บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ

แถวๆบ้านเค้ามีเทียนไขที่ทำจากขี้ผึ้งแท้ๆ(จ.ตาก) อย่างที่คุณหมอต้องการค่ะ ได้ถามคุณแม่เหมือนกันว่าดียังงัย แม่ว่า จุดได้นานกว่าเทียนไขธรรมดาทั่วไป แต่แถวนี้เป็นเล่มเล็กๆค่ะ(เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5cm) เอาไว้ไปทำบุญที่วัด ไม่ทราบว่าคุณหมอต้องการขนาดใหญ่เท่าไหร่? เดี๋ยวจะถามคุณลุงที่เค้าทำดูว่า ขนาดใหญ่ตามที่คุณหมอต้องการมีมั้ย? ราคาเท่าไหร่? เอาไว้เปรียบเทียบกับที่อื่นดู ดีมั้ยค๊ะ

 

กราบขอบพระคุณมากๆครับ ที่ผมต้องการคือ ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง2ซม. ยาว15ซม.ราคาที่เคยซื้อกับคุณยายคือ25บาทต่อแท่งครับ ผมต้องการ100แท่งครับ
ผมมีเรื่องเล่ามาจากสายคริสจักร คือเมื่อ2ปีก่อนมีผู้แทนยาที่สนิทกันมากเคยบอกกับผมไว้ว่าองค์พระแม่ของเขาให้เตรียมเทียนไขที่เป็นขี้ผึ้งแท้ๆเอาไว้มากๆเพราะจะเกิดลักษณะที่คล้ายกับฟ้ามืดไปหลายๆวันติดต่อกันแล้วไม่สามารถจุดเทียนไขพาราฟินติดได้เลยจะมีอันดับทุกครั้งที่จุดแต่ที่เป็นไขขี้ผึ้งจะจุดติดได้เท่านั้น ผมฟังครั้งแรกก็งงๆเช่นกันครับ แต่พอลองไปซื้อมาจุดเปรียบเทียบกันดูปรากฏว่า แทบไม่มีควันเกิดขึ้นเลยครับสันดาปดีมากๆ เหมาะที่จะเก็บไว้จุดในตู้คอนฯกรณีแบตฯและถ่านไฟฉายหมดจริงๆแล้วครับ เป็นแผนสำรองสุดท้ายที่จะใช้ครับ

 

เริ่มแล้วครับ

สวัสดีครับ เพื่อนร่วมชะตากรรมทุกท่าน

เรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัตินี้ผมสนใจ และติดตามมานานหลายปีแล้วครับ

แต่ด้วยความพร้อมหลายๆด้าน ผมก็ทำได้เพียงศึกษาติดตาม ไม่ว่ามีงานสัมมนาที่ใด หากไปได้ไม่เคยพลาด ไปดูที่ดินที่เขาว่าเหมาะ ไปหมดครับ
อัพเดพข่าวสารกับเพื่อนๆที่มีแหล่งข่าวต่างๆเป็นระยะ

ผมขออนุญาตถามความเห็นแต่ละท่านเพื่อเป็นแนวทางนะครับ

คือผมอยากเตรียมที่ดิน โดยอยากได้ที่ดินโฉนด และเป็นที่ดินจัดสรร หากไม่เกิดเหตุใดๆ ต้องอยู่ได้จริง เพราะในช่วงวัยทำงานตอนปลายของผม และช่วงพ่อแม่ผมแก่ลง ผมต้องการไปอยู่ต่างจังหวัด (ตอนนี้อยู่ กทม.) จึงอยากลงทุนด้วยความเสี่ยงที่สมดุล คือเกิดเหตุ ก็มีที่ไปเตรียมการ หากไม่เกิดก็สามารถอยู่อาศัยได้จริง รบกวนแนะนำ ทั้งแนวคิดและสถานที่ได้เลยครับ

 

ได้ความรู้ใหม่จากคุณหมออีกแล้ว (จริงๆแล้วตามกระทู้นี้มาตลอด อ่านทุกหน้า ได้ความรู้เยอะค่ะ และจากหลายๆท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วย (y)) เรื่องเทียนไข ได้ข้อมูลอย่างไรเดี๋ยวเข้ามาแจ้งให้ได้รับทราบกันค่ะ คงต้องตุนเอาไว้บ้างอย่างที่คุณหมอว่า แผนสำรองค่ะ

 

ถึงคุณ ForFamily...
ขอแชร์ประสบการณ์เล็กน้อยๆนะครับ..

ไม่ทราบว่าจะแนะนำอย่างไรดี???
ผมเชื่อว่า.. ที่ดินแต่ละที่นั้น.. เค้ามีเจ้าของรอเจ้าของตัวจริงให้มาเจอเมื่อถึงเวลาของมัน..

เอาแบบนี้มั๊ยครับ.. วิธีของผมเอง

คุณเคยอธิษฐานจิตดูบ้างมั๊ยครับ..???
ไม่ลองอธิษฐานขอให้เจอเข้ากับที่ที่คุณอยากจะได้ดูล่ะครับ..

เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว..
ผมอยากได้ที่ที่สูงๆ สวยๆ.. แบบที่ใครๆเข้าอยากจะมีที่ต่างจังหวัดกันสักแปลงนึง!!!
( ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องภัยพิบัติอะไรอยู่ในหัวเลยนะครับ.. )

ผมตะเวนดู.. ไล่ตั้งแต่พื้นที่เขาแถวพิษณุโลก..
จนมาถึง.. เทพสถิตย์.. ชัยภูมิ.. จนถึงปากช่อง
หามาก็ 2-3 ปี... ก็ไม่ลงตัวสักที !!!

วันนึง.. พรรคพวกชวนกันสร้างพระ 59 นิ้วถวายวัดกัน..
วันที่ทำบุญฉลองพระก่อนที่นำไปถวายวัด..
อารมณ์อยากได้ที่ดินมาจนถึงจุดอิ่มตัว

ผมเลยอธิษฐาขอพระท่านเลยแหละกัน... 555
คุณทราบมั๊ยครับ.. ว่าผมขออะไรลงไป !!!

จากความอยากได้และประสบการณ์ที่ไปดูที่ดินมาหลายแปลง..หลายปี
ผมอธิษฐานขอแบบ.. ไม่เกรงใจพระท่านเลย ประมาณว่าอยากได้อะไรผมก็ขอ โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าในโลกแห่งความเป็นจริงๆแล้ว..มันมีด้วยหรือ ???

1. ผมอยากได้ที่.. ที่สูงมากกว่า 500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล.. แต่ถ้าสูงสัก 250 เมตรขึ้นมา.. ผมก็หยวนครับ ( นึกกับพระท่านนะครับนั่น ).. เหตุผลเพราะว่า ผมอยากปลูก สนสามใบครับ สนสามใบสำหรับผม เป็นตัวแทนของความสูง&ความหนาว แต่ละปีที่ยอมขับรถขึ้นไปกางเต้นท์ใต้ต้นสนสามใบก็เพราะแบบนี้น่ะครับ.. สนสามใบชอบที่ระดับตวามสูงตั้งแต่ 250 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไปครับ..

2. ที่ที่ผมอยากได้.. ผมอยากมองวิวแบบมองลงมาครับ ไม่ใช่วิวแบบที่ต้องแหงนหน้าขึ้นไปดูวิว.. (แปลว่าที่นี่สูงกว่าบริเวณโดยรอบ)

3. และเมื่อมองลงมาดูวิวข้างล่างแล้ว.. ผมว่ามันน่าจะมีความต่างระดับแนวดิ่งไม่น้อยกว่า 30 เมตร ( แปลว่าจุดที่ผมอยู่ สูงกว่าจะที่ผมมองลงมาไม่น้อยกว่า 30 เมตร )

4. วิวที่ผมมองนี้นะครับ.. ผมอยากได้แบบ มองจากขวามือสุดไปซ้ายมือสุด.. ไม่มีใครมาบังวิวผม.. และผมอยากเห็นวิวเป็นสีเขียวๆ มากกว่าเป็นหลังคาบ้านคน ( เอาเข้านั่น !!!)

5. และจุดที่มองวิวนั่น.. ผมอยากได้เป็นทิศตะวันออกมากกว่า.. หรือถ้าไม่นั่นเป็นทิศเหนือก็ได้ครับ.. เพราะว่า..พอตอนบ่ายๆเย็นๆ ผมกะจะปิ้ง BBQ จะได้ไม่ร้อน..( ดูเหตุผลของผมสมัยนั้นดูสิครับ !! แถม มีเปิดเป็น option เป็นทิศเหนือให้พระท่านด้วย )

6. หลังจากที่ต้องขับรถไกลๆไปดูที่.. ดังนั้นที่แปลงนี้.. ผมอยากได้แบบขับรถไม่เกิน 200 km จากบ้านผมเอง และไม่น่าจะขับรถเกิน 2 ชั่วโมง..

7. จากบทเรียนที่ดินที่เทพสถิตย์บอกผมว่า.. ผมอยากได้ที่ดินห่างจากถนนลาดยางไม่เกิน 1 km ( ที่เทพสถิตย์นั้น.. แปลงที่ดินห่างจากถนนลาดยาง 3 km กว่า )

8. และก็จากบทเรียนที่ดินที่เทพสถิตย์เช่นเดิมที่บอกผมว่า.. ผมอยากได้ที่ดินห่างจากเสาไฟฟ้าต้นสุดท้ายไม่เกิน 300 เมตร ( เพราะว่ายิ่งไกล ก็ยิ่งทำไฟฟ้าเข้าพื้นที่แพง )

9. ข้อสุดท้าย.. ที่ผมขอ ในคำอธิษฐานขอไปนั้นก็คือ... ที่ดินแปลงนี้อย่าแพงนะครับ.. เพราะว่าผมมีงบประมาณจำกัด... 55555

คุณคิดว่า.. จะมีไอ้บ้าที่ไหน ทะลึ่งมาอธิษฐานขอแบบนี้บ้างมั๊ยครับ...???
ตั้งแต่ข้อ 1 - 8 ก็หาสเปคที่จะเจอได้ยากแล้วนะครับนั่น..
ยิ่งมาเจอเข้ากับข้อที่ 9 .... มันชั่งเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับข้อ 1-8 อย่างสิ้นเชิง...

ทั้งหมดนั่น.. คือเหตุการณ์ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วนะครับ.. ไม่ได้เกี่ยวอะไรเรื่องภัยพิบัติเลย..

สรุป.. อีก 1 เดือนถนัดมา หลังจากที่อธิษฐานขอพระท่านไป..

พี่ที่ออฟฟิตผม..เดินมาบอกว่ามีที่ที่ปากช่องแบ่งขาย ก็สวยดี วิวภูเขา ไปดูมาแล้ว..ผมสนใจมั๊ย???
( วันที่พี่เค้าไปดูกันนั้น.. ผมดันอยู่ที่โคเปนเฮเก้น เดนมาร์คโน้นนะครับ เลยไม่ได้ไปดู )

อีก 2 อาทิตย์ต่อมา... ถึงได้จังหวะไปดูที่จริงกับพรรคพวกรุ่นพี่ที่ออฟฟิต..

คุณเชื่อมั๊ยครับ.. ว่าทั้ง 9 ข้อที่ผมอธิษฐานไปนั้น.. ได้มาครบทั้ง 9 ข้อเลย..!!!!!

.................................................................

ที่ดินที่ผมได้ซื้อมานั้น...

- มีความสูง 535 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
- เป็นวิวแบบมองลงมา มีความต่างระดับจากด้านหน้าและด้านข้าง ราว 30 เมตร เป็นวิวที่มองจากซ้ายสุดไปขวามือสุดแบบที่ไม่มีใครมาบังวิว.. และผ่ามา 10 ปีแล้วมองไปก็เจอแต่สีเขียว ยังไม่มีสีหลังคาแบบแสบตามาให้เห็นครับ
- วิวที่สวยที่สุด.. หันไปทางทิศตะวันออก... ทิศเหนือของแปลงที่เป็นถนน
- ที่แปลงนี้ห่างจากบ้านปัจจุบัน 180 km และก็แน่นอนครับว่า ขับรถไม่เกิน 2 ชั่วโมง
- ที่แปลงนี้..ห่างจากถนนลาดยาง 1 km พอดีเลยครับ-
- และก็ห่างจากเสาไฟฟ้าต้นสุดท้าย 300 เมตรจริงๆ.. แต่เวลาเดินไฟฟ้าจริงๆ ต้องเดินไฟ 1 kmจากปากซอยโน้นนนะครับ.. ( ตอนนั้นผมไม่ได้ขอว่าห่างจากเสาไฟฟ้าที่สามารถต่อไฟฟ้าเอามาใช้ได้นี่ครับ... 555 )
- และข้อสุดท้าย.. ซื้อได้ในราคาเบาๆ เพราะว่าเป็นใบ พบท. และ 10 ปีที่มาอยู่ ทั้งหมู่บ้านก็เป็นใบ ภบท ทั้งหมู่บ้าน ทั้งที่คนในหมู่บ้านเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 2500 กว่าโน้นน่ะครับ..

ปล. : อนึ่ง.. หลังจากที่ผมอธิษฐานเสร็จนั้น.. ขนผมลุกซู้..ไปทั้งตัวเลยครับ.. จากประสบการณ์ส่วนตัวผมเองนั้น มันมีความหมายว่า.. "ได้เรื่องล่ะ... แต่ไม่ทราบว่าจะได้แค่ไหน.. แต่พอจะคาดการณ์ได้ว่าต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอนน่ะครับ..!!!"

 

ขนของจากเชียงใหม่ ห่อผ้าพี่นที ทีวี ตู้ทีวีโดยนำของเดิมในตู้ใส่ถุงพลาสติกรวมกันไว้ในตู้ จักรยาน ที่สูบลม ให้คุณเจษฏาทำความสะอาดบ้านและปัดยักไย่ที่ห้องโถงชั้นสองด้วยครับ และนำยาtarivid ear dropที่ไปเปลี่ยนมาด้วยไปเก็บไว้ในตู้ยา
อังคาร แวะซื้อพุกเหล็ก 1/4นิ้วฝังปูนเพิ่ม20ตัว ตัวละ3บาท ,สีเทาทาเหล็กกันสนิมป๋องเล็ก240บาทที่โกลบอล
1500น วัดแนวรั้วขึงลวดสนามโดยให้ตัวขดวงกลมบิดออกไปด้านนอกขอบรั้วแต่ให้วางชิดบนแนวสันกำแพง วาง3ขดระยะรวม90ม. spareไว้1ขด30ม. เชื่อมเหล็กฉากขาตัวVไว้รองรับขดลวดสนามเพิ่มทุกอัน 12อัน
พุธ ให้หนานเดินไฟในตู้ไฟเดิมโดยดูว่าขนาดสายกราวเพียงพอหรือไม่และให้ตัดวงจรที่ไปที่แอมมิเตอร์ออกให้้เดินไฟแบบตู้ไฟบ้านทั่วไปแทนแล้วเข้าไปแก้ไขตู้ไฟในตู้ยาที่มีอาการเดียวกันด้วยครับ
เดินขดหลวดหนามให้เสร็จ3ขด แล้วให้เดินออกไปนอกรั้ว ตัดต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ริมรั้วตลอดริมรั้วกันไฟป่าและเป็นการเปิดร่องนำ้ให้นำ้ไหลตามห้วยข้างบ้านได้สะดวกนำเศษไม้ที่ได้ขนขึ้นรถไปทิ้งที่อื่นห้ามเผาเด็ดขาดเพราะมีนำ้มัน1300ลิตรอยู่หลังบ้าน. เสร็จแล้วกลับเชียงใหม่
สำหรับท่านที่จะซื้อที่ดิน ดีครับ แต่ไม่ต้องคิดมากนักนะครับ เอาอย่างที่คุณเด็กผู้ชายทำน่ะดีสุดผมก็ใช้วิธีเดียวกันครับที่สำคัญเมื่อท่านจะเริ่มทำ ณ เวลานี้ นั่นหมายถึงเงินหลักล้านนะครับ ถ้ายังไม่พร้อมผมแนะนำว่ามีแต่ที่ดินเปล่าๆก็ไร้ประโยชน์ เอาเงินไปเตรียมปัจจัยฉุกเฉินจริงๆที่คาดว่าต้องใช้เวลาเกิดเรื่องจะเป็นประโยชน์มากกว่านะครับ และถ้าท่านคิดแบบทุนนิยมที่ซื้อไว้ก็ไม่เสียหลายเก็บไว้ขายวันหน้าได้ ผมกราบเรียนถามตรงๆว่าท่านจะขายใครครับถ้าท่านเชื่อเรื่องภัยพิบัติแล้วถึงเวลานั้นที่ดินเปล่าๆมันมีประโยชน์อันใดครับ ส่วนโฉนดก็คือเศษกระดาษแผ่นหนึ่งเวลาเกิดเรื่องนะครับ
แต่ถ้าจะคิดทำจริงๆท่านต้องออกบ้านิดๆบ๋องหน่อยๆแล้วต้องจริงจังมากๆนะครับชุ่ยๆไม่ได้จะเสียเงินและเวลาหรือชีวิตเปล่าๆครับมันโหดหินมากนะครับเพราะท่านจะสร้างเป็นบ้านธรรมดาไม่ได้แต่ต้องทำเป็นshelterที่รองรับเหตุการได้ในระดับหนึ่งครับ

 

ขออนุญาต..คุณหมอครับ !!!

ผมว่าปัญหาของหลายๆท่าน ที่ประสพกันอยู่ก็คือ..
ไม่ทราบว่า..ภัยพิบัติที่จะเจอในเร็วๆนี้...

มันเป็นอย่างไร???.. และมีขนาดของภัยใหญ่ขนาดไหน???
เพราะว่า.. ได้ฟังจากคนโน้นว่าที.. อ่านกระทู้นั้นที.. เขาว่าไม่เห็นเหมือนกันเลย ???
ยิ่งอ่าน.. ยิ่งฟังมา.. ยิ่งงง...สับสนในข้อมูลจริงๆ????

ผมขอกลับมาที่จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดก่อน..
โดยขอคุยเรื่อง..

..."เรื่องบอกเล่า vs ความเชื่อ vs ความศรัทธา"....

มุมมองของผมนะครับ.. มันมีขั้นตอนคร่าวๆ คือ..

1. เริ่มจากเราเป็นคนเปิดใจรับฟังเรื่องราวต่างๆรอบๆตัวอยู่เป็นประจำ..
2. เมื่อมีคนๆหนึ่งมาบอกเรื่องราวเรื่องหนึ่งให้เราระวังตัว..
3. เราก็นำสิ่งที่เขาเตือนมาคิดวิเคราะห์ว่าจะเชื่อดีมั๊ย??"" สรุปว่า.. ไม่เชื่อดีกว่า !!
4. พอเวลาผ่านไป.. สิ่งที่เขาบอกว่า..มันเกิดเป็นจริงขึ้นมา
5. คราวที่สอง.. เค้ามาบอกเรื่องที่สองให้ระวังตัวอีก..
6. จะเชื่อมันดีมั๊ยนี่??... เอ!.. แต่ครั้งแรกที่บอกมามันก็เกิดขึ้นนี้หน่า !!
7. คราวนี้.. รับฟังเพิ่มขึ้น.. แต่ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี
8. ครั้งที่สาม.. เค้ามาบอกให้ระวังอีกแล้ว !!!
9. เอ!!... สองครั้งที่แล้ว.. ที่บอกมา..มันก็เกิดนี่หว่า !!!
10. อะ!!... ลองเชื่อเค้าดูสักครั้งสิ!!!.. ก็ไม่เห็นจะต้องลงทุนลงแรงอะไรนี่หน่า !!
11. พอครั้งที่สามก็เกิดแบบที่เค้าว่าเอาไว้เลย... โอ้!! มันแม่นแหะ!!
12. พอเตือนครั้งที่สี่.. ก็มันถูกมาตั้งสามครั้งติดแล้วนี่!!... ขั้นตอนการคิดพิจารณาของเราเริ่มใช้น้อยลงกว่าเก่า แต่ก็ยังคิดอยู่.. สรุปว่า..เชื่อก็แล้วกัน..
13. มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ.. ครั้งที่ห้า.. ครั้งที่หก.. ครั้งที่เจ็ด.. ก็เป็นไปตามที่เค้าเตือนมา
14. พอเตือนครั้งที่แปด.. สมองที่ใช้คิดพิจารณา.. ดูเหมือนมันถูกใช้งานในการคิดวิเคราะห์ถึงเรื่องที่เค้าเตือนมาน้อยมากๆ.. สรุป..เชื่อไปเลยก็แล้วกัน..
15. เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ.. เตือนครั้งที่เก้า.. จนถึงครั้งที่ยี่สิบ.. ซึ่งตั้งแต่ครั้งที่หนึ่งจนถึงยี่สิบนี้.. มันก็เป้นไปตามที่เค้าเตือนทุกประการ..!!!
16. ทีนี้.. พอเตือนครั้งที่ยี่สิบเอ็ด.. เราแทบจะไม่ต้องคิดวิเคราะห์ว่าควรจะเชื่อในสิ่งที่เค้าพูดเตือนมาบ้างมั๊ย??... มันเชื่อแบบสนิทใจไปเลย
17. การเตือนครั้งที่ยิ่สิบสอง.. พูดมาไม่ต้องคิดแล้ว.. เชื่อเลย..!!!

ที่ผมยกตัวอย่างข้างต้นนั้น.. เป็นเรื่องราวปกติทั่วไป ( ในมุมมองของผม )

- เริ่มจากรับฟัง"เรื่องบอกเล่า".. และก็ไม่เชื่ออะไรเลย..
- เมื่อมันเป็นจริงมากๆเข้า.. ก็โดนพัฒนา.. จนกลายมาเป็น"ความเชื่อ"
- เมื่อคนเราเชื่อมากๆเข้า.. ก็จะพัฒนาต่อกลายเป็น.. "ความศรัทธา"

ดังนั้น.. การที่คนเราได้ยิน"เรื่องบอกเล่าใดๆ"
แหล่งข่าวหรือแหล่งข้อมูลที่บอกเรื่องราวนั้น.. มีเครดิตต่อความเชื่อถือของเรามากน้อยเพียงไหน???
ถ้ามีเครดิตแค่กลางๆ..ก็เป็นเพียงแค่ระดับ"ความน่าเชื่อถือ"
หรือมีเครดิตมากๆ ก็จะโดนพัฒนาจนกลายเป็น"ความศรัทธา"ล่ะ !!!

 

ตอครับ..

ทีนี้.. เรื่องความชัดเจนและความถูกต้องของข้อมูล ( ในมุมมองของผมน่ะครับ )

1. เรื่องที่เป็นเรื่องของอนาคต.. ตราบใดที่มันยังไม่เกิด มันหย่อมมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยเกิดจากเหตุปัจจัยในปัจจุบันที่สงผลไปถึงอนาคต..

2. เรื่องราวที่ได้เล่าต่อๆกันมา.. ผมพยายามที่เดินทางไปพบถึงแหล่งข้อมูลจริงๆ ( ต้นทางของข้อมูล ) เพราะว่าการเล่าเรื่องสืบๆกันมาย่อมมีโอกาสที่ข้อมูลจะคาดเคลื่อนได้..

3. ผมจะถือว่า ข้อมูลที่มาล่าสุด คือข้อมูลที่มีความใกล้เคียงกับสิ่งที่จะเกิดในอนาคตมากกว่าข้อมูลดั้งเดิม..

4. ข้อมูลดั้งเดิมสำหรับผม.. ไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์ เพราะว่าใช้บอกแนวโน้นของสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ( แล้วมายืนยันบีบเป้าหมาย ด้วยข้อมูลปัจจุบันล่าสุด )

ดังนั้น.. ข้อมูลชุดเดียวกัน.. รับทราบมาจากแหล่งข้อมูลก็เดียวกัน ในเวลาก็พร้อมกัน..
แต่ละคนยังมีมุมมอง ความเชื่อ ความศรัทธา.. ที่ไม่เหมือนกันเลย

วกกลับมาเรื่องภัยพิบัติ...
มีให้เราอ่าน.. มีคลิปเสียงให้เราฟัง.. จนตาลายหูอื้อไปหมด

คนโน้น.. ก็ว่าได้ยินมาแบบโน้น
คนนี้ก็ว่า.. ได้ยินมาแบบจะๆ

ผมว่า.. เชื่อด้วยสติปัญญาเท่าที่ปัจจุบันจะทำให้เราคิดออกนั่นแหละครับ..
แต่ถ้าคุณอยากจะ upgrade ให้สติปัญญาเรามันคิดอ่านอะไรได้คล่องๆล่ะก็..

มั่น.. ทำความดี.. ละความชั่ว.. แล้วก็ทำจิตใจให้ผ่องใสเข้าไว้
ทำได้ทีละนิดละหน่อยก็ทำไปเถอะครับ.. ได้บ้างหลุดบ้าง ก็มั่นทำเข้าไป..

บวกกับ.. เมื่อเราทำสามอย่างข้างต้นมาแล้ว ก็อธิษฐานขอให้เรามีสติที่เป็นสัมมาธิฐิที่มองอะไรที่ถูก ก็ขอให้เห็นว่าถูก.. อะไรที่ผิดก็ให้เห็นว่าผิด.. ( เพื่อให้เวลาเรามองอะไรมันจะได้ไม่บิดเบี้ยว )

เดี๋ยวสักระยะหนึ่ง.. คุณก้จะเห้นความแตกต่างขึ้นมาเองล่ะครับ..
ยิ่งคุณทำเจ้าสามอย่างข้างบน..มากๆเข้า.. มากๆเข้า..

ทีนี้.. ภัยพิบัติมันเป้นอย่างไร??
เราจะเตรียมตัวอย่างไรกันดี???
เมื่อเจอแล้ว.. เราจะรอดมั๊ย???

ไม่ต้องมีใครมาบอกคุณหรอกครับ!!!...
คุณจะทราบด้วยตัวของคุณเองนั่นแหละ !!!

 

ขอเสริม.. คุณหมอ เรื่อง Energy Bar หรือ อาหารยามฉุกเฉิน

พอดีเมื่อเดือนที่แล้ว.. ผมไปท่าสองยางมาครับ
ขากลับผ่านกำแพงเพชร เลยจอดรถลงไปซื้อพันธ์กล้วยไข่

เลยเจอเข้ากับอาหารยามฉุกเฉิน ฉบับไทยๆ เข้าให้..
ไม่ต้องหุ้งต้มใดๆ.. หิวเมื่อไรก็หยิบกินได้ทันที.. คุณค่าในการให้พลังงานก็มากอยู่.. เก็บเอาไว้ได้นานเสียอีกด้วย แถมราคาก็ไม่แพงแบบของเมืองนอกด้วยสิครับ.. !!!

ผมหมายถึง... "กระยาสารท" ครับ..

ข้าวพอง + ถั่วลิสงเม็ดใหญ่ + งาขาว + ข้าวตอก + เนื้อมะพร้าว + น้ำตาล...
สำหรับผมเองนั้น.. มันชั่งเป็น Energy Bar ยามฉุกเฉิน แบบไทยๆที่ผมว่า Perfect สุดๆจริงๆครับ..

ปล. : ผมก็สนใจจะร่วมสั่งซื้อเทียนไขแบบที่คุณหมอว่าเช่นกันครับ..
จะรวมยอดและโอนสตางค์เมื่อไร.. รบกวนคุณหมอแจ้งให้ผมทราบอีกทีครับ.. ขอบคุณทุกท่านมากๆเลยครับ..

 

เจ๋งมากครับ

ขอบคุณท่านเด็กผู้ชายครับ<O></O>
เป็นวิธีที่เจ๋งมากครับ ผมมีหลวงพ่อที่เคารพศรัทธาหลายองค์เชียวครับ คืนพรุ่งนี้จะเข้าห้องพระนานหน่อยครับ ฮ่าๆ<O></O>
ขอบคุณ คุณหมอพรานครับ<O></O>
<O> </O>
ผมเองเป็นคนกรุงเทพครับ ซื้อบ้านและผ่อนจนหมดแล้ว ของผมเอง 1 หลัง ของคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่กับน้องสาวผมอีก 1 หลัง ผมเองและครอบครัวของผมมีความฝันตรงกันครับ คือ อยากใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด มีอาชีพสมถะ และปลูกผักทำไร่ตามกำลัง ครอบครัวผมเองในปัจจุบันปลูกผัก ปลูกสมุนไพรข้างรั้ว และรอบบ้าน แบ่งเบามื้อกับข้าวเย็นได้เสมอ<O></O>
อีกปีครึ่งคุณพ่อจะเกษียณอายุงาน และได้เงินสะสมพอสมควร หากเกิดภัยพิบัติขึ้นจริง เสียดายแทนคุณพ่อเลยครับ จะให้เกษียณก่อน แกไม่ยอมแน่นอนครับ<O></O>
ด้วยการที่เราทั้งหมดมีบ้านอยู่ในกรุงเทพ (บางขุนเทียน-ชายทะเล) ไม่ต้องเป็นศิษย์สำนักอาจารย์ใดก็ทราบชะตากรรมตัวเองครับ ว่าต้องเสียบ้านไปให้น้องน้ำก่อนลูกชายคนโตผมได้บวช เพราะเหตุทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ด้วยประสบการณ์มนุษย์ธรรมดา น้ำล้นฝั่งแน่ๆครับ (แต่ทำไมบ้านขึ้นเต็มเมือง แบบแพงระยับ)<O></O>
<O> </O>
เหตุนี้แม้จะไม่เกิดภัยตามทำนาย ผมและครอบครัวก็พุ่งเป้าไปที่ต่างจังหวัดเพื่อลงหลักปักฐานอยู่ดีครับ <O></O>
เรื่องใหญ่ของผมจึงอยากลงทุนที่ดินบนพื้นฐานของความไม่เสี่ยง จึงมุ่งไปที่ดินแบบมีโฉนดครับ

 

ผมขออนุญาต “ย้ำ” ครับ ว่าผมเชื่อว่าน้ำท่วมกรุงเทพแน่นอน แต่ภัยพิบัติตามทำนาย ผมวางตนอยู่ในโซนฟังอย่างไม่ประมาทครับ มีเพื่อนผมหนึ่งคนเชื่อเรื่องนี้มาสิบปี และเหตุการณ์เลื่อนมาตลอด ปัจจุบันเป็นหนี้ “สามล้านบาท” เพราะเขาเชื่ออย่างมากครับ เขาจึงใช้ชีวิตสุดโต่ง และตอนนี้เขามีแต่ที่ ภบท. โดยยังไม่มีโครงสร้างการหลบภัย<O</O
ล่าสุดผมไปดูที่ดินเขาสอยดาวกับคณะหนึ่ง มันยังถามผมว่า “เอางัยดีวะ” <O></O>
<O> </O>
ผมเองมีลูก 2 คนครับ มีพ่อแม่วัยเกือบ 60 มีคุณย่าวัย 90 มีน้องสาววัย 35 แกมีลูกสาว 1 คน น้องผมเสียสละไม่ทำงานประจำเพื่อดูแลลูกแก ลูกผม แม่ และย่า ผมเลือกที่จะพาทุกคนไปหมด หรือผมควรทิ้งใครไว้ ผมจึงไม่สามารถไปซื้อที่ดินที่ยังไม่พร้อมได้ครับ ( นี่เป็นข้อที่ต้องตั้งจิตอธิษฐานของผมครับ คุณเด็กผู้ชาย)<O></O>
ส่วนภรรยาผม จะพาแม่อายุ 60 หลานสาว อายุ 21 พี่สาวและลูกชายแกอีก 2 คน รวมถึงน้องชายและน้องสะใภ้ เบ็ดเสร็จผมต้องเตรียมเสบียงและที่พักสำหรับคนเกือบ 20 คน แม้ว่าบางคนไม่เชื่อ แต่แฟนผมบอก ต้องเตรียมเผื่อ ...พระเจ้า.....<O></O>
<O> </O>
ถ้าไม่เกิดเหตุต้องอยู่ได้จริง แบบไม่ลำบากนัก เพราะมีทั้งเด็กทั้งคนแก่<O></O>
<O> </O>
เพื่อนกลุ่มผมเสนอว่า เราอาจไปทำสัญญาเช่าที่ของชาวบ้าน แต่ผมเกรงเรื่องการเข้าไปเตรียมการ (ไฟฟ้า ที่พัก น้ำประปา) และการเก็บรักษาของ คือกลัวขโมยครับ บอกตามตรง<O></O>
จึงมีแนวคิดซื้อที่จัดสรร ราคาสูงครับ ได้ที่น้อยด้วยครับ แต่ตอบโจทย์เรื่องการเข้าไปเตรียมการ มีไฟ มีน้ำรอ (ผมเห็นว่าเวลาเหลือน้อยครับ อยากให้เสร็จที่ตุลาคม) และมีการดูแลทรัพย์สินในระดับหนึ่งครับ อีกอย่างถ้าเป็นที่ดินจัดสรร “ผ่อนได้” ครับ แบบว่าถ้าเกิดภัยตามทำนายจริง ก็ผ่อนไปอีกไม่กี่เดือนครับ ฮ่าๆ<O></O>
<O> </O>
ผมเก็บเสบียงทั้งของกิน อาหาร ยาและเสื้อผ้า รวมถึงรายการที่ลิสจากแหล่งความรู้ต่างๆ ทั้งนาซ่าและจากเวปไซต์ต่างๆ<O></O>
เพราะผมไม่อยากซ้ำรอยตอน “น้ำท่วม”

 

ช่วงนั้นทุกท่านคงทราบว่า แค่ "จะท่วม" คนยังตื่นตระหนกกันขนาดนั้น<O></O>
ห้างโลตัส บิ๊กซีที่ว่าใหญ่ๆ เกิดภาพ "ชั้นวางของร้าง" นี่เรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่นาน แฟนผมจึงอนุมัติงบรายเดือน ปันมาซื้อของจากแมคโครเก็บทุกเดือน (ประมาณเดือนละ 1 หมื่นบาท)โดยยึดวันหมดอายุเป็นเกณฑ์พิจารณา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมคงทยอยทำตามกำลังทรัพย์ ผมต้องรับผิดชอบคนประมาณ 20 คน ถือว่าสาหัสพอสมควร แต่ครอบครัวผมและแฟนไว้ใจในสิ่งที่เราทำ เพราะหากไม่เกิดอะไรขึ้น เราก็บริจาคของไปเหมือนตอนหลังน้ำท่วม (บ้านผมรอดครับ) ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย ถือเป็นการทำทาน<O></O>
<O
เรื่องตู้คอนเทนเนอร์ เตรียมติดต่อทางชลบุรีครับ แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้ และกังวลเรื่องการขนส่งไปทางภาคเหนือ ช่วยแนะนำด้วยนะครับ<O></O>
ส่วนเรื่อง “บ้า” นั้น ในหมู่เพื่อๆผมเป็นที่ทราบวีรกรรมผมเป็นอย่างดีครับ ว่า “บ้า” แน่นอนครับคุณหมอ<O></O>
ให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้อีกนะครับ ขอบคุณครับ

 

มีที่ดิน 100 ตร.วา ใกล้มหาวิทยาลัยสุรนารี(มทส) แถววัดชัยมงคล ใกล้สวนสัตว์ อ.เมือง โคราช ห่างจากชุมชนพอควร ถ้าไม่มีภัยพิบัติมาอาจจะรู้สึกว่าไกลชุมชนนิดนึง (แต่ชุมชนกำลังขยายมาหา) แต่ถ้าภัยมาจะปลอดภัยจากผู้คน เป็นที่ดินจัดสรรขาย แต่ไม่จัดสาธารณุปโภคให้ สนใจติดต่อทางอีเมล์ค่ะ(rojanasara@gmail.com)
ที่ดินใกล้ๆ ติดแถวนั้นมีคนทำการเกษตรหลายอย่าง ไฟฟ้าเดินเข้าไปใกล้แล้ว ส่วนน้ำประปาคงยังไม่มี เจาะบาดาลหรือขุดบ่อน่าจะโอเค
ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ ต้องการมากกว่าหนึ่งงาน จะถามเพื่อนที่มีที่ติดกันให้ค่ะ
ที่ดินโฉนดพร้อมโอนค่ะ

 

เรื่องเทียน วันนี้จะเอารูปมาลงให้ดูก่อนนะคะ ว่าใช่ที่คุณหมอต้องการและพูดถึงหรือไม่ พอดีว่ามันมีหลายแหล่ง รูปที่จะเอามาลงให้ดู เป็นเทียนที่เค้าใช้จุดบูชาที่ "วัดพระบรมธาตุบ้านตาก" ให้พี่สาวไปบูชาอยู่คะ (ตอนนี้เลย)

ได้อ่านความคิดเห็น&ข้อเสนอแนะเรื่องที่ดินของ คุณเด็กผู้ชาย ก็น่าสนใจอยู่ ตัวดิฉันเองอยู่ที่ จ.ตาก(ใกล้เกลือกินด่าง) ยังไม่รู้จะเตรียมที่ดินที่ไหนเลย ก้ออย่างที่คุณหมอบอก มีแต่ที่ดินเปล่าก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้ ถ้าไม่ได้เตรียมที่พักอาศัยแบบหลบภัย

2-3 ปีที่ผ่านมา ได้ตระเวณดูที่ดินหลายที่มาก ที่ไปดูไม่ได้เกี่ยวกับภัยพิบัติค่ะ แค่อยากได้ที่ดินที่เห็นวิวสวยๆ(ไม่ได้อธิษฐานขออะไรที่ไหน เอาแบบที่เราชอบและไปตามดวงค่ะ) ไปดูที่ชัยภูมิก็หลายที่ ปรากฎว่ามีเหตุให้ไม่ได้ซื้อ เข้ามาใกล้อีกหน่อย ที่น้ำหนาว เพชรบูรณ์ ไปน้ำหนาวแบบนับครั้งไม่ถ้วน หลายที่ถูกใจ ที่หลายผืนที่ตกลงใจซื้อ แต่มีเหตุให้ไม่ได้ซื้อ เจ้าของหลอกลวงมั่ง ที่ดินติดคดีไม่สามารถซื้อขายได้มั่ง มีอยู่ที่นึง หนึ่งในสามของที่ดินที่สูงที่สุดของน้ำหนาว แต่ไม่ได้วัดความสูงจากระดับน้ำทะเลว่าเท่าไร? เพราะอย่างที่บอก ไม่ได้นึกถึงเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ ที่ดินสวยมาก 42 ไร่ (ไม่มีโฉนด ถ้ามีคนบอกว่ามีที่ดินที่อ.น้ำหนาวพร้อมโฉนดนั่นคือหลอกลวงนะคะ) วิว 360 องศา มองได้ไกลเป็น ร้อยกิโลเลย มองเห็นตัวเมืองจ.ชัยภฺมิ ตกลงวางเงินมัดจำ นัดวันที่จะมาเจอกับเจ้าของเพื่อทำสัญญาซื้อขาย ปรากฎว่า เจ้าของไม่มา ก็เป็นเหตุให้ไม่ได้ซื้ออีก ไปดูที่เชียงใหม่ หลายที่เหมือนกัน มีเหตุต้องไม่ได้ซื้อตลอด ทั้งๆที่เราก็พร้อมที่จะซื้อ จึงมาคิดว่า มีเหตุอะไรมาทำให้เราไม่ได้ซื้อ อาจจะเป็นเพราะต้องซื้อตอนนี้เพื่อเตรียมสำหรับภัยพิบัติรึป่าว เเอบเข้าข้างตัวเอง

ตอนนี้เลยมาถึงคำถามที่ว่า ทำเลที่ไหนเหมาะสำหรับสถานการณ์ตอนนี้(สำหรับหลบภัย) ขออนุญาตคุณหมอพรานเรื่องที่ดินที่ลี้ หลังจากอ่านมาหลายกระทู้ และตามกระทู้นี้มาตลอด ได้แรงบันดาลใจว่า อยากได้ที่ดินที่ลี้(ตามคุณหมอพราน อิอิ)หลายแหล่งข้อมูลบอกเป็นจุดหนึ่งที่สามารถใช้เป็นที่หลบภัย แต่จะมีเรื่องความหนาวตามมาด้วยเพราะว่าสูง สรุปตอนนี้เลยไม่ได้ซื้อที่ไหนเลย และกำลังคิดว่า ตอนนี้ช้าไปแล้วหรือไม่ที่จะเตรียมการ ตอนนี้ได้แต่เตรียมพวกของยังชีพ ขาดแต่ก้อ Shelter นี่ละคะ

หากท่านใดมีความกรุณามีคำแนะนำ เรื่องที่ดินช่วยสงเคราะห์บอกหน่อยได้มั้ยคะ ว่าทำเลที่ไหนดี ลี้ ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ที่ไหนดี?


เรื่องที่ดินหลบภัยไม่คืบหน้า:'( เพราะว่า ตอนนี้ตัวดิฉันเองกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนแล้วค่ะ ไม่สามารถเดินทาง ไปดูที่ดินได้ สามีไม่อยู่ค่ะ เค้าอยู่ต่างประเทศ เป็นชาวต่างชาติค่ะ ชาว Canada ตัวเองก้อไปดูที่ไม่ได้ คนขับรถพาไปก็ไม่มี จากนี้ก็ใกล้จะคลอด เเละต้องดูแลลูกอีก มีแม่ที่อยู่ด้วยกัน อายุ 83 ปี คิดอยากให้ทุกคนมีที่หลบภัย เวลาก้อดูเหมือนคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที แต่ยังมีใจที่จะเตรียมนะคะ เราไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ เพราะฉนั้นไม่น่ามีคำว่าสายเกินไป ถูกมั้ยคะ

 

ที่หลบภัยทางอีสาน

ปีที่แล้วดิฉัน มีประสบการณ์การใช้ชีวิตเรื่องน้ำท่วมอย่างดีเลยค่ะ อยู่กะน้ำมาตั้งแต่วันแรกที่น้ำมาจนวันที่น้ำลาจาก วันสุดท้าย.............
ดีที่ตอนที่น้ำยังไม่มา ตัดสินใจขนของจากชั้นล่าง ขึ้นไปเก็บชั้นสองหมดเท่าที่ขนได้ แต่ไม่ได้ซื้ออาหารมาตุน===>พอตัดสินใจจะไปซื้อ ผลก็เป็นอย่างที่ทราบกัน ข้าวของหายไปจากชั้นวางของหมดเลย ดีที่พอมีเก็บไว้ตอนลดราคา แต่ที่รอดมาได้เพราะมีแม่ค้าพายเรือขายอาหารแวะมาที่บ้านทุกวัน

ตอนนี้ ดิฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านน้ำท่วมแล้ว แต่อยู่ที่หนองบัวลำภู เพราะตกลงกับพี่ชายว่าจะไปอยู่ดูแลแม่

เพิ่งมาตัดสินใจที่จะเตรียมตัวรับภัยพิบัติเมื่อกลางเดือนสิงหานี้เอง.....เพราะมาคิดว่า ถ้าเกิด==>จะเป็นยังไง และถ้าไม่เกิดและเตรียมของไว้แล้วคงไม่เสียหายอะไร (เข้าใจความรู้สึกของคุณForfamily ได้เป็นอย่างดี)

จากการตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง
1. จากพระคุณลุง น่ากลัวมาก ภาพที่ท่านเห็นทางภาคเหนือ ต้องเตรียมรับทั้งแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินถล่ม พายุลูกเห็บยักษ์
==>หลบภัยภาคเหนือดีกว่าอีสาน อีสานจะมีปัญหาเรื่องน้ำเค็มเพาะปลูกไม่ได้
2. ท่านอัญญาสิทธฺ์ ท่านNirvana k-97 และพระอาจารย์รัตน์ จะเกิดภัยหนักเช่นกัน แต่หลบภัยภาคอีสานดีกว่า โดยเฉพาะอีสานตอนบน มีแผ่นดินไหวไม่มาก พายุฟ้าผ่า/ลูกเห็บไม่หนักมากเท่าภาคเหนือ มีน้ำท่วมจากฝนตก 3-7 วัน ต้องระวังน้ำท่วม ให้เลือกพื้นที่สูงๆไว้ ห่างทางน้ำไหล
ท่านให้ห่างๆจากชุมชน จากปากช่อง ระวังโรคระบาด(เช่นเดียวกับพระคุณลุง) ระวังภัยจากการปล้นสดมภ์แย่งชิงอาหาร
จากประสบการณ์ที่อยู่ภาคอีสานมานานหลายสิบปี(ไปอยู่กทม.และสายสี่ สิบปี) อีสานไม่ได้มีดินเค็ม ตลอดไปหมดทั่วทั้งภาค จะมีเป็นเพียงบางแห่งเท่านั้น มีหลายแห่งที่ปลูกพืชได้เช่นเดียวกับทางเหนือ ทั้งลำไย เห็ดหอม ทุเรียน มะเขือเทศ ฯลฯ และยังปลูกพืชแบบทางใต้ได้ด้วย

โดยส่วนตัวคิดว่าอีสานน่าจะดีกว่าทางเหนือ ตอนอ่านข้อมูลของพระคุณลุงก็วิตกกังวล แต่เมื่อตรวจสอบจากท่านอัญญาสิทธิ์ nirvana และk-97 แล้วสบายใจขึ้น

คิดน่าจะพออยู่กันได้ มีภัยน้อยกว่าทางเหนือ แต่ต้องตรวจสอบเรื่องทางน้ำผ่านและดินเค็มให้ดี เรื่องน้ำก็น่าจะมีปัญหาไม่มาก ยกเว้นกรณีสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ-นิวเคลียร์ รังสี สารกัมมันตรังสี ฯลฯ
ทางอีสาน น่าจะมีข้าวให้อาศัยกินได้มากกว่า ถ้าสภาพอากาศไม่สุดขั้วหรือย้ายขั้วเข้าสู่เขตหนาว

เขียนมาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เตรียมเสบียงอะไรเลย แฮ่ๆๆๆๆ เพราะเพิ่งมาคิดได้ หวังว่าจะไม่สายจนเกินไป

ส่วนที่ดินที่บอกคุณforfamilyไปนั้น ตรวจสอบจากแผนที่น้ำท่วมแล้ว สูงพ้น230เมตรค่ะ แต่ต้องไปเดินไฟและขุดเจาะน้ำเอง ซึ่งหากมีภัย ยังไงก็ต้องเจาะน้ำเองอยู่แล้ว
มีอีกหนึ่งที่ ที่จังหวัดสุรินทร์(ที่นี่มีข้าวให้กินชัวร์ ส่วนพืชผักก็ปลูกกินเอง) มีไฟฟ้าและน้ำประปาถึงแล้ว แต่ระดับความสูงจะไม่ถึง230เมตรจากระดับน้ำทะเล และราคาจะสูงกว่ากันมาก ถ้าปลูกบ้านต้องยกพื้นสูงๆ

หรือหากต้องการที่แถวหนองบัวลำภู(ถ้าไม่เกิดภัยพิบัติ จะไกลไปหน่อย และอาหารสำเร็จที่ซื้อทานได้เลยจะหายาก) ก็แจ้งได้ จะให้คนเขาหาให้

ที่สำคัญคือถ้าไปทางเหนือตอนนี้คงจะเตรียมที่หลบภัยหนัก(ทั้งนั้น)ไม่ทัน.........
ถ้าอยากได้วิวสวยด้วย ให้ไปทางน้ำหนาว เขาค้อ ภูเรือ เลย เชียงคาน(เขตใกล้ๆเขา)

 

นี่เป็นเทียนขี้ผึ้งที่ทางวัดมีไว้ให้เราบูชาและจุด ตอนที่เราไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดพระบรมธาตุบ้านตาก ให้บูชาเล่มละ 20฿ มีลงอักขระด้วย(ขลังดี) ขนาดจะประมาณ 1.5cmX20cm คลาดเคลื่อนจากขนาดที่คุณหมอระบุไปนิดหน่อย ต้องการอยู่มั้ยคะ?


ทั้งคุณหมอและท่านที่สนใจ สามารถสั่งซื้อได้ค่ะ รวบรวมออเดอร์มาทั้งหมด แล้วดิฉันจะไปซื้อและจัดส่งให้นะคะ ไม่ได้คิดอะไรในการช่วย ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ก้อแค่กลุ่มคนที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน แบ่งปันข้อมูลซึ่งกันและกัน อันไหนที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ก้อจะทำค่ะ


แต่ถ้าใครที่เดินทางผ่านจ.ตากอยู่แล้ว อยากมาสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (จริงๆมีรอยพระพุทธบาท และรอยพระหัตถ์ ด้วยนะคะ แต่อยู่อีกวัดหนึ่ง ไม่ไกลกันมาก ถ้าอยากมาเดี๋ยวให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ) ได้ทำบุญ และก็จะได้บูชาเทียนตามที่ต้องการไปด้วย สบายใจได้ 2 ต่อเลย

 

ที่ดิน เด่นเหม้า ต. แม่ลาน อ. ลี้ ความสูง ประมาณ 350 เมตรขึ้น
ไม่มีเอกสารสิทธิ พอหาได้ ถ้าสนใจต้องไปดูที่เอง ติดต่อsaemsawat@Gmail.com

 

ต้องขอขอบพระคุณในความตั้งใจของคุณnature life ที่เป็นธุระให้ครับ ผมจะขับรถลงจากเชียงใหม่ช่วงกลางเดือนหน้าเพื่อมาpackของเตรียมไป alaskaครับแล้วผมจะแวะซื้อเทียนที่จ.ตากครับ
ผมออกเดินทางไปalaskaวันที่26กย.55เวลาตี3ครับ โดย c130ไปลงManila กินช้าวเที่ยงแล้วเติมนำ้มันแล้วออกเดินทางไปญี่ปุ่นคงถึงตอนค่ำๆครับ นอนที่yokota 2วันแล้วไปต่อที่misavaเติมน้ำมันแล้วตรงเข้าanchrageเลยครับอยู่ที่นั่น1เดือนเต็มๆ ขากลับบินเลาะชายฝ่ังตะวันตกอเมริกาผ่านseatleมาที่Sanfran นอน2วัน. ต่อมายังฮาวายมาmidway มากวม แล้วลงmanilaแล้วจึงเข้าไทยครับเส้นทางโหดมากนะครับบินกันทั้งวันทั้งคืนเครื่องก็เก่ามากๆแต่ลูกเรืิอใจถึงเกินร้อยหมอเลยต้องเอากับเขาด้วยเป็นงัยเป็นกันขอให้รอดจากฉลามกลางแปซิกฟิกก็พอครับมันดุมากๆผมเคยปะหน้ากับมันมาแล้วครั้งหนึ่งที่เกาะkavajalien Marshall islandหน้ากลัวมากๆครับ. ผมชอบalaskaมากๆเพราะมันเถื่อนดีทุกคนถือปืนหมดแบบคาวบอยเลยครับภาษาก็อังกฤษเพี้ยนๆแบบรัสเซียของกินแสนถูกและไม่มีVATแล้วคนก็จริงใจแบบไอ้กันบ้านนอกว่าวกันซื่อๆโกงกันไม่มีจะซื้อของไม่มีเงินพอพรุ่งนี้เอามาจ่ายได้เอากับมันซิครับต่อราคาก็ได้แม้แต่ในmallผมยังต่อราคาได้เลยครับมันเถื่อนดีมากๆครับชอบจริงๆ

 

ขอให้คุณหมอพราน4141 เดินทางไปและกลับ อย่างปลอดภัย

 

ณ. เวลานี้จะหาที่หลบภัยนั้นต้องคิดถึงปัจจัยหลายๆด้านทางกายภาพ ที่สำคัญคือน้ำไม่ท่วม แผ่นดินไหวไม่มากและพ้นจากแนวดินโคลนถล่ม. ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานนั้นเป็นเรื่องรองที่เอ่ยถึงที่ดินจัดสรรน่ะครับมันอยู่สวนทางกับที่เราต้องการมากๆเอาแค่ปัญหาคนในโครงการถ้าไม่ใช่อุดมการเดียวกันแล้วมันจะยุ่งมากเลยสู้ไปอยู่ไกลผู้คนหน่อยแต่สบายใจกว่ากันจะดีกว่าครับที่อ.ลี้ไม่มีที่จัดสรรในขณะนี้ครับแต่เมื่อ4ปีก่อนนั้นเคยมีที่แถวป่าพรุแต่เจ็งไปแล้วครับที่ผมดูว่าเข้าท่าก็ที่บริเวณเขาค้อครับมีรีสอร์ตขายอยู่หลายที่แต่ก็แพงเอาเรื่องดูไม่คุ้มเลยครับส่วนที่พระพุทธบาทห้วยต้มก็ไม่แนะนำเพราะอยู่ด้วยยากครับไม่เหมาะกับคนกรุงอย่างเราเท่าใดนักและถ้าอยากจะมาอยู่ใกล้กับผมมันก็ไม่มีใครเขาขายเลยครับในขณะนี้ ผมแนะนำว่าที่ใดก็ได้ ขนาดสัก1งานก็พอแล้วสั่งตู้คอนฯไปลงไว้เลยจากนั้นก่อกำแพงปิดล้อมรอบที่วางลวดหนามบนกำแพงติดnetแบบจานดาวเทียมแล้วติดกล้องดูผ่านมือถือร่วมกับระบบกันขโมยรอบที่ และไปติดต่อตำรวจในพื้นที่ให้มาวางตู้แดงทึ่หน้าบ้านจ่ายรายเดือนเอาและขอเบอร์โทรฯไว้เวลามีคนเข้ามาเราก็โทรแจ้งได้ทันทีครับ
แล้วเวลาเกิดเรื่องระบบสาธารณูปโภคคงจะพึ่งพาอะไรไม่ได้หรอกครับ. ดังนั้นน้ำต้องเจาะเองไฟฟ้าต้องทำเองทั้งหมดแล้วไอ้ที่หวังว่าจะไปปลูกข้าวผักกินเองนะแสดงว่ายังตีโจทย์ไม่แตกครับท่านต้องตุนอาหารและน้ำดื่มไว้ให้พออยู่ได้สัก6เดือนก่อน. ส่วนมีการเตรียมที่ฮ่มโคสีที่นั้นผมพิเคราะหลักการสร้างแล้วกลุ้มใจแทนก็พี่แกเล่นสร้างเพิงกลางป่ากลางทุ่งๆแบบพวกแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสฯสมัยรบกับทหารเช่นนั้นก็ตีโจทย์ไม่แตกอีกก็เล่นสร้างชุ่ยๆง่ายๆแล้วจะไปกันอะไรได้มากครับผมเห็นหลายๆคนใส่เสื้อชอปวิศวะแต่ท่านทำได้แค่นี้เองหรือครับมันไม่ต่างกับเพิงพักทหารป่าเลยกันโรคระบาดก็ไม่ได้แผ่นดินไหวก็พังน้ำป่ามาก็วอดดูแล้วเหมือนคิดกันง่ายๆๆจริงๆเลย น่าจะมีการวางแผนการก่อสร้างให้แข็งแรงกว่านี้ครับด้วยความรู้ที่ท่านเรียนมาน่าจะเป็นระบบมากกว่านี้ครับ
แต่ไหนๆยังจะยืนยันที่จัดสรรผมมีที่ที่พวกนายพลทหารอากาศมารวมกลุ่มกันที่อ.สันป่าตองมีพยาบาลทอ.เก่าเป็นหัวหอกครับอยู่หลังกาดสลากมีนำ้ไฟและยามพร้อมราคาไม่แพงแค่บอกว่ามาจากหมอพรานเชียงใหม่เขาจะลดราคาได้มากๆให้ครับเบอร์โทรผมติดเอาไว้ก่อนครับที่ตรงนี้มีหมอที่ภูมิพลมาอยู่กันมากพอสมควรครับ