จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    catt1กราบท่านภู พึ่งกลับมาจากMinnesota เมื่อวาน จากเยี่ยมลูกสาวและหลาน จิตตกมากค่ะ คิดถึงท่านภูและอาจารย์ในกระทู้นี้และกําลังพยายามเกาะพระอยู่ค่ะ เฮ้อ
     
  2. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    สาธุคะ
    ขอบคุณน้องโจมากๆคะและน้องหว้าด้วยที่เป็นกำลังใจและให้คำแนะนำดีๆคะ
    ;41
     
  3. watta chan

    watta chan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +586
    อนุโมทนาสาธุกับท่านพี่ด้วยนะครับ ว่าแต่วันนี้ท่านพี่จะไปเวียนเทียนหรือป่าว
    ระยะนี้รู้สึกว่าพี่ภูไม่ค่อยจะมีธรรมมะมาให้อ่านเลยนะครับ
     
  4. newwave1959

    newwave1959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +2,681
    ธรรมวันวิสาขะบูชา

    <center> ผู้เห็นดวงจันทร์

    </center>
    ผู้เห็นดวงจันทร์
    * * *
    แสงจันทร์สาดส่องในค่ำคืนแห่งวิสาขมาศนวลผ่อง ท่ามกลางหมู่ดาริกาน้อยใหญ่เมื่อสักครู่นั้น บัดนี้ใกล้จะอับแสงลง เมื่อหมู่เมฆครึ้มเครากำลังเคลื่อนเข้าบดบัง
    [​IMG]

    ภิกษุผู้บวชใหม่ยังไม่ทันพ้นราตรีเปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยด้วยอาการตื่นตระหนก !

    แต่แล้วสมณะนั้นกลับตระหนักนึกในสิ่งสำคัญบางประการที่วาบไหวอยู่ในใจ เสียงลมพัดพลิ้วผ่านป่าดงรังมหาวนารามดังกรูเกรียวมาเป็นระลอก คลื่นหวลแผ่กระไอเย็นชโลมลูบหัวใจอันร้อนเร่ากระวนกระวายมาตลอดหลายวันให้ เย็นสงบลงราวกับต้องมนต์ศักดิ์สิทธิ์

    ภาพเคลื่อนไหวในห้วงความจำฉายฉานเต็มห้วงภวังค์....

    ในที่สุด !

    ชายเฒ่าหนวดเครายุ่งเหยิง ผิวกร้านเกรียมก็ได้เข้าเฝ้าสมความตั้งใจ เขากราบลงใกล้แท่นบรรทมพร้อมทูลว่า

    “ข้าแต่พระศาสดา ข้าพระองค์ถือเพศเป็นปริพาชกมาช้านาน ได้ยินกิตติศัพท์เล่าลือเกียรติคุณแห่งพระองค์ แต่ก็หาได้เคยเข้าเฝ้าไม่ บัดนี้ พระองค์ใกล้จะถึงเวลาดับขันธปรินิพพานแล้ว ข้าพระองค์ขอประทานโอกาสซึ่งมีอยู่น้อยนี้ทูลถามข้อข้องใจมาเนิ่นนาน เพื่อจะคลายสังสัยและไม่ต้องเสียใจภายหลัง”

    “เจ้าจงถามมาเถิด ปริพาชก” พระศาสดาตรัส

    “พระองค์ผู้เจริญ คณาจารย์ทั้งหกเป็นศาสดาเจ้าลัทธิที่มีคนนับถือมาก เคารพบูชามาก ศาสดาเหล่านี้ยังจะเป็นพระอรหันต์หมดกิเลสหรือประการใด”

    “เรื่องนี้หรือปริพาชกที่เจ้าดิ้นรนขวนขวายมาหาเราด้วยความพยายามยิ่งยวด” พระศาสดาตรัสทั้งยังหลับพระเนตรอยู่อย่างสงบ

    “เรื่องนี้เองพระเจ้าค่ะ” ปริพาชกทูล

    พระสาวกที่คอยสังเกตอยู่ใกล้ ๆ นั้นรู้สึกกระวนกระวายขึ้นทันที เพราะเรื่องที่นักบวชนอกศาสนามาถามรบกวนพระศาสดานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ และไม่ถูกกาลเทศะ

    [​IMG]

    ขณะที่พระสาวกกำลังจะเชิญปริพาชกออกจากที่เฝ้านั้น

    พระโคดมได้ตรัสขึ้นว่า

    “อย่าสนใจกับเรื่องนั้นเลย ปริพาชก”

    “เพราะเหตุใดหรือ พระเจ้าค่ะ”

    “เพราะเวลาของเราและของเธอเหลือน้อยเต็มทีแล้ว จงถามสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เธอเองเถิด”

    “ข้าแต่ท่านสมณะ ! ถ้าอย่างนั้น ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหา ๓ ข้อเท่านั้น”

    “จงรีบถามมาเถิด ปริพาชก”

    “ ข้อ ๑ รอยเท้าในอากาศมีอยู่หรือไม่

    ข้อ ๒ สมณะภายนอกศาสนาของพระองค์มีอยู่หรือไม่

    ข้อ ๓ สังขารที่เที่ยงมีอยู่หรือไม่”

    พระศาสนาตรัสตอบไปทันทีว่า

    “ ข้อ ๑ รอยเท้าในอากาศไม่มี

    ข้อ ๒ ศาสนาใดไม่มีมรรคมีองค์แปด สมณะผู้สงบถึงที่สุดก็ไม่มีในศาสนานั้น

    ข้อ ๓ สังขารที่เที่ยงนั้นไม่มีเลย ข้อสงสัยของเจ้ามีเท่านี้หรือ”

    “มีเท่านี้พระเจ้าค่ะ”

    ปริพาชกเฒ่านักบวชพเนจรผู้แสวงหาโมกขธรรมมาค่อนชีวิตอ้ำอึ้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

    เขารู้สึกอยู่เหนือสิ่งที่จะคิดถึงใด ๆ เหมือนมีใครจับส่งไปลอยนิ่ง ๆ ในอากาศโดยปราศจากเครื่องพัวพันอื่นใดที่ยุ่งเหยิง

    [​IMG]



    ถึงกระนั้น !

    ภาพ ผองเพื่อนปริชาพกจำนวนมากมายผู้ปรารถนารู้จักต้นตอแห่งทุกขเวทนา วิธีดับและบรรลุอมตสุขก็ร่ายเรียงเข้ามาในความรู้สึก รวมทั้งบิดา มารดาและเพื่อนสาวชาวเมืองโคธานทีในครั้งกระโน้น ซึ่งล้วนแต่ปรารถนาหลุดพ้นจาก บ่วงดำ ด้วยกันทั้งนั้น

    ไม่ เพียงแต่คำตรัสตอบง่าย ๆ ธรรมดา ๆ เท่านั้นที่ทุกคนควรได้ยิน แต่ที่เหนือกว่านั้นก็คือ พระสุรเสียงแห่งพระศาสดานั้นมิใช่เสียงไพเราะธรรมดา แต่เป็นเสียงแห่งความเมตตาที่เย็นฉ่ำซาบซ่านอยู่ในห้วงหัวใจ

    ราวกับฝนโบกขรพัด

    พระพุทธองค์ทรงทราบอุปนิสัยของปริพาชกแล้วจึงตรัสต่อไปว่า

    “ปริพาชก ! ถ้าอย่างนั้น เจ้าจงตั้งใจฟังเถิด เราจะบอกรหัสให้ฟังแต่โดยย่อ”

    “พระเจ้าค่ะ”

    “ดูกร ปริพาชก อริยมรรคประกอบด้วยองค์แปดเป็นทางประเสริฐ สามารถให้บุคคลผู้เดินไปตามทางนี้ถึงซึ่งความสงบเย็นเต็มที่ เป็นทางเดินไปสู่อมตะ ถ้าภิกษุหรือใครก็ตามจะพึงอยู่โดยชอบ ปฏิบัติดำเนินตามมรรคอันประเสริฐประกอบด้วยองค์แปดนี้อยู่ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์”

    ปริพาชกวัยดึกโน้มตัวลงประหนึ่งรวงข้าวที่น้อมนบต่อผืนดิน

    เขาประนมมือแน่วนิ่งมิมีโต้ตอบใด ๆ ร่างนั้นสงบโดยดุษฎี

    พระศาสดาทรงเห็นความตั้งใจจริงของปริพาชก

    ดังนั้น จึงตรัสสั่งให้พระอานนท์นำปริชาชกผู้เฒ่าไปปลงผมและหนวด บอกกรรมฐานให้ ให้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมและศีล สำเร็จเป็นสามเณร บรรพชาแล้วนำมาเฝ้าพระศาสดา พระผู้ทรงมหากรุณาให้อุปสมบทเป็นภิกษุโดยสมบูรณ์แล้ว ตรัสบอกกรรมฐานอีกครั้งหนึ่ง

    ภิกษุใหม่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะพยายามให้บรรลุพระอรหัตผลในคืนนี้ก่อนพระศาสดาจะนิพพาน จึงออกไปเดินจงกรมอยู่ในที่สงัดแห่งหนึ่งในบริเวณอุทยานดงรังใหญ่ ใกล้นครกุสินารา

    [​IMG]

    บัด นี้ร่างกายของภิกษุใหม่ห่อหุ้มด้วยผ้ากาสาวพัตร์ เมื่อต้องแสงจันทราในราตรีนั้น ดูผิวพรรณเปล่งปลั่งงามอำไพ มัชฌิมยามแห่งราตรีจวนจะสิ้นอยู่แล้ว ดวงรัชนีกลมโตเคลื่อนย้ายไปอยู่ทางท้องฟ้าด้านตะวันตก

    ความตั้งใจของพระนวกะก็ไม่เปลี่ยนแปลง

    “เราจะบำเพ็ญเพียรคืนนี้ตลอดราตรี เพื่อบูชาพระศาสดาผู้จะนิพพานในปลายปัจฉิมยาม แม้เราจะเหน็ดเหนื่อยอย่างไรก็ตาม เหตุแห่งความย่อท้อย่อมไม่มีผลใด ๆ”

    เมฆก้อนใหญ่กำลังเคลื่อนเข้าบดบังแสงจันทร์เกือบมิดดวงไปแล้ว....

    แต่ไม่นานนักก้อนเมฆนั้นก็เคลื่อนคล้อย แสงโสมสาดส่องลงมาสว่างนวลดังเดิม

    ภิกษุ วัยชรารวบชายผ้าผืนใหญ่เข้าแนบกันพร้อมม้วนหมุนกระชับชายท่อนบน จัดชายล่างให้มิดชิดในลักษณาการหลวมลุ่ยโดยไม่เป็นอุปสรรคในการก้าวเดิน สมณะใหม่สืบเท้าเปลือยเปล่าและสากหนาด้วยรอยแผลแห่งประสบการณ์ลงบนกองใบไม้ แห้งดังกรอบแกรบ แล้วเพลิดเพลินกับดวงจิตอยู่ชั่วขณะ

    อีก ไม่นานนักหรอก ป่าดงรังรกร้าง เปล่าเปลี่ยว และไร้นัยสำคัญแห่งนี้จะถูกเนรมิตเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และถูกสงวนไว้ สำหรับศาสนาของพระโคดม เพราะพระองค์ได้ตัดสินพระทัยนำร่างกายมาแปรรูป เปลี่ยนสภาพลงสถิต ณ ที่แห่งนี้

    เนื้อดิน !

    กลิ่นหญ้า !

    สิ่งแวดล้อมทั้งปวงจะเป็นโภชนาหารและสุคนธาทิพย์บำรุงเลี้ยง “ธรรมจักร” ให้คงอยู่และงอกงาม สว่างไสวดังคำตรัสของพระองค์เมื่อจวนพลบค่ำที่ยังก้องยู่ในทุกอณูเนื้อแห่งโสตประสาท

    “ อากาเสวะ ปทัง นัตถิ(รอยเท้าไม่มีในอากาศ)”

    ภิกษุ สัมผัสสายลมเสียดส่ายในขณะที่มิได้รับรู้ถึงผัสสะอย่างผิวเผิน หากผุดเผลอรู้สึกก็ยินดีรับไว้โดยไม่พยายามรู้ ไม่จำแนก แยกแยะ ไม่หลอมรวมสิ่งใด ๆ ลงในบทสรูปสำเร็จรูปตามความเชื่อหรือคำสอนที่ทิ้งทอด ตกตะกอนกันมาในรูปของสายประเพณีนิยมแห่ง “อาณาจักร”

    ท่ามกลางแรงหมุนแห่ง “จักร” ไม่ว่าขนดเท่าเม็ดธุลีหรือมหึมาเท่าวงแหวนแห่งจักรวาลก็ตาม ทุกอย่างย่อมมีอำนาจแห่งการหมุนในตัวเอง มีห้วงเวลาที่แน่นอนเป็นของตนเอง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลงไป

    เกิดขึ้น !

    ตั้งอยู่ !

    แตกดับ !

    ตั้งอยู่ !

    เกิดขี้นอีก

    ภิกษุใหม่สะดุ้งตื่น!

    เสียงแมลงที่ร่ำร้องมาจากใกล้ต้นดงรังใหญ่เท่านั้นที่บ่งบอก สติสัมปชัญญะของตนยังคง ผันเป็น “จักร” อยู่ตามปกติ

    “อา ! เรา พรากเพียรมาชั่วชีวิตเพื่อพบธรรมและยึดธรรมมาเป็นของตนเอง นั่นเป็นเพียงอุปมาล่อหลอกเป็นเบื้องต้นเท่านั้น แท้จริงแล้วเราต้องปฏิบัติธรรมเพื่อละทิ้ง...ใช่แล้ว...เพื่อละทิ้งทุกสิ่ง ทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งธรรม....”

    [​IMG]

    ทันใดนั้น !

    แสงจันทร์ฉายพลุ่งโพลงขึ้นในดวงใจของภิกษุนั้น

    “อา ! จิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใส มีรัศมีเหมือนดวงจันทร์ แต่อาศัย บ่วงดำ ที่จรมาเป็นครั้งคราว จิตนี้จึงเศร้าหมองเหมือนก้อนเมฆมาบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง”

    ภายใต้แสงจันทร์สีนวลยองใยนั้น

    พระผู้มีพระภาคบรรทมเหยียดพระวรกายในท่าสีหไสยาสน์ แวดล้อมด้วยพุทธบริษัทมากมาย แผ่เป็นปริมณฑลกว้างออกไปสุดสายตาประดุจดวงจันทร์ที่แวดล้อมด้วยกลุ่มเมฆ

    ภิกษุผู้เฒ่าลงจากที่จงกรมมาถวายบังคมพระศาสดาแล้วหลับตานิ่งอยู่ด้วยอาการสงบ

    พินิจนึกถึงแสงจันทร์ที่ยังส่องสกาวเต็มห้วงปริมณฑลแห่งใจตน
    * * * *
    หมายเหตุ เก็บความ - เรียบเรียงใหม่จากพระสูตรตันตปิฏกฉบับภาษาไทย (อรรถกถา ขุททกนิกาย)

    ขอให้ธรรมจากพระพุทธเจ้า จงเข้าถึงดวงจิตอันประเสริฐของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลายโดยพร้อมเพรียงกัน สาธุ
    "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต"

    .....ขอเจริญในธรรม.....
    ด้วยจิตคารวะ
    newwave1959
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2012
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีครับ
    สุขกาย สบายใจดีนะครับ
    อะไรตกได้นะ แค่ตกใจนิดนึงก็ได้อยู่นะไม่แปลก
    แต่อย่าให้จิตของตนเองตกเลย อันนี้ไม่ดีนัก
    กายช่างมัน แต่จิตเราจะต้องรักษาให้ดีๆ เพราะกายนี้ไม่เที่ยง เราจักต้องทิ้งเป็นแน่ ทิ้งทุกคน เพียงแต่จะทิ้งช้าหรือว่าเร็ว เท่านั้น
    เพราะตายแต่กาย แต่จิตมิได้ตายตามไปด้วย
    กายอยู่กับเราไม่นาน แต่จิตเราสิ จักต้องไปด้วยกันทั้งภพ ทั้งชาติ

    คุณพี่ก็อย่าไปห่วงลูกหลานมันมากนัก เพราะคนเราเกิดมา ต่างก็มีกรรมเป็นของตนเอง
    เราเปลี่ยนกรรมคนอื่นไม่ได้ เราเปลี่ยนได้ฌแพาะกรรมของตน โดยการภาวนา หรือกรรมฐาน ถึงจะเปบี่ยนจิตเลวมาเป็น จิตดี
    ในเมื่อกายเราก็ยังละได้ นับประสาอะไรกับกายของลูกหลาน
    นำจิตมาเกาะพระกันนะ ชื่นใจกว่า
    อย่าไปหลงฝากความสุขไว้กับผู้อื่นเลย ถึงฝากได้ ก็แค่ชั่วคราวเอง ที่เหลือเป็นทุกข์ซะส่วนใหญ่
    สุขแน่แท้ สุขแน่นอน สุขยั่งยืน สุขนิรันทร์ หรือบรมสุข ที่แท้ก็อยู่ภายในจิตของตนเอง ต่างหาก

    ผมและคนในนี้ก็คิดถึงคุณพี่ เช่นกัน
    ถึงจะไปทุกข์มาจากที่อื่นๆ ก็ขอให้นึกถึงกระทู้นี้นะ
    เพราะกระทู้นี้ไม่นิยมทำร้ายจิตตนเอง และผู้อื่น
    มีแต่จะช่วยยกจิตไปให้ได้รับแต่ความสุขใจ เบิกบานใจกัน เท่านั้น

    จิตไม่แข็งแรงขอให้จิตยึดพระไปก่อน
    เพราะเป็นที่พึงทางใจที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด
    แต่ถ้าวาระสุดท้ายมาถึง อย่าน้อยๆที่สุด จิตเราจะได้ไปสุคติ หรือ เป้าหมายปลายทางกันที่ พระนิพพาน

    สาธุๆ ท่านพี่ก็ทำได้นะ ขอให้รีบทำจิตเกาะพระกันไวๆ
    ไม่ว่ากายทำอะไร อยู่ที่ไหน เพียงขอให้เรา(จิต)ระลึกถึงพระ
    แค่นี้เองจ้าฯ

    อย่าหายไปนานนะ เดี๋ยวทุกข์อีก
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    ไม่มีวัด ไม่มีเทียนให้เวียน
    แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องเวียน
    เพราะจิตผมมันเวียนเทียนอยู่รอบกายตนเองอยู่ทุกข์วันอยู่แล้ว
    นั่นก็คือ สติสัมปชัญญะ คือ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ทุกอิริยาบถ

    ธรรมะน่ะมีอยู่ตลอดทุกลมหายใจ ยุ่งแต่กาย จิตไม่ยุ่ง จึงนำมาลงให้ไม่ได้

    โลกยุ่งอย่างเดียว แต่อย่าให้จิตไปยุ่งด้วย หรือ ไม่มีผลกับจิต

    ว่าแต่ว่า ธรรมะวันนั้น ยังยาวไม่พอหรอ? จะเอาอีกสักตั้งไหม๊? ...อิอิ

    วันก่อนคุณลูกพลัง ยังแหยงไม่หาย เพราะคุณกันทั้งทางโลก ทางธรรม
    เวลาผมหายไปเลย เกือบครึ่งวัน....555
     
  7. watta chan

    watta chan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +586
    ธรรมะน่ะมีอยู่ตลอดทุกลมหายใจ ยุ่งแต่กาย จิตไม่ยุ่ง จึงนำมาลงให้ไม่ได้

    โลกยุ่งอย่างเดียว แต่อย่าให้จิตไปยุ่งด้วย หรือ ไม่มีผลกับจิต

    ว่าแต่ว่า ธรรมะวันนั้น ยังยาวไม่พอหรอ? จะเอาอีกสักตั้งไหม๊? ...อิอิ



    โถท่านพี่ ของเก่าตั้งเยอะยังตามเก็บไม่หมดเลยครับ
    คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย
     
  8. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    หลวงปู่เทพโลกอุดรสอนว่า "จงดูจิตเคลื่อนไหวเหมือนเราดูละคร "

    การปฎิบัติธรรมทางด้านจิต
    จงเป็นผู้มีสติปัญญารู้เท่าทันความเคลื่อนไหวของจิตทุกลมหายใจเข้าออกและทุกอิริยบท
    เว้นเสียแต่หลับ เมื่อรู้ทันจิตแล้ว ต้องรู้จักรักษาจิต คุ้มครองจิต
    จงดูจิตเคลื่อนไหวเหมือนเราดูลิเกหรือละคร เราอย่าเข้าไปเล่นลิเกหรือละครด้วย
    เราเป็นเพียงผู้นั่งดู อย่าหวั่นไหวไปตามจิต
    จงดูจิตพฤติการณ์ของจิตเฉย ๆ ด้วยอุเบกขา จิตไม่มีตัวตน
    แต่สามารถกลิ้งกลอกล้อหรือยั่วเย้าให้เราหวั่นไหวดีใจและเสียใจได้
    ฉะนั้นต้องนึกเสมอว่าจิตไม่มีตัวตน อย่ากลัวจิต อย่ากลัวอารมณ์
    เราหรือสติสัมปชัญญะต้องเก่งกว่าจิต

    ความนึกคิดอารมณ์ต่าง ๆ เป็นอาการของจิต ไม่ใช่ตัวจิต

    แต่เราเข้าใจว่าเป็นตัวจิตธรรมชาติคือผู้รู้อารมณ์
    คิดปรุงแต่งแยกแยะไปตามเรื่องของมัน แต่แล้วมันต้องดับไปเข้าหลัก
    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คือไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืนทนได้ยากเป็นทุกข์
    และสลายไปไม่ใช่ตัวตน มันจะเกิดดับ ๆ อยู่ตามธรรมชาติ
    เมื่อเรารู้ความจริงของจิตเช่นนี้ เราก็จะสงบ ไม่วุ่นวาย
    เราในที่นี้หมายถึงสติปัญญา สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรม (สิ่งทั้งปวง )
    เป็นอนัตตาคือไม่ใช่ตัวตน
     
  9. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    ข้าพเจ้าได้ไปcopyข้อความในจม.ฉบับหนึ่ง มาแบ่งปันกันเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้าง
    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมครับ..




    ปล.การปรามาสพระรัตนตรัย อันประกอบด้วยพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์(รวมทั้งอริยบุคคล) เรื่องนี้ สติเราจะระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว เฉกเช่นการรักษาศีลไม่ให้บกพร่อง ดังนั้นเทคนิคส่วนตัวของเราก็คือ 
    1. เมื่อดวงจิตอยู่ใกล้ๆหรือสัมผัสเหล่าท่านๆนั้นๆ เราจะเอาสติระลึกรู้ให้ทรงไว้ซึ่งอุเบกขารมณ์อย่างเข้มข้นขึ้นเป็นกรณีพิเศษเลย.. จากปกติก็วางอุเบกขารมณ์อยู่แล้ว (ไม่อยากไปเที่ยวอบายภูมิอีกแล้ว เราก็คงจะไปมาที่นั้นหลายๆรอบแล้ว ก็พอแล้ว)
    2. เวลาสวดมนต์ทำสมาธิเราก็จะอธิษฐานจิตขอขมาพระรัตยตรัยรวมถึงอริยบุคคลอยู่แล้ว กันเหนียวอีกชั้นหนึ่งเผื่อว่ามีเผลอเลอหรือในอดีตในอนาคตที่เราอาจพลั้งเผลอไป.. แล้วก็ขอให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกโทษและงดเว้นโทษด้วย..
    3. ในทางกลับกันดวงจิตเราเองก็จะอโหสิกรรม ให้แก่สรรพดวงจิตที่อาจจพลั้งเผลอปรามาสเราเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะไม่ให้เหตุการณ์เหล่าๆนี้ไปต่อเวรสร้างกรรมแก่ดวงจิตผู้อื่นๆอีกต่อไป ตัดเวรตัดกรรมให้ดวงจิตผู้อื่นที่ทำผิดพลาดโดยเราเป็นเหตุ..
     
  10. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    จากที่ได้พูดคุยกับหลายท่านทั้งหน้าไมค์ หลังไมค์
    ทั้งในเว็บชุมชนชาวจิตเกาะพระนั้น ทำให้พบว่าหลายท่านกำลังใจตกลงมาก
    ส่วนนึงเป็นพระพยายามจำภาพพระ จับภาพพระไม่ติดบ้าง
    เห็นภาพพระบ้าง ภาพพระหายบ้าง... ทำให้กำลังใจตก
    เกิดความคิดต่างๆ นาๆ ทำให้ไม่อยากเกาะพระ
    หรืออาจทำให้พยายามมากเกินไปจนเครียด หรือเคร่ง...

    จิตเกาะพระต้องมีอารมณ์สบาย
    เมื่อจิตสบาย จิตก็จะสงบ
    ถ้าจิตเคร่ง จิตตก ก็จะทำให้จิตวุ่น และทุกข์


    ขอใ้ห้ทุกท่านฝึกจิตเกาะพระแบบสบายๆ นะคะ
    เดินทางแบบพอดี แบบกลางๆ
    ไม่เคร่ง ไม่มาก ไม่้เยอะ ไม่ตึง ไม่หย่อน


    เมื่อไรที่เห็นภาพพระ หรือเห็นบ้่าง ไม่เห็นบ้างก็ตามที
    ขอให้มีสติระลึกรู้ไว้เสมอ...
    ที่สำคัญ กำลังใจนั้นอย่าได้ตก
    เมื่อภาพไม่เห็น เราก็ใช้จิตส่งถึงจิต
    คือ ส่งจิตเราส่งถึงจิตพระ
    ด้วยการส่งความคิดถึง ความรู้สึกนึกคิดของเราไปหาพระ
    เช่น ขณะนี้เรากำลังทำอะไร คิดอะไร กายรู้สึกยังไง
    เราอยู่อารมณ์ไหน ตอนนี้สุข-ทุกข์-เพลีย-เหนื่อย-สนุก ฯลฯ
    บอกพระในใจได้ทั้งหมดเลยค่ะ
    บอกพระได้ทุกเวลา...
    ไม่ว่าเราไปไหน ทำอะไร พระจะอยู่ข้างเราเสมอ
    ถ้าเราหมั่นคิดถึงพระบ่อยๆ พระก็จะอยู่ในจิตเรา


    เมื่อเราคิดถึงพระบ่อยๆ เราก็จะมีสติมากขึ้น
    เกรงใจพระมากขึ้น เวลามีกิเลสเข้ามา เราก็รู้ทัน และพระก็รู้เช่นกัน

    ทุกคืนก่อนนอน
    จะพยายามระลึกนึกความบริสุทธิ์ ความเมตตาของพระที่มีต่อสัตว์โลก
    วันนี้เจออะไรมาบ้าง วันนี้เป็นอย่างไร ก็จะบอกพระในใจให้หมด
    แบบนี้จะทำให้เรารู้สึกว่า พระอยู่ใกล้ๆ เราเสมอ
    กำลังใจจากการคิดถึงพระก็จะช่วยให้เรามั่นใจในความดี และการฝึกมากขึ้น


    และอีกหนึ่งอย่างที่อยากจะฝากผู้ปฏิบัติทุกท่าน
    การอยากไปนิพพาน ไม่อยากเกิดอีกแล้วเป็นความอยากที่ดี
    ขอให้เก็บมาเป็นกำลังใจไว้ให้เราได้พยายามพัฒนาตัวเองต่อไป


    การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับการทานข้าว
    อย่าไปนึกถึงความอิ่มถ้าเรายังทานข้าวอยู่
    เราต้องกินไปเรื่อยๆ จนอิ่ม .. อิ่มและพอ.. และใช่ที่เองเมื่อไรก็อยู่เท่านั้น
    การปฏิบัติก็เหมือนกัน.. อย่าไปคิดว่าไม่ก้าวหน้า หรือไม่มีทางสำเร็จ หรือนึกว่าสำเร็จวันไหน..
    ขอให้ตั้งใจปฏิบัติไปเรื่อยๆ ถึงเป้าหมายวันไหนก็วันนั้น จิตจะบอกเองว่าใช่แล้ว ถึงแล้ว..


    ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ.. ไม่ต้องกังวลหน้า กังวลหลัง..
    มีสติอยู่กับปัจจุบันให้มาก..
    ตราบใดที่มีลมหายใจก็ขอมีจิตระลึกถึงพระ มีจิตเกาะพระไปจนตาย..
    เราทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ วันนี้แล้ว..
    ไม่ต้องกลัวอดีต ไม่ต้องกลัวอนาคตอีกต่อไป...
    เพราะเราทำดีที่สุดแล้วนะ...

    บุญรักษาทุกท่านจ้า





    ปล.๑. ลืมบอกไป ใครอยากได้กำลังใจเพิ่มไปคุยกันที่ได้
    jitkohphra.com ในช่วงหัวค่ำของทุกวันได้เลยค่ะ
    ช่วงหัวค่ำคึกคัก ญาติโยมเยอะแยะ ได้รับกำลังใจกันไปเยอะ
    พิมพ์ตอบคำถามแทบไม่ทัน
    ยิงกันเป็นชุดๆ.. ฮ่าๆ..


    ปล.๒. ใครที่พยายามคลิกสมัครสมาชิก แล้วสมัครไม่ได้
    ลองคลิกขวา แล้วเลือกแท็บใหม่ หรือหน้าต่างใหม่นะัคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2012
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    วันนี้มาเพื่อสำรวจจิต เบื้องลึกของคน ของมนุษย์กันโดยเฉพาะ

    กรุณาแจ้งรายชื่อไว้ล่วงหน้ากันได้ ที่นี่!
    ที่กระทู้นี้ และจะได้เป็นหลักฐาน
    เพราะนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะมาเก็บตกจิต ดวงจิต สำหรับสายบุญของกระทู้นี้
    เพื่อหาแนวร่วมทำบุญใหญ่(ขอเน้น คำว่า บุญใหญ่ คือ การสร้างบุญภายใน จิตในจิตของตน)

    โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ ทำเพื่อพระพุทธศาสนาของพวกเรา
    อันได้แก่
    1.ทำเพื่อพระพุทธ หรือพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ โดยเฉพาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และสมเด็จองค์ปฐม
    2.ทำเพื่อพระธรรม
    3.ทำเพื่อพระสงฆ์ โดยเฉพาะพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาาษีลิงดำ หรือพระอริยเจ้าท่านอื่นๆ ตามที่ท่านรักเคารพ เลื่อมใส และศรัทธา
    4.สุดท้าย ทำเพื่อจิต ดวงจิต ที่ยังไม่หลุดพ้นจากกองแห่งทุกข์ หรือวัฎฎะ
    หรือลูกหลานเหลนของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ เพื่อให้กลับเข้าสู่เส้นทางสายตรง หรือทางสายกลาง หรือมรรคมีองค์8 อันได้แก่ มรรค ผล นิพพาน
    โดยเฉพาะจิต ดวงจิตที่มีจุดหมาย หรือเป้าหมายปลายทางที่ชัดเจนกัน ก็คือ พระนิพพาน เป็นหลัก

    แต่เมื่อไหร่ ชาวคณะจิตบุญพร้อม จะรีบแจ้งให้ทุกท่านทราบกันภายหลัง
    (กรุณาอย่าได้ถามไถ่กันตอนนี้ ขอยื่นแบบฟอร์มสำรวจกันก่อน)

    ใครมีความรู้สึกแบบนี้กันบ้าง?
    1.อยากรักษาศีลให้ครบบริบูรณ์ หรืออยากรักษาอุโบสถศีล(ศีล8) แต่จะต้องเริ่มต้นการรักษาศีลหยาบก่อน(ศีล5)
    2.อยากปฎิบัติธรรม โดยอยากเข้าถึงธรรมชาติของจิต(กระแสจิต) และอยากเข้าถึงแก่นธรรม(กระแสธรรม) กันจริงๆ
    3.สำหรับผู้ผ่าน 2 ข้อแล้ว หรือกำลังจะผ่านข้อใดข้อหนึ่ง คือ มีจิตใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรม ดังที่ได้กล่าวข้างต้นมาแล้ว
    กรุณาได้โปรดมาลงชื่อไว้(นามแฝง) ในกระทู้นี้


    ปล. กระทู้นี้ ไม่ใช้วิธีการเรี่ยไรเงินทอง ไม่นิยมทำบุญด้วยเงินทองแต่อย่างใด
    แต่จะเน้นเรี่ยไรของจิตคน จิตมนุษย์ และนิยมสร้างบุญภายใน มากกว่าภายนอก
    แต่มิได้ปฎิเสธการทำบุญภายนอก แต่อย่างใด
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอแนะนำบุคคลที่จิตตก หรือจิตกำลังจะตก​

    ควรพึงระวังให้ดีๆ เพราะจิตยังไม่พ้นอบายภูมิกัน

    การทำจิตเกาะพระนั้น ก็ถือว่าเป็นการกระทำความดีอย่างหนึ่ง
    ถือว่าเป็นการสร้างกำลังใจ หรือสร้างบุญบารมี ภายในจิตของตน

    ขอให้พวกเรามีความอดทนกัน เพราะการทำบุญใหญ่ ก็ย่อมมีอุปสรรค์มากมายเช่นกัน เปรียบดั่งผู้ที่กำลังทำงานใหญ่ ความรับผิดชอบก็ต้องใหญ่ตามาด้วย และก็ย่อมมีปัญหา และอุปสรรค์ตามมาอีกมากมายด้วย
    เพราะฉะนั้นแล้ว การทำความดี ก็ต้องย่อมกระทำได้ยากกว่า การกระทำไม่ดี
    หรือ การทำไม่ดีนั้นก็มักจะกระทำกันได้ง่ายกว่า
    เพราะผลของกรรมดีนั้นจึงส่งผลช้ากว่า กรรมไม่ดี

    เพราะฉะนั้นขอให้พวกเราอดทน มีความเพียรให้มาก
    ขอให้แลดูพระองค์ท่าน พระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง ก่อนที่จะมาเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์ท่าน ทรงลำบากทั้งพระวรกายและพระฤทัย มากกว่าพวกเราเป็นไหนๆ และทรงบำเพ็ญเพียรพระบารมีมากกี่ภพชาติกันแล้ว
    และพวกเราทำแค่จิตเกาะพระกันอยู่นี้ ยังทำกันไม่ได้ ก็เพราะขาดความเพียร ความอดทนกัน
    นี่พวกเราอย่าลืมกันนะว่า พวกเรากำลังสร้างบุญใหญ่ให้กับตนเอง มิใช่ใคร
    แต่ถ้าทำสำเร็จแล้ว เราก็สามารถไปช่วยคนอื่นๆกันได้อีก และจะเป็นการสร้างบุญใหญ่สองเด้ง สามเด้งด้วย
    เพราะเราหลุดพ้นจากกองทุกข์นี้ได้แล้ว เราก็ยังนำพาให้ผู้อื่นๆหลุดพ้นตามเราไปด้วย

    นี่เรากำลังจะกระทำตามใคร
    (พระพุทธเจ้า)
    สำหรับผู้ทำจิตเกาะพระสำเร็จกันแล้ว ท่านจะนิ่งดูดายกันรึ? ท่านจะนิ่งอมยิ้ม ปิติสุขลึกๆภายในจิตใจขอตนรึ? รอวันตายและจะไปนิพพานคนเดียวกันรึ?
    หรือท่านอยากเป็นนักบุญที่เห็นแก่ตนกันรึ?
    ขนาดพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา ไปกว่า 2500 ปีแล้ว
    แต่พระองค์ท่านก็ทิ้งพระธรรมให้พวกเรา คนรุ่นหลังได้มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนกันต่อๆกัน จนถึงทุกวันนี้ ก็เพื่อให้พวกเราได้มีโอกาสมีดวงตาเห็นธรรม
    ได้มีโอกาสชิมรส คำว่า พระนิพพาน
    และที่สำคัญที่สุดก็คือ มีโอกาสนำพา ชักนำกันยกจิตให้สูงขึ้นไป เพื่อขนจิต ดวงจิตกลับขึ้นไปบนพระนิพพานกันให้ได้มากที่สุด เท่าที่พวกเราจะกระทำกันได้
    โดยตลอดก่อนที่จะหมดเวลา หรืออายุขัยของตน

    ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังทำจิตเกาะพระ หรือปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ปฎิบัติธรรม ปฎิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ขอให้พวกเราจงระลึกกันให้ดีๆว่า เรากำลังสร้างกำลังใจ บุญ หรือบารมีของตนเอง เพื่อเป็นสมบัติภายในของตน มิใช่เพื่อใครเลย
    เพราะกำลังใจ บุญบารมีของตนนี้ ก็เปรียบเสมือนพลังงาน เชื้อเพลิงที่จะนำพาให้จิต ดวงจิตของเราไปได้ถึงบนสวรรค์ พรหม หรือพระนิพพานกัน นั่นเอง

    พระนิพพานเป็นชื่อสมมุติของมนุษย์โลกก็จริงอยู่ แต่มีอยู่จริง
    โดยที่มิต้องไปรอพิสูจน์กันตอนตาย
    โดยเฉพาะจิตนิพพานบนดิน ก็ยังมีอยู่เยอะ เพียงแต่เราไม่รู้กัน เท่านั้นเอง
    สำหรับผู้ที่กำลังรู้สึกกันอยู่นี้ ท่านก็สามารถตอบตนเองกันได้แล้ว
    โดยมิต้องไปถามใครๆด้วย ผมหมายถึงท่านปฎิบัติกันถึงแล้วนะ ก็จะทราบได้เอง และไม่จะหายข้องใจ ไม่มีใครมาเถียงกันด้วย ถ้าผู้นั้นปฎิบัติถึงกันแล้ว เพราะว่า จิตเป็นพุทธะอันเดียวกัน หรือจิตพบธรรมะตัวเดียวกัน
    โดยเริ่มต้นที่เรามีสติเยอะๆ และสตินี้จะเข้าไปถึงธรรมชาติแห่งจิต
    และจิตก็จะเข้าไปที่ธรรมชาติของธรรม หรือธรรมชาติ หรือธรรมดา หรือจิตเข้าไปรู้สภาวะธรรมต่างๆนั้น
    เมื่อจิตเรียนรู้และเข้าใจแล้ว เมื่อจิตไปถึงกระแสธรรมแล้ว จิตจึงยอมน้อมรับถึงความเป็นจริงของธรรมชาติ หรือว่าของธรรมนั้นๆ
    จิตจึงจะละ ปล่อย วางกันได้จริงๆ ณ.ตรงนี้
    มิใช่เราเอาธรรมะมาข่มจิตข่มใจกันเพียงชั่วคราวกันนั้น อันนั้นมันใช้ไม่ได้
    เราจะต้องละปล่อยวาง อย่างถาวรกันตรงที่จิตของตนเอง (เท่านั้นจริงๆ)
    ถึงวันหน้าจะมีอะไรมากระทบที่จิตโดยตรง อย่างร้ายแรงก็ตามที ก็มิอาจมีผลต่อจิตใจของตนได้เลย
    นี่มันจะต้องเป็นกันแบบนี้ด้วยนะ
    มันถึงจะเรียกว่า ถึงพริกถึงขิง กันจริงๆ

    สำหรับผู้ที่หลุดพ้น นั้นจึงหมายถึงว่า จิตผู้ที่บำเพ็ญมาดีแล้ว และจะต้องลอยอยู่เหนือขันธ์5 ของตนเองด้วย
    จิตใจของเราจึงจะหลุดพ้นจากกองทุกข์กันจริงๆ
    แต่มิใช่แค่ทำใจกันได้ชั่วคราวนะ

    แต่ถ้าตราบใดผู้ที่ยังครองขันธ์5 กันอยู่ และโดยเฉพาะยังรู้สึกว่า ร่างกายนี้ของตน ของเรา จิตยังยึดถือเอาอุปาทานขันธ์ อัตตา มานะกันอยู่ละก้อ
    หรือจิตยังไม่เลิกวิ่งตามกระแสโลก กระแสกิเลส โดยเฉพาะความโกรธของตนเองกันอยู่เลย
    อย่างไรเสีย จิตก็ไม่มีวันที่จะหลุดพ้น หรืออกจากความทุกข์กันนี้ได้เลย
    ใครรู้ตัว หรือไม่อยากมีทุกข์
    ก็จงรีบสร้างสติกันตั้งแต่เนิ่นๆ เดี๋ยวต่อไปสติมีมากขึ้นแล้ว ก็อาจจะมีเข้าสักวันนึงสติก็จะรวมกับจิตได้เอง ต่อไปก็จะเป็นทุกข์น้อยลงไปกันแล้ว

    เฉพาะผู้ปฎิบัติมาดีแล้ว แต่ยังยึดติดกับปิติ สุขที่จิตเป็นสมาธิ จิตทรงฌานกันอยู่นั้น จิตท่านกำลังอยู่ในเขตแดนของ สมถะสมาธินั้น
    ขอให้ท่านผู้ปฎิบัติ จงใช้สติไปปลุกให้จิตตื่นจากภวังค์ หรือปิติสุข หรือฌานกันอยู่นั้น ให้นำจิตขณะทรงสมาธิ ทรงฌานกันอยู่นั้น ให้ทำวิปัสสนากันต่อไป ตามที่พระพุทธเจ้า ท่านทรงปฎิบัติเป็นตัวอย่างให้ดูกันไปแล้ว
    จิตผู้ที่ยังอยู่ที่กล่าวมาแล้วนี้ จงสร้างสติกันให้มากหน่อย แต่ถ้าไม่มาก จิตก็ไม่มีกำลังเดินทางไปต่อ และอย่าเพิ่งไปพูดถึงปัญญากันเลย เพราะตราบใดสติยังมีไม่มากพอ
    ตรงนี้ผมเคยอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำว่า จิตผู้บำเพ็ญเพียรบารมีนั้น
    จิตที่กำลังติดปิติสุข หรือฌานกันอยู่นั้น นั่นก็หมายความว่า เราก็ยังไม่พ้น คำว่า อบาย หรือนรกภูมิกันนะ

    แต่ถ้าผู้ใครจะมุงหวังจะไปพระนิพพานกันไวๆในชาตินี้กันละก้อ
    จงสร้างสติกันให้มากๆ และน้อมจิตไปทำวิปัสสนากันบ่อย และน้อมจิตเข้าพระไตรลักษณ์ เป็นธรรมสุดท้ายกันด้วย จิตต้องผ่านตรงนี้ไปก่อน
    จิตจึงจะยอมละปล่อยวางกับรูปนามกันนี้ได้ โดยเด็ดขาด

    ธรรมายาว...จบ..
    เห็นใครบ่นแถวๆนี้กันไม่รู้ ว่าอยากฟังเทศน์....ก็เลยจัดให้...คิคิ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มิถุนายน 2012
  13. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    มาลงชื่อ สมัครค่ะ โอกาสดี โอกาสทอง ใช่จะมีกันได้บ่อยๆ
     
  14. นิติทอง

    นิติทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +585
    ขอลงชื่อไว้ด้วยครับ กลัวไม่โดนเก็บตก
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    สมัครแน่นอนค่ะ มาที่กระทู้นี้มีแต่ความสุข ทั้งสอน ทั้งเตือน ทั้งปลอบใจและให้กําลังใจ(ซ่อมแซมหัวใจที่ชํ้าๆมา)ทําให้จิตเกาะพระง่ายขึ้น ขอบพระคุณท่านภูและท่านอาจารย์ทุกๆท่านและเพื่อนๆในเวปพลังจิตค่ะ.....ซึ้งๆๆ(f)
     
  16. watta chan

    watta chan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +586

    ขอลงชื่อด้วยครับ WATTA CHAN
     
  17. กรรมบท 10

    กรรมบท 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +237
    ลงไร ลงด้วยคนค่ะ เกาะตลอด ๆๆ ป้อม ค่ะ
     
  18. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    มาลงชื่อด้วยคนคะ เมิล คะ
     
  19. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    สู้ค้า ครูวิทย์
    ตลอดทุกวัน ทำได้อยู่แล้วคะ
    แต่ถ้าเป็นตลอดทั้งวันนี้ยังไม่ได้คะ
     
  20. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    สาธุคะ น้องหว้า
    ใช่เลยคะเป็นเหมือนที่น้องบอกเลยคะ
    จะนำปรับปรุงการปฏิบัติคะ
    มีพระในจิตทุกๆวันคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...