ประวัติ และอภินิหารย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ศิษย์ 3 ต.

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย hellotawan, 10 กรกฎาคม 2012.

  1. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]

    กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อบอกเล่าประวัติ เรื่องราวอภินิหารย์ วัตถุมงคล ประสบการณ์ และแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ ของผู้ที่สนใจศรัทธาในหลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม เกจิสุพรรณบุรี เนื่องจากหลายท่านยังไม่ทราบประวัติความเป็นมา และเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่ ด้วยท่านเป็นพระที่ปิดตัวพิสมควร แต่ยังไม่สายที่หลายๆ ท่านจะได้รับรู้รับทราบเรื่องราวของท่านว่า ศิษย์ ๓ ต. ของหลวงปู่กวยท่านคือใคร ลูกบุญธรรมของหลวงปู่อิ่มที่ท่านเลี้ยงดูแต่เล็ก ทั้งยังมอบตำราไว้ให้ก่อนมรณะภาพ พระผู้ครอบครองน้ำมันว่านหลวงพ่อกวย ผู้สำเร็จวิชางู เต่าเรือน นางกวัก ดวงแก้วสีวลี พระผู้มีอภิญญา สำเร็จกสินไฟ ถูกทำร้ายถึงสามครั้งแต่ไอยู่ใช้กรรม

    ทุกท่านสามารถติดตามอ่านเรื่องราวได้จากกระทู้นี้ และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล สอบถามเรื่องราวต่างๆ รวมถึงวัตถุมงคล ที่ท่านสร้างไว้ได้จากที่นี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2012
  2. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]
    หลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา สุพรรณบุรี ผู้เป็นทั้งพ่อ และครูคนแรกของหลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม

    หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม ท่านสืบวิชามาแต่ หลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา หลวงปู่แขก วัดหัวเขา หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม หลวงพ่อจวน วัดไก้เตี้ย หลวงพ่อเย็น วัดสระเปรียญ หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข

    [​IMG]

    หนังสือประวัติ อภินิหาร และวัตถุมงคลของหลวงปู่ตี๋อย่างเป็นทางการ ซึ่งในหนังสือดังกล่าวจะมีประวัติเรื่องราวของปลวงปู่ตี๋ตั้งแต่วัยเยาว์ การเดินทางไปเรียนวิชากับครูบาอาจารย์ การออกธุดงค์ จนกระทั่งมรณภาพบนตักของศิษย์รักเพียงคนเดียว และศิษย์ผู้นั่นยังเป็นลูกบุญธรรมของท่านที่ท่านเลี้ยงดูมาแต่เด็ก นอกจากนั้นยังได้รวบรวมภาพวัตถุมงคล ประวัติการสร้างวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับอย่างเป็นสากล ตลอดไปจนถึงอภินิหารที่เกิดขึ้น ถ่ายทอดจากศิษย์ผู้ติดตามท่านไปออกธุดงค์ยังที่ต่างๆ จากคำพูดออกมาเป็นตัวหนังสือให้เราได้รับรู้รับทราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  3. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    พ่อบุญธรรม และอาจารย์ท่านแรก

    [​IMG]

    หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม (พระวิทยา น้ำดอกไม้) เป็นบุตร คุณพ่อห้อย น้ำดอกไม้ และคุณแม่ กิมบี้ แซ่แต้ มีพี่น้อง 4 คน หลวงปู่ตี๋ เป็นพี่ชายตนโต พ่อของหลวงปู่เป็นช่างปั้นมักได้รับงานปั้นตามวัดต่างๆ เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ไปรับงานปั้นกับหลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา พ่อของหลวงปู่มักพาหลวงปู่ไปทำงานด้วยเสมอ เมื่อพามาบ่อยๆ หลวงปู่อิ่มท่านเห็นเป็นประจำ จึงเกิดความรักเอ็นดูเด็กชายวิทยาเป็นอย่างมาก จึงขอเด็กชายวิทยามาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม ป้อนข้าว ป้อนน้ำ รักดุจเป็นบุตรในใส้

    มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่อิ่มท่านได้กล่าวบอกคุณพ่อห้อยผู้เป็นบิดาของเด็กชายวิทยาว่า "ห้อย อีกหน่อยไอ้ตี๋ผู้นี้ ต่อไปจะบวชไม่สึก" แล้วได้มอบตำราไว้ให้กับพ่อห้อย 1 เล่ม เพื่อให้เก็บรักษาไว้ให้ หลวงปู่ตี๋ ในเวลาต่อมา จนหลวงพ่ออิ่มท่านมรณะภาพ

    นี่คือปฐมบท จุดเริ่มต้นจากเด็กชายวิทยา น้ำดอกไม้ มาเป็นพระอธิการวิทยา


    หลวงปู่แขก วัดหัวเขา

    [​IMG]

    ครั้งเมื่อสิ้นหลวงปู่อิ่มแล้ว เจ้าอาวาสองค์ต่อมาคือ หลวงปู่แขก ก็ทำการเลี้ยงดูอุปการะต่อจนกระท่านเด็กชายวิทยาอายุได้ ๑๕ ปี หลวงปู่แขกจึงได้ทำการบวชเณรให้แก่เด็กชายวิทยา และเมื่อสามเณรวิทยาอายุได้ ๒๐ ปีก็ทำการอุปสมบทให้เป็นพระวิทยา โดยมีหลวงปู่แขกเป็นพระอุปัชฌาย์ ณ อุโบสถวัดเขาพระ แล้วจึงมาจำพรรษากับหลวงปู่แขกที่วัดหัวเขา ในระหว่างนี้หลวงปู่แขกได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ที่ท่านเรียนมากับหลวงปู่อิ่ม สอนอักขระขอม เลขยันต์ และวิชาต่างๆ ในระหว่างนี้พระวิทยาก็มักขอหลวงปู่แขกออกธุดงค์อยู่บ่อยครั้ง ท่านเรียนกับหลวงปู่แขกจนหมดสิ้น เรียกว่าไม่มีอะไรจะสอนกันแล้ว หลวงปู่แขกจึงได้แนะนำท่านให้ไปหาหลวงพ่อมุ่ย แห่งวัดดอนไร่เพื่อต่อวิชา เนื่องจากหลวงพ่อมุ่ยเองท่านก็เป็นศิษย์ที่ได้เรียนวิชามากับหลวงปู่อิ่มเช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2013
  4. jumpi

    jumpi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +81
    ใครไปบ้างเจอกันที่งานนะครับ
     
  5. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    เรียนเชิญน่ะครับ งานนี้จัดเป็นการช่วยเหลือลูกศิษย์ลูกหา และผู้ศรัทธา ในงานนี้ยังมีการประมูลวัตถุมงคลหายากหลายรายการครับ แว่วๆ ว่าอาจมีผ้ากราบของหลวงพ่อกวยที่หลวงปู่ตี๋เก็บรักษาไว้มาร่วมประมูลด้วย เพื่อหารายได้สร้างกำแพงรอบพื้นที่สร้างสำนักสงฆ์ครับ นอกจากได้เสริมดวงแล้วยังได้รับแจกวัตถุมงคลอีกด้วย
     
  6. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]

    ต่อวิชากับหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่

    หลังจากหลวงปู่ตี๋ได้เรียนสรรพวิทยาต่างๆ จากหลวงปู่แขก วัดหัวเขาจนหมดสิ้นแล้ว หลวงปู่แขกจึงได้แนะนำให้ไปต่อวิชากับหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร เมื่อปี 2497 เนื่องจากท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้ไปร่ำเรียนวิชามาจากหลวงปู่อิ่มเช่นกัน หลวงปู่ตี๋จึงได้เดินทางไปยังวัดดอนไร่ เพื่อไปกราบฝากตัวกับ หลวงพ่อมุ่ย เพื่อเรียนวิชาตามคำแนะนำของหลวงปู่แขก เมื่อหลวงพ่อมุ่ยพบหน้าหลวงปู่ตี๋ท่านถึงกับอุทานออกมาว่า "อ้อ.. ลูกพ่อครูนี่เอง"

    หลวงพ่อมุ่ยพร่ำสอนวิชาต่างๆ ให้กับหลวงปู่ตี๋ แบบหมดใส้หมดพุง ให้ทั้งความรัก ความเอ็นดู หลวงปู่ตี๋ เป็นอย่างมาก ถึงกับชักชวน หลวงปู่ตี๋ มาเป็นเจ้าอาวาส วัดกระเสียว เมื่อปี 2509 แต่ด้วย หลวงปู่ตี๋ ท่านเป็นพระเกจิที่ชอบ ธุดงค์เป็นชีวิตจิตรใจ ก็มักฝากวัดไว้กับรอง เจ้าอาวาส แล้ว ท่านก็มักออกไปธุดงค์ อยู่อย่างต่อเนื่อง


    [​IMG]

    ธุดงค์ไปพบหลวงปู่ทิม แห่งวัดละหารไร่

    มีอยู่ครั้งหนึ่งในระหว่าที่หลวงปู่ตี๋ ท่านออกธุดงค์ไปทางภาคตะวันออก ท่านได้ไปพบกับหลวงพ่อทิม เข้าโดยบังเอิญ ซึ่งในขณะนั้นท่านเองก็ไม่รู้จักหลวงพ่อทิมมาก่อน หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งได้ธุดงค์ไปเจอกับพระ 3 องค์ ท่าทางขมังเวทย์ นิ่งเฉยไม่พูดมาก น่าเกรงขาม หลวงปู่จึงปักกลตอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างมากนัก พอตกเวลากลางคืนหลวงปู่ตี๋ก็เริ่มทดสอบวิชา ที่เรียนมา โดยเวลานั้นเป็นช่วงประมาณเวลาเที่ยงคืนเห็นจะได้ หลวงปู่ตี๋ก็เสกมือทำให้ยาวๆ ตรงไปที่ที่หลวงพ่อทิมนั่งปักกลตอยู่ ท่านได้เอามือยาวหยิบเอาฝาบาตรที่คว่ำอยู่ แล้วก็ทำการเคาะบาตร เสียงดังสนั่นหวั่นไหว โป้งเป้งๆๆๆ แรกๆ หลวงปู่ทิมท่าก็ทำเฉย เหมือนทองไม่รู้ร้อน แต่พอเคาะไปได้สักพักหนึ่ง หลวงพ่อทิมก็ รีบแก้รัคประคตที่เอวออกมา แล้วว่าคาถากำกับ แล้วจึงผูกไปที่มือหลวงปู่ตี๋ทันที หลวงปู่ตี๋เห็นมือตึงๆ จะชักมือกลับ แต่ทว่าจะหดมือกลับเท่าไรก็ทำไม่ได้ เหมือนมีอะไรมามัดเอามืออยู่แน่น จึงทำให้หลวงปู่ตี๋ต้องใช้ตัวเดินตามมือไปยังกลตของหลวงปู่ทิม เมื่อมาถึงหน้ากลต

    หลวงพ่อทิมก็พูดขึ้นมาว่า "โอ้...ช่างเป็นวาสนาแท้ๆ ที่มีพระผู้มีอำนาจวาสนามาเยี่ยมถึงที่กลต นับว่าเป็นความโชคดีของผมแท้ๆ"

    หลวงปู่ตี๋จึงรีบตอบไปว่า "ท่านนี้ก็ไม่เบาที่สามารถผูกแขนให้ผมมาตามเอาได้ ตกลงจะเอาอย่างไร"

    หลวงพ่อทิมบอก "ไม่มีอะไรหรอก เพียงเราแค่ใช้วิชาผูกมือที่เขาชอบมาทำความรำคลานให้นั่งสมาธิ ไม่สงบเท่านั้น เลยผูกไว้จะได้สงบ แล้วท่านละมาตามมือหรือมาหาอาตมาละ"

    หลวงปู่ตี๋บอก "ขอมือผมเถอะ เท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร คงเป็นบุญของผมมากกว่า ที่มาพบพระอาจารย์ที่เก่ง"

    เมื่อพูดกันอยู่นั้น พระที่อยู่กับหลวงพ่อทิมก็โผล่หน้าออกมามองหลวงปู่ตี๋ แล้วก็ทำเป็นหัวเราะ ดูเหมือนจะถูกเยาะเย้ย หลวงพ่อทิมเองก็ดูเหมือนจะว่าด้วยสายตาพระที่มามองอยู่นั้น หลวงปู่ตี๋เองก็ดูเหมือนว่าจะถูกเย้ย ด้วยอารมณ์ที่ร้อนและไม่ค่อยยอมใครอยู่แล้ว ก็รีบเดินหันหลังกับมายังกลดของตัวเองทันทีเวลาผ่านไปเกลือบตีสาม ทันใดนั้นก็มีเสียงเสือใหญ่มาร้องใกล้ๆกลด คำรามเสียงดังโฮรกๆๆๆ ดูเหมือนวิ่งวนรอบกลดไปมา จนฝุ่นตลบ เล่นเอาพระที่อยู่กับหลวงพ่อทินทั้งสองรูปนั้น ถึงกับกลัวจนปัจสวะแตกไหลออกมาทันที สักพักใหญ่เจ้าเสือที่ร้องอยู่นั้น ก็หายเงียบไป จนรุ่งเช้า หลวงปู่ตี๋ก็เดินเข้าไปกราบหลวงพ่อทิม ท่านยิ้มให้เป็นการทักทาย พระทั้งสององค์ก็นั่งอยู่ข้างๆ หลวงปู่ทิม หลวงปู่ตี๋ จึงเอ่ยขึ้นมาว่า เมื่อคืนนี้ ผมอยากจะรู้ว่าหลวงพ่อมีวิชามากน้อยแค่ไหน จึงคิดอยากลองไถ่ถามดูให้หายคล่องใจ หลวงพ่อทิมยิ้มตอบแล้วพูดขึ้นมาว่า แล้วท่านเห็นเป็นอย่างไรเล่า หลวงปู่ตี๋บอก ผมยอมครับ พระสองรูปจึงหัวเราะหลวงปู่ตี๋แทนคำพูด หลวงปู่ตี๋จึงพูดตอบไปว่า..เป็นไงเล่าท่าน เมื่อคืนนี้ได้ข่าวว่ามีเสือมาร้องรบกวนแถวนี้ไม่ใช้หรือ เป็นไงกลัวไหม พระสององค์มองหน้ากันเหมือนจะตอบว่า ไม่กลัว แต่มิทันได้ตอบ หลวงปู่ตี๋ ท่านก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า ไม่กลัวแล้วเยี่ยวแตกทำไม เห็นตัวมันไหม ไม่เห็นตัวสักหน่อย ก็กลัวจนปัจสวะแตกแล้ว อะไรกัน.. หลวงพ่อทิม จึงพูดขึ้นมาว่า นี่แหละ! ทีหลังอย่าไปเยาะเย้ยเขา คนเราเก่งไม่เหมือนกัน นี่แหละจำไว้ หลวงปู่ตี๋จึงบอกความประสงค์ต่อหลวงพ่อทิมว่า หลวงพ่อจะปักกลดอยู่ที่นี่กี่วัน หลวงพ่อทิมบอกอีก 7 วัน หลวงปู่ตี๋จึงบอกว่า อีกหลายวันก็ยิ่งดี ผมจะได้ขอเรียนด้วยซะเลย หลวงพ่อทินบอก 7 วันจะไปได่เรื่องอะไรเล่า ท่านอยู่ที่ไหนเล่า หลวงปู่ตี๋บอก ผมอยู่สุพรรณครับ หลวงพ่อทิมจึงตอบว่า คนสุพรรณนั้น เขาเป็นคนจริงนะ หากจะเรียนก็ไปเรียนได้ แต่ต้องไปเรียน 1 พรรษานะ จะให้เรียน ถ้าแน่จริงสมคำร่ำลือสุพรรณละก้อ ขอให้ไปเรียนด้วยกันที่วัดระหารไร่โน้น

    เมื่อกลับจากธุดงค์ หลวงปู่ตี๋จึงฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาส แล้วไปจำพรรษาอยู่ที่วัดระหารไร่ 1 พรรษา เพื่อเล่าเรียนกับหลวงพ่อทิม 1 พรรษา หลวงปู่ท่านได้วิชามา กับหลวงพ่อทิม มาคือวิชาปลุกเสกเครื่องราง วิชาทำและปลุกเสกขุนแผนวิชาเรียกกุมาร วิชาชูชก ทำผงพรายกุมาร ฯลฯ เป็นหลัก นี่คือส่วนหนึ่งที่นำมาเล่าให้ฟังเป็นอาจารย์หลวงปู่อีกท่านหนึ่ง ที่หลวงปู่บอก ลืมไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2013
  7. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    มาอ่านประวัติกันต่อครับ

    [​IMG]
    เรียนวิชากับหลวงพ่อกวย

    หลังจากที่ท่านได้ไปศึกษาร่ำเรียนวิชาต่างๆ กับหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่จนหมดสิ้นแล้ว ในราวปี 2509 หลวงปู่ตี๋ท่านได้ไปกราบขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อกวย หลวงพ่อกวยท่านก็พอทราบว่า หลวงปู่ตี๋ เป็นบุตรบุญธรรมของหลวงพ่ออิ่ม ท่านก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ท่านก็รีบจูงมือ หลวงปู่ตี๋ เข้ากุฏิ แล้วให้บทขึ้นครูแก่ท่าน แต่ปรากฏว่า หลวงปู่ตี๋ ท่านได้บทขึ้นครูมาหมดแล้ว จึงไม่เป็นการยากอะไรอีก ทำให้หลวงพ่อกวยท่านเผ้าสอนสรรพวิชาต่างๆ ด้วยตัวของหลวงพ่อกวยเองกับมือ แล้วก็สอนทุกอย่างที่หลวงปู่ตี๋ต้องการ หลวงปู่ตี๋บอกว่าหลังจากที่ท่านรับเป็นศิษย์และป้อนของตามจำนวนที่ฝากตัวจนครบ กับทั้งนำตำราใส่หัวให้แล้ว หลวงปู่ตี๋ ท่านก็เรียนสักยันต์ต่างๆ เช่น หนุมาน ลิงลม หมูทองแดง หงษ์ทอง เก้ายอดเป็นต้น ฯลฯ เรียนทำปลัดขิก ปลุกเสก ตระกรุด ผ้ายันต์ต่างๆ ทำมีดหมอ ปลุกเสกสิงห์ (ที่เดิมได้มาจากหลวงพ่อมุ่ยบ้างแล้ว) นอกนั้นยังจบดวงธรรมพระสิวลี ไม่อดไม่อยาก ไม่ยาก ไม่จน ไม่ต่ำกว่าคน ไม่จนกว่าใคร ปลุกเสกช้อนไม่อดไม่อยาก นอกนั้น ท่านยังมีตำราสักที่หลวงพ่อกวยให้ไว้กับมือ เช่นสักเสือเผ่น อินทรีย์ผง่าดฟ้า หมี สิงห์ ลิง ลิงลม มากมายที่ได้จดไว้ นอกนั้นหลวงปู่ตี๋ ยังจบทำน้ำมันว่านสัก และวิชาต่างๆ มากมาย และหลวงปู่ตี๋เองก็คือ ๑ ใน ๓ ต. ศิษย์ที่หลวงปู่กวยท่านเคยกล่าวไว้ว่า หลังหมดท่านแล้วถ้าจะให้วัดท่าเจริญทางอาคมดังเก่าต้องให้ศิษย์ท่านทั้งสามรูปมาจำวัดด้วยกัน ประกอบด้วย อาจารย์เตี๊ย อาจารย์ตั๊ว และหลวงปู่ตี๋


    หลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย
    [​IMG]
    หลวงปู่ตี๋ท่านเคยกล่าวว่า หลวงตาจวน วัดไก่เตี้ยนี้ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขาเหมือนกัน หลวงตาจวนนี้ท่านได้วิชากุญแจมนต์มาจากหลวงพ่ออิ่ม สามารถผูกวิชา ผูกตำราทั้งหมดไว้ไม่ให้เสื่อมถอย หรือหนีหาย หลวงปู่ตี๋ จึงตัดสืนใจไปเรียนกับหลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย ซึ้งหลวงพ่อจวนก็มิได้ขัดข้องที่หลวงปู่คี๋จะมาเรียน ท่านสอนให้หมดทุกอย่างโดยเน้น วิชากุญแจมนต์ พญามนต์ จ่ามนต์ และผูกมนต์ หลวงตาจวนท่านมักพูดอยู่เสมอว่า "ของๆ กูจิ้ม ห.หมา ก็ไม่เสื่อม" นอกนั้นหลวงปู่ตี๋ท่านยังได้วิชาวิชาผูกผี กันผี แก้ของต่างๆ อีกมากมายหลายอย่างจากหลวงตาจวนด้วย

    หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียน
    [​IMG]
    สมัยนั้นหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียน ยังอยู่วัดเดียวกับหลวงปู่บุดดา ถาวโร อยู่ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข หลวงปู่ตี๋พอรู้ว่า หลวงพ่อเย็น ท่านเป็นศิษย์ท่านหนึ่งที่ได้ไปเรียนกับ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงปู่ต๊่จึงเดินทางไปขอเรียนวิชากับหลวงพ่อเย็นทันที หลวงปู่ตี๋ท่านได้เรียนทางด้านกสินเพิ่มเติม ย่นระยะทาง ปากพระร่วง เสกของ และอีกหลายอย่าง รวมทั้งวิชา พ.พาน ซึ่งเป็นวิชาทางสายหลวงปู่ศุข จึงทำให้หลวงปู่ตี๋ได้ตำรา และฝากตัวเป็นศิษย์ กับ หลวงพ่อเย็น แบบสมบรูณแบบ

    หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข

    [​IMG]
    หลวงปู่ตี๋เมื่อไปหาหลวงพ่อเย็นก็พบกับ หลวงปู่บุดดา ได้สนทนาธรรมกับ หลวงปู่บุดดา จนถูกคอในข้อธรรมต่างๆ หลวงปู่ตี๋จึงได้ฝากตัวและเรียนวิชากับหลวงปู่บุดดา วิชาเอกคือ เสกแป้ง และเมตตาต่างๆ ทั้งสีผึ้ง เคล็ดต่างๆ เกี่ยวกับวิชาที่ใช้ และการหลีกเลี่ยงในข้อบัญญัตรต่างๆ ที่สามารถหลบหลีก เลี่ยง และไม่มีความผิดในด้านวิชาต่างๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2013
  8. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องที่หลวงปู่ตี๋ท่านได้ไปพบพระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา คอยติดตามต่อไปครับ ท่านใดที่มีวัตถุมงคล หรือประสบการณ์ต่างๆ ก็บอกเล่ากันได้น่ะครับแชร์ๆ ข้อมูลกัน

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wdinq1sBD7X74EAJ" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/51e/ctQ7qD.jpg" /></a>
    credit picture www.watkositaram.com
     
  9. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ขอจดวิชาจากพระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
    [​IMG]

    หลวงปู่ตี๋ท่านเคยไปขอจดวิชาจากพระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา เพราะหลวงปู่ตี๋ท่านได้ข่าวว่าพระอาจารย์นำ วัดดอนศาลาได้วิชาของ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เช่นกัน เมื่อหลวงปู่ตี๋ทราบข่าวจึงเดินทางไปขอเรียนกับพระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา แต่พระอาจารย์นำ เมื่อท่านเห็นหลวงปู่ตี๋แล้ว ท่านบอกไม่ต้องมาฝากตัวเป็นศิษย์หรอก หากต้องการวิชาอะไรก็มาจดได้เลย และ อนุญาติให้เฉพาะหลวงปู่ตี๋เท่านั้น จึงทำให้หลวงปู่ตี๋ได้จดวิชา ตำราจากพระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา ในวิชาสายหลวงปู่อิ่มไว้ได้เต็มรูปแบบ

    หลวงปู่ตี๋ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนหลวงพ่ออิ่มท่านเคยธุดงค์ไปแทบทางภาคใต้ ได้ไปเป็นสหธรรมิกกับพระอาจารย์ทองเฒ่า จึงแลกเปลี่ยนวิชากับพระอาจารย์ทองเฒ่า เช่น หลวงปู่อิ่มได้วิชาหุงข้าวเหนียวดำ วิชาแช่ว่าน หาว่านต่างๆ วิชาหล่อทองเหลือง วิชาทำแหวนพังพระกาฬ ซึ้งวิชานี้ถ้าใครไม่รู้ และไปทำเข้าก็จะถูกอุบาศพระกาฬ หรือไม่ก็ไฟไหมบ้านเลยเชียว หรืออาจมีอันเป็นไปเลย นอกนั้นยังเรียนเงื่อนพิรอด วิชาถักเชือกกระดูกงู ทางคงกระพัน วิชาทำนางกวักหล่อ วิชาอาบน้ำเดือนเพ็ญ หุงสีผึ้งสาริกา ด้วยขันสัมริด เสกจนกว่า สาริกามาร้อง หรือมาจับสถานที่ทำประรำพิธีหุงสีผึ้ง และวิชาเสกทรายว่านในงานไม่ให้มีเรื่อง และไม่ให้ตีกันในงาน ถ้าใครตีกันก็มีอันเป็นไปต่างๆ นานา สักน้ำมันว่าน


    [​IMG]

    หลวงปู่ตี๋ท่านเคยบอกว่า หลวงพ่ออิ่มได้เคยพาหลวงพ่อ 11 รูปไปทราบหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่ตี๋บอกตอนนั้นท่านได้ตำราหลวงปู่อิ่มตกทอดมาจากหลวงพ่อแขกท่านรับทอดมา พบว่ามือรายชื่อครูบาอาจารย์ที่จดไว้ในตำราอยู่หลายรูปด้วยกัน เช่น หลวงพ่อแขก วัดหัวเขา หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อกุล วัดเขาคีรีทรงธรรม หลวงพ่ออุ่ม วัดคลองขอม หลวงพ่อหร่ำ หลวงพ่อศรี และบางท่านก็จำไม่ได้แล้ว แต่เป็นที่หน้าเสียดายเมื่อครั้งหลวงปู่ถูกทำร้ายโดนปล้นเมื่อครั้งแรก ตำราดังกล่าวได้ถูกโขมยไปด้วย ทำให้ตำลาเล่มนี้ศูณย์หายไป จะมีผู้เคยเห็นก็เพียงศิษย์ใกล้ชิดในสมัยนั้นเท่านั้น นอกนั้นวิชาตำราต่างๆ ของหลวงปู่ตี๋บางส่วนยังถูกโขมยไปด้วยเช่นกัน บางตำราที่ถูกโขมยไปบางทีก็นำมาให้คืนในภายหลัง ซึ่งไม่รู้ด้วยเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร จึงทำให้เจ้าหัวโขมยนำไปไม่ได้


    [​IMG]

    เรื่องราวที่เล่มานี้เป็นเรื่องราวที่หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโมเคยเล่าให้ลูกศิษย์ลูกหาฟังเมื่อครั้งท่านยังไม่มรณะภาพ เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดกันมาจากศิษย์ท่านหลายๆ คน ก็ฟังอ่านเอาสนุกครับ ประวัติท่าน และเรื่องราวจ่างๆ ที่เกี่ยวกับท่านจะหาอ่านได้ยาก เพราะหลวงปู่ตี๋เองท่านเป็นพระที่สันโดษ ไม่ยึดมั่นถือมั่น ถือธุดงค์เป็นหลัก เรื่องราวของท่านจึงไม่เป็นที่แพร่หลายนัก จนกระทั่งปี 49 ที่ท่านเริ่มเข้ามารักษาตัวในกรุงเทพฯ เรื่องราวของท่านจึงเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น หลายคนต่างก็ตามหาศิษย์ 3 ต. รูปสุดท้ายของหลวงปู่กวย แต่กว่าจะเจอก็ช่วงปลายชีวิตของท่านแล้ว เรื่องราวต่างๆ ของหลวงปู่สามารถติดตามอ่านได้ในหนังสือประวัติที่จะออกในวันไหว้ครูนี้ ส่วนในพลังจิตนี้ เมื่อมีเวลาว่างผมก็จะทยอยนำมาเล่าให้ฟังเป็นระยะ รวมทั้งวัตถุมงคลของท่าน ซึ่งมีทั้งแท้ ปลอม และสร้างออกมาจากกลุ่มนายทุนที่หวังปั้นท่านให้ดัง แต่ท่านก็มรณะภาพเสียก่อน(กรณีหลังนี้ผมจะไม่พาดพิง หรือเล่าให้มากความ จะเล่าเฉพาะเรื่องราวเป็นการยกย่องเกียรติคุณของหลวงปู่)

    สำหรับท่านที่ศรัทธา ก็สามารถไปกราบไหว้ บนบานศาลกล่วท่านได้ที่รูปหล่อตามสถานที่จัดงานไหว้ครูได้ทุกวัน หลวงปู่ตี๋เคยกล่าวไว้ก่อนมรณะภาพว่า กายสังขารท่านอย่าได้สนใจ ท่านไม่ไปไหนจะอยู่ในรูปหล่อนี้ และอยู่ในทุกลมหายใจ
     
  10. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ศิษย์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่

    หลวงปู่ตี๋ ฉนทฺธมฺโม ท่านมีลูกศิษย์อยู่เพียง 2 คนเท่านั้น คือ พระอาจารย์ บุญส่ง ซึ่งปัจจุบันมรณะภาพแล้ว และอดีตสามเณร ตู่ หรืออาจารย์ปฐวี น้ำแก้ว ศิษย์ฆราวาสคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่

    สำหรับอาจารย์ตู่นั้น ท่านเป็นทั้งศิษย์ที่รัก และเป็นทั้งลูกบุญธรรมของหลวงปู่ตี๋ ด้วยเมื่อวัยเด็กมารดาของอาจารย์ตู่ป่วยด้วยโรคชนิดหนึ่ง ด้วยกลัวว่าลูกจะติดแม่ จึงทำให้แม่อาจารย์ตู่ตัดสินใจนำอาจารย์ตู่มาฝากเลี้ยงไว้กับหลวงปู่ตี๋ หลวงปู่ตี๋ท่านเอ็นดูอาจารย์ตู่เป็นอย่างมากจึงได้รับเอาไว้เป็นลูกบุญธรรม และเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดประดุจดั่งลูกในไส้ ไม่ว่าจะไป ณ ที่ใดก็ตามหลวงปู่ตี๋จะพาอาจารย์ตู่ไปด้วยทุกครั้ง ในขณะเดียวกันหลวงปู่ก็สอนสรรพวิชาต่างๆ ให้แก่อาจารย์ตู่ แม้กระทั่งอาจารย์ตู่บวชเป็นสามเณรแล้ว เมื่อหลวงปู่ออกธุดงค์ก็มักจะพาสามเณรตู่ไปด้วยเสมอ ทำให้อาจารย์ตู่ได้รับการสั่งสอนวิชาต่างๆ ตั้งแต่วัยเยาว์

    เมื่ออาจารย์ตู่เติบโตขึ้นก็ได้สึกออกมาทำงาน และมีครอบครัว แต่ก็ยังไปมาหาสู่หลวงปู่ตี๋อยู่มิขาด เรียกว่าทุกสามเดือนต้องนั่งรถประจำทาง หอบลูก หอบเมียไปกราบหลวงปู่ที่วัดเขาเขียวเสมอ และทุกครั้งที่จะไปก็จะต้มไข่พะโล้หลายสิบฟอง กับขาหมูสองขาไปให้ท่านเสมอ ด้วยกลัวว่าจะไม่มีคนคอยปรนนิบัติดูแล ยามป่วยไข้ออกบิณฑบาตรไม่ได้จะได้มีอาหารไว้ขบฉัน จนเมื่อหลวงปู่ถูกทำร้ายเป็นครั้งที่ 3 เมื่อปี 2549 ถูกทุบตีจนกรามหัก กอรปกับท่านมีอาการป่วยด้วยโรคหอบ อาจารย์ตู่จึงได้ตัดสินใจรับเอาหลวงปู่ตี๋ ผู้เป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งพ่อที่รักมาดูแลที่บ้าน และลาออกจากงานประจำมาคอยเลี้ยงดูทดแทนบุญคุณ จวบจนยวาระสุดท้ายที่ท่านสิ้นลมในอ้อมอกของอาจารย์ตู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2012
  11. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]

    ยันต์ดวงแก้วพระสีวลี ที่หลวงปู่ตี๋ท่านสำเร็จมาจากหลวงพ่อกวย
     
  12. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]
    credit : www.sittloungpormhui.com

    เหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่ตี๋ เหรียญนี้สร้างขึ้นในปี 2512 เมื่อปั้มออกมาแล้วท่านได้นำไปเรียนปรึกษากับหลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อมุ่ยท่านว่าเหรียญนี้ถ้าออกปี 12 มันไปตรงกับงานฝังลูกนิมิตวัดดอนไร่ จึงให้เลื่อนเหรียญนี้ออกในปี 2513 แทน ในระหว่างนี้ก็ได้รับการปลุกเสกจากครูบาอาจารย์ของท่าน โดยเฉพาะหลวงพ่อมุ่ย และหลวงพ่อกวย เหรียญนี้สร้างออกมาเพียงเนื้อเดียวคือ ทองแดงรมดำ จำนวน 10,000 เหรียญ ที่สำคัญ! เหรียญนี้มีปลอมออกมาแล้ว
     
  13. วิคิด

    วิคิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    784
    ค่าพลัง:
    +1,140
    พี่คับเดิมที่ศัทธาในตัวหลวงพ่อกวยเเล้วไล่อ่านประวัติเเล้วก็มาเจอประวัติหลวงปู่ตี๋เเล้วรู้สึกศัทธาในตัวหลวงปู่อยากไปร่วมจะได้มั๊ยคับ ช่วยpmบอกด้วยนะคับขอบพระคุณมากคับ
     
  14. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    สามารถไปร่วมได้ครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะปีนี้จัดเป็นการสาธารณะ เผยแพร่ประวัติเกียรติคุณของหลวงปู่ตี๋ ศิษย์ ๑ ใน ๓ ต. ที่เรียนวิชามากับหลวงพ่อกวย ตำรับตำราเก่าโบราณหลายๆ เล่มก็อยู่ที่นี่ ซึ่งไม่ทราบว่าปีนี้จะนำออกมาหรือเปล่า เพราะบางเล่มเป็นใบลานเก่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2012
  15. Maha Jakkraput sutta

    Maha Jakkraput sutta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +915
    ไปแน่นอน ครับ เคยไปกราบท่านที่วัด ท่ามะกรูด และผมเองก็นับถือ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ และ หลวงพ่อกวย วัดแค ครับ
     
  16. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    แต่แรกเริ่มเดิมทีหลวงปู่ตี๋ท่านไม่อยากเปิดเผยตัว เพราะท่านรักสันโดษ ขอบความสงบ และมักออกธุดงค์เสมอ จนกายสังขารท่านชรา ท่านจึงเลิกออกธุดงค์ และอยู่ที่วัดเขาเขียว

    จนกระทั่งปี 2549 อาจารย์ตู่ ซึ่งเป็นลูกบุญธรรม และศิษย์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ รับท่านมาอยู่ที่บ้าน เพื่อรักษาตัวจากอาการป่วยต่างๆ เนื่องจากท่านถูกทำร้าย 3 ครั้งแต่ไม่ตาย เพียงแต่สลบไปเท่านั้น อาจารย์ตู่จึงขออนุญาตต่อหลวงปู่ตี๋เปิดเผยเรื่องราวของท่าน ให้ผู้คนได้รับทราบ และได้มาทำบุญกับท่าน ท่านจึงอนุญาตให้อาจารย์ตู่ดูแลรับผิดชอบในเรื่องต่างๆ แทนท่านตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เมื่อมีผู้คนเดือดร้อนในเรื่องต่างๆ มาให้หลวงปู่ตี๋ช่วย หลวงปู่ก็มักจะให้อาจารย์ตู่ดำเนินการแทน โดยมีหลวงปู่คอยควบคุมใกล้ชิดตลอดเวลา

    ในระหว่างที่หลวงปู่ตี๋พักรักษาตัวอยู่ที่บ้านอาจารย์ตู่ ท่านได้เรียกอาจารย์ตู่เข้าห้องไปสอนวิชาต่างๆ เพิ่มเติม และถอดวิชาสำคัญต่างๆ ให้จนหมดสิ้น โดยแลกกับการที่ต้องบวชไม่สึกตลอดชีวิต ซึ่งอาจารย์ตู่ก็รับคำจะบวชไม่สึกตลอดชีวิตภายในปี 2559 ดังนั้นในช่วงตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมาท่านจึงเร่งสอน และแนะนำเคล็ดต่างๆ ให้แก่อาจารย์ตู่ ด้วยว่าท่านได้กำหนดวันมรณภาพของท่านไว้แล้ว คือ วันที่ 17 พฤษภาคม 2553 และได้เร่งให้มีการสร้างรูปหล่อขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับกล่าวคำสั่งเสียไว้ต่อหน้าศิษย์หลายๆ ท่านว่า "เมื่อท่านสิ้นไปแล้วอย่าได้ไปยึดติดกับกายสังขารของท่าน แต่ให้ยึดเอารูปหล่อนี้ไว้ ท่านจะไม่ไปไหนจะอยู่ในรูปหล่อนี้ และจะอยู่ทุกลมหายใจของอาจารย์ตู่" นี่คือคำสั่งเสียของท่านที่ทิ้งไว้ให้แก่ศิษย์ และก็จริงดังท่านกล่าวไว้ เมื่อบรรดาศิษย์มีเรื่องเดือดร้อน หรือมีปัญหาก็มักจะมากราบรูปหล่อนี้ และบอกกล่าวท่านเหมือนกับเมื่อครั้งสมัยท่านมีชีวิตอยู่ และก็มักสมหวังทุกราย ของงานได้งาน ขอเรียนได้เรียน ขอโชคลาภ ก็ได้กันไปตามบุญวาสนาที่สะสมมา ใครไปกราบรูปหล่อท่านก็มักจะต้องติด M150 บ้างกระทิงแดงบ้างไปกราบท่านเสมอๆ
     
  17. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ยินดีครับ เพราะงานนี้ก็จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 29 แล้ว และจะจัดต่อไปทุกปีตามคำสั่งของท่านที่ได้บอกไว้ ผมรับรองเลยว่าท่านยังอยู่ในรูปหล่อสีทองแน่นอน ที่จะนำออกมาให้ทุกท่านได้กราบไหว้ในวันงาน แนะนำว่าติด M150 หรือกระทิงแดงไปด้วยน่ะครับ ท่านชอบ แล้วจะขอได้ดังใจหวัง
     
  18. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ศาลากลางน้ำ สร้างเหนือบ่อน้ำขนาด 1 ไร่เศษ ศาลาหลังนี้สร้างขึ้นจากความร่วมมือของลุกศิษย์หลวงปู่ตี๋ และอาจารย์ตู่ และเงินค่าครู 12 บาท จากคนที่มีปัญหาต่างๆ มาให้ช่วยไม่ว่าจะเป็นอาบน้ำมนต์ แก้ของ รักษาโรค ลมเพลมพัด เลื่อนตำแหน่ง ก็ค่าครู 12 บาท สร้างขึ้นที่ จ.ยโสธร ซึ่งต่อไปเมื่ออาจารย์ตู่บวชตลอดชีวิตก็จะได้ใช้ที่นี่ในการพักจำวัด เจริญวิปัสสนา

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2012
  19. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    เมื่อครั้งหลวงปู่มาพักรักษาตัวที่บ้านลูกศิษย์ที่รัก
    [​IMG]
     
  20. hanada9

    hanada9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +9,853
    ออกมานานหรือยังครับ
    มีพิกัดรึป่าว.. กลัวเหมือนกัน ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...