รูปพระพุทธเจ้า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ย่อมเศร้าหมองเพราะจิตเศร้าหมอง
สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภาพนิทรรศการนั้น
เธอทั้งหลายเห็นแล้วหรือ? ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า เห็นแล้วพระเจ้าข้า.

พ. ภาพนิทรรศการแม้นั้นแล ช่างเขียนคิดแล้วด้วยจิตนั่นแหละ. จิตนั้นแหละ
วิจิตรกว่าภาพนิทรรศการแม้นั้น. เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลาย พึงพิจารณาจิตของตนเนืองๆ
ว่า จิตนี้เศร้าหมองด้วย ราคะ โทสะ โมหะ สิ้นกาลนาน. สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง
เพราะจิตเศร้าหมอง สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่พิจารณา เห็นหมู่สัตว์อื่นแม้เพียงหมู่หนึ่ง
ซึ่งวิจิตรเหมือนอย่างสัตว์ดิรัจฉานทั้งหลายนี้เลย.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ดิรัจฉานแม้เหล่านี้แล คนคิดด้วยจิตนั่นแหละ. จิตนั่นแหละวิจิตรกว่าสัตว์
ดิรัจฉานแม้เหล่านั้น. เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงพิจารณาจิตของตนเนืองๆ ว่า จิตนี้
เศร้าหมองแล้วด้วยราคะ โทสะ โมหะ สิ้นกาลนาน. สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง เพราะจิต
เศร้าหมอง สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช่างย้อมหรือช่างเขียน เมื่อมีเครื่องย้อมก็ดี ครั่งก็ดี ขมิ้นก็ดี สีเขียวก็ดี
สีแดงก็ดี พึงเขียนรูปสตรีหรือรูปบุรุษ มีอวัยวะใหญ่น้อยครบทุกส่วนลงที่แผ่นกระดานเกลี้ยงเกลา
หรือที่ฝา หรือที่แผ่นผ้า แม้ฉันใด.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังรูปนั่น
แหละให้เกิด เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังเวทนานั่นแหละให้เกิด เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังสัญญานั่น
แหละให้เกิด เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังสังขารนั่นแหละให้เกิด เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังวิญญาณ
นั่นแหละให้เกิด.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นอย่างไร รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า.
พ. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
พ. เพราะเหตุนั้นแล ฯลฯ อริยสาวกผู้ได้สดับ เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ฯลฯ กิจอื่น
เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพ
ขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา
ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต.

 

"เรายินดีในพระพุทธรูป จึงได้ตรัสสอนเราว่า
อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่า
ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม
ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น"

 

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๔
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล รูปอย่างใด
อย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือ
ประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่ารูป เธอทั้งหลายพึงเห็นรูปนั้นด้วยปัญญาอันชอบ
ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

 

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๗
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไรจึงเรียกว่ารูป เพราะสลายไป จึงเรียกว่า รูป
สลายไปเพราะอะไร สลายไปเพราะหนาวบ้าง เพราะร้อนบ้าง เพราะหิวบ้าง
เพราะกระหายบ้าง เพราะสัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลานบ้าง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไร จึงเรียกว่า เวทนา
เพราะเสวย จึงเรียกว่า เวทนา เสวยอะไร เสวยอารมณ์สุขบ้าง เสวยอารมณ์ทุกข์บ้าง
เสวยอารมณ์ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไร จึงเรียกว่า สัญญา
เพราะจำได้หมายรู้ จึงเรียกว่า สัญญา จำได้หมายรู้อะไร จำได้หมายรู้สีเขียวบ้าง
สีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง สีขาวบ้าง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไรจึงเรียกว่า สังขาร
เพราะปรุงแต่งสังขตธรรม จึงเรียกว่า สังขาร ปรุงแต่งสังขตธรรมอะไร
ปรุงแต่งสังขตธรรม คือ รูปโดยความเป็นรูป
ปรุงแต่ง สังขตธรรม คือ เวทนา โดยความเป็นเวทนา
ปรุงแต่งสังขตธรรมคือ สัญญา โดยความเป็นสัญญา
ปรุงแต่งสังขตธรรม คือ สังขาร โดยความเป็นสังขาร
ปรุงแต่งสังขตธรรม คือ วิญญาณ โดยความเป็นวิญญาณ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไรจึงเรียกว่า วิญญาณ
เพราะรู้แจ้ง จึงเรียกว่า วิญญาณ รู้แจ้งอะไร รู้แจ้งรสเปรี้ยวบ้าง รสขมบ้างรสเผ็ดบ้าง
รสหวานบ้าง รสขื่นบ้าง รสไม่ขื่นบ้าง รสเค็มบ้าง รสไม่เค็มบ้าง.

 

พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนให้ยึดธรรมะของพระองค์เป็นหลักแทนท่าน เลยไม่สนใจนักว่ารูปใดแท้หรือเทียมๆๆๆๆ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

อุรุเวลา แสดงแบบว่าไม่ดูเวลาไม่สนว่าใครจะสนใจหรือไม่ น่าทำให้ดีกว่านี้นะครับคือโพสพระธรรมแล้วมีคนมาสนใจนี่เอาตามใจตัวเองไม่ใครไม่สนใจก็ช่างก็จะโพส น่าจะแจ้งย้ายกระทู้นะครับ

 

ธรรมอยู่ที่นี่ครับ ใครสนใจเขาก็รับไป ใครไม่สนใจเขาก็ผ่านไปครับ มันก็เป็นเช่นนั้นเองครับ

 

ขอขอบคุณ จขกทสำหรับภาพและข้อมูล และความเห็นของหลายๆคนที่แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และรูปภาพจากคุณAvagadด้วยค่ะ

เท่าที่อ่านมาก็ไม่เห็นว่าจขกทเขียนว่าทั้ง 2 ภาพข้างบนนี้เป็นภาพของพระพุทธเจ้านะคะ แค่บอกว่ามีบางคนและหลายคนเชื่อว่า ภาพทั้ง 2 นั้นคือ ภาพของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะภาพที่2 เท่านั้นเอง

 

รูปเหมือนพระพุทธเจ้าไม่มี

หมวดเครื่องรางของขลัง, สวดมนต์, ที่พึ่ง, จากพระไตรปิฎก

เอาชัดๆไปเลย จากพระไตรปิฏกเท่านั้น แบบนี้แล้วยังจะไหว้ ทองเหลือง ดิน ปั้น กันอยู่ไหม เมื่อเรียนรู้เราควรเปลี่ยนความเชื่อเดิม

 

รูปหล่อ รูปปั้น รูปครูบาอาจารย์กราบไหว้ได้ครับ กราบไหว้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ระลึกถึงท่านเป็นกุศลครับ แต่รูปนั้นเป็นรูปครูบาอาจารย์ครับ ไม่ใช่รูปพระพุทธเจ้า อย่าหลงไปคิดว่าได้กราบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ ไม่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งใดแม้ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันไม่ใช่เรา ของเรา ตัวตนของเรา สิ่งใดมีการเกิด สิ่งนั้นไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งนั่นย่อมเดินไปสู่ความดับ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาสอนเรื่องของอริยสัจ ๔ มรรค ๘ สอนความจริงของชีวิต ไม่ได้สอนให้กราบไหว้ วิงวอนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครอง อย่าเอาพระพุทธเจ้ามาขายกิน รูปเหมือนแทนรูปพระพุทธเจ้าไม่มี ผมเห็นด้วยครับ

 

สาวก เกษม วัดป่าสามแยกป่าว ที่ เผาพระพุทธรูปอ่ะ

 

วางยาเบื่อจิต - YouTube

ยังไม่เลิกปรามาสพระสงฆ์อีกหรือครับ ผมเห็นใน youtube มีแต่คนไปขอขมาท่าน อนุโมทนาท่าน ไม่เห็นมีคนปรามาสท่านสักคน

 

อันนี้เคยเป็นประเด็นใน พลังจิต เมื่อ 3-4ปีก่อนนะครับ มีผู้มายืนยันครับ ไม่ใช่เเน่นอน

 

มนุษย์นี้แปลก คดีความของท่านยังอยู่ขั้นฏีฏา ยังไม่สิ้นสุด ศาลยังไม่ตัดสินก็ตัดสินท่านแล้ว ทีพวกโจรห้าร้อย นักการเมือง ยังอ้างได้ว่าศาลยังไม่ตัดสิน ยังไม่ถึงฏีฏา ยังไม่ผิด นี่สมณะแท้ ๆ ผมขอปลอดภัยไว้ก่อน ยังไงท่านก็ยังไม่ได้สึก ท่านยังห่มผ้าเหลืองอยู่ ถึงท่านสึกจริงๆ ผมก็ไม่ขอปรามาสใครทั้งนั้น เวรกรรมมีจริง กรรมของใครใครก็รับกันไปกันเองครับ ผมไม่ยุ่งด้วย แค่เตือน ไม่ต้องเชื่อผม คิดเอาเอง อยากทำกรรมก็ทำไป รักษาตัวกันดีๆ ครับ

 

(รูปแรกไม่หล่อเอาเสียเลย
รูปที่สอง ก็ทำท่าแปลกๆ คิ้วก็ไม่โกน)

สมัยก่อนพระสงฆ์ไม่ได้มีการโกนคิ้วครับ มาโกนตอนราวสมัยสมเด็จพระนเรศวรเนื่องจากมีทหารพม่าปลอมป็นพระมาสืบข่าวในอยุธยา สมเด็จพระพนรัตน์ท่านจึงบัญชาให้พระสงฆ์ไทยโกนคิ้ว จึงเป็นข้อปฏิบัติมานับแต่บัดนั้นครับ

 

เซราะกราว มาจากคำว่า ซรุกฺ (ออกเสียงเซราะ)แปลว่า บ้าน
กราว แปลว่า นอก
รวมเป็นบ้านนอกครับ

 

ผมเรียนธรรม จาก หลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล ซึ่งสอนตามพระไตรปิฏกอย่างชัดเจน ไม่มั่วนิ่ม ไม่ใช่ว่าท่านคิดขึ้นมาสอนเอง ส่วนจะเรียกสาวกหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ สาวกแปลว่าอะไร

สิ่งไหนที่มีในพระำไตรปิฎก นั้นคือคำสอนของพระพุทธเจ้า ผมถือตามนั้น เพราะผมนับถือศาสนาพุทธ


ผมบอกได้เลยถ้าผมไม่ได้ฟังคำสอนจาก หลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล ซึ่งเปิดพระไตรปิฏกสอน ผมคงไหว้ดิน ไหว้ทองเหลืองอยู่อย่างนั้น 55 ในดินมีอะไรบ้างคิดดู

 

เห็นดินเป็นดิน ย่อมไม่สำคัญธาตุดิน ย่อมไม่สำคัญมั่นหมายว่าธาตุดิน เป็นของเรา เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา อนุโมทนาครับ

 

ถ้าอยากรู้ว่าพระเกษมเป็นของจริงหรือของปลอม แนะนำให้ไปถามครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นหรือสายธรรมยุติ แล้วจะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไรครับ