นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พาหนะแห่งพระแม่อุมาเทวี คือ เสือ อันหมายถึงพลังอำนาจ ความยิ่งใหญ่ และความสง่างาม

    ศาสตราวุธ แห่งพระแม่อุมาเทวีคือ
    - ตรีศูล เป็นสัญลักษณ์แห่งการปราบปรามสิ่งชั่วร้าย และ
    - ดาบ คือสัญลักษณ์แห่งความเฉียบขาด เป็นผู้ตัดสิน และอยู่เหนือผู้อื่น

    พระแม่อุมาเทวี มีอวตารอยู่หลายปาง ปางที่สำคัญที่สุดอีก 2 ปางจากพระแม่อุมา คือ ปางพระแม่ทุรคา (ทุรกา) และ ปางพระแม่กาลี (เจ้าแม่กาลี)

    อีกปางหนึ่งที่อยากแนะนำ แต่ไม่ค่อยมีคนไทยรู้จัก นั่นคือ ปางพระแม่อุมาตากี คือการอวตารของพระแม่อุมาเทวี ที่รวมเอาพระแม่อีก 2 พระองค์เข้าไว้ด้วย คือ พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวดี ได้อวตารรวมเป็นร่างเดียวกัน เหมือนกับพระตรีมูรติ นิยมนับถือกันในหมู่ผู้นับถือนิกายศักติ หรือนิกายที่นับถือเฉพาะเทพสตรีทั้ง 3 พระองค์ว่ายิ่งใหญ่เหนือกว่า พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ อันเป็นเทพบุรุษสูงสุดแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    กล่าวไว้ว่า พระศิวะ ทรงอวตารลงมาในภาคของ มุนีภพ แต่ก็ด้วยความที่พระองค์ทรงแปลงร่างอวตารลงมาในชุดนุ่งห่มแบบปอนๆ มอซอ และมีสังวาลสวมคอเป็นประคำโดยนำกระดูกมาร้อยต่อกัน ไว้ผมหนวดเครารุงรัง ชอบนอนตามป่าช้า ร่างกายมีกลิ่นตัวเหม็นสาบ (แตกต่างจากการแบ่งภาคอื่นๆ) ทั้งนี้ก็เพื่อเสริมสร้างบารมี ด้วยการบำเพ็ญตน บำเพ็ญตบะ ซึ่งกาลต่อมาด้วยบุญกรรมที่สร้างสมกันมาแต่ก่อน ทำให้พระนางสตีมองเห็นรูปกายที่แท้จริงว่าพระมุนีภาพองค์นี้ก็คือ ภาคหนึ่งแห่งองค์พระศิวะผู้เป็นผู้ใหญ่ในสามโลก พระนางสตีจึงตกลงใจอยู่คอยรับใช้ดูแลในฐานะชายา ฝ่ายพระทักษะประชาบดีมิได้เห็นด้วยกับความคิดของพระนางสตีนัก แต่ก็มิได้ขัดขวางแต่ประการใด ก็มีความคิดที่มาได้ไม่ชอบใจในตัวของพระมุนีภพเลย กลับแสดงความรังเกียจในการกระทำ ทั้งรูปร่าง การแต่งกายของพระมุนีภพมาโดยตลอด

    พระทักษะประชาบดีนั้นมีพระธิดามากมายนัก และก็มากด้วยราชบุตรเขยเช่นกัน เป็นต้นว่า พระจันทร์ พระยมราช และพระมุนีอีกจำนวน 11 องค์ ซึ่งล้วนแต่มีอิทธิฤทธิ์บารมีทั้งสิ้น

    ฝ่ายบรรดาราชบุตรเขยต่างๆ ก็คอยเอาอกเอาใจผู้เป็นพ่อตาอยู่เป็นนิจตลอดมา เว้นก็แต่พระมุนีภพผู้เป็นสวามีพระนางสตีเท่านั้น ที่ไม่เคยเข้ามาเอาใจเลย จึงเป็นเหตุผลอีกกรณี ที่ทำให้พระทักษะประชาบดียิ่งไม่พอใจมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2012
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จนกระทั่งวันหนึ่งพระทักษะประชาบดีต้องการจัดพิธียัญกรรม โดยพิธีการนี้ได้เชิญเหล่าเทพต่างๆ บนสวรรค์ พร้อมทั้งเหล่าราชบุตรเขยเข้าร่วมในพิธีกรรมนี้ทุกองค์ แต่ก็ยกเว้นพระมุนีภพเพียงพระองค์เดียว ที่ไม่ได้ให้เข้าร่วมพิธียัญกรรมในครั้งนี้ด้วย

    ด้านพระนางสตีเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงเข้าสอบถามกับผู้เป็นบิดาถึงเรื่องนี้ ว่ามีเหตุอันใดจึงไม่เชิญพระสวามีของตนให้เข้าร่วมพิธียัญกรรม ฝ่ายผู้เป็นพ่อแรกๆ ก็กล่าวถึงการกระทำ การแต่งกายของพระมุนีภพว่าไม่เหมาะสมและพูดจาดูหมิ่น ดูถูกพระมุนีภพในทางที่เสียหาย

    ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวได้กระทำต่อหน้าราชบุตรเขยองค์อื่นๆ ที่มาร่วมในงานนี้ แต่พระนางสตีก็อ้อนวอนต่อบิดา ให้พระสวามีของตนได้เข้าร่วมในพิธีนี้ จนพระทักษะประชาบดีเกิดความรำคาญเป็นยิ่งนัก จึงกล่าววาจาด้วยเสียงอันดัง ต่อหน้าผู้เข้ามาร่วมในพิธีด้วยความดูหมิ่น รังเกียจต่อพระมุนีภพยิ่งนัก จนในที่สุดพระนางสตีผู้จงรักภักดีต่อสวามีของตน สุดที่จะทนต่อไปได้ ในวาจาที่รับฟังจากพระบิดาตนเองที่กล่าวประจานพระมุนีต่อหน้าผู้อื่น

    พระนางสตีจึงตัดสินพระทัยแสดงอิทธิฤทธิ์ เปล่งแสงเปลวไฟอันร้อนแรงจากภายในกาย จนเผาตนเองมอดไหม้ต่อหน้าพระบิดาและผู้ร่วมพิธี จนสิ้นชีพในที่สุด

    ฝ่ายพระศิวะในภาคพระมุนีภพ เมื่อได้ฟังคำเล่าบอกจาก พระฤๅษีนารท (ฤาษีนารอด) ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระชายาของพระองค์ทรงเศร้าเสียใจเป็นที่สุด จากความเศร้าที่ทรงมีอยู่นั้น จึงทรงดึงเส้นผมออกมาปอยหนึ่ง ก็บังเกิดเป็นอสูรร่างกายใหญ่โต มีฤทธิ์เดชมากมาย มีพันเศียร พันกร สวมประคำหัวกระโหลกและงู นามว่า อสูรวีรภัทร บางคัมภีร์กล่าววาอสูรวีรภัทรนี้แบ่งภาคโดยออกจากพระโอษฐ์ของพระศิวะ

    แล้วพระศิวะจึงได้สั่งให้อสูรวีรภัทรไปยังพิธีที่จัดขึ้นและให้ทำลายพิธีนั้นให้สิ้นในที่สุด ฝ่ายอสูรวีรภัทรเมื่อรับฟังคำสั่งจึงตรงไปยังพิธีทันที พร้อมด้วยเหล่าสมุนยักษนับถัน เมื่อไปถึงจึงเข้าอาละวาดทำลายพิธี และบรรดาเทพทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างก็หลบหนีทันบ้างไม่ทันบ้าง ก็พากันบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย โดยอสูรวีรภัทร

    เมื่อทำลายพิธีแล้ว จึงได้ประกาศในพิธีว่า นี่คือโทษที่ต้องได้รับจากพระศิวะ ส่วนพระทักษะประชาบดีบิดาของพระสตีได้ถูกอสูรวีรภัทรพ่นไฟใส่พระเศียรจนขาดกระเด็นมอดไหม้เป็นจุล และเมื่อหัวขาดแล้วอสูรวีรภัทรจึงนำหัวนั้นโยนเข้ากองไฟมอดไหม้ไปด้วยความแค้นที่ดูหมิ่นในศักดิ์ศรีของพระศิวะ เมื่อทกอย่างเสร็จตามคำบัญชาของพระศิวะ อสูรวีรภัทรพร้อมสมุนยักษ์จึงยกทัพกลับไปเข้าเฝ้าพระศิวะดังเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2012
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เหตุการณ์นี้ทำให้เหล่าเทพทั้งหลาย รวมถึงบรรดาราชบุตรเขยที่รอดชีวิตมาได้ พากันไปขอความช่วยเหลือจาก พระพรหม เพื่อให้ทรงแนะหาทางแก้ไขว่าควรจะทำเช่นไรจึงจะทุเลาความโกรธกริ้วของพระศิวะได้ เพื่อไม่ให้โลกถูกทำลายลงไป เพราะพระศิวะเป็นเทพผู้ทำลาย

    พระพรหมเมื่อได้ฟังแล้วจึงได้นำเหล่าเทพทั้งหลายนั้นไปเข้าเฝ้าพระศิวะที่เขาไกรลาส เพื่อขอความเห็นใจและขมาในสิ่งที่เกิดขึ้น จนในที่สุดการเจรจาพูดคุยกันนั้น พระศิวะจึงยอมสงบศึกพร้อมกับช่วยชุบชีวิตเหล่าเทพที่ได้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น

    ทั้งนี้การชุบชีวิตนั้นก็รวมถึงพระทักษะประชาบดีผู้เป็นพ่อตาของพระองค์ด้วย แต่เศียรที่มอดไหม้ไปนั้นมิได้ทรงนำมาคืนให้ พระองค์ได้นำหัวแพะมาต่อให้กับพระทักษะประชาบดี เพื่อแสดงให้เหล่าเทพทั้งหลายได้เห็นความโง่ของพระทักษะประชาบดี แม้แต่รูปกายภายนอกจะเป็นเช่นไร ก็ไม่สมควรดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามผู้นั้นโดยมิได้ดูถึงเนื้อแท้และการกระทำที่ดีของเขาเลย

    เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้ว พระศิวะจึงมุ่งไปบำเพ็ญตบะ บำเพ็ญตนเป็นมุนีต่อในป่าหิมพานต์เพื่ออุทิศกุศลให้กับพระนางสตี ผู้เป็นชายาของพระองค์ต่อไป...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2012
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    กำเนิดพระอุมาเทวี
    (ชายาแห่งพระมหาศิวะเทพ)


    เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีแห่งพระศิวะเทพผู้สวามี ด้วยการใช้ไฟเผาไหม้ร่างกายตนจนสิ้นชีพ

    ในการต่อมา พระศิวะเทพจึงได้เข้าสู่การบำเพ็ญสมาธิ โดยมิได้ติดต่อผู้ใดเป็นระยะเวลานาน จนบรรดาทวยเทพทั้งหลายพากันเป็นห่วงถึงจักรวาล จึงได้รวมกันไปเข้าเฝ้าพระวิษณุเทพเพื่อขอให้หาหนทางแก้ไขเรื่องดังกล่าว ชึ่งพระองค์ก็ได้กล่าวว่าคงต้องช่วยกันนั่งสมาธิส่งจิตถึงพระแม่ศักดิ-ศิวา ขอให้พระองค์ทรงอวตารแบ่งภาคมาเกิดบนโลกมนุษย์อีกครั้ง เพื่อให้พระศิวะทรงออกจากสมาธิกลับมาปกครองจักรวาลแห่งนี้

    พระอุมา จึงถือกำเนิดในคืนที่ 9 เดือนมธุ (มีนาคม-เมษายน) ตั้งแต่แรกเกิดพระอุมาทรงเป็นที่รักยิ่งของทุกๆ คน จึงได้นามว่าพระปารวตี... ต่อมาเมื่อเติบใหญ่ พระอุมามีความตั้งใจยิ่งที่จะออกบำเพ็ญพรต เมื่อได้ศึกษาวิชาจากพระอาจารย์ต่างๆ จนชำนาญเก่งกาจมีความสามารถระลึกชาติได้

    (เมื่อเยาว์วัย พระฤาษีนารทได้ทำนายชะตาไว้ว่า พระอุมานั้นทรงมีลักษณะมงคลยิ่งนักและจะนำความสุขมาสู่ครอบครัว คู่ครองของพระนางจะมีลักษณะเป็นโยคีนุ่งห่มหนังเสือหนังช้าง!!)

    ดังนี้แล้ว ท้าวหิมวัตและพระนางเมนกาตระหนักดีว่าการทำนายของพระฤาษีนารท (พระฤาษีนารอด) แม่นยำยิ่งนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีหนทางใดที่จะนำพระอุมา ธิดาแห่งตนให้พบกับพระศิวะเทพได้ ด้วยว่าพระศิวะเทพทรงอยู่ในระหว่างการบำเพ็ญตนเข้าสมาธิ

    แต่ก็ด้วยวาสนาของการเป็นคู่ครองกันในอดีตชาติ ในช่วงเวลาที่พระศิวะทรงเสด็จไปยังดินแดนอิษชิปรัสกะเพื่อทำสมาธิ

    ท้าวหิมวัตจึงทรงเสด็จเข้าเฝ้า กล่าวสรรเสริญขออุทิศตนเป็นทาสรับใช้ของพระศิวะเทพ จนพระองค์พอพระทัยยิ่งจึงลืมพระเนตรออกจากสมาธิ และกล่าวขอให้ท้าวหิมวัตช่วยจัดสถานที่นั่งสมาธิ ณ คงคาวัตวัณในแคว้นหิมาลัย และสั่งห้ามมิให้ใครเข้ามารบกวนในที่นั่นเป็นเด็ดขาด

    ท้าวหิมวัตจึงได้ทำตามพระประสงค์ จนรุ่งเช้าท้าวหิมวัตจึงพาพระอุมาให้นำผลไม้ถวายต่อพระศิวะ พร้อมทั้งกล่าวว่าขอให้พระองค์ทรงรับพระประวัติเป็นข้ารับใช้ด้วย เมื่อพระศิวะลืมพระเนตร เห็นความงดงามของพระอุมา จึงเกิดความรักและพอพระทัยยิ่งนัก แต่ก็ทรงหักพระทัยเข้าสู่สมาธิโดยทันที
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ท้าวมหิมวัตจึงสวดอ้อนวอน เพื่อให้พระศิวะลืมพระเนตรอีกครั้งและกล่าวว่าในทุกๆ วันตนและบิดาจะมาเป็นผู้เคารพบูชาพระองค์ พระศิวะจึงกล่าวตอบกับท้าวหิมวัตว่า เหตุที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการบำเพ็ญสมาธิคือสตรี ซึ่งผู้บำเพ็ญตนที่ดีอาจถูกทำลายสมาธิลงได้ สตรีคือฐานแห่งความรักใคร่ความสำราญ สตรีจะเป็นผู้ทำลายสิ้น

    พระอุมาจึงกล่าวแสดงความเคารพต่อองค์ศิวะ และทูลอย่างสุภาพว่า พระศิวะคือจ้าวแห่งสมาธิกรรมูฐานเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งจักรวาล ไม่มีการโอนเอนต่อพลังที่เหนือธรรมชาติ แล้วใยจึงเกรงกลัวต่อสตรีอย่างพระนางด้วย พระศิวะเมื่อได้ฟังจึงต้องยอมจำนนกับคำโต้ตอบ และได้อนุญาตให้พระอุมาและสหายของพระนางเข้าออกได้ เพื่อรับใช้ตามที่ต้องการ

    ส่วนพระอุมา ก็ได้เข้ารับใช้มหาเทพด้วยการล้างพระบาทและดื่มน้ำนั้นเป็นประจำ ถวายการรับใช้อย่างไม่ย่อท้อ พร้อมทั้งขับกล่อมบทเพลงแสดงความเคารพต่อพระศิวะเรื่อยมา

    พระศิวะเทพปฏิบัติสมาธิด้วยโดยปฏิญาณไว้ว่า ผู้ที่จะเป็นคู่ครองจะต้องเป็นโยคินีด้วย จึงจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ

    ฝ่ายฤาษีนารท จึงแนะนำให้พระอุมาบำเพ็ญตนที่คงคาวัตวัณเป็นเวลาสามพันปีเทพ โดยฤดูร้อนให้ก่อไฟรายล้อม และสวด "โอม นะมัส ศิวายะ" ส่วนในฤดูฝนให้นั่งบนผืนดินปล่อยให้กายชุ่มน้ำฝน และให้สำรวมจิตเป็นที่ตั้ง ในฤดูหนาวให้ประทับในน้ำเพื่อทำสมาธิต่อพระศิวะ ปีแรกให้ทานผลไม้ ปีต่อมาเป็นผักและใบไม้ ปีที่สามอดอาหารและทำสมาธิอย่างเดียว

    สิ่งที่พระอุมาปฏิบัตินี้ พระศิวะเทพผู้มองเห็นการกระทำจึงพอพระทัยนักในฐานะโยคินี

    แต่พระองค์ต้องพิสูจน์ในความมั่นคงของพระอุมาด้วย จึงให้ฤๅษีเข้าทำลายความตั้งมั่นของพระอุมา

    ฝ่ายพระอุมาก็ทรงยึดมั่นต่อพระศิวะมิอาจเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของตนลงได้ จนพระศิวะแปลงเป็นพราหมณ์เฒ่ามากล่าวด้วยวาจาต่างๆ เพื่อให้จิตใจสั่นคลอน แต่ก็มิเป็นผล สุดท้ายพราหมณ์เฒ่าจึงกลับกลายเป็นพระศิวะเทพต่อหน้าพระอุมา และกล่าวคำรับนางเป็นคู่ครอง และได้เข้าสู่พิธีอภิเษกสมรส พระศิวะและพระแม่อุมาจึงเป็นเทพคู่ครองกันแต่นั้นเป็นต้นมา...

    นิทานเรื่องนี้ ก็จบลงด้วยประการฉะนี้...เอวัง
     
  7. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229

    โมทนา สาธุ ค่ะ ได้ความรู้มากเลยค่ะ .
     
  8. {บางลีลา}

    {บางลีลา} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2012
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +326
    เฮ้อ..! นี่น่ะหรือชาวพุทธ ยังไม่เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย

    ยังแฝงไว้ด้วยเทพศาสนทางฮินดู ดีไม่ดีไปนับถือรักยม ลูกกรอก นับถือผี บูชาต้นไม้ ตีเลขเด็ด อะไรนั่น

    ยิ่งหนักกันเข้าไปใหญ่

    เย็นย่ำก็ฮำเพลง "ห่างไกลกันเหลือเกิน" ได้เลย

    เพราะกว่าจะสำลอกสิ่งเหล่านี้ได้ คงอีกยาวไกล

    ความยาก4 การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก และก็ยากขึ้นไปอีก คือการที่จะได้พบพุทธศาสนา
    ที่จะนับถือเพียงหนึ่งคือ พระรัตนตรัยแก้วสามประการ

    นี้แหละ "สัทธินทรีย์" ของความเป็นมนุษย์พุทธศาสนา
    สิ่งอื่นจะเอามาเป็นที่พึ่งที่ระลึก นอกเหนือกว่าย่อมไม่มี จึงจะเป็นหนทางสู่ความเป็น "อจลศรัทธา"

    หรือว่าถูกตีกรอบของกิเลส แฝงไว้ด้วยมายาคติ ว่านับถือในคุณงามความดี ไปซะอย่างนั้น
    ซึ่งในพุทธศาสนาก็ไม่มีสิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงความเชื่อที่ถูกแฝงไว้ด้วยความต่างของศาสนา

    เออ..หากเป็น "ท้าวจตุโลกบาล ท้าวสักกะเทวราช ท้าวสันดุสิต
    ท้าวฆฏิการพรหม ท้าวสหัมบดีพรหม ท้าวพกาพรหม เป็นต้น" จะไม่ตำหนิเลย
    ท่านเหล่านี้แหละ "เทวตานุสสติ" ที่เป็นบุคคลาธิษฐาน อันเป็น รูปธรรม นามธรรม คุณงามความดีในพุทธศาสนา

    หากเบี่ยงเบนไปด้วย "พหุเทวนิยม" เอาฮินดูมาผสานกับพุทธ

    แล้วจบลงที่ "อาตมัน" ล่ะจบกันเลย

    แทนที่จะชักจูงกัน ให้เข้าสู่เส้นทาง ช่วยกันสำรอก ให้เป็นหนึ่ง

    ก็จะโมทนากันไปอีก หรือนั่นเพราะเห็นเป็นพวกพ้อง จนถึงกับต้อง เฮ้อ! บรรจบครบรอบ

    ลองพิจารณา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2012
  9. {บางลีลา}

    {บางลีลา} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2012
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +326
    เฮ้อ..! นี่น่ะหรือชาวพุทธ ยังไม่เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย

    ยังแฝงไว้ด้วยเทพศาสนทางฮินดู ดีไม่ดีไปนับถือรักยม ลูกกรอก นับถือผี บูชาต้นไม้ ตีเลขเด็ด อะไรนั่น

    ยิ่งหนักกันเข้าไปใหญ่

    เย็นย่ำก็ฮำเพลง "ห่างไกลกันเหลือเกิน" ได้เลย

    เพราะกว่าจะสำลอกสิ่งเหล่านี้ได้ คงอีกยาวไกล

    ความยาก4 การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก และก็ยากขึ้นไปอีก คือการที่จะได้พบพุทธศาสนา
    ที่จะนับถือเพียงหนึ่งคือ พระรัตนตรัยแก้วสามประการ

    นี้แหละ "สัทธินทรีย์" ของความเป็นมนุษย์พุทธศาสนา
    สิ่งอื่นจะเอามาเป็นที่พึ่งที่ระลึก นอกเหนือกว่าย่อมไม่มี จึงจะเป็นหนทางสู่ความเป็น "อจลศรัทธา"

    หรือว่าถูกตีกรอบของกิเลส แฝงไว้ด้วยมายาคติ ว่านับถือในคุณงามความดี ไปซะอย่างนั้น
    ซึ่งในพุทธศาสนาก็ไม่มีสิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงความเชื่อที่ถูกแฝงไว้ด้วยความต่างของศาสนา

    เออ..หากเป็น "ท้าวจตุโลกบาล ท้าวสักกะเทวราช ท้าวสันดุสิต
    ท้าวฆฏิการพรหม ท้าวสหัมบดีพรหม ท้าวพกาพรหม เป็นต้น" จะไม่ตำหนิเลย
    ท่านเหล่านี้แหละ "เทวตานุสสติ" ที่เป็นบุคคลาธิษฐาน อันเป็น รูปธรรม นามธรรม คุณงามความดีในพุทธศาสนา

    หากเบี่ยงเบนไปด้วย "พหุเทวนิยม" เอาฮินดูมาผสานกับพุทธ

    แล้วจบลงที่ "อาตมัน" ล่ะจบกันเลย

    แทนที่จะชักจูงกัน ให้เข้าสู่เส้นทาง ช่วยกันสำรอก ให้เป็นหนึ่ง

    ก็จะโมทนากันไปอีก หรือนั่นเพราะเห็นเป็นพวกพ้อง จนถึงกับต้อง เฮ้อ! บรรจบครบรอบ

    ลองพิจารณา
     
  10. นํ้า้ทิพย์

    นํ้า้ทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +836
    :cool::cool:อากาศดีมากๆค่ะตอนนี้
     
  11. ผู้มีจักร

    ผู้มีจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +222
    สาธุท่านบางบางลีลาท่านช่างพูดถูกอรรถถูกธรรมแก่นแท้ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
    พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงถึงคุณสมบัติของพระโสดาบันอริยบุคคลไว้ดังนี้

    ตัสฺมาติหานันทะ ธัมมาทาสัง นามะ ธัมมะปริยายัง เทเสสสามิ เยนะ สมันนาคะโต อะริยะสาวะโก อากังขะมาโน อัตตะนาวะ อัตตานัง พฺยากะเรยยะ ขีณะนิระโยมฺหิ ขีณะติรัจฉานะโยนิ ขีณะเปตติวิสะโย ขีณาปายะทุคคะติวินิปาโต โสตาปันโนหะมัสฺมิ อะวินิปาตะธัมโม นิยะโต สัมโพธิปะรายะโนติ.
    อานนท์ ถ้าเช่นนั้น เราจักแสดงธรรมเทศนา อันมีชื่อว่า กระจกธรรม อนึ่ง พระอริยสาวกผู้เพียบพร้อมด้วยกระจกธรรมดังกล่าว ถ้ามีความประสงค์ที่จะพยากรณ์ (ให้ความมั่นใจ) ตนเองด้วยตนเอง ก็สามารถทำได้ทันทีว่า “ข้าพเจ้า พ้นจากนรกแล้ว พ้นจากภาวะความเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้ว พ้นจากภาวะความเป็นเปรตแล้ว พ้นจากอบาย ทุกคติ วินิบาต (พ้นจากสิ่งที่เป็นเป็นเหตุให้ตกอบาย ทุคติ) ข้าพเจ้าเป็นพระโสดาบัน ไม่มีอะไรที่จะทำให้ตกอบาย เป็นผู้มีคติแน่นอน เป็นผู้ที่จะต้องบรรลุอริยมรรคชั้นสูงต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน”

    กะตะโม จะ โส อานันทะ ธัมมาทาโส ธัมมะปะริยาโย, อิธานันทะ อะริยะสาวะโก พุทเธ อเวจจัปปะสาเทนะ สมันนาคะโต โหติ. อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง, สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณธสัมปันโน, สุคะโต, โลกะวิทู, อะนุตตะโร ปิรุสะทัมมะสาระถิ, สัตถา เทวะมะนุสสานัง, พุทโธ, ภะคะวาติ.
    อานนท์ ก็ธรรมบรรยายอันมีชื่อว่า กระจกธรรม นั้นเป็นเช่นไร? อานนท์ พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีความเพียบพร้อมด้วยศรัทธาอันตั้งมั่นในพระพุทธเจ้าว่า พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก ทรงเป็นสารถีฝึกบุคคลที่ความฝึกอย่างยอดเยี่ยมไม่มีใครยิ่งกว่า ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเป็นผู้รู้แจ้ง ทรงเป็นผู้อธิบายธรรม

    ธัมเม อะเวจจัปปะสาเทนะ สะมันนาคะโต โหติ. สฺวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม สันทิฏฐิโก, อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ.
    เป็นผู้มีความเพียบพร้อมด้วยศรัทธาอันตั้งมั่นในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่เห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ขึ้นกับกาล เป็นธรรมที่ควรมาดู ควรน้อมมาปฏิบัติ เป็นธรรมที่วิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน

    สังเฆ อะเวจจัปปะสาเทนะ สะมันนาคะโต โหติ. สุปปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ. อุชุปปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ. ญายัปปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ. สามีจิปปะฏิปันโน สาวะกะสังโฆ. ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเณยโย, ปาหุเณยโย, ทักขิเณยโย, อัญชะลิ กะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญังเขตตัง โลกัสสาติ.
    เป็นผู้มีความเพียบพร้อมด้วยศรัทธาอันตั้งมั่นในพระสงฆ์ว่า พระอริยสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดี พระอริยสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติตรง พระอริยสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน พระอริยสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติที่ควรนับถือ ท่านเหล่านั้น คือ บุรุษ ๔ คู่ กล่าวคือ พระอริยบุคคล ๘ จำพวก นี้แหละ พระอริยสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค ผู้ควรรับสักการะ ผู้ควรแก่ของต้อนรับ ผู้ควรรับทักษิณาทาน ผู้ควรอัญชลีกรรม เป็นนาบุญอันประเสริฐของโลก

    อริยะกันเตหิ สีเลหิ สมันนาคะโต โหติ. อะขัณเฑิหิ อัจฉิทเทหิ อะสะพะเลหิ ภุชิสเสหิ วิญญุปปะสัตเถหิ อะปะรามัฏเฐหิ สมาธิสังวัตตะนิเกหิ. (ที. มหา. ๑๐/๑๕๘-๙/๘๕-๖)
    เป็นผู้มีความเพียบพร้อมด้วยความมีศีลอันบริสุทธิ์ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย อันเป็นอิสระ (จากตัณหา) อันเป็นศีลที่บัณฑิตยกย่องสรรเสริญ ไม่ตกอยู่ในอิทธิพลของมิจฉาทิฏฐิ เป็นปัจจัยแก่สมาธิภาวนา (ตั้งแต่เบื้องต้นถึงมรรคผล)


    สรุปตามพระบาลีว่า พระโสดาบันจะต้องมีคุณสมบัติ คือ มีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยอย่างแน่วแน่ และมีศีลอันบริสุทธิ์
    ถ้าหากว่า ผู้ใดยังไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว ผู้นั้นก็ยังไม่เป็นพระโสดาบัน
     
  12. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    สวัสดียามเย็น..ชาวเมืองคุรุวาโร หายไปไหนกันหมด..หนอ ..ถ้าแอบอยู่มุมถ้ำ..ก็ส่งเสียงหน่อยนะจ๊ะ.แล้วจะเล่าเรื่องจากดวงดาว* ให้ฟัง ๑ เรื่อง.. ไปทางอินเดียเนี่ยะแหละ..ขอบอก....
     
  13. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ว่าจะ "ไม่" แล้วนะ...งุ้งงิ้ง...งุ้งงิ้ง...
    รีบเล่ามาซะดีๆ เดี่ยวมี "ฮอลลล"
     
  14. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ขอเข็มใหญ่ๆ หน่อยนะท่าน...ถึงจะเอาอยู่ อิอิ :cool:
     
  15. {บางลีลา}

    {บางลีลา} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2012
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +326
    ดีนักแล ท่านผู้มีจักร

    พิจารณาได้เลย ระยะแห่งอสงไขย จะสั้นจะยาว มันอยู่ท่ามกลางอกท่าน นั่นแหละ

    และหากยังมีความเชื่ออยู่ว่า เป็นเจ้าตำหรับเจ้าพิธี ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ผิดหรอก

    แต่ทว่า อสงไขยความตั้งปรารถนา ของท่าน จะยังคงอีกยาวไกล

    ชาตินี้แหละจะช่วยสำรอกทิฏฐิ ให้ถูกต้องตรงทางได้ และในปารมี
    ก็ชาตินี้ล่ะเป็นโอกาสอันสำคัญ พระศาสดาได้ชี้ทางบอกไว้
    และพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านก็ได้พิสูจน์เป็นประจักษ์พยาน ในพระธรรมคำสอนแล้ว

    พึงน้อมระลึกสูดเข้ามา ลงที่กลางหักอกไว้อย่างนี้

    ผู้มีจักร จะได้อีกหนึ่งเดียวที่แนบแน่น คือ ตรี
    นั่นแหละ ตรีตรัยสามประการ ยิ่งใน "สัทธินทรีย์"

    และหากตั้งความปรารถนาไว้ เพื่อความรู้ยิ่งหย่อนใน "อินทรียปโรปริยัตตญาณ"

    อยู่ที่ว่า ฉันทตา แรงกล้าเพียงใด ไม่ถดถอยเสียก่อน ก็คงเป็นเรือลำใหญ่ ที่มีทั้งใบ พร้อมหางเสือ

    สำคัญที่ว่า ความเชี่ยวชาญ ในการเดินเรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2012
  16. นํ้า้ทิพย์

    นํ้า้ทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +836
    สวัสดีค่ะยามเย็น
     
  17. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620

    ฮ่าฮ่าฮ่า..ขออนุญาตขำกลิ้งก่อนนะ..แถมด้วยตีลังกาอีก ๓ ตลบ..ชะอุ๋ย !!! ลีมตัวเราเป็นหญิงไทย.ใจงาม..นี่นา..ฮ่าฮ่า....
     
  18. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    หวัดดีจร้า...วันนี้ไม่มี "เรื่องเล่า" ที่น่าตื่นเต้นบ้างเหรอจ๊ะ ^_^
     
  19. นํ้า้ทิพย์

    นํ้า้ทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +836
    อนุโมทนา สาธุค่ะ
     
  20. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    อย่าเอาไม้แหย่รูนะ...เดี่ยวงูฉก...(อุตส่าห์ซุ่มตั้งนาน) อ่าอ่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...