เหตุที่ผมออกจากวัดพระธรรมกาย เพราะ...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย วงบุญพิเศษ, 30 ธันวาคม 2011.

  1. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510

    ผมยังไม่แก่เลยนะครับ55
    ได้เสมอกับ
    เออถามหน่อยครับ เคยอ่านบทความของคุณtelwadaหรือเปล่าครับ
    ผมเข้าไปอ่านคร่าวๆ เกิดความรู้สึกว่ามันทะแม่งๆยังไงไม่รู้
     
  2. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    ยังไม่เคยอ่านครับ ..ดูจากหัวข้อกระทู้ ดูเลอะเทอะยังไงไม่รู้เลยไม่อ่านครับ... มีเวลาว่างจะลองอ่านดูว่ามันทะแม่งๆยังไง.. อ้อ...ผมก้อยังไม่แก่ครับ หัวใจหล่อมากเสียด้วย ใจหนุ่มตลอดเวลา 555++
     
  3. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    เพิ่งว่างมาฟังครับ มันก็เป็นเรื่องในสมัยเริ่มสร้างวัด ในสมัยนั้นมีปัญหาหลายเรื่อง

    เรื่องนี้ก็เรื่องหนึ่งที่วัดได้งบสนับสนุนมาจากเจ้าภาพท่านนี้ เมื่อก่อนชื่อวัดจะมีชื่อท่านอยู่ด้วยซ้ำไป แต่ตอนหลังมาท่านเจ้าภาพมีความต้องการกำหนดกำเกณฑ์ ในหลายๆเรื่อง ตั้งแต่ผู้ปกครองวัด รูปแบบพระอุโบสถ เป็นต้น

    แต่ข้อเรียกร้องทั้งหมดนั้นมันกระทบกับปนิธานของหมู่คณะในการสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม จึงไม่ยอมรับ พอไม่ยอมรับท่านเจ้าภาพก็ไม่สนับสนุน ซึงหากเห็นแก่ลาภสักการะจริงอย่างที่หลวงพ่อฤษีว่ามาแล้วคงยอมหมดเพื่อให้ได้เงินมาครับ ทั้งหมดต้องเริ่มศูนย์ใหม่

    และการที่ใครจะเป็นเจ้าอาวาส นั้นมีความสำคัญมากในการกำหนดนโยบายของวัด คงตามใจเจ้าภาพไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องการลาภสักการะอย่างที่หลวงพ่อฤษีเข้าใจ

    สรุปเรื่องที่ท่านเล่ามานี้มันก็เป็นเรื่องของท่านที่ท่านเห็น แต่เรื่องราวจริงๆที่เกิดขึ้น ท่านไม่ได้ทราบด้วย ที่ท่านกล่าวก็จากสิ่งที่ท่านพบเห็นเฉพาะหน้าเท่านั้นเอง

    ที่ทราบเพราะเจ้าภาพที่ว่านี้เป็นเพื่อนกับอุบาสิกาท่านหนึ่งในวัดและอุบาสิกาท่านนี้ก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจที่มาที่ไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2012
  4. anuchakpy

    anuchakpy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +46
    - บอกผ่านถึงคนที่ฝึกสมาธิแล้วเห็นองค์พระ ผมอยากจะถามจริงๆเลยว่าเห็นจริงหรือเปล่า ถ้าเห็นจริงคุณวางใจไว้กลางท่านไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งคงจะได้ความรู้เพิ่มเติม เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการนั่งสมาธิไปเรื่อยๆและทุกวัน ผมเชื่อว่าประสบการณ์วันนี้คงไม่เหมือนในวันพรุ่งนี้แน่...
    - การนั่งสมาธิ ไม่ว่าใครก็ตาม ที่มีชีวิตอยู่หรือละโลกไปแล้ว สิ่งที่รู้ที่เห็น อาจจะเห็นจริงแต่ไม่จริง เห็นจริงแล้วสิ่งนั้นก็เป็นจริง ไม่มีอะไรแน่นอน เอาอะไรมาวัดค่าไม่ได้ ใครพิสูจน์ได้ในโลกวิทยาศาสตร์
    - อย่าอ้างว่าท่านนั้นได้พูด อย่าอ้างว่าคนนี้บอกมา แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านทั้งหลายกล่าวมาเป็นเรื่องจริงในเรื่องไม่จริง หรือเป็นเรื่องจริงในความเป็นจริง
    - ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ทุกคนเกิดมาเพื่ออะไร แล้วทำไมเราต้องเกิด ไม่เกิดไม่ได้หรือ ทุกคนมีจุดมุ่งหมายคือพระนิพพาน ทุกคนนะครับ เพราะฉะนั้นอย่าได้ว่าร้ายใคร เพราะในอนาคต คนๆนั้นก็อาจจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ในอนาคตกาลก็เป็นได้ คุณว่าจริงไหม.......?????????
     
  5. sassygile

    sassygile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +217
    การแสดงความคิดเห็นย่อมเป็นเรื่องดี แต่คุณธรรมเกิน ไม่สำรวมในวาจา คำพูดที่รุนแรงออกมาหลายคอมเม้น ดูไม่ใช่ผู้เจริญแล้ว

    ดิฉันไปวัดพระธรรมกาย ส่วนคุณพ่อ ไปที่ราชบุรี
    คุณพ่อก็มีตักเตือนบอกกล่าว แต่เรา 2 คนก็อยู่ด้วยกันได้ไม่เถียงกัน ด่าทอ พูดกันแบบผู้เจริญแล้ว แสดงทัศนะคติออกมา พร้อมเหตุผล


    การพูดถึงศาสนา ไม่ว่าจะในแง่มุมไหนๆ ขอให้ทำใจใสๆ เบิกบาน

    ^_____^
     
  6. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    พระพุทธเจ้าท่านได้ให้หลักการของพระพุทธศาสนาไว้แล้วข้อหนึงว่า

    "ไม่ให้ไปว่าร้ายกัน"

    ผมเข้าใจว่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำให้จิตใจเรามีความเจริญในธรรมต่อไปได้และไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆและจะทำให้ผู้กระทำตกต่ำในสายตาผู้อื่น
    ท่านจึงห้ามไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2012
  7. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    เป็นเรื่องปกติครับ ที่มนุษย์อย่างเรา เวลาลุ่มหลงไปกับสิ่งใด ย่อมคิดย่อมเห็นในสิ่งนั้นว่าถูกต้องเสมอ แม้ว่ามีคนตักเตือน หรือ พูดถึงในด้านของความเป็นจริงที่ใครๆสามารถมองเห็นถึงการกระทำของสิ่งนั้นๆ คนที่ตกอยู่ในภาวะลุ่มหลงในสิ่งนั้น ย่อมปิดใจ ไม่เปิดกว้างรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม ถึงแม้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้สอนไว้ไม่ให้ยึดติดกับสิ่งใด แต่หลายๆคนยังหลงเชื่อไปกับคำหลอกลวงของ " มนุษย์หัวโล้น ขี้เหม็น ที่ใช้ผ้าเหลืองห่มตัวอันแสนสกปรก " ใช้ความเชื่อในสวรรค์เป็นที่ตั้งในการหลอกลวง มนุษย์อย่างเราๆ ที่มุ่งหวังจะได้บุญบารมีได้ไปถึงสวรรค์ ถึงแม้ จอมหลอกลวง ยังไม่เคยที่จะได้ไปเสียที มีแค่ลมปากอันสกปรกที่อาจหลอกลวงว่าเคยได้ไปมาแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้ว่า ไปมาจริงๆ
    การที่คุณว่ากล่าวผมว่าไม่เป็นผู้ที่เจริญ เอาอะไรมาวัดได้ครับ ส่วนตัวผม ปัจจุบัน ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ไม่ยุ่งเกียวกับลูกเมียชาวบ้าน ไม่เบียดเบียน ไม่หลอกลวง ทำมาหากินโดยสุจริต ประพฤติตัวอยู่ในศีล 5 ใส่บาตรสัปดาห์ละ 1 - 2 วันเป็นประจำ เพียงแค่ผมแสดงความคิดเห็นส่วนตัวที่รับรู้ข่าวสารต่างๆ มาพูดคุยกันในบอร์ดนี้ กลับกลายเป็นว่าเป็นผู้ที่ไม่เจริญ คงต่างกับคุณมากเลยใช่ไหมครับ ที่นับถือวัดธรรมกายแบบขาดสติ จนเป็นผู้เจริญ อย่างนั้นหรือครับ... ปกติผมจะใช้คำพูดระหว่างเพื่อนสมาชิกดีมาตลอด แต่จะใช้บางคำพูดอีกแบบกับพวกที่ขาดสติ ไร้จิตสำนึกเท่านั้น เพราะหลายๆครั้ง ที่พวกขาดสติ ใช้วาจาชนิดที่เรียกว่า หยาบคาย มาต่อว่าอย่างรุนแรง ผมจึงต้องตอบโต้บ้าง.. เหมือนกับคุณที่กำลังต่อว่าผมโดยไม่พิจารณาความเป็นจริงที่เกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะ คุณไม่เปิดใจรับฟังความคิด ความอ่านของผู้อื่นๆ ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์หัวแข็งคนนึง ผมไม่รู้ว่าคุณอายุเท่าไร คุณอาจอายุน้อยจนไม่พิจารณาอะไร เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ฟังความข้างเดียวมาตลอด พอมีใครไปสะกิดนิดนึง คุณถึงคิดว่าคนอื่นผิด คุณถูกข้างเดียวเพราะคุณมีความเชื่ออย่างนั้น คุณอายุ 3 หรือ 4 ขวบครับ พิจารณาตัวเองก่อนนะครับ ที่จะคิดว่าความเชื่อตัวเองเป็นผู้ที่เจริญแล้ว คนอื่น ไม่เจริญ แต่ผมพอจะเข้าใจในการพิจารณาของคุณครับ มนุษย์เราเวลาหลงมัวเมาไปกับสิ่งใด ดวงตาย่อมมืดมิด
     
  8. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,057
    มีเงินสร้างพระ ก็สรรสเริญ ออกทีวี ไม่มีเงินสร้างพระ ก็ไปล้างห้องน้ำ ถ้าอยากสร้างองค์พระก็ผ่อนเอา เออ..........นี่มันอะไรกัน แล้วบนสวรรค์นี้ เหล่าเทวดาเขาเอาแต่ใส่แหวนแต่งตัวอวดกันหรือ.........ทำไมถึงสอนแต่ให้เราอยากจะไปแต่สวรรค์กันนัก สอนทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานไม่ได้หรือ

    น่าคิดนะแบบนี้ พระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้สอนในเรื่องแบบนี้ นี่คะ
    คำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านให้ละ โลภ โกรธหลง ชี้ให้เห็นเหตุแห่งทุกข์ และทางดับทุกข์ ตอนนี้เกิดพิธีกรรมแยกย่อย ลัทธิต่างๆมากมาย ก็ทำให้ชักจะงงแล้วค่ะ
    ว่าทางไหนที่ใช่ แล้วก็ยังเน้นไปทางให้คนสร้างวัตถุมากว่าการปฏิบัติ แต่จิตใจก็ยังโหดร้ายเห็นแก่ตัวอยุ่ ไม่มีจิตใจธรรมะ
     
  9. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    เขาเรียกการสอนตามอนุปุพพิกถา หนะอีหนูเอ้ย
    ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีตั้งแปดหมื่นสี่พันธรรมขันธ์

    แต่จะเริ่มที่ธรรมขันธ์ใหนก็มีปลายทางที่เดียวกันทั้งหมดนั่นแหละ
     
  10. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035

    ผมเองก็คิดว่าเป็นปรกติของคนที่มีอคติ เหมือนกันครับที่จะคิดแต่ในแง่ที่ไม่ดี
    คุณก็คงไม่ปฏิเสธเรื่องนี้นะครับเพราะหากย้อนไปอ่านข้อความของคุณคนทั้งหลายก็สามารถเห็นได้ไม่ยาก

    เรื่องนั้นผมเข้าใจคุณ แต่ที่ผมไม่เห็นดีด้วยก็ในเรื่องที่คุณ ชอบใช้มนุษย์หัวโล้น ขี้เหม็น ที่ใช้ผ้าเหลืองห่มตัว
    มนุษย์ขี้เหม็น หัวโล้น นุ่งผ้าเหลือง

    อะไรเหล่านี้คุณกำลังหมายถึงพระสงฆ์ที่บวชอย่างถูกต้องในพระพุทธศาสนาหรือเปล่า ถ้าใช่ อยากให้คุณลองมองไปในอดีต ในสมัยของพระพุทธเจ้า
    ที่สุดของการกระทำที่ไม่ดี เช่นพระเทวทัต พระศาสดาก็ยังไม่ได้ปลดออกจากความเป็นสงฆ์

    และพระพุทธองค์ยังเคยกล่าวถึงพระสงฆ์ในอนาคตไว้อีกด้วยว่าจะมีแต่จีวรพันคอไว้ แม้กระนั้นการถวายสังฆทานในสงฆ์เหล่านั้นก็มีผลมากกว่า
    ปาฏิบุคคลิกทานใดๆ

    ดังนั้นคุณควรจะยำเกรงในสงฆ์ไว้บ้าง สมมุติว่าพรุ่งนี้เช้ามีพระอรหันต์ึ7รูปบิณฑบาตถึงหน้าบ้านคุณ ผมว่าสิ่งแรกที่คุณทำคงไม่พ้นมโนกรรมในทางบาปอกุศลเป็นแน่ ลองตรองดูว่าจริงหรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2012
  11. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    ผมเองก็คิดว่าเป็นปรกติของคนที่มีอคติ เหมือนกันครับที่จะคิดแต่ในแง่ที่ไม่ดี
    คุณก็คงไม่ปฏิเสธเรื่องนี้นะครับเพราะหากย้อนไปอ่านข้อความของคุณคนทั้งหลายก็สามารถเห็นได้ไม่ยาก

    เรื่องนั้นผมเข้าใจคุณ แต่ที่ผมไม่เห็นดีด้วยก็ในเรื่องที่คุณ ชอบใช้มนุษย์หัวโล้น ขี้เหม็น ที่ใช้ผ้าเหลืองห่มตัว
    มนุษย์ขี้เหม็น หัวโล้น นุ่งผ้าเหลือง

    อะไรเหล่านี้คุณกำลังหมายถึงพระสงฆ์ที่บวชอย่างถูกต้องในพระพุทธศาสนาหรือเปล่า ถ้าใช่ อยากให้คุณลองมองไปในอดีต ในสมัยของพระพุทธเจ้า
    ที่สุดของการกระทำที่ไม่ดี เช่นพระเทวทัต พระศาสดาก็ยังไม่ได้ปลดออกจากความเป็นสงฆ์

    และพระพุทธองค์ยังเคยกล่าวถึงพระสงฆ์ในอนาคตไว้อีกด้วยว่าจะมีแต่จีวรพันคอไว้ แม้กระนั้นการถวายสังฆทานในสงฆ์เหล่านั้นก็มีผลมากกว่า
    ปาฏิบุคคลิกทานใดๆ

    ดังนั้นคุณควรจะยำเกรงในสงฆ์ไว้บ้าง สมมุติว่าพรุ่งนี้เช้ามีพระอรหันต์ึ7รูปบิณฑบาตถึงหน้าบ้านคุณ ผมว่าสิ่งแรกที่คุณทำคงไม่พ้นมโนกรรมในทางบาปอกุศลเป็นแน่ ลองตรองดูว่าจริงหรือไม่
    ตอบคุณ upanya
    ผมอาจมีอคติต่อวิธีการปฎิบัติของมนุษย์หัวโล้น ขี้เหม็น นุ่งผ้าเหลือง ที่กำลังบิดเบือนศาสนา หรือหลอกลวงมนุษย์ที่โง่เขลา เบาปัญญา ให้ลุ่มหลงในสิ่งมองไม่เห็น...
    ส่วนความหมายในคำว่า มนุษย์หัวโล้น ขี้เหม็น นุ่งผ้าเหลือง ผมว่าถ้าใช้ปัญญาสักนิด ผมว่าไม่น่าจะเข้าใจยากเลย เพราะผมกำลังหมายถึง มนุษย์ที่พยายามใช้ผ้าเหลืองมาทำมาหากิน เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ดังเช่นตัวอย่างหลายๆตัวที่ผ่านมา จะมีทั้งที่ทางเหนือ หรือ แถวนครปฐม คงไม่ต้องเอ่ยนาม เพราะมันเสนียดปากที่พวกเราจะเรียกว่าพระได้ เพียงแต่บางตัว เราอาจยังไม่สามารถกระชากหน้ากากได้เท่านั้น ส่วนที่ว่าจะเป็นพระที่เข้ามาบวชอย่างถูกต้องหรือไม่นั้น ผมถามคุณกลับสักนิดว่า ถ้าการที่เข้ามาบวชแล้ว ประพฤติ มิชอบ ไม่ว่าจะเสพเมถุน หรือทำเรื่องอื่นๆที่คุณไม่รู้หรือมองไม่เห็น คุณอาจจะยังกราบนับถืออยู่ แต่ถ้าคุณรู้ล่ะ คุณจะยังมีจิตที่จะนับถือหรือกราบกรานอยู่อีกหรือเปล่า
    ผมไม่ได้นอกลู่นอกทางจากพระศาสนา เพียงแค่รู้สึกนึกคิดในความถูกผิด ที่เราสมควรแล้วหรือ ที่จะมัวกราบกรานกับมนุษย์ขี้เหม็น หัวโล้น นุ่งผ้าเหลือง ทีไม่สำรวมในการปฎิบัติ ทำให้ศาสนามัวหมอง ส่วนใครยังจะกราบไหว้ต่อ ก้อเชิญนะครับ เพราะคุณย่อมมีความคิดของคุณ และส่วนใครจะมองใครเป็นผู้เจริญหรือเปล่า ก้อเชิญคิดไปคนเดียวเถิดครับ แนวทางทางความคิดที่ต่างกัน ก้อคิดกัน ต่างฝ่ายต่างหาเหตุผลของตัวเองมาหักล้างความคิดของอีกบุคคลนึง เป็นเรื่องธรรมดาครับ เหมือนกับการที่บุคคลใดต้องการบางอย่างจากใคร ย่อมต้องชักแม่น้ำทั้งห้า พูดจาอ่อนหวานเพื่อต้องการอะไรบางอย่างในอีกบุคคลนึง
    ส่วนเรื่องยำเกรงสงฆ์ สำหรับผมแล้ว ผมเลือกครับ.... เลือกที่จะยำเกรงสงฆ์ที่เป็นสงฆ์ครับ แต่ถ้าทราบว่ารูปไหนที่ประพฤติมิชอบแล้ว ต่อให้มายืนหน้าบ้านผมคงไม่สนใจหรอกครับ ส่วนใครจะทำแบบอื่น แบบไหน ก้อเชิญครับ ท่านผู้เจริญทั้งหลาย
    ถามอีกข้อนะครับ ที่บอกให้ผมยำเกรงในสงฆ์ แล้วตัวคุณยำเกรงต่อคำสอนของพระพุทธองค์บ้างหรือเปล่าครับ ที่คุณออกมาปกป้องต่อการปฎิบัติที่ไม่ถูกต้องของคนบางกลุ่ม เพราะคุณหลงไปกับคำสอนของพวกเขาเหล่านั้น
    "ละกิเลส ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในทางที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือนคำสอน" นี่ต่างหาก ที่ทุกคนควรปฎิบัติ จริงไหมครับ
     
  12. kamoochi

    kamoochi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +326
    วนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ T^T
     
  13. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    ผมเองไม่ได้อยาก วนเรื่องเดิมๆครับ แค่ตอบปัญหาของคนที่ตอบกระทู้แบบไม่เข้าใจเท่านั้น และผมคงต้องวนบ้างเป็นบางครั้งสำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้ามาอ่าน อยากให้เข้ามาช่วยกันแสดงความคิดเห็นในการจรรโลงศาสนาเท่านั้นครับ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง โดยเฉพาะเรื่องชักจูง โน้มน้าวอะไร ให้ผู้อ่านพิจารณาเองครับ..
     
  14. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,057
    คุณ ธรรมเกินคะ อยากทราบว่า พระสงฆ์หรือความเป็นสงฆ์ ต้องปฏิบัติตนอย่างไร
    ใช่แบบแนวทางหลวงตามหาบัวหรือเปล่าคะ เพราะว่าเท่าที่รู้มา แนวทางของท่านคือไม่ยึดติดกับทางโลก แม้แต่กุฏิท่านก็เรียบง่ายด้วย
     
  15. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    การที่จะขาดจากความเป็นสงฆ์นั้นพระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้ครับ
    หากไม่ล่วงไปแล้ว ก็ยังเป็นสงฆ์อยู่ดี หากพบเห้นว่าท่านล่วงไปแล้วมีหลักฐานก็แจ้งผู้ที่เขาดูแลอยู่ไปเลย แต่มติของสงฆ์ตัดสินว่าอย่างไรก้อีกเรื่องหนึ่ง

    จึงยกตัวอย่างที่ท่านกล่าวถึงสงฆ์ในอนาคตที่มีเพียงจีวรพันคอ ขึ้นมาประกอบการพิจารณาไงครับ
     
  16. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ส่วนในเรื่องคำสอน ผมก้กล้าบอกครับว่า ผมตรวจสอบคำสอนกับในพระไตรปิฎกแล้ว

    คำสอนของวัดพระธรรมกาย ไม่มีสิ่งใดผิดในปรมัติ และผมก้ชื่นชมว่าในปัจจุบันคงจะมีน้อยคนที่กล้าสอน โดยใช้หลักการในศาสนาเป้นสำคัญ

    ส่วนใหญ่ก้สอนโดยตามกิเลสของคนฟัง กลัวเขาจะขัดใจซะเป็นส่วนใหญ่
     
  17. rravikran

    rravikran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2011
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +151
    ธัมมชโย ปาราชิกไปแล้ว พระสังฆราชท่านก็มีพระวินัยออกมาชัดเจนแล้วตั้งแต่ช่วงปี 42 ดังนั้นท่านไชยบูลย์ตอนนี้ก็ไม่ใช่พระ แต่เป็นฆราวาสที่สวมเครื่องหมายของพระสงฆ์ที่หิวเงินอยากให้คนนำปัจจับมาบริจาคอยู่ก็เท่านั้น

    จากอดีตคนเคยศรัทธาจนหมดหัวใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2012
  18. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510

    ผมตอบแทนให้ก็ได้
    จะแนวแบบหลวงตาก็ได้ครับดีเสียอีก. ถ้าคุณมั่นใจและตั้งใจจริง คำว่าสมถะเราได้ยินได้เห็นได้ฟังมากันทั้งชีวิต เราส่วนมากแล้ว รู้และเข้าใจ แต่ส่วนมากแล้วไม่เคยได้ลิ้มรสของสมถะจริงๆกันเลย ถ้าคุณตั้งใจมั่นที่จะทำผมขออนุโมทนาจิตให้ล่วงหน้าครับ
    ส่วนคำว่าความเป็นสงฆ์หมายถึง ความเป็นหมู่คณะ จำนวน4รูปขึ้นไป
    รูปเดียวเรียกพระภิกษุ

    อธิบายในความหมายง่ายๆ ไม่ต้องอธิบายแบบบาลีหวังว่าเพื่อนๆคงไม่แซวกันนะ
     
  19. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,057
    ขอบคุณทุกคำตอบนะคะ ที่จริงอยากจะถามเรื่องวินัยสงฆ์ค่ะ แต่นึกไม่ออก
    วันนี้เลยเข้าอากู๋ หาอ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ
    อันนี้ความคิดของตัวเองค่ะ ว่าพระพุทธเจ้าท่าน คงเห็นความทุกข์ของมนุษย์ทั้งหลาย ว่ายังไงๆมนุษย์ก็ไม่เท่าเทียมกัน มีรวยมีจน บางคนก็พิการ แต่ทุกคนก็มีความสุขได้ ถ้าใจเป็นสุข อยู่ที่ใจ รู้สึกว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านเป็นปรัชญามากๆเลยค่ะ แล้วก็มนุษย์อีกแหล่ะจิตใจต่างกัน การจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบก็มีหลักคำสอนให้อีกเช่นกัน ศีล ธรรม ความละอายต่อบาป เมตตา กรุณา ฯลฯ ข้อสรุปทั้งหมดเนี่ย เพิ่งคิดออกมาได้ไม่นานนี่เองค่ะ
    ใช่อย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ เพราะอันนี้คิดเองค่ะ
     
  20. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    ครับขอสาธุกับสิ่งที่คุณตั้งใจใฝ่รู้และแสวงหาความจริงได้ด้วยการลงมือทำ สิ่งนี้แหละครับที่คนพุทธอย่างเราๆต้องมีไว้ให้มาก
    ความทุกข์ต่างๆของมนุษย์นั้นพระบรมศาสดาทรงเห็นเมื่อก่อนเสด็จออกบรรพชาแล้วครับ ทรงค้นหาความจริงเหล่านั้นถึง5-6ปีเต็มๆ ทรงลองผิดลองถูก และทรงได้รับความทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส ยากที่จะมีมนุษย์คนใหนทำได้เสมอพระองค์
    พระพุทธศาสนาเป็นทั้งศาสตย์และปรัชญา ที่สามารถจับต้องได้ และมีอยู่จริงในสากลโลก ทนต่อการพิสูจน์ ไม่อิงพระเจ้า รู้เห็นความเป็นจริง ได้ด้วยตัวเอง โดยการปฏิบัติตามที่พระบรมศาสดาทรงชี้ทางไว้ให้แล้ว

    การจะอยู่รวมกันได้อย่างมีความสงบร่มเย็นได้ ก็ต้องปฏิบัติตามศีลของแต่ละสถานะของคนเราเอง เพราะศีลเปรียบได้คือ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่ใช้ประดับ ตกแต่งตัวเราเอง ให้มีความสะอาดสดใสน่าดูน่าชม
    ศีลเป็นสิ่งพื้นฐานที่สำคัญมากในทางพระพุทธศาสนา เพราะฐานที่ตั้ง ที่จะนำพาเราเข้าไปถึงสมาธิได้โดยไม่ผิดทาง หรือไม่ทำให้เราแวะพักข้างทางชมทิวทัศน์เหล่านั้นที่มีความสวยสดงดงามได้

    ที่คุณกล่าวมาก็ถูกทั้งหมดครับ เพียงแต่มันดูกว้างขวางใหญ่โตมาก เอาไว้ลองค่อยๆศึกษา ซอยออกเป็นเรื่องๆไป โดยเริ่มจากศีลก่อนครับ เพียงแค่ศีลตัวเดียว คุณก็จะเห็นความมหัษจรรย์ได้ จนไม่น่าเชื่อเลยละครับ
    สาธุครับ
    ยาวไปนิดนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...