อาการ 28 อย่างที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเลื่อนระดับขึ้น (Ascending) หรือวิวัฒน์ขึ้น สู่ปี 2012

โดยปราศจากการถูกครอบครอง
คำว่าสามีภรรยา ในทางโลกครอบครองกันด้วย นิตินัย และ พฤตินัย
หากจิตของผู้ใดปราศจากซึ่งความชอบใน สวิงกี้ง และตั้งอยู่ในศีลธรรม มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมว่า กามตัณหาชนิดนี้ มีแต่ทุกข์ โทษภัย... นิตินัย และ พฤตินัย ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้มัน...

แต่หากจิตใด มีแต่ความเร่าร้อนใน สวิงกิ้ง ...ต่อให้ครอบครองกันด้วย นิิตินัย และ พฤตินัย มันก็ดิ้นจะไปสวิ้งกิ้ิงอยู่ดี... ทำให้ต้องผิดศีลข้อกาเมซะงั้น (สังคมปัจจุบัน มีให้เห็นชัด ๆโดยไม่ต้องไปหาในกูเกิ้ลเลย)...

สรุปว่ามันขึ้นอยู่กับจิต...และหากอยู่กันอย่างเพื่อน ไม่ครอบครอง ไม่ยึดมั่นด้วยทั้งทาง พฤตินัย และนิตินัยว่าเขาเราเป็นสามี เป็นภรรยา ...เกิดฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง อยากสวิ้งกิ้งขึ้นมา ก็ยังดีที่ไม่ต้องไปผิดศีลข้อ กาเม...มิใช่หรือ...(ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ทุกข์แล้ว มองแต่ด้านดีของเขา และได้แต่สงสารเขาที่เขายังติดอยู่แต่เรื่องนี้เท่านั้น ก็ได้แต่แผ่เมตตา ไม่ไปทุกข์กับเขา...ก็สบายทั้งสองฝ่าย...ไม๊)

สวิงกิ้งได้โดยไม่มีปัญหาใดให้รู้สึกผิดเลย
วิวัฒน์ดีขึ้น หรือเสื่อมเลวทรามลง??
หากใครรู้สึกผิด กับการ ไปสวิงกิ้ง ได้ด้วยการผูกมัดของใครอีกคนหนึ่ง...คนนั้นเขาก็ต้องมีจิตสำนึกแต่ต้นแล้วว่า "สวิ้งกิ้งนี้ มันเป็นเรื่องดีหรือเลวทรามสำหรับตนและผู้อื่นแล้วล่ะ...

ทุกสิ่งเป็นธรรมะทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่อง ความยึดมั่นถือมั่น

ผู้ที่มีจิตละเอียดมากแล้ว จึงอ่านข้อความด้วยความตั้งใจ และสงสัยขึ้นได้ ...อนุโมทนา

 

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องดูมากมายถึง28ข้ออะไรนั้นหรอก
แค่ดูสังโยชน์ที่ละได้ว่า ละได้เท่าไรแล้วก็พอ
ไม่จำเป็นต้องแตกวิธีการดูความวิวัติออกเป็น28ข้อเลย

หรือว่าผมเข้าใจผิดตั้งแต่แรกว่าเกี่ยวกับธรรมะในพระพุทธศาสนา แต่ที่จริง ไม่ใช่พระพุทธศาสนา

 

อาการที่ 29

เมื่อดูปฏิทินแล้วพบว่า มันคือ 31 ธันวาคม 2011 แล้ว
และกาลเวลาก็ยังคงเดินต่อไปตามปกติ

นั่นคือคุณกำลังวิวัฒน์ไปสู่ปี 2012 แล้ว

ง่ายชิบเป๋งเลย

(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)

 

(||)(||)(||)(||)(||)(||(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||(||)(||)(||)(||)(||)(||(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||(||)(||)(||)(||)(||)(||(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)

 

พวกคุณกำลังวิวัฒน์ไปสู่ปี 2013, 2014, 2015, 2016, 2017, 2018, 2019, 2020 ..... 2030, ..... 2050, .......2100 .... ฯลฯ

อาการเดียวง่ายๆ ที่ต้องสังเกตคือ ยังไม่เท่งทึงไปแล้วนั่นเอง

ชาบู ชาบู ชาบู

(||)(||)(||)(||)(||)

 

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องดูมากมายถึง28ข้ออะไรนั้นหรอก แค่ดูสังโยชน์ที่ละได้ว่า ละได้เท่าไรแล้วก็พอ

ระดับจิตที่แตกต่างกันย่อมต้องการการขยายความในความรู้ที่แตกต่างกัน...คุณเคยได้ยินคำว่า "๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์" "อริยะมรรคมีองค์ ๘ " "อริยะสัจ ๔ " "โพชชงค์ ๗ "...บ้างแล้วใช่ไหม...แล้วถ้าจะบอกว่า ไม่ต้องไปดูให้มากมายถึง ๘๔๐๐๐ หรอก แค่ดูว่า "พุทธมนต์ คือ ๑" ก็พอละ...สำหรับใครบางคนเขาก็อาจจะ "พอ " จริงแหละ...แต่บางคนก็ยังไม่พอ เพราะเขายังเข้าไม่ถึง "๑ ที่เป็นพุทธมนต์" นั่น...

หรือว่าผมเข้าใจผิดตั้งแต่แรกว่าเกี่ยวกับธรรมะในพระพุทธศาสนา แต่ที่จริง ไม่ใช่พระพุทธศาสนา

ข้อนี้ หากคุณสนใจศึกษาในเรื่องของศาสนาต่อไป คุณนั่นแหละที่จะตอบตัวเองได้ว่า อะไร เป็น อะไร ...มันผู้ใดก็ตอบแทนตัวคุณไม่ได้เลยจ๊ะ...

ขอเป็นกำลังใจให้คุณมาศึกษาธรรมะร่วมกัน ด้วยความวิระยะต่อไปนะจ๊ะ...

 

น่าเวทนาคุณ HLC จริงๆเลยนะครับ
เพราะจนป่านนี้แล้ว
เขายังไม่มีวิวัฒนาการใดๆทางจิตขึ้นมาเลย
ผมเห็นเขาเข้ามาเวปพลังจิตนี้ก็นานแล้ว
แต่ทุกๆข้อความของเขา
ก็มีแต่แสดงออกมาในทางที่ตกต่ำอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีข้อความใดเลย
ที่แสดงออกถึงความมีจิตใจที่สูงส่งดีงามเลย

ใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ เที่ยวด่าคนโน้นคนนี้ไปวันๆ
ไม่คู่ควรที่จะอยู่ในเวปแห่งธรรมะแห่งนี้เลย

เฮ้อ..น่าสมเพทเวทนาซะเหลือเกิน HLC เอ๋ย..

...................................................

 

แต่ที่อ่าน แกเข้าไปเฉพาะกระทู้ นอกโลก นะ ไม่ไปมั่วกระทู้ดีดี หลอก จริงปะตามอ่านจริงก็น่าจะรู้นะว่ากระทู้ไหนบ้าง และกระทู้นี้ก็ คนที่คุยกับเจ้าแม่กวนอิม ไง คนใช้ภาษา จีนอะจ๊ะ
(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)

 

ขอถามความคิดเห็นส่วนตัวของคุณ Ms13 และท่านอื่นๆด้วยนะครับ
ใครอยากแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันก็ได้นะครับ

1). ผมอยากถามว่า คำว่า "กระทู้ดีๆ" นี่หมายความว่าอะไร
แบบไหนถึงเรียกว่า "ดี" แบบไหนถึงเรียกว่า "ไม่ดี"

2). และที่ว่าดีหรือไม่ดีนั้นหนะ ตาม "นิยามหรือกฎเกณฑ์ของใคร"
เป็นนิยาม/กฎเกณฑ์ของตัวเราเอง หรือว่าของสังคมที่เราอยู่
หรือว่าของศาสนาที่เรานับถือ หรือของครูบาอาจารย์ที่ท่านบอกมา

3). แล้วนิยาม/กฎเกณฑ์ที่ใช้วัดนั้นหนะ เราเอามาจากไหน
เรารู้ครอบคลุมหมดทุกอย่างหรือยัง ว่ามันไม่มีเกณฑ์อย่างอื่นอยู่อีก
เราถึงได้ "เลือก" เอาเกณฑ์อันนั้นไปวัด หรือไปชี้ถูกผิดให้คนอื่นเขา

4). แล้วทำไมเราถึงคิดว่า เจ้านิยามหรือเกณฑ์ที่เราใช้นั้นหนะ
มันถูกต้องมากที่สุด หรือเป็นความจริงมากที่สุดแล้ว

5). แล้วคำว่าถูกต้องมากที่สุด หรือดีที่สุดในข้อ 4 นั้นหนะ
มันดีระดับไหน ถูกต้องระดับไหน ระดับสังคม ระบบส่วนบุคคล
ระดับศาสนา หรือว่าระดับโลก หรือว่าระดับความจริงขั้นสูงสุดคือปรมัตถ์

6). แล้วอะไรคือข้อพิสูจน์ของคำตอบในข้อ 4 ข้างบนนั้น

7). และสุดท้าย..ถ้าสมมุติว่า..ผลสรุปทั้งหมดของทุกๆคำถามที่ถามมานี้
มันออกมาว่า..กระทู้นั้นไม่ดีจริงๆ หรือ คนนั้นพูดไม่ถูกจริงๆ
เราควรจะทำอย่างไรกับคนๆนั้น หรือกระทู้ๆนั้นดี
ในฐานะที่พวกเราเป็นสมาชิกของเวปพลังจิตแห่งนี้ ซึ่งเป็นเวปพระพุทธศาสนา
และในฐานะที่ อย่างน้อยพวกเราก็เป็นอีกคนหนึ่งหละ ที่สนใจด้านนี้อยู่
หรือเผลอๆก็เป็นผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่งด้วยซ้ำไป เราถึงเข้ามาในเวปนี้กัน

เราควรจะทำอย่างไรดีกับคนๆนั้น..เราควรจะออกมารุมด่าพวกเขาเช้า-สาย-บ่าย-เย็นอย่างนั้นใช่ไหม?
หรือว่าเราควรจะต้องรุมกระทำอะไรซักอย่างที่มันเลวร้ายสำหรับเขา
จนให้เขาหลุดออกไปจากเวปแห่งนี้ ไม่มาเหยียบอีกต่อไป หรือตายไปเลยยิ่งดี?

อันที่จริงแล้ว..ถ้าท่านอ่านมาถึงข้อ 7 นี้แล้ว..ผมคิดว่า
หลายท่านก็คงไม่อยากแสดงความคิดเห็น หรือ ตอบคำถามข้างบนนั้นแล้วหละ
เพราะว่าท่านคงรู้แล้ว ว่าท่านควรจะทำอย่างไร..

..อันนี้ผมหมายถึง..กรณีที่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรมตัวจริงหนะนะครับ
ที่พอจะได้รับผลการปฏิบัติธรรมมาบ้าง ซึ่งหมายถึงผลอันเป็นพื้นฐานที่สุด
คือ "ความรัก - ความเมตตากรุณา" ในใจของท่านหนะนะครับ..

ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว..ก็ได้แต่ไม่เข้าใจสิ่งที่หลายๆคนกำลังทำอยู่อย่างมาก
ว่าทำแบบนั้นไปทำไม? ทำไมถึงคิดว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่
ทำไมถึงคิดว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ดีที่สุดอยู่ ..หรือว่าไม่รู้ตัวก็ไม่รู้

ในทางกลับกัน ผมก็คาดเดาได้ว่า ก็คงมีหลายคน ที่กำลังสงสัยเป็นนักเป็นหนาเหมือนกัน
ว่าทำไมผมถึงคิดว่าผมกำลังทำในสิ่งที่ดีที่สุดอยู่ หรือว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่ ใช่ไหมหละครับ

นี่แหละคือสิ่งที่อยากจะชี้ให้เห็นหละ..ว่า..ปกติคนเราจะคิด จะเห็นอะไร
ก็อาศัยความรู้และสติปัญญาที่ตัวเราเองมีอยู่ในขณะนั้นๆเท่านั้นแหละ มาเป็นเครื่องตัดสิน..

และลองสังเกตดูตัวเองต่อไปอีกเถอะว่า..ถ้าเรารู้อะไรมากขึ้นกว่านี้แล้ว
เรายังจะคิดและเชื่อและทำอย่างนี้อีกต่อไปไหม..มันเป็นไปไม่ได้หรอก
ที่เราจะไม่มีความคิด-ความอ่านอะไร ที่แตกต่างไปจากเดิมเลย..เมื่อถึงเวลานั้น

แล้วใครบ้างหละ..ที่เกิดมาแล้วก็บรรลุพรวดถึงขั้นรู้แจ้งเห็นจริงไปซะหมดทุกอย่างเลย
โดยที่ไม่ต้องมีการลองผิดลองถูก หรือทำในสิ่งที่ผิดพลาด หรือเหลวไหลไร้สาระมาก่อน
แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็เถอะ..ท่านยังต้องใช้เวลาตั้งหลายปี กว่าจะบรรลุอรหันต์ได้

แล้วอย่างนี้..ทั้งเรา และ เขา ยังจะมีอะไรแตกต่างกันอยู่อีกหละ??
เพราะว่าต่างก็ล้มลุกคลุกคลาน และลองผิดลองถูกกันอยู่บนเส้นทางแห่งปัญญาด้วยกันทั้งนั้น
แล้วเวลาเราเห็นใครเดินไปได้ช้ากว่าเรา หรือล้าหลังกว่าเรา
(ในความเข้าใจของเราหนะนะครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำไป)

ในฐานะที่เราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม เราควรจะไปรุมด่าเขาอย่างนั้นหรือ?
หรือว่าต้องเอาเขาให้ตายไปข้างหนึ่งอย่างนั้นเหรอ?


เฮ้อ..เหนื่อยใจครับ..พอดีกว่า..

..............................................................

 

ที่ว่า ข้อ ๖,๙,๑๖,๒๐ เกิดการขัดแย้ง กับ ข้อ ๒๒ หรือไม่นั้น ก็ลองมาช่วยๆกันคิดนะ

ข้อ ๖,๙,๑๖,๒๐ นั้น บอกอาการว่า อยากปลีกวิเวก และ เริ่มต้องการความเป็นอยู่อย่างสงบแล้วหลังจาก หวือหวามาเป็นเวลาหนึ่ง มันเบื่อน่ะ ทำไปทำมาก็วนที่เดิม...(นี่เริ่มเห็นสัจจธรรม)

ส่วนข้อ ๒๒ นั้น บอกอาการว่า หลังจากทำความสงบได้แล้ว ความรู้สึกก็เกิดขึ้นว่า เราได้กลับมาอยู่บ้านเราจริง ๆ หลังจากได้ออกไปหัวฟัดหัวเหวี่ยงเวียนหัวมานาน ก็กลับมาสร้างสรรค์ปัดกวาดเช็ดถูบ้านตัวเองซะที...นี่คือการกลับมารวมเข้ากับ "จิตประภัสสร"ที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว...ซึ่งบ้านหลังนี้จะมีแต่ความเย็นกายสบายใจ... มีความรัก...ความอบอุ่นเท่านั้น...

ในความเห็นส่วนตัว ทุกข้อมันไปด้วยกัน เป็นลำดับขั้นนะ...

ธรรมะของศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุมีผล

 

ยาวขี้เกียจตอบ หนูตามอ่านข้อความพวกพี่ดีกว่า สะบายใจกว่าแยะ จริงป่าวปล่อยวาง ไม่ปวดตับดี

 

瑠璃王 ก็ตามอ่านของมันอยู่ละเพราะไม่รู้จะอ่านของใคร พอถามกลับไปก็ ร้องให้สติแตกทุกที วันก่อนคุยกับเจ้าแม่กวนอิม จะดูวันนี้อะไรของมันอีก ใครมีสาระน่ารู้ก้อ่านส่วนไหนที่คิดว่าไม่ใช่ก็ถามกลับไป จริงป่าว

 

นิทานเซน : ศิษย์ที่หลงทาง

ยังมีศิษย์เซนผู้หนึ่ง มีนิสัยเกียจคร้าน ก้าวร้าว ทั้งยังชอบลักขโมยของผู้อื่น พฤติกรรมของเขาเป็นที่เอือมระอาของศิษย์เซนคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก

จนกระทั่งเมื่อศิษย์เซนเจ้าปัญหาถูกจับได้ว่าลักขโมยอีกครั้ง บรรดาศิษย์คนอื่นๆ จึงได้รวมตัวกันมาฟ้องร้องต่ออาจารย์เซนผานกุย โดยยื่นคำขาดว่าหากอาจารย์เซนไม่กำจัดศิษย์ผู้นี้ให้พ้นไปจากอารามโดยทันที เหล่าศิษย์ที่เหลือจะเป็นฝ่ายออกไปจากอารามเซนแห่งนี้แทน

มิคาด เมื่อได้ทราบเรื่องราว อาจารย์เซนผานกุยกลับกล่าวกับทุกคนว่า "พวกท่านล้วนเป็นผู้มีสติปัญญาสามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดถูก-ผิด สิ่งใดดี-ชั่ว หากพวกท่านพาตัวพ้นจากอารามเซนแห่งนี้ไปล้วนไม่ก่อปัญหาภายนอก ทว่าศิษย์ผู้นี้ แม้แต่ถูก-ผิด เขายังมิอาจแยกแยะได้ หากเราไม่สอนเขาแล้วผู้ใดจะสอนเขา ดังนั้นเราจำเป็นต้องให้เขาอยู่ที่อารามแห่งนี้กับเรา ส่วนพวกท่านหากว่ามีผู้ใดไม่พอใจและตัดสินใจออกจากอารามนี้ไป ก็สุดแท้แต่เถิด"

เมื่อได้ยินดังนั้น ศิษย์เซนเจ้าปัญหาได้แต่คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความซาบซึ้งใจในจิตเมตตาของ อาจารย์เซน และพยายามกลับตัวเป็นคนดีในที่สุด

จากเวป manager

 

ถ้าคุณพยามจะโยงการวิวัติ28อาการอะไรนั้น เข้ากับพระพุทธศาสนาคุณก็ควรจะพูดแบบพระพุทธศาสนา ที่วัดการวิวัติกันที่ สังคโยชน์ทั้ง10 ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องดัดแปลงเป็นการวิวัติ28อาการ แล้วเ้อามาโยงว่านี้ละคือธรรมมะ

แล้วที่สำคัญ สาเหตุของการเกิดการวิวัติ28อาการอะไรนั้น ที่มาที่ไปของการเกิดอาการ28อาการนั้นละเกิดขึ้นเองแบบสัตว์ที่วิวัฒนาการ สู่ปี2012ไม่ใช่หรือ

ต่างกับลิบกับพระศาสนาที่การไม่ใช่เกิดขึ้นเอง คุณเจาะจงการวิวัติของคุณว่า คือการกำลังเลื่อนระดับขึ้น (Ascending) หรือวิวัฒน์ขึ้น สู่ปี 2012 แปลว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เอง คนละทางกับการวิวัติแบบพระศาสนาแน่นอน อย่ามั่วเอามาปนกันดีกว่าครับ

 

จงรู้ว่า แม้ว่ากระบวนการวิวัฒนาการของพวกเรา กำลังถูกเร่งให้เร็วขึ้น อย่างรวดเร็ว
พร้อมๆกับระดับการสั่นสะเทือนของพลังงานที่สูงขึ้นอยู่ก็ตาม

แต่พวกเราทุกคน ก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ในรูปแบบเฉพาะของเราเอง และในช่วงเวลาของตัวเอง
ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นใคร และรหัสและแผนการก่อนลงมาเกิดของเราคืออะไร

ถ้าจะกล่าวถึงโดยทั่วไปเพิ่มเติมแล้ว กระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของพวกเรา จะเชื่อมโยงอยู่กับว่า
พวกเราแต่ละคน ใช้พลังงานของตัวเราเองไปในทางไหน และพวกเรามีความเชื่อ และประสบการณ์อย่างไร

หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกเราถูกต่อสายไฟไว้อย่างไร และพวกเราสั่นสะเทือนไปอย่างไร

สิ่งเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยอัตโนมัติด้วย
หากว่าเราชำระตัวเราเอง และรับเอาแสงสว่างเข้ามาสู่ตัวเราให้มากขึ้น

สำหรับผู้ที่มีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่า หรือนักพลังจิต และผู้ที่เปิดใจให้สื่อได้กับมิติที่สูงกว่าได้จริงๆ
กระบวนการเลื่อนระดับขึ้นนี้ ก็อาจจะมีความท้าทายมากกว่าคนอื่นๆเล็กน้อย



อย่างที่เห็นคุณจั่วกระทู้แบบนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติเพื่อวิวัติแบบพระศาสนาเลย
แต่ชัดเจนว่าเป็นการวิวัติแบบเกิดขึ้นเองอย่างการวิวัฒนา ล้วนๆ

อยู่ๆจะวกกลับมาเกาะว่าเป็นธรรมะเพื่ออะไรกัน
จั่วหัวกระทู้อย่างหนึ่ง พอโดนทักก็วกกลับมาเกาะธรรมะ
ต่อไปถ้าไม่มีคนท้วงก็ลอยตัวถีบตัวเองแยกออกจากเีรื่องธรรมะ
เสนอคำสอนสำนวน วิธีการแปลกๆใหม่ๆอีกนั้นแหละ

 

อ่านหัวกระทู้แล้วลองบอกหน่อยซิ ตรงไหนหรือคือธรรมะที่คุณกำลังพยายามเอามาเป็นเกราะป้องกันอยู่ในตอนนี้หนะ ผมเห็นแต่การพยายามเสนอสิ่งใหม่ๆ ไม่เกี่ยวกับธรรมะ ที่คุณกำลังเอามาเป็นที่พึ่งอยู่เวลานี้เลยสักนิดเ้ดียว

 

ได้อ่านกระทู้ ของท่านหัวหน้าคณะผู้นำ การก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ

ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ก็ชัดเจนเห็นอยู่แล้วว่า คุณพยายามนำเสนออะไรอยู่ ไม่ใช่ธรรมมะ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน ประโยชน์อะไรที่จะกล้าๆกลัวๆวกกลับมาหาธรรมะของพระพุทธเจ้าเวลามีคนโต้แย้ง ประกาศออกมาเลยสิครับว่าธรรมะของใครก็อันเดียวกันนั้นละ และนี้ละคือ ธรรมะในแบบของคุณซึ่งก็คืออันเดียวกันกับพระพุทธเจ้า

ก็ขอให้เพื่อนๆคอยดูกันไว้ให้ดีแล้วจะเห็นเองว่าเจตนาคืออะไร ที่ไม่ใช่ธรรมะแบบพระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอนแน่นอน

 

"เฉียวฟง" อึดอัดมาจากไหนเนี่ย .....