแก่การพัฒนา ภูมิธรรมสัมมาปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง
    ปี พ.ศ. 2490 หลวงปู่ศรี มหาวีโร ธุดงค์ไปพำนักที่ถ้ำพระเวส ครั้นเข้าพรรษา ได้ไปจำพรรษา ที่วัดบ้านนาแก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ซึ่งในยุคสมัยนั้น เป็นดินแดนที่ครุกรุ่นไปด้วยสถานะการณ์ แห่งความขัดแย้ง ด้านอุดมการณ์ทางการเมือง และสังคม แต่ท่านก็อยู่ด้วยความราบรื่น ปราศจากอันตราย จนกระทั่ง ออกพรรษา จึงจาริกไปยังจังหวัดสกลนคร และปี พ.ศ. 2491 เข้าจำพรรษา ที่วัดโนนนิเวสน์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นการเดินตามทางรอยธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์ คือหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเคยมาพำนักที่วัดแห่งนี้มาแต่ครั้งอดีต ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาบารมีธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งขณะนั้น อยู่ในช่วงปัจฉิมวัย พำนักอยู่ที่สำนักป่า บ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
    พระอาจารย์ศรี มหาวีโร จึงเข้าไปกราบนมัสการ พระเดชพระคุณหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่สำนักป่าบ้านหนองผือ ขออนุญาต พำนักจำพรรษา และศึกษาธรรมกับท่าน ซึ่งหลวงปู่มั่น ก็เมตตาอนุญาต นับเป็นโอกาส อันเป็นมหามงคล ในชีวิตบรรพชิต ที่มีโอกาสศึกษาธรรม และอุปปัฎฐาก พระบุพพาจารย์ใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รวมทั้งมีโอกาสเจริญธรรม กับสหธรรมิกร่วมสำนัก ร่วมครูอาจารย์เดียวกัน เมื่อหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อาพาธพระอาจารย์ศรี ก็มีโอกาสถวายการปฏิบัติ เมื่อท่านพระอาจารย์ใหญ่ถึงแก่มรณภาพ ก็นำความวิโยคอาดูร มาสู่ผู้เป็นศิษย์ ผู้เคารพศรัทธาครูอาจารย์ อย่างสุดจิต สุดใจ พระอาจารย์ศรี มหาวีโร ได้ถวายสักการะ สรีระ หลวงปู่มั่น เป็นครั้งสุดท้าย ในงานถวายเพลิง ฌาปนกิจ ที่วัดป่าสุทธาวาสจังหวัดสกลนคร
    ต่อมาปี พ.ศ. 2493 พระอาจารย์ศรี มหาวีโร ไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านหนอง ผักตบ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร และปีต่อมา ได้มีโอกาส ไปพำนัก จำพรรษาที่ วัดบ้านห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ได้มีโอกาส ศึกษาธรรมกับท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งเป็นประธานสงฆ์ในสำนักแห่งนี้ ปี พ.ศ. 2495 ได้ร่วมสร้างวัดป่าหนองแซง โดยบัญชาของท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี
    ท่านพระอาจารย์ศรี ได้ออกจาริกห่างถิ่นมหาสารคาม และร้อยเอ็ดไปนานหลายปี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2496 ท่านจาริกมายังวัดป่ากุง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาประมาณ 170 ปี ท่านเป็นผู้นำศรัทธา ในการพัฒนาวัดป่ากุง ให้เรืองรุ่งโดยลำดับ จนกระทั่งเป็น "วัดประชาคมวนาราม" ที่งามสง่า เป็นศาสนสถาน อันไพศาล สำหรับชาวพุทธ ผู้ศรัทธาในธรรมะ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า และดำเนินตามธรรมวิถีของพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร จำพรรษาที่วัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 เป็นต้นมา ท่านเป็นผู้นำ เป็นธุระในกิจการงาน พระศาสนา อย่างจริงจังและ มั่นคง สร้างคุณูปการและสาธารณประโยชน์ เป็นจำนวนมาก
    วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2528 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร
    วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชสังวรอุดม
    วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2545 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพวิสุทธิมงคล
    นอกจากนั้นท่านยังได้รับปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ สาขาพุทธศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2546 โดยมีสมเด็จพระญาณวโรดม วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร เป็นผู้นำมาประทานมอบให้

    พระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) เกจิชื่อดังภาคอีสาน ละสังขารแล้วเมื่อเวลา 05.34 น.วันที่ 16 ส.ค.2554 ด้วยโรคชรา ภายในศาลากลางน้ำ วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด อายุ 94 ปี 3 เดือน 13 วัน ( 66 พรรษา) หลังจากหลวงปู่ฯอาพาธมาตั้งแต่ ปี 2550 ศิษย์ยานุศิษย์นำเข้ารักษาตัวและเข้าออก รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่นจำนวนหลายครั้ง ศิษยานุศิษย์ทั้งในจังหวัดร้อยเอ็ดและจากทั่วทุกสารทิศที่ทราบข่าวต่างหลั่งไหลเดินทางมากราบไหว้อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งนายสมศักดิ์ ขำทวีพรหมผวจ.ร้อยเอ็ด เตรียมประชุมกับ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และศิษยานุศิษย์ เพื่อทำเรื่องขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพให้แก่หลวงปู่ เนื่องจากเป็นพระผู้ใหญ่ที่ได้สมณศักดิ์ พัดยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯชั้นสุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ “พระเทพวิสุทธิมงคล”เบื้องต้นตั้งศพบำเพ็ญกุศลไว้ที่ศาลากลางน้ำ ส่วนพิธีการอื่นๆนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินการหาข้อสรุป
     
  10. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,020
    [watchdog]
    *********ส่วนตัวชอบหลายครับ*********​


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ******************​
    องค์พ่อจตุคามองค์นี้ออกแบบได้สวยมากๆครับพี่ชาญ นึกถึงคุณหมอksongritเหมือนกัน คุณหมอก็มีสวยมากๆ ^__^
     
  11. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    ช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยจะดี...กลับบ้านพักผ่อนก่อนวันพรุ่งเจอกันใหม่ครับ...รักทุกคน
     
  12. คนอวดพระ

    คนอวดพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +6,598

    สวยมากเลยครับพี่เอ๊ะ.. ^_^

    เดินทางกลับบ้านปลอดำยนะครับพี่.....
     
  13. ถิรวุษิ

    ถิรวุษิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,685
    ค่าพลัง:
    +7,520
    [​IMG]

    ช่วงเย็นแล้ว ขออารธนาบารมีและความศักสิทธิ์ของหลวงปู่หยอด แห่งวัดแก้วเจริญ ได้โปรดให้สมาชิกทุกๆท่าน มั่งมีศรีสุข ทรัพย์สินเพิ่มพูน ดั่งเช่นพุทธคุณของเหรียญราหูอมทรัพย์ครับ
     
  14. คนอวดพระ

    คนอวดพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +6,598

    ขอบคุณครับ....แต่ไม่ถึงกับเป็นกูรูหรอกครับ...^^
    เพียงแค่อยากให้เป็นความรู้,ข้อมูลสำหรับผู้ที่มาอ่านมาพบเจอแล้วเกิดศรัทธาในครูบาอาจารย์นั้นๆอ่ะครับพี่ตลาดพลู ^__^
     
  15. ลับแล

    ลับแล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    854
    ค่าพลัง:
    +848
    (sing)
    ไม่เป็นไรค่ะน้องนอร์ น้องๆที่ทำงานเป็นกันหลายคน พี่ดูเขาสอนแป๊บเดียว เลยยังมั่วอยู่จ้ะ
    chearrแต่พี่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร หัดไปงั้นๆเอง (ก้อหนุกหนานตามประสาพี่ไปอีกแบบจ้ะ)
    fairy3รับรองพรุ่งนี้ พี่จะต้องโหลดเป็นจ้า
     
  16. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,020
    [jumbo_a44]โชว์สักองค์ก่อนกลับบ้านขอรับ...

    [​IMG]
    เดินทางปลอดภัยครับพี่เอ๊ะ ^__^
    SEE YOU TOMORROW :cool:
     
  17. คนตลาดพลู

    คนตลาดพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    3,439
    ค่าพลัง:
    +12,519
    ผู้รู้จริง ย่อมถ่อมตัวครับ นับถือครับ
     
  18. คนตลาดพลู

    คนตลาดพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    3,439
    ค่าพลัง:
    +12,519
    จำปีงาแกะ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สร้างก่อนพระผงของขวัญครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. คนตลาดพลู

    คนตลาดพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    3,439
    ค่าพลัง:
    +12,519
    หลวงปู่ศุข พิมพ์ ๕ เหลี่ยม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. คนตลาดพลู

    คนตลาดพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    3,439
    ค่าพลัง:
    +12,519
    หลวงพ่อชม วัดสิงห์ เนื้อตะกั่ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...