จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ลินดาขอเอาใจช่วยครูเพ็ญแลครูจิตบุญทุกท่านค่ะ สำหรับลินดาถนัดแบกข้าวค่ะ แหะๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • aaaaaaa.jpg
      aaaaaaa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.5 KB
      เปิดดู:
      57
  2. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สิ่งที่ได้จากพรนี้ไม่ใช่เงินทองของสมมุติ แต่เป็นความเมตตาและปรารถนาดีจากดวงจิตที่ใสบริสุทธิ์และมีเมตตาไม่มีประมาณของคุณสุภาทรค่ะ

    เฮ้อ อิ่มใจ อิ่มบุญ อิ่มเมตตา[/QUOTE]


    สาธุค่ะ อีกไม่นาน อีกไม่นานค่ะ ครูพี่เพ็ญของเรา ท่านจะได้เป็นครูสอนจิตเกาะพระเต็มตัว มีตำแหน่งและเงินเดือน พร้อมที่พัก ถึงจะไม่อยากได้ ก็ต้องเอา รับไว้แบบไม่ยึดติดนั่นแหล่ะค๊าาาา คุณครู๊ อิๆๆๆ :cool:
     
  3. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998

    สาธุค่ะ อีกไม่นาน อีกไม่นานค่ะ ครูพี่เพ็ญของเรา ท่านจะได้เป็นครูสอนจิตเกาะพระเต็มตัว มีตำแหน่งและเงินเดือน พร้อมที่พัก ถึงจะไม่อยากได้ ก็ต้องเอา รับไว้แบบไม่ยึดติดนั่นแหล่ะค๊าาาา คุณครู๊ อิๆๆๆ :cool:[/QUOTE]

    อู้ยย ทำไมเค้าเดาไว้(ในใจ)ถูกด้วย สาธุค่ะ chearrchearrchearr
     
  4. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    อู้ยย ทำไมเค้าเดาไว้(ในใจ)ถูกด้วย สาธุค่ะ chearrchearrchearr
    [/QUOTE]
    สาธุด้วยคนครับ :cool: อีกไม่นานแล้วนี่เอง
     
  5. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    โมทนาสาธุ ขอให้พรนี้จงสัมฤทธิื์์์์์์์ผลด้วยเทอญ
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เอาอีกแล้ว เดี๋ยวก็เป็นข่าวจนได้ เมฆก่อตัวโดยคุณพี่สุภาทรเป็นคนเริ่ม รับมุขโดยครูเพ็ญ ฟ้าผ่าโดยผมเอง(ไม่น่าเลยเรา) เติมเชื้อโดยคุณDhammanee จุดไฟโดยคุณLinda2009 ลมพัดพาโดยคุณWatjojoj ตั้งโต๊ะอาหารรอโดยคุณอัญญะมณี จบรึครับยังคราวนี้ ยังจะมีใครเป็นกองเชียร์ต่อได้อีกไหม๊? ฮ่าๆ
     
  7. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    แหม้ คุณภู น่าจะมีแววเป็นนักเขียนดาวรุ่ง เอาแต่ละคนมาผูกเรื่องเข้ากั้นเข้ากัน ลินดาขำกลิ้งเลย อุ้ยขำหนอๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027

    55555+ นั่นนะดิ คุณลินดา เราก็นั่งขำหนอๆๆ เกือบจะตกเก้าอี้ ดู๊ ดู ท่านพี่ซิ หัวท่านไวเจงๆ ท่านนิ ได้ทุกเรื่องเลยจริงๆ ซิน๊าาาา 5555+
     
  9. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เกิดคุณภูติดใจเป็นนักเขียน คงได้ติดBest Of Sellerเป็นแน่แท้ ทุกวันนี้ก็มีคนรอคุณภูแสดงธรรมทุกวันแล้วครับ สุโค่ย:cool:(เขียนถูกไหมนี่)
     
  10. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ยิ่งถึงวันนี้ ยิ่งเข้าใจในสิ่งที่ท่านพระพุทธเจ้าได้ทำไว้ให้พวกเรา .....

    วันที่ท่านดับขันธ์ปรินิพพานนั้น ..... ธรรมะไม่ได้ดับไปกับท่าน

    วันนี้ก้อยังคงมีธรรมอยู่เสมอ มิเคยหายไป

    เพียงแต่ว่าใครจะเดินค้นหาจนเจอธรรม

    วันนี้ถ้าผมตายไป ธรรมก้อยังอยู่ ..... รอให้เราเดินทางสายมรรคเพื่อให้เจอ

    ถึงครูจิตบุญทุกท่านละขันธ์ไป ผมมั่นใจแล้วว่า จิตเกาะพระก้อยังจะคงอยู่ เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกคนพ้นทุกข์ต่อไป อีกนานเท่านาน ....

    จิตเกาะพระนี้ ..... เริ่มหยั่งรากลึกลงไปเรื่อยๆ และแผ่ขยายออกไปเรื่อย .... น่าภูมิใจแทนท่านผู้ค้นพบ(ผอ.ภู) และครูผู้ถ่ายทอด(ครูใหญ่เพ็ญ) เป็นยิ่งนัก

    วันนี้เราพร้อมตาย ..... เพราะเรามั่นใจ จิตเกาะพระจะยังอยู่เพื่อนำพาทุกดวงจิตกลับบ้านตลอดไป


    จบ.๑๑ "เรือลำนี้จะไม่จม"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2012
  11. จารุณี22

    จารุณี22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1,403
    [FONT=&quot]สมเด็จองค์ปฐม ทรงตรัสสอนปกิณกะธรรมไว้ มีความสำคัญดังนี้

    [/FONT][FONT=&quot]พระอรหันต์เขาเป็นกันก่อนตาย มิใช่ตายแล้วถึงเป็น ดังนั้น จงอย่าเพิ่งคิดว่าตายก็ช่างมัน ผู้ที่จักคิดเช่นนี้ได้ก็เมื่อผู้นั้นเข้าถึงพระอรหัตผลแล้ว คืออยู่กับตายมีผลทรงตัวแล้ว แม้พระอรหันต์เอง เมื่อจบกิจแล้ว ท่านก็ดูแลร่างกายเป็นอย่างดี เพื่อเป็นการบรรเทาทุกขเวทนา เป็นการทำหน้าที่ ตายแล้วหรือถึงที่ตาย ตรงนั้นแหละช่างมัน ไม่ใช่จิตยังไปไม่ถึง แล้วคิดว่าตายๆ ก็ช่างมัน พิจารณาจุดนี้ให้ดี จักได้ไม่สำคัญผิด ดังนั้นจงอย่าประมาทในความตาย ถ้ากฎของกรรมเข้าแทรก เวลาร่างกายเจ็บป่วย มันเอาทั้งนั้นไม่เคยยกเว้นให้ใครเลย แม้แต่พระตถาคตเจ้าทุกๆ พระองค์ก็ยังป่วย จึงต้องรักษาเยียวยาร่างกายไว้ให้ดี เพราะหากจิตไม่ถึงพระอรหัตผลเพียงใด คำว่าประมาทในความตายไม่พึงมีในใจ เพราะร่างกายนี้ยังคงอยู่ ก็พึงเร่งรีบมรรคผลให้ถึงที่สุด ก่อนที่ร่างกายนี้จักพังลงไป


    [/FONT]
    [FONT=&quot]รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน[/FONT]
    [FONT=&quot]http://www.tangnipparn.com/Frameset-11.html
    [/FONT]
     
  12. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ทวนกระแสแห่งกิเลสและการยึดติด ..... ตามกระแสธรรมเพื่อหลุดพ้น


    เมื่อวานจิตคิดถึงเรื่องที่พระพุทธเจ้าลอยถาดทองเพื่อเสี่ยงทายว่าจะสำเร็จธรรมหรือไม่

    วันนี้จึงอยากจะมาเขียนบอกเล่าทุกท่านดังนี้

    สิ่งที่พวกท่านกำลังฝึก กำลังปฏิบัติจิตเกาะพระอยู่นี้ คือ การเดินตามวิถีแห่งมรรค เพื่อหลุดพ้น เป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ถาวร

    แต่ท่านหลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่า การเดินตามทางนี้ เปรียบเหมือนการที่ทุกท่านกำลังว่ายทวนน้ำเฉกเช่นที่พระพุทธองค์ลอยถาดนั้นเช่นกัน

    ทำไมผมถึงกล่าวเช่นนั้น ..... ทุกวันนี้ท่านหลงอยู่ในสิ่งสมมติ ในกิเลสที่คลุกอยู่กับท่านมานานแสนนาน หลายภพ หลายชาติ จนท่านคิดว่า สิ่งสมมติทั้งหลาย สิ่งอันไม่ควรถือทั้งหลาย กิเลสทั้งหลายนั้น เป็นของเรา เป็นเรื่องปกติ ..... จริงหรือไม่

    การที่เราดำเนินทาง โดย ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น ..... เป้าหมายคืออะไร ...... เพื่อวางทุกสิ่ง ทั้งกาย ทั้งสิ่งสมมติ ทั้งกิเลสทั้งหมดทั้งมวล

    เราเดินทางสายมรรคนี้เพื่อให้
    จิตมีศีลสมบูรณ์พร้อม .....
    จิตทรงสมาธิต่อเนื่อง ..... จนทรงฌาณสูงได้ตลอดเวลา
    จิตทรงฌาณสูงตลอดเวลา ..... จนเกิดวิปัสสนาญาณ
    จิตทรงวิปัสสนาญาณ ..... จนเกิดปัญญาญาณ
    จิตทรงปัญญาญาณ ..... วิมุตติ หลุดพ้น

    การเดินทางนี้ อาจจะลำบากนะครับ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะท่านกำลังว่ายทวนกระแสแห่งกิเลส แห่งการยึดติดที่อยู่กับท่าน จนหลอกท่านว่ามันคือของท่าน มันคือสิ่งปกติ

    ทำให้มันลำบากยิ่งนักเมื่อปฏิบัติ มันขัดใจเรายิ่งนัก มันอึดอัดยิ่งนัก มันทำไมใช้เวลายาวนานนัก .....

    กรุณา อย่า ..... ไปหลงนะกับสิ่งที่ด้านมืดกำลังยื้ท่านอยู่ ให้ท่านรู้สึกว่า เรากำลังทำในสิ่งที่เป็นไป ไม่ได้ ทำได้จริงๆหรือ
    ท่านกำลังว่ายทวนน้ำนะ บ้ารึป่าว .... ไม่สำเร็จหรอด เลิกเถอะ
    ทำเหมือนเดิม(คลุกกับกิเลส ยึดติดสิ่งสมมติ) ง่ายกว่าเยอะ จะทำไปให้เหนื่อยทำไม

    บางคน กำลังใจไม่ดี ก้อยอมพ่ายแพ้ด้านมืด กลับไปอยู่จุดเดิม ..... น่าเสียใจยิ่งนัก

    บางคน เหนื่อย ท้อ ...... คิดไป ต่างๆ นาๆ ว่า จะว่ายทวนน้ำไปอีกนานแค่ไหนไปอีกนานแค่ไหน เราต้องเพียรอีกนานแค่ไหน เราจะถึงเมื่อไหร่ อยากสำเร็จ อยากก้าวหน้า อยากถึงฝั่งจัง

    การว่ายทวนกระแสนั้น ยิ่งอยาก ยิ่งสงสัย ยิ่งไม่นิ่ง ..... ท่านยิ่งจะจมนะ จำเอาไว้ด้วย (พระมหาชนกว่ายน้ำในทะเลอย่างอดทน ไม่สนใจ ว่ายไป ด้วยความเพียร จะเป็นจะตายก้อต้องเพียรว่าย อดทน -- เข้าใจความหมายแจ่มแจ้งแล้วขอรับ)

    ขอให้ทุกท่านกลับไปทบทวนและสำรวจตัวเองว่าพร้อมไหม ที่จะว่ายทวนกระแสแห่งกิเลส สิ่งยึดติดทั้งมวล

    เตรียมศีลให้พร้อม ..... จิตแข็งแรง มั่นคง -> เตรียมอุปกรณ์พร้อมไหว้
    ทำสมาธิให้เกิดต่อเนื่อง ..... จิตรู้ จิตตื่น -> ร่างกายพร้อม

    สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ศรัทธา ใจ ที่แน่วแน่ต่อสิ่งที่จะทำ มั่นคง ไม่ไหวหวั่น ต่อทุกสิ่งกระทบ

    ขอให้ทุกคนว่ายน้ำทวนกระแส(เดินตามรอยมรรค) อย่างเด็ดเดี่ยว มั่นคง ครูจิตบุญคอยช่วยท่านอยู่เสมอ

    แต่จงจำเอาไว้ว่า ..... อย่ายึดติด แม้แต่ครูก้อห้ามยึดติด(เพราะเค้าก้อต้องจากไปเช่นกัน ไม่มีผู้ใดหนีพ้น เกิด แก่ เจ้บ ตาย ..... แต่เค้าไปแล้วไม่กลับมาเกิดแล้วนะ) ขอให้ทุกท่านยึดธรรม ยึดแนวทางการเดินแห่งมรรค เพื่อหลุดพ้น

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม

    จบ.๑๑ "เรือลำนี้จะไม่จม"

     
  13. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขอให้ทุกท่านดำเนินชีวิต ด้วยความรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่เสมอว่าเราต้องตาย เราไม่ควรยึดทุกสิ่งที่เกะกะ รกรุงรังต่อจิตของเรา

    เดินหน้าทางะรรมไปทีนึงก้อขอให้ละวางได้สักสิ่งนึง
    เดินไป ทำไป ทิ้งไป ละวางไป ด้วยความมั่นใจในธรรม ในพระ ในพระนิพพาน

    เดินเพื่อทิ้ง เพื่อ วาง ให้ว่าง
    ไม่ใช่ เดินเพื่อยึด เดินเพื่อเก็บ เดินเพื่อกอด .... สิ่งสมมติทั้งนั้นนะ ตาสว่างสักที

    การเดินทางสายมรรค ไม่จำเป็นต้องเคร่ง ต้องหย่อน ต้องตึง ..... สบายๆ ตามแนวทางของพระพุทธองค์ คือ ทางสายกลาง นี่แหละ ของแท้ ของที่เรามองข้ามไป

    ค้นหาจิตแท้ให้เจอด้วยธรรม

    ท่านกำลังตามหาเพชรแท้นะ ..... ตอนนี้ท่านกำลังขุดหาเพชร ซึ่งอยู่ใต้ดิน ถูกหิน ถูกดิน ถูกฟอสซิลทับหมักหมม มานานแสนาน .....

    ตอนนี้ท่านกำลังค่อยๆกระเทาะ เอาสิ่งห่อหุ้ม(สิ่งสมมติ กิเลส) นั้นออก ....ค่อยๆทำไป อย่ารีบ อย่าสงสัย อย่าอยาก ทุบแรงไป เดี๋ยวเพชรแตกนะ เจ็บมือด้วย

    เคยเห็นไหม จะเปิดของบางอย่าง ทั้งทุบ ทั้งบิด ทั้งตัด กลับไม่ออก(ทำผิดวิธี)
    แต่กับอีกคน จับนิดเดียว เปิดได้แล้ว ไม่ต้องใช้กำลัง ใช้แต่ปัญญา(ทำถูกวิธี)

    เมื่อท่านค่อยๆกระเทาะสิ่งห่อหุ้มออกจนหมดแล้ว ท่านก้อจะเจอเพชรแท้ ซึ่งเพชรก่อคือเพชร แม้กาลเวลาผ่านไปนานเท่าใด้ มันก้อยังเป็นเพชร

    เพียงแต่เราจะหาเจอไหมแค่นั้นแหละ ...... ถ้าเรามองมันเป็นเพียงหินสกปรกก้อนนึง โยนทิ้งไป ไม่มีค่า มันก้อคงเป็นเพียงหินในความติดของท่านจริงๆ ท่านไม่มองไปที่ข้างใน(จิต) ก้อไม่ได้ธรรม

    แต่ถ้า ท่านตื่นแล้ว(จิต) ท่าจะมองเห็นเพชรข้างใน
    ต่อไป ท่านก้อมีหน้าที่เพียงแค่ เพียรทำไป ฝึกไป เพื่อให้ได้เพชรแท้ของท่านกลับมา

    ขอให้มั่นใจในสิ่งที่ท่านกำลังทำ ...... เพชร นะ ไม่ใช่ หิน

    ท่านรู้วิธีแล้วนิ แล้วจะช้าไปใย สงสัยทำไม ..... ทำๆๆๆๆๆๆ นะครับ

    ธรรมชาติสวัสดี

    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ๓.ความทุกข์และเหตุแห่งทุกข์

    "ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์ทั้งมวลมีมูลรากมาจากตัณหา อุปาทานความทะยานอยากดิ้นรน และความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราเป็นของเรารวมถึงความเพลินใจในอารมณ์ต่างๆ สิ่งที่เข้าไปเกาะเกี่ยวยึดถือไว้โดยความเป็นตนเป็นของตนที่ไม่ก่อทุกข์ก่อโทษ ให้นั้นเป็นไม่มี หาไม่ได้ในโลกนี้เมื่อใดบุคคลมาเห็นสักแต่ว่าได้เห็น ฟังสักแต่ว่าได้ฟังรู้สักแต่ว่าได้รู้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เพียงสักว่าๆ ไม่หลงใหลพัวพันมัวเมา เมื่อนั้นจิตก็จะว่างจากความยึดถือต่างๆ ปลอดโปร่งแจ่มใสเบิกบานอยู่"

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอจงมองดูโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่ามีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือ ความยึดมั่นถือมั่นเรื่องตัวตนเสียด้วยประการฉะนี้ เธอจะเบาสบายคลายทุกข์คลายกังวลไม่มีความสุขใดยิ่งไปกว่าการปล่อยวางและการสำรวมตนอยู่ในธรรม"

    "ดูกรภิกษุทั้งหลายความทุกข์เป็นความจริงประการ หนึ่งที่ชีวิตทุกชีวิตจะต้องประสบไม่มากก็น้อยความทุกข์ที่กล่าวนี้มีอะไรบ้าง ภิกษุทั้งหลายความเกิดเป็นความทุกข์ความแก่ ความเจ็บ ความตายก็เป็นความทุกข์ ความแห้งใจหรือความโศกความร่ำไรรำพันจนน้ำตานองหน้า ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ ความพลัดพรากจากบุคคลหรือสิ่งของอันเป็นที่รักความต้องประสบกับบุคคลหรือสิ่งของอันไม่เป็นที่พอใจปรารถนาอะไรมิได้ดังใจหมาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความทุกข์ที่บุคคลต้องประสบทั้งสิ้น เมื่อกล่าวโดยสรุปการยึดมั่นในขันธ์ห้าด้วยตัณหาอุปาทานนั่นเอง เป็นความทุกข์อันยิ่งใหญ่"

    "ดูกรภิกษุทั้งหลายเราตถาคตกล่าวว่าความทุกข์ทั้งมวลย่อมสืบเนื่องมาจากเหตุก็อะไรเล่าเป็นเหตุเกิดความทุกข์นั้นเรา กล่าวว่าตัณหาเป็นเหตุเกิดแห่งทุกข์ ตัณหา คือ ความทะยานอยากดิ้นรนซึ่งมีลักษณะเป็นสาม คือ ดิ้นรนอยากได้อารมณ์ที่น่าใคร่น่าปรารถนาเรียกว่า กามตัณหา อย่างหนึ่ง ดิ้นรนอยากเป็นนั่นเป็นนี่เรียก ภวตัณหา อย่างหนึ่งดิ้นรนอยากผลักสิ่งที่มีอยู่แล้ว เป็นแล้ว เรียกว่า วิภวตัณหาอย่างหนึ่งนี่แล คือ สาเหตุแห่งความทุกข์ขั้นมูลฐาน ภิกษุทั้งหลาย การสลัดทิ้งโดยไม่เหลือซึ่งตัณหาประเภทต่างๆ ดับตัณหาคลายตัณหาโดยสิ้นเชิงนั่นแล เราเรียกว่า นิโรธ คือ ความดับทุกข์ได้"

    วศิน อินทสระ
     
  15. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ยิ่งถึงวันนี้ ยิ่งเข้าใจในสิ่งที่ท่านพระพุทธเจ้าได้ทำไว้ให้พวกเรา .....

    วันที่ท่านดับขันธ์ปรินิพพานนั้น ..... ธรรมะไม่ได้ดับไปกับท่าน

    วันนี้ก้อยังคงมีธรรมอยู่เสมอ มิเคยหายไป

    เพียงแต่ว่าใครจะเดินค้นหาจนเจอธรรม

    วันนี้เราพร้อมตาย ..... เพราะเรามั่นใจ จิตเกาะพระจะยังอยู่เพื่อนำพาทุกดวงจิตกลับบ้านตลอดไป

    เห็นด้วยอย่างยิ่ง
    รู้สึกเช่นเดียวกัน

    ช่วงนี้ ไปช่วยลูกศิษย์ จนขันธ์ไม่สบาย อินทรีย์ยังไม่แก่กล้า
    แต่ถ้าการกระทำนั้น ทำให้มีคนยกจิตได้ ก็ไม่ได้กังวลกับอาการป่วยของตัวเอง
    อาการป่วยเดี๋ยวก็เป็นอนัตตา ถึงขันธ์นี้ในที่สุดก็เป็นอนัตตา เช่นเดียวกัน

    ขอทำภารกิจเพื่อตอบแทนคุณสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้า และ ครูบาอาจารย์ ทุกพระองค์

    จากใจ จบ. ๓๑
     
  16. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    จิตเกาะพระ

    จิตเกาะพระจงพิจารณา

    ก่อนที่ท่านจะสมัครเข้ามาเรียนจิตเกาะพระ

    ขอให้ศึกษาให้ดีก่อน

    ศึกษาในที่นี้คือศึกษาจิตตนเอง

    ท่านมีศรัทธาในพระพุทธเจ้าไหม

    ท่านมีศรัทธาในพระธรรมคำสอนไหม(ศีล สมาธิ ปัญญา)

    ท่านมีศรัทธาในพระสงฆ์รวมถึงอริยบุคคลที่ไม่ใช่พระสงฆ์ไหม

    จิตเกาะพระเป็นการนำจิตไปปฏิบัติบำเพ็ญอย่างเข้มข้น

    มิใช่จะมาทำกันตามกระแสเป็นแฟชั่นนะ

    ครูที่นี่บอกย้ำกันอยู่เสมอว่าจิตเกาะพระเป็นเครื่องนำทางไปนิพพานไวที่สุดในยุคนี้

    แต่หลายท่านก็เข้ามาทำเพราะเห่อตาม ๆ เขาไป

    พอมาทำแล้วกำลังใจถดถอย

    นั่นไง มันเป็นเพราะอะไร

    เพราะศรัทธาในมรรคไม่มี

    เพราะศรัทธาในผลไม่มี

    เพราะศรัทธาในพระนิพพานไม่มี

    มีแต่เคารพพระรัตนตรัยแต่ไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัย

    ระหว่างความเคารพกับศรัทธาต้องแยกกันให้ออกนะ

    อย่าไปตีความเข้าข้างตัวเอง

    เคารพหมายถึง ยกย่อง ให้เกียรติ นับถือ

    ศรัทธาหมายถึง ความเชื่อถือ เชื่อมั่น

    หลายท่านที่เข้ามาปฏิบัติจิตเกาะพระ

    ครูย้ำเสมอว่าสติต้องตามจิตให้ทัน

    อย่ามัวไปติดสงสัยอยู่

    อย่ามัวไปทำยากอยู่

    อย่ามัวไปอยากอยู่

    สตินะสติตามจิตไปไวไว

    แต่หลายท่านก็ไม่เคยเชื่อถือว่าจิตเกาะพระจะไปนิพพานได้ไวจริง ๆ

    เพราะหลายท่านหลงปฏิบัติกันมานาน

    นานจนความเฉื่อยชามันกลายเป็นนิสัย

    นิสัยที่มีแต่ความเชื่องช้าเซื่องซึม

    พอมีคนมาเข็นจิตให้ไปไวไวก็ไม่เชื่อว่ามันจะไปได้

    ก็เขาสอนกันมาให้ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องหวังอะไรมาก

    สักวันเมื่อจิตพร้อมบารมีเต็มตัดสังโยชน์สิบได้

    ตัดรัก โลภ โกรธ หลง ได้ก็ถึงนิพพานเอง

    ทำไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ

    เหมือนเรือที่ล่องลอยไปโดยไม่มีหางเสือไม่มีคนพาย

    มันก็ลอยพลิกคว่ำพลิกหงายไปตามกระแสน้ำจนกว่าสังขารของมันจะผุพังไป

    แต่จิตเกาะพระไม่ใช่อย่างนั้นนะ

    จิตเกาะพระไม่ใช่ทำไปเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ นึกจะทำก็นึกจะลืมก็ลืม

    นั่นไม่ใช่วิธีปฏิบัติจิตเกาะพระ

    อ่านดูเหมือนเคร่งเครียดไหม

    คนที่รู้สึกว่าเคร่งเครียดเพราะท่านขาดความเพียรจิต

    ท่านเอาแต่เพียรกาย

    แต่ไม่เน้นเพียรจิต

    ท่านจึงรู้สึกว่ามันยาก

    แต่ท่านลองไปถามคนที่เขากำลังทำจิตเกาะพระดูซิ

    มีใครเคร่งเครียดไหม

    เห็นแต่ละท่านมีแต่จิตรู้ ตื่น เบิกบานกันทั้งนั้น

    เพราะอะไร?

    ก็เพราะท่านมีความเพียรทางจิตกันอย่างไรเล่า

    จิตของท่านจึงก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

    แต่ถ้าใครเพียรกายมากกว่าจิตขอบอกว่า

    ท่านอาจต้องรอไปอีก 7 ปีเป็นอย่างต่ำ

    หรือไม่ก็รอไปอีก 7 ชาติเป็นอย่างกลาง

    ถ้าใครทำนานเกิน 7 ชาติของบอกว่าที่ไปไม่แน่นอน

    ประมาทมาก!

    แต่จิตเกาะพระไม่ใช่อย่างนั้น

    จิตเกาะพระเน้นไปนิพพานไวที่สุด

    อย่างเร็วไม่เกิน 7 วัน

    อย่างกลางไม่เกิน 120 วัน

    อย่างช้าไม่เกิน 210 วัน

    ใครทำนานเกิน 210 วัน เราแนะนำให้ท่านเลิกทำซะ

    เพราะท่านไม่มีความตั้งใจที่จะไปนิพพานจริง

    ทำไปเรื่อยเปื่อย ทำไปเพราะหวังผลประโยชน์

    ทำไปเพราะเห่อทำตามเขาไปเท่านั้นเอง

    ครูเพ็ญไม่รับคนประเภทไม่ตั้งใจทำจิตเกาะพระนะจะบอกให้

    เข็นคนออกจากทุกข์ก็ว่ายากแล้ว

    นี่ยังต้องมาเข็ญคนออกจากขี้เกียจอีกมันน่ารักตรงไหน

    เมตตาน่ะมีแต่เป็นเมตตาด้วยปัญญา

    ในเมื่อท่านไม่ปรารถนาจะไปนิพพานกับเรากลุ่มจิตบุญ

    เราก็จำเป็นต้องปล่อยท่านไปตามกรรมของท่าน

    ส่วนใหญ่เลยนะ

    ถ้าตกลงปลงใจมาทำจิตเกาะพระ

    จะอยู่ไม่ถึง 210 วัน

    นี่ยังถือว่าอนุโลมกันมากแล้ว

    บางคนติดรูปแบบเดิมไม่ยอมปล่อยวาง

    โลภจะทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน

    ผลเป็นไง...จิตช้า สติช้า ติดสงสัย ตัดอยากไม่ได้

    บางคนยกจิตได้ภายใน 1-3 วัน

    ยังไม่ยอมเชื่อว่าจิตตนหลุดพ้นจากวัฏสงสารแล้ว

    ยังพยามดิ้นรนตามหาสิ่งที่เคยชินซึ่งมีอยู่ในขันธ์ห้า

    ไม่ยอมรับมรรค ผล นิพพาน ด้วยความมีทิฏฐิมานะว่า

    ครูบาอาจารย์ไม่เคยสอนแบบนี้

    ไม่เชื่อว่าไปนิพพานทำง่าย ๆ จิตยกง่าย ๆ แค่นี้เอง

    เอ๊า ก็แล้วที่นั่งตอบเมลกันจนหัวหงอกอยู่ทุกวันนี้

    มันไม่ใช่ครูอาจารย์เธอหรอกเหรอ

    หรือเราเป็นเพียงเพื่อนเล่นขายขนมครกกันเท่านั้นเองกระมัง

    เปล่า ครูเพ็ญไม่ได้มาเรียกร้องให้ใครมาเคารพนับถือ

    ไม่เคยต้องการเปลือก ไม่เคยต้องการสมมุติจากการสอน

    แต่ที่มาแจ้งให้ทราบเพราะเมื่อท่านยกจิตกันแล้ว

    ครูอาจารย์แจ้งให้ทราบแล้ว

    แต่สติท่านตามจิตตัวเองไม่ทัน

    ท่านก็มานั่งสงสัยตัวเองว่ามันใช่เหรอ

    นิพพานจริงเหรอ

    เขาหลอกเราหรือเปล่า

    ครูอาจารย์ก็ย้ำไปหลายรอบจนน้ำลายแห้ง

    ท่านก็ยังปักใจไม่เชื่อไม่ยอมรับผลในการปฏิบัติ

    ครูทำไง?

    ก็ต้องปล่อยอีกเหมือนกัน

    งั้นไปสอบกฎไตรลักษณ์มาใหม่นะ

    สอบไม่ผ่านธรรมชาติท่านก็จะสอนอยู่อย่างนั้นย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ

    ถ้ายังวางไม่ได้ก็สอบกันไปจนตายกันไปข้างหนึ่ง

    อะไรตาย?

    ก็กายกับกิเลสไง สอบกันไปจนกว่าจิตจะวางกายวางกิเลสได้จริง ๆ

    สรุปว่า...

    "จะป็นจิตอรหันต์ต้องวางเป็น"

    รับสื่อโดยคุณ puk77 (จิตเกาะพระ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2012
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาบุญ โมทนาธรรมาทานจากคุณวิทย์
    เดี๋ยวนี้ท่านได้กลายเป็นเพชรในตม เพราะท่านเป็นเจ้าของบ่อธรรมชาติโดยแท้จริง ขนาดลมหายใจของท่านก็ยังเป็นลมแห่งความสุข เป็นลมละเอียด เป็นลมแห่งธรรมะ
    ขอพูดเรื่อง เพชรในตรม เพชรในตมก็ยังเป็นเพชรวันยังค่ำ เพชรก็คือเพชร ตมก็คือตม หรือจิตปักอยู่ในกองกิเลส จิตที่จมปักอยู่ในกองกิเลสก็ยังเป็นจิตวันยังค่ำ จิตก็คือจิต กิเลสก็คือกิเลส เพราะฉะนั้นพวกเราจะต้องแยกแยะกันให้ออก แต่จะแยกแยะโดยวิธีทำจิตเกาะพระ อันนี้จะชัดเจนดีมาก เพราะทุกคนรู้แค่กายภายนอกเท่านั้น มองเห็นแต่รูปหรือของหยาบเท่านั้น นามหรือของละเอียดมองไม่เห็นกัน เช่น สติกับจิต แต่ทุกคนจะเห็นได้ก็จะต้องเอานามไปดูนามหรือเอาของละเอียดไปดูของละเอียด อาทิเช่น จิตเป็นนาม แต่ถ้าเราอยากจะรู้ว่าจิตของตนเองนั้นอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่ เราก็ต้องเอานามเหมือนกันตามเข้าไปดู นั่นก็คือ สติ สติตัวนี้แหล่ะซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติและถือว่าเป็นฝ่ายดี เป็นบุญ เป็นกุศล(ผู้เจริญทั้งหลายเมื่อมีปัญญาเป็นของตนเอง ท่านก็จะเลือกรับเอาแต่ในสิ่งที่ดีเท่านั้น) สติเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของจิต จึงมิใช่กิเลส มิใช่นิมิต มิใช่ฤทธิ์เดชต่างๆสืบเนื่องมาจากจิตที่ทรงฌานลึกนั้น สติจะเป็นตัวรายงาน สติเป็นแว่นส่องจิตว่าจิตของเราตอนนี้อยู่ที่ไหนกำลังทำอะไร แต่ถ้าใครไม่มีสติหรือมีไม่มาก ก็จะไม่รู้ว่าลักษณะตาหน้าจิตนั้นเป็นอย่างไร เพราะคนเราสามัญชนจะกลายเป็นคนที่มีค่า น่านับถือ น่าเสื่อมใสนั้น ก็อยู่ที่ภายในหรือจิตของคนนั่นเอง แต่ถ้าใครสนใจดูจิต คอยส่องจิต จนจิตนิ่ง จิตเป็นสมาธิ จิตทรงฌาน และจิตเกิดปัญญา และต่อไปจิตฌาน(ชาน)กลายเป็นญาณ(ยาน) หรือจิตกลายเป็นเพชร จิตกลายเป็นอรหันต์ขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร กลายเป็นของมีค่าทันทีใช่ไหม๊? เห็นไหมต่อไปนี้พวกเราอย่าไปดูถูก อย่าไปมองข้ามจิตตนเอง อย่าไปมัวหลงกราบไหว้ เคารพนับถือผู้เจริญอื่นๆอยู่เลย เดี๋ยวจะเสียคน เพราะเราจะเลิกโง่เขลาเบาปัญญาหรือตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดแถมโกง เดี๋ยวจะเสียท่า ขนาดพระพุทธองค์ท่านยังตรัสสอนให้กับพวกเราว่า ขอให้เชื่อหรือไม่เชื่อด้วยปัญญาของตนเอง แต่ถามว่าพวกเรามีปัญญา(ทางธรรม)กันหรือยัง? เอ่อบางคนคิดหนักเลย เพราะเกรงว่าจะโง่ อยากหายโง่ อยากฉลาด อยากมีปัญญญาดี อยากเป็นผู้นำ อยากมีความคิดเป็นของตนเอง ก็เจริญรอยตามอริยมรรค หรือที่เราท่องจำกันติดปาก ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เห็นหรือยังว่าปัญญาจะอยู่ข้างหลังสุดเลย แต่จะต้องนำจิตไปเรียนรู้มิใช่ตัวเอง โดยจะต้องผ่านกำแพงศีลก่อน จึงจะผ่านมิติสมาธิ ถึงจะได้ของดีมากันก็คือ ปัญญา ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ มันจะต้องมีวิธีได้มา ก็เหมือนเพชร กว่าจะได้มาเป็นเพชร คนก็เหมือนกัน เผื่อจะแย่งเอาชนะตัวสเปิร์มตัวอื่นๆมาเกิดในท้องแม่พวกเธอก็คิดดูเอา คือว่ามันมีตั้งหลายล้านตัวและพวกเธอก็เป็นที่หนึ่ง ได้เหรียญทองโอลิมปิกว่าง่ายกว่า แต่เป็นน่าเสียดายเมื่อพวกเราเกิดมาแล้วกลับมองไม่เห็นคุณค่าตนเอง ดันกลับไปมองเห็นแต่คุณค่าของผู้อื่นเสีย เห็นผู้อื่นดีกว่าตนเองบ้าง ดูถูกตนเองบ้าง หรือวิ่งไปหาพระอรหันต์บ้าง ทำไมพวกเราถึงได้อกตัญญูกับพ่อแม่ของเราเอง หรือเป็นลูกหลานของพระพุทธองค์ทำไมไปทำแบบนั้น ทำไมมองคุณค่าตนเองไม่เห็นไม่พบกัน เพราะพระอรหันต์นั้นท่านก็เหมือนเราทุกอย่าง (สาธุๆลูกขอขมาจิตมิได้ไปคิดปรามาสต่อพระอรหันตเจ้า จนถึงพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ แต่อยากแสดงธรรมให้ถึงแก่นเท่านั้นเอง) พระอรหันต์ท่านก็เหมือนกับพวกเราหมด ผิดกันแค่จิตเท่านั้น พวกเราดูพระอรหันต์ตรงไหนกันหรอ..อยากทราบนัก แต่ถ้าไม่ใช่จิต อย่าไปคิดว่าท่านโกนหัวแล้วใส่เหลือง ท่านเป็นพระสงฆ์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า คำว่า จะเรียกพระสงฆ์ได้นั้น คือจิตเป็นพระโสดาบันเป็นอย่างต่ำ นอกนั้นท่านเรียกว่า สมมุติสงฆ์ แต่พวกเราอย่าไปเผลอคิดกันเข้านะว่า ท่านเป็นพระจริงหรือไม่จริง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่จะเป็นหน้าที่ของกฎแห่งกรรม กรรมใครกรรมมันอย่าไปก้าวก่ายกัน อันนี้ผมเล่าเป็นธรรมาทานเฉยๆ สำหรับผู้ที่รู้แล้วก็ถือว่าทบทวน+กำไร ดีกว่าผมนอนหลับไปเฉยๆไม่ได้ประโยชน์อันใด

    สรุปว่า ของดีหรือเพชรหรือจิตอรหันต์หรือไม่ ก็อยู่ที่ตนเองทั้งนั้น จะไปถามคนอื่นทำไม ถามทั้งทีดันไปถามกับผู้ไม่ปฎิบัติธรรมด้วยกัน หรือไปฟังผู้ที่ไม่ปฎิบัติหรือปฎิบัติไม่ถึงไหน โดยเฉพาะจิตบุญที่ยังไม่แน่ใจในผลของการปฎิบัติตนเอง ก็จะถือว่าอินทรีย์อ่อนเกินไป หรือยังไม่มีปัญญาเป็นของตนเอง แต่ถ้าไปถามพระอรหันต์จะไม่ว่าสักคำ บทสรุปที่ดีที่สุดก็น่าจะอยู่ที่ว่า..."พวกเธอจะเอาแก่นหรือเปลือก?"
     
  18. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ขออนุญาตประกาศจิตบุญดวงที่ ๗๖ ณ วันที่ ๑๒ กันยาน ๒๕๕๕

    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา
    กับจิตบุญดวงที่ ๗๖

    ของกลุ่มจิตบุญเทอญ
    สาธุ สาธุ สาธุ
    [​IMG]
     
  19. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    พี่พิมพ์ จิตบุญ 76 อยู่สงขลา ศิษย์คุณอุษาวดี
    เป็นพี่สาวของคุณอุษาวดี(จิตบุญ)
    จบกิจจิตเกาะพระเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 55
    ระยะเวลาฝึกจิตเกาะพระประมาณ 10 วัน(โดยประมาณ)
    พี่พิมพ์ฝึกจิตเกาะพระกับคุณอุษาวดี
    โดยคุณอุษาวดีรับหน้าที่รายงานการฝึกกับครูเพ็ญอีกทีทางอีเมลบ้าง/โทรศัพท์บ้าง
    และได้กำลังใจจากพระอาจารย์ชัชวาลแผ่เมตตาให้อีกทีหนึ่ง
    ท่านนี้มีความเพียรพยายามดีมาก
    เพราะท่านติดฝึกของเดิมมานาน
    แต่พอบอกให้วางรูปแบบเดิมท่านก็พยายามวางแล้วมาทำจิตเกาะพระอย่างเดียว
    ในที่สุดเมื่อจิตเดินทางตรงไม่อ้อมไม่เลี้ยว
    จิตจึงมุ่งตรงสู่พระนิพพานทันที

    ขอเชิญคุณอุษาวดีช่วยบอกเล่าการเรียนการสอนจิตเกาะพระของพี่พิมพ์เป็นธรรมทานด้วยค่ะ

    โมทนา สาธุไม่มีประมาณกับพี่พิมพ์และคุณหมออุษาวดีด้วยค่ะ

    ปล.พี่ภูตามไม่ทันล่ะสิ เพราะสายนอกกระทู้ชักเยอะขึ้นทุกวันแล้วนิ โอ้โห จิตเกาะพระจะขยายไปถึงไหนเนี่ย อยากให้คุณหมอมาเล่าถึงลานพระธรรมจักรในนิมิตให้พี่ภูดูจัง แล้วแต่คุณหมอค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2012
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อุ๊ย! แจ่มไหม๊หล่ะ ที่ผ่านมาใครที่หูตึงอยู่ คราวนี้หูดีละ?
    ผู้สื่อโดยครูเพ็ญ....แต่....ผู้รับสื่อโดยคุณ Puk77
    (งั้นคุณปุ๊กรับไปเต็มๆ..อิอิ ครูดัชชี่ คุณลินดาไปไหนกันหมด มาช่วยนำผมออกไปจากถนนจรดวิธีถ่องหน่อย )
     

แชร์หน้านี้

Loading...