นิทาน เรื่อง "พญานาค"

9 ปางอวตารขององค์ศิวะเทพ ที่ชาวโลกรู้จักดี

ปางอวตารพระศิวะ

1. ปางศิวะนาฏราช (พระศิวะกำลังร่ายรำ)
ในตำนานเล่าว่า พระศิวะทรงชักชวนพระนารายณ์ปลอมแปลงโฉม เป็นสามี-ภรรยากันไป ณ ป่าแห่งหนึ่ง เพื่อกำราบเหล่าดาบสที่ไม่ตั้งตนบำเพ็ญตบะ และบูชาเทพอย่างที่ควร ดาบสกลุ่มนั้นประพฤติตนเหลวไหล ใฝ่ไปในทางชั่วมากกว่าจะอยู่ในศีลในธรรม

เมื่อทั้ง 2 มหาเทพไปปรากฏตัวในป่านั้นในฐานะของโยคีหนุ่มกับภรรยาสาว (พระนารายณ์ทรงปลอมเป็นภรรยาพระศิวะ) เหล่าดาบสผู้มากกิเลสตัณหา ก็พากันมาเวียนวน เกี้ยวพาราสีสาวงามภรรยาของโยคีหนุ่ม โดยไม่สนใจหรอกว่านางเป็นผู้มีคู่มีเจ้าของแล้ว บรรดาเมียๆ ของดาบส ต่างก็ไม่วางตนว่าไม่โสดแล้ว พากันมาให้ท่าทอดสะพานโยคีรูปงามกันมิเว้นวาย

เวลาผ่านไป ก็ไม่มีดาบสผู้ใดพิชิตภรรยาสาวของโยคีได้ ความพิศวาสจึงได้กลายเป็นความเคืองแค้น เหล่าดาบสจึงพากันสาปแช่งโยคีและเมียรักให้มีอันเป็นไป แต่ทว่าคำสาปนั้นหลับไม่เกิดผลใดๆทั้งสิ้น พวกดาบสนั้นไม่อาจล่วงรู้ได้ว่า โยคีนั้นคือพระศิวะและภรรยานั้นคือพระนารายณ์ อิทธิฤทธิ์เวทมนตร์ใดๆ ก็มิอาจกล้ำกรายผู้เป็นเทวะได้แน่นอน แต่ด้วยความไม่รู้นั้น จึงยังทำพวกดาบสกำเริบเสิบสานต่อไป

พวกดาบสส่งยักษ์ชื่อมุยะละกะมาปราบ พระศิวะก็ทรงสำแดงฤทธิ์เดช ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบอกยักษ์ไว้ แล้วก็ทรงร่ายรำไปในลีลาอันวิจิตรพิสดารยิ่งนัก บรรดาดาบสทั้งหลายจึงยอมศิโรราบ กราบขอขมาต่อพระศิวะโดยดี เมื่อได้ตระหนักว่าตนกำลังอหังการกับมหาเทพเสียแล้ว

อีกตำนานโบราณฝ่ายไศวะนิกาย กล่าวไว้ว่า เมื่อพระศิวะทรงตีกลองเป็นจังหวะอันไพเราะ โลกใบนี้ได้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะกลองนั้นด้วย และเมื่อพระศิวะทรงร่ายรำเคลื่อนไหวพระองค์และพระกรพลิ้วไป ก็เป็นเหตุให้บังเกิดสุริยจักรวาลขึ้นในบัดนั้นเอง นักระบำของอินเดียจะต้องร่ายรำในท่าบูชาพระศิวะก่อนเสมอ แล้วจึงค่อยร่ายรำในท่าอื่นๆต่อไป

2. ปางมหากาลไภรวะ (พระพิราพ)
เป็นปางดุร้ายปางหนึ่งของพระศิวะ ประเทศอินเดียถือว่าพระพิราพ หรือพระไภรวะนี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับนาฏศิลป์ เพราะท่านเป็นผู้ให้กำเนิดท่ารำที่เรียกว่า “วิจิตรตาณฑวะ” ซึ่งเป็นท่ารำท่าหนึ่งใน 108 ท่ารำของพระศิวะ ดังนั้นจึงถือว่าท่านเป็น “นาฏราช” ที่หมู่นาฏศิลป์อินเดียให้ความเคารพเกรงกลัว เพราะถือเป็นเทพที่บันดาลความเป็นความตายได้ แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นผู้ให้ชีวิตและปัดเป่าโรคภัย

3. ปางจักราธนมูรติ (วิษณุวาณุครหมูรติ)
อันเนื่องจากพระวิษณุเทพได้ทำสงครามกับอสูรบนสวรรค์ และเกิดความเพลี่ยงพล้ำไม่อาจชนะฝ่ายอสูรได้ จึงได้ทำพิธีบูชาพระศิวะเทพขึ้น ด้วยการบูชาพระองค์ด้วยดอกบัววันละ 1,000 ดอกทุกวัน จนวันหนึ่งหาดอกบัวไม่ได้พระวิษณุเทพจึงควักลูกตาของตนเพื่อถวายบูชาแก่องค์ศิวะเทพ พระองค์ทรงพอพระทัยมาก จึงประทานลูกล้อ หรือจักรหินสัญลักษณ์ของพระศิวะเทพเพื่อให้เป้นอาวุธของพระวิษณุต่อไป

4. ปางนนทิศานุครหมูรติ (กายเป็นมนุษย์ เศียรเป็นโค)
ปางนนทิศานุครหมูรติสรังคยานะเกิดมาไม่มีบุตรสืบสกุล จึงไปขอพระเป็นเจ้า วิษณุเทพได้ประทานบุตรมาให้ตน ด้วยพอใจการบวงสรวงบูชาของฤาษี บันดาลอิทธิฤทธิ์ให้เด็กถือกำเนิดจากสีข้างของพระองค์ ทารกนี้รูปร่างเหมือนพระศิวะ ทรงพระราชทานนาม นนทิเกศวร นนทิเกศวรได้พรจากพระศิวะ ต่อมานนทิได้นำพิธีทรมานร่างกายบนยอดเขามันธระเพื่อให้เข้าถึงพระศิวะเจ้า พระศิวะเทพโปรดปรานมาก ทรงปรากฏตัวให้เห็นและรับเอาฤาษีนนทิเป็นหัวหน้ามหาดเล็กรับใช้อยู่ที่เขาไกรลาศ ทรงแต่งตั้งให้เป็นเทพบุตรนนทิเกศวร ส่วนพระชายาของเทพบุตรพระองค์นี้คือ นางสุยาศุ บ้างก็ว่าเทพบุตรพระองค์นี้ตัวเป็นมนุษย์ หัวเป็นโค

5. ปางกิรทารชุนมูรติ
ท้าวอรชุน (ในมหากาพย์ภารตะ) ทำพิธีบูชาพระศิวะเพื่อขอประทานลูกธนูศักดิ์สิทธิ์ให้ตนเพื่อไปยิงอสูร ท้าวอรชุนได้บวงสรวงอยู่ที่เขาไกรลาศ พระศิวะใช้มายาแปลงเป็นหมูป่าเข้าทำร้ายพราหมณ์หนุ่มและท้าวอรชุน พราหมณ์หนุ่มต้องการยิงหมูป่า อ้างว่าตนเห็นก่อน แต่ท้าวอรชุนไม่ยอม บอกว่าตนต่างหากที่เห็นก่อน จากนั้นทั้งคู่ก็เลยต้องเดิมพันด้วยการต่อสู้กัน ไม่ว่าท้าวอรชุนจะใช้อาวุธใดก็มีอาจทำร้ายพราหมณ์หนุ่มได้ จนเมื่อท้าวอรชุนทรุดตัวลงกราบ พระศิวะพอพระทัยมอบลูกธนูวิเศษให้ไปปราบอสูร

6. ปางราวันนานูครหมูรติ
ทศกัณฐ์ เจ้าเมืองลงกา หลังจากทำสงครามกับท้าวกุเบร ได้เสด็จผ่านเทือกเขาหิมาลัย เห็นว่ามีทัศนียภาพอันน่ารื่นรมย์ ตั้งใจจะเข้าไปชมสถานที่ แต่เจอนนทิเกศวรหัวหน้ามหาดเล็กของพระศิวะเทพขวางทางไว้ เพราะเขาไกรลาศเป็นที่ประทับของพระศิวะเทพและพระนางปราวตี ห้ามผู้ใดล่วงล้ำเข้าสู่เขตพระราชฐานทศกัณฐ์โกรธ ขู่อาฆาตและสาปแช่งว่า นนทิต้องสิ้นชีพด้วยน้ำมือลิง แต่นนทิเกศวรบอกว่า ทศกัณฐ์ต่างหากที่ต้องสิ้นชีพด้วยน้ำมือลิง ทศกัณฐ์โกรธเตรียมจะยกเขาไกรลาศขึ้นทุ่ม แค่โยกเขาด้วยอิทธิฤทธิ์เท่านั้น บรรดาเทวดาและมนุษย์ก็เดือดร้อนหนีกันจ้าละหวั่น พระนางปราวตีได้ทูลขอให้พระศิวะให้แก้สถานการณ์ ทรงใช้เท้าเหยียบที่พื้นลงเบาๆ เพื่อให้เขาไกรลาศตั้งดังเดิม ทรงปราบพยศอสูรทศกัณฐ์จนยอมศิโรราบ พระศิวะเทพโปรดประทานดาบศักดิ์สิทธิ์ให้จากนั้นทศกัณฐ์ได้เดินทางกลับกรุงลงกา

7. ปางกาลารีมูรติ
ฤาษีตนหนึ่ง ได้ทำพิธีบูชาสวดมนตร์อ้อนวอนขอลูกกับพระศิวะเทพ พระศิวะทรงโปรดการบูชาจึงประทานลูกให้ แต่บอกว่า เด็กคนนี้จะอายุสั้น ฤาษีและภรรยา ได้เลี้ยงดูลูกจนอายุ 16 ปี ลูกชายไปได้บวงสรวงต่อพระศิวะระหว่างที่ชะตาถึงฆาตประจวบเหมาะว่า เป็นช่วงที่เด็กคนนี้กำลังบูชาศิวลึงค์อยู่พอดี พระยม-กาลแห่งความตายได้เดินทางจากเมืองนรกมารับตัวเด็กหนุ่ม พระศิวะเห็นดั่งนั้นทรงพิโรธ ทรงปรากฏกายออกจากศิวลึงค์เข้าเตะพระยม พระยมสู้ฤทธิ์พระศิวะไม่ได้จึงหนีไปพระศิวะประทานพรให้เด็กหนุ่มมีชีวิตเป็นอมตะ

8. ปางกานันทกามูรติ
ปางนี้ คือ ปางพระศิวะทำลายเทพเจ้าแห่งความรัก (กามเทพ) เมื่อพระนางสตีเผาร่างตนเองไปนั้น พระศิวะเสียใจมาก และเข้าสู่สมาธิเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ในที่สุดเมื่อพระนางมาจุติใหม่ โดยแบ่งภาคมาจากพระแม่ศักติ-ศิวา มาเป็นพระนางปราวตี กามเทพต้องทำหน้าที่เพื่อให้ศิวะเกิดความรัก เพื่อจะได้มีบุตรในการไปปราบอสูรชื่อ ทาราคา ในที่สุดเมื่อทุกอย่างสำเร็จ ทรงมีโอรสขึ้นมาคนหนึ่งชื่อ ขันธกุมาร หรือ กาติเกยะ หรือกุมารา หรือสุภามันยะเพื่อไปปราบอสูร

9. ปางอรรธนารีศวร (ครึ่งพระศิวะ ครึ่งพระอุมาเทวี)
ปางนี้เป็นปางครึ่งหญิงครึ่งชายในรูปลักษณ์ทางประติมากรรมนั้น จะแบ่งซีกระหว่างพระศิวะกับพระอุมาเทวี พระศิวะอยู่ทางซีกขวา และพระอุมาเทวีอยู่ทางซีกซ้าย ซึ่งถ้าผู้ที่เข้าใจระบบความเชื่อแบบทวิลักษณะแบบจีน หรือ คัมภีร์หยิน-หยางย่อมเข้าใจได้ว่า ชายขวา-หญิงซ้าย นั่นคือสูตรตามแบบฉบับของคัมภีร์นี้ ปางนี้ได้กำเนิดขึ้นครั้งแรก ครั้งเดียว ในสมัยการสร้างจักรวาล กล่าวคือ พระพรหมได้รับภารกิจให้สร้างมนุษย์เพศชายเพียงเพศเดียว แต่เพศชายเพียงอย่างเดียวไม่มีกำลังในการขยายเผ่าพันธุ์ในโลกใด้ ครั้งจะสร้างเพศหญิงขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะเอาแบบอย่างมาจากไหน พระพรหมจึงต้องบวงสรวงมหาเทวาธิเทวะ มหาเทวะ ศิวะเทพ เพื่อให้เสด็จมาแก้ปัญหาที่ค้างคาใจอยู่พระพรหมบวงสรวงจนเป็นที่พอใจก็เลยเสด็จมา นับเป็นครั้งแรกที่มาในปางอรรธนารีศวร เพศหญิงและเพศชายที่รวมกันอยู่ในร่างเดียวกัน ทำให้พระพรหมเข้าใจในกำลังเสริมของเพศคู่นี้ อันจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และชีวิตใหม่

**************************

ใช่จริงๆ ด้วยแหละ คะรุทาผู้น่ารัก ปางภูเตศวร ต้องไปถามจากทมยันตีนะ เพราะเค้าเป็นคนเขียนเรื่องจ้ะ เราไม่รู้...

 

จบแระ..??? แล้วหนุมานเกิดมามีหน้าที่อะไร??

 

..สะบายดี..เพื่อนสมาชิก ในวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2555..ครับ

..กำลังอยากทราบ เรื่องเกี่ยวกับประวัติหนุมาน..พอดี ..ขอบคุณ..ครับ

... คุณคะรุฑา...อยู่ใกล้...โรงงานระเบิด..มีสารเคมีฟุ้งไปทางบ้านรึเปล่า..ครับ.:boo:.

...ใครไปเที่ยวไหน ถ่ายรูปมาฝาก..ให้ดูด้วยนะครับ...ไปทำงานต่อละ...แว๊บ...บ..

<marquee direction=left scrollamount=7></marquee>

 

มีค่ะ คุณโปสแมน..ควันดำพุ่งมาพร้อมแสบตา และระคายเคืองตาค่ะ.
แถวบ้านอพยพชั่วคราวหลายหลังเลยค่ะ..
แต่โชคดีที่พอระเบิด ฝนตกหนักมากๆๆๆเลยค่ะ ควันเลยจางไปค่ะ..
ส่วนตอนนี้ ปกตินะคะ

 

หนุมาน เป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์ และภักดีค่ะ
ส่วนเรื่องหน้าที่นั้น ก็อวตารมาช่วยพระรามรบกับทศกัณฑ์ในมหากาพย์เรื่องรามเกียรติ์ยังไงล่ะคะ เรื่องนี้พระพิฆเณศเป็นผู้แต่งค่ะ เอ้ยไม่ใช่ เป็นผู้เขียนค่ะ

 

น่ารักอ่ะ ช้อบ...ชอบ คุณPostman (ชอบภาพนะ อย่าเข้าใจผิด)

 

สวัสดี..คุณ postman เรากำลังจะไป จ.ประจวบฯ วันนี้(สี่ทุ่ม) เช้าวันที่ ๗ ไปดำน้ำดูปะการังที่เขาทะลุ..เราก็กำลังกังวลใจว่า..ถ้าฝนตกเราจะไปดำน้ำได้งัย..เราก็เปียกฝน..อ่ะสิ..แล้วเราเห็นรูปเสือถ่ายรูป ..เราก็ต้องถ่ายรูปมาให้สมาชิกดูอีกแระ ก็เราเกิดปีเสือ..นิ ฝีมือการถ่ายภาพ..ก็...? มาก เฮ้อ ! กลุ้มใจ..วุ้ย แต่จะพยายามละกัน วันที่ ๘ ก็ไปนอนที่ สวนผึ้ง จ.ราชบุรี (ไปอีกแระ..เพิ่งกลับมาเมื่อวาน) จะกดซัตเตอร์เป็นว่าเล่นเหมือนเดิม..ฮ่าฮ่า แล้วใต้น้ำถ่ายภาพ..งัยหว่า.. สรุปว่ากลับจากไปราชการ (ไม่ได้เที่ยว..นา..) จะมาเล่าให้ฟัง..นะจ๊า..ดาว *

 

ท่านสุมนาเทวี..เราอยากฟังนิทานเรื่องหนุมานก่อนนอน(กลางวัน)อีกอ่ะ..เค้าไม่ได้สันหลังยาวนะตัวเอง..แต่เค้าเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางอ่ะ..เผื่อจะฝันดี(กลางวัน)บ้าง ฮ่าฮ่า..ดาว*

 

นิทานเรื่อง พระศิวะ (ฉบับพกพา)

ตามความเชื่อของเหล่านักบวช เห็นว่าพระศิวะคือต้นตำรับของนักบวชทั้งปวง เพราะทรงเป็นนักพรตบำเพ็ญตบะอยู่บนยอดเขาไกรลาศ ในภาวะที่อยู่ในสมาธินั้น ทรงพิทักษ์โลกไว้ บนพระเกศาที่ม้วนไว้เป็นชฎานั้น มีพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเป็นปิ่นปักไว้ และเป็นที่สถิตย์หรือต้นกำเนิดของพระแม่คงคา คือแม่น้ำอันศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วย ตรงกลางพระนลาฏมีพระเนตรที่สาม อันหมายถึง ปัญญาจักษุ ลำพระศอเขียวคล้ำเนื่องมาจากทรงดื่มน้ำพิษเอาไว้ เพื่อให้เทวดาเหล่าอื่นปลอดภัยจากอันตราย ทรงมีพญางูเป็นสร้อยสังวาลย์ไว้รอบพระศอ รัดอยู่ที่ปลายพระพาหาและข้อพระกร ทั่วพระวรกายลูบไล้ด้วยผงเถ้าที่เหลือจากการเผาศพ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์หนึ่งของนักบวชฮินดู ทรงมีพระมเหสี 2 พระองค์ คือพระนางปารวตี หรือพระแม่อุมาเทวี พระนางทุรคา พระนางกาลี ซึ่งก็คือ องค์เดียวกัน และมีการแบ่งภาคออกไปในลักษณะต่างๆ และพระแม่คงคา ทรงพาหนะอันวิเศษ คือ วัว ชื่อนนทิ ทรงอาวุธ ทรงนุ่งห่มหนังเสือ และประทับนั่งบนหลังของพยัคฆ์

ตรีศูล เป็นอาวุธประจำกายพระศิวะ เป็นสัญญลักษณ์บ่งบอกถึงเทวอำนาจของพระองค์ที่ใช้พิชิตธรรมชาติ 3 ประการ คือ
1. คุณา หรือปัญญารอบรู้และพรหมจรรย์ความบริสุทธิ์
2. ผัสสะ หรือ ตัณหา
3. ความไม่บริสุทธิ์ หรือความเกียจคร้าน
นอกจากนี้ ตรีศูล ยังหมายถึงความเชื่อมโยงระหว่างสวรรค์กับมนุษยโลก อันเป็นทางไปสู่สวรรค์ของเหล่าผู้ศรัทธา

กลองทมรุ หรือบัณเฑาะว์ เป็นกลองใบเล็กๆ มี 2 หน้า ด้านหนึ่งบ่งบอกถึงความเป็นชาย (ศิวะ) อีกด้านหนึ่งบ่งบอกถึงความเป็นหญิง (ศักติ) ซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน

 

เค้าก็ว่าจะไปเอ่เอ้ตอนกลางวันเหมือนกัน พลังงานยังไม่กลับมาเต็มที่เลย ไม่รู้ไปทำอะไรมา เสียพลังไปมากเลยเมื่อ 2 วันก่อน กลางคืนก็ไม่ค่อยอยู่ ไปตรวจตราความเรียบร้อยของโลกมั้ง

เดี๋ยวจะลองนึกดูนะ ว่าเรื่องของหนุมาน มีอะไรบ้าง?????? แต่ถ้าเป็นหนุมานของไทยนี่ เจ้าชู้ จนยักษ์อายเลยแหละ

 

มารีบเข้ามา...มาฟังปยานาค เล่านิทานกันเร้ว

ใครจะหยุดหนุมานได้?

ครั้งเืมื่อหนุมานกำลังจะหาทางเหาะข้ามทะเลไปยังเมืองลงกานะคะ เพือไปดูลาดเลาว่านางสีดาถูกจับอยู่ที่ไหน เมืองลงกามีไพร่พลทหารมากมายยังไง ก็ระหว่างทางที่กำลังเหาะนั้น เหล่าเทพเทวะ อยากจะทดสอบพลังของหนุมานสักนิดนึง ท่านก็ได้ส่งนางยักษาที่ชื่อว่าสุรสี มาขวางหน้าหนุมานไว้ แล้วบอกว่า เจ้าไม่สามารถเหาะข้ามทะเลไปได้โดยไม่เหาะเข้าไปในปากของข้า

ทำไมน่ะเหรอคะ เพราะนางสุรสีนี้ได้ทำการขยายตัวให้ใหญ่โตมากแล้วก็ทำท่าจะกลืนร่างของหนุมานที่กำลังเหาะอยู่ไปได้ทั้งหมดเลยค่ะ ปากของนางยักษ์ใหญ่โตมโหฬารดูน่ากล้วมาก ๆ ค่ะ

ตายล่ะสิ ทำไงดี หนุมานของเราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด่วน โดยได้ทำการตอบไปว่า “ นางสุรสี เจ้าจะกินข้าก็ได้นะ แต่ปากเจ้ายังใหญ่ไม่พอ” ว่าแล้วหนุมานก็ทำการขยายตัวให้ใหญ่กว่าเดิมนะคะ นางสุรสี ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ทำการขยายปากของตัวเองให้ใหญ่พอที่จะเขมือบหนุมานให้ได้ ขณะที่ต่างพากันขยายตัวให้ใหญ่แข่งกันอยู่นั้น หนุมานประเมินสถานการณ์ดูแล้ว เรืองเห็นจะจบยาก แล้วเขาก็ไม่มีเวลา มาเล่นสนุกกับนางยักษ์นะคะ

คิดได้ดังนั้น หนุมานก็ย่อตัวให้เล็กมาก แค่ขนาดเท่าหัวแม่มือ แล้ว ผลุบพาตัวเองเข้าไปในปากของนางสุรสี แล้ว ก็เหาะออกมาทางรูหูของนางยักษ์ค่ะ เมือเหาะออกมาแล้ว หนุมานก็กล่าวว่า “ นางสุรสี เจ้าแพ้แล้ว เพราะข้าสามารถเหาะผ่านตัวเจ้าไปได้แล้ว ขอให้หลีกทางให้เราแต่โดยดี” นางสุรสี ก็ยิ้มค่ะ เพราะพึงใจในเชาว์ปัญญา และ ไหวพริบของหนุมานค่ะ ก็เลยยอม ให้หนุมานเหาะผ่านไปแต่โดยดี จริง ๆ นางสุรสีก็ไม่ได้ตั้งใจจะกิน
หนุมานอะไรหรอกนะคะ มาลองทดสอบกำลังของหนุมานดูน่ะค่ะ ว่าจะเก่งสมคำร่ำลือหรือไม่

การเหาะไปกรุงลงกาครั้งนี้ ระยะทางไกลพอดูนะคะ เพราะว่า หนุมานก็ต้องไปเจอกับนางยักษ์อีกตนหนึ่งที่คอยดักจับ เงา ของคนที่ผ่านทะเลนี้ แล้ว ลากตัวมาขังไว้ก่อนกินเป็นอาหารเย็นค่ะ คราวนี้ของจริงนะคะ เพราะยักษ์นางนี้หมายจะฆ่าหนุมานจริง ๆ ค่ะ พอเห็นหนุมานเหาะผ่านมา นางยักษ์รีบตรงเข้ามาจะจับเงาของหนุมานให้ได้ ปรากฏว่าหนุมาน ก็รีบเหาะเข้าไปในปากนางยักษ์ แล้วก็ไปขยายตัวเสียจนใหญ่โตอย่างรวดเร็ว จนร่างของนางยัีกษ์ได้ระเิบิดแตกตายไปในที่สุดค่ะ แล้วก็หมดเสี้ยนหนามนะคะ หนุมานก็เห็นทางเข้ากรุงลงกาแล้วที่นี้ หลังจากมีอุปสรรคมาขัดขวางค่ะ

นิทานก็จบลงด้วยประการ ฉะนี้...เอวัง

 

มีภาพถ่ายที่ถ่ายเองเมื่อวันเสาร์ที่ ๕ เดือน ๕ ปี ๕๕ คือเมื่อวานไปร่วมงานฉลองเจดีย์วัดทุ่งเศรษฐี จ.ขอนแก่น กลับจากร่วมงานก็มาเล่าเรื่องให้ท่านฟังจนจบ วันนี้เลยเอาภาพที่ถ่ายมาดู ให้ทุกท่านพิจารณาเองนะครับ ภาพแรกเพียงเพิ่มความสดของภาพ ส่วนภาพที่สองผมเน้นเฉพาะตรงกลางและเพิ่มความเข้มเข้าไป ด้วยความบังเอิญ ภาพที่เกิดขึ้นของกลุ่มเมฆ แล้วแต่จะพิจารณานะครับ

 

น้องถ่ายภาพเก่งมากเลยนะจ๊ะ..ฝีมือขั้นเทพเลยอ้ะ.. สำหรับพี่โชว์ฝีมือทีไร..พวก..?? ชมกันเกรียวกราว..ฮ่า

 

ขอบคุณครับ ภาพต้นฉบับก็แสงสีไม่เข้มเท่าไหร่ครับ อาศัยเพิ่มนิดหน่อยในโปรแกรม Lightroom ครับ

 

ภาพสวย คมชัดดีคะ่ ฝีมือระดับโปรเลยนะเนี่ย ไม่เห็นความแปลกค่ะ เห็นแต่ธรรมชาติ ธรรมชาติของก้อนเมฆที่เคลื่อนไหวไปตามลม

 

ขอบคุณ..สำหรับนิทานก่อนนอน(กลางวัน)นะคะ.ท่านสุมนาเทวี .ขอไปเตรียมความพร้อมร่างกายก่อนค่ะ..ชะแว้บ..ดาว *****

 

ขอตัวไปทานข้าวเช้าก่อนนะคะ..
ถ้าว่างจะแว๊บ มาตามติดใหม่ค๊า...

 

นั่นนา..ว่าแย้ว..ทำลายจิตใจข้อย.:'( น้องมุ๊กอยู่หนายยยย..พี่กำลังช้ำจายยย.pig_cryyไปเอ่เอ๊..ดีกว่า *

 

โถ..น่าสงสารจริงๆ...ร้องไห้มากๆ เดี่ยวตาปูดนะเออ ^_^