ถ้าเราโดนของ...และไม่อยากทำให้คนที่เขาทำเราโดนของตีกลับ ทำอย่างไร

ขอบคุณมากเลยค่ะ เชื่อไหมค่ะว่าถอนของแล้วหายไวมากๆ ทั้งๆที่โดนคุณไสย์มากหลายปี ตอนที่ดูหมอ เขายังบอกเลยว่าถ้าปีหน้าเข้าเส้น(ไม่รู้ว่าคืออะไร รู้แต่ว่าถ้าเข้าเส้นก็จะรักษาไม่หายขาด) ตอนไปหาพระอาจารย์ให้ท่านถอนของให้ ท่านยังบอกเลยว่า น่าจะยังต้องไปถอนอีกครั้ง 2 ครั้ง เพราะเป็นของแขก แรง แถมยังเป็นของต่ำอีก ตอนช่วง 3 วันแรกโดนหนักเลยค่ะ เราก็เลยสวดมนต์ทั้งวันทั้งคืน ทำทุกอย่างทุกคำแนะนำ (กินน้ำล้างเท้าแม่ก็กินมาแล้ว...แม่เคยช่วยเราในฝันด้วย ฝันแบบรู้ตัวว่าอยู่ในฝัน ช่วงโดนคุณไสย์ใหม่ๆ ไม่รู้เรื่อง นึกว่าแค่เจ้ากรรมนายเวร เราเลยเชื่อว่ายังไงแม่เราก็ช่วยเราเรื่องนี้ได้ ^__^) มันผ่านช่วงทรมาณ ช่วงเสียใจสุดๆไปแล้วค่ะ ไม่ว่าเราจะรู้ว่าเขาเป็นใคร มันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแย่ค่ะ อาจเพราะมันเลยจุดนั้นไปแล้ว


อีกอย่างเรื่องนี้เชื่อว่าที่เราเจอเรื่องแบบนี้ เพราะเวรกรรมค่ะ ที่บ้านเรา มีทั้งคนที่เกิดมาแล้วที่ของติดตัว(เขาเรียกว่าเจียว เป็นเหมือนสายรกหุ้มเป็นเสื้อติดมาตั้งแต่เกิด) ทั้งลุงเรา 2 คนก็เคยโดยทำสเน่ห์ เราคิดว่า ถ้าเราไม่ทำกรรมสัมพันธ์มากับเรื่องพวกนี้ เราคงไม่เจออย่างนี้ แต่นี้คงเป็นเพราะชาติก่อนเราน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ด้วยค่ะ

แต่เราตั้งใจว่า ชาตินี้เราจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ค่ะ ตอนแผ่เมตตาบอกคุณตาแล้วด้วยว่าจะไม่ขอรับอะไร

ส่วนคนทำก็คงเป็นเพื่อนกันนี้แหละ มองอีกที เราอาจจะผิดก็ได้ที่ทำให้เขาไม่กล้าจีบ มันคงเป็นแบบอารมณ์ชั่ววูบมั้งค่ะ ที่เขาเกิดรักเกิดห่วงเราเข้า บางทีก็สงสารเขาค่ะ เพราะเขาเป็นพวกชอบทำให้ตัวเองเสียใจโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้จะอธิบายยังไง เหมือนเขาไม่ได้จิตใจเลวร้าย(ถ้าเขาเลวจริงอาจให้เรากินยาม้า ยาปลุกอารมณ์ไปแล้วก็ได้ เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน เทอมสุดท้ายทำงานคู่กันอีก) คิดว่าเขาคงทำเพราะอารมณ์มากกว่าสันดารน่ะค่ะ

ปล.ถอนของครบ 4 วัน ไปหาพระอาจารย์ ท่านบอกว่า ใกล้หายแล้วค่ะ ไม่ต้องมาถอน ท่านจะไม่ให้เรากินหมากพูด้วยซ้ำ 555+
พอกลับจากถอนของ ก็ไปทำบุญโลงศพ หลังจากนั้นพอช่วงเย็นๆ ขนลุกตลอด เหมือนมีใครอยู่ใกล้ๆ เลยมองในแง่ดี ว่าที่เราทำบุญไปให้วิญญาณที่ถูกหมอผีบังคับให้มาทำร้ายเรา เขาน่าจะหลุดพ้น และมาปกป้องเรา ^__^

 

ฟังดูแล้ว น่าจะมีพื้นฐานบุญพอมาทางการปฏิบัติธรรมแล้วเกิดผลเร็วนะครับ
ลองปฏิบัติกรรมฐานดูสิครับ เผื่อจะค้นพบสิ่งที่ตัวเองค้นหามาหลายชาติ แล้วยังไม่เจอ

 

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ อิกอย่าง ถ้าไอ้ผู้ชายคนนั้นมาขอคบเป็นแฟน
หรือขอแต่งงานอย่าไปแต่งกับมันนะคะ มันเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวมาก
กล้าทำแม้คนที่ตัวเองรัก หลงรักเค้าพอเค้าไม่สนใจเล่นสกปรก
นี่ถ้าเกิดเป็นอะไรหนักกว่านี้จะทำยังไง มันน่าจะสงสารผีที่ถูกหมอผีชั่ว
บังคับให้มาทำคุณไสยบ้าง นี่มันไม่สนใจจิตใจดวงวิญญาณที่เค้าต้อง
ทุกข์ทรมานเพราะทำตามคำสั่งในสิ่งที่เค้าไม่อยากทำเลย
ใจร้ายจริงๆ มันต้องเจอกรรมแน่
กล้าทำแล้วยังไม่กล้ารับอีก ทุเรศมาก

จากนี้ขอให้ชีวิตคุณพบแต่ความสุขความเจริญนะคะ
เจริญทั้ง หน้าที่การงาน ความรัก ครอบครัว
พวกภัยพาลอย่าได้มากล้ำกลาย
วิบากบาปศักดิ์สิทธิ์ วิบากกรรม วิบากมาร อุปสรรคต่างๆนาๆในชีวิต
ขอให้มลายหายสูญ บุญศักดิ์สิทธิ์เกื้อกูล
ให้ชีวิตบริบูรณ์ตลอดไป ขอให้ปฎิบัติธรรมแล้ว เข้าถึงธรรมได้เร็วไวนะคะ
คุณเป็นคนดีมากเลยนะคะ ดีกว่าเราไม่รุ้กี่เท่า
เรานี่ยังห่างไกล โทสะเราแรงมากค่ะ แรงแบบสุดๆเลย55555
ไม่รุ้เมื่อไหร่จะได้เป็นคนดีกะเค้า
ขอให้สิ่งดีๆที่คุณได้ทำมาแระจิตใจอันดีงามของคุณ
ช่วยปกป้องคุณจากสิ่งอัปมงคลทั้งหลายจากนี้ไปจนนิรันดร์คะ

 

ปฏิบัติกรรมฐานไม่เป็นค่ะ คือไม่เคยบวชหรือเข้าคอร์สอะไรพวกนี้เลยค่ะ ส่วนใหญ่นั่งสมาธิแบบใจอยากนั่งมากกว่า เหมือนตอนเด็กๆเคยนั่งสมาธิเองแล้วกลัวอะไรซักอย่าง(เดาว่ากลัวความเงียบ) จำไม่ได้แล้วค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้นั่งสมาธิ นั่งสมาธิอีกทีก็ช่วง 19 ค่ะ นั่งสมาธิหมุน หาข้อมูลในเน็ต นั่งไปเรื่อยๆซักพัก มือลอก คือมือลอกจริงๆ ลอกเยอะมาก ทั้ง 2 ข้าง ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าแพ้ผงซักฟอกหรือป่าว หรือเพราะนั่งสมาธิ ก็เลยหยุดนั่งไปค่ะ
จนตอนนี้ ย่าง 25 ปี กลับมานั่งสมาธิอีกครั้ง(ช่วงไม่กี่วันมานี้) แปลกที่มือลอกอีก เป็นขุย ที่ฝ่ามือบางๆ เหมือนเซลล์ที่ฝ่ามือเปลี่ยนแปลงเลยค่ะ

แปลกที่ ตอนไปหาพระอาจารย์ ท่านก็พูดว่า ฝั่งนู้น(หมอผี)เขาพลังจิตแข็ง เราสวดมนต์เขาก็สวดมนต์ วิธีที่จะสู้ได้คือ เราต้องมีพลังจิตแข็งกว่า และบอกว่า ไม่ต้องหาอาจารย์ ถึงเวลาจะมีคนมาสอนเอง ตอนนั้นดิฉันไม่ได้บอกท่านน่ะค่ะ ว่าดิฉันกำลังจะไปบวชชีพราห์ม เพราะอยากฝึกจิต เพิ่มบุญเพื่อปรับภพภูมิให้คุณตาและคุณปู่ที่เพิ่งเสีย เป็นห่วงคุณตา คุณตามีของ หมอดูเขาก็บอกไว้ว่า มีแนวโน้มที่ลูกหลานที่ได้ของจากตาบางคน จะเอาของๆตาไปให้หมอผีเรียกวิญญาณมาหาหวย กลัวคุณตาไม่ได้ผุดได้เกิด เลยเร่งสวดมนต์ทุกวันค่ะ


คุณโอ๋ค่ะ ดิฉันไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอกค่ะ แต่รู้สึกว่า ตัวเองห้ามด่าใคร แม้แต่จะคิดก็ไม่ได้ ถ้าเราโกรธใคร เช่น เพื่อนคนนั้นแกล้งเรา แล้วเราเกลียดขี้หน้า แค่เราเกลียด ไม่ได้ด่า ชีวิตคนๆนั้นก็แย่ลง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เคยโมโห ตกใจลูกพี่ลูกน้องแกล้ง ไล่ให้ไปตาย(ปกติไม่เคยด่าใคร ไม่เคยไล่ใครไปตาย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงด่าขนาดนั้น ด่าแล้วเสียวสันหลังเหมือนมีใครมารับทราบเลยค่ะ) หลังจากนั้นน้องเขาก็ตาย ภายใน 9 วัน ทั้งตกใจ ทั้งเสียใจและพยายามควบคุมอารมณ์โมโหแบบเหมือนออกมาจากข้างในให้ได้ หลังจากนั้นจะไม่ด่า หรือเกลียดใคร เพราะรู้สึกผลจะกลับไปที่เขาแรง และพอเรารู้ตัวว่าเราเป็นแบบนี้เราเลยระวังคำพูด ความคิด ถ้าห้ามมันไม่ได้ ก็จะเลือกที่จะไม่ไปหาตัวกระตุ้นค่ะ เพราะตอนนี้เรารู้ตัวแล้ว ถ้าเราเผลอด่า เราจะบาปทันที ตอนปู่เสีย แม่โทรมาให้แผ่เมตตาให้ปู่ ปู่กำลังจะสิ้น เราก็สวดประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า พอเราสวดเสร็จก็โทรไปบอกแม่ แม่บอกว่าปู่เราสิ้นตอนนั้นพอดี ประหลาดมาก เราเลยไม่พยายามแม้แต่จะคิดด่าคนๆนั้น กลัวว่าถ้าเราคิดอะไรไปแล้วทำให้ชีวิตเขาแย่ เวรกรรมก็จะไม่จบไม่สิ้นซักที

เรื่องที่คิดว่ามีวาจาสิทธิ์มันเป็นอะไรที่เป็นความเชื่อ จากเหตุการณ์บังเอิญหลายๆอย่างน่ะค่ะ ถือว่าเป็นกุศโลบายที่ดีในการทำดีของตัวเอง ส่วนตัวคิดว่า ไม่ต้องกลัวอะไร ถึงเวลา มันจะมีอะไรที่ตอบไม่ได้มาช่วยเราเอง ถ้าไม่มี ก็แสดงว่าเราต้องเจออะไร เพื่อสอนอะไรซักอย่าง ทุกอย่างมีกฎแลกเปลี่ยนค่ะ

 

ถ้ายังงั้น ลองเริ่มปฏิบัติแนวทางที่ผมแนะนำก่อนก็ได้ครับ แต่ตัวผมเองไม่ใช่อาจารย์ แนะนำได้แค่เบื้องต้น แต่ถ้าจะแนะนำพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานเก่งต่ออีกที ผมแนะนำได้ครับ

 

ขอบคุณมากค่ะ

 

แสดงว่า น้องต้องไปกินของเขาอะไรบางอย่างมาแน่นอน ไม่ใช่วิญญาณที่เขาบังคับมา ยาเสนห์ มักมากับของกิน

 

ไม่ใช่วิญญาณแล้วเป็นอะไรหรอค่ะ ทำไมสามารถบังคับความคิดเราได้ สามารถทำให้เราฝันได้ พอดีไม่รู้เรื่องแบบนี้จริงๆ ^^" แสดงว่าที่เราทำบุญบริจาคโลงศพ ไม่มีใครได้หรอ เพราะว่าไม่มีวิญญาณที่เขาบังคับมา แล้วทีนี้....ช่วงนี้ที่หนูขนลุกตลอดนี้ เพราะอะไรอ่ะ....

 

เรื่องมันเป็นไงมาไงหรอครับ

 

อ๋อ พอดีว่าเราเข้าใจว่าการโดนของ หรือการทำสเน่ห์คือการที่หมอผีบังคับวิญญาณผีมาทำร้ายเราน่ะค่ะ เราก็เลยไปทำบุญโลงศพให้วิญญาณพวกนั้นค่ะ แต่พี่ข้างบนบอกว่าไม่ใช่วิญญาณแต่เป็นของกิน เราก็เลยงงนิดหน่อย นึกว่าเหมือนในหนังที่ให้ผีสิงคน 555+ เลยสงสัยว่า ไอ้ที่หลังจากเราทำบุญโลงศพแล้วขนลุกบ่อยๆมันเป็นเพราะอะไร มันเป็นไอเย็นเบาๆ ไม่ได้น่ากลัวอะไร ตอนแรกนึกว่าเป็นวิญญาณที่เราไปทำบุญให้น่ะค่ะ^^"

ปล.ตอนนี้ อาการต่างๆหายน่าจะเป็นปกติแล้วน่ะค่ะ ดีใจมากๆ เลิกฝันร้ายซักที

 

ของกิน ก็มี ใส่ของก็มีอย่างดีและร้ายและเลวร้ายมาก
ของใช้พราย ก็มีอย่างดีและร้ายและเลวร้ายมาก
ผมเคยเล่นอยู่

 

เท่าที่ดูจากที่น้องเล่ามา น่าจะเป็น คุณยาสั่ง พอดีมีสูตรยาผีบอก ใช้ผักหวานสามต้น(มีรากด้วย) มะยมสามลูก ลูกยอสามลูก (ไม่ต้องสูก) ให้ต้มกินในครั้งเดียว แล้ว ตอนเช้า ให้ใส่บาตร มีเงิน สามบาท ดอกบัวสามดอก น้ำ1ขวด แล้วข้าวปลาอาหารตามสะดวก แล้วกรวดน้ำ อฐิฐานถึงเจ้าของตำรายา ถ้ากินยาหมดแล้วให้จำเริญกากยาที่เหลือลงแม่น้ำ ลำคลอง ห้ามเอาไปทิ้งตามกองขยะ
ผลเป็นยังไงก็บอกกันด้วย อย่าถามว่าได้สูตรยามาจากไหน บอกได้คำเดียวว่า เคยโดนมาก่อน

 

ขอบคุณมากค่ะ วันนี้เพิ่งกลับมาจากบวชชีพราห์ม ที่สวนโมกข์ บวชแค่ 3 วัน เพราะว่าอยากไปเข้าคอร์สอานาปานสติของสวนโมข์นานาชาติ

ที่นี้ดีน่ะค่ะ สอนหลายๆอย่าง ถ้าเข้าไปอบรมต้องถอดแหวน สร้อย สายมงคล ซึ่งต้องถอนแหวนที่กันคุณไสย์ออก ... ตัดสินแล้วค่ะ จะถอนแหวนออกถ้าสามารถสอบสัมภาษณ์เข้าคอร์สได้ จะตายหรือบ้าก็ช่าง

อยากลองสู้ด้วยการให้อภัย หรือการแผ่เมตตา ถ้าหากยังไม่หายแสดงว่ากรรมของเรายังมีอยู่ต้องชดใช้

 

ก่อนถอดแหวน ให้อธิษฐานจิต ถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ น้อมจิตนึกไปว่า เรากำลังจะปฏิบัติธรรมะ ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ขอให้พระรัตนตรัยคุ้มครองกายสังขาร และจิตของตัวเรา

 

"พูดถึงแหวน" ผมก็นึกขึ้นได้ เมื่อก่อนนั้นก็โดนหนักอยู่เหมือนกัน เล่นกันแบบว่า เขาแรงมา เราก็แรงไป ไม่อ่อนข้อให้ เอากันแบบว่าฟ้าสนั่น ดินสะเทือนก็ว่าได้ เขาทำมาเราก็ถอนกลับ แต่เราก็ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเค้าก็มีของคุ้มตัวเขาอยู่ ถามหมอที่ถอนของว่าทำไมเขาถึงไม่เลิกรา แล้วของที่เราถอนออกไปทำไมเขาไม่ได้เลย หมอก็บอกว่า ณ เวลานี้เราทำอะไรเขาไม่ได้เขามีของคุ้มตัวเขาอยู่ ก็คือ แหวนหยกแท้ ของทุกอย่างที่เขาทำมาได้ถูกส่งกลับไปหมดแล้ว เหลือแต่รอเวลาเท่านั้น เมื่อถึงเวลาใครก็ช่วยเขาไม่ได้ ไอ้เราก็ งง แล้วไม่ได้ถามต่อ รู้เพียงว่าแหวนหยกและเครื่องประดับที่เป็นหยกที่ติดอยู่กับตัวตลอดเวลา สามารถป้องกันได้ แต่ตอนนี้พระสักองค์ ยังไม่มีห้อยคอเลย เพราะเรารู้ว่าของแบบนี้ไม่สามารถป้องกันได้เลย แต่ให้รู้เพียงว่ามีคนต้องสังเวยชีวิตไป 11 คนแล้วเราไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน

 

เมื่อผมรวบรวมกำลังใจได้แล้วได้เห็นความจริง ก็ถอนหายใจ..เฮ้อ.... และ ส่ายหัว.....
ไม่ต้องงงหรอกครับที่ผมพูดมานั้นพูดแบบอ้อมๆ ถ้าพูดตรงก็จะโดนเกลียดเอาอีก ที่พูดแบบนี้เพราะตาของผมมองแล้วจะไม่พลาดครับ

 

คุณมองเห็นอะไรหรอค่ะ....พูดมาเถอะ ดิฉันทำใจได้แล้ว รับรองไม่มีด่าว่าแน่นอนค่ะ

 

พี่ปุณบพิธค่ะ หนูตัดสินใจถอดแหวน เพราะว่า หนูไม่อยากเอาตัวเข้าไปในไสย์ ไม่ว่าจะเป็นไสย์ขาว หรือ ไสย์ดำ มันเหนื่อยและเป็นภาระ ชาติหน้าก็ต้องวนเวียนกับเรื่องแบบนี้อีก เลยของอยู่ทางสายกลาง คือพุทธะ ไม่รู้ว่าหนูทำถูกหรือผิด แต่อย่างน้อยขอให้มันจบไปชาตินี้ดีกว่า ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกไหม จริงๆยังสับสนอยู่ แต่หนูรู้แค่ว่า อยากหลุดไปจากวงจรนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนมีของ หรือคนโดนของ มันก็มีแต่ทุกข์ สลับกันทำ สลับกันโดน ไม่เห็นมีความสุขเลย ดูอย่างตาหนูซิ มีของ มีวิชา มากมาย พอตาย คนทรงบอกว่า วิญญาณมีสิทธิ์โดนหมอผีเอาไปหาหวยเฉยเลย เห็นแล้วอยากพ้นจากวงเวียนตรงนี้ แต่ ก็ยังสับสน ว่าตัวเองตัดสินใจถูกไหม พูดง่ายๆคือ ยังรักตัวกลัวตายอยู่ค่ะ พี่พอจะแนะนำอะไรหนูหน่อยได้ไหม

 

ผมมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้

เรื่องคุณไสย นี่เห็นมาเป็น100รายแล้ว ยิ่งเรื่องเจอผีนี่ผมเจอประจำเลย เคยทำบุญให้ไปก็ยังตามมาเจออีก จนผมเจอผู้รู้ท่านสอนวิธีที่ถูกต้องให้บางทีมันเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา สนใจคุยกันpin BB 27E9715C
Whatsapp 0899834087 โทรมาก็ได้

 

อนุโมทนา สาธุๆๆ หนทางนี้แหละ คือหนทางสู่การออกจากวัฏฏะ อย่างแท้จริง

เมื่อเราไม่อาลัยอาวรณ์ในร่างกาย และสิ่งต่างๆ ที่เป็นสมมติทั้งหมดแล้ว ก็เหมือนกับทิ้งไปแล้ว ของที่ทิ้งแล้ว ไม่มีใครสนใจอาลัยอาวรณ์ คุณไสย์ต่างๆ ก็จะหลุดไปได้เอง ขอให้ทำด้วยใจบริสุทธิ์อย่างแท้จริงเถอะ

พระอาจารย์ของผม ท่านก็เคยเจอกรณีที่ อยู่ดีๆ ก็ปวดท้องกะทันหัน แต่ถ่ายออกมาเป็นน้ำใสๆ และ กลีบดอกไม้... และส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่า พระอาจารย์ของผม ข้ามโคตรภูไปแล้ว (อย่าถือเป็นจริงเป็นจังนัก แค่ความเห็นของคนๆ เดียว) ท่านบอกว่า เมื่อจิตไม่อาลัยในร่างกายแล้ว ของก็จะผ่านมา และผ่านไป ไม่ติดข้อง ไม่มีผล

แนวทางที่ปฏิบัติ อาจจะยากลำบาก อาจจะต้องฝืนใจ เพราะเราต้องละทิ้งความรักชอบในตัวเรา ในสิ่งต่างๆ ที่เราคิดว่าเป็นของเราเสียให้หมด แต่เมื่อละทิ้งได้หมดแล้ว นั่นแหละคือดวงตาเห็นธรรม และจิตจะเริ่มถอดถอนกิเลส ตัณหา ต่างๆ และเริ่มกระบวนการตัดชาติภพให้สั้นลงต่อไป

หากทำแต่ความดี แม้มากมายอย่างไรก็ตาม มีไสย์ขาวมาคุ้มครองอย่างไรก็ตาม หากยังไม่ปฏิบัติให้เกิดปัญญา ก็มีแต่จะต่อชาติภพให้ยาวออกไปเรื่อยๆ เพียงแต่ยังมีดีตรงที่ จะวนเวียนอยู่แต่ในภพภูมิที่มีแต่ความสุข คือ มนุษย์ขึ้นไปเท่านั้น

เราเกิดมานานแล้ว ไม่รู้นับกี่ชาติ บางดวงจิต ได้ท่องเที่ยวไปในภพต่างๆ มานับอสงไขยแล้ว บางดวงจิตนั้น ท่องมาทุกภพภูมิ ตั้งแต่พรหมชั้นสูงสุด จนถึงนรกชั้นต่ำที่สุด แต่ก็ยังไม่อาจหลุดพ้นได้เลย ชาติภพของเรานั้น หาต้นไม่พบ หาปลายไม่ปรากฎ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ชาตินี้เมื่อเรามีโอกาส เรามีสติเห็นแล้ว นี่คือโอกาสอันดีแล้ว ที่จะปฏิบัติให้ชาติภพ ที่หาปลายที่สิ้นสุดไม่ได้ ได้มีกำหนดสิ้นสุดเสียที

คำแนะนำคือ ลองดูว่าการปฏิบัติแนวสติปัฎฐาน ทางสายเอก นั้นเหมาะกับจริตของเราหรือไม่ ถ้าเริ่มมีความคิดเห็นแนวนี้ ว่าแม้แต่ไสย์ขาว เราก็ไม่อยากเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง ถ้าไม่จำเป็น ผมเดาว่า น่าจะเป็นจริตที่เหมาะกับสติปัฎฐาน
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ให้เกิดสติและปัญญาญาณ ตัดภาพภพให้สั้นลงมีสิ้นสุดได้ในชาตินี้ครับ